สงครามสยาม-กัมพูชา พ.ศ. 2134
บทความนี้อาจต้องการตรวจสอบต้นฉบับ ในด้านไวยากรณ์ รูปแบบการเขียน การเรียบเรียง คุณภาพ หรือการสะกด คุณสามารถช่วยพัฒนาบทความได้ |
สงครามสยาม-กัมพูชา (2134–2137) | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
แผนที่อินโดจีน | |||||||
| |||||||
คู่สงคราม | |||||||
อาณาจักรอยุธยา | ราชอาณาจักรกัมพูชา | ||||||
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ | |||||||
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เจ้าพระยาอัครมหาเสนาธิบดี (พระราชมนู) |
สมเด็จพระบรมราชาที่ 4 (นักพระสัตถา) พระไชยเชษฐาที่ 1 พระบรมราชาที่ 7 (เชลย) | ||||||
หน่วยที่เกี่ยวข้อง | |||||||
สเปน ทหารรับจ้าง โปรตุเกส ทหารรับจ้าง | กองทัพกัมพูชา | ||||||
กำลัง | |||||||
~100,000 คน[1] |
75,000 150 เรือสำเภา | ||||||
ความสูญเสีย | |||||||
ไม่ทราบจำนวน | 90,000 คน [2] |
สงครามสยาม-กัมพูชา (2134–2137) เป็นความขัดแย้งทางทหารระหว่าง อาณาจักรอยุธยา และ ราชอาณาจักรกัมพูชา สงครามเริ่มต้นเมื่อปี พ.ศ. 2134 เมื่อสยามบุกกัมพูชาเพื่อตอบโต้การบุกเข้ามาที่ชายแดนอย่างต่อเนื่องของกัมพูชา ราชอาณาจักรกัมพูชายังเผชิญความขัดแย้งทางศาสนาภายในประเทศ นี่ทำให้สยามมีโอกาสที่ดีที่จะบุก การบุกครั้งแรกถูกขัดจังหวะก่อนที่จะบรรลุเป้าหมาย สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เสด็จกลับมาในอีกสองปีต่อมา ในที่สุดก็พิชิตได้และเข้าปล้นเมือง ละแวก เมื่อวันที่ 3 มกราคม ปี พ.ศ. 2137
ภูมิหลัง
[แก้]สมเด็จพระนเรศ บางทีรู้จักในพระนาม "พระองค์ดำ" ประสูติที่เมือง พิษณุโลก เมื่อวันที่ 25 เมษายน ปี พ.ศ. 2098 พระองค์เป็นพระราชโอรสของ สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช และ พระวิสุทธิกษัตรีย์ พระราชมารดาของพระองค์เป็นพระราชธิดาของ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ และ สมเด็จพระสุริโยทัย พระราชบิดาของพระองค์โค่นล้ม ขุนวรวงศาธิราช ในปี พ.ศ. 2091 และยกสมเด็จพระมหาจักรพรรดิขึ้นประทับบนราชบัลลังก์ จึงได้รับพระราชทานเมืองพิษณุโลก [3]
ระหว่าง สงครามช้างเผือก กษัตริย์พม่า พระเจ้าบุเรงนอง ยึดพิษณุโลกและตั้งให้เป็น ประเทศราช ของพม่า พระนเรศจึงถูกส่งไปยังเมือง หงสาวดี ประเทศพม่า เพื่อเป็น องค์ประกัน รับรองความจงรักภักดีของสมเด็จพระมหาธรรมราชา ตามมาด้วย การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 1 พม่ายึดกรุงศรีอยุธยาอย่างสมบูรณ์ แต่งตั้ง สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช เป็นเจ้าประเทศราชและไม่นานก็ปล่อยพระนเรศเพื่อแลกกับพระเชษฐภคินีของพระองค์ ในปี พ.ศ. 2114 สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชสถาปนาพระนเรศเป็น อุปราช แห่งพิษณุโลกพร้อมกับเปลี่ยนพระนามของพระองค์เป็นพระนเรศวร[3][4][4][5]
ในปี พ.ศ. 2124 พระเจ้านันทบุเรง สืบราชสันตติวงศ์ต่อจากพระราชบิดา พระเจ้าบุเรงนอง บนราชบัลลังก์พม่า พระเจ้านันทบุเรงกลายเป็นเกิดความระแวงสงสัยสมเด็จพระนเรศวรภายหลังจากฝ่ายหลังล้มเหลวในการมาถึงทันเวลาระหว่างการปราบปรามกบฏอังวะ พระเจ้านันทบุเรงมีพระบัญชาให้แม่ทัพ มอญ 2 คนสังหารสมเด็จพระนเรศวรระหว่างการรบที่กำลังจะมาถึง อย่างไรก็ตาม พระยาเกียรติ และ พระยาราม กราบทูลสมเด็จพระนเรศวรทันทีเกี่ยวกับภารกิจของพวกเขา เพราะพวกเขาถือว่าการปกครองของพม่าเป็นการกดขี่ สมเด็จพระนเรศวรสละคำปฏิญาณที่จะจงรักภักดีต่อพม่าและสถาปนาอยุธยาขึ้นใหม่เป็นอาณาจักรอิสระ หลังนำคนไทย 10,000 คนกลับมาจาก หงสาวดี และได้รับการสนับสนุนจากผู้อพยพ ชาวฉาน จำนวนมาก และสมเด็จพระนเรศวรสามารถป้องกันการรุกรานจากพม่าได้ถึง 4 ครั้งระหว่างปี พ.ศ. 2127 ถึงปี พ.ศ. 2133[6][7][8][9]
พระองค์สามารถยึดอำนาจควบคุมชายแดนตะวันตก สมเด็จพระนเรศวรหันความสนพระทัยไปที่กัมพูชา อยุธยาและกัมพูชาได้ต่อสู้กันหลายครั้งอย่างน้อยตั้งแต่ปี พ.ศ. 1893 อย่างไรก็ตามได้เข้าสู่สภาวะเสื่อมโทรมตั้งแต่การล่มสลายของ จักรวรรดิเขมร[10][11]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Kohn, George Childs (31 October 2013). Dictionary of Wars (ภาษาอังกฤษ). Routledge. ISBN 9781135954949.
- ↑ Jumsai 1976, pp. 227–231.
- ↑ 3.0 3.1 Rajanubhab 2001, p. 67.
- ↑ 4.0 4.1 Rajanubhab 2001, p. 36.
- ↑ Rajanubhab 2001, p. 75.
- ↑ Jumsai 1976, pp. 173–175.
- ↑ Jumsai 1976, p. 179.
- ↑ Jumsai 1976, p. 182.
- ↑ Jumsai 1976, p. 189.
- ↑ David Wyatt (1971). "THE ABRIDGED ROYAL CHRONICLE OF AYUDHYA" (PDF). The Siam Society. สืบค้นเมื่อ 12 June 2015.
- ↑ Jumsai 1976, p. 213.