ปยู
นครรัฐปยู ပျူ မြို့ပြ နိုင်ငံများ | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ป. ศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสตกาล–ป. คริสต์ศตวรรษที่ 1050 | |||||||||
นครรัฐปยูในโซนสีแดง | |||||||||
สถานะ | นคร | ||||||||
เมืองหลวง | ศรีเกษตร, ฮะลี่น, เบะตะโน่, ปีนแล, พินนาคา | ||||||||
ภาษาทั่วไป | ปยู | ||||||||
ศาสนา | พุทธนิกายเถรวาท, มหายาน, วัชรยาน | ||||||||
การปกครอง | ราชาธิปไตย | ||||||||
ยุคประวัติศาสตร์ | สมัยโบราณ | ||||||||
• เริ่มต้นการมีอยู่ของชาวปยูในพม่าตอนบน | ป. ศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสตกาล | ||||||||
• การก่อตั้งนครเบะตะโน่ | ป. 180 ปีก่อนคริสต์ศักราช | ||||||||
• ปยูเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธ | คริสต์ศตวรรษที่ 4 | ||||||||
• เริ่มต้นปฏิทินพม่า | 22 มีนาคม ค.ศ. 638[1] | ||||||||
• ก่อตั้งราชวงศ์ศรีเกษตรครั้งที่ 2 | 25 มีนาคม ค.ศ. 739 | ||||||||
• การก่อตั้งจักรวรรดิพุกาม | ป. คริสต์ศตวรรษที่ 1050 | ||||||||
|
กลุ่มเมืองโบราณอาณาจักรปยู * | |
---|---|
แหล่งมรดกโลกโดยยูเนสโก | |
เจดีย์บอบอจี้ | |
พิกัด | 22°28′12″N 95°49′7″E / 22.47000°N 95.81861°E |
ประเทศ | พม่า |
ภูมิภาค ** | เอเชียและแปซิฟิก |
ประเภท | มรดกทางวัฒนธรรม |
เกณฑ์พิจารณา | (ii), (iii), (iv) |
อ้างอิง | 1444 |
ประวัติการขึ้นทะเบียน | |
ขึ้นทะเบียน | 2557 (คณะกรรมการสมัยที่ 38) |
พื้นที่ | 5,809 ha (14,350 เอเคอร์) |
พื้นที่กันชน | 6,790 ha (16,800 เอเคอร์) |
* ชื่อตามที่ได้ขึ้นทะเบียนในบัญชีแหล่งมรดกโลก ** ภูมิภาคที่จัดแบ่งโดยยูเนสโก |
นครรัฐปยู (พม่า: ပျူ မြို့ပြ နိုင်ငံများ) เป็นกลุ่มนครรัฐที่มีอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสตกาลถึงช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 11 ปัจจุบันอยู่ในเขตประเทศพม่าตอนบน นครรัฐถูกก่อตั้งขึ้นจากการอพยพย้ายถิ่นลงใต้ของชาวปยู ผู้พูดภาษาตระกูลทิเบต-พม่า ซึ่งเป็นผู้อาศัยอยู่ในเขตประเทศพม่าเป็นพวกแรก ๆ[2] ระยะเวลากว่าหนึ่งพันปีนี้มักเรียกกันว่า สหัสวรรษของปยู ซึ่งเชื่อมโยงกับยุคสัมฤทธิ์ และคาบเกี่ยวกับต้นยุคโบราณของอาณาจักรพุกาม ที่เกิดขึ้นในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 9
นครรัฐปยูที่สำคัญทั้งหมดตั้งอยู่ในพื้นที่ชลประทานหลักสามแห่งของพม่าตอนบน ได้แก่หุบเขาแม่น้ำมู่ ที่ราบเจาะแซ และภูมิภาคมี่นบู้ ซึ่งอยู่บริเวณจุดบรรจบกันของแม่น้ำอิรวดีและแม่น้ำชี่น-ดวี่น เมืองใหญ่ที่มีกำแพงล้อมรอบ 5 เมือง ได้แก่ เบะตะโน่ มองกะโม้ พินนาคา ฮะลี่น ศรีเกษตร และเมืองเล็ก ๆ อีกหลายแห่งที่ถูกขุดขึ้นทั่วลุ่มแม่น้ำอิรวดี ฮะลี่นก่อตั้งขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 1 เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดจนกระทั่งราวคริสต์ศตวรรษที่ 7 หรือ 8 เมื่อถูกแทนที่โดยศรีเกษตร (ใกล้กับเมืองแปรในปัจจุบัน) ที่ชายขอบด้านใต้ของอาณาจักรปยู ศรีเกษตรมีขนาดใหญ่กว่าฮะลี่นถึงสองเท่า และกลายเป็นศูนย์กลางปยูที่ใหญ่และมีอิทธิพลมากที่สุด[2] เฉพาะนครรัฐฮะลี่น เบะตะโน่ และศรีเกษตร เท่านั้นที่ได้ถูกเสนอให้เป็นแหล่งมรดกโลกจากยูเนสโก ซึ่งสถานที่อื่น ๆ อาจเสนอชื่อเพิ่มในอนาคต[3]
นครรัฐปยูเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางการค้าทางบกระหว่างจีนและอินเดีย วัฒนธรรมปยูได้รับอิทธิพลอย่างมากจากการค้าขายกับอินเดีย การนำเข้าศาสนาพุทธตลอดจนแนวคิดทางวัฒนธรรม สถาปัตยกรรม และการเมืองอื่น ๆ ซึ่งมีอิทธิพลสืบเนื่องต่อการเมืองและวัฒนธรรมของพม่า[4] ปฏิทินปยูซึ่งยึดตามพุทธศักราชต่อมาได้กลายมาเป็นปฏิทินพม่า อักษรปยูซึ่งมีพื้นฐานมาจากอักษรพราหมีอาจเป็นหนึ่งที่มาของอักษรพม่าที่ใช้เขียนภาษาพม่า[5][6]
อารยธรรมอายุนับพันปีล่มสลายลงในคริสต์ศตวรรษที่ 9 เมื่อนครรัฐถูกทำลายโดยการรุกรานซ้ำหลายครั้งจากอาณาจักรน่านเจ้า ชาวพม่าได้ตั้งเมืองรักษาการณ์ขึ้นที่พุกาม บริเวณจุดบรรจบของแม่น้ำอิรวดีและแม่น้ำชี่น-ดวี่น การตั้งถิ่นฐานของชาวปยูยังคงอยู่ในพม่าตอนบนต่อไปอีกสามศตวรรษ แต่ชาวปยูค่อย ๆ ถูกกลืนเข้าสู่อาณาจักรพุกามที่กำลังขยายตัว ภาษาปยูยังคงมีอยู่จนถึงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 12 เมื่อถึงคริสต์ศตวรรษที่ 13 ชาวปยูได้ถูกกลืนเข้ากับกลุ่มชนพม่า ประวัติศาสตร์และตำนานของปยูก็รวมเข้ากับประวัติศาสตร์และตำนานของพม่าด้วยเช่นกัน[4]
มรดกโลก
[แก้]นครรัฐปยู กำแพงและคูน้ำรอบเมืองที่ฮะลี่น, มองกะโม้ และศรีเกษตร ตั้งอยู่ในบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำอิรวดี เมืองเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงนครรัฐปยูที่เคยรุ่งเรืองนานกว่า 1,000 ปีระหว่างยุค 200 ปีก่อนคริสตกาลจนถึง ค.ศ. 900 เมืองทั้งสามเป็นส่วนหนึ่งของสถานที่ขุดค้นทางโบราณคดี โดยมีการค้นพบส่วนของป้อมปราการราชวัง, ลานที่ถูกฝัง รวมถึงสถูปอิฐของพุทธศาสนา, กำแพงอิฐและระบบจัดการน้ำ ซึ่งบางส่วนยังใช้งานอยู่
กลุ่มเมืองโบราณได้รับลงทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 37เมื่อปี 2557 ที่กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ ด้วยข้อกำหนดและหลักเกณฑ์ในการพิจารณา ดังต่อไปนี้
- (ii) - เป็นสิ่งที่มีอิทธิพลยิ่ง ผลักดันให้เกิดการพัฒนาสืบต่อมาในด้านการออกแบบทางสถาปัตยกรรม อนุสรณ์สถาน ประติมากรรม สวน และภูมิทัศน์ ตลอดจนการพัฒนาศิลปกรรมที่เกี่ยวข้อง หรือการพัฒนาการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ ซึ่งได้เกิดขึ้นในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง หรือบนพื้นที่ใด ๆ ของโลกซึ่งทรงไว้ซึ่งวัฒนธรรม
- (iii) - เป็นสิ่งที่ยืนยันถึงหลักฐานของวัฒนธรรมหรืออารยธรรมที่ปรากฏให้เห็นอยู่ในปัจจุบันหรือว่าที่สาบสูญไปแล้ว
- (iv) - เป็นตัวอย่างอันโดดเด่นของประเภทของสิ่งก่อสร้างอันเป็นตัวแทนของการพัฒนา ทางด้านวัฒนธรรม สังคม ศิลปกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี อุตสาหกรรม ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ
อ้างอิง
[แก้]- เชิงอรรถ
- ↑ Aung-Thwin (2005), p. 24
- ↑ 2.0 2.1 Hall 1960: 8–10
- ↑ "Pyu Ancient Cities". Ahc.unesco.org. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 July 2018. สืบค้นเมื่อ 16 January 2018.
- ↑ 4.0 4.1 Myint-U 2006: 51–52
- ↑ Jenny, Mathias (2015). "Foreign Influence in the Burmese Language" (PDF). p. 2. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 20 March 2023. สืบค้นเมื่อ 20 March 2023.
- ↑ Aung-Thwin 2005, p. 167–178, 197–200.
- บรรณานุกรม
- Aung-Thwin, Michael (1996). "Kingdom of Bagan". ใน Gillian Cribbs (บ.ก.). Myanmar Land of the Spirits. Guernsey: Co & Bear Productions. ISBN 978-0-9527665-0-6.
- Aung-Thwin, Michael (2005). The mists of Rāmañña: The Legend that was Lower Burma (illustrated ed.). Honolulu: University of Hawai'i Press. ISBN 9780824828868.
- Charney, Michael W. (2006). Powerful Learning: Buddhist Literati and the Throne in Burma's Last Dynasty, 1752–1885. Ann Arbor: University of Michigan.
- Cooler, Richard M. (2002). "The Art and Culture of Burma". Northern Illinois University. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-12-26. สืบค้นเมื่อ 2020-03-05.
- Hall, D.G.E. (1960). Burma (3rd ed.). Hutchinson University Library. ISBN 978-1-4067-3503-1.
- Harvey, G. E. (1925). History of Burma: From the Earliest Times to 10 March 1824. London: Frank Cass & Co. Ltd.
- Htin Aung, Maung (1967). A History of Burma. New York and London: Cambridge University Press.
- Hudson, Bob (มีนาคม 2005), "A Pyu Homeland in the Samon Valley: a new theory of the origins of Myanmar's early urban system" (PDF), Myanmar Historical Commission Golden Jubilee International Conference, คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 26 พฤศจิกายน 2013
- Lieberman, Victor B. (2003). Strange Parallels: Southeast Asia in Global Context, c. 800–1830, volume 1, Integration on the Mainland. Cambridge University Press. ISBN 978-0-521-80496-7.
- Moore, Elizabeth H. (2007). Early Landscapes of Myanmar. Bangkok: River Books. ISBN 978-974-9863-31-2.
- Myint-U, Thant (2006). The River of Lost Footsteps--Histories of Burma. Farrar, Straus and Giroux. ISBN 978-0-374-16342-6.
- Stargardt, Janice (1990). The Ancient Pyu of Burma: Early Pyu cities in a man-made landscape (illustrated ed.). PACSEA. ISBN 9781873178003.
- Thein, Cherry (14 พฤศจิกายน 2011). "Pyu burial site discovered at Sri Ksetra". The Myanmar Times. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ 2012.