มนูญกฤต รูปขจร
พลตรี มนูญกฤต รูปขจร ม.ป.ช., ม.ว.ม. | |
---|---|
ประธานวุฒิสภา | |
ดำรงตำแหน่ง 30 มีนาคม 2544 – 5 มีนาคม 2547 (2 ปี 340 วัน) | |
ก่อนหน้า | นายสนิท วรปัญญา |
ถัดไป | นายสุชน ชาลีเครือ |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 15 ธันวาคม พ.ศ. 2478 อำเภอหนองโดน จังหวัดสระบุรี ประเทศสยาม |
พรรค | พรรคประชาธิปัตย์ |
คู่สมรส | ฤทัย รูปขจร |
ศาสนา | พุทธ |
พลตรี มนูญกฤต รูปขจร อดีตประธานวุฒิสภาและอดีต ส.ส.ระบบสัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ เดิมมีชื่อว่า "มนูญ" เกิดเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2478 เป็นบุตรของนายวิทย์ กับนางจรรยา รูปขจร จบการศึกษาวิทยาศาสตรบัณฑิตจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 7 (จปร.7) จากนั้นได้ไปเรียนหลักสูตรผบ.กองร้อย ที่จังหวัดสระบุรี มีผลการเรียนดีด้วยการสอบได้ที่ 1 และได้ทุนไปเรียนต่อที่ค่ายนอกซ์ สหรัฐอเมริกา จึงได้รู้จักกับ พล.ต. สนั่น ขจรประศาสน์
จากนั้นจึงกลับมารับราชการครั้งแรกในตำแหน่งผู้บังคับหมวดอาวุโสที่กรมทหารม้าที่ 1 รักษาพระองค์ (ม.1 รอ.) ในปี พ.ศ. 2509 พล.ต.มนูญกฤต เริ่มเข้ามามีส่วนร่วมในการเมืองด้วยการเป็นคนสนิทของ พล.อ. ฉลาด หิรัญศิริ รองผู้บัญชาการทหารบก และ พล.อ. กฤษณ์ สีวะรา อดีตผู้บัญชาการทหารบกและรัฐมนตรีว่าการและช่วยว่าการหลายกระทรวง
หลังการรัฐประหาร 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 พล.ต.มนูญกฤตได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาปฏิรูปแผ่นดิน และเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ. 2520 แต่ในเหตุการณ์กบฏ 26 มีนาคม พ.ศ. 2520 ที่นำโดย พล.อ. ฉลาด หิรัญสิริ พล.ต. มนูญ ซึ่งในขณะนั้นเป็นผู้บังคับบัญชาการกองพันทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์ (ม.พัน 4 รอ.) ได้นำรถถังออกมาต่อต้านการรัฐประหาร ปรากฏว่าฝ่าย พล.อ. ฉลาด เป็นฝ่ายพ่ายแพ้และกลายเป็นกบฏ
ต่อมาในรัฐบาล พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ พล.ต.มนูญกฤตเป็นผู้มีส่วนสำคัญในการกระทำรัฐประหารถึง 2 ครั้ง แต่ไม่สำเร็จ คือ กบฏเมษาฮาวาย ระหว่างวันที่ 1-3 เมษายน พ.ศ. 2524 ทำให้ต้องหลบหนีออกนอกประเทศ และถูกถอดยศทางทหาร[1] ซึ่งในขณะนั้นมียศ พันเอก (พ.อ.) และอีกครั้งเมื่อวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2528 หรือ กบฏ 9 กันยา ได้ร่วมมือกับ พล.อ.อ. มนัส รูปขจร น้องชายของตนซึ่งขณะนั้นมียศ นาวาอากาศโท (น.ท.) และดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการอากาศโยธิน (อย.) นำกองกำลังและรถถังออกปฏิบัติการ แต่ไม่สำเร็จ ทำให้ต้องหลบหนีอีกครั้ง
ก่อนจะกลับมาสู้คดีในปี พ.ศ. 2531 ซึ่งรวมถึงคดีวันลอบสังหารด้วย พร้อมกับได้เปลี่ยนชิ่อมาเป็น มนูญกฤต เช่นในปัจจุบัน ต่อมาได้รับพระราชทานอภัยโทษ จึงได้คืนยศทางทหาร และคดีวันลอบสังหารศาลได้สั่งยกฟ้อง ด้วยความช่วยเหลือของ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ซึ่งหันมาเล่นการเมืองแล้วในขณะนั้น
จนกระทั่งในวันที่ 4 มีนาคม ปี พ.ศ. 2543 ได้ลงเลือกตั้งเป็นวุฒิสมาชิกจังหวัดสระบุรี ได้รับเลือกตั้ง และได้รับเลือกให้เป็นประธานวุฒิสภา[2]
ในการขับไล่ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ให้ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของทางกลุ่มคนเสื้อเหลือง ในต้นปี พ.ศ. 2549 พล.ต. มนูญกฤต ในฐานะอดีตประธานวุฒิสภาได้ขึ้นเวทีในรายการ "รู้ทันประเทศไทย" ของ ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง แฉถึงพฤติกรรมของ พ.ต.ท. ทักษิณ ที่มีต่อสมาชิกวุฒิสภาในระหว่างดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีด้วย ก่อนที่จะลงสมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรระบบสัดส่วนเขตที่ 7 ของพรรคประชาธิปัตย์ ในการเลือกตั้ง 23 ธันวาคม พ.ศ. 2550 ได้รับเลือกตั้งเข้ามา แต่ได้ลาออกในวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 ซึ่งตรงกับวันที่กลุ่มคนเสื้อเหลือง ได้บุกยึดสนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิ ในการชุมนุมยืดเยื้อ 193 วัน ซึ่ง พล.ต. มนูญกฤต ได้ให้เหตุผลในการลาออกครั้งนั้นว่าเพราะสุขภาพไม่ดี
ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2552 ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ซึ่งทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ได้ออกมาเปิดเผยว่า พล.ต. มนูญกฤต เป็นผู้ให้ข้อมูลตนเกี่ยวกับประเด็นเงินบริจาค 258 ล้านบาท ที่บริษัททีพีไอ บริจาคให้แก่พรรคประชาธิปัตย์ด้วยวิธีการที่มิชอบ ซึ่งอาจนำไปสู่การยุบพรรคและทางฝ่ายค้านก็ได้นำข้อมูลนี้เป็นหัวข้อในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลด้วย
ปัจจุบัน พล.ต. มนูญกฤต ยังจบการศึกษาในระดับปริญญาโทสาขาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
เครื่องราชอิสริยาภรณ์[แก้]
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย[แก้]
- พ.ศ. 2545 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นสูงสุด มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)[3]
- พ.ศ. 2544 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)[4]
- พ.ศ. 2516 –
เหรียญชัยสมรภูมิ การรบ ณ สาธารณรัฐเวียดนาม (ช.ส.) (ประดับเปลวระเบิด)[5]
- พ.ศ. 2517 –
เหรียญพิทักษ์เสรีชน ชั้นที่ 2 ประเภทที่ 2 (ส.ช.)[6]
- พ.ศ. 2518 –
เหรียญราชการชายแดน (ช.ด.)[7]
- พ.ศ. 2517 –
เหรียญจักรมาลา (ร.จ.ม.)[8]
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ[แก้]
อ้างอิง[แก้]
- ↑ พระบรมราชโองการ ประกาศ ถูกถอดยศทางทหาร (พลตรี มนูญกฤต รูปขจร)
- ↑ พระบรมราชโองการ ประกาศ แต่งตั้งประธานวุฒิสภา (พลตรี มนูญกฤต รูปขจร)
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย, เล่ม ๑๑๙ ตอนที่ ๒๑ ข หน้า ๑, ๔ ธันวาคม ๒๕๔๕
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย, เล่ม ๑๑๘ ตอนที่ ๒๒ หน้า ๖, ๔ ธันวาคม ๒๕๔๔
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องหมายเปลวระเบิดสำหรับประดับแพรแถบเหรียญชัยสมรภูมิ, เล่ม ๙๐ ตอนที่ ๑๘๑ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๑๓๐, ๓๑ ธันวาคม ๒๕๑๖
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญพิทักษ์เสรีชน, เล่ม ๙๑ ตอนที่ ๑๘๘ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๕, ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๗
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญราชการชายแดน, เล่ม ๙๒ ตอนที่ ๑๒๒ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๒, ๒๘ มิถุนายน ๒๕๑๘
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญจักรมาลาและเหรียญจักรพรรดิมาลา, เล่ม ๙๑ ตอนที่ ๑๔๑ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๑๐๕๔, ๑๗ สิงหาคม ๒๕๑๗
ดูเพิ่ม[แก้]
แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]
- บุคคลที่เกิดในปี พ.ศ. 2478
- บุคคลที่ยังมีชีวิตอยู่
- บุคคลจากจังหวัดสระบุรี
- ทหารบกชาวไทย
- นักการเมืองไทย
- ประธานวุฒิสภาไทย
- สมาชิกวุฒิสภาจังหวัดสระบุรี
- สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยแบบสัดส่วน
- บุคคลจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า
- บุคคลจากคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
- พรรคประชาธิปัตย์
- ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ม.ป.ช.
- ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ม.ว.ม.
- ผู้ได้รับเหรียญจักรมาลา
- ทหารบกชาวไทยที่เคยโดนถอดยศ