ผลต่างระหว่างรุ่นของ "อำเภอขุขันธ์"
บรรทัด 800: | บรรทัด 800: | ||
===== วัดลำภูอัมพนิวาส ===== |
===== วัดลำภูอัมพนิวาส ===== |
||
เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นiประมาณปี พ.ศ.2134 (ก่อนตั้งเมืองขุขันธ์) ปัจจุบันอายุราว 425 ปี กล่าวคือตั้งขึ้นในสมัยอยุธยาตอนกลางในรัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช |
|||
{{โครงส่วน}} |
|||
โดยมีพระภิกษุประทาเป็นเจ้าอาวาสองค์แรก ปัจจุบันยังพอมีหลักฐานที่ปรากฎหลงเหลืออยู่ให้เห็นถึงความเก่าแก่ของวัดนี้ว่ามีอายุนับเป็นร้อยๆปีมีอยู่หลายอย่าง |
|||
ประกอบด้วยพระธาตุเจดีย์ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า ปราสาท 2 หลัง เป็นพระธาตุเจดีย์ศิลปล้านช้างตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของโบสถ์ในปัจจุบัน |
|||
ซึ่งองค์พระธาตุเจดีย์ทั้ง 2 องค์นี้มีอายุราว 444 ปี คือสร้างขึ้นราวปี พ.ศ. 2102 โดยทางการได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแห่งชาติไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว |
|||
===== ศาลหลักเมืองขุขันธ์ ===== |
===== ศาลหลักเมืองขุขันธ์ ===== |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 12:30, 27 ธันวาคม 2558
อำเภอขุขันธ์ | |
---|---|
การถอดเสียงอักษรโรมัน | |
• อักษรโรมัน | Amphoe Khukhan |
คำขวัญ: ขุขันธ์เมืองเก่า ชนทุกเผ่าสามัคคี บารมีพระแก้วเนรมิตวัดลำภูคู่หลวงพ่อโตวัดเขียน กะอูบ เกวียน ครุน้อย เครื่องจักสาน ปราสาทโบราณเป็นศรี ประเพณีแซนโฎนตา | |
พิกัด: 14°42′48″N 104°11′54″E / 14.71333°N 104.19833°E | |
ประเทศ | ไทย |
จังหวัด | ศรีสะเกษ |
พื้นที่ | |
• ทั้งหมด | 914.309 ตร.กม. (353.017 ตร.ไมล์) |
ประชากร (2557) | |
• ทั้งหมด | 150,184 คน |
• ความหนาแน่น | 164.25 คน/ตร.กม. (425.4 คน/ตร.ไมล์) |
รหัสไปรษณีย์ | 33140 |
รหัสภูมิศาสตร์ | 3305 |
ที่ตั้งที่ว่าการ | ที่ว่าการอำเภอขุขันธ์ ถนนไกรภักดี ตำบลห้วยเหนือ อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ 33140 |
ส่วนหนึ่งของสารานุกรมประเทศไทย |
อำเภอขุขันธ์ เป็นอำเภอหนึ่งที่ขึ้นกับจังหวัดศรีสะเกษ เป็นอำเภอเก่าแก่ที่มีประวัติความเป็นมาอันยาวนานควบคู่มากับการตั้ง “เมืองขุขันธ์” ในอดีตมีอาณาเขตกว้างขวางครอบคลุมพื้นที่ที่เป็นอำเภอต่างๆ หลายอำเภอของจังหวัดศรีสะเกษในปัจจุบัน โดยก่อนปี พ.ศ 2481 ใช้นามว่า “อำเภอห้วยเหนือ” ขึ้นต่อการปกครองของเมืองขุขันธ์ ประชาชนส่วนมากนับถือศาสนาพุทธและมีอาชีพทำนากันเป็นส่วนมาก
ประวัติเมืองขุขันธ์
ในสมัยกรุงศรีอยุธยา บริเวณที่เป็นเขตจังหวัดศรีสะเกษและสุรินทร์ ในปัจจุบันนี้ เดิมเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของกลุ่มชนชาติพันธุ์เขมรและชนชาติพันธ์กวย ซึ่งเรียกโดยรวมว่า เขมรป่าดง มีชุมชนที่สำคัญ คือ บ้านปราสาทสี่เหลี่ยมโคกลำดวน ซึ่งต่อมาเป็นเมืองขุขันธ์ ปีพุทธศักราช ๒๓๐๒ รัชสมัยสมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ แห่งกรุงศรีอยุธยา พญาช้างเผือกได้แตกโรงไปอยู่รวมกับโขลงช้างป่าในเขตภูเขาพนมดงรัก(ភ្នុំដងរែក) จึงโปรดเกล้าฯให้ทหารคู่พระทัย (ทองด้วงและบุญมา) นำไพร่พลออกติดตาม โดยได้รับการช่วยเหลือจาก ตากะจะ หัวหน้ากลุ่มชนบ้านปราสาทสี่เหลี่ยมโคกลำดวน และเชียงขัน ร่วมกับหัวหน้ากลุ่มชาวเขมรป่าดงที่ชำนาญการจับช้างคือ เชียงปุ่มแห่งบ้านเมืองที เชียงสีแห่งบ้านกุดหวาย เชียงฆะแห่งบ้านอัจจะปะนึง และเชียงไชยแห่งบ้านจาระพัด ออกติดตามจนพบและสามารถจับพญาช้างเผือกได้ และตามคณะนำส่งถึงกรุงศรีอยุธยา พระเจ้าอยู่หัวจึงโปรดเล้าฯ พระราชทานบรรดาศักดิ์ให้ ตากะจะ เป็นหลวงแก้วสุวรรณ ตำแหน่งนายกองหัวหน้าหมู่บ้าน และเชียงขัน เป็นหลวงปราบ ผู้ช่วยนายกองหัวหน้าหมู่บ้าน
- ปี พุทธศักราช ๒๓๐๒-๒๔๔๐ ผู้ดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองขุขันธ์ รวม ๙ ท่าน
- ปี พุทธศักราช ๒๓๐๖ โปรดเกล้าฯ ให้ยกฐานะบ้านปราสาทสี่เหลี่ยมโคกลำดวน ขึ้นเป็นเมืองขุขันธ์ หลวงแก้วสุวรรณ ได้เลื่อนเป็น พระไกรภักดีศรีนครลำดวน เจ้าเมืองขุขันธ์คนแรก
- ปี พุทธศักราช ๒๔๔๐ โปรดเกล้าฯเปลี่ยนแปลงตำแหน่ง เจ้าเมืองขุขันธ์ เป็นผู้ว่าราชการเมืองขุขันธ์
- ปี พุทธศักราช ๒๔๔๙ ย้ายศาลากลางเมืองขุขันธ์ไปตั้งบริเวณศาลากลางจังหกวัดศรีสะเกษ แต่ยังคงใช่ชื่อ ศาลากลางเมืองขุขันธ์ เปลี่ยนชื่ออำเภอขุขันธ์ เป็นอำเภอห้วยเหนือ
- ปี พุทธศักราช ๒๔๕๐ ยุบเมืองศรีสะเกษและเมืองเดชอุดมโดยให้อำเภอที่ขึ้นกับเมืองทั้งสองไปขึ้นกับเมืองขุขันธ์
- ปี พุทธศักราช ๒๔๕๙ โปรดเกล้าฯเปลี่ยนชื่อเมืองขุขันธ์ เป็นจังหวัดขุขันธ์
- ปี พุทธศักราช ๒๔๘๑ เปลี่ยนชื่อจังหวัดขุขันธ์ เป็นชื่อจังหวัดศรีสะเกษ เปลี่ยนชื่ออำเภอห้วยเหนือ เป็นชื่ออำเภอขุขันธ์ ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
ประวัติพระยาไกรภักดีศรีนครลำดวน ผู้สร้างเมืองขุขันธ์ พระยาไกรภักดีศรีนครลำดวน ทีชื่อเดิมว่า ตากะจะ เป็นหัวหน้าชาวเขมรป่าดงบ้านปราสาทสี่เหลี่ยมโคกลำดวน เมือปี พุทธศักราช ๒๓๐๒ ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์แห่งกรุงศรีอยุธยา พญาช้างเผือกแตกโรงหนีเข้าป่า ไปอยู่รวมกับโขลงช้างป่าในเทือกเขาพนมดงเร็ก ตากะจะและเชียงขันธ์ พร้อมหัวหน้าชาวเขมรป่าดง รับอาสาตามจับพญาช้างเผือกได้และตามคณะนำส่งถึงกรุงศรีอยุธยา ด้วยความชอบในครั้งนี้จึงโปรดเกล้าฯ พระราชทานบรรดาศักดิ์ให้ ตากะจะ เป็นหลวงแก้วสุวรรณ ตำแหน่งกัวหน้านายกองปกครองหมู่บ้าน
- ปี พุทธศักราช ๒๓๐๖ หลวงแก้วสุวรรณ นำเครื่องบรรณาการถวายพระเจ้าอยู่หัว ณ กรุงศรีอยุธยา ความชอบครั้งนี้ ได้โปรดเกล้าฯ ให้ยกฐานะบ้านปราสาทสี่เหลี่ยมดคกลำดวน ขึ้นเป็น เมืองขุขันธ์ โปรดเกล้าฯ เลื่อนบรรดาศักดิ์ ให้หลวงแก้วสุววรณ เป็น พระไกรภักดีศรีนครลำดวน เจ้าเมืองขุขันธ์
- ปี พุทธศักราช ๒๓๑๙-๒๓๒๑ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบรี โปรดเกล้าฯ ให้พระยาจักรี (ทองด้วง) ไปทำศึกสงครามกับเวียงจันทร์หลายครั้ง พระไกรภักดีศรีนครลำดวน (ตากะจะ) ได้เกณฑ์กำลังไปช่วยรบอย่างเข้มแข็ง จนได้รับชัยชนะทุกครั้ง จึงโปรดเกล้าฯ เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็นพระยาไกรภักดีศรีนครลำดวน นับได้ว่าเป็นบรรพบุรุษผู้สร้างเมืองขุขันธ์ เป็นต้นตระกูลของเมืองขุขันธ์และได้ถึงแก่อนิจกรรมในปี พุทธศักราช ๒๓๒๑
ทำเนียบเจ้าเมือง ผู้ปกครองเมืองขุขันธ์
ลำดับ | นาม - บรรดาศักดิ์ - ตำแหน่งเจ้าเมืองขุขันธ์ | พุทธศักราช | หมายเหตุ |
---|---|---|---|
๑ | พระยาไกรภักดีศรีนครลำดวน (ตากะจะหรือ หลวงแก้วสุวรรณ) | ๒๓๐๒-๒๓๒๑ | - ปฐมตระกูลวงศ์เจ้าเมืองขุขันธ์ ผู้ก่อตั้งเมืองขุขันธ์ คนแรก |
๒ | พระยาขุขันธ์ภักดีศรีนครลำดวน (เชียงขันธ์หรือ หลวงปราบ) | ๒๓๒๑-๒๓๒๕ | |
๓ | พระยาไกรสงคราม (ท้าวบุญจันทร์หรือ พระไกร)[1] | ๒๓๒๗-๒๓๖๙ | |
๔ | พระยาขุขันธ์ภักดีศรีนครลำดวน (พระสังฆะบุรี หรือ ทองด้วง) | ๒๓๗๑-๒๓๙๓ | |
๕ | พระยาขุขันธ์ภักดีศรีนครลำดวน (ท้าวในหรือ หลวงภักดีภูธรสงคราม) | ๒๓๙๓-๒๓๙๓ | |
๖ | พระยาขุขันธ์ภักดีศรีนครลำดวน (ท้าวนวน หรือ พระแก้วมนตรี) | ๒๓๙๓-๒๓๙๓ | |
๗ | พระยาขุขันธ์ภักดีศรีนครลำดวน (ท้างกิ่งหรือ หลวงภักดีภูธรสงคราม) | ๒๓๙๔-๒๓๙๕ | |
๘ | พระยาขุขันธ์ภักดีศรีนครลำดวน (ท้าววังหรือ พระวิชัย) | ๒๓๙๕-๒๔๒๖ | |
๙ | พระยาขุขันธ์ภักดีศรีนครลำดวน (ท้าวปานหรือ ท้าวปัญญา ขุขันธิน) | ๒๔๒๖-๒๔๔๐ | - เจ้าเมืองลำดับสุดท้ายในตำแหน่งเจ้าเมืองขุขันธ์ |
ดูเพิ่ม
- ตาลโตนดมียอดถึง 9 ยอด และมีอายุอยู่คู่กับเจ้าเมืองถึง 9 คน เป็นต้นตาลที่มีความแปลกเพราะลำต้นเดียว แต่แตกแขนงลำต้นออกเป็น 9 แขนง 9 ยอด เคยมีชีวิตและตั้งต้นตระหง่านมาตั้งแต่กำเนิดเมืองขุขันธ์ ณ หมู่บ้านตาดม หมู่ที่ 8 ตำบลห้วยใต้ อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษได้ล้มตายลงเมื่อปี พ.ศ. 2509 ปัจจุบันยังคงเหลือแต่เพียงร่องรอยภาพถ่ายแห่งอดีตมาถึงปัจจุบัน
- วัดทั้ง 4 แห่งเมืองขุขันธ์ ประกอบด้วย วัดเจ๊กโพธิพฤกษ์ วัดเขียนบูรพาราม วัดบกจันทร์นคร และวัดไทยเทพนิมิต วัดทั้ง 4 วัด เป็นวัดที่เก่าแก่มีความเป็นมาอันยาวนาน ตั้งอยู่ทั้ง 4 ทิศของเมือง คู่กับชุมชนกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆในอดีตจนถึงปัจจุบัน โดยมีวัดกลางอัมรินทราวาสเป็นศูนย์กลาง กล่าวคือ
- ทิศเหนือ วัดเจ๊กโพธิพฤกษ์ ชุมชนชาวเจ๊ก ปัจจุบันคือ บ้านเจ๊ก หมูที่ 7 ตำบลห้วยเหนือ
- ทิศตะวันออก วัดเขียนบูรพาราม(เดิมชื่อ วัดเขมร แต่เรียกเพี้ยนเป็น วัดเขียน) ชุมชนชาวเขมร ปัจจุบันคือ บ้านพราน หมู่ที่ 4 ตำบลห้วยเหนือ
- ทิศใต้ วัดบกจันทร์นคร ชุมชนชาวลาว(เวียงจันทน์) ปัจจุบันคือ บ้านบก หมู่ที่ 13 ตำบลห้วยเหนือ
- ทิศตะวันตก วัดไทยเทพนิมิต ชุมชนชาวไทย ปัจจุบันคือ บ้านห้วย หมู่ที่ 1 ตำบลห้วยเหนือ
เหตุการณ์ครบรอบ 250 ปีเมืองขุขันธ์ในปีพ.ศ. 2552
- ครบรอบ 250 ปีรัชกาลที่ 1 แห่งราชวงศ์จักรี ( ทองด้วง ) เสด็จตามพญาช้างเผือกมาที่เมืองขุขันธ์พ.ศ. 2302
- ครบรอบ 250 ปีเมืองขุขันธ์ปกครองในระบบราชการขึ้นตรงต่อกรุงศรีอยุธยาในฐานะหัวเมืองชั้นนอก
- ครบรอบ 250 ปีตากะจะได้รับโปรดเกล้าฯบรรดาศักดิ์เป็น " หลวงแก้วสุวรรณ " นายกอง ( ต่อมาได้รับบรรดาศักดิ์เป็นพระยาไกรภักดีศรีนครลำดวน เจ้าเมืองขุขันธ์คนแรก )
- ครบรอบ 250 ปีเชียงขันได้รับโปรดเกล้าฯบรรดาศักดิ์เป็น " หลวงปราบ " ตำแหน่งผู้ช่วยนายกอง
- ครบรอบ 250 ปีการตั้งศาลหลักเมืองขุขันธ์
ชาวลาวเวียงจันทน์ในอำเภอขุขันธ์
ชาวลาวเวียง คือ ชาวลาวที่ถูกกวาดต้อนมาจากเมืองเวียงจันทน์ หลวงพระบาง และจำปาศักดิ์ ในช่วงสงครามตีเมืองเวียงจันทน์ของกองทัพสยาม ตั้งแต่สมัยธนบุรี - ต้นสมัยรัตนโกสินทร์ หลังจากที่ฝ่ายไทยยกทัพไปตีเมืองเวียงจันทน์ จำปาศักดิ์ และหลวงพระบาง
การยกทัพไปตีเมืองเวียงจันทร์ จำปาศักดิ์จนได้รับชัยชนะ ได้กวาดต้อนชาวเวียงจันทร์มาเป็นจำนวนมาก มาอยู่ที่ ต.สิ ,ต.ขุนหาญ ,ต.ห้วยจันทน์ อำเภอขุนหาญ ต.หมากเขียบ อำเภอเมืองศรีสะเกษ ,บ้านตาอุด บ้านโสน อำเภอขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ
ครอบครัวเชลยชาวลาวเวียงจันทน์ถูกกวาดต้อนเข้ามาไทยในการตีเมืองเวียงจันทน์ครั้งที่ 1 ปีพ.ศ. 2321 จากนั้นถูกกวาดต้อนเข้ามาอีกในการตีเมืองเวียงจันทน์ครั้งที่ 2 ปีพ.ศ. 2335 และถูกกวาดต้อนเข้ามาเป็นครั้งที่ 3 ปีพ.ศ. 2369 - 2371 แต่ในสงครามตีเมืองเวียงจันทน์ครั้งที่ 3 เมื่อปีพ.ศ. 2369 - 2371 กองทัพสยามได้กวาดต้อนผู้คนทั้งหมดในเขตเมืองเวียงจันทน์เข้ามาฝั่งไทย จนเวียงจันทน์ถึงกับเป็นเมืองร้างผู้คน
ที่ตั้งและอาณาเขต
อำเภอขุขันธ์ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของจังหวัด ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 50 กิโลเมตร มีอาณาเขตติดต่อกับเขตการปกครองข้างเคียงดังต่อไปนี้
- ทิศเหนือ ติดต่อกับ ตำบลดู่ ตำบลโพธิ์ศรี อำเภอปรางค์กู่ และ ตำบลศรีสำราญ ตำบลวังหิน อำเภอวังหิน
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับ ตำบลโนนปูน ตำบลดินแดง ตำบลไพรบึง ตำบลสำโรงพลัน อำเภอไพรบึง
- ทิศใต้ ติดต่อกับ ตำบลโพธิ์กระสังข์ ตำบลกันทรอม อำเภอขุนหาญ และ ตำบลโคกตาล ตำบลตะเคียนราม ตำบลห้วยตึ๊กชู ตำบลละลม อำเภอภูสิงห์
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับ ตำบลตาวัง อำเภอบัวเชด ตำบลตาคง อำเภอสังขะ ตำบลหนองแวง อำเภอศรีณรงค์ (จังหวัดสุรินทร์) และ ตำบลสมอ ตำบลหนองเชียงทูน อำเภอปรางค์กู่
การแบ่งเขตการปกครอง
การปกครองส่วนภูมิภาค
อำเภอขุขันธ์แบ่งพื้นที่การปกครองย่อยออกเป็น 22 ตำบล 279 หมู่บ้าน ได้แก่
1. | กันทรารมย์ | (Kanthararom) | 14 หมู่บ้าน | 12. | ตะเคียน | (Takhian) | 12 หมู่บ้าน | ||||||
2. | จะกง | (Chakong) | 13 หมู่บ้าน | 13. | นิคมพัฒนา | (Nikhom Phatthana) | 11 หมู่บ้าน | ||||||
3. | ใจดี | (Chai Di) | 11 หมู่บ้าน | 14. | โคกเพชร | (Khok Phet) | 11 หมู่บ้าน | ||||||
4. | ดองกำเม็ด | (Dong Kammet) | 11 หมู่บ้าน | 15. | ปราสาท | (Prasat) | 9 หมู่บ้าน | ||||||
5. | โสน | (Sano) | 22 หมู่บ้าน | 16. | สำโรงตาเจ็น | (Samrong Ta Chen) | 17 หมู่บ้าน | ||||||
6. | ปรือใหญ่ | (Prue Yai) | 20 หมู่บ้าน | 17. | ห้วยสำราญ | (Huai Samran) | 11 หมู่บ้าน | ||||||
7. | สะเดาใหญ่ | (Sadao Yai) | 17 หมู่บ้าน | 18. | กฤษณา | (Kritsana) | 13 หมู่บ้าน | ||||||
8. | ตาอุด | (Ta Ut) | 9 หมู่บ้าน | 19. | ลมศักดิ์ | (Lom Sak) | 11 หมู่บ้าน | ||||||
9. | ห้วยเหนือ | (Huai Nuea) | 14 หมู่บ้าน | 20. | หนองฉลอง | (Nong Chalong) | 10 หมู่บ้าน | ||||||
10. | ห้วยใต้ | (Huai Tai) | 13 หมู่บ้าน | 21. | ศรีตระกูล | (Si Trakun) | 7 หมู่บ้าน | ||||||
11. | หัวเสือ | (Hua Suea) | 14 หมู่บ้าน | 22. | ศรีสะอาด | (Si Sa-at) | 9 หมู่บ้าน |
การปกครองส่วนท้องถิ่น
ท้องที่อำเภอขุขันธ์ประกอบด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 23 แห่ง ได้แก่
- เทศบาลตำบลเมืองขุขันธ์ ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของตำบลห้วยเหนือ
- เทศบาลตำบลศรีสะอาด ครอบคลุมพื้นที่ตำบลศรีสะอาดทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลกันทรารมย์ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลกันทรารมย์ทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลจะกง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลจะกงทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลใจดี ครอบคลุมพื้นที่ตำบลใจดีทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลดองกำเม็ด ครอบคลุมพื้นที่ตำบลดองกำเม็ดทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลโสน ครอบคลุมพื้นที่ตำบลโสนทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลปรือใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลปรือใหญ่ทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลสะเดาใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลสะเดาใหญ่ทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลตาอุด ครอบคลุมพื้นที่ตำบลตาอุดทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลห้วยเหนือ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลห้วยเหนือ(เฉพาะนอกเขตเทศบาลตำบลเมืองขุขันธ์)
- องค์การบริหารส่วนตำบลห้วยใต้ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลห้วยใต้ทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลหัวเสือ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลหัวเสือทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลตะเคียน ครอบคลุมพื้นที่ตำบลตะเคียนทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลนิคมพัฒนา ครอบคลุมพื้นที่ตำบลนิคมพัฒนาทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลโคกเพชร ครอบคลุมพื้นที่ตำบลโคกเพชรทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลปราสาท ครอบคลุมพื้นที่ตำบลปราสาททั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลสำโรงตาเจ็น ครอบคลุมพื้นที่ตำบลสำโรงตาเจ็นทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลห้วยสำราญ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลห้วยสำราญทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลกฤษณา ครอบคลุมพื้นที่ตำบลกฤษณาทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลลมศักดิ์ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลลมศักดิ์ทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลหนองฉลอง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลหนองฉลองทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลศรีตระกูล ครอบคลุมพื้นที่ตำบลศรีตระกูลทั้งตำบล
ประชากร
อำเภอขุขันธ์มีประชากรทั้งสิ้น 149,679 คน มีความหนาแน่นเฉลี่ยต่อพื้นที่ 163.70 คน/ตารางกิโลเมตร แยกเป็นรายตำบล
ลำดับ | ตำบล | จำนวนประชากร | จำนวนครัวเรือน |
---|---|---|---|
1 | ห้วยเหนือ | 14,833 | 4,370 |
2 | โสน | 14,039 | 3,249 |
3 | ปรือใหญ่ | 11,643 | 2,469 |
4 | กันทรารมย์ | 7,109 | 1,486 |
5 | ดองกำเม็ด | 7,073 | 1,531 |
6 | สะเดาใหญ่ | 6,874 | 1,389 |
7 | หัวเสือ | 6,834 | 1,468 |
8 | ห้วยใต้ | 6,703 | 1,534 |
9 | สำโรงตาเจ็น | 6,344 | 1,417 |
10 | ใจดี | 6,333 | 1,394 |
11 | จะกง | 6,299 | 1,335 |
12 | กฤษณา | 6,100 | 1,265 |
13 | ปราสาท | 6,061 | 1,252 |
14 | ตะเคียน | 5,752 | 1,236 |
15 | ลมศักดิ์ | 5,653 | 1,169 |
16 | ห้วยสำราญ | 5,427 | 1,186 |
17 | โคกเพชร | 5,301 | 1,124 |
18 | ตาอุด | 5,138 | 1,040 |
19 | นิคมพัฒนา | 4,340 | 988 |
20 | หนองฉลอง | 4,172 | 1,214 |
21 | ศรีสะอาด | 4,170 | 809 |
22 | ศรีตระกูล | 3,478 | 742 |
ทำเนียบผู้ดำรงตำแหน่งนายอำเภอขุขันธ์
ลำดับ | รายนาม | ระยะเวลาดำรงตำแหน่ง |
---|---|---|
1 | หลวงสุรัตนามัย (บุญมี ขุขันธิน) | 2450-2453 |
2 | พระพิชัยราชวงษา (บุญมี ศรีอุทุมพร) | 2453-2456 |
3 | ขุนศิริไศลรักษ์ (แป้น ส่องศรี) | 2459-2461 |
4 | นายสุวรรณ ศรีเพ็ญ | 2461-2462 |
5 | ขุนชิต สารการ (เคลือบ ประถมรักษ์) | 2462-2464 |
6 | หลวงวัฒนวงษ์ โทนุบล (โทน สุวรรณกูฎ) | 2464-2468 |
7 | หลวงประชากรเกษม (เป้ย ส่องศรี) | 2468-2476 |
8 | นายโสภณ อรจันทร์ | 2476-2480 |
9 | นายตุ้ม สุวรรณกูฎ | 2480-2488 |
10 | นายสุวิช ศิริกูล | 2488-2493 |
11 | นายมนูญ สุวรรณสำริด | 2493-2495 |
12 | ร.ต.ท. ยนต์ ประพิตภา | 2495-2499 |
13 | นายอำนาจ รักษาสัตย์ | 2499-2500 |
14 | นายเทิ้ม ช่างเรียน | 2500-2501 |
15 | นายยอด อ่อนโอภาส | 2501-2511 |
16 | นายสม ทัดศรี | 2511-2514 |
17 | นายสมศักดิ์ ไทยสะเทือน | 2514-2519 |
18 | นายสมัย รัตนจันทร์ | 2519-2520 |
19 | นายสงวน วัฒนานันท์ | 2520-2521 |
20 | ร.อ.อริยะ อุปาระมี | 2521-2523 |
21 | นายวิศิษฐ์ วรรณศิริ | 2523-2526 |
18 | นายสมัย รัตนจันทร์ | 2519-2520 |
19 | นายสงวน วัฒนานันท์ | 2520-2521 |
20 | ร.อ.อริยะ อุปาระมี | 2521-2523 |
21 | นายวิศิษฐ์ วรรณศิริ | 2523-2526 |
18 | นายสมัย รัตนจันทร์ | 2519-2520 |
19 | นายสงวน วัฒนานันท์ | 2520-2521 |
20 | ร.อ.อริยะ อุปาระมี | 2521-2523 |
21 | นายวิศิษฐ์ วรรณศิริ | 2523-2526 |
22 | นายบุญตา หาญวงศ์ | 2526-2529 |
23 | นายปริญญา ปานทอง | 2529-2530 |
24 | เรือตรีสนอง มโหทาน | 2530-2532 |
25 | นายสุนาย ลาดคำกรุง | 2532-2535 |
26 | นายวนิชย์ ฤทธิ์เดช | 2535-2539 |
27 | นายเนาวรัตน์ บุญหล้า | 2539-2542 |
28 | นายฉันท์ กาเมือง | 2542-2543 |
29 | นายชูศักดิ์ อุปนันท์ | 2543-2547 |
30 | นายกฤช รังสิเสนา ณ อยุธยา | 2547-2550 |
31 | นายเผด็จ แนบเนียน | 2550-2551 |
32 | นายอนุรัตน์ ลีธีระประเสริฐ | 2551-2557 |
33 | นายสมศักดิ์ นิสัยสม | 2557-2558 |
34 | นายสำรวย เกษกุล | 2558-ปัจจุบัน |
สภาพทางสังคม
การสาธารณสุข
- โรงพยาบาลขนาด 120 เตียง 1 แห่ง
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล 27 แห่ง
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลโคกโพน
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลตะเคียนบังอีง
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลจะกง
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลใจดี
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลกันจาน
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลอาวอย
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลขนุน
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลหนองคล้า
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลปรือใหญ่
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลปรือคัน
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลทับทิมสยาม 06
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลหนองลุง
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลสมบูรณ์
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลหัวเสือ
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลตะเคียนช่างเหล็ก
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลกวางขาว
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลคลองกลา
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลโคกเพชร
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลปราสาท
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ่อทอง
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลสำโรงตาเจ็น
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลนาก๊อก
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลกฤษณา
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลวิทย์
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลตรอย
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลนิคมซอยกลาง
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลโนน
- ศูนย์สุขภาพชุมชนเมือง 1 แห่ง
- ศูนย์สุขภาพชุมชนเมืองห้วยเหนือ
- สำนักงานสาธารณสุข 1 แห่ง
- สำนักงานสาธารณสุขอำเภอขุขันธ์
การศึกษา
โรงเรียนในตัวอำเภอ
- โรงเรียนอนุบาลศรีประชานุกูล
- โรงเรียนขุขันธ์วิทยา
- โรงเรียนขุขันธ์
- โรงเรียนขุขันธ์ราษฎร์บำรุง
ระดับประถมศึกษา 89 แห่ง
- โรงเรียนทับทิมสยาม06
- โรงเรียนบ้านโนนสมบูรณ์
- โรงเรียนบ้านปรือใหญ่
- โรงเรียนบ้านหลัก
- โรงเรียนบ้านปรือคัน
ระดับมัธยมศึกษา
- โรงเรียนขุขันธ์
- โรงเรียนสวงษ์พัฒนศึกษา
- โรงเรียนสะเดาใหญ่ประชาสรรค์
- โรงเรียนปรือใหญ่วิทยบัลลังก์
- โรงเรียนบ้านกันทรารมย์
- โรงเรียนศรีตระกูลวิทยา
- โรงเรียนลมศักดิ์วิทยาคม
- โรงเรียนขุขันธ์ราษฎร์บำรุง
- โรงเรียนชุมชนบ้านหัวเสือ
สถาบันการอาชีวศึกษา
สถาบันอุดมศึกษา
- มหาวิทยาลัยปทุมธานี ศูนย์ขุขันธ์ (โต้รุ่งขุขันธ์)
- สถาบันการเรียนรู้เพื่อปวงชน มหาวิทยาลัยชีวิตขุขันธ์ (มรภ.สุรินทร์)
- วิทยาลัยเอเชียไซเบอร์เทคโนโลยี ศูนย์โรงเรียนขุขันธ์ราษฎร์บำรุง
- มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี ศูนย์การศึกษาทางไกล ศูนย์อำเภอขุขันธ์ (รร.ขุขันธ์)
อื่นๆ
- กศน.อำเภอขุขันธ์
- ห้องสมุดประชาชนอำเภอขุขันธ์
- สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษเขต 3
ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
- สถานีตำรวจ 3 แห่ง
- สถานีตำรวจภูธรขุขันธ์
- สถานีตำรวจภูธรจะกง
- สถานีตำรวจภูธรปรือใหญ่
- ป้อมตำรวจ 4 แห่ง
- ป้อมตำรวจรัตนากรวิสุทธิ์ หน้าตลาดโต้รุ่ง (สภ.ขุขันธ์)
- ป้อมตำรวจแยกตรางสวาย (สภ.ขุขันธ์)
- ป้อมตำรวจแยกนาเจริญ (สภ.ขุขันธ์)
- ป้อมตำรวจแยกโคกตาล (สภ.ปรือใหญ่)
สภาพเศรษฐกิจ
มีพื้นที่การเกษตรทั้งสิ้น 465,777 ไร่
- ปลูกพืชทางการเกษตรในพื้นที่ปริมาณมากที่สุดถึงร้อยละ 95 ของพื้นที่การเกษตร คือ ปลูกข้าว ปลูกมันสำปะหลัง ปลูกไม้ผล ปลูกปอและ ยางพารา ตามลำดับ
- มีอาชีพเสริมคือ โครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ เช่น จัดตั้งกลุ่มทอผ้าไหม กลุ่มผลิตภัณฑ์จากมือ กลุ่มผลิตภัณฑ์ครุน้อย กลุ่มผลิตภัณฑ์เกวียนน้อย และ กลุ่มผลิตอบใบตาล
ธนาคาร
- ธนาคารกรุงเทพ
- ธนาคารกรุงเทพ สาขาเทสโก้ โลตัส
- ธนาคารออมสิน
- ธนาคารกรุงไทย
- ธนาคารกรุงไทย สาขาเทสโก้ โลตัส
- ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
- ธนาคารไทยพาณิชย์
- ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาเทสโก้ โลตัส
- ธนาคารกสิกรไทย
การศาสนา
วัด 77 แห่ง ได้แก่
- วัดถ้ำสระพงษ์
- วัดกลางอัมรินทราวาส
- วัดสะอางโพธิญาณ
- วัดเขียนบูรพาราม
- วัดชำแระกลาง
- วัดบกจันทร์นคร
- วัดปราสาทใต้
- วัดบ้านแขว
- วัดสมบูรณ์
- วัดตาดม
- วัดนิคมสายเอก
- วัดไทยเทพนิมิต
- วัดเจ๊กโพธิพฤกษ์
- วัดบ้านแทรงเทพทวารา
- วัดเสลานาก๊อก
- วัดราษีพัฒนา
- วัดคะนาสามัคคี
- วัดวัดใจดี
- วัดทะลอก
- วัดลำภูรัมพนิวาส
- วัดโคกเพชร
- วัดภูมิศาลา
- วัดโนนสำราญ
- วัดดองกำเม็ด
- วัดกันจาน
- วัดบ้านบิง
- วัดระกา
- วัดเสลาเหนือ
- วัดกระโพธิ์ช่างหม้อ
- วัดหัวเสือ
- วัดบ้านสวงษ์
- วัดห้วยสระภูมิ
- วัดบ้านศาลา
- วัดคลองสุด
- วัดกะกำ
- วัดตะเคียน
- วัดจันลม
- วัดหนองกาด
- วัดบ้านอาทิ
- วัดบ้านกลาง
- วัดจะกง
- วัดวัดตาสุด
- วัดวัดกฤษณา
- วัดสวัสดี
- วัดตะเคียนน้อย
- วัดสำโรงตาเจ็น
- วัดกระโพธิ์เริงรมย์
- วัดบ้านโนนสาย
- วัดอำนาจเจริญ
- วัดหนองเข็ง
- วัดฮ่องธาตุ
- วัดสำโรงสูง
- วัดเขวิก
- วัดตาอุด
- วัดเคาะกุปวารีย์
- วัดบ้านตรอย
- วัดบ้านติมรัตนาราม
- วัดศรีตระกูล
- วัดปรือใหญ่
- วัดปรือคัน
- วัดตาเบ๊าะเกษมงคล
- วัดค่ายนิคม
- วัดกวางขาว
- วัดโนนสมบูรณ์
- วัดโสน
- วัดขนุน
- วัดอาวอย
- วัดหนองคล้า
- วัดสนามสามัคคี
- วัดหนองคล้าใต้
- วัดนาเจริญพัฒนา
- วัดโสภณวิหาร
- วัดโคกโพน
- วัดโคกสูง
- วัดจันทราปราสาท
- วัดบ่อทอง
- วัดศรีสะอาด
- วัดทุ่งบังอิงวิหาร
สำนักสงฆ์ 10 แห่ง
การคมนาคม
ทางหลวงแผ่นดินที่สำคัญ
- ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 220 (ศรีสะเกษ-ขุขันธ์)
- ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 24 (สีคิ้ว-อุบลราชธานี)
ทางหลวงแผ่นดินอื่นๆ
- ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2157 (ขุขันธ์-โคกตาล)
- ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2167 (ตรางสวาย-ปรางค์กู่-บ้านพอก)
- ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2201 (ขุขันธ์-อาวอย-ละลม)
- ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2341 (ไพรพัฒนา-กันทรอม-หนองบัวเรณ)
ทางหลวงชนบทที่สำคัญ
- ทางหลวงชนบทหมายเลข ศก.2002 (ตาคง-สมอ)
- ทางหลวงชนบทหมายเลข ศก.2043 (ตาอุด-ขุนหาญ)
- ทางหลวงชนบทหมายเลข ศก.3016 (บ้านบิง-ไพรบึง)
- ทางหลวงชนบทหมายเลข ศก.3023 (บุสูง-ตะเคียนช่างเหล็ก)
- ทางหลวงชนบทหมายเลข ศก.5050 (ขุขันธ์-สำโรงพลัน)
แยกที่สำคัญ
- แยกขุขันธ์ ตำบลห้วยเหนือ (จุดเริ่มต้นของทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2201 และทางหลวงชนบทหมายเลข ศก.5050 ที่แยกออกจากทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 220)
- แยกขุขันธ์ ตำบลห้วยใต้ (จุดสิ้นสุดของทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 220 ที่บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 24)
- แยกโคกตาล ตำบลนิคมพัฒนา (จุดตัดของทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2157 กับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 24)
- แยกนาเจริญ ตำบลโสน (จุดตัดของทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2201 กับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 24)
- แยกนิคมสายเอก ตำบลหนองฉลอง (จุดเริ่มต้นของทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2157 ที่แยกออกจากทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 220)
- แยกตรางสวาย ตำบลดองกำเม็ด (จุดเริ่มต้นของทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2167 ที่แยกออกจากทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 220)
- แยกบ้านบิง ตำบลดองกำเม็ด (จุดเริ่มต้นของทางหลวงชนบทหมายเลข ศก.3016 ที่แยกออกจากทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 220)
- แยกบ้านแทรง ตำบลห้วยสำราญ (จุดเริ่มต้นของทางหลวงชนบทหมายเลข ศก.7075 ที่แยกออกจากทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2201)
ระยะทางจากอำเภอขุขันธ์ไปยังอำเภอต่างๆ ในจังหวัด
อำเภอ | ระยะทาง (กิโลเมตร) |
---|---|
เมืองศรีสะเกษ | 50 |
กันทรลักษ์ | 59 |
กันทรารมย์ | 77 |
อุทุมพรพิสัย | 76 |
ราษีไศล | 86 |
ไพรบึง | 25 |
ขุนหาญ | 33 |
ปรางค์กู่ | 30 |
ห้วยทับทัน | 87 |
บึงบูรพ์ | 90 |
โพธิ์ศรีสุวรรณ | 78 |
เมืองจันทร์ | 80 |
ศิลาลาด | 112 |
โนนคูณ | 85 |
ศรีรัตนะ | 42 |
พยุห์ | 40 |
เบญจลักษ์ | 66 |
ยางชุมน้อย | 80 |
วังหิน | 26 |
ภูสิงห์ | 26 |
น้ำเกลี้ยง | 70 |
ระยะทางจากอำเภอขุขันธ์ไปยังอำเภอสำคัญต่างๆ ในจังหวัดใกล้เคียง
อำเภอ | ระยะทาง (กิโลเมตร) |
---|---|
เมืองอุบลราชธานี | 122 |
วารินชำราบ | 118 |
เดชอุดม | 109 |
พิบูลมังสาหาร | 153 |
น้ำยืน | 112 |
เมืองสุรินทร์ | 93 |
สังขะ | 45 |
ปราสาท | 93 |
รัตนบุรี | 105 |
เมืองบุรีรัมย์ | 148 |
ประโคนชัย | 128 |
นางรอง | 160 |
ลำปลายมาศ | 180 |
เมืองนครราชสีมา | 260 |
ปักธงชัย | 250 |
โชคชัย | 231 |
สีคิ้ว | 289 |
ปากช่อง | 325 |
กรุงเทพมหานคร | 483 |
สถานที่ท่องเที่ยว
วัดเจ๊กโพธิพฤกษ์
อยู่ในตำบลห้วยเหนือ เป็นวัดที่มีประวัติแปลกไปจากวัดอื่น ๆ เพราะสร้างโดยคนไทยเชื้อสายจีนในเมืองขุขันธ์ในวัดมีสิ่งที่น่าสนใจคือ
- ปราสาทกุด หรือปราสาทวัดเจ๊กโพธิ์พฤกษ์ ตั้งอยู่ในเขตวัดเจ๊กโพธิ์พฤกษ์ บริเวณบ้านเจ๊ก ต.ห้วยเหนือ อ.ขุขันธ์ เป็นโบราณสถานก่อด้วยอิฐ ปัจจุบันอยู่ในสภาพพังทลาย กลายเป็นเนินโบราณสถาน มีลักษณะเป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสบนเนินดินใหญ่ ผนังแต่ละด้านจะก่ออิฐเป็นช่องคล้ายประตู โดยก่ออิฐทึบทั้งหมด มีความสูงประมาณ 15 เมตร ส่วนยอดหักพังลงมาจนถึงเรือนธาตุ โบราณสถานแห่งนี้คงสร้างมาในสมัยอยุธยาตอนปลายหรือพุทธศตวรรษที่ 23-24 และปราสาทนี่เองสันนิษฐานว่าน่าจะเป็น ปราสาทสี่เลี่ยมโคกลำดวน ในอดีต ซึ่งเป็นบริเวณที่ตั้งของบ้านปราสาทสี่เหลี่ยมโคกลำดวน หรือเมืองขุขันธ์
- ตู้พระธรรมของวัดเจ๊กโพธิ์พฤกษ์ เป็นงานศิลปะฝีมือที่สวยงามมาก ผู้พระธรรมลายรดน้ำมีขนาด ๑.๕๘ เมตร กว้าง ๐.๖๔ เมตร ยาว ๐.๙๓ เมตร บานประตูเขียนลายกนกเปลว ด้านข้างทั้งสองเขียนลวดลายพันธุ์ไม้ลวดลายที่เขียนขึ้นมีภาพเล่าเรื่องประกอบทุกด้านลักษณะลวดลายของตู้พระธรรมนี้น่าจะได้รับอิทธิพลมาจาก ภาคกลางอยู่มาก ถึงแม้จะมีสอดแทรกลายพื้นเมืองอยู่บ้านก็ตามลายกรอบบานประตูดอกไม้คล้ายดอกพุดตานและขาตู้ซึ่งมีลักษณะแบบจีนนิยมทำกันอย่างแพร่หลายในสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ จึงสันนิษฐานได้ว่าตู้พระธรรมนี้มีอายุได้ ๑๐๐ ปี มาแล้วหรือ ในราวต้นกรุงรัตนโกสินทร์
วัดเขียนบูรพาราม
ตั้งอยู่ที่บ้านพราน ตำบลห้วยเหนือ โบราณสถานคือ อุโบสถที่สร้างในสมัยอยุธยาตอนปลาย ผนังและฐานของอุโบสถก่อด้วยอิฐฉาบปูน หลังคาเป็นโครงไม้มุงด้วยสังกะสี ที่ขอบโครงหลังคาโดยรอบแกะสลักเป็นลายพันธุ์พฤกษา ส่วนที่จั่วสลักเป็นภาพในเรื่องรามเกียรติ์ ซึ่งแกะสลักในสมัยรัตนโกสินทร์ ภายในอุโบสถมีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ ประดิษฐานอยู่เรียกว่า หลวงพ่อโต เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย ขนาดหน้าตักกว้าง 3.50 เมตร สูง 6.80 เมตร มีลักษณะศิลปะที่ผสมผสานกัน ระหว่างศิลปล้านช้าง และศิลปะอยุธยาตอนปลาย เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของชาวขุขันธ์มาแต่ในอดีต ภายนอกอุโบสถทั้งสี่มุมมีธาตุ ลักษณะศิลปะล้านช้างตั้งอยู่ ปัจจุบันเหลือเพียงสามองค์ องค์ที่สมบูรณ์ที่สุด อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ มีลักษณะคล้ายกับพระธาตุก่องข้าวน้อย ที่จังหวัดยโสธร วัดเขียนบูรพาราม ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติ และกำหนดขอบเขตโบราณสถาน เมื่อปี พ.ศ. 2533 มีพื้นที่ประมาณ 2 ไร่ 50 ตารางวา
วัดกลางอัมรินทราวาส
เป็นวัดขนาดใหญ่ และเป็นศูนย์การศึกษาและการบริหารการปกครองสงฆ์อำเภอขุขันธ์
วัดโสภณวิหาร
ตั้งอยู่ที่ ตำบลกันทรารมย์ อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ วัดโสภณวิหาร หรือ ที่ชาวบ้านเรียกว่า " วัดบ้านลุมพุก " เป็นวัดเก่าไม่ปรากฏปีที่สร้าง ภายในวัดมีสิมเก่าแบบลาว ก่ออิฐถือปูน ยกพื้นสูง หน้าบันตกแต่งลายปูนปั้น ผนังเขียนภาพระบายสี หน้าต่างประดับด้วยลูกมะหวด พระประธานอิทธิพลศิลปะแบบลาว มีหลักเสมาปักไว้ในสิมต่างจากที่อื่นซึ่ง เป็นลักษณะเฉพาะของพื้นที่บริเวณแถบนี้เป็นที่น่าสังเกตว่าภายในวัดยังพบสถูปคู่คล้ายกับพบที่บริเวณผา มออีแดงเชิงเขาพระวิหาร วัดบ้านลุมพุกมีความน่าสนใจตรงที่เป็นศาสนสถานทางพุทธศาสนาที่เข้ามามี บทบาทต่อจากศาสนสถานขอมที่ปราสาทตาเล็ง จึงเป็นสถานที่ๆ แสดงการปรับเปลี่ยนวัฒนธรรม และมี การรับอิทธิพลสถาปัตยกรรมแบบลาวที่สมบูรณ์แห่งหนึ่ง มาใช้ในชุมชนที่มีวัฒนธรรมเขมร ลักษณะความ เป็นท้องถิ่นที่ยังไม่สามารถอธิบายได้ คือ แนวคิดการสร้างศาสนสถานที่เปลี่ยนจากปราสาทขอมมาเป็นธาตุ ในพุทธศาสนา อาจทำให้เราคิดว่าเป็นแค่การเปลี่ยนแปลงทางรูปแบบศิลปะในลักษณะของการผสมผสาน
วัดลำภูอัมพนิวาส
เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นiประมาณปี พ.ศ.2134 (ก่อนตั้งเมืองขุขันธ์) ปัจจุบันอายุราว 425 ปี กล่าวคือตั้งขึ้นในสมัยอยุธยาตอนกลางในรัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช โดยมีพระภิกษุประทาเป็นเจ้าอาวาสองค์แรก ปัจจุบันยังพอมีหลักฐานที่ปรากฎหลงเหลืออยู่ให้เห็นถึงความเก่าแก่ของวัดนี้ว่ามีอายุนับเป็นร้อยๆปีมีอยู่หลายอย่าง ประกอบด้วยพระธาตุเจดีย์ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า ปราสาท 2 หลัง เป็นพระธาตุเจดีย์ศิลปล้านช้างตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของโบสถ์ในปัจจุบัน ซึ่งองค์พระธาตุเจดีย์ทั้ง 2 องค์นี้มีอายุราว 444 ปี คือสร้างขึ้นราวปี พ.ศ. 2102 โดยทางการได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแห่งชาติไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ศาลหลักเมืองขุขันธ์
- ศาลหลักเมืองเก่า ตั้งอยู่ติดทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 220 (ศรีสะเกษ-ขุขันธ์) บริเวณด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของวัดกลางอัมรินทราวาส มีลักษณะเหมือนศาลเจ้าของคนไทยเชื้อสายจีน เนื่องจากได้รับการดูแลจากชาวไทยเชื้อสายจีนในพื้นที่ ไม่ทราบหลักฐานแน่ชัดว่าสร้างขึ้นในสมัยใด แต่สันนิษฐานว่าน่าจะสร้างมาพร้อมกับการสร้างเมืองขุขันธ์ ซึ่งมีอายุ 200 กว่าปีมาแล้ว และมีผู้เฒ่าผู้แก่เล่าถึงความศักดิ์สิทธิ์ไว้ว่า เมื่อปี พ.ศ. 2488 ฝ่ายพันธมิตรได้ส่งเครื่องบินมาทิ้งระเบิดที่เมืองขุขันธ์ กะจะทิ้งระเบิดให้ตกลงตรงใจกลางเมือง ขณะนั้นก็ได้ยินเสียงเหมือนมีคนควบม้าไปทั่วเมือง ทำให้นักบินมองไม่เห็น จึงได้ปลดระเบิดลงที่"เวียลตาย"แทน ซึ่งก็คือพื้นที่ระหว่างโรงเรียนขุขันธ์วิทยากับบ้านบกในปัจจุบัน จึงทำให้เมืองขุขันธ์รอดพ้นจากการทิ้งระเบิดของฝ่ายพันธมิตรในคราวนั้น
- ศาลหลักเมืองใหม่ ตั้งอยู่ติดทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 220 (ศรีสะเกษ-ขุขันธ์) บริเวณอนุสาวรีย์พระยาไกรภักดีศรีนครลำดวน(ตากะจะ) วางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2554 และยกเสาเอกเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2554 เนื่องจากมีการประชุมกันระหว่างฝ่ายสงฆ์และฝ่ายฆราวาสในพื้นที่เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ปีเดียวกัน เห็นว่าศาลหลักเมืองเก่ามีขนาดเล็ก พื้นที่คับแคบ ทัศนียภาพไม่สง่างาม และไม่เป็นที่สังเกตของผู้ที่ผ่านไปมา จึงมีมติให้สร้างศาลหลักเมืองใหม่ในบริเวณพื้นที่ดังกล่าว โดยมีท่านเจ้าคุณพระรัตนากรวิสุทธิ์ รองเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธานในการดำเนินการก่อสร้าง และได้รับการร่วมแรงร่วมใจจากทุกภาคส่วนในการบริจาคทุนทรัพย์เพื่อใช้ในการก่อสร้าง ปัจจุบันนี้อยู่ในช่วงกำลังดำเนินการก่อสร้าง
อนุสาวรีย์พระยาไกรภักดีศรีนครลำดวน (ตากะจะ)
ตั้งอยู่ติดทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 220 (ศรีสะเกษ-ขุขันธ์) บริเวณด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของที่ว่าการอำเภอ ก่อสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2548 ดำเนินการก่อสร้างโดยเทศบาลตำบลห้วยเหนือ(ปัจจุบัน คือ เทศบาลตำบลเมืองขุขันธ์) โดยได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน และได้รับงบประมาณสนับสนุนในการก่อสร้างส่วนหนึ่งจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ บริเวณโดยรอบของอนุสาวรีย์จะเป็นสวนหย่อม บริเวณด้านทิศใต้จะมีรูปปั้นพญาช้างเผือกและครอบครัว ส่วนบริเวณด้านหน้าจะเป็นลานอนุสาวรีย์ ซึ่งจะถูกใช้ประโยชน์เป็นลานออกกำลังกายของผู้สูงอายุชาวไทยเชื้อสายจีนทุกๆช่วงเวลาเย็น และใช้เป็นลานจัดกิจกรรม "งานรำลึกพระยาไกรภักดีฯ ประเพณีแซนโฎนตา บูชาหลักเมือง ลือเลื่องกล้วยแสนหวี" ซึ่งเป็นงานใหญ่และสำคัญของอำเภอทุกๆปี
วิหารเจ้าแม่กวนอิมพันมือ
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ปราสาทตาเล็ง
ตั้งอยู่ที่หมู่ 1 บ้านปราสาท ตำบลปราสาท เป็นปรางค์องค์เดียวตั้งอยู่บนฐาน องค์ปรางค์มีผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสย่อมุมไม้สิบสองหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ปัจจุบันเหลือเพียงผนังด้านหน้าและผนังด้านข้างบางส่วน มีประตูเข้าได้เพียงประตูเดียวด้านหน้า อีกสามด้านเป็นประตูหลอก ที่สำคัญคือเสาติดผนังของประตูหน้าทั้งสองข้างยังคงมีลวดลายก้านขดสลักเต็มแผ่นอย่างสวยงาม สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ ๑๖–๑๗ นอกจากนี้บนพื้นรอบๆ ยังมีทับหลังวางอยู่หลายชิ้น ชิ้นหนึ่งวางอยู่หน้าประตูด้านทิศเหนือ สลักเป็นภาพพระอินทร์ทรงช้างในซุ้มเรือนแก้วเหนือหน้ากาล ซึ่งคายท่อนพวงมาลัยออกมาจากปากและยึดท่อนพวงมาลัยนั้นไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง ทับหลังชิ้นอื่นๆ ลักษณะคล้ายกัน ทับหลังชิ้นหนึ่งมีแนวภาพตอนบนสลักเป็นรูปฤๅษีนั่งเรียงกันในท่าสมาธิ 7 ตอน จากลักษณะทางสถาปัตยกรรม และศิลปกรรมที่ปรากฏกล่าวได้ว่าปราสาทตาเล็งสร้างขึ้นในศิลปะขอมแบบบาปวน ซึ่งมีอายุราว พ.ศ. 1560 - 1630
หนองสะอาง
อยู่ที่หมู่ 12 บ้านสะอาง ตำบลห้วยเหนือ เป็นหนองน้ำที่มีขนาดใหญ่ และเป็นหนองที่เก่าแก่แห่งหนึ่งของอำเภอขุขันธ์ และยังเป็นแหล่งหาปลาของคนในชุมชน
โครงการทับทิมสยาม 06
- หมู่บ้านทับทิมสยาม 06
- อ่างเก็บน้ำทับทิมสยาม 06
- สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าจุฬาภรณ์ ตั้งอยู่ภายในโครงการทับทิมสยาม 06 บ้านนาจะเรีย หมู่ที่ 13 ตำบลปรือใหญ่ อยู่ทางทิศใต้ของตำบลตั้งอยู่บนเทือกเขาพนมดงรักระยะทางห่างจากตัวอำเภอขุขันธ์ ประมาณ 18 กิโลเมตร โดยตั้งอยู่ระหว่างพื้นที่สองตำบลในสองอำเภอ คือ ตำบลปรือใหญ่ อำเภอขุขันธ์ กับ ตำบลกันทรอม อำเภอขุนหาญ
- ผาประสพชัย/เส้นทางศึกษาธรรมชาติ
- สถานีเพาะเลี้ยงกล้วยไม้ทับทิมสยาม 06
- วัดถ้ำสระพงษ์
ประเพณีที่สำคัญ
ประเพณีแซนโฎนตา อำเภอขุขันธ์เดิมเป็นที่ตั้งของบริเวณเมืองขุขันธ์ ซึ่งเป็นเมืองเก่าแก่อายุกว่า 200 ปี เป็นที่ตั้งถิ่นฐานของคนไทยหลายเชื้อสาย หลายภาษา เช่น เขมร ลาว ส่วย เยอ จีน เป็นต้น มีจารีตประเพณีและวัฒนธรรมที่งดงามของท้องถิ่นอยู่เป็นจำนวนมาก และหนึ่งในจำนวนนั้น ก็คือ ประเพณีแซนโฎนตา ซึ่งเป็นประเพณีเซ่นไหว้บรรพบุรุษของคนไทยเชื้อสายเขมร โดยคนไทยกลุ่มดังกล่าวได้ยึดถือปฏิบัติกันมาแต่ดั้งเดิม เนื่องจากอำเภอขุขันธ์มีคนไทยเชื้อสายเขมร อยู่เป็นจำนวนมาก บรรดาลูกหลานที่ไปทำงานต่างถิ่นจะกลับมาร่วมพิธีเซ่นไหว้ที่บ้านเป็นประจำทุกปี แต่การแซนโฎนตาได้กระทำกันในครอบครัว บางครอบครัวที่เป็นคนรุ่นใหม่เริ่มขาดความรู้ความเข้าใจในพิธีกรรมดังกล่าว ชาวอำเภอขุขันธ์จึงได้จัดงานประเพณีแซนโฎนตาขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 เป็นต้นมา เพื่อเป็นการสืบสาน พัฒนาและส่งเสริมวัฒนธรรม ประเพณีในท้องถิ่นให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย
อ้างอิง
- ↑ จดหมายเหตุนครราชสีมา อ้างถึงใบบอกของเจ้าเมืองนครราชสีมา ซึ่งเรียกเจ้าเมืองขุขันธ์ว่า พระยาไกรสงคราม