กบฏผู้มีบุญ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
กบฏผู้มีบุญ

พวกกบฏผู้มีบุญหรือผีบุญ เมื่อ พ.ศ. 2444 ซึ่งทหารควบคุมตัวไว้ ณ ทุ่งศรีเมือง เมืองอุบลราชธานี
วันที่มีนาคม 2444 – มกราคม 2445[1]
สถานที่ลาวของฝรั่งเศสและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสยาม[2]
ผล ฝรั่งเศส-สยามชนะ[2]
คู่สงคราม
 อินโดจีนของฝรั่งเศส
ไทย สยาม (ถึงปี 2445)[1]
ขบวนการผู้มีบุญ (ผู้ที่แอบอ้างเป็นพระธรรมมิกราช)[2]
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ
อินโดจีนของฝรั่งเศส ปอล ดูแมร์
ไทย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว[1]
องค์แก้ว  
องค์มั่น
องค์กมมะดำ [1]
กำลัง
4,000 คน[1] มากกว่า 500 คน
ปืนใหญ่ 2 กระบอก[1]
ความสูญเสีย
เสียชีวิตมากกว่า 450 คน
บาดเจ็บมากกว่า 150 คน
ถูกจับกุมมากกว่า 400 คน[1]
เสียชีวิตมากกว่า 54 คน[1]

กบฏผู้มีบุญ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างมีนาคม 2444 ถึงมกราคม 2445 มีจุดเริ่มจากที่ผู้สนับสนุนของขบวนการทางศาสนาของ "ผู้มีบุญ" ทำการกบฏติดอาวุธสู้กับอินโดจีนของฝรั่งเศสและสยาม โดยมีจุดประสงค์สถาปนาผู้นำ "องค์แก้ว" เป็นผู้นำของโลก ในปี 2445 การกระด้างกระเดื่องก็ถูกทำให้สงบลงในสยาม แต่ยังคงดำเนินต่อไปในอินโดจีนของฝรั่งเศสจนกระทั่งปี 2446 จึงถูกกำราบสิ้นซาก

เบื้องหลัง[แก้]

ก่อนที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจะทรงจัดตั้งมณฑลเทศาภิบาล สยามยังคงปกครองแบบหัวเมือง โดยแบ่งเขตการปกครอง 4 แบบ ไก้แก่ ราชธานีและเมืองรอบๆ เมืองลูกหลวง เมืองหลานหลวง และเมืองประเทศราช

สยามปราบกบฏเจ้าอนุวงศ์ในช่วงปีพ.ศ. 2369-พ.ศ. 2371 จึงปกครองลาวใต้ และรวบรวมอาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์ มาเป็นส่วนหนึ่งของการปกครอง ส่วนขุนนางลาวที่ได้รับความไว้วางพระทัยจากพระเจ้ากรุงสยาม ก็จะทำหน้าที่ดูแลประชาชนลาว รวมถึงชาวอาลัก และชาวละเว็น

กลุ่มชาติพันธุ์ลาวที่มีจำนวนมากกว่า มักโจมตีชนกลุ่มที่อ่อนแอกว่า เพื่อลักพาตัวไปขายเป็นทาสเมืองจำปาศักดิ์ และทาสเหล่านี้จะถูกส่งไปที่เมืองพนมเปญกับกรุงเทพ โดยคนขายกับคนกลางสามารถสร้างกำไรได้มหาศาล

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงออกพระราชบัญญัติพิกัดเกษียณลูกทาสลูกไทยเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2417 เพื่อแก้พิกัดค่าตัวทาสใหม่ โดยให้ลดค่าตัวทาสลงตั้งแต่อายุ 8 ขวบ จนกระทั่งหมดค่าตัวเมื่ออายุได้ 20 ปี เมื่ออายุได้ 21 ปี ผู้นั้นก็จะเป็นอิสระ มีผลกับทาสที่เกิดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2411 เป็นต้นมา และห้ามมิให้มีการซื้อขายบุคคลที่มีอายุมากกว่า 20 ปีเป็นทาสอีก ทำให้แหล่งค้าทาสได้รับผลกระทบในทันที

เมื่อปีพ.ศ. 2426 ฝรั่งเศสพยายามขยายอาณานิคมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงใช้สนธิสัญญาเมืองเว้ อ้างสิทธิ์ในดินแดนเวียดนามทั้งหมด โดยทหารฝรั่งเศสค่อยๆ ยึดที่ราบสูงกอนตูม และขับไล่ชาวสยามออกจากลาวหลังเกิดวิกฤตการณ์ร.ศ. 112 ก่อให้เกิดเขตชายแดนบริเวณแม่โขง แต่พื้นที่นั้นไม่มีทหารสยามอยู่ ชาวบ้านแถวนั้นจึงสร้างที่หลบภัย

สยามยกเลิกการเก็บบรรณาการจากเมืองประเทศราชเมื่อปีพ.ศ. 2442 โดยเปลี่ยนมาเป็นระบบการจัดเก็บภาษีอากรโดยรัฐบาล ทำให้ข้าราชการลาวหมดอำนาจหน้าที่ลง จึงนำไปสู่การก่อกบฎโดยขุนนางชาวลาวและชาวอาข่า[3]

ดูเพิ่ม[แก้]

อ้างอิง[แก้]

  1. 1.0 1.1 1.2 1.3 1.4 1.5 1.6 1.7 John B. Murdoch (1971). "THE 1901–1902 "HOLY MAN'S" REBELLION" (PDF). Journal of the Siam Society. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2018-07-13. สืบค้นเมื่อ 27 July 2015.
  2. 2.0 2.1 2.2 Craig J. Reynolds. "The Concept of Peasant Revolt in Southeast Asia". University of Sydney eScholarship Journals. สืบค้นเมื่อ 21 August 2015.
  3. Murdoch, John B. (1974). "The 1901-1902 "Holy Man's Rebellion"" (PDF). Journal of the Siam Society. Siam Heritage Trust. JSS Vol.62.1 (digital): image 3. สืบค้นเมื่อ April 2, 2013. 8) "Kha" is the common, though somewhat pejorative, term used for the Austroasiatic tribal people of Northeast Thailand, Laos, and Viet-nam. I use it here because it is common parlance in the literature and for lack of a better term.

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]

งานศึกษาที่เกี่ยวข้อง[แก้]

เว็บไซต์[แก้]

พิกัดภูมิศาสตร์: 21°02′00″N 105°51′00″E / 21.0333°N 105.8500°E / 21.0333; 105.8500