ข้ามไปเนื้อหา

อาณาจักรละโว้

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
อาณาจักรละโว้

993–1931
พ.ศ. 1543–1643 ฟ้า: อาณาจักรละโว้ แดง: จักรวรรดิเขมร เขียว: อาณาจักรหริภุญชัย เขียวอ่อน: อาณาจักรศรีวิชัย เหลือง: จามปา น้ำเงิน: ไดเวียต ชมพู: อาณาจักรพุกาม
พ.ศ. 1543–1643
ฟ้า: อาณาจักรละโว้
แดง: จักรวรรดิเขมร
เขียว: อาณาจักรหริภุญชัย
เขียวอ่อน: อาณาจักรศรีวิชัย
เหลือง: จามปา
น้ำเงิน: ไดเวียต
ชมพู: อาณาจักรพุกาม
เมืองหลวงละโว้ (993–1630)
อโยธยา (1630–1892)
อยุธยา (1893–1931)
ภาษาทั่วไปมอญโบราณ
เขมรโบราณ
ไทยโบราณ
ศาสนา
ศาสนาฮินดู
พุทธเถรวาท
พุทธมหายาน
การปกครองราชาธิปไตย
พระมหากษัตริย์ 
• 1595–1612
พระเจ้าจันทโชติ
• 1625–1630
พระนารายน์ราชกุมาร
• 1632–1654
พระเจ้าหลวง
• 1654–1708
พระเจ้าสายน้ำผึ้ง
• 1708–1748
พระเจ้าธรรมิกราชา
• 1748–1796
พระเจ้าอู่ทอง
• 1796–1823
พระเจ้าชัยเสน
• 1823–1844
พระเจ้าสุวรรณราชา
• 1844–1853
พระเจ้าธรรมราชา
• 1853–1887
พระเจ้าบรมราชา
• 1887–1912
สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1
สภานิติบัญญัติAhabhushan Mahakosh
ยุคประวัติศาสตร์ยุคกลาง
• ก่อตั้ง
993
• รวมเข้ากับอาณาจักรอยุธยา
1931
ก่อนหน้า
ถัดไป
ทวารวดี
อาณาจักรหริภุญชัย
อาณาจักรสุโขทัย
อาณาจักรอยุธยา
ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของ ไทย
 พม่า

อาณาจักรละโว้ บ้างเรียก ลวรัฐ หรือ ละโว้โยทิยา[1] เป็นอาณาจักรโบราณในมณฑลอำนาจแห่งหนึ่งในอดีต ซึ่งตั้งอยู่บนฝั่งซ้ายของลุ่มน้ำเจ้าพระยา สถาปนาขึ้นราวปลายยุคทวารวดี มีศูนย์กลางอำนาจอยู่ที่ลวปุระ (ปัจจุบันคือเมืองลพบุรี) หลังการสถาปนาอาณาจักรอยุธยา อาณาจักรละโว้ได้ถูกผนวกเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรอยุธยา ชื่อเรียกของอาณาจักรละโว้ในเอกสารจีนคือ หลอหู

ประวัติศาสตร์

[แก้]

ตามข้อมูลที่ปรากฏเกี่ยวกับเมืองละโว้ มีข้อมูลอยู่ในพงศาวดารเหนือพอจะสรุปได้ว่าเมืองละโว้มีมาตั้งแต่ พ.ศ. 1002 แล้ว มีเมืองลพบุรีเป็นเมืองหลวงตั้งอยู่ทางภาคกลางในบริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา มีอาณาเขตตั้งแต่ชัยนาทลงมาจนถึงเขตประจวบคีรีขันธ์ ทางด้านตะวันตกจดมะริด ทวาย ด้านตะวันออกจดนครราชสีมา

ลพบุรีเคยเป็นเมืองสำคัญของอาณาจักรทวารวดีมาก่อน เคยมีความรุ่งเรืองในด้านพระพุทธศาสนามาแต่โบราณ ตำนานมูลศาสนา กล่าวว่าพระเจ้ากรุงละโว้ได้ส่ง พระนางจามเทวี ราชธิดาไปครองเมืองหริภุญชัย (ลำพูน) เพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนาในดินแดนภาคเหนือ

จากการขุดค้นทางโบราณคดีปรากฏว่าตั้งแต่อำเภอชัยบาดาลถึงอำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี ล้วนแต่มีหลักฐานเกี่ยวกับมนุษย์ในอดีตที่ยาวนานมาแล้ว จากชุมชนขนาดย่อมขยายเป็นเมืองเล็ก ๆ จนกระทั่งรวมตัวกันเป็นอาณาจักรหรือเขตปกครองที่เป็นส่วนย่อยของประเทศราวพุทธศตวรรษที่ 10-12 ละโว้กลายเป็นอาณาจักรหรือเมืองขนาดใหญ่แล้วและในช่วงพุทธศตวรรษที่ 13-14 อาณาจักรละโว้มีความรุ่งเรืองอย่างมากโดยเฉพาะด้านพระพุทธศาสนา

อาณาจักรละโว้ มีความเจริญมากขึ้นเรื่อย ๆ จนมีอิทธิพลครอบคลุมดินแดนภาคกลางตอนบนตั้งแต่จังหวัดนครสวรรค์ เรื่อยมาจนถึงภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยบางส่วน ศูนย์กลางของอาณาจักรละโว้ในตอนต้นสันนิษฐานว่าอยู่ที่เมืองลพบุรี และประมาณพุทธศตวรรษที่ 17 ได้ย้ายมาอยู่ที่เมืองอโยธยา ภายหลังต่อมาเมื่อใน พ.ศ. 1893 ได้มีการสถาปนาอาณาจักรอยุธยาขึ้นทำให้ละโว้กลายเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรอยุธยา

เมื่อเทียบเคียงกับอาณาจักรร่วมสมัยพบว่าอาณาจักรละโว้อยู่ในยุคเดียวกันกับอาณาจักรทวารวดี และอาณาจักรเจนละพื้นที่อิทธิพลบางส่วนก็ถือว่าเป็นพื้นที่เดียวกัน ประกอบกับตามหลักฐานเกี่ยวกับอาณาจักรทวารวดีบ่งบอกว่า ทวารวดีได้รับอิทธิพลจากอินเดียหลายอย่าง เช่นด้านการปกครองรับความเชื่อเรื่องการปกครองโดยกษัตริย์ สันนิษฐานว่าการปกครองสมัยทวารวดีแบ่งออกเป็นแคว้น มีเจ้านายปกครองตนเองแต่มีความสัมพันธ์ในลักษณะเครือญาติการแบ่งชนชั้นในสังคมออกเป็นชนชั้นปกครองกับชนชั้นที่ถูกปกครอง

จึงมีความเป็นไปได้ว่าละโว้ก็เป็นแคว้นหนึ่งที่เป็นองค์ประกอบของอาณาจักรทวารวดี ดังนั้นข้อมูลบางประการที่ปรากฏเป็นหลักฐานเกี่ยวกับอาณาจักรละโว้อาจจะเป็นข้อมูลของอาณาจักรทวารวดี ขณะเดียวกันข้อมูลบางประการที่เกี่ยวกับอาณาจักรทวารวดีก็อาจจะหมายถึงข้อมูลของอาณาจักรละโว้ก็เป็นไปได้ แต่การเสื่อมอำนาจของทั้งสองอาณาจักรนี้ไม่พร้อมกันก็น่าจะเป็นเพราะการขยายอำนาจของขอมนั้นค่อย ๆ ลิดรอนอำนาจเดิมในพื้นที่ด้วยการตีเอาเมืองต่าง ๆ ของอาณาจักรทวารวดีไปที่ละเมืองสองเมือง จึงทำให้ความเป็นอาณาจักรทวารวดีสูญสิ้นไปก่อนอาณาจักรละโว้

หลังจากพุทธศตวรรษที่ 16 เป็นต้นมา อาณาจักรขอมได้ขยายอิทธิพลเข้ามายังบริเวณนี้ ทำให้ความสำคัญของอาณาจักรละโว้ลดลง อิทธิพลศิลปวัฒนธรรมของขอมได้แพร่เข้ามาในดินแดนประเทศไทยโดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น ปราสาทพนมรุ้ง จังหวัดบุรีรัมย์ ปราสาทหินพิมาย จังหวัดนครราชสีมา และเลยมาทางตะวันตกได้แก่ ปราสาทเมืองสิงห์ จังหวัดกาญจนบุรี และในช่วงเวลาดังกล่าวละโว้เป็นศูนย์กลางที่สำคัญทางภาคกลางจึงได้รับอิทธิพลศิลปะขอม โดยนำมาผสมผสานรูปแบบให้เป็นลักษณะเฉพาะของตนเอง ได้แก่พระปรางค์สามยอด และเทวสถานปรางค์แขก จังหวัดลพบุรี แม้จะมีลักษณะสถาปัตยกรรมรูปพระปรางค์ตามขอมแต่เป็นการสร้างเลียนแบบขอมเท่านั้นเอง ทางด้านประติมากรรมศิลปะลพบุรีมักมีส่วนผสมกับศิลปะทวารวดี ทั้งนี้เพราะถิ่นที่ตั้งของอาณาจักรละโว้ก็เป็นพื้นที่ของอาณาจักรทวารวดี ที่เคยอยู่ร่วมสมัยเดียวกัน

ประมาณปลายพุทธศตวรรษที่ 17 การค้าขายระหว่างอาณาจักรละโว้กับจีนเจริญรุ่งเรืองขึ้น แต่เนื่องจากอยุธยาตั้งอยู่ใกล้ทะเลซึ่งเป็นทำเลที่เหมาะสมกว่า ศูนย์กลางการค้าขายจึงเปลี่ยนจากลพบุรีไปอยู่ที่อยุธยา และเมื่อพระเจ้าอู่ทองสถาปนากรุงศรีอยุธยาขึ้นเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรอยุธยา อาณาจักรละโว้จึงถูกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรอยุธยา เป็นอันสิ้นสุดความเป็นอาณาจักรละโว้ตั้งแต่นั้นมา

รายพระนามพระมหากษัตริย์

[แก้]

รายพระนามตามพงศาวดารโยนก ดังนี้[2]

  1. พระเจ้าสินทรอมรินทร แกรก
  2. พระยาจันทรโชติ
  3. พระนารายน์
  4. พระเจ้าหลวง
  5. พระเจ้าสายน้ำผึ้ง
  6. พระยาธรรมิกราช

การเปลี่ยนแปลงดินแดน

[แก้]

พื้นที่อาณาจักรละโว้จะระบายด้วยสีฟ้า

อ้างอิง

[แก้]
  1. จิตร ภูมิศักดิ์. ความเป็นมาของคำสยาม, ไทย ลาว และขอม และลักษณะทางสังคมของชื่อชนชาติ. พิมพ์ครั้งที่ 6. กรุงเทพฯ : ชนนิยม. 2556, หน้า 120
  2. ประชากิจกรจักร์ (แช่ม บุนนาค), พระยา. (2479). พงศาวดารโยน. พิมพ์เป็นที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพมหาอำมาตย์โท เจ้าพระยาสุธรรมมนตรี (ปลื้ม สุจริตกุล) วันที่ ๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๘ ณเมรุวัดเบญจมบพิตร. พระนคร: โสภณพิพรรฒธนากร. หน้า 65.