สโมสรฟุตบอลนรา ยูไนเต็ด

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
นรา ยูไนเต็ด
ชื่อเต็มสโมสรฟุตบอลนรา ยูไนเต็ด
ฉายากอและพิฆาต (ทีม), กอและมาเนีย (แฟนคลับ)
ก่อตั้งพ.ศ. 2553
สนามสนามกีฬาองค์การบริหารส่วนจังหวัด นราธิวาส
ความจุ7,000 ที่นั่ง
ประธานไทย วัชระ ยาวอหะซัน
ผู้จัดการไทย กูวาเอล ยาวอหะซัน
ผู้ฝึกสอนไทย สุริยา ยายิ
ลีกไทยลีก 3
2566–67ไทยลีก 3 โซนภาคใต้, อันดับที่ 7
สีชุดทีมเยือน

สโมสรฟุตบอลนรา ยูไนเต็ด เป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพในประเทศไทยโดยเป็นทีมจากจังหวัดนราธิวาส ปัจจุบันเล่นในไทยลีก 3 โซนภาคใต้

ประวัติสโมสรนรา ยูไนเต็ด[แก้]

ประวัติฟุตบอลของจังหวัดนราธิวาสในอดีต[แก้]

หากพูดถึงทีมฟุตบอล นราธิวาส แฟนบอลอาวุโสหลายคนในยุคนั้น อาจจะเฉยๆ น้อยคนนักที่จะประหวั่นพรั่นพรึงถึงพิษสงและความน่ากลัวของทีมชายแดนใต้ทีมนี้ แม้กระทั่งในภาคใต้เอง ทีมนี้...ก็อยู่ภายใต้ร่มของยักษ์ใหญ่ในอดีต อย่าง นครศรี, ตรัง, กระบี่, สตูล,สุราษฏร์ธานี, พังงา และสงขลา แม้กระทั่งปัตตานี ที่สับเปลี่ยนหมุนเวียน ขึ้นมาครองความยิ่งใหญ่ โดยตลอดในยุคที่กีฬาแห่งชาติ ได้ชื่อว่าเป็นกีฬาเขต จะเห็นได้ว่าในยุค 60-70 นราธิวาส ไม่เคยเฉียดสัมผัสตำแหน่งแชมป์บอลโล่พระราชทานฯ เลยแม้แต่ครั้งเดียว เป็นเครื่องตอกย้ำความจริงข้อนี้ได้เป็นอย่างดี มีบ้างที่หักปากกาเซียน ในยุคของผู้บริหารทีมจากยี่งอ เป๊าะนิอาแซ ที่นำนรา ไปแข่งกีฬาเขต และยามาฮ่าไทยแลนด์คัพ รอบสุดท้ายที่กทม.ในยุค 80 โดยได้โค้ชอดีตทีมชาติ คุณ แก้ว โตอติเทพ จากสโมสรราชวิถี เข้ามาช่วยให้นักเตะนรามีพัฒนาการที่ดีขึ้น

ต่อมาในยุค 90 เมื่อขั้วอำนาจถูกย้ายฝั่งไปที่ อ.สุไหงโก-ลก ฟุตบอลนราก็วงเวียนอยู่แค่ระดับภาคใต้ตอนล่างและรัฐทางตอนเหนือของประเทศมาเลเซียเท่านั้น กระทั่งจุดเปลี่ยน ทำให้นราธิวาส เริ่มเห็นแสงสว่างรำไรที่ปลายอุโมงค์แห่งความฝัน นั่นก็คือ ในระหว่างปี 97-99 ทีมฟุตบอลของโรงเรียนนราสิกขาลัย ในนามทีม มาโซบาติก โดยการนำของ อ.นิมิตร ลิ่วตระกูล ประกาศศักดาความยิ่งใหญ่คับจังหวัด ด้วยการคว้าถ้วยรางวัลมาทั่วหล้า และนักเตะยุคนั้น ได้กระจายไปเล่นในสโมสรต่างๆทั่วภาคใต้ อีกทั้งยังมีโอกาสเป็นตัวแทนเขต เข้าร่วมแข่งกีฬาเยาวชนแห่งชาติรอบสุดท้าย ก่อนสร้างผลงานได้อย่างน่าพอใจ

ยุคโปรลีก ปฐมบทของฟุตบอลลีกในจังหวัดนราธิวาส[แก้]

จึงเกิดเป็นแรงบันดาลใจให้ 2 สหายจากมะนังตายอ สส.วัชระ ยาวอฮะซัน และ โค้ชอ๊อด พิทยา พิมานแมน เข้ามาทำทีมฟุตบอลอย่างจริงจังในเวลาต่อมา ในช่วงปี 2000 โดยมีนักเตะเยาวชนจาก ร.ร.นราสิกขาลัย เป็นฟันเฟืองหลักในความสำเร็จ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ยังเวทีน้อยใหญ่มากมายทั่วภาคใต้ ก่อนจะประสบความสำเร็จระดับภาคเป็นครั้งแรกในศึก ไทคัพ และไพรม์มินิสเตอร์ คัพ ปี 2002 ช่วงที่ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพบอลโลก ร่วมกัน จากนั้น 2 ปีต่อมา ได้ประสบความสำเร็จต่อเนื่องด้วยการผ่านเข้ารอบสุดท้าย กีฬาแห่งชาติที่ ราชบุรี ในปี 2004 และสามารถฝ่าด่านมหากาฬของรอบแรก สำเร็จในประวัติศาสตร์จังหวัด

แม้ว่าปีนั้นจะเป็นฝ่ายปราชัยให้กับทีมสุพรรณบุรี ระดับโปรลีก ในรอบแปดทีมสุดท้ายก็ตาม แต่นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะเป็นแรงโหมสำคัญทำให้เรือกอและแห่งบางนรา ทะยานไปอย่างต่อเนื่อง ด้วยการได้เข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลโปรวินเชียลลีก ดิวิชั่น 2 ในปี 2005 ก่อนจะได้สิทธ์ขึ้นชั้นสำเร็จในปีต่อมา ทันที่ได้ขึ้นไปเล่น โปรเฟสชั่นแนลลีก เป็นครั้งแรกในระบบลีกอาชีพ ปี 2006 ทีมนราก็ได้สร้างปรากฏการสำคัญให้กับวงการฟุตบอลไทย ซึ่งถือว่าเป็นคุณูปการให้กับสมาคมฟุตบอลไทยและแฟนบอลท้องถิ่นเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเป็นทีมแรกที่มีการกล่าวขวัญถึงจำนวนแฟนบอลที่ล้นสนาม จนเกิดเป็นอาฟเตอร์ช๊อกให้ทีมต่างๆ โดยเฉพาะชลบุรี เกิดพฤติกรรมเลียนแบบ จนเป็นเรื่องปกติธรรมดาในปัจจุบัน ที่แฟนบอลเข้ามาชมเกมทะลักความจุของสนาม

เพียงแค่ฤดูกาลแรกที่เล่นระบบลีก พวกเขาก็แสดงให้เห็นถึงศักยภาพทีมในระดับนี้ ด้วยการคว้าอันดับ 5 ไปครองอย่างน่าประหลาดใจ รวมทั้งในรายการกีฬาแห่งชาติ ที่จ.สุพรรณบุรี พวกเขาก็ได้สร้างชื่อให้กับจังหวัดเล็กๆอีกครั้ง เมื่อเป็นฝ่ายหักปากกาเซียน เข้าชิงเป็นครั้งแรกกับทีมกาญจนบุรี ก่อนจะคว้าเหรียญเงินประวัติศาสตร์มาครองได้ แบบพลิกความคาดหมาย โดยโค้ชคู่บารมี อ.นริศ สุทธิกลัด และ อ.วิเชียร ภู่พงไพบูลย์ จาก รร.นราธิวาส และ อ.นิมิตร จากนราสิกขาลัย ต่อมาในปี 2007 เมื่อลีกอาชีพถูกรวมเข้าด้วยกันระหว่าง ลีกภูธรของ กกท.และกทม.ลีกของสมาคมฯ นราธิวาส เอฟซี ด้วยความที่ยังใหม่ในระบบลีกอาชีพ และพรรษาน้อย จึงส่งผลทำให้ต้องร่วงตกชั้น จากดิวิชั่น 1 ไปสู่ ลีกรองลงมา อย่างน่าเจ็บใจ ทั้งๆที่มีโอกาสจะอยู่รอดแบบเฉียดฉิว

ปีต่อมา 2008 ในระดับดิวิชั่น 2 พวกเขาก็แสดงให้เห็นถึงความพร้อมที่อยากจะขึ้นไปเล่นในลีกที่สูงกว่า เพียงแต่โชคไม่เป็นใจ ทำให้พลาดไปในนัดสุดท้าย แต่ก็ได้รับรางวัลทีมที่พัฒนายอดเยี่ยมประจำปีนั้นไปครองแบบไร้คู่แข่ง

ฟุตบอลของจังหวัดนราธิวาสในปัจจุบัน[แก้]

ในฤดูกาล 2011 เกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง เมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดในสมัยนั้น ท่าน ธนน เวชกรกานนท์ ได้มอบหมายให้ทีมสโมสรฟุตบอลนรา ยูไนเต็ด เป็นตัวแทนของจังหวัด เข้าร่วมการแข่งขัน ลีกดิวิชั่น 2 ได้เปลี่ยนสถานะเป็น เอไอเอส ลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2 ทำให้ นราธิวาส มีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งเมื่อผู้บริหารชุดเก่า สส.วัชระ ยาวอฮะซัน และพิทยา พิมานแมน เข้ามาทำชุดใหญ่อีกครั้ง โดยหวังสร้างทีมสโมสรฟุตบอลจากจังหวัดนราธิวาส กลับคืนสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้งในปีนี้เอง [1]

ยุคเริ่มต้น (สโมสรฟุตบอลจังหวัดนราธิวาส)[แก้]

ทีมสโมสรฟุตบอลนรา ยูไนเต็ด ตัวแทนของจังหวัดนราธิวาส ในปัจจุบัน แต่เดิมเป็น ทีมชมรมฟุตบอลของสมาคมกีฬาจังหวัดนราธิวาส และได้เข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลครั้งแรกในรายการกีฬาแห่งชาติ ราชบุรีเกมส์ ปี 2004 ต่อมาได้ร่วมแข่งขันฟุตบอลในรายการโปรเฟสชั่นแนลลีก ของการกีฬาแห่งประเทศไทย เป็นโต้โผใหญ่ของรายการ โดยใช้ชื่อ สโมสรฟุตบอลจังหวัดนราธิวาส ได้เข้าแข่งขันใน โปรเฟสชั่นแนลลีก ในฤดูกาล 2006

ต่อมาใน ปี 2011 สโมสรของชมรมฟุตบอลจังหวัดนราธิวาส ได้กลับมาเล่นในระดับ ลีกภูมิภาคดิวิชั่น 2 โซนภาคใต้ อีกครั้ง ในชื่อใหม่ว่า สโมสรฟุตบอลนรา ยูไนเต็ด ในปี 2010 ทีมกอและพิฆาต ร่วมลงแข่งขันรายการ ฟุตบอลซุปเปอร์แชมป์ ครั้งที่ 1 ในนามของ สโมสรฟุตบอลจังหวัดนราธิวาส และเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 39 ชลบุรีเกมส์ และได้ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ จนสามารถคว้าเหรียญทองแดงได้สำเร็จ หลังพลาดท่าพ่าย สโมสรฟุตบอลชลบุรี ไปด้วยสกอร์ 1-2 จบเส้นทางการป้องกันแชมป์ เพียงแค่รอบนี้

ยุคปัจจุบัน (สโมสรฟุตบอลนรา ยูไนเต็ด)[แก้]

ในปี 2009 ชมรมฟุตบอลจังหวัดนราธิวาส ภายใต้การนำของหัวหน้าผู้ฝึกสอน นิมิตร ลิ่วตระกูล สามารถคว้าตำแหน่งชนะเลิศ ในการแข่งขันฟุตบอล กีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 38 ตรังเกมส์ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของจังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้วยการชนะ จังหวัดราชบุรี 1-0 ในนัดชิงชนะเลิศ และยังได้สิทธิเป็นตัวแทนภาคใต้ ร่วมกับสตูลเข้าแข่งขันฟุตบอลรายการ ฟุตบอลซุปเปอร์แชมป์ ครั้งที่ 1 ในปี 2010 อีกด้วย[2]

ปี 2010 สโมสรฟุตบอลจังหวัดนราธิวาส สามารถคว้าแชมป์ฟุตบอล ซุปเปอร์แชมป์ ครั้งที่ 1 มาครองอย่างยิ่งใหญ่ได้ ด้วยการปราบทั้ง พิษณุโลก เอฟซี, อยุธยา เอฟซี และ เกษมบัณฑิต เอฟซี รวมทั้ง "กว่างซ้งมหาภัย" สโมสรฟุตบอลเชียงราย ยูไนเต็ด ด้วยสกอร์ รวม 3-0 ในรอบชิงชนะเลิศนัดที่ 2 หลังจากที่นัดแรก เสมอในเวลา 0-0

ปี 2011 สโมสรฟุตบอลจังหวัดนราธิวาส มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อทางผู้ว่าราชการในสมัยนั้น ท่าน ธนน เวชกรกานนท์ ได้ให้สิทธิ์แก่ทีม สโมสรฟุตบอลนรา ยูไนเต็ด เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอล เอไอเอส ลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2 โซนภาคใต้ เป็นครั้งแรกของสโมสร โดยได้ผู้จัดการทีม วัชระ ยาวอหะซัน กลับมาคุมทีมอีกครั้ง หลังจากที่วางมือไปเมื่อ 2 ปีก่อน จนส่งผลทำให้ ทีมกอและพิฆาต จบเลกแรกของฤดูกาลด้วยอันดับที่ 7 ในปีนี้

ในปี 2011 สโมสรฟุตบอลนรา ยูไนเต็ดได้ โค้ชพิทยา พิมานแมน และนักเตะชุดประวัติศาสตร์ในปี 2009 กลับมาร่วมทัพอีกครั้ง พร้อมกับย้ายสนามเหย้าจากสนาม บางนรา อารีน่า สเตเดี้ยม หรือ สนาม เทศบาลเมือง จังหวัดนราธิวาส มาที่สนามนราธิวาส ฟอเรสต์ ไซด์ สเตเดี้ยม หรือในชื่ออย่างเป็นทางการว่า สนามองค์การบริหารส่วนจังหวัด นราธิวาส ในฤดูกาลนี้ สโมสรฟุตบอลนรา ยูไนเต็ด ทำได้เพียงอันดับที่ 7 ในการแข่งขันฟุตบอล เอไอเอส ลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2 โซนภาคใต้ เลกแรก แต่ก็ยังสามารถคว้ารางวัลชนะเลิศฟุตบอลถ้วยในรายการ ถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนฯ สุไหงโก-ลก คัพ มาครองได้เป็นครั้งแรก อีกทั้งยังชนะเลิศรายการถ้วยโล่ห์พระราชทาน ภาคใต้ ที่จังหวัดพังงา มาครองได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของจังหวัดเช่นกัน ทำให้ได้รับสิทธิเป็นเจ้าภาพ ในครั้งถัดไปโดยอัตโนมัติ

ในอนาคตปี 2013 สโมสรฟุตบอลนรา ยูไนเต็ด เตรียมจะทำการย้ายสนามเหย้าอีกครั้ง จากเดิม สนามองค์การบริหารส่วนจังหวัด นราธิวาส มาใช้สนามกีฬากลาง จังหวัดนราธิวาส สเตเดียม แทน ซึ่งถือเป็นสนามใหม่ล่าสุด และเป็นสนามที่มีอัฒจันทร์ล้อมรอบเป็นแห่งแรกในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้

ปัจจุบันสโมสรฟุตบอลนรา ยูไนเต็ด ได้รับการยอมรับว่าเป็นทีมที่มีสไตล์การเล่นอันเป็นเอกลักษณ์ในแบบฉบับทรงบอล แซมบ้าเมอนารอ อันลือลั่น บราซิลแดนใต้ขนานแท้และดั้งเดิม มีความมุ่งมั่นไปสู่ความเป็นมืออาชีพต่อไป และมีกลุ่มกองเชียร์ Kolak Mania ที่เหนียวแน่น และเลื่องชื่อลือชาในเรื่องของสีสันในการเชียร์ เป็นจุดแข็งของสโมสรอีกด้วย[3]

ผู้เล่น[แก้]

ผู้เล่นชุดปัจจุบัน[แก้]

หมายเหตุ: ธงชาติที่ปรากฏบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่าตามความเหมาะสม เพราะผู้เล่นบางคนอาจถือสองสัญชาติ

เลข ตำแหน่ง สัญชาติ ผู้เล่น
5 DF ไทย อนัส ดุลยเสรี
6 MF ไทย กูวาเอล ยาวอหะซัน
7 FW ไทย บาห์เรน บินกาเดร์
9 FW ไทย อิลฮัม อิบรอเฮง
10 FW ฝรั่งเศส อ็องโนร แฟร์ดีน็อง
11 MF ไทย รุชดาน กาเต็มมาดี
14 FW ไทย มัรวรรณ ยะโกะ
15 MF ไทย อาดัม อูเซ็ง
18 GK ไทย ชลธาร สาแมและ
19 DF ไทย สุชาติ เต็งปะราแม
21 MF ไทย อาซูวาน เจ๊ะโมง
23 DF ไทย อารอฟัท ยูโซะ
25 DF อาร์เจนตินา ฆวน โอโดริซิโอ
เลข ตำแหน่ง สัญชาติ ผู้เล่น
26 GK ไทย รีบูวัน อาเกะ
27 MF ไทย ฮามีรูล เจ๊ะอาแซ
28 MF ไทย ฮัมดี บินมูดอ
29 FW ไทย ไฟโรส เจ๊ะแม
31 GK ไทย บูลยามี สาและ
42 MF ญี่ปุ่น เรียวเฮอิ มาเอดะ
46 FW ไทย อิลฮัม ยูโซะ
48 DF ไทย อัสรู บินมามุ
50 DF ไทย อัฮหมัด โต๊ะตาบา
57 MF ไทย ฟัดดรู ฏิยาอุลอิสลาม
88 MF ไทย สมนึก แก้วอาภรณ์ (กัปตันทีม)
92 DF ไทย ซัลมาน แวสือแม
99 FW ไทย มันโซ อุสมัน

ผลงาน[แก้]

ภายในประเทศ[แก้]

  • กีฬาแห่งชาติ
    • ชนะเลิศ เหรียญทอง 1 ครั้ง - 2009
    • รองชนะเลิศ เหรียญเงิน 1 ครั้ง - 2006
    • รองชนะเลิศอันดับสอง เหรียญทองแดง 1 ครั้ง - 2010
  • แชมป์ ซุปเปอร์แชมป์ คัพ ครั้งที่ 1 2010
    • ชนะเลิศ 1 ครั้ง - 2010
  • โปรเฟสชั่นแนลลีก
    • อันดับห้า 1 ครั้ง - 2006
  • ถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตน์ฯ โก-ลก คัพ
    • ชนะเลิศ 1 ครั้ง - 2011
  • ลีกภูมิภาค 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ S'5 Unity League
    • รองชนะเลิศ 1 ครั้ง - 2008
  • ลีกภูมิภาค 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ อายุไม่เกิน 20 ปี S'5 Unity Youth cup U-20
    • ชนะเลิศ 3 ครั้ง - 2007, 2008, 2009
    • รองชนะเลิศ 1 ครั้ง - 2010
  • ถ้วยโล่ห์พระราชทาน ภาคใต้ Southern royal shield Trophy 2009 (Phangga Cup)
    • ชนะเลิศ 1 ครั้ง - 2009

ผลงานตามฤดูกาล[แก้]

ฤดูกาล ลีก เอฟเอคัพ ลีกคัพ ลีก 3 คัพ ผู้ทำประตูสูงสุด
ระดับ แข่ง ชนะ เสมอ แพ้ ได้ เสีย คะแนน อันดับ ชื่อ จำนวนประตู
2564–65 ไทยลีก 3 โซนภาคใต้ 24 12 6 6 38 26 42 อันดับที่ 4 ไม่ได้เข้าร่วม ไม่ได้เข้าร่วม ไทย สุกรี อีแต 8
2565–66 ไทยลีก 3 โซนภาคใต้ 22 9 6 7 30 27 33 อันดับที่ 5 รอบแรก ไม่ได้เข้าร่วม ไทย สมนึก แก้วอาภรณ์ 5
2566–67 ไทยลีก 3 โซนภาคใต้ 22 9 4 9 25 25 31 อันดับที่ 7 ไม่ได้เข้าร่วม ไม่ได้เข้าร่วม ไม่ได้เข้าร่วม ไทย มันโซ อุสมัน
ไทย ไฟโรส เจ๊ะแม
ไทย สมนึก แก้วอาภรณ์
3
แชมป์ รองแชมป์ อันดับที่สาม เลื่อนชั้น ตกชั้น

อดีตผู้เล่นคนสำคัญ[แก้]

อ้างอิง[แก้]

  1. [1] จาก www.bolanara.com สืบค้นเมื่อ 1 มกราคม 2554
  2. [2] จาก www.siamsport.co.th สืบค้นเมื่อ 18 กันยายน 2554
  3. [3] จาก www.bolanara.com สืบค้นเมื่อ 25 มีนาคม 2554

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]