ภาษากงกัณ
ภาษากงกัณ | |
---|---|
कोंकणी / ಕೊಂಕಣಿ/ Konknni/ കോങ്കണീ/ کونکڼی | |
"กงกัณ" ที่เขียนในอักษรเทวนาครี | |
ออกเสียง | [kõkɳi] (ตัวภาษา), [kõkɵɳi] (แผลงเป็นอังกฤษ) |
ประเทศที่มีการพูด | ประเทศอินเดีย |
ภูมิภาค | กงกัณ (รวมกัวและพื้นที่ชายฝั่งของรัฐกรณาฏกะ, มังคาลอร์, รัฐมหาราษฏระและบางส่วนของรัฐเกรละ, รัฐคุชราต (Dang district) และ Dadra and Nagar Haveli and Daman and Diu)[1][2] |
ชาติพันธุ์ | ชาวกงกัณ |
จำนวนผู้พูด | 2.3 ล้าน (2011 census)[3] |
ตระกูลภาษา | |
ภาษาถิ่น | |
ระบบการเขียน | อดีต: พราหมี Nāgarī Goykanadi โมฑี ปัจจุบัน: เทวนาครี (ทางการ)[note 1] โรมัน[note 2] กันนาดา[note 3] มลยาฬัม[5] |
สถานภาพทางการ | |
ภาษาทางการ | อินเดีย |
ผู้วางระเบียบ | Karnataka Konkani Sahitya Academy และรัฐบาลกัว[7] |
รหัสภาษา | |
ISO 639-2 | kok |
ISO 639-3 | kok – รหัสรวม รหัสเอกเทศ: gom – Goan Konkaniknn – Maharashtrian Konkani |
พื้นที่ที่มีผ้พูดภาษากงกัณเป็นภาษาแม่ในประเทศอินเดีย |
ภาษากงกัณ (Kōṅkaṇī) เป็นภาษากลุ่มอินโด-อารยันที่พูดโดยชาวกงกัณส่วนใหญ่ในแคว้นชายฝั่งตะวันตก (กงกัณ) ของอินเดีย ซึ่งเป็นหนึ่งใน 22 รายการภาษาที่ถูกระบุในกำหนดรายการที่แปดของรัฐธรรมนูญอินเดีย[8] และเป็นภาษาทางการของกัว จารึกภาษากงกัณอักแรกเขียนใน ค.ศ. 1187[9] ภาษานี้เป็นภาษาชนกลุ่มน้อยในรัฐกรณาฏกะ, รัฐมหาราษฏระ, รัฐเกรละ,[10] รัฐคุชราตและดาดราและนครหเวลี และดามันและดีอู
ลักษณะ
[แก้]ภาษากงกัณ (กงกณีภาษา) เป็นภาษาที่มีความหลากหลายในด้านการเรียงประโยคและรูปลักษณ์ของภาษา ไม่อาจจำแนกได้ว่าเป็นภาษาที่ใช้การเน้นเสียงหรือเป็นภาษาที่มีวรรณยุกต์ [11] เป็นภาษาที่แยกเสียงสั้นยาวของสระเช่นเดียวกับภาษาในกลุ่มอินโด-อารยันอื่น ๆ พยางค์ที่มีสระเสียงยาวมักเป็นพยางค์ที่เน้น
ภาษากงกัณมีสระพื้นฐาน 16 เสียง พยัญชนะ 36 เสียง เสียงกึ่งสระ 5 เสียง เสียงออกตามไรฟัน 3 เสียง เสียงระบายลม 1 เสียง และมีเสียงประสมจำนวนมาก ความแตกต่างของสระนาสิกเป็นลักษณะพิเศษของภาษากงกัณ
สระ
[แก้]หน้า | กลาง | หลัง | |
---|---|---|---|
ปิด | i ĩ | u ũ | |
กลางปิด | e ẽ | ɵ ɵ̃ | o õ |
กลางเปิด | ɛ ɛ̃ | ʌ | ɔ ɔ̃ |
เปิด | (æ) | a ã |
พยัญชนะ
[แก้]ริมฝีปาก | ฟัน/ ปุ่มเหงือก |
ปลายลิ้นม้วน | หลัง ปุ่มเหงือก |
เพดานอ่อน | เส้นเสียง | |
---|---|---|---|---|---|---|
หยุด | p (pʰ) b bʱ |
t tʰ d dʱ |
ʈ ʈʰ ɖ ɖʱ |
k kʰ ɡ ɡʱ |
||
กักเสียดแทรก | ts tsʰ dz dzʱ |
tɕ tɕʰ dʑ dʑʱ |
||||
เสียดแทรก | f | s | ɕ | h | ||
นาสิก | m mʱ | n nʱ | ɳ ɳʱ | ɲ | ŋ | |
เหลว | ʋ ʋʱ | ɾ ɾʱ l lʱ |
ɽ แม่แบบ:PUA[12] |
j |
ประวัติ
[แก้]จุดเริ่มต้น
[แก้]ภาษากงกัณพัฒนาขึ้นในบริเวณกงกัณซึ่งเป็นฉนวนแผ่นดินแคบ ๆ ระหว่างเขตภูเขาสหยทริและทะเลอาหรับทางฝั่งตะวันตกของอินเดีย โดยเฉพาะในโคมันตัก (ปัจจุบันคือกัว) ทฤษฎีเกี่ยวกับกำเนิดของภาษากงกัณมีสองแบบคือ
- ต้นกำเนิดของภาษากงกัณคือกลุ่มพราหมณ์สรสวัต ผู้อยู่ตามฝั่งแม่น้ำสรวสวตีในอินเดียตะวันตกเฉียงเหนือเมื่อประมาณ 5,000 ปีมาแล้ว จากการเปลี่ยนแปลงของแม่น้ำเมื่อราว 1,357 ปีก่อนพุทธศักราช ทำให้มีการอพยพ กลุ่มผู้อพยพกลุ่มหนึ่งเข้ามาตั้งหลักแหล่งในบริเวณโคมันตัก คนกลุ่มนี้พูดภาษาปรากฤต (ภาษาเศารเสนี) ซึ่งต่อมาพัฒนาเป็นภาษากงกัณ[13]
- ภาษากงกัณเป็นภาษาท้องถิ่นที่ใช้พูดในหมู่ชาวโกกนาซึ่งถูกทำให้เป็นสันสกฤต ชนกลุ่มนี้ปัจจุบันอยู่ในทางเหนือของรัฐมหาราษฏระและทางใต้ของรัฐคุชราตแต่อาจจะมีต้นกำเนิดมาจากเขตกงกัณ ผู้อพยพชาวอารยันที่เข้าสู่กงกัณนำภาษาของคนในท้องถิ่นมาใช้และเพิ่มศัพท์จากภาษาปรากฤตและภาษาสันสกฤตเข้าไป [14]
ช่วงแรก
[แก้]ภาษากงกัณเป็นภาษาหลักในกัว เริ่มแรกเขียนด้วยอักษรพราหมี ต่อมาจึงเขียนด้วยอักษรเทวนาครี ใช้ในทางศาสนาและการค้ารวมทั้งในชีวิตประจำวัน
กลุ่มชนอื่น ๆ ที่ใช้ภาษากงกัณสำเนียงต่าง ๆ ได้แก่ชาวกงกัณมุสลิมในเขตรัตนกาลีและภัตกัล ซึ่งมีลักษณะของภาษาอาหรับเข้ามาปนมาก ชนอีกกลุ่มหนึ่งที่ใช้ภาษากงกัณคือชาวสิททิสซึ่งมาจากเอธิโอเปีย[15]
การอพยพและการแยกเป็นส่วน
[แก้]การเข้ามาของโปรตุเกสทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงมากในหมู่ของชาวกงกัณ ชาวกงกัณบางส่วนเปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์และอิทธิพลทางศาสนาของโปรตุเกสทำให้ชาวกงกัณบางส่วนอพยพออกไป การแบ่งแยกระหว่างชาวกงกัณที่นับถือศาสนาฮินดูและคริสต์ทำให้ภาษากงกัณแตกเป็นหลายสำเนียงยิ่งขึ้น
ภาษานี้แพร่ไปสู่เขตจนระหรือกรวลี (ชายฝั่งของการณตกะ) โกกัน-ปัตตะ (ชายฝั่งกงกัณ ส่วนของรัฐมหาราษฏระ) และรัฐเกราลาในช่วง 500 ปีหลัง การอพยพของชาวกงกัณมีสาเหตุมาจากการปกครองกัวของโปรตุเกส
การอพยพของชาวคริสต์และฮินดูเกิดเป็น 3 ระลอก การอพยพครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2103 ซึ่งเป็นช่วงแรกที่โปรตุเกสเข้ามาปกครองกัว ครั้งที่ 2 เกิดเมื่อ พ.ศ. 2114 ในสงครามกับสุลต่านพิชปูร์ การอพยพครั้งที่ 3 เกิดขึ้นระหว่างสงครามในช่วง พ.ศ. 2226 - 2283 การอพยพในช่วงแรกเป็นผู้นับถือศาสนาฮินดู ส่วนสองครั้งหลัง ส่วนใหญ่เป็นชาวคริสต์
ภาษากงกัณในกัวของโปรตุเกส
[แก้]ในช่วงแรกของการเป็นอาณานิคมของโปรตุเกส มิชชันนารีให้ความสำคัญกับการแปลคัมภีร์ศาสนาคริสต์เป็นภาษาท้องถิ่นทั้งภาษากงกัณและภาษามราฐีจนกระทั่ง พ.ศ. 2227 โปรตุเกสห้ามใช้ภาษาถิ่นในเขตปกครองของตน ซึ่งถือว่าเป็นภาษาสำหรับศาสนาฮินดู ให้ใช้ภาษาโปรตุเกสเป็นภาษาราชการแทน ทำให้การใช้ภาษากงกัณลดลงและทำให้ภาษาโปรตุเกสมีอิทธิพลต่อภาษากงกัณสำเนียงของชาวคริสต์มาก ส่วนชาวกงกัณที่นับถือศาสนาฮินดูใช้ภาษามราฐีเป็นภาษาทางศาสนา และจากความสัมพันธ์ในอดีตระหว่างภาษากงกัณและภาษามราฐี ทำให้ชาวกงกัณส่วนใหญ่พูดภาษามราฐีเป็นภาษาที่สองและปัจจุบันเป็นภาษาที่ใช้ในชีวิตประจำวันของชาวฮินดูในกัวรวมทั้งชาวกงกัณด้วย ชาวคริสต์ชั้นสูงใช้ภาษากงกัณกับชนชั้นที่ต่ำกว่าและยากจน ส่วนในสังคมของตนใช้ภาษาโปรตุเกส
ผู้อพยพชาวกงกัณนอกกัวยังคงใช้ภาษากงกัณและภาษามีความแตกต่างกันมากยิ่งขึ้น มีการเขียนภาษากงกัณด้วยอักษรเทวนาครีในรัฐมหาราษฏระ ในขณะที่ผู้พูดในรัฐกรนาฏกะเขียนด้วยอักษรกันนาดา
การฟื้นฟูภาษากงกัณ
[แก้]สถานะของภาษากงกัณจัดว่าน่าเป็นห่วง มีการใช้ภาษาโปรตุเกสเป็นภาษาราชการและภาษาทางสังคมในหมู่ชาวคริสต์ ในหมู่ชาวฮินดูนิยมใช้ภาษามราฐีมากกว่าและมีการแบ่งแยกระหว่างชาวคริสต์และชาวฮินดูมากขึ้น
ยุคหลังได้รับเอกราช
[แก้]หลังจากอินเดียได้รับเอกราช กัวได้รวมเข้ากับอินเดียเมื่อ พ.ศ. 2504 ได้เกิดข้อโต้แย้งในกัวเกี่ยวกับสถานะของภาษากงกัณในฐานะภาษาเอกเทศและอนาคตของกัวว่าจะรวมเข้ากับรัฐมหาราษฏระหรือเป็นรัฐต่างหากต่อไป บทสรุปปรากฏว่ากัวเลือกเป็นรัฐต่างหากใน พ.ศ. 2510 ส่วนในด้านภาษา ภาษาที่มีการใช้มากภายในรัฐได้แก่ ภาษาอังกฤษ ภาษาฮินดี ภาษามราฐี ส่วนภาษากงกัณยังไม่ได้รับการใส่ใจ
การกำหนดให้เป็นภาษาเอกเทศ
[แก้]ในขณะที่มีความเชื่อว่าภาษากงกัณเป็นสำเนียงของภาษามราฐีไม่ใช่ภาษาเอกเทศ สุนิต กุมาร จัตเตร์ชี ประธานคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาศาสตร์แห่งชาติได้จัดการประชุมทางวิชาการเกี่ยวกับข้อโต้แย้งนี้และได้บทสรุปเมื่อ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2518 ว่าภาษากงกัณเป็นภาษาเอกเทศ [16]
สถานะการเป็นภาษาราชการ
[แก้]กลุ่มผู้รักภาษากงกัณได้เรียกร้องให้ภาษากงกัณเป็นภาษาประจำรัฐกัวใน พ.ศ. 2529 ในที่สุดเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2530 รัฐกัวยอมรับให้ภาษากงกัณเป็นภาษาราชการของรัฐ และได้รับการยอมรับให้เป็นภาษาประจำชาติของอินเดียเมื่อ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2535
ปัญหา
[แก้]ภาษากงกัณเป็นภาษาที่ใกล้ตายเพราะ
- การแตกแยกเป็นส่วน ๆ ของภาษากงกัณ ทำให้ไม่มีสำเนียงกลางที่เข้าใจระหว่างกันได้
- การแพร่หลายของวัฒนธรรมตะวันตกในอินเดีย
- ชาวกงกัณที่นับถือศาสนาฮินดูในกัวและบริเวณชายฝั่งของรัฐมหาราษฏระ ส่วนใหญ่ใช้ภาษามราฐีได้ด้วย
- ผู้นับถือศาสนาอิสลามหันไปใช้ภาษาอูรดู
- ปัญหาการติดต่อของชาวกงกัณที่มีศาสนาต่างกัน และภาษากงกัณไม่ได้เป็นภาษาสำคัญทางศาสนา ชาวกงกัณมักติดต่อในกลุ่มที่นับถือศาสนาเดียวกันและหลีกเลี่ยงการติดต่อระหว่างกลุ่มที่มีศาสนาต่างกัน
- การอพยพของชาวกงกัณไปยังบริเวณอื่น ๆ ของอินเดียและทั่วโลก
- การขาดโอกาสที่จะเรียนภาษากงกัณในโรงเรียน มีโรงเรียนที่สอนภาษากงกัณไม่กี่แห่งในกัว ประชาชนที่อยู่นอกเขตที่ใช้ภาษากงกัณไม่มีโอกาสได้เรียนภาษากงกัณแม้ตะในแบบไม่เป็นทางการ
- ความนิยมของประชาชนที่นิยมพูดกับเด็ก ๆ ด้วยภาษาที่ใช้ทำมาหากิน ไม่ใช่ภาษาแม่ โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ภาษาอังกฤษของเด็กดีขึ้น
มีความพยายามที่จะฟื้นฟูภาษากงกัณโดยเฉพาะความพยายามของเศนอย โคเอมพับ ที่พยายามสร้างความสนใจวรรณกรรมภาษากงกัณขึ้นอีกครั้ง มีองค์ที่สนับสนุนการใช้ภาษากงกัณ เช่น กงกัณ ไทซ ยตระ ที่บริหารโดยมันเดล และองค์กรที่ใหม่กว่าอย่างเช่น วิศวะ กงกัณ ปาริศัด
การใช้หลายภาษา
[แก้]จากการสำรวจในอินเดีย ผู้พูดภาษากงกัณพูดได้หลายภาษา ใน พ.ศ. 2544 ค่าเฉลี่ยทั้งประเทศมีผู้ใช้สองภาษาร้อยละ 19.44 และใช้สามภาษาร้อยละ 7.26 ในขณะที่เฉพาะผู้พูดภาษากงกัณ มีผู้ใช้สองภาษาร้อยละ 74.2 และใช้สามภาษาร้อยละ 44.68 ทำให้ชุมชนของชาวกงกัณเป็นชุมชนของผู้ใช้หลายภาษาในอินเดีย เหตุผลหนึ่งน่าจะมาจากการที่ขาดโรงเรียนที่สอนด้วยภาษากงกัณเป็นภาษาแรกหรือภาษาที่สอง
การใช้หลายภาษาไม่ใช่สิ่งที่ผิดแต่เป็นการชี้ให้เห็นว่าภาษากงกัณเป็นภาษาที่ไม่เกิดการพัฒนา ผู้พูดภาษากงกัณที่ใช้ภาษามราฐีในกัวและมหราราษฏระเชื่อว่าภาษากงกัณเป็นสำเนียงของภาษามราฐี
ข้อโต้แย้งระหว่างภาษากงกัณและภาษามราฐี
[แก้]มีการกล่าวอ้างมานานแล้วว่าภาษากงกัณเป็นสำเนียงของภาษามราฐีและไม่ใช่ภาษาเอกเทศ ซึ่งมีเหตุผลหลายประการ ได้แก่ ความใกล้เคียงระหว่างภาษามราฐีและภาษากงกัณ ความใกล้เคียงทางภูมิศาสตร์ระหว่างกัวและมหาราษฏระ อิทธิพลอย่างชัดเจนของภาษามราฐีต่อภาษากงกัณสำเนียงที่ใช้พูดในรัฐมหาราษฏระ การที่ภาษากงกัณมีวรรณกรรมน้อยและชาวกงกัณที่นับถือศาสนาฮินดูจะใช้ภาษามราฐีเป็นภาษาที่สอง ทำให้งานเขียนของ Jose Pereira ใน พ.ศ. 2514 กล่าวว่าภาษากงกัณเป็นสำเนียงของภาษามราฐี งานเขียนของ S. M. Katre ใน พ.ศ. 2509 ได้ใช้การศึกษาทางประวัติศาสตร์สมัยใหม่และเปรียบเทียบสำเนียงของภาษากงกัณหกสำเนียงได้สรุปว่าจุดกำเนิดของภาษากงกัณต่างจากภาษามราฐี เศนอย โคเอมพับ ผู้มีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูภาษากงกัณ ได้ต่อต้านการใช้ภาษามราฐีในหมู่ชาวฮินดูและการใช้ภาษาโปรตุเกสในหมู่ของชาวคริสต์
การรวมของกัวเข้ากับอินเดียเมื่อ พ.ศ. 2504 เป็นเวลาที่รัฐในอินเดียมีการจัดตัวใหม่ตามเส้นแบ่งทางภาษา มีความต้องการที่จะรวมกัวเข้ากับรัฐมหาราษฏระเพราะในกัวมีผู้พูดภาษามราฐีจำนวนมาก และภาษากงกัณถูกจัดให้เป็นสำเนียงของภาษามราฐี ดังนั้นสถานะของภาษากงกัณในฐานะภาษาเอกเทศหรือเป็นสำเนียงของภาษามราฐีจึงเป็นหัวข้อทางการเมืองในการรวมรัฐกัวด้วย
องค์กรวิชาการสาหิตยะในอินเดียยอมรับภาษากงกัณในฐานะภาษาเอกเทศเมื่อ พ.ศ. 2518 และภาษากงกัณที่เขียนด้วยอักษรเทวนาครีได้เป็นภาษาราชการของกัวใน พ.ศ. 2530
การแพร่กระจาย
[แก้]ภาษกงกัณใช้พูดทั่วไปในเขตกงกัณ ซึ่งรวมถึง กัว ชายฝั่งตอนใต้ของรัฐมหาราษฏระ ชายฝั่งของรัฐการณาฏกะ และรัฐเกราลา แต่ละท้องถิ่นมีสำเนียงของตนเอง การแพร่กระจายของผู้พูดภาษานี้มีสาเหตุหลักจากการออพยพของชาวกัวเพื่อหลบหนีการปกครองของโปรตุเกส
ระบบการเขียน
[แก้]ภาษากงกัณเขียนด้วยอักษณหลายชนิด ทั้ง อักษรเทวนาครี อักษรโรมัน (เริ่มสมัยอาณานิคมของโปรตุเกส) อักษรกันนาดา ใช้ในเขตมันกาลอร์ และชายฝั่งของรัฐการณาฏกะ อักษรอาหรับในหมู่ผู้นับถือศาสนาอิสลามที่เรียกว่า ภัทกาลี ชนกลุ่มนี้หันมานับถือศาสนาอิสลามในสมัยสุลต่านทิบบู อยู่ในเขตรัฐการณาฏกะ มีผู้เขียนด้วยอักษรมลยาฬัมกลุ่มเล็ก ๆ ในเกราลา แต่ปัจจุบันเริ่มหันมาใช้อักษรเทวนาครีแทน
IPA | อักษรเทวนาครีปรับปรุง | อักษรเทวนาครีมาตรฐาน | อักษรละติน | อักษรกันนาดา | อักษรมลยาฬัม | อักษรอาหรับ |
---|---|---|---|---|---|---|
/ɵ/ | अ | अ | o | ಅ/ಒ | അ | ? |
/aː/ | आ | आ | a | ಆ | ആ | ? |
/i/ | इ | इ | i | ಇ | ഇ | ? |
/iː/ | ई | ई | i | ಈ | ഈ | ? |
/u/ | उ | उ | u | ಉ | ഉ | ? |
/uː/ | ऊ | ऊ | u | ಊ | ഊ | ? |
/e/ | ए | ए | e | ಎ | എ | ? |
/ɛ/ | ऍ | ए | e | ಎ | ഏ | ? |
æ | no symbol | ए | /e/ | ಎ or ಐ | ഐ | ? |
/ɵi/ | ऐ | ऐ | ai/oi | ಐ | ഐ | ? |
/o/ | ओ | ओ | o | ಒ | ഒ | ? |
/ɔ/ | ऑ | ओ | o | ಒ | ഓ | ? |
/ɵu/ | औ | ಔ | au/ou | ഔ | ? | |
/ⁿ/ | अं | अं | om/on | ಅಂ | അം | ? |
/k/ | क | क | k | ಕ್ | ക് | ک |
/kʰ/ | ख | ख | kh | ಖ್ | ഖ് | که |
/g/ | ग | ग | g | ಗ್ | ഗ് | ک |
/gʱ/ | घ | घ | gh | ಘ್ | ഘ് | گه |
/ŋ/ | ङ | ंग | ng | ಙ | ങ് | ڭ |
/ts/ | च़ | च़ | ch | ಚ್ | ത്സ് | څ |
/c/ | च | च | ch | ಚ್ | ച് | چ |
/cʰ/ | छ | छ | chh | ಛ್ | ഛ് | چه |
/z/ | ज़ | ज़ | z | ಜ | ? | ز |
/ɟ/ | ज | ज | j | ಜ್ | ജ് | ج |
/zʰ/ | झ़ | झ़ | zh | ಝ್ | ? | زه |
/ɟʱ/ | झ | झ | jh | ಝ್ | ഝ് | جه |
/ɲ/ | ञ | ञ | nh | ಞ | ഞ് | ڃ |
/ʈ/ | ट | ट | tt | ಟ್ | ട് | ټ |
/ʈʰ/ | ठ | ठ | tth | ಠ್ | ഠ് | ټه |
/ɖ/ | ड | ड | dd | ಡ್ | ഡ് | ډ |
/ɖʱ/ | ढ | ढ | ddh | ಢ್ | ഢ് | ډه |
/ɳ/ | ण | ण | nn | ಣ್ | ണ് | ڼ |
/t̪/ | त | त | t | ತ್ | ത് | ت |
/t̪ʰ/ | थ | थ | th | ಥ್ | ഥ് | ته |
/d̪/ | द | द | d | ದ್ | ദ് | د |
/d̪ʰ/ | ध | ध | dh | ಧ್ | ധ് | ده |
/n/ | न | न | n | ನ್ | ന് | ن |
/p/ | प | प | p | ಪ್ | പ് | پ |
/f/ | फ़ | फ | f | ಫ್ | ? | ف |
/b/ | ब | ब | b | ಬ್ | ബ് | ب |
/bʱ/ | भ | भ | bh | ಭ್ | ഭ് | به |
/m/ | म | म | m | ಮ್ | മ് | م |
/j/ | य | य | i/e/ie | ಯ್ | യ് | ې |
/ɾ/ | र | र | r | ರ್ | ര് | ر |
/l/ | ल | ल | l | ಲ್ | ല് | ل |
/ʃ/ | श | श | x | ಶ್ | ഷ് | ش |
/ʂ/ | ष | ष | x | ಷ್ | ശ് | ? |
/s/ | स | स | s | ಸ್ | സ് | س |
/ɦ/ | ह | ह | h | ಹ್ | ഹ് | ? |
/ɭ/ | ळ | ळ | ll | ಳ್ | ള് | ? |
/ʋ/ | व | व | v | ವ್ | വ് | ڤ |
การเขียนและหัวข้อเรื่องสำเนียง
[แก้]ปัญหาทางด้านการใช้ระบบการเขียนหลายชนิดและสำเนียงที่ต่างกันกลายเป็นปัญหาสำคัญในการทำให้ภาษากงกัณเป็นเอกภาพ การตัดสินใจให้ใช้อักษรเทวนาครีเป็นอักษรทางการและให้สำเนียงอันตรุซเป็นสำเนียงมาตรฐานทำให้มีข้อโต้แย้งตามมา สำเนียงอันตรุซเป็นสำเนียงที่ชาวกัวส่วนใหญ่ไม่เข้าใจและต่างจากภาษากงกัณสำเนียงอื่น และอักษรเทวนาครีมีการใช้น้อยเมื่อเทียบกับอักษรโรมันในกัวและอักษรกันนาดาในบริเวณชายฝั่งของรัฐกรนาฏกะ ชาวคริสต์คาทอลิกในกัวได้ใช้อักษรโรมันในการเขียนงานวรรณกรรมและต้องการให้อักษรโรมันเป็นอักษรทางการเทียบเท่าอักษรเทวนาครี
ในกรนาฏกะที่มีผู้พูดภาษากงกัณจำนวนมาก ได้มีการจัดกิจกรรมเพื่อรณรงค์ให้ใช้อักษรกันนาดาเขียนภาษากงกัณในโรงเรียนท้องถิ่นแทนอักษรเทวนาครี ในปัจจุบันไม่มีอักษรชนิดใดหรือสำเนียงใดเป็นที่เข้าใจหรือได้รับการยอมรับจากทุกส่วน การที่ขาดสำเนียงที่เป็นกลางและเข้าใจกันได้ทั่วไป ทำให้ผู้พูดภาษากงกัณต่างสำเนียงกันต้องสื่อสารกันด้วยภาษาอื่น
หมายเหตุ
[แก้]- ↑ มีการประกาศให้อักษรเทวนาครีเป็นอักษรทางการ
- ↑ รัฐบาลกัวผ่านร่างอนุญาตใช้อักษรโรมันในการสื่อสารได้ ซึ่งมีผลแตกต่างกัน เช่น Goa Panchayat Rules, 1996 เก็บถาวร 2017-06-22 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน ใช้ทั้งรูปเทวนาครีและโรมัน
- ↑ ในรัฐกรณาฏกะใช้อักษรกันนาดาแทนเทวนาครี
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Whiteley, Wilfred Howell (1974). Language in Kenya. Oxford University Press. p. 589.
- ↑ Kurzon, Denis (2004). Where East looks West: success in English in Goa and on the Konkan Coast Volume 125 of Multilingual matters. Multilingual Matters. p. 158. ISBN 978-1-85359-673-5.
- ↑ "Statement 1: Abstract of speakers' strength of languages and mother tongues - 2011". www.censusindia.gov.in. Office of the Registrar General & Census Commissioner, India. สืบค้นเมื่อ 7 July 2018.
- ↑ Kapoor, Subodh (10 April 2002). The Indian Encyclopaedia: La Behmen-Maheya. Cosmo Publications. ISBN 9788177552713 – โดยทาง Google Books.
- ↑ Mother Tongue blues – Madhavi Sardesai
- ↑ "PUZZLE WRAPPED IN AN ENIGMA: UNDERSTANDING KONKANI IN GOA". 24 July 2011. สืบค้นเมื่อ 18 September 2020.
- ↑ "The Goa Daman and Diu Official Language Act" (PDF). Government of India. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 4 March 2009. สืบค้นเมื่อ 5 March 2010.
- ↑ "Distribution of the 22 Scheduled Languages- India/ States/ Union Territories – 2001 Census".
- ↑ Administrator. "Department of Tourism, Government of Goa, India - Language". goatourism.gov.in.
- ↑ Cardona, Jain, George, Dhanesh (2007). The Indo-Aryan Languages. Routledge. pp. 1088 pages (see page:803–804). ISBN 9780415772945.
- ↑ Caroline Menezes (The National Institute for Japanese language, Tokyo, Japan). "The question of Konkani?" (PDF). Project D2, Typology of Information Structure". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2008-04-08. สืบค้นเมื่อ 2008-02-10.
{{cite web}}
: CS1 maint: multiple names: authors list (ลิงก์) - ↑ *Masica, Colin (1991), The Indo-Aryan Languages, Cambridge: Cambridge University Press, p. 97, ISBN 978-0-521-29944-2.
- ↑ Origins of the Konkani Language - Krishnanand Kamat
- ↑ "Tracing the Roots of the Konkani Language - Dr. Nandkumar Kamat". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-06-02. สืบค้นเมื่อ 2008-06-23.
- ↑ People of India - Siddis
- ↑ "Sahitya Academy & Konkani Literature". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-09-28. สืบค้นเมื่อ 2008-06-23.
อ่านเพิ่ม
[แก้]แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- Vauraddeancho Ixtt, Konkani language site
- Konkani News, Konkani language site
- Kital เก็บถาวร 2014-11-15 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, Konkani language site
- Chilume.com, Konkani Literature
- Niz Goenkar, Konkani-English bilingual site
- Learn Goan Konkani online
- Read Konkani News online เก็บถาวร 2017-06-23 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Learn Mangalorean GSB Konkani online
- Learn Mangalorean Catholic Konkani online
- An excellent article on Konkani history and literature by Goa Konkani Academi
- Online Manglorean Konkani Dictionary Project
- Online Konkani (GSB) dictionary
- World Konkani Centre, Mangalore เก็บถาวร 2021-02-10 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Konkanverter-Konkani script conversion utility