ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สงครามกลางเมืองจีน"
ไม่มีความย่อการแก้ไข ป้ายระบุ: ย้อนด้วยมือ แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
ไม่มีความย่อการแก้ไข ป้ายระบุ: ถูกย้อนกลับแล้ว แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
||
บรรทัด 1: | บรรทัด 1: | ||
สมาชิกในกลุ่ม<br> |
|||
1.ภูมิธนัท เลขที่ 10 ชื่อเล่นแจ๊ค |
|||
{{Infobox military conflict |
{{Infobox military conflict |
||
|conflict= สงครามกลางเมืองจีน |
|conflict= สงครามกลางเมืองจีน |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 08:36, 16 กันยายน 2563
สมาชิกในกลุ่ม
1.ภูมิธนัท เลขที่ 10 ชื่อเล่นแจ๊ค
สงครามกลางเมืองจีน | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
ตามเข็มนาฬิกาจากบนสุด: กำลังคอมมิวนิสต์ ณ ยุทธการที่ซี่ผิง, ทหารมุสลิมแห่งกองทัพปฏิวัติชาติ, เหมา เจ๋อตุงในคริสต์ทศวรรษ 1930, เจียง ไคเช็กกำลังตรวจทหาร, พลเอกซู่ ยู่แห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีนตรวจกำลังพลไม่นานก่อนการทัพเมิ่งเหลียงกู้ | |||||||
| |||||||
คู่สงคราม | |||||||
พรรคก๊กมินตั๋ง สาธารณรัฐจีน หลังปี 1949: สาธารณรัฐจีนบนเกาะไต้หวัน |
พรรคคอมมิวนิสต์จีน จีนโซเวียต หลัง 1949: จีน | ||||||
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ | |||||||
เจียง ไคเช็ค |
เหมา เจ๋อตุง Zhu De Peng Dehuai Lin Biao He Long | ||||||
กำลัง | |||||||
4,300,000 (กรกฎาคม 1945)[5] 3,650,000 (มิถุนายน 1948) 1,490,000 (มิถุนายน 1949) |
1,200,000 (กรกฎาคม 1945)[5] 2,800,000 (มิถุนายน 1948) 4,000,000 (มิถุนายน 1949) | ||||||
ความสูญเสีย | |||||||
1928–1936: ความสูญเสียทางทหาร ~2 ล้านนาย 1945–1949: เสียชีวิต ~1-3 ล้านคน[6] |
สงครามกลางเมืองจีน (ค.ศ. 1927-1950) เป็นสงครามกลางเมือง สู้รบกันระหว่างพรรคก๊กมินตั๋ง พรรคปกครองสาธารณรัฐจีน ฝ่ายหนึ่ง กับพรรคคอมมิวนิสต์จีนอีกฝ่ายหนึ่ง[7] เพื่อแย่งชิงการควบคุมประเทศจีน ซึ่งลงเอยด้วยการแตกออกเป็นสองประเทศ คือ สาธารณรัฐจีนบนเกาะไต้หวัน กับสาธารณรัฐประชาชนจีนบนแผ่นดินใหญ่ สงครามเริ่มขึ้นในเดือนเมษายน ค.ศ. 1927 ท่ามกลางการกรีฑาทัพขึ้นเหนือ (Northern Expedition)[8] และสิ้นสุดลงเมื่อยุทธการสำคัญที่ดำเนินอยู่จบลงใน ค.ศ. 1949-1950 อย่างไรก็ดี มีการถกเถียงกันว่า สงครามได้หยุดลงอย่างเป็นทางการแล้วหรือยัง[9] ความขัดแย้งยังดำเนินต่อในรูปของการขู่ใช้กำลังทหารและการกดดันทางการเมืองและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อสถานะทางการเมืองของไต้หวัน ความตึงเครียดที่ดำเนินต่อมานั้นถูกเรียกว่าเป็น ความสัมพันธ์ข้ามช่องแคบ สงครามกลางเมืองจีนเป็นสงครามใหญ่ที่สุดอันดับสามที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์ รองจากสงครามโลกครั้งที่หนึ่งและสงครามโลกครั้งที่สอง
สงครามนี้เป็นสัญลักษณ์ของความแตกแยกทางอุดมการณ์ระหว่างพรรคก๊กมินตั๋งชาตินิยมกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน ในจีนแผ่นดินใหญ่ปัจจุบัน สามปีสุดท้ายของสงคราม (ค.ศ. 1947-1949) เป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปในชื่อ สงครามปลดปล่อย หรืออีกชื่อหนึ่งว่า สงครามปฏิวัติภายในที่สาม (第三次國内革命戰爭) ในไต้หวัน สงครามยังรู้จักกันในชื่อ สงครามต่อต้านการก่อการกำเริบต่อคอมมิวนิสต์ (戡亂戰爭) ก่อน ค.ศ. 1991 หรือโดยทั่วไปคือ สงครามกลางเมืองชาตินิยม-คอมมิวนิสต์ (國共內戰) สำหรับทั้งสองฝ่าย
สงครามกลางเมืองดำเนินไปเป็นพัก ๆ กระทั่งสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่สองนำพาให้ทั้งสองพรรคร่วมกันจัดตั้งแนวร่วมที่สอง การทัพของญี่ปุ่นพ่ายแพ้ใน ค.ศ. 1945 เป็นการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง และสงครามกลางเมืองเต็มขั้นของจีนดำเนินต่อมาใน ค.ศ. 1946 หลังจากสี่ปี ค.ศ. 1950 ได้มีการยุติความเป็นปรปักษ์ทางทหารสำคัญ โดยสาธารณรัฐประชาชนจีนที่เพิ่งก่อตั้งใหม่ควบคุมจีนแผ่นดินใหญ่ (รวมทั้งไห่หนาน ส่วนย่อยของมณฑลกวางตุ้งขณะนั้น กระทั่ง ค.ศ. 1988) และเขตอำนาจของสาธารณรัฐจีนซึ่งถูกจำกัดเฉพาะเกาะไต้หวัน เผิงหู หมู่เกาะจินเหมิน หมู่เกาะหมาจู่และหมู่เกาะห่างไกลอีกมาก มีการสังเกตว่า ขบวนการสัตยาบันหยานอัน (Yan'an Rectification Movement) ซึ่งก่อร่างพรรคคอมมิวนิสต์จีนขึ้นใหม่ การหยุดยิงเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1946 ที่ทูตพิเศษของสหรัฐอเมริกา จอร์จ มาร์แชลล์ เรียกร้องนั้น ขัดขวางความพยายามของจีนในการเอาชนะคอมมิวนิสต์ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ปัญหาสังคมและเศรษฐกิจที่ทวีความเลวร้ายในพื้นที่ซึ่งฝ่ายชาตินิยมควบคุมอยู่ การที่กองทัพโซเวียตส่งมอบปืนใหญ่ที่ยึดได้จากกองทัพคันโตให้แก่กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (ตามคำอธิบายเพิ่มเติมในข้อมติสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติที่ 505) และการให้ความช่วยเหลือแก่ฝ่ายชาตินิยมที่ขัดแย้งกันของอเมริกา ทั้งหมดล้วนเป็นปัจจัยสู่ความพินาศของสาธารณรัฐจีนบนจีนแผ่นดินใหญ่ในเวลาไม่ถึง 5 ปี
จวบจนทุกวันนี้ เนื่องจากไม่มีการลงนามการสงบศึกหรือสนธิสัญญาสันติภาพ สาธารณรัฐประชาชนจีนจึงยังอ้างสิทธิ์เหนือไต้หวันเป็นอาณาเขตส่วนหนึ่งของตน และยังขู่ใช้กำลังทหารต่อไต้หวัน ฝ่ายสาธารณรัฐจีนเองก็มีการอ้างสิทธิ์เหนือจีนแผ่นดินใหญ่ และทั้งสองยังต่อสู้กันเหนือในการรับรองทางการทูต สงครามด้วยอาวุธได้เปลี่ยนไปเป็นสงครามน้ำลาย ทุกวันนี้ สงครามเกิดขึ้นในแนวรบการเมืองและเศรษฐกิจในรูปของความสัมพันธ์ข้ามช่องแคบ สาธารณรัฐประชาชนจีนขู่ว่าจะใช้กำลังทหารรุกรานหากประกาศเอกราชไต้หวันอย่างเป็นทางการ โดยเปลี่ยนชื่อและได้รับการรับรองจากนานาชาติเป็นสาธารณรัฐไต้หวัน ทว่า รัฐทั้งสองที่แยกกันโดยพฤตินัยบนสองฟากของช่องแคบไต้หวันมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจใกล้ชิดกัน[10]
อ้างอิง
- ↑ "China". Encyclopædia Britannica. Encyclopædia Britannica, Inc. 15 November 2012.
- ↑ Gui, Heng Bin (2008). Landing on Hainan Island. China: Great Wall Press. ISBN 9787548300755.
- ↑ Tsang, Steve. Government and Politics. p. 241.
- ↑ Tsang, Steve. The Gold War's Odd Couple: The Unintended Partnership Between the Republic of China and the UK, 1950–1958. p. 62.
- ↑ 5.0 5.1 Hsiung, James C. Levine, Steven I. [1992] (1992). M.E. Sharpe publishing. Sino-Japanese War, 1937–1945. ISBN 1-56324-246-X.
- ↑ http://www.scaruffi.com/politics/massacre.html
- ↑ Gay, Kathlyn. [2008] (2008). 21st Century Books. Mao Zedong's China. ISBN 0-8225-7285-0. pg 7
- ↑ Hutchings, Graham. [2001] (2001). Modern China: A Guide to a Century of Change. Harvard University Press. ISBN 0-674-00658-5.
- ↑ Leslie C. Green. The Contemporary Law of Armed Conflict. p. 79.
- ↑ So, Alvin Y. Lin, Nan. Poston, Dudley L. Contributor Professor, So, Alvin Y. [2001] (2001). The Chinese Triangle of Mainland China, Taiwan and Hong Kong. Greenwood Publishing. ISBN 0-313-30869-1.