ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ประเทศติมอร์-เลสเต"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
||
บรรทัด 1: | บรรทัด 1: | ||
{{กล่องข้อมูล ประเทศ |
|||
| native_name = {{lang|tet|Repúblika Demokrátika Timór-Leste}} <small>{{tet icon}}</small><br />{{lang|pt|República Democrática de Timor-Leste}} <small>{{pt icon}}</small> |
|||
| conventional_long_name = สาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์-เลสเต |
|||
| common_name = ติมอร์-เลสเต |
|||
| image_flag = Flag of East Timor.svg |
|||
| image_coat = Coat of arms of East Timor.svg |
|||
| image_map = LocationEastTimor.svg |
|||
| national_motto = Unidade, Acção, Progresso<br /> ([[ภาษาโปรตุเกส|โปรตุเกส]]: เอกภาพ การกระทำ ความก้าวหน้า) ''</small> |
|||
| national_anthem = [[ปาตรียา]] ("ปิตุภูมิ") |
|||
| official_languages = [[ภาษาเตตุม]]และ[[ภาษาโปรตุเกส]]<sup><small>1<small></sup> |
|||
| capital = [[ดิลี]] |
|||
| latd = 8 |latm=34 |latNS=S |longd=125 |longm=34 |longEW=E |
|||
| largest_city = [[ดิลี]] |
|||
| government_type = [[สาธารณรัฐ]] |
|||
| leader_title1 = [[รายนามประธานาธิบดีติมอร์-เลสเต|ประธานาธิบดี]] |
|||
| leader_title2 = [[รายนามนายกรัฐมนตรีติมอร์-เลสเต|นายกรัฐมนตรี]] |
|||
| leader_name1 = [[ฟรังซิชกู กูแตรึช]] |
|||
| leader_name2 = [[มารี อัลกาตีรี]] |
|||
| area_rank = 155 |
|||
| area_magnitude = 1 E10 |
|||
| area_km2 = 15,007 |
|||
| area_sq_mi = 5,640 <!-- Do not remove per [[WP:MOSNUM]]--> |
|||
| percent_water = น้อยมาก |
|||
| population_estimate = 1,177,834 |
|||
| population_estimate_rank = 155 |
|||
| population_estimate_year = ก.ค. 2554<!-- cia.gov --> |
|||
| population_census = |
|||
| population_census_year = |
|||
| population_density_km2 = 76 |
|||
| population_density_sq_mi = 179.7 <!-- Do not remove per [[WP:MOSNUM]]--> |
|||
| population_density_rank = 118 |
|||
| GDP_PPP_year = 2560 |
|||
| GDP_PPP = $ 4.567 พันล้าน |
|||
| GDP_PPP_rank = |
|||
| GDP_PPP_per_capita = $ 3,774 |
|||
| GDP_PPP_per_capita_rank = |
|||
| GDP_nominal_year = 2560 |
|||
| GDP_nominal = $ 2.727 พันล้าน |
|||
| GDP_nominal_rank = |
|||
| GDP_nominal_per_capita = $ 2,253 |
|||
| GDP_nominal_per_capita_rank = |
|||
| sovereignty_type = เอกราช |
|||
| sovereignty_note = จาก [[ประเทศโปรตุเกส|โปรตุเกส]]<sup><small>2</small></sup> และ[[ประเทศอินโดนีเซีย|อินโดนีเซีย]] |
|||
| established_event1 = ประกาศ |
|||
| established_event2 = เป็นที่ยอมรับ |
|||
| established_date1 = [[28 พฤศจิกายน]] [[พ.ศ. 2518]] |
|||
| established_date2 = [[20 พฤษภาคม]] [[พ.ศ. 2545]] |
|||
| HDI_year = 2558 |
|||
| HDI = {{increase}} 0.605 |
|||
| HDI_rank = 133rd |
|||
| HDI_category = <font color="orange">ปานกลาง</font> |
|||
| currency = [[ดอลลาร์สหรัฐ]]<sup><small>3<small></sup> |
|||
| currency_code = USD |
|||
| country_code = |
|||
| time_zone = |
|||
| drives_on = ซ้ายมือ |
|||
| utc_offset = +9 |
|||
| time_zone_DST = |
|||
| utc_offset_DST = |
|||
| cctld = [[.tl]] |
|||
| calling_code = 670 |
|||
| footnotes = <sup>1</sup> รัฐธรรมนูญได้กำหนดให้[[ภาษาอังกฤษ]]และ[[ภาษาอินโดนีเซีย]] เป็น '''[[ภาษาปฏิบัติการ]]'''<br /> |
|||
<sup>2</sup> [[ประเทศอินโดนีเซีย|อินโดนีเซีย]]ยึดครองติมอร์-เลสเตในวันที่ [[7 ธันวาคม]] [[พ.ศ. 2518]] และถอนไปในปี [[พ.ศ. 2542]]<br /> |
|||
<sup>3</sup> นอกจากนี้ยังใช้[[เซนตาวูติมอร์-เลสเต|เหรียญเซนตาวู]] |
|||
}} |
|||
'''ติมอร์-เลสเต''' ({{lang-pt|Timor-Leste}}, {{IPA-pt|tiˈmoɾ ˈlɛʃtɨ|pron}}, ''ตีโมร์แลชตือ'') หรือ '''ติมอร์ตะวันออก''' ({{lang-tet|Timór Lorosa'e}}) มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า '''สาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์-เลสเต''' ({{lang-pt|República Democrática de Timor-Leste}}; {{lang-tet|Repúblika Demokrátika Timór-Leste}}) เป็นประเทศที่ตั้งอยู่บน[[เกาะ]]ในภูมิภาค[[เอเชียตะวันออกเฉียงใต้]] ประกอบด้วย[[เกาะติมอร์]]ด้านตะวันออก เกาะอาเตารู (Atauro) และเกาะฌากู (Jaco) ที่อยู่ใกล้เคียง และ[[เทศบาลโอเอกูซี]] (Oecusse) ซึ่งตั้งอยู่บนฝั่งตะวันตกของเกาะติมอร์ ติมอร์ตะวันออกถูกล้อมรอบโดยพื้นที่ของ[[ประเทศอินโดนีเซีย]] |
|||
แต่เดิมประเทศติมอร์-เลสเตถูกปกครองโดย[[ประเทศอินโดนีเซีย]] ซึ่งได้ยึดครองติมอร์ตะวันออกเป็น[[จังหวัด]]หนึ่งของประเทศเมื่อปี [[พ.ศ. 2518]] (ค.ศ. 1975) และในปี [[พ.ศ. 2542]] (ค.ศ. 1999) ติมอร์ตะวันออกได้แยกตัวเป็นอิสระ และได้รับเอกราชอย่างเต็มตัวเมื่อวันที่ [[20 พฤษภาคม]] [[พ.ศ. 2545]] (ค.ศ. 2002) เมื่อประเทศติมอร์ตะวันออกเข้าร่วม[[องค์การสหประชาชาติ]]ในปีเดียวกัน ก็ได้ตกลงว่าจะเรียกประเทศอย่างเป็นทางการว่า "ติมอร์-เลสเต" ซึ่งเป็นชื่อใน[[ภาษาโปรตุเกส]] |
|||
== ภูมิศาสตร์ == |
== ภูมิศาสตร์ == |
||
[[ไฟล์:Tasitolu,_Dili,_East_Timor_(310331891).jpg|thumb|200px|ชายฝั่งทาซิโตลู]] |
[[ไฟล์:Tasitolu,_Dili,_East_Timor_(310331891).jpg|thumb|200px|ชายฝั่งทาซิโตลู]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 10:47, 18 มกราคม 2561
ภูมิศาสตร์
ประเทศติมอร์-เลสเตเป็นประเทศหมู่เกาะ จัดเป็นเกาะในกลุ่มเกาะอินโดนีเซีย เรียกว่า เกาะติมอร์ ด้วยเงื่อนไขทางภูมิศาสตร์ที่เป็นเกาะขนาดเล็ก เกาะติมอร์ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศออสเตรเลีย และอยู่ห่างจากกรุงจาการ์ตา ของประเทศอินโดนีเซียไปทางตะวันออกประมาณ 2,100 กิโลเมตร ประเทศติมอร์ตะวันออกประกอบไปด้วยดินแดนส่วนปลายด้านตะวันออกของเกาะติมอร์ และมีดินแดนส่วนแยกเทศบาลโอเอกูซีที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งทางตอนเหนือของติมอร์ตะวันตกซึ่งอยู่ในการปกครองของประเทศอินโดนีเซีย
ภูมิอากาศ
ประเทศติมอร์-เลสเตมีเพียงสองฤดูเช่นเดียวกับทางภาคใต้ของประเทศไทย คือมีฤดูฝนและฤดูร้อน ภูมิอากาศบางแห่งมีภูมิอากาศแบบสะวันนา ด้วยเหตุที่ได้รับลมแล้งจากทะเลทรายทางตอนเหนือของประเทศออสเตรเลีย ทรัพยากรทางธรรมชาติของติมอร์ตะวันออกคือ น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ ซึ่งอาจมีมากไม่แพ้ประเทศบรูไนที่อยู่ในทะเลลึกที่เรียกว่า Timor Gap ซึ่งอยู่ครึ่งทางระหว่างติมอร์-เลสเตกับออสเตรเลีย ส่วนพืชเศรษฐกิจที่สำคัญได้แก่ กาแฟ มะพร้าว โกโก้ ข้าวโพด และปศุสัตว์ที่สำคัญได้แก่ โค กระบือ แกะ ม้า และทรัพยากรสัตว์น้ำที่มีอยู่มากมาย
ประวัติศาสตร์
อาณานิคมโปรตุเกส
ดินแดนติมอร์ตะวันออกเป็นอาณานิคมของประเทศโปรตุเกสตั้งแต่ปี พ.ศ. 2063 (ค.ศ. 1520)
การอ้างสิทธิ์เรียกร้องเอกราช
ภายหลังโปรตุเกสถอนตัวออกไปเมื่อปี พ.ศ. 2518 โดยมิได้จัดการปกครองให้แก่ติมอร์ตะวันออกแต่อย่างใด เป็นเหตุให้ประเทศอินโดนีเซียได้ส่งทหารเข้ายึดครองติมอร์ตะวันออกโดยผนวกเข้าเป็นจังหวัดที่ 27 ของประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งต่อมาได้ถูกคัดค้านจากประชาชนชาวติมอร์ตะวันออกเป็นเหตุให้เกิดความรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่การชุมนุมทางศาสนาในพิธีมิสซาที่โบสถ์โมตาเอล (Motael) เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ค.ศ. 1991 ริมทะเลกรุงดิลี โดยผู้ชุมนุมได้เดินขบวนไปยังสุสานซานตาครูซจำนวนผู้ร่วมชุมนุมจึงมีมากขึ้น และการชุมนุมก็เปลี่ยนเป็นการเรียกร้องเอกราช โดยมีนายชานานา กุฌเมา เป็นผู้นำที่มีบทบาทอย่างมากต่อการเรียกร้องเอกราชจากอินโดนีเซีย
อย่างไรก็ดีเมื่อรัฐบาลอินโดนีเซียยินยอมให้ชาวติมอร์ตะวันออกลงประชามติเพื่อแยกตัวเป็นเอกราชจากอินโดนีเซีย ในวันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2542 ประชาชนชาวติมอร์ตะวันออกกว่าร้อยละ 80 ออกเสียงสนับสนุนการแยกตัวเป็นเอกราช จึงก่อให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงในติมอร์ตะวันออกโดยกลุ่มกองกำลังมิลิเทีย (militia) ที่นิยมอินโดนีเซีย สหประชาชาติจึงได้ตัดสินใจจัดตั้งกองกำลังนานาชาติ (International Force in East Timor – INTERFET) เมื่อ 15 กันยายน 2542 เพื่อส่งเข้าไปรักษาสันติภาพในติมอร์ตะวันออก ก่อนที่จะประกาศเอกราชในวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2545 ในขณะนี้ สหประชาชาติดำเนินการสนับสนุนติมอร์ตะวันออกภายใต้ United Nations Mission of Support in East Timor (UNMISET) ตั้งแต่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2545
วิกฤตการเมือง พ.ศ. 2449
ความวุ่นวายได้เริ่มขึ้นในติมอร์-เลสเตเมื่อเดือนเมษายน พ. หลังจากที่การชุมนุมเพื่อสนับสนุนทหารติมอร์-เลสเต 600 นาย ซึ่งถูกปลดออกจากราชการเนื่องจากหนีทัพกลายเป็นการจลาจลที่มีผู้เสียชีวิต 5 คน และมีมากกว่า 20000 คนที่หนีจากบ้านของตัวเอง
การต่อสู้อันรุนแรงทหารที่สนับสนุนรัฐบาลกับทหารฟาลินติลที่ไม่พอใจได้เกิดขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคม 2549[1] แม้ว่าจะยังไม่มีความชัดเจน แรงจูงใจเบื้องหลังการต่อสู้ คาดว่าจะเป็นการกระจายของกองทุนน้ำมัน และการจัดการไม่ดีของกองทัพและตำรวจติมอร์-เลสเต ซึ่งรวมถึงตำรวจอินโดนีเซียเดิมและกบฏติมอร์เดิม นายกรัฐมนตรีมารี อัลกาตีรี ได้เรียกความรุนแรงนี้ว่าเป็นการรัฐประหาร และได้ยอมรับความช่วยเหลือจากกองทัพจากต่างประเทศหลายชาติ[2][3] ณ วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2549 ประเทศออสเตรเลีย โปรตุเกส นิวซีแลนด์ และมาเลเซียได้ส่งทหารมายังติมอร์-เลสเตเพื่อปราบปรามความไม่สงบ [4][5]
เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2549 ประธานาธิบดีชานานา กุฌเมา ได้ขอร้องอย่างเป็นทางการให้นายกรัฐมนตรีมารี อัลกาตีรี ลาออก ซึ่งสมาชิกพรรคเฟรตีลินส่วนใหญ่ได้ข้อรองให้นายกรัฐมนตรีลาออก โดยกล่าวหาว่า ได้พูดเท็จเกี่ยวกับการกระจายอาวุธให้พลเรือน[6] เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2549 นายกรัฐมนตรีมารี อัลกาตีรี ได้ลาออกโดยกล่าวว่า เป็นไปเพื่อหลีกเลี่ยงการลาออกของประธานาธิบดี[7] ฌูแซ รามุช-ออร์ตา ได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2549[8]
การปกครอง
ปัจจุบันประเทศติมอร์-เลสเตมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย แต่ด้วยความที่เป็นประเทศใหม่ ซึ่งต้องเผชิญกับเหตุการณ์สงครามกลางเมือง และการรุกรานจากประเทศอื่น เพื่อให้การดำเนินการในติมอร์ตะวันออกเป็นไปโดยสงบ องค์การสหประชาชาติโดยสำนักงานโครงการเพื่อสนับสนุนภารกิจของในติมอร์ตะวันออก (United Nation Mission of Support in East Timor: UNMISET) เป็นหน่วยงานที่คอยให้การสนับสนุนการดำเนินการต่าง ๆ ในติมอร์-เลสเตให้เป็นไปอย่างเรียบร้อย ประเทศติมอร์-เลสเตเป็นสมาชิกขององค์การสหประชาชาติเมื่อวันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2545
การแบ่งเขตการปกครอง
ติมอร์-เลสเตแบ่งเขตการปกครองเป็น 13 เทศบาล ([munisípiu] ข้อผิดพลาด: {{Lang-xx}}: ข้อความมีมาร์กอัปตัวเอียง (ช่วยเหลือ); [município] ข้อผิดพลาด: {{Lang-xx}}: ข้อความมีมาร์กอัปตัวเอียง (ช่วยเหลือ)) ดังนี้
- กอวาลีมา
- ดิลี
- เบาเกา
- โบโบนารู
- มานาตูตู
- มานูฟาฮี
- ลีกีซา
- เลาเต็ง
- วีเกเก
- เอร์เมรา
- โอเอกูซี
- ไอนารู
- ไอเลอู
ต่างประเทศ
โครงสร้างเศรษฐกิจ
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
- การเพาะปลูก ปลูกยางพารา มะพร้าว ผัก ผลไม้ แต่พื้นที่มีจำกัด
- อาศัยวัตถุดิบจากประเทศเพื่อนบ้าน มีอุตสาหกรรมเบา เช่น ผลิตยางพารา ขนมปัง เครื่องดื่ม และอุตสาหกรรมหนัก เช่น อู่ต่อเรือ ทำเหล็กกล้า ยางรถยนต์ มีกิจการกลั่นน้ำมันซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐอเมริกาและเป็นผู้สร้างแท่นขุดเจาะน้ำมันรายใหญ่ด้วย
- การค้าขาย เป็นท่าเรือปลอดภาษี ประเทศต่าง ๆ ส่งสินค้าต่าง ๆ มายังสิงคโปร์เพื่อส่งออก และสิงคโปร์ยังรับสินค้าจากยุโรป สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เพื่อส่งไปขายต่อยังประเทศเพื่อนบ้าน มีท่าเรือน้ำลึก เหมาะในการจอดเรือส่งสินค้า
สถานการณ์เศรษฐกิจ
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ลู่ทางการค้าการลงทุนในติมอร์-เลสเตที่มีศักยภาพ คือ ไร่กาแฟ การประมง ธุรกิจการท่องเที่ยว รวมถึงแหล่งทรัพยากรประเภทน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติในเขต Timor Gap ซึ่งอยู่ระหว่างติมอร์-เลสเตกับออสเตรเลีย อย่างไรก็ดี ธุรกิจเหล่านี้ยังจำเป็นต้องได้รับการพัฒนาและการสนับสนุนด้านการเงินจากนักลงทุนภายนอกอยู่มาก เนื่องจากติมอร์-เลสเตยังขาดเงินทุน และชาวติมอร์-เลสเตยังขาดทักษะในการประกอบกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ประกอบกับในปัจจุบันมีอัตราผู้ว่างงานสูงประมาณร้อยละ 80 ซึ่งในส่วนของนักธุรกิจไทยจำเป็นต้องศึกษาความเป็นไปได้ของระเบียบรวมถึงอุปสรรคดังกล่าวต่าง ๆ ข้างต้น เพื่อประกอบการพิจารณาถึงความเสี่ยงในการลงทุนในติมอร์-เลสเต และขณะนี้สินค้าส่วนใหญ่ในติมอร์-เลสเตนำเข้าจากออสเตรเลีย เพื่อรองรับการบริโภคของคณะเจ้าหน้าที่จากสหประชาชาติและคณะทูตที่ปฏิบัติงานในติมอร์-เลสเต
การท่องเที่ยว
โครงสร้างพื้นฐาน
การคมนาคม และ โทรคมนาคม
เส้นทางคมนาคม
ท่าอากาศยานนานาชาติดิลี (Presidente Nicolau Lobato International Airport) เป็นสนามบินนานาชาติเพียงแห่งเดียวในติมอร์-เลสเต และท่าเรือติมอร์และท่าเรือดิลี ท่าเรือสำคัญของประเทศ
โทรคมนาคม
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
การศึกษา
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
วิทยาศาสตร์ และ เทคโนโลยี
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
สาธารณสุข
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
สวัสดิการสังคม
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ประชากร
เชื้อชาติ
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ประเทศติมอร์-เลสเตมีประชากรประมาณ 1,040,880 คน โดยประชากรมีความหลากหลายทางด้านชาติพันธุ์
ภาษา
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ภาษาที่มีถึง 30 กลุ่ม โดยต่างคนต่างอยู่ นอกจากนี้ยังมีชุมชนชาวติมอร์เชื้อสายจีน และคนไทยในกรุงดิลี ส่วนภาษาทางการนั้นไม่เป็นที่ตกลงแน่นอนว่าจะใช้ภาษาใดเป็นภาษาทางการ แต่ภาษาที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในติมอร์-เลสเต คือ ภาษาเตตุม ภาษาโปรตุเกส ภาษาอินโดนีเซีย และภาษาอังกฤษ โดยสองภาษาหลังนี้ทางการถือเป็นภาษาปฏิบัติการ นอกจากนี้ยังมีภาษาของชนเผ่าพื้นเมืองต่าง ๆ ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ
ศาสนา
ศาสนา | จำนวนศาสนิก[9] | ร้อยละ |
---|---|---|
ศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก | 715,285 คน | 96.5 % |
ศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนต์ | 16,616 คน | 2.2 % |
นับถือผี/ไสยศาสตร์ | 5,883 คน | 0.8 % |
ศาสนาอิสลาม | 2,455 คน | 0.3 % |
ศาสนาพุทธ | 484 คน | 0.06 % |
ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู | 191 คน | 0.02 % |
อื่นๆ | 616 คน | 0.08 % |
รวม | 741,530 คน | 100.00 % |
ประชากรส่วนใหญ่ในประเทศติมอร์-เลสเตนับถือศาสนาคริสต์ โดยแยกเป็นสองนิกายหลัก คือ นิกายโรมันคาทอลิก มีศาสนิกกว่าร้อยละ 96 ส่วนนิกายโปรเตสแตนต์นั้นมีร้อยละ 2.2 มีส่วนน้อยนับถือศาสนาอิสลามซึ่งส่วนใหญ่เป็นแบบซุนนี นอกนั้นนับถือศาสนาพุทธ ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู และอื่น ๆ[9]
วัฒนธรรม
ประชาชนชาวติมอร์-เลสเตส่วนใหญ่อาศัยอยู่ตามชนบท โดยส่วนมากยังทำการเกษตรแบบดั้งเดิมและพึ่งพาตนเอง มีการศึกษาต่ำ มีการจับปลาและเลี้ยงสัตว์ ผู้คนส่วนใหญ่ค้าขายไม่เป็น ไม่มีความรู้เกี่ยวกับอุตสาหกรรม เครื่องจักรกล แต่ชาวติมอร์-เลสเตนั้นมีความเคารพในระบบอาวุโส มีระบบเครือญาติที่แข็งแกร่ง รักพวกพ้อง รักขนบธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิม โดยสตรีชาวติมอร์-เลสเตนั้นจะทำงานหนักในขณะที่บุรุษมักไม่ค่อยช่วยงานบ้าน
อ้างอิง
- ↑ http://news.bbc.co.uk/2/hi/asia-pacific/5012640.stm
- ↑ http://www.smh.com.au/news/world/australia-cant-find-timor-leaders/2006/05/25/1148524816847.html
- ↑ http://www.rte.ie/news/2006/0525/easttimor.html
- ↑ http://www.iol.co.za/index.php?set_id=1&click_id=3&art_id=qw1148547965206B254
- ↑ http://www.rte.ie/news/2006/0525/easttimor.html
- ↑ http://www.smh.com.au/news/world/timor-pm-likely-to-resign-tomorrow/2006/06/21/1150845238271.html
- ↑ http://www.heraldsun.news.com.au/common/story_page/0,5478,19591368%255E661,00.html
- ↑ http://www.abc.net.au/news/newsitems/200607/s1681879.htm
- ↑ 9.0 9.1 Statistisches Amt Timor-Leste Census 2004
แหล่งข้อมูลอื่น
- ประเทศติมอร์-เลสเต จากเว็บไซต์กระทรวงต่างประเทศ