ประเทศบอตสวานา
24°39.5′S 25°54.5′E / 24.6583°S 25.9083°E
สาธารณรัฐบอตสวานา Lefatshe la Botswana (สวานา) Republic of Botswana (อังกฤษ) | |
---|---|
เมืองหลวง และเมืองใหญ่สุด | กาโบโรเน 24°39.5′S 25°54.5′E / 24.6583°S 25.9083°E |
ภาษาราชการ | |
กลุ่มชาติพันธุ์ (2012[1]) | |
ศาสนา |
|
การปกครอง | รัฐเดี่ยว ระบบพรรคเด่น สาธารณรัฐระบบรัฐสภาโดยมีประธานาธิบดีที่มีอำนาจบริหาร[3][4] |
มูเควตซี มาซีซี[5] | |
Slumber Tsogwane | |
Phandu Skelemani | |
สภานิติบัญญัติ | รัฐสภา |
เอกราช | |
• ก่อตั้ง (รัฐธรรมนูญ) | 30 กันยายน ค.ศ. 1966 |
พื้นที่ | |
• รวม | 581,730 ตารางกิโลเมตร (224,610 ตารางไมล์)[6] (อันดับที่ 47) |
2.7 | |
ประชากร | |
• พ.ศ. 2560 ประมาณ | 2,250,260[7] (อันดับที่ 145) |
• สำมะโนประชากร 2011 | 2,024,904 |
3.7 ต่อตารางกิโลเมตร (9.6 ต่อตารางไมล์) (อันดับที่ 231) | |
จีดีพี (อำนาจซื้อ) | 2021 (ประมาณ) |
• รวม | 43.389 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ[8] (120) |
• ต่อหัว | $18,113[8] (99) |
จีดีพี (ราคาตลาด) | 2021 (ประมาณ) |
• รวม | 18.726 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ[8] (120) |
• ต่อหัว | 7,817 ดอลลาร์สหรัฐ[9] (101) |
จีนี (2015) | 53.3[10] สูง |
เอชดีไอ (2019) | 0.735[11] สูง · อันดับที่ 100 |
สกุลเงิน | ปูลา (BWP) |
เขตเวลา | UTC+2 (เวลาแอฟริกากลาง[12]) |
รูปแบบวันที่ | ปปปป-ดด-วว วว/ดด/ปปปปa |
ขับรถด้าน | ซ้ายมือ |
รหัสโทรศัพท์ | +267 |
โดเมนบนสุด | .bw |
เว็บไซต์ www | |
|
บอตสวานา (อังกฤษและสวานา: Botswana) หรือชื่อทางการคือ สาธารณรัฐบอตสวานา (อังกฤษ: Republic of Botswana; สวานา: Lefatshe la Botswana) เป็นประเทศหนึ่งในภูมิภาคแอฟริกาใต้ และเป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล มีอาณาเขตดังนี้ ทิศใต้ติดกับประเทศแอฟริกาใต้ ทิศตะวันตกติดกับประเทศนามิเบีย ทิศเหนือติดกับประเทศแซมเบีย ทิศตะวันออกเฉียงเหนือติดกับประเทศซิมบับเว
ภูมิศาสตร์
[แก้]บอตสวานามีพื้นที่ 600,370 ตารางกิโลเมตรและใหญ่เป็นอันดับที่ 45 ของโลก (มีขนาดใกล้เคียงกับประเทศมาดากัสการ์) พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบ และพื้นดินกว่าร้อยละ 70 ถูกครอบคลุมโดยทะเลทรายกาลาฮารี บอตสวานามีโอคาวันโกเดลตาซึ่งเป็นพื้นที่ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลกอยู่ทางตะวันตก และมัคกาดิคกาดี ซึ่งเป็นทะเลสาบเกลือที่ใหญ่ที่สุดในโลกอยู่ทางตอนเหนือ ด้านตะวันออกเฉียงใต้เป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำลิมโปโป ซึ่งเป็นภูมิลักษณ์ของพื้นที่ส่วนใหญ่ในแอฟริกาใต้ แม่น้ำโชบีอยู่ทางเหนือของประเทศและเป็นเขตพรมแดนกั้นระหว่างบอตสวานาและนามิเบีย
ประวัติศาสตร์
[แก้]ดินแดนนี้เป็นที่อยู่ของชาวบุชแมนมาก่อนที่ชาวบันตูจะเคลื่อนย้ายเข้ามา ในช่วงทศวรรษที่ 19 เกิดสงครามระหว่างชนพื้นเมือง โชนา ที่อาศัยอยู่ใน บัตสวานากับชนเผ่าเดเบเล่ที่อพยพมาจาก อาณานิคมในทะเลทรายกาลาฮารี ความตึงเครียดจากพวกบัวร์ในทรานสวาล พ.ศ. 2429 บอตสวานากลายเป็นดินแดนในอารักขาของอังกฤษเพื่อป้องกันการโจมตีของพวกบัวร์และเยอรมัน ได้รับเอกราช เมื่อ 30 กันยายน พ.ศ. 2509
การเมืองการปกครอง
[แก้]บอตสวานาเป็นสาธารณรัฐแบบรัฐสภาที่อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งบอตสวานา และเป็นระบอบประชาธิปไตยที่ต่อเนื่องยาวนานที่สุดในแอฟริกา[13] [14] ที่ตั้งของรัฐบาลอยู่ในกาโบโรเน[15] สถาบันการปกครองของบอตสวานาก่อตั้งขึ้นหลังจากกลายเป็นประเทศเอกราชในปี 2509 โครงสร้างการปกครองของบอตสวานามีพื้นฐานอยู่บนทั้งระบบเวสต์มินสเตอร์ของสหราชอาณาจักรและรัฐบาลชนเผ่าของชาวสวานา[13] บอตสวานามีรัฐบาลรวมศูนย์ซึ่งกฎหมายของประเทศเข้ามาแทนที่กฎหมายท้องถิ่น[16] กฎหมายท้องถิ่นได้รับการพัฒนาโดยสภาท้องถิ่นและสภาเขต[17] บอตสวานาได้รับอิทธิพลอย่างมากจากรัฐบาลชนเผ่า ซึ่งนำโดยหัวหน้าเผ่า[17]
รัฐสภาบอตสวานาประกอบด้วยรัฐสภาซึ่งทำหน้าที่เป็นสภานิติบัญญัติอย่างเป็นทางการของประเทศ และ Ntlo ya Dikgosi ซึ่งเป็นองค์กรที่ปรึกษาที่ประกอบด้วยหัวหน้าชนเผ่าและสมาชิกที่ได้รับการแต่งตั้งอื่นๆ[18] ฝ่ายบริหารของบอตสวานานำโดยประธานาธิบดีบอตสวานา ซึ่งทำหน้าที่เป็นทั้งประมุขแห่งรัฐและหัวหน้ารัฐบาล.[13] สมาชิกรัฐสภาเลือกประธานาธิบดี จากนั้นประธานาธิบดีจะแต่งตั้งรองประธานาธิบดีและสมาชิกคณะรัฐมนตรี[19] ประธานาธิบดีมีอำนาจสำคัญในบอตสวานา และสภานิติบัญญัติมีอำนาจเพียงเล็กน้อยในการตรวจสอบประธานาธิบดีเมื่อได้รับการแต่งตั้งแล้ว[20][21] ฝ่ายตุลาการประกอบด้วยศาลสูงแห่งบอตสวานา ศาลอุทธรณ์ และศาลผู้พิพากษา[22]คดีต่างๆ มักจะได้รับการตัดสินโดยศาลตามธรรมเนียมซึ่งมีหัวหน้าเผ่าเป็นประธาน[17]
การแบ่งเขตการปกครอง
[แก้]ประเทศบอตสวานาแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 10 เขต (district) ได้แก่
- เขตเซนทรัล
- เขตกาฮันซี
- เขตคกาลากาดี
- เขตคกาตเลง
- เขตคเวเนง
- เขตนอร์ทอีสต์
- เขตนอร์ทเวสต์
- เขตเซาท์อีสต์
- เขตเซาเทิร์น
- เขตโชเบ
เศรษฐกิจ
[แก้]โครงสร้าง
[แก้]ตั้งแต่ได้รับเอกราช บอตสวานาเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราเจริญเติบโตของรายได้เฉลี่ยต่อหัวสูงที่สุดในโลก[23] และสามารถพัฒนาตัวเองขึ้นจากหนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดในโลกมาเป็นประเทศรายได้ระดับกลางซึ่งมีจีดีพีเฉลี่ย (PPP) 16,516 ดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2550 [24] มีการประเมินว่าบอตสวานามีรายได้มวลรวมประชาชาติโดยวัดจากความเท่าเทียมกันของอำนาจซื้อสูงเป็นอันดับ 4 ในทวีปแอฟริกา ทำให้มีมาตรฐานการครองชีพใกล้เคียงกับเม็กซิโกและตุรกี[25]
จากสถิติของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ บอตสวานามีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเฉลี่ยร้อยละ 9 ตั้งแต่ปี 2509 ถึง 2542 บอตสวานามีเสรีภาพทางเศรษฐกิจที่สูงเมื่อเทียบกับประเทศแอฟริกาอื่น ๆ[26] เป็นประเทศที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือสูงที่สุดในแอฟริกา และมีเงินสำรองแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศมากกว่า 7 พันล้านดอลลาร์ในปี 2548-2549 (ซึ่งคิดเป็นมูลค่าการนำเข้าประมาณ 2 ปีครึ่ง) สภาพเศรษฐกิจที่มั่นคงของบอตสวานามีรากฐานมาจากการนำรายได้จากการทำเหมืองเพชรในประเทศมาพัฒนาประเทศผ่านนโยบายทางการเงินและนโยบายต่างประเทศที่รอบคอบ[27] อย่างไรก็ตาม การพัฒนาประเทศที่มีพื้นฐานจากอุตสาหกรรมเพชรนี้ทำให้โครงสร้างทางเศรษฐกิจผิดเพี้ยนในหลายรูปแบบ เช่นรัฐบาลมีอำนาจมากจนทำให้ภาคเอกชนไม่พัฒนา อัตราว่างงานสูง[28]
รัฐบาลถือหุ้นร้อยละ 50 ของเดบสวานา ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองเพชรที่ใหญ่ที่สุดในบอตสวานา.[29] อุตสาหกรรมการทำเหมืองแร่สร้างรายได้ให้รัฐบาลถึงร้อยละ 40 ของรายได้ทั้งหมด[30] ในต้นพุทธทศวรรษที่ 2550 มีการค้นพบแร่ยูเรเนียมในบอตสวานา[31] และโครงการเหมืองแร่ยูเรเนียมมีกำหนดจะเริ่มในปี พ.ศ. 2553 บริษัทเหมืองแร่ข้ามชาติหลายแห่งที่ตั้งสำนักงานใหญ่ประจำพื้นที่ในบอตสวานาโดยหวังที่จะมีโอกาสทำเหมืองเพชร ทอง ยูเรเนียม ทองแดง หรือแม้แต่น้ำมัน รัฐบาลบอตสวานาประกาศเมื่อต้นปี 2552 ว่าจะพยายามลดการพึ่งพาอุตสาหกรรมเพชรให้น้อยลง เนื่องจากความกังวลจากการพยากรณ์ว่าเพชรจะหมดไปจากบอตสวานาในอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า
ประชากรศาสตร์
[แก้]ปี | ประชากร |
---|---|
1950 | 0.4 |
2000 | 1.7 |
2020 | 2.4 |
ในปี 2012 ชาวสวานาเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ส่วนใหญ่ในบอตสวานา ซึ่งคิดเป็นประมาณ 79% ของประชากร รองลงมาคือ Kalanga ที่ 11% และ San (Basarwa) ที่ 3% ส่วนที่เหลืออีก 7% ประกอบด้วย White Batswana/European Batswana[32]อินเดียน,[1] และกลุ่มชาติพันธุ์แอฟริกาตอนใต้เล็กๆ อีกจำนวนหนึ่ง
กลุ่มชนพื้นเมือง ได้แก่ Bayei, Bambukushu, Basubia, Baherero และ Bakgalagadi ชนกลุ่มน้อยชาวอินเดียประกอบด้วยทั้งผู้อพยพล่าสุดและลูกหลานของผู้อพยพชาวอินเดียที่มาจากโมซัมบิก เคนยา แทนซาเนีย มอริเชียส และแอฟริกาใต้
ตั้งแต่ปี 2000 เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ในซิมบับเว จำนวนชาวซิมบับเวในบอตสวานาจึงเพิ่มขึ้นเป็นหมื่นคน[33] ชาวซานไม่ถึง 10,000 คนยังคงดำเนินชีวิตตามวิถีชีวิตนักล่าและคนเก็บอาหารแบบดั้งเดิม ตั้งแต่กลางทศวรรษ 1990 รัฐบาลกลางของบอตสวานาพยายามย้ายชาวซานออกจากดินแดนประวัติศาสตร์ของพวกเขา[34]
เชิงอรรถ
[แก้]บทความนี้รวมข้อความจากงานที่มีเนื้อหาเสรี (free content) ลิขสิทธิ์ภายใต้ CC BY-SA IGO 3.0 ข้อความนำมาจาก UNESCO Science Report: Towards 2030, 546–547, UNESCO, UNESCO Publishing.
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 "Botswana". The World Factbook. Central Intelligence Agency. 2014. สืบค้นเมื่อ 16 April 2014.
- ↑ Pew Research Center's Religion & Public Life Project: Botswana เก็บถาวร 16 ธันวาคม 2013 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. Pew Research Center. 2010.
- ↑ "Africa :: Botswana – The World Factbook - Central Intelligence Agency". www.cia.gov. สืบค้นเมื่อ 17 December 2019.
- ↑ Selolwane, Onalenna (2002). "Monopoly Politikos: How Botswana's Opposition Parties Have Helped Sustain One-Party Dominance". African Sociological Review. 6 (1): 68–90. doi:10.4314/asr.v6i1.23203. JSTOR 24487673.
- ↑ "Masisi to Lead Botswana as Khama Steps Down After a Decade". Bloomberg.com. 28 March 2018. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 1 April 2018. สืบค้นเมื่อ 31 March 2018.
- ↑ Global Forest Resources Assessment 2015 – Country Report – Botswana (PDF). fao.org (Report). United Nations Food and Agriculture Organization. 2015. p. 9.
Total Country Area ('000)ha / 58 173
- ↑ 7.0 7.1 "การประเมินประชากรโลก พ.ศ. 2560". ESA.UN.org (custom data acquired via website). United Nations Department of Economic and Social Affairs, Population Division. สืบค้นเมื่อ 10 September 2017.
- ↑ 8.0 8.1 8.2 "IMF Country Specific Data". สืบค้นเมื่อ 10 August 2019.
- ↑ "IMF Country Specific Data". สืบค้นเมื่อ 10 August 2019.
- ↑ "GINI index (World Bank estimate)". World Bank. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 13 December 2017. สืบค้นเมื่อ 20 April 2019.
- ↑ "Human Development Report 2020" (PDF) (ภาษาอังกฤษ). United Nations Development Programme. 15 December 2020. สืบค้นเมื่อ 15 December 2020.
- ↑ Chapter: 01:04 (20 July 1984). "Interpretation Act 1984 (§40(1))". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 March 2017. สืบค้นเมื่อ 11 September 2020.
- ↑ 13.0 13.1 13.2 Sebudubudu, David; Maripe, Bugalo; Botlhomilwe, Mokganedi Z.; Malila, Ikanyeng S. (2013). "The Mutation of Parliament into a "Registration Chamber": Executive Dominance over the Legislature in Botswana". The African Review: A Journal of African Politics, Development and International Affairs. 40 (2): 33–59. ISSN 0856-0056. JSTOR 45341655.
- ↑ Sebudubudu, David; Bodilenyane, Keratilwe; Kwerepe, Phana (2016). "The Politics of Opposition Electoral Coalitions and Alliances in Botswana". The African Review: A Journal of African Politics, Development and International Affairs. 43 (1): 1–26. ISSN 0856-0056. JSTOR 45342124.
- ↑ "Botswana", The World Factbook (ภาษาอังกฤษ), Central Intelligence Agency, 2023-09-25, สืบค้นเมื่อ 2023-09-28
- ↑ Mooketsane, K.; Bodilenyane, K.; Motshekgwa, B. (2017). "Is decentralisation in Botswana a democratic fallacy?". African Journal of Public Affairs. 9 (5): 47–60. hdl:10520/EJC-6a061f80d.
- ↑ 17.0 17.1 17.2 Sharma, Keshav C. (2020-08-23). "Role of local government in Botswana for effective service delivery: Challenges, prospects and lessons". Commonwealth Journal of Local Governance (7): 135–142.
- ↑ Norton, Philip (2004-12-21). "How many bicameral legislatures are there?". The Journal of Legislative Studies. 10 (4): 1–9. doi:10.1080/1357233042000322436. ISSN 1357-2334. S2CID 143950774.
- ↑ Beaulier, Scott A.; Subrick, J. Robert (2006). "The Political Foundations of Development: The Case of Botswana". Constitutional Political Economy (ภาษาอังกฤษ). 17 (2): 103–115. doi:10.1007/s10602-006-0002-x. ISSN 1043-4062. S2CID 59354401.
- ↑ Botlhale, Emmanuel; Lotshwao, Kebapetse (2013). "The Uneasy Relationship Between Parliament and the Executive in Botswana". Botswana Notes and Records. 45: 39–51. ISSN 0525-5090. JSTOR 90024373.
- ↑ Mogalakwe, Monageng; Nyamnjoh, Francis (2017-01-02). "Botswana at 50: democratic deficit, elite corruption and poverty in the midst of plenty". Journal of Contemporary African Studies (ภาษาอังกฤษ). 35 (1): 1–14. doi:10.1080/02589001.2017.1286636. ISSN 0258-9001.
- ↑ "The Hierarchy of the Courts". Government of Botswana. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 18 February 2011.
- ↑ US Department of State website Botswana (01/08) Background Note: Botswana Economy
- ↑ IMF Database
- ↑ Klaus Kästle (2009-07-24). "GNI PPP table". Nationsonline.org. สืบค้นเมื่อ 2010-08-08.
- ↑ "Botswana ranked Africa's leader in economic freedom". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-10-09. สืบค้นเมื่อ 2010-08-08.
- ↑ "The African exception". The Economist. 2002-03-28.[ลิงก์เสีย]
- ↑ John D. Holm. "Diamonds and Distorted Development in Botswana". Center for Strategic and International Studies. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-05-27. สืบค้นเมื่อ 2010-08-08.
- ↑ Joe Nocera (August 8, 2008). "Diamonds are Forever in Botswana". New York Times. สืบค้นเมื่อ 2010-03-15.
- ↑ "Botswana Country Brief". World Bank.
- ↑ "Impact says large uranium area identified at Botswana prospect". Mining Weekly. 2009-11-18. สืบค้นเมื่อ 2010-08-08.
- ↑ "Botswana". The World Factbook (2024 ed.). Central Intelligence Agency. 10 May 2022. (Archived 2022 edition)
- ↑ Betts, Alexander; Kaytaz, Ezra (2009). "National and international responses to the Zimbabwean exodus: implications for the refugee protection regime" (PDF). Research Papers. 175. Policy Development and Evaluation Service, United Nations High Commissioner for Refugees.
{{cite journal}}
: Cite journal ต้องการ|journal=
(help)[ลิงก์เสีย] - ↑ Lovgren, Stefan (14 September 2004) African Bushmen Tour U.S. to Fund Fight for Land เก็บถาวร 8 สิงหาคม 2016 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. National Geographic News
หนังสืออ่านเพิ่ม
[แก้]- Charles, Thalefang (2016). Botswana's Top50 Ultimate Experiences. Mmegi Publishing House. ISBN 9789996845413.
- Acemoglu, Daron; Johnson, Simon; Robinson, James A. (11 July 2001). "An African Success Story: Botswana". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-07-18. สืบค้นเมื่อ 2022-02-18 – โดยทาง mit.edu.
- Cohen, Dennis L. (1979). "The Botswana Political Elite: Evidence from the 1974 General Election". Journal of Southern African Affairs. 4, 347–370.
- Colclough, Christopher and Stephen McCarthy. The Political Economy of Botswana: A Study of Growth and Income Distribution (Oxford University Press, 1980)
- Denbow, James & Thebe, Phenyo C. (2006). Culture and Customs of Botswana. Westport, CT: Greenwood Press. ISBN 978-0-313-33178-7.
- Edge, Wayne A. and Mogopodi H. Lekorwe eds. Botswana: Politics and Society (Pretoria: J.L. van Schaik, 1998)
- Good, Kenneth. "Interpreting the Exceptionality of Botswana". Journal of Modern African Studies (1992) 30, 69–95.
- Good, Kenneth (September 1994). "Corruption and Mismanagement in Botswana: A Best-Case Example?" (PDF). Journal of Modern African Studies. 32 (3): 499–521. doi:10.1017/S0022278X00015202. eISSN 1469-7777. ISSN 0022-278X. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2018-04-03. สืบค้นเมื่อ 13 July 2018 – โดยทาง harvard.edu.
- Cunningham, A.B.; Milton, S.J. (1987). "Effects of basket-weaving industry on mokola palm and dye plants in northwestern Botswana". Economic Botany.
{{cite journal}}
: Cite journal ต้องการ|journal=
(help) - Tlou, Thomas, and Alec C. Campbell. History of Botswana (Macmillan Botswana, 1984)
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- Botswana. The World Factbook. Central Intelligence Agency.
- Botswana from UCB Libraries GovPubs
- ประเทศบอตสวานา ที่เว็บไซต์ Curlie
- Botswana from the BBC News
- Wikimedia Atlas of Botswana
- ดูข้อมูลทางภูมิศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับ ประเทศบอตสวานา ที่โอเพินสตรีตแมป
- Key Development Forecasts for Botswana from International Futures
- Government Directory for Botswana