ศาสนาบาไฮ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สำนักงานสภายุติธรรมสากล องค์กรซึ่งปกครองดูแลบาไฮทั้งปวง ตั้งอยู่ที่ไฮฟา, ประเทศอิสราเอล

ศาสนาบาไฮ[1] หรือ ลัทธิบาไฮ[2] (อังกฤษ: Baháʼí Faith; /bəˈhɑː, bəˈh/; เปอร์เซีย: بهائی Bahāʼi) เป็นศาสนาที่สอนคุณค่าอันเป็นสาระสำคัญของศาสนาทั้งปวง และเอกภาพของผู้คนทั้งปวง[3] พระบะฮาอุลลอฮ์ก่อตั้งขึ้นในปี 1863 โดยเริ่มต้นเติบโตในแถบเปอร์เซียและบางส่วนของตะวันออกกลาง ที่ซึ่งมีการลงโทษศาสนิกชนอยู่ตลอดนับตั้งแต่การตั้งศาสนา[4] มีการประมาณการณ์ว่ามีผู้นับถือศาสนาบาไฮอยู่ราว 5 ถึง 8 ล้านคน เรียกว่าศาสนิกชนบาไฮ (Baháʼís) กระจายอยู่ตามประเทศและเขตการปกครองส่วนใหญ่ของโลก[5]

ศาสนาบาไฮมีบุคคลสำคัญอยู่สามบุคคล คือ พระบาบ (1819–1850) ที่เชื่อว่าเป็นผู้นำข่าวดีมาประกาศ (herald) สอนว่าพระเป็นเจ้าจะทรงส่งผู้เผยพระวจนะเช่นเดียวกับพระเยซูหรือมูฮัมหมัดมา ในท้ายที่สุด พระบาบได้ถูกเจ้าหน้าที่ของอิหร่านลงโทษในปี 1850; พระบะฮาอุลลอฮ์ (1817–1892) ผู้ซึ่งอ้างว่าเป็นศาสดาพยากรณ์ในปี 1863 และสุดท้ายถูกขับไล่และจำคุกเป็นเวลาส่วนใหญ่ของช่วงชีวิตเขา; และบุตรชายของบาฮาอุลเลาะห์ พระอับดุลบะฮาอ์ (1844–1921) ผู้ถูกปล่อยเป็นอิสระจากการจองจำในปี 1908 และเดินทางไปสอนความเชื่อตามในยุโรปและอเมริกา ภายหลังการเสียชีวิตของท่านในปี 1921 หลานชายของท่าน Shoghi Effendi (1897–1957) ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำของบาไฮ ทุก ๆ ปี ชาวบาไฮทั่วโลกจะมีการเลือกตั้งสภาจิตวิญญาณระดับท้องถิ่น ภูมิภาค และประจำชาติ และทุก ๆ ห้าปี สมาชิกทุกคนของสภาจิตวิญญาณประจำชาติจะเลือกตั้งผู้แทนสภายุติธรรมสากล ประกอบด้วยสมาชิกเก้าคน ผู้เป็นผู้ดูแลสูงสุดของชุมชนบาไฮทั่วโลก ตั้งอยู่ที่เมืองไฮฟา ประเทศอิสราเอล ใกล้กับสักการสถานพระบาบ

คำสอนของบาไฮมีหลายส่วนที่คล้ายคึงกับคำสอนของศาสนาเอกเทวนิยมอื่น: พระเป็นเจ้า มีอยู่พระองค์เดียว และทรงมีพลังอำนาจสูงสุด อย่างไรก็ตาม บาฮาอุลเลาะห์ได้สอนว่าศาสนานั้นจะถูกเปิดเผยออกตามลำดับและอย่างก้าวหน้าโดยพระผู้สำแดงองค์ของพระเป็นเจ้า คือศาสดาศาสนาหลักของโลก โดยมีพระกฤษณะ, พระโคตมพุทธเจ้า, พระเยซู และมุฮัมมัด เป็นองค์ล่าสุด ตามด้วยพระบาบและพระบะฮาอุลลอฮ์ ศาสนาบาไฮเชื่อว่าศาสนาหลักของโลกล้วนมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในเชิงเป้าหมายในระดับพื้นฐาน แต่มีความต่างกันที่การปฏิบัติและการตีความ ศาสนาบาไฮยังให้ความสำคัญสูงมากกับเอกภาพของมนุษยชาติ, การแสดงออกอย่างเปิดเผยซึ่งการไม่ยอมรับการเหยียดสีผิว และ ชาตินิยม ทุกกรณี ใจกลางของคำสอนบาไฮคือเป้าหมายของการเกิดนิวเวิลด์ออร์เดอร์ที่สามารถยืนยันซึ่งความเจริญรุ่งเรืองของทุกชาติ สีผิว ความเชื่อ และชนชั้น[6][7]

จดหมายต่าง ๆ ที่เขียนโดยบาฮาอุลเลาะห์สนทนากับผู้คนต่าง ๆ รวมถึงประมุขของรัฐบางรัฐ ได้ถูกรวบรวมและเผยแพร่เป็นงานหลักกลางของวรรณกรรมบาไฮ ซึ่งรวมถึงงานเขียนโดยบุตรของบาฮาอุลเลาะห์ พระอับดุลบะฮาอ์ และ พระบาบ ผู้มาก่อนบาฮาอุลเลาะห์ วรรณกรรมชิ้นสำคัญของบาไฮได้แก่ คีตาบีอัคดัส, คีตาบีอีคาน, คำถามบางประการที่ทราบคำตอบแล้ว และ ปวงผู้ทลายอรุณทอแสง

ความเชื่อ[แก้]

คำสอนของพระบาฮาอุลลาห์เป็นพื้นฐานของความเชื่อบาไฮ[8] หลักสามประการที่เป็นศูนย์กลางของคำสอนคือ ความเป็นหนึ่งเดียวกันของพระผู้เป็นเจ้า ความเป็นหนึ่งของศาสนา และความเป็นหนึ่งของมนุยชาติ[9] ชาวบาไฮเชื่อว่าพระผู้เป็นเจ้าเปิดเผยพระประสงค์เป็นช่วง ๆ ผ่านทางผู้นำสารสวรรค์ ด้วยจุดมุ่งหมายที่จะเปลี่ยนคุณลักษณะของมนุษยชาติและพัฒนาคุณธรรมและคุณสมบัติของจิตวิญญาณของผู้ที่ตอบรับ ศาสนาได้ถูกมองว่าเป็นตามลำดับ เป็นเอกภาพและพัฒนาจากยุคหนึ่งสู่อีกยุคหนึ่ง[10]

อ้างอิง[แก้]

  1. ราชบัณฑิตยสถาน, พจนานุกรมศัพท์ศาสนาสากล อังกฤษ-ไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน, พิมพ์ครั้งที่ 3, ราชบัณฑิตยสถาน, 2552, หน้า 316
  2. สาคร ช่วยประสิทธิ์. สารานุกรมประวัติศาสตร์สากลสมัยใหม่: เอเชีย เล่ม 1 อักษร A-B ฉบับราชบัณฑิตยสถาน. กทม.ราชบัณฑิตยสถาน. 2539. หน้า 327
  3. Dictionary 2017.
  4. Affolter 2005, pp. 75–114.
  5. Encyclopædia Britannica 2010.
  6. Hatcher & Martin 1998
  7. Moojan Momen (2011). "Bahaʼi". ใน Mark Juergensmeyer; Wade Clark Roof (บ.ก.). Encyclopedia of Global Religion. Sage Publications. doi:10.4135/9781412997898.n61. ISBN 978-0-7619-2729-7.
  8. Esslemont, J. E. (1980). Baháʼu'lláh and the New Era (Fifth ed.). US Baháʼí Publishing Trust. p. 5.
  9. Hutter, Manfred (2005). "Bahā'īs". In Jones, Lindsay (ed.). Encyclopedia of Religion. 2 (2nd ed.). Detroit, MI: Macmillan Reference US. pp. 737–740.ISBN 0-02-865733-0
  10. Smith, Peter, November 27- (2008). An introduction to the Baha'i faith. Cambridge: Cambridge University Press. ISBN 978-0-521-86251-6. OCLC 181072578.

บรรณานุกรม[แก้]

รายงานข่าว[แก้]

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]