สมเด็จพระอินทราชา
สมเด็จพระอินทราชา | |
---|---|
| |
พระปรมาภิไธย | สมเด็จพระอินทราชา |
พระอิสริยยศ | พระเจ้ากรุงศรีอยุธยา |
ราชวงศ์ | ราชวงศ์สุพรรณภูมิ |
ครองราชย์ | พ.ศ. 1952 - 1967 |
รัชกาล | 15 ปี 0 วัน |
รัชกาลก่อน | สมเด็จพระเจ้ารามราชา |
รัชกาลถัดไป | สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 |
ข้อมูลส่วนพระองค์ | |
พระราชสมภพ | พ.ศ. 1902 |
สวรรคต | พ.ศ. 1967 |
พระราชบิดา | ไม่ปรากฏพระนาม |
พระราชมารดา | ไม่ปรากฏพระนาม |
พระราชบุตร | เจ้าอ้ายพระยา เจ้ายี่พระยา สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 |
สมเด็จพระอินทราชา (เจ้านครอินทร์) หรือ สมเด็จพระรามาธิบดีศรีนครินทราธิราช หรือ สมเด็จพระนครินทราธิราช เสด็จพระราชสมภพ เมื่อปี พ.ศ. 1902 พระองค์เป็นพระราชนัดดาในสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 และเสด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 6 ของอาณาจักรอยุธยา เมื่อปี พ.ศ. 1952
เนื้อหา
พระราชประวัติ[แก้]
สมเด็จพระอินทราชา หรือ เจ้านครอินทร์ เป็นพระราชโอรสในเจ้าเมืองสุพรรณบุรีและเป็นพระราชนัดดาในสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 ส่วนพระชนนีมีเชื้อสายราชวงศ์พระร่วงแห่งสุโขทัย[1] พระองค์ได้เสวยราชสมบัติอยู่ ณ เมืองสุพรรณบุรี จนกระทั่ง สมเด็จพระเจ้ารามราชาเกิดข้อพิพาทกับเจ้าเสนาบดี เป็นเหตุให้เจ้าพระยามหาเสนาบดีหนีมาขึ้นกับพระองค์และยกกำลังเข้ายึดกรุงศรีอยุธยาได้ แล้วจึงทูลเชิญพระองค์ขึ้นครองราชสมบัติแห่งกรุงศรีอยุธยา ส่วนสมเด็จพระรามราชาธิราชได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ไปครองเมืองปทาคูจามแทน
สมเด็จพระอินทราชาครองราชย์ได้ 15 ปี และเสด็จสวรรคตเมื่อปี พ.ศ. 1967 ในครั้งนั้นเจ้าอ้ายพระยาและเจ้ายี่พระยาพระราชโอรสของพระองค์ต่างยกพลเข้ามายังกรุงศรีอยุธยาเพื่อหมายในราชสมบัติ จึงเกิดการชนช้างกันขึ้น ณ สะพานป่าถ่าน จนสิ้นพระชนม์ทั้ง 2 พระองค์ เป็นเหตุให้เจ้าสามพระยาพระราชโอรสพระองค์ที่ 3 ได้ขึ้นครองกรุงศรีอยุธยา โดยมีพระนามว่า สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2
พระราชกรณียกิจ[แก้]
ด้านการปกครอง[แก้]
เมื่อปี พ.ศ. 1962 พระมหาธรรมราชาที่ 3 เสด็จสวรรคต หัวเมืองเหนือทั้งปวงเป็นจลาจลอันเนื่องมาจากพระยาบาลเมืองและพระยารามพระราชโอรสในพระมหาธรรมราชาที่ 3 แย่งชิงราชสมบัติแห่งกรุงสุโขทัยกัน เป็นเหตุให้พระองค์ต้องเสด็จขึ้นไปถึงเมืองพระบาง แล้วทรงไกล่เกลี่ยให้พระยาบาลเมืองเป็นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงสุโขทัยครองเมืองพิษณุโลกอันเป็นเมืองหลวงและให้พระยารามเป็นเจ้าเมืองสุโขทัยอันเป็นเมืองเอก
นอกจากนี้ พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้พระราชโอรสไปครองเมืองอันเป็นเมืองลูกหลวง ได้แก่
- เจ้าอ้ายพระยา ครองเมืองสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นเมืองลูกหลวง
- เจ้ายี่พระยา ครองเมืองแพรกศรีราชา (เมืองสรรค์) (บริเวณอำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท)
- เจ้าสามพระยา ครองเมืองชัยนาท (พิษณุโลก) ซึ่งเป็นเมืองหน้าด่านทางด้านเหนือ
ด้านการต่างประเทศ[แก้]
เจ้านครอินทร์เคยเสด็จไปเมืองจีนในปี พ.ศ. 1920 เมื่อครั้งยังครองเมืองสุพรรณบุรี พระเจ้ากรุงจีนให้ความสนิทสนม อีกทั้งยังยกย่องว่าเป็นกษัตริย์อีกองค์หนึ่ง โดยจดหมายเหตุทางจีนออกพระนามพระองค์ว่า "เจียวลกควนอิน" ซึ่งมาจากพระนาม เจ้านครอินทร์
เมื่อสมเด็จพระรามราชาธิราชเกิดข้อพิพาทกับเจ้าพระยามหาเสนาบดี เป็นเหตุให้เจ้าพระยามหาเสนาบดีหนีมาขึ้นกับพระองค์และยกกำลังเข้ายึดกรุงศรีอยุธยาได้ แล้วจึงทูลเชิญพระองค์ขึ้นครองราชสมบัติแห่งกรุงศรีอยุธยา หลังจากนั้น พระองค์และพระเจ้ากรุงจีนได้แต่งราชทูตเพื่อเจริญทางพระราชไมตรีระหว่างกันอีกหลายครั้ง โดยจดหมายเหตุจีนออกพระนามพระองค์หลังขึ้นครองราชสมบัติแล้วว่า "เจียวลกควนอินตอล่อทีล่า" ซึ่งมาจากพระนาม เจ้านครอินทราธิราช
อ้างอิง[แก้]
- ↑ การเมืองในประวัติศาสตร์ ยุคสุโขทัย-อยุธยา พระมหาธรรมราชา กษัตราธิราช, หน้า 65
- พระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา. สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงนิพนธ์อธิบายประกอบ. สำนักงานพิมพ์โอเดียนสโตร์. พ.ศ. 2510. Check date values in:
|year=
(help) - พระราชพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์. สำนักงานพิมพ์คลังวิทยา. พ.ศ. 2510. Check date values in:
|year=
(help) - พิเศษ เจียจันทร์พงษ์. การเมืองในประวัติศาสตร์ ยุคสุโขทัย-อยุธยา พระมหาธรรมราชา กษัตราธิราช. กรุงเทพฯ : มติชน, 2553. 184 หน้า. ISBN 978-974-02-0401-5
ดูเพิ่ม[แก้]
ก่อนหน้า | สมเด็จพระอินทราชา | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
สมเด็จพระเจ้ารามราชา (ราชวงศ์อู่ทอง) (พ.ศ. 1938 - 1952) |
![]() |
![]() พระเจ้ากรุงศรีอยุธยา (ราชวงศ์สุพรรณภูมิ) (พ.ศ. 1952 - 1967) |
![]() |
สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (ราชวงศ์สุพรรณภูมิ) (พ.ศ. 1967 - 1991) |
|