เจเอ็นอาร์ คลาสซี 56

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Class C56
C56 160 ใน Steam Special ในเดือนกุมภาพันธ์ 2555
ประเภทและที่มา
ประเภทเครื่องยนต์รถจักรไอน้ำ
ผู้สร้าง
วันสร้างพ.ศ. 2478-2482
จำนวนผลิต164
คุณลักษณะ
การกำหนดค่า:
 • Whyte2-6-0 โมกุล
ช่วงกว้างราง
Driver dia.1,400 mm (4 ft 7 in)
ความยาว14,325 mm (47 ft 0 in)
น้ำหนักรวม65.53 t (64.50 long ton; 72.23 short ton)
ค่าประสิทธิภาพ
ความเร็วสูงสุด75 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (47 ไมล์ต่อชั่วโมง)
แรงฉุด8,290 kg (18,280 lb)
การบริการ
ผู้ให้บริการ
จำนวนในชั้น164
หมายเลขตัวรถC56 1-C56 164
ชื่ออื่นม้าแห่งที่ราบสูง
ปลดประจำการพ.ศ. 2517
การจัดการเก็บรักษาไว้ 34 คัน (ประจำการ 2 คัน)
รถจักรไอน้ำโมกุล C56 หมายเลข 714 (C56 16) (C5616) จอดเป็นอนุสรณ์อยู่ที่ด้านหลังอนุสรณ์ปฐมฤกษ์รถไฟหลวงบริเวณสถานีกรุงเทพ เมื่อกรกฎาคม พ.ศ. 2558

รถจักรไอน้ำโมกุล ซี 56 (อังกฤษ: Japanese National Railway class C56 steam locomotive) หรือ รถจักรไอน้ำ ซี 56 (JNR Class C56; ญี่ปุ่น: C56形) ส่วนใหญ่จะเรียกว่า รถจักรไอน้ำ C56 เป็นรถจักรไอน้ำที่สร้างขึ้นในประเทศญี่ปุ่น สร้างโดยสมาคมอุตสาหกรรมรถไฟแห่งประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี พ.ศ. 2478 - พ.ศ. 2482 ออกแบบและสร้างโดย ฮิเดะโอะ ชิมะ และใช้งานโดยการรถไฟแห่งประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2478 รถจักรไอน้ำรุ่นนี้มีจำนวนรถจักรไอน้ำทั้งหมด 164 คัน[1] หลังจากนั้น จึงนำมาใช้การครั้งแรกในประเทศไทยโดยการรถไฟแห่งประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2488 - พ.ศ. 2489 หลังสงครามโลกครั้งที่ 2[2] จุดประสงค์หลักของรถจักรไอน้ำในระยะแรกจะใช้โดยประเทศญี่ปุ่นโดยการรถไฟแห่งประเทศญี่ปุ่นก่อนโดยใช้ลากขบวนรถโดยสารและขบวนรถสินค้าในประเทศญี่ปุ่น จวบจนสงครามโลกครั้งที่สอง กองทัพญี่ปุ่นนำรถจักรไอน้ำรุ่นนี้มาดัดแปลงและนำมาใช้การเป็นอาวุธยุทธโธปกรณ์ในเส้นทางทางรถไฟสายมรณะ ในจังหวัดราชบุรีและจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อไปสู่ประเทศพม่าระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง และมีรถจักรไอน้ำที่ใช้งานโดยกองทัพญี่ปุ่นที่ฝั่งพม่า จำนวน 90 คัน ตั้งแต่หมายเลข C56 1 ถึง C56 90[3] และเหลือรถจักรไอน้ำฝั่งประเทศญี่ปุ่น 74 คัน

ปัจจุบัน รถจักรไอน้ำโมกุล C56 ที่ผ่านการใช้งานในประเทศไทยและประเทศพม่าคงเหลืออยู่ 12 คัน แบ่งในในประเทศไทยเหลืออยู่ 11 คัน และคงเหลือล้อขับ 1 คู่ และในประเทศพม่าคงเหลืออยู่ 1 คัน และคงเหลือคันเยื้องศูนย์ 2 ท่อน แบ่งได้ดังนี้

จอดเป็นอนุสรณ์ในประเทศไทย อยู่ 7 คัน คือหมายเลข 702 (C56 4), 714 (C56 16), 719 (C56 23), 728 (C56 36), 733 (C56 41), 738 (C56 47) และ 744 (C56 53)[1][4]

จอดเป็นอนุสรณ์ในประเทศพม่า อยู่ 1 คัน หมายเลขของการรถไฟพม่าคือ C.0522 (C56 56)[1][5]

จัดแสดงล้อขับในประเทศญี่ปุ่น อยู่ 1 คู่ ของหมายเลข 722 (C56 26)[1][6]

จอดเป็นอนุสรณ์ในประเทศญี่ปุ่น อยู่ 1 คัน คือหมายเลข 725 (C56 31)[1][7][8]

ใช้การในประเทศญี่ปุ่น อยู่ 1 คัน คือหมายเลข 735 (C56 44)[1][9][10]

ใช้การในประเทศไทยโดย การรถไฟแห่งประเทศไทย อยู่ 2 คันคือหมายเลข 713 (C56 15) และ หมายเลข 715 (C56 17) ซึ่ง 2 คันนี้ได้รับการบูรณะพร้อมๆกับรถจักรไอน้ำญี่ปุ่นมิกาโด หมายเลข 953 และรถจักรไอน้ำญี่ปุ่นมิกาโด หมายเลข 962 รถจักรไอน้ำญี่ปุ่นแปซิฟิค หมายเลข 824 และรถจักรไอน้ำญี่ปุ่นแปซิฟิค หมายเลข 850 ในต้นปี พ.ศ. 2529 ซึ่งรถจักรไอน้ำโมกุล C56 ทั้ง 2 คันนี้ยังคงใช้ฟืนเป็นเชื้อเพลิง และเคยทำการเดินขบวนเสด็จ หมายกำหนดการสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จไปยังปราสาทเมืองสิงห์ จังหวัดกาญจนบุรี ในปี พ.ศ. 2529 รวมถึงทำขบวนรถจักรไอน้ำพิเศษนำเที่ยวเป็นเวลาหลายปี ในปัจจุบันรถจักรไอน้ำโมกุล C56 ทั้ง 2 คันนี้ใช้ไม้หมอนรองรางรถไฟเก่ามาตัดเป็นท่อนๆในการใช้เป็นเชื้อเพลิง ในส่วนของหมายเลข 713 (C56 15) ได้มีการเปลี่ยนอะไหล่มาใช้คันเยื้องศูนย์ของ C56 19 (ตัวรถจักรไม่ได้นำมาใช้งานในไทย) และหมายเลข 723 (C56 28) อีกด้วย และรถจักรไอน้ำ C56 จะถูกนำมาใช้ในงานสัปดาห์สะพานข้ามแม่น้ำแคว จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งจะจัดงานในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคมของทุกปี[4][11]

คันเยื้องศูนย์ถูกนำมาใช้สำหรับหมายเลข 713 (C56 15) อยู่ 2 ท่อน คือของ C56 19 (ตัวรถจักรไม่ได้นำมาใช้งานในไทย) และของหมายเลข 723 (C56 28)

รถจักรไอน้ำโมกุล C56 ถูกสร้างขึ้นโดย สมาคมอุตสาหกรรมรถไฟแห่งประเทศญี่ปุ่น (Japan Association of Railway Industry) ซึ่งในสมาคมจะประกอบไปด้วยบริษัทผู้สร้างหลายบริษัทด้วยกัน ทั้งนี้เมื่อมีคำสั่งให้ผลิตรถจักรไอน้ำโมกุล C56 ทาง สมาคมอุตสาหกรรมรถไฟแห่งประเทศญี่ปุ่น จะกระจายคำสั่งการผลิตนี้ให้กับ 5 บริษัทที่รับผิดชอบในการสร้างรถจักรไอน้ำโมกุล C56 ดังนี้

  1. บริษัท นิปปอน ชาเรียว เซโซะ ไกรชะ จำกัด โรงงานตั้งอยู่ที่นครนาโงยะ, จังหวัดไอจิ, ประเทศญี่ปุ่น
  2. บริษัท กิช่า เซโซะ ไกรชะ จำกัด โรงงานตั้งอยู่ที่นครโอซากะ, จังหวัดโอซากะ, ประเทศญี่ปุ่น (ปัจจุบันถูกควบรวมกิจการโดย บริษัท คาวาซากิเฮฟวี่อินดรัสทรีส์ จำกัด ไปเมื่อเดือนเมษายน ปี พ.ศ. 2515)
  3. บริษัท คาวาซากิเฮฟวี่อินดรัสทรีส์ จำกัด โรงงานตั้งอยู่ที่ระหว่างนครโคเบะ และ เขตมินาโตะ (โตเกียว), ในกรุงโตเกียว, ประเทศญี่ปุ่น (ต่อมาได้เข้าซื้อกิจการ บริษัท กิช่า เซโซะ ไกรชะ จำกัด ไปเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2515)
  4. บริษัท ฮิตาชิ จำกัด (มหาชน) โรงงานตั้งอยู่ที่ในกรุงโตเกียว, ประเทศญี่ปุ่น
  5. บริษัท มิตซูบิชิเฮฟวีอินดัสทรีส์ จำกัด โรงงานตั้งอยู่ที่เมืองมิฮาระ, จังหวัดฮิโรชิมะ, ประเทศญี่ปุ่น

ประวัติ[แก้]

จุดเริ่มต้นของรถจักรไอน้ำโมกุล C56[แก้]

การก่อสร้างทางรถไฟซึ่งดำเนินต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2415 (สมัยเมจิ 5) ได้เปลี่ยนไปสู่สนับสนุนก่อสร้างเส้นทางสายรองที่กระจัดกระจาย ซึ่งความต้องการด้านการขนส่งมีไม่มากท่ามกลางแรงกดดันทางการเมืองเมื่อโอกาสในการพัฒนาเส้นทางสายหลักชัดเจนขึ้น

แบบล้อของรถจักรไอน้ำโมกุล C56

ในขณะนั้น รถจักรไอน้ำในเส้นทางเหล่านี้เป็นรุ่นเก่าที่ถูกปลดประจำการเส้นทางเนื่องจากไม่สามารถกับความต้องการและความเร็วที่เพิ่มขึ้นในเส้นทางเดินรถ รวมถึงรถจักรนำเข้าต่างๆ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากช่องโหว่ของอุปสรรคระหว่างเส้นทางหลักและเส้นทางรอง รถจักรไอน้ำในเส้นทางหลักมีขนาดใหญ่มากเกินไปที่จะเปลี่ยนไปใช้เส้นทางสายรอง แม้ว่าจะเป็นรุ่นเก่าก็ตาม และการบำรุงรักษาเนื่องจากอายุของหัวรถจักรนำเข้าและความยากลำบากในการยึดชิ้นส่วน คาดว่าจะมีต้นทุนบำรุงรักษาที่เพิ่มขึ้น

ดังนั้นในช่วงต้นยุคโชวะ จึงมีการวางแผนจัดหารถจักรไอน้ำสำหรับเส้นทางสายรองที่มีขนาดเล็กและน้ำหนักเบา และบำรุงรักษาง่ายกว่าเส้นทางสายหลัก

ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 (พ.ศ. 2478 - พ.ศ. 2482)[แก้]

เรือนเพลิงในหม้อน้ำของรถจักรไอน้ำโมกุล C56

เนื่องจากเดิมทีรถจักรไอน้ำ C56 ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้งานภายในประเทศญี่ปุ่นในช่วงปี พ.ศ. 2478 ซึ่งในเวลานั้นประเทศญี่ปุ่นได้เปลี่ยนมาใช้งานระบบห้ามล้อลมอัดหมดแล้ว รวมถึงได้เปลี่ยนเครื่องพ่วงจากแบบขอและห่วงคานเกลียวมาเป็นแบบอัตโนมัติ จึงต้องเปลี่ยนขอพ่วงแบบอัตโนมัติมาเป็นขอพ่วง ABC แทน ซึ่งมีระดับที่ต่ำกว่าเดิมต้องวางช่องของรังเครื่องพ่วงขึ้นมาใหม่ เมื่อรถจักรไอน้ำ C56 จำนวน 90 คันได้ถูกส่งมาใช้งานในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยเหตุผลที่มีน้ำหนักกดเพลาไม่มากเกินไปนักกับสภาพเส้นทางนี้เพราะในสมัยนั้นรางของประเทศไทยรับน้ำหนักกดเพลาสูงสุดได้แค่เพียง 10.5 ตันเท่านั้น ในขณะที่รถจักร C56 มีน้ำหนักกดเพลาที่ 10.6 ตัน (เคยมีการนำเอารถจักรไอน้ำ C58 มาวิ่งจำนวน 4 คัน แต่ภายหลังได้นำกลับไปเพราะมีน้ำหนักกดเพลาถึง 13.5 ตัน) นอกจากนั้นก็ต้องทำการเปลี่ยนแปลงระบบห้ามล้อที่ใช้สั่งการรถพ่วงจากเดิมที่เป็นห้ามล้อลมอัดมาเป็นระบบห้ามล้อสูญญากาศ โดยติดตั้งเครื่องไล่ลมเข้าไปเพราะในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในเวลานั้นยังคงใช้ระบบห้ามล้อสูญญากาศอยู่ ไม่ว่าจะเป็นประเทศไทย , พม่า , กัมพูชาและมาเลเซีย

การรถไฟแห่งประเทศญี่ปุ่นสร้างรถจักร C56 มาเพื่อใช้งานกับรางที่มีความกว้างขนาด 1.067 เมตร ดังนั้นเมื่อนำมาใช้งานกับรางที่มีขนาดความกว้าง 1 เมตรในประเทศไทยจึงต้องทำการปรับล้อเพื่อให้สามารถใช้กับราง 1 เมตรได้ ( วิธีการนั้นไม่ได้ใช้วิธีการอัดแว่นล้อเข้ามาเหมือนกับที่ดำเนินการกับรถโดยสาร JR-West ในปัจจุบันนี้ ) แว่นล้อของรถจักร C56 ยังเป็นของเดิมที่ใช้กับราง 1.067 เมตร แต่ใช้วิธีการสร้างปลอกล้อขึ้นมาใหม่โดยให้มีขนาดความกว้างของพื้นล้อมากกว่าเดิมเพื่อให้เกาะกับรางขนาด 1 เมตรได้ ดังนั้นถ้าใครสังเกตก็จะเห็นว่าพื้นล้อของล้อกำลังรถจักรไอน้ำ C56 หมายเลข 713และ 715 ที่โรงรถจักรธนบุรี รวมทั้งที่จอดตั้งแสดงตามที่ต่างๆในประเทศไทยจะมีพื้นล้อกำลังที่กว้างกว่ารถจักรไอน้ำรุ่นอื่นๆ[12]

หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 (พ.ศ. 2488 - พ.ศ. 2520; พ.ศ. 2529 - ปัจจุบัน)[แก้]

ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 กรมรถไฟได้ประสบความเสียหายในบริภัณฑ์รถไฟและสิ่งปลูกสร้างเป็นอย่างมาก เมื่อสงครามได้ยุติลง จึงปรากฏว่ากรมรถไฟขาดแคลนรถจักรและล้อเลื่อนที่จะมาใช้การรับใช้ประชาชนตามสถานะเดิมต่อไป ดังนั้นในปี พ.ศ. 2489 ด้วยความเอื้อเฟื้อของสหประชาชาติได้จำหน่ายรถจักรไอน้ำที่เหลือใช้จากสงครามให้แก่กรมรถไฟจำนวน 68 คัน (รุ่นเลขที่ 380-447) เพื่อบรรเทาการขาดแคลนดังกล่าว รถจักรเหล่านี้เป็นชนิดมิกาโด (2-8-2) ซึ่งเรียกกันโดยเฉพาะในวงการของสหประชาชาติว่ารถจักร “แมคอาเธอร์” เป็นรถจักรที่สร้างโดยบริษัทต่างๆ ในสหรัฐอเมริกา ตามรายการจำเพาะที่กำหนดขึ้นโดยทางการทหารแห่งสหรัฐ

นอกจากนี้ยังได้รับรถจักรที่เหลือใช้จากสงครามของฝ่ายญี่ปุ่น ซึ่งนำมาใช้การในเอเซียอาคเนย์นี้ 50 คัน คือ รถจักรญี่ปุ่น รุ่นเลขที่ 701-746 (C-56) และ รุ่นเลขที่ 761- 764 (C-58)และเป็นรถจักรของการรถไฟสหพันธรัฐมลายู ซึ่งฝ่ายญี่ปุ่นนำมาใช้การในประเทศไทยระหว่างสงครามอีก 18 คัน คือรุ่นเลขที่ 801 (เจ้าของเดิมเรียกว่ารุ่น "P")[13]

พ.ศ. 2488 - พ.ศ. 2520[แก้]

หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ. 2488 ใช้เป็นขบวนรถโดยสารจากธนบุรี - น้ำตกบนแขวงธนบุรี บนเส้นทางรถไฟสายใต้ มีน้ำหนักเบาที่สามารถผ่านสะพานถ้ำกระแซได้ ส่วนทางรถไฟสายเหนือ ทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ และทางรถไฟสายใต้ตั้งแต่แขวงชุมพรลงไปนั้น นิยมเป็นรถจักรสับเปลี่ยนทางนั้นกว่า เพราะมีน้ำหนักมากเล็กน้อย คือ 10.6 ตัน

พ.ศ. 2529 - ปัจจุบัน[แก้]

และต่อมาก็ทำการซ่อมรถจักรไอน้ำโมกุล C56 หมายเลข 713 (C56 15) (C5615) และรถจักรไอน้ำโมกุล C56 หมายเลข 715 (C56 17) (C5617) เพิ่มอีก 2 คันเพื่อทำการเดินขบวนเสด็จ หมายกำหนดการสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จไปยังปราสาทเมืองสิงห์ จังหวัดกาญจนบุรี ในวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2529 รถจักรไอน้ำทุกคันที่มีการซ่อม ได้ดัดแปลงระบบไฟฟ้า ห้ามล้อ และเครื่องยนต์ของรถจักร Henschel  เพื่อต่อพหุ ทำขบวนเป็นขบวนพิเศษนำทางขบวนเสด็จจาก กรุงเทพกาญจนบุรีท่ากิเลน และไปจอดรอที่ป้ายหยุดรถวังสิงห์ หมายกำหนดการ ใช้รถจักรไอน้ำญี่ปุ่นแปซิฟิค หมายเลข 824 พหุกับรถจักรไอน้ำญี่ปุ่นแปซิฟิค หมายเลข 850 ลากจูงขบวนเสด็จจาก สถานีหลวงจิตรลดา ไปถึงสถานีกาญจนบุรี โดย นายชำนาญ ล้ำเลิศ เป็น พนักงานขับรถคันนำ เมื่อทำขบวนเสด็จถึงสถานีกาญจนบุรี จอดเทียบให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และข้าราชบริพาร ประชาชนเฝ้าเสด็จ และทางการรถไฟฯ ก็ได้ทำการเปลี่ยนหัวรถจักรไอน้ำใหม่โดยนำรถจักรไอน้ำโมกุล C56 หมายเลข 713 (C56 15) (C5615) และรถจักรไอน้ำโมกุล C56 หมายเลข 715 (C56 17) (C5617) ทำขบวนเสด็จต่อจาก สถานีกาญจนบุรี ไป ที่สถานีท่ากิเลน และเสด็จทางรถยนต์พระที่นั่งต่อไปยังปราสาทเมืองสิงห์ ซึ่งอยู่ห่างจากสถานีท่ากิเลนไปทางทิศตะวันตกประมาณ 3.5 กม. พนักงานรถจักรที่หน้าที่ขับรถชื่อนายกุล มณีกุล[14]

การออกแบบ[แก้]

ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น รถจักรไอน้ำขนาดใหญ่ไม่สามารถเข้าสู่เส้นทางสายรอง ซึ่งอยู่ต่ำกว่าเส้นทางหลักอย่างเห็นได้ชัด ด้วยเหตุนี้ รถจักรไอน้ำ C12 จึงสร้างขึ้นเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2475 สำหรับเส้นทางระยะใกล้ เป็นรถจักรไอน้ำขนาดเล็ก น้ำหนักเบา เดินหน้าถอยหลังได้สะดวก[15] อย่างไรก็ตาม สำหรับเส้นทางเดินรถที่ค่อนข้างไกลรถจักรไอน้ำ C12 ไม่เหมาะสำหรับการใช้งาน เนื่องจากบรรทุกถ่านหินและน้ำได้น้อย ด้วยเหตุนี้ C56 จึงได้รับการออกแบบใหม่ให้เป็นรุ่นขนาดเล็กโดยถอดถังเก็บน้ำและที่เก็บถ่านหินออกจาก C12 และทั้งสองประเภทมีการออกแบบที่มีชิ้นส่วนทั่วไปจำนวนมาก ดูเหมือนว่าจะขึ้นอยู่กับวิธีการออกแบบของรถจักรแบบ 64 และรถจักรแบบเอ็นดะ 24 แบบที่ออกแบบมาสำหรับสายงานสาขาในเยอรมนี ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกรถจักรไอน้ำ[ต้องการอ้างอิง] รถจักรไอน้ำทั้งสองประเภทมีลักษณที่คล้ายคลึงกันกับ C12 และ C56 ตามลำดับ

ในเวลานั้นมีสถานที่เพียงไม่กี่แห่งที่ติดตั้งสแครช C12 เป็นรถจักรไอน้ำถัง ดังนั้นจึงง่ายต่อการถอยหลัง แต่ C56 เป็นรถจักรไอน้ำที่ได้ปรับแก้ ดังนั้นด้านข้างของหัวรถจักรจึงถูกตัดออกไปเป็นส่วนใหญ่เพื่อให้มองเห็นทัศนวิสัยด้านหลังได้ชัดเจน เพื่อไม่ให้มองเห็นด้านหลังได้ยาก เป็นลักษณะ อย่างไรก็ตาม ไม่เหมือนกับรุ่น C12 ตรงที่ไม่มีล้อตาม และลักษณะการวิ่งขณะถอยหลังลดลงอย่างมาก[16] ด้วยเหตุนี้ รถจักรไอน้ำรุ่นนี้ได้ตกรางจึงเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ดังนั้นจึงกล่าวกันว่าการถอยหลังไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก ยกเว้นการสับรางด้วยความเร็วต่ำ[โดยใคร?]

การผลิต[แก้]

สำหรับการรถไฟแห่งประเทศญี่ปุ่น มีการผลิตรถจักร 160 คันระหว่างปี พ.ศ. 2478 (โชวะ 10) ถึง พ.ศ. 2482 (โชวะ 14) ผู้ผลิต ได้แก่ บริษัท คาวาซากิเฮฟวี่อินดรัสทรีส์ จำกัด, บริษัท ฮิตาชิ จำกัด (มหาชน), บริษัท นิปปอน ชาเรียว เซโซะ ไกรชะ จำกัด และ บริษัท มิตซูบิชิเฮฟวีอินดัสทรีส์ จำกัด นอกจากนี้ ยังมีการผลิตรถจักร 4 คันสำหรับรถไฟคาระฟูโตะโชะ และอีกคันสำหรับภาคเอกชน

ปีที่การผลิตและการส่งมอบมีดังนี้

  • พ.ศ. 2478 - รถจักรหมายเลข C56 1 - C56 24
  • พ.ศ. 2479 - รถจักรหมายเลข C56 25 - C56 87
  • พ.ศ. 2480 - รถจักรหมายเลข C56 88 - C56 121
  • พ.ศ. 2481 - รถจักรหมายเลข C56 122 - C56 154
  • พ.ศ. 2482 - รถจักรหมายเลข C56 155 - C56 160

รถไฟคาระฟูโตะโชะ C52[แก้]

ในปี พ.ศ. 2485 เกาะคาระฟูโตะโชะ อยู่ในภายใต้การปกครองของญี่ปุ่น รถจักรไอน้ำ 4 คัน (C52 1 - 4 หมายเลขการผลิต 961 - 964) ผลิตโดย บริษัท นิปปอน ชาเรียว เซโซะ ไกรชะ จำกัด เหล่านี้รวมอยู่ในกระทรวงการรถไฟเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2486 (โชวะ 18) เนื่องจากมินามิคาราฟูโตะกลายเป็นทะเล และกลายเป็น C56 161 - 164 หลังจากนั้นในเดือนกันยายน พ.ศ. 2487 C56 103 และ 152 ถูกย้ายจากแผ่นดินใหญ่ไปยังสำนักงานการรถไฟคาระฟูโตะโชะ แต่ในปี พ.ศ. 2488 เมื่อญี่ปุ่นแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 รถจักรไอน้ำทั้ง 6 คันจึงถูกสหภาพโซเวียตซึ่งครอบครองเกาะคาระฟูโตะโชะเข้ายึดแล้วกลายมาเป็นเกาะซาฮาลิน

รถจักรไอน้ำล็อตนี้ได้รับการเปลี่ยนแปลงจากห้องขับแบบเปิด มาเป็นห้องขับแบบปิดตามข้อกำหนดสำหรับภูมิภาคที่มีอากาศหนาวจัด ในปี พ.ศ. 2490 (โชวะ 22) พนักงานรถไฟชาวญี่ปุ่นที่ยังคงอยู่ในเกาะคาระฟูโตโชะหรือเกาะซาฮาลินที่เป็นทางรถไฟ พนักงานทำสีของโรงรถจักร Yuzhno-Sakhalinsk ตามข้อกำหนดของสหภาพแรงงานโซเวียต ได้มีการตั้งข้อสังเกตว่า แม้ว่าสีตัวถังจะเป็นสีดำ แต่ว่ากันว่าล้อกำลัง เป็นสีแดงและสีอ่อนเป็นสีฟ้าอ่อน นอกจากนี้ยังไม่มีเอกสารเกี่ยวกับการประท้วงหลังพิจารณาไม่ชัดเจน[ต้องการอ้างอิง] และว่ากันว่ายังคงอยู่จนถึงปี พ.ศ. 2503[ต้องการอ้างอิง]

รถจักรไอน้ำโมกุล C56 ในปัจจุบัน[แก้]

เนื่องจากรถจักรไอน้ำโมกุล C56 ทุกคันถูกตัดเศษเหล็กที่โรงรถจักรทั่วประเทศ สำหรับประเทศไทยได้ปลดประจำการปี พ.ศ. 2520 และประเทศญี่ปุ่นได้ปลดประจำการปี พ.ศ. 2517 แต่ในส่วนของประเทศไทย บางคันได้ตั้งเป็นอนุสรณ์ที่สถานีรถไฟทั่วประเทศ และบางคันได้กลับสู่ประเทศญี่ปุ่นตามลำดับดังนี้

ผ่านการใช้งานในประเทศไทยและประเทศพม่าโดยกองทัพญี่ปุ่น (ความกว้างของรางรถไฟ: 1.000 เมตร) (Metre gauge)[แก้]

ปัจจุบันรถจักรไอน้ำโมกุล C56 จากประเทศญี่ปุ่นที่ผ่านการใช้งานในประเทศไทยคงเหลืออยู่ 11 คัน และในประเทศพม่าคงเหลืออยู่ 1 คัน รวมทั้งหมด 12 คัน จอดเป็นอนุสรณ์ตามสถานที่ต่างๆทั้งหมด 9 คัน และยังสามารถใช้การได้ทั้งหมด 3 คัน แบ่งได้ดังนี้

จอดเป็นอนุสรณ์ในประเทศไทยอยู่ 7 คัน[แก้]

จอดเป็นอนุสรณ์ในประเทศญี่ปุ่นอยู่ 1 คัน[แก้]

จอดเป็นอนุสรณ์ในประเทศพม่าอยู่ 1 คัน[แก้]

ใช้การได้ในประเทศญี่ปุ่นอยู่ 1 คัน[แก้]

  • C56 44 (หมายเลขของการรถไฟแห่งประเทศไทยคือ 735) (C5644) เดิมนั้น กองทัพญี่ปุ่นได้ตั้งชื่อรหัสรถจักร คือ C56-44 ใช้ในทางรถไฟสายมรณะ หลังสงครามครั้งที่ 2 ยุติลง รถจักรไอน้ำคันนี้ ได้ประจำการที่แขวงชุมพร จังหวัดชุมพร หลังการรถไฟแห่งประเทศไทยได้เลิกใช้รถจักรไอน้ำทั้งหมดที่ลากจูงรถโดยสารและรถสินค้าเมื่อปี พ.ศ. 2519-2520 รถจักรไอน้ำคันนี้ สังกัดสุดท้ายที่รถจักรคันนี้เคยอยู่ก่อนถูกนำกลับประเทศญี่ปุ่น คือ แขวงชุมพร โดยหลังจากที่การรถไฟได้เลิกการใช้งานรถจักรไอน้ำทุกชนิดในการลากจูงขบวนรถสินค้า,โดยสาร เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2519 - 2520 รถจักรไอน้ำหลายต่อหลายคันก็ได้ถูกจอดทิ้งเอาไว้ตามแขวงต่างๆ บางคันก็ถูกขายเป็นเศษเหล็ก บางคันโชคดีหน่อยทีทางการได้นำไปตั้งแสดงตามสถานี หรือ สถานที่ต่างๆ รวมทั้งบางส่วนที่มีผู้ติดต่อขอซื้อเอาไว้ หนึ่งในนั้นคือ รถจักรไอน้ำ C56-44 หมายเลข 735 (ร.ฟ.ท.) ซึ่งได้ถูกบริษัท Oigawa Railway หรือ Daitetsu ของประเทศญี่ปุ่นซื้อไป จนสุดท้ายรถจักรคันนี้ได้ถูกนำกลับบ้านเกิดในปีพ.ศ. 2522 และเคลื่อนย้ายมาอยู่ที่ Oigawa Railway แห่งนี้ และถูกขยายล้อเพื่อให้สามารถลงรางรถไฟขนาด 1.067 (Cape Guage) เมตรของประเทศญี่ปุ่นได้ รวมถึงทำสีกลับเป็นแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นโดยใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงในการใช้งาน จนกระทั่งปี พ.ศ. 2550 รถจักรไอน้ำคันนี้ถูกทำสีกลับเป็นแบบสมัยใช้การในประเทศไทย โดยมีอักษร ร.ฟ.ท. อยู่บริเวณรถลำเลียงและหมายเลข 735 อยู่ด้านข้างห้องขับและด้านหน้าของตัวรถเพื่อทำขบวนรถพิเศษฉลองความสัมพันธ์ทางการทูต 120 ปี ไทย - ญี่ปุ่น ในปี พ.ศ. 2550 และทำขบวนรถท่องเที่ยวในสีนี้จนถึงปี พ.ศ. 2553 ต่อมาถูกทำสีกลับเป็นแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นอีกครั้ง จนกระทั่งปี พ.ศ. 2558 ถูกทำเป็นสีแดงและตกแต่งภายนอกทุกอย่างให้เหมือนตัวละครรถจักรไอน้ำชื่อ James the Red Engine ในการ์ตูนเรื่อง Thomas & friends และล่าสุดปี พ.ศ. 2559 รถจักรไอน้ำคันนี้ถูกทำสีกลับเป็นแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นและยังคงใช้การจนถึงทุกวันนี้[1][9][10][11]

ใช้การได้ในประเทศไทยอยู่ 2 คัน โดย ร.ฟ.ท.[แก้]

  • C56 15 และ C56 17 (หมายเลขของการรถไฟแห่งประเทศไทยคือ 713 และ 715 ตามลำดับ) (C5615 และ C5617) รถจักรไอน้ำ 2 คันนี้ ได้รับการบูรณะพร้อมๆกับรถจักรไอน้ำญี่ปุ่นมิกาโด หมายเลข 953 และรถจักรไอน้ำญี่ปุ่นมิกาโด หมายเลข 962 รถจักรไอน้ำญี่ปุ่นแปซิฟิค หมายเลข 824 และรถจักรไอน้ำญี่ปุ่นแปซิฟิค 850 ในต้นปี พ.ศ. 2529 ซึ่งรถจักรไอน้ำโมกุล C56 ทั้ง 2 คันนี้ยังคงใช้ฟืนเป็นเชื้อเพลิง และเคยทำการเดินขบวนเสด็จ หมายกำหนดการสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จไปยังปราสาทเมืองสิงห์ จังหวัดกาญจนบุรี ในปี พ.ศ. 2529 รวมถึงทำขบวนรถจักรไอน้ำพิเศษนำเที่ยวเป็นเวลาหลายปี ในปัจจุบันรถจักรไอน้ำโมกุล C56 ทั้ง 2 คันนี้ใช้ไม้หมอนรองรางรถไฟเก่ามาตัดเป็นท่อนๆในการใช้เป็นเชื้อเพลิง และจะใช้ในงานสัปดาห์สะพานข้ามแม่น้ำแคว จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งจะจัดงานในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคมของทุกปี[1][4][11]

ประเทศญี่ปุ่น (ความกว้างของรางรถไฟ: 1.067 เมตร) (Cape gauge)[แก้]

รถจักรไอน้ำโมกุล C56 ที่ยังคงเก็บรักษาไว้ในประเทศญี่ปุ่นมีจำนวน 20 คัน[1] ซึ่งจอดเป็นอนุสรณ์อยู่ตามที่ต่าง ๆ ในประเทศญี่ปุ่น และบางคันยังคงอยู่ในสภาพใช้การได้ ได้แก่

  • C56 92 (C5692) จอดเป็นอนุสรณ์อยู่ที่ด้านหน้าสถานีรถไฟอิซูมิในจังหวัดคาโงชิมะ[1]
  • C56 94 (C5694) จอดเป็นอนุสรณ์อยู่ที่สวนสาธารณะนิชิในเมืองโอมาจิ จังหวัดนางาโนะ[1]
  • C56 96 (C5696) จอดเป็นอนุสรณ์อยู่ที่หมู่บ้านมินามิมากิ ในจังหวัดนางาโนะ[1]
  • C56 98 (C5698) จอดเป็นอนุสรณ์อยู่ที่ห้องโถงศตวรรษที่ 19 บริเวณสถานีรถไฟโทรกโกะซางะ ในนครเกียวโต[1]
  • C56 99 (C5699) จอดเป็นอนุสรณ์อยู่ที่ Dacho Dream Eco Land ในเมืองซัตสึมะเซ็นได, จังหวัดคาโงชิมะ[1]
  • C56 101 (C56101) จอดเป็นอนุสรณ์อยู่ที่สวนสาธารณะในเมืองซากุ, จังหวัดนางาโนะ[1]
  • C56 106 (C56106) จอดเป็นอนุสรณ์อยู่ที่สวนสาธารณะ ในเมืองฟูจู, จังหวัดฮิโรชิมะ[1]
  • C56 108 (C56108) จอดอยู่ที่เมืองอุนนัง, จังหวัดชิมาเนะ[1]
  • C56 110 (C56110) จอดเป็นอนุสรณ์อยู่ที่สวนสาธารณะในเมืองโซกะ, จังหวัดไซตามะ[1]
  • C56 111 (C56111) จอดเป็นอนุสรณ์อยู่ที่โรงเรียนประถมศึกษาในเมืองทาการาซูกะ, จังหวัดเฮียวโงะ[1]
  • C56 124 (C56124) จอดเป็นอนุสรณ์อยู่ที่ศูนย์การประชุมในเมืองอาซูมิโนะ, จังหวัดนางาโนะ[1]
  • C56 126 (C56126) จอดเป็นอนุสรณ์อยู่ที่โรงเรียนประถมโคบูจิซาวะในเมืองโฮกูโตะ, จังหวัดยามานาชิ[1]
  • C56 129 (C56129) จอดเป็นอนุสรณ์อยู่ที่สวนสาธารณะในเมืองอียามะ, จังหวัดนางาโนะ[1]
  • C56 131 (C56131) จอดเป็นอนุสรณ์อยู่ที่สวนสาธารณะในเมืองมัตสึเอะ, จังหวัดชิมาเนะ[1]
  • C56 135 (C56135) จอดเป็นอนุสรณ์อยู่ที่สวนสาธารณะในเมืองคาโต, จังหวัดเฮียวโงะ[1]
  • C56 139 (C56139) ปัจจุบันใช้ทำการแสดงในส่วนของทางรถไฟสายคานางาวะริงไกในนครโยโกฮามะ, จังหวัดคานางาวะ[1]
  • C56 144 (C56144) จอดเป็นอนุสรณ์อยู่ที่ปราสาทโคโมโระ เมืองโคโมโระ, จังหวัดนางาโนะ[1]
  • C56 149 (C56149) จอดเป็นอนุสรณ์อยู่ที่ด้านหน้าสถานีรถไฟคิโยซาโตะ ในเมืองโฮกูโตะ, จังหวัดยามานาชิ[1]
  • C56 150 (C56150) จอดเป็นอนุสรณ์อยู่ที่หมู่บ้านฮากูบะ, จังหวัดนางาโนะ[1]
  • C56 160 (C56160) ปัจจุบันยังใช้การอยู่ที่พิพิธภัณฑ์รถไฟเกียวโต โดยเจอาร์-เวสต์[1]

รายชื่อหมายเลขรถจักร[แก้]

การรถไฟแห่งประเทศญี่ปุ่น[แก้]

รถจักรไอน้ำโมกุล C56 การรถไฟแห่งประเทศญี่ปุ่น
หมายเลขรถจักร ป้ายหน้ารถ, ข้างรถ และ หลังรถ ผู้ผลิต ปีที่เข้าประจำการ หมายเลขที่ผลิต ขนาดความกว้างของรางรถไฟ หมายเหตุ
C56 1 C561 Hitachi พ.ศ. 2478 622 1.067 เมตร (Cape gauge)
C56 2 C562 623
C56 3 C563 Mitsubishi 155
C56 4 C564 156 ปัจจุบันจอดอยู่ที่ป้ายหยุดรถไฟน้ำตกไทรโยคน้อย, อำเภอไทรโยค, จังหวัดกาญจนบุรี
C56 5 C565 157
C56 6 C566 Kawasaki 1551
C56 7 C567 1552
C56 8 C568 1553
C56 9 C569 1554
C56 10 C5610 1555
C56 11 C5611 1556
C56 12 C5612 Kisha Seizo 1299
C56 13 C5613 1300
C56 14 C5614 1301
C56 15 C5615 Hitachi 628 ปัจจุบันใช้เป็นระบบลมอัดในการทำขบวนรถ โดยทีมช่าง ณ โรงรถจักรธนบุรี; ใช้ขอพ่วงอัตโนมัติตั้งแต่ปี พ.ศ. 2478 และ พ.ศ. 2530
C56 16 C5616 629 ปัจจุบันจอดอยู่ที่อยู่ที่ด้านหลังอนุสรณ์ปฐมฤกษ์รถไฟหลวงบริเวณสถานีกรุงเทพ, เขตปทุมวัน, กรุงเทพมหานคร
C56 17 C5617 Nippon Sharyo 373 ปัจจุบันใช้เป็นระบบลมอัดในการทำขบวนรถ โดยทีมช่าง ณ โรงรถจักรธนบุรี; ใช้ขอพ่วงอัตโนมัติตั้งแต่ปี พ.ศ. 2478 และ พ.ศ. 2530
C56 18 C5618 374
C56 19 C5619 375
C56 20 C5620 Mitsubishi 166
C56 21 C5621 167
C56 22 C5622 168
C56 23 C5623 Kisha Seizo 1352 ปัจจุบันจอดอยู่ที่สะพานข้ามแม่น้ำแคว, อำเภอเมืองกาญจนบุรี, จังหวัดกาญจนบุรี
C56 24 C5624 1353
C56 25 C5625 พ.ศ. 2479 1354
C56 26 C5626 1355
C56 27 C5627 Nippon Sharyo 405
C56 28 C5628 406
C56 29 C5629 407
C56 30 C5630 408
C56 31 C5631 409 ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ที่ พิพิธภัณฑ์ยูชูคาน ในส่วนของศาลเจ้ายาซูกูนิ ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
C56 32 C5632 410
C56 33 C5633 411
C56 34 C5634 412
C56 35 C5635 413
C56 36 C5636 414 ปัจจุบันจอดอยู่ที่สถานีรถไฟนครลำปาง, อำเภอเมืองลำปาง, จังหวัดลำปาง
C56 37 C5637 415
C56 38 C5638 Mitsubishi 173
C56 39 C5639 174
C56 40 C5640 175
C56 41 C5641 176 ปัจจุบันอยู่ในโรงงานมักกะสัน ในเขตราชเทวี, กรุงเทพมหานคร
C56 42 C5642 177
C56 43 C5643 178
C56 44 C5644 179 ปัจจุบันยังใช้การอยู่ที่โอกินาวะเรลเวย์ ในโอกินาวะ
C56 45 C5645 180
C56 46 C5646 181
C56 47 C5647 182 ปัจจุบันจอดอยู่ที่หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน), อำเภอพุทธมณฑล, จังหวัดนครปฐม
C56 48 C5648 183
C56 49 C5649 Kawasaki 1699
C56 50 C5650 1700
C56 51 C5651 1701
C56 52 C5652 1702
C56 53 C5653 1703 ปัจจุบันจอดอยู่ที่ด้านหน้าของบ้านสวนรถไฟรีสอร์ท บนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1269, อำเภอหางดง, จังหวัดเชียงใหม่
C56 54 C5654 1704
C56 55 C5655 1705
C56 56 C5656 1706 ปัจจุบันจอดที่พิพิธภัณฑ์ทางรถไฟสายมรณะ, เมืองตานพยูซะยะ ในประเทศพม่า
C56 57 C5657 1707
C56 58 C5658 1708
C56 59 C5659 Kisha Seizo 1395
C56 60 C5660 1396
C56 61 C5661 1397
C56 62 C5662 1398
C56 63 C5663 1399
C56 64 C5664 1418
C56 65 C5665 1419
C56 66 C5666 1420
C56 67 C5667 1421
C56 68 C5668 Hitachi 737
C56 69 C5669 738
C56 70 C5670 739
C56 71 C5671 740
C56 72 C5672 741
C56 73 C5673 742
C56 74 C5674 Nippon Sharyo 416
C56 75 C5675 417
C56 76 C5676 418
C56 77 C5677 419
C56 78 C5678 420
C56 79 C5679 Mitsubishi 189
C56 80 C5680 190
C56 81 C5681 191
C56 82 C5682 192
C56 83 C5683 193
C56 84 C5684 194
C56 85 C5685 195
C56 86 C5686 196
C56 87 C5687 197
C56 88 C5688 พ.ศ. 2480 198
C56 89 C5689 Kawasaki 1777
C56 90 C5690 1778
C56 91 C5691 Hitachi 825
C56 92 C5692 826 ปัจจุบันจอดอยู่ที่ด้านหน้าสถานีรถไฟอิซูมิในจังหวัดคาโงชิมะ
C56 93 C5693 827
C56 94 C5694 828 ปัจจุบันจอดอยู่ที่สวนสาธารณะนิชิในเมืองโอมาจิ จังหวัดนางาโนะ
C56 95 C5695 829
C56 96 C5696 Nippon Sharyo 477 ปัจจุบันจอดอยู่ที่หมู่บ้านมินามิมากิ ในจังหวัดนางาโนะ
C56 97 C5697 478
C56 98 C5698 479 ปัจจุบันจอดอยู่ที่ห้องโถงศตวรรษที่ 19 บริเวณสถานีรถไฟโทรกโกะซางะ ในนครเกียวโต
C56 99 C5699 Mitsubishi 203 ปัจจับันจอดอยู่ที่ Dacho Dream Eco Land ในเมืองซัตสึมะเซ็นได, จังหวัดคาโงชิมะ
C56 100 C56100 204
C56 101 C56101 205 ปัจจุบันจอดอยู่ที่สวนสาธารณะในเมืองซากุ, จังหวัดนางาโนะ
C56 102 C56102 Hitachi 863
C56 103 C56103 864
C56 104 C56104 865
C56 105 C56105 866
C56 106 C56106 867 ปัจจุบันจอดอยู่ที่สวนสาธารณะ ในเมืองฟูจู, จังหวัดฮิโรชิมะ
C56 107 C56107 Mitsubishi 207
C56 108 C56108 208 ปัจจุบันจอดอยู่ที่เมืองอุนนัง, จังหวัดชิมาเนะ
C56 109 C56109 209
C56 110 C56110 210 ปัจจุบันจอดอยู่ที่สวนสาธารณะในเมืองโซกะ, จังหวัดไซตามะ
C56 111 C56111 211 ปัจจุบันจอดอยู่ที่โรงเรียนประถมศึกษาในเมืองทาการาซูกะ, จังหวัดเฮียวโงะ
C56 112 C56112 Kisha Seizo 1518
C56 113 C56113 1519
C56 114 C56114 1520
C56 115 C56115 1521
C56 116 C56116 1522
C56 117 C56117 1523
C56 118 C56118 1524
C56 119 C56119 1525
C56 120 C56120 Nippon Sharyo 558
C56 121 C56121 559
C56 122 C56122 พ.ศ. 2481 560
C56 123 C56123 Mitsubishi 221
C56 124 C56124 222 ปัจจุบันจอดอยู่ที่ศูนย์การประชุมในเมืองอาซูมิโนะ, จังหวัดนางาโนะ
C56 125 C56125 223
C56 126 C56126 225 ปัจจุบันจอดอยู่ที่โรงเรียนประถมโคบูจิซาวะในเมืองโฮกูโตะ, จังหวัดยามานาชิ
C56 127 C56127 Hitachi 970
C56 128 C56128 971
C56 129 C56129 972 ปัจจุบันจอดอยู่ที่สวนสาธารณะในเมืองอียามะ, จังหวัดนางาโนะ
C56 130 C56130 973
C56 131 C56131 974 ปัจจุบันจอดอยู่ที่สวนสาธารณะในเมืองมัตสึเอะ, จังหวัดชิมาเนะ
C56 132 C56132 975
C56 133 C56133 976
C56 134 C56134 977
C56 135 C56135 978 ปัจจุบันจอดอยู่ที่สวนสาธารณะในเมืองคาโต, จังหวัดเฮียวโงะ
C56 136 C56136 979
C56 137 C56137 980
C56 138 C56138 981
C56 139 C56139 982 ปัจจุบันใช้ทำการแสดงในส่วนของทางรถไฟสายคานางาวะริงไกในนครโยโกฮามะ, จังหวัดคานางาวะ
C56 140 C56140 983
C56 141 C56141 984
C56 142 C56142 985
C56 143 C56143 986
C56 144 C56144 987 ปัจจุบันจอดอยู่ที่ปราสาทโคโมโระ เมืองโคโมโระ, จังหวัดนางาโนะ
C56 145 C56145 988
C56 146 C56146 989
C56 147 C56147 Mitsubishi 229
C56 148 C56148 230
C56 149 C56149 231 ปัจจุบันอยู่ที่ด้านหน้าสถานีรถไฟคิโยซาโตะ ในเมืองโฮกูโตะ, จังหวัดยามานาชิ
C56 150 C56150 232 ปัจจุบันจอดอยู่ที่อยู่ที่หมู่บ้านฮากูบะ, จังหวัดนางาโนะ
C56 151 C56151 233
C56 152 C56152 234
C56 153 C56153 235
C56 154 C56154 236
C56 155 C56155 Kawasaki พ.ศ. 2482 2094
C56 156 C56156 2095
C56 157 C56157 2096
C56 158 C56158 2097
C56 159 C56159 2098
C56 160 C56160 2099 ปัจจุบันยังใช้การอยู่ที่พิพิธภัณฑ์รถไฟเกียวโต โดยเจอาร์-เวสต์

การรถไฟแห่งประเทศไทย[แก้]

รถจักรไอน้ำโมกุล C56 การรถไฟแห่งประเทศไทย
หมายเลข รฟท. หมายเลข JNR ป้ายหน้ารถ, ข้างรถ และ หลังรถ ผู้ผลิต ปีที่เข้าประจำการ หมายเลขที่ผลิต ขนาดความกว้างรางรถไฟ เชื้อเพลิง หมายเหตุ
701 C56 3 C563 Mitsubishi พ.ศ. 2488 155 1.000 เมตร (Metre gauge) ฟืน
702 C56 4 C564 156 ปัจจุบันจอดอยู่ที่ป้ายหยุดรถไฟน้ำตกไทรโยคน้อย, อำเภอไทรโยค, จังหวัดกาญจนบุรี
703 C56 5 C565 157
704 C56 6 C566 Kawasaki 1551
705 C56 7 C567 1552
706 C56 8 C568 1553
707 C56 9 C569 1554
708 C56 10 C5610 1555
709 C56 11 C5611 1556
710 C56 12 C5612 Kisha Seizo 1299
711 C56 13 C5613 1300
712 C56 14 C5614 1301
713 C56 15 C5615 Hitachi 628 ปัจจุบันใช้เป็นระบบลมอัดในการทำขบวนรถ โดยทีมช่าง ณ โรงรถจักรธนบุรี; ใช้ขอพ่วงอัตโนมัติตั้งแต่ปี พ.ศ. 2530
714 C56 16 C5616 629 ปัจจุบันจอดอยู่ที่อยู่ที่ด้านหลังอนุสรณ์ปฐมฤกษ์รถไฟหลวงบริเวณสถานีกรุงเทพ, เขตปทุมวัน, กรุงเทพมหานคร
715 C56 17 C5617 Nippon Sharyo 373 ปัจจุบันใช้เป็นระบบลมอัดในการทำขบวนรถ โดยทีมช่าง ณ โรงรถจักรธนบุรี; ใช้ขอพ่วงอัตโนมัติตั้งแต่ปี พ.ศ. 2530
716 C56 18 C5618 374
717 C56 20 C5620 Mitsubishi 166
718 C56 21 C5621 167
719 C56 23 C5623 Kisha Seizo 1352 ปัจจุบันจอดอยู่ที่สะพานข้ามแม่น้ำแคว, อำเภอเมืองกาญจนบุรี, จังหวัดกาญจนบุรี
720 C56 24 C5624 1353
721 C56 25 C5625 พ.ศ. 2489 1354
722 C56 26 C5626 1355
723 C56 28 C5628 Nippon Sharyo 406
724 C56 30 C5630 409
725 C56 31 C5631 410 ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ที่ พิพิธภัณฑ์ยูชูคาน ในส่วนของศาลเจ้ายาซูกูนิ ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
726 C56 32 C5632 411
727 C56 34 C5634 413
728 C56 36 C5636 414 ปัจจุบันจอดอยู่ที่สถานีรถไฟนครลำปาง, อำเภอเมืองลำปาง, จังหวัดลำปาง
729 C56 37 C5637 415
730 C56 38 C5638 Mitsubishi 173
731 C56 39 C5639 174
732 C56 40 C5640 175
733 C56 41 C5641 176 ปัจจุบันอยู่ในโรงงานมักกะสัน ในเขตราชเทวี, กรุงเทพมหานคร
734 C56 43 C5643 178
735 C56 44 C5644 179 1.000 เมตร (Metre gauge) (อดีต); 1.067 เมตร (Cape gauge) (ปัจจุบัน) ถ่านหิน ปัจจุบันยังใช้การอยู่ที่โอกินาวะเรลเวย์ ในโอกินาวะ
736 C56 45 C5645 180 1.000 เมตร (Metre gauge) ฟืน
737 C56 46 C5646 181
738 C56 47 C5647 182 ปัจจุบันจอดอยู่ที่หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน), อำเภอพุทธมณฑล, จังหวัดนครปฐม
739 C56 48 C5648 183
740 C56 49 C5649 Kawasaki 1699
741 C56 50 C5650 1700
742 C56 51 C5651 1701
743 C56 52 C5652 1702
744 C56 53 C5653 1703 ปัจจุบันจอดอยู่ที่ด้านหน้าของบ้านสวนรถไฟรีสอร์ท บนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1269, อำเภอหางดง, จังหวัดเชียงใหม่
745 C56 54 C5654 1704
746 C56 55 C5655 1705

รถไฟคาระฟูโตะโชะ[แก้]

รถจักรไอน้ำโมกุล C56 คาระฟูโตะโชะ
หมายเลขรถไฟคาระฟูโตะโชะ หมายเลข JNR ป้ายหน้ารถ, ข้างรถ และ หลังรถของคาระฟูโตะโชะ ป้ายหน้ารถ, ข้างรถ และ หลังรถของ JNR ผู้ผลิต ปีที่เข้าประจำการ หมายเลขที่ผลิต ขนาดความกว้างรางรถไฟ หมายเหตุ
C52 1 C56 161 C521 C56161 Nippon Sharyo พ.ศ. 2482 961 1.067 เมตร (Cape gauge)
C52 2 C56 162 C522 C56162 962
C52 3 C56 163 C523 C56163 963
C52 4 C56 164 C524 C56164 964

แกลลอรี่[แก้]

รถจักรไอน้ำโมกุล C56 หมายเลข 735 (C56 44)[1][4][9][10][แก้]

รถจักรไอน้ำโมกุล C56 หมายเลข 735 เดิมนั้น กองทัพญี่ปุ่นได้ตั้งชื่อรหัสรถจักร คือ C56 44 ใช้ในทางรถไฟสายมรณะ หลังสงครามครั้งที่ 2 ยุติลง รถจักรไอน้ำคันนี้ ได้ประจำการที่แขวงชุมพร จังหวัดชุมพร หลังการรถไฟแห่งประเทศไทยได้เลิกใช้รถจักรไอน้ำทั้งหมดที่ลากจูงรถโดยสารและรถสินค้าเมื่อปี พ.ศ. 2519-2520 รถจักรไอน้ำคันนั้น คือ รถจักร C56 44 หรือ หมายเลข 735 ตามหมายเลขที่เคยใช้ในการรถไฟแห่งประเทศไทย สังกัดสุดท้ายที่รถจักรคันนี้เคยอยู่ก่อนถูกนำกลับประเทศญี่ปุ่น คือ แขวงชุมพร โดยหลังจากที่การรถไฟได้เลิกการใช้งานรถจักรไอน้ำทุกชนิดในการลากจูงขบวนรถสินค้า,โดยสาร เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2518 - 2525 รถจักรไอน้ำหลายต่อหลายคันก็ได้ถูกจอดทิ้งเอาไว้ตามแขวงต่างๆ บางคันก็ถูกขายเป็นเศษเหล็ก บางคันโชคดีหน่อยทีทางการได้นำไปตั้งแสดงตามสถานี หรือ สถานที่ต่างๆ รวมทั้งบางส่วนที่มีผู้ติดต่อขอซื้อเอาไว้ หนึ่งในนั้นคือ รถจักรไอน้ำ C56 หมายเลข 735 (ไทย) ซึ่งได้ถูกบริษัท Oigawa Railway หรือ Daitetsu ของประเทศญี่ปุ่นซื้อไป จนสุดท้ายรถจักรคันนี้ได้ถูกนำกลับบ้านเกิดในปีพ.ศ. 2522 และเคลื่อนย้ายมาอยู่ที่ Oigawa Railway แห่งนี้และถูกทำสีกลับเป็นแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นโดยใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงในการใช้งาน จนกระทั่งปี พ.ศ. 2550 รถจักรไอน้ำคันนี้ถูกทำสีกลับเป็นแบบสมัยใช้การในประเทศไทย โดยมีอักษร ร.ฟ.ท. อยู่บริเวณรถลำเลียงและหมายเลข 735 อยู่ด้านข้างห้องขับและด้านหน้าของตัวรถเพื่อทำขบวนรถพิเศษฉลองความสัมพันธ์ทางการทูต 120 ปี ไทย - ญี่ปุ่น ในปี พ.ศ. 2550 และทำขบวนรถท่องเที่ยวในสีนี้จนถึงปี พ.ศ. 2553 ต่อมาถูกทำสีกลับเป็นแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นอีกครั้ง จนกระทั่งปี พ.ศ. 2558 ถูกทำเป็นสีแดงและตกแต่งภายนอกทุกอย่างให้เหมือนตัวละครรถจักรไอน้ำชื่อ James the Red Engine ในการ์ตูนเรื่อง Thomas & friends และล่าสุดปี พ.ศ. 2559 รถจักรไอน้ำคันนี้ถูกทำสีกลับเป็นแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นและยังคงใช้การจนถึงทุกวันนี้

บริษัทรถไฟโออิกาวาได้ซื้อรถจักรคันนี้กลับไปในปี พ.ศ. 2522 และได้นำมาบูรณะจนสามารถวิ่งใช้การได้อีกครั้ง ต่อมาเกิดปัญหาหม้อน้ำทะลุทำให้ต้องหยุดวิ่งไปชั่วคราว (เคยมีความคิดจะปลดระวางรถคันนี้หลังจากเกิดความเสียหายนี้ด้วย) ภายหลังได้มีการนำเอาหม้อน้ำของรถจักรไอน้ำ C12 ที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว มาใส่ทดแทนของเดิมที่ชำรุด ดังนั้นรถจักรไอน้ำ C56 44 คันนี้จึงมีหม้อน้ำที่ได้รับการเปลี่ยนใหม่จากรถจักรตระกูลเดียวกัน บรรดาอุปกรณ์บางส่วนที่เคยใช้งานในสมัยที่ประจำการอยู่ในประเทศไทย ได้ถูกถอดออกแล้วนำมาแสดงไว้ที่สถานีเซนซุ อยู่ใกล้กับรถจักรไอน้ำ 49616 ที่ได้อธิบายไปก่อนหน้านี้ เป็นในลักษณะกึ่งพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งให้ผู้คนได้ทราบความเป็นมาของรถจักรคันนี้

ดูเพิ่ม[แก้]

อ้างอิง[แก้]

  1. 1.00 1.01 1.02 1.03 1.04 1.05 1.06 1.07 1.08 1.09 1.10 1.11 1.12 1.13 1.14 1.15 1.16 1.17 1.18 1.19 1.20 1.21 1.22 1.23 1.24 1.25 1.26 1.27 1.28 1.29 1.30 1.31 1.32 1.33 1.34 1.35 1.36 1.37 1.38 Sasada, Masahiro (25 November 2014). 国鉄&JR保存車大全2015-2016 [JNR & JR Preserved Rolling Stock Complete Guide 2015-2016] (ภาษาญี่ปุ่น). Tokyo, Japan: Ikaros Publications Ltd. p. 128. ISBN 978-4863209282.
  2. http://trainthai.blogspot.com/2013/01/blog-post_17.html
  3. Inoue, Kōichi; いのうえこーいち. (1999). Kokutetsu kikansha jiten : jōki denki dīzeru kikansha 66-keishiki. Tōkyō: Sankaidō. ISBN 4-381-10338-6. OCLC 46716522.
  4. 4.00 4.01 4.02 4.03 4.04 4.05 4.06 4.07 4.08 4.09 4.10 4.11 <>. รักพล สาระนาค, การรถไฟแห่งประเทศไทย. การรถไฟแห่งประเทศไทย. 2554. ISBN 978-974-9848-99-9. OCLC 809032028.{{cite book}}: CS1 maint: others (ลิงก์)
  5. 5.0 5.1 "The Death Railway Museum". Travelfish (ภาษาอังกฤษ).
  6. https://www.hokurikushinkansen-navi.jp/sp/news/article.php?id=NEWS0000017034
  7. 7.0 7.1 Mcneill, David (2005-10-09). "Building a bridge to forgiveness". The Japan Times (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน).
  8. 8.0 8.1 Simone, Gianni (2014-07-28). "A trip around the Yushukan, Japan's font of discord". The Japan Times (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน).
  9. 9.0 9.1 9.2 "Rotfaithai.Com Forums-viewtopic-ย้อนรอย 735 ตามหาโพนี่ C56 44". portal.rotfaithai.com.
  10. 10.0 10.1 10.2 "Rotfaithai.Com Forums-viewtopic-ย้อนรอย 735 ตามหาโพนี่ C56 44". portal.rotfaithai.com.
  11. 11.0 11.1 11.2 "Rotfaithai.Com Gallery". gallery.rotfaithai.com.
  12. "Rotfaithai.Com Forums-viewtopic-ย้อนรอย 735 ตามหาโพนี่ C56 44". portal.rotfaithai.com.
  13. "Rotfaithai.Com Forums-viewtopic-เรื่องน่ารู้ : รถจักรไอน้ำที่เคยใช้การใน รฟท". portal.rotfaithai.com.
  14. "ย้อนดูการรถไฟไทยในอดีต หัวรถจักรไอน้ำไทยคันแรก และ รถจักรไอน้ำคันสุดท้าย". Pantip.
  15. テンダー機関車は、運転台の機器配置や従台車の逆行脱線限界速度が低いなどの理由でバック運転(逆機)に適さないものが多いため、終端駅転車台による転向が必要であるが、逆機が常用できればこれも不要となる。
  16. 従輪による横方向の復元作用がないため、力行時の首振り(左右動)が大きくなる。