เจเอ็นอาร์ คลาสซีเอ็กซ์ 50

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
"รถจักรไอน้ำแปซิฟิค และ รถจักรไอน้ำญี่ปุ่นแปซิฟิค" เปลี่ยนทางมาที่นี่ บทความนี้เกี่ยวกับรถจักรไอน้ำ สำหรับความหมายอื่น ดูที่ 4-6-2 และ เจเอ็นอาร์ คลาสซี 57
รถจักรไอน้ำญี่ปุ่นแปซิฟิค
JNR Class CX50 (I).jpg
รถจักรไอน้ำญี่ปุ่นแปซิฟิค หมายเลข 850 ซึ่งจอดรอในโรงรถจักรธนบุรี
ข้อมูลทั่วไป
ชื่อทางการรถจักรไอน้ำแห่งการรถไฟแห่งประเทศไทย ชั้นญี่ปุ่นแปซิฟิค
ชนิดรถจักรไอน้ำ
แรงม้า1280 แรงม้า
น้ำหนักจอดนิ่ง 51.3 ตัน
ทำงาน 31.5 ตัน
กดเพลา 10,500 กก.
การจัดวางล้อ4-6-2 (แปซิฟิค)
พิกัดตัวรถกว้าง 2,750 มม.
สูง 3,850 มม.
ยาว 19,335 มม.
ระบบห้ามล้อสุญญากาศ (ลมดูด) (ดั้งเดิม) (ประเทศไทย)
ลมอัด (ประเทศไทย, เฉพาะหมายเลข 824 และ 850 ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 และ หมายเลข 81-85 ของประเทศจอร์แดน)
ความจุ10 ลบ.ม.
ความเร็วสูงสุด100 กม./ชม.
ผู้สร้างสมาคมอุตสาหกรรมรถไฟแห่งประเทศญี่ปุ่น, ญี่ปุ่น ประเทศญี่ปุ่น
เริ่มใช้งานพ.ศ. 2485 - พ.ศ. 2488 (หมายเลข 283 - 292, ประเทศไทย)
พ.ศ. 2492 - พ.ศ. 2494 (หมายเลข 821 - 850, ประเทศไทย)
พ.ศ. 2501 - พ.ศ. 2502 (หมายเลข 81 - 85, ประเทศจอร์แดน)
จำนวนคันทั้งหมด45 คัน
หมายเลข81 - 85 (ประเทศจอร์แดน)
283 - 292 (ประเทศไทย)
821 - 850 (ประเทศไทย)
ใช้งานในไทย ประเทศไทย โดย การรถไฟแห่งประเทศไทย
จอร์แดน ประเทศจอร์แดน โดย การรถไฟฮิญาซ
ระบบห้องขับมี 1 ห้องขับ,ฝั่ง
จำนวนคันที่ถูกตัดบัญชี39 คัน
จำนวนคันที่คงเหลือใช้งาน6 คัน
จำนวนคันที่ปรับปรุง6 คัน
รวมระยะเวลาใช้งานทั้งหมด81 ปี
ชิ้นส่วนของรถจักรไอน้ำญี่ปุ่นแปซิฟิค รุ่นหมายเลข 283-292 ใช้ร่วมกับ รถจักรไอน้ำญี่ปุ่นมิกาโด รุ่นหมายเลข 351-378

รถจักรไอน้ำญี่ปุ่นแปซิฟิค (Japanese Pacific steam locomotive) (SRT Class Japanese Pacific) (ญี่ปุ่น: CX50形)[1] ส่วนใหญ่เรียกว่ารถจักรนี้ว่า รถจักรไอน้ำแปซิฟิค เป็นชุดรถจักรไอน้ำสุดท้ายของการรถไฟแห่งประเทศไทยที่ใช้ในประเทศไทย และเป็นรถจักรไอน้ำญี่ปุ่นคันแรกของประเทศจอร์แดน สร้างโดยสมาคมอุตสาหกรรมรถไฟแห่งประเทศญี่ปุ่น ประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี พ.ศ. 2485 - พ.ศ. 2502 จุดประสงค์หลักของรถจักรไอน้ำที่ถูกออกแบบและสร้างขึ้นเพื่อใช้ในการลากจูงขบวนรถไฟโดยสารเช่น ขบวนรถด่วน ขบวนรถธรรมดา ขบวนรถเร็ว เป็นต้น ปัจจุบัน รถจักรไอน้ำญี่ปุ่นแปซิฟิค เหลือส่วนห้องขับทั้งหมด 2 ห้องที่สวนวชิรเบญจทัศ(สวนรถไฟ) ได้แก่ของหมายเลข 823 และ 841 และเหลือการใช้งาน 2 คัน คือหมายเลข 824 และ 850 ซึ่งจะวิ่งในวันสำคัญต่างๆ[2] รถจักรไอน้ำญี่ปุ่นแปซิฟิค มีการนำมาใช้งานในประเทศไทย จำนวนรถทั้งสิ้น 40 คัน คือหมายเลขรถ 283-292 และ 821-850 โดยการนำเข้ามาใช้งาน แบ่งเป็นสองช่วง (ล็อต) ต่อไปนี้

นอกจากนี้ ยังมีรถจักรไอน้ำญี่ปุ่นแปซิฟิคสำรองวิ่งที่ยังมีใช้งานที่ประเทศจอร์แดนอีก 5 คัน ซึ่งบริษัทผู้สร้างได้สร้างไว้เมื่อปี พ.ศ. 2496 และพร้อมทีจะขายให้การรถไฟแห่งประเทศไทยโดยใช้หมายเลข 851 - 855 แต่การรถไฟฯ ไม่รับรถจักรที่เป็นรถสำรองวิ่งจึงขายให้ประเทศจอร์แดนโดยใช้หมายเลข 81 - 85 ในปี พ.ศ. 2502

รถจักรไอน้ำญี่ปุ่นแปซิฟิค ถูกสร้างขึ้นโดย สมาคมอุตสาหกรรมรถไฟแห่งประเทศญี่ปุ่น (Japan Association of Railway Industry) ซึ่งในสมาคมจะประกอบไปด้วยบริษัทผู้สร้างหลายบริษัทด้วยกัน ทั้งนี้เมื่อมีคำสั่งให้ผลิตรถจักรไอน้ำญี่ปุ่นแปซิฟิค ทาง สมาคมอุตสาหกรรมรถไฟแห่งประเทศญี่ปุ่น จะกระจายคำสั่งการผลิตนี้ให้กับ 3 บริษัทที่รับผิดชอบในการสร้างรถจักรไอน้ำญี่ปุ่นแปซิฟิค ดังนี้

1. บริษัท นิปปอน ชาเรียว เซโซะ ไกรชะ จำกัด โรงงานตั้งอยู่ที่นครนาโงยะ, จังหวัดไอจิ, ประเทศญี่ปุ่น

2. บริษัท คาวาซากิเฮฟวี่อินดรัสทรีส์ จำกัด โรงงานตั้งอยู่ที่ระหว่างนครโคเบะ และ เขตมินาโตะ (โตเกียว), ในกรุงโตเกียว, ประเทศญี่ปุ่น

3. บริษัท ฮิตาชิ จำกัด (มหาชน) โรงงานตั้งอยู่ที่ในกรุงโตเกียว, ประเทศญี่ปุ่น

ประวัติ[แก้]

ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 กรมรถไฟได้ประสบความเสียหายในบริภัณฑ์รถไฟและสิ่งปลูกสร้างเป็นอย่างมาก เมื่อสงครามได้ยุติลง จึงปรากฏว่ากรมรถไฟขาดแคลนรถจักรและล้อเลื่อนที่จะมาใช้การรับใช้ประชาชนตามสถานะเดิมต่อไป ดังนั้นในปี พ.ศ. 2489 ด้วยความเอื้อเฟื้อของสหประชาชาติได้จำหน่ายรถจักรไอน้ำที่เหลือใช้จากสงครามให้แก่กรมรถไฟจำนวน 68 คัน (รุ่นเลขที่ 380-447) เพื่อบรรเทาการขาดแคลนดังกล่าว รถจักรเหล่านี้เป็นชนิดมิกาโด (2-8-2) ซึ่งเรียกกันโดยเฉพาะในวงการของสหประชาชาติว่า “รถจักรไอน้ำแมคอาเธอร์” เป็นรถจักรที่สร้างโดยบริษัทต่างๆ ในสหรัฐอเมริกา ตามรายการจำเพาะที่กำหนดขึ้นโดยทางการทหารแห่งสหรัฐ ต่อมาในปี พ.ศ. 2492 ตามโครงการบูรณะกิจการรถไฟ ทางการได้จัดซื้อรถจักรไอน้ำจากผู้สร้างต่างๆ ในประเทศญี่ปุ่น 50 คัน และในปีถัดไปอีก 50 คัน เป็นรถจักรแบบมิกาโดและแปซิฟิค เหมือนกันกับรถจักรที่เคยซื้อจากประเทศญี่ปุ่นเมื่อก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ดังกล่าวข้างต้น แต่ได้มีการปรับปรุงบางสิ่งให้เหมาะสมขึ้นอีก รถจักรจำนวน 100 คันนี้ อาจจะถือได้ว่าเป็นรถจักรไอน้ำรุ่นสุดท้ายที่จะมีใช้การในการรถไฟแห่งประเทศไทยโดยที่เป็นผลสืบเนื่องมาจากการรถไฟฯ มีนโยบายที่จะนำเอารถจักรดีเซลมาใช้การแทนรถจักรไอน้ำ

อนึ่ง ก่อนที่จะมีขบวนพิเศษรถจักรไอน้ำขบวนที่ 903/904 (กรุงเทพ - ฉะเชิงเทรา - กรุงเทพ) และขบวนพิเศษรถจักรไอน้ำขบวนที่ 907/908 (กรุงเทพ - นครปฐม - กรุงเทพ) ในปี พ.ศ. 2553 การรถไฟฯ ได้โครงการพาพ่อนั่งรถจักรไอน้ำ 3 จังหวัด 4-5-6 ธันวาคม ลากจูงโดยรถจักรไอน้ำญี่ปุ่นแปซิฟิค หมายเลข 824 และ 850 โดยใช้เลขขบวน "9901" โดยวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2553 วิ่งในเส้นทาง กรุงเทพ - ฉะเชิงเทรา - กรุงเทพ วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2553 วิ่งในเส้นทาง กรุงเทพ - อยุธยา - กรุงเทพ และวันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2553 วิ่งในเส้นทาง กรุงเทพ - นครปฐม - กรุงเทพ หลังจากนั้นมาก็เริ่มเดินรถเส้นทาง กรุงเทพ - ฉะเชิงเทรา - กรุงเทพ เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2556 และเริ่มเดินรถในเส้นทาง กรุงเทพ - นครปฐม - กรุงเทพ ในวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2557 ตั้งแต่นั้น

รถจักรไอน้ำญี่ปุ่นแปซิฟิค หมายเลข 824 และ 850 เคยได้เดินขบวนรถนอกวันสำคัญทางราชการมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งนั้นเป็นขบวนพิเศษรถจักรไอน้ำ กรุงเทพ - กาญจนบุรี - สะพานข้ามแม่น้ำแคว - วังโพ เมื่อราวๆปี พ.ศ. 2540-2543 โดยรถจักรไอน้ำญี่ปุ่นแปซิฟิค หมายเลข 850 ทำขบวนทดสอบในปี พ.ศ. 2540-2541 รถจักรไอน้ำญี่ปุ่นมิกาโด หมายเลข 953 ทำขบวนทดสอบในปี พ.ศ. 2542 และ รถจักรไอน้ำญี่ปุ่นแปซิฟิค หมายเลข 824 ทำขบวนทดสอบในปี พ.ศ. 2543 และขบวนพิเศษรถจักรไอน้ำที่ 907/908 กรุงเทพ - นครปฐม - กรุงเทพ เนื่องในวันลอยกระทง เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

จนกระทั่งการระบาดทั่วของโควิด-19 ในประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ. 2563 - 2564 ขบวนพิเศษนำเที่ยวรถจักรไอน้ำได้หยุดเดินรถชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 แล้วก็กลับมาเดินรถอีกครั้งในวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 เรื่อยๆมา จนกระทั่งหยุดเดินรถอีกครั้งในวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2564, 12 สิงหาคม 2564 และ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2564 แล้วก็กลับมาเดินรถอีกครั้งเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2564 แต่ครั้งนี้กลับมาในเส้นทาง กรุงเทพ - อยุธยา - กรุงเทพ หลังที่ไม่ได้เดินรถในเส้นทางนี้ไปเมื่อปี พ.ศ. 2556 (ส่วนขบวนพิเศษรถจักรไอน้ำของสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ได้งดเดินรถไป 2 ปี นับตั้งแต่เดินรถครั้งแรกในวันที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2562 และกลับมาเดินรถอีกครั้งในวันที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2565 จนถึงปัจจุบัน)

รถจักรไอน้ำญี่ปุ่นแปซิฟิค หมายเลข 284, 287, 288, 289, 291, 292, 821, 824, 828, 829, 840, 841 และ 850[แก้]

เดิมใช้การในเส้นทางรถไฟสายใต้ ประจำการแขวงหาดใหญ่และทุ่งสง รถจักรไอน้ำเริ่มทำขบวนตั้งแต่จากตั้งแต่สถานีรถไฟบางกอกน้อย (สถานีรถไฟธนบุรี) ส่วนใหญ่จะทำขบวนรถเร็วไปถึงสถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่ บางครั้งก็ทำขบวนรถโดยสารจากสถานีรถไฟกรุงเทพ, ทางรถไฟสายเหนือ, ทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ, ทางรถไฟสายตะวันออก และทางรถไฟสายใต้ในสมัยนั้นด้วย หลังจากนั้น ก่อนปลดระวางก็กลับมาใช้การบนเส้นทางเส้นทางรถไฟสายใต้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2515 จนถึงปี พ.ศ. 2520 หลังจากที่การรถไฟฯ ได้เลิกใช้รถจักรไอน้ำทำขบวนรถโดยสารและรถสินค้าไปเมื่อปี พ.ศ. 2520 รถจักร 2 คันนี้ได้ปลดระวางเลิกใช้การเข้ามานอนจอดสงบนิ่งอยู่ที่โรงรถจักรธนบุรี รางข้างโรงรถจักรจอดอยู่คันในสุดของรถจักรรวม 4 คันในรางนี้ ตั้งแต่วันอังคารที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2517 แต่ก็ยังใช้งานทำขบวนรถโดยสารเชิงพาณิชย์ในช่วง 3 ปีสุดท้ายของรถจักรไอน้ำ จนถึงปี พ.ศ. 2520 ต่อมาในปลายปี พ.ศ. 2528 ทางการรถไฟฯมีแนวคิดที่จะฟื้นฟู บูรณะรถจักรไอน้ำขึ้นจำนวน 6 คันแบ่งเป็นรถจักรไอน้ำญี่ปุ่นมิกาโด 2 คันคือ 953 และ 962 รถจักรไอน้ำญี่ปุ่นแปซิฟิค ซีเอ็กซ์ 50 2 คันคือ 824 และ 850 และรถจักรไอน้ำญี่ปุ่นโมกุล ซี 56 หมายเลข 713 และ 715  โดยศูนย์กลางซ่อมอยู่ที่โรงรถจักรธนบุรี ในยุคที่นายสวัสดิ์  ม้าไว เป็นสารวัตรรถจักรธนบุรี โดยการขับเคลื่อนของนายช่าง สุเมธ หนูงาม ตำแหน่งวิศวกรอำนวยการลากเลื่อนในขณะนั้น ท่านได้ระดมอุปกรณ์อะไหล่ที่เก็บไว้ที่ โรงรถจักรทุ่งสง และโรงรถจักรอุตรดิตถ์ พร้อมช่างฝีมือจากทุ่งส่งจำนวน 4 นาย มาร่วมกับช่างฝีมือที่ธนบุรีเพื่อ พร้อมซ่อมบูรณะรถจักรไอน้ำดังกล่าวข้างต้น การซ่อมรถจักรไอน้ำในครั้งนั้นใช้เวลาซ่อมจำนวน 4 เดือนจึงสามารถทำการทดลองวิ่งตัวเปล่ารถจักร 962 & 953  จาก ธนบุรี - วัดงิ้วราย - ธนบุรี ในวันที่ 10 มีนาคม 2529 และทำการทดลองเดินขบวนเปล่าจำนวนตู้โดยสาร 10 ตู้ในวันที่ 13 มีนาคม 2529 สำหรับรถจักรไอน้ำญี่ปุ่นแปซิฟิค หมายเลข 824 และ 850 ซ่อมเสร็จทำการทดลองวิ่งตัวเปล่าจาก ธนบุรี - วัดงิ้วราย - ธนบุรี ในวันที่ 19 มีนาคม 2529 และทำการทดลองเดินขบวนเปล่าจำนวนตู้โดยสาร 8 ตู้ในวันที่ 22 มีนาคม 2529 ต่อมาในวันที่ 26 มีนาคม 2529 เป็นวันคล้ายวันสถาปนาการรถไฟแห่งประเทศไทยครบรอบ 90 ปีในครั้งนั้น การรถไฟฯ จึงจัดรถจักรไอน้ำญี่ปุ่นมิกาโด ดีเอ็กซ์ 50 หมายเลข 953 พหุกับ รถจักรไอน้ำญี่ปุ่นมิกาโด ดีเอ็กซ์ 50 หมายเลข 962 เดินขบวนพิเศษจากสถานีกรุงเทพ - อยุธยา - กรุงเทพ นับเป็นครั้งแรกที่มีการเดินรถจักรไอน้ำในโอกาสพิเศษ และเป็นการเดินรถจักรไอน้ำครั้งแรกหลังจากที่ปลดระวางไปตั้งแต่ปี 2520 เป็นระยะเวลา 15 ปี ซึ่งได้รับความสนใจจากพี่น้องประชาชนสองข้างทางรถไฟอย่างมากมาย พนักงานขับรถจักรไอน้ำในครั้งนั้น คือนายชำนาญ ล้ำเลิศ (เสียชีวิตแล้ว) นายกุล กุลมณี (เสียชีวิตแล้ว) และต่อมาก็ทำการซ่อมรถจักรไอน้ำ ซี 56 เพิ่มอีก 2 คันเพื่อทำการเดินขบวนเสด็จ หมายกำหนดการสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จไปยังปราสาทเมืองสิงห์ จังหวัดกาญจนบุรี ในวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2529 รถจักรไอน้ำทุกคันที่มีการซ่อม ได้ดัดแปลงระบบไฟฟ้า ห้ามล้อ และเครื่องยนต์ของรถจักร Henschel เพื่อต่อพหุ ทำขบวนเป็นขบวนพิเศษนำทางขบวนเสด็จจาก กรุงเทพ – กาญจนบุรีท่ากิเลน และไปจอดรอที่ป้ายหยุดรถวังสิงห์ หมายกำหนดการ ใช้รถจักรไอน้ำญี่ปุ่นแปซิฟิค หมายเลข 824 พหุกับ รถจักรไอน้ำญี่ปุ่นแปซิฟิค ลากจูงขบวนเสด็จจาก สถานีรถไฟหลวงจิตรลดา ไปถึงสถานีกาญจนบุรี โดย นายชำนาญ ล้ำเลิศ เป็น พนักงานขับรถคันนำ เมื่อทำขบวนเสด็จถึงสถานีกาญจนบุรี จอดเทียบให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และข้าราชบริพาร ประชาชนเฝ้าเสด็จ และทางการรถไฟฯ ก็ได้ทำการเปลี่ยนหัวรถจักรไอน้ำใหม่โดยนำเอาหัวรถจักรไอน้ำ ซี 56 หมายเลข 713 พหุ 715 ทำขบวนเสด็จต่อจาก สถานีกาญจนบุรี ไป ที่สถานีท่ากิเลน และเสด็จทางรถยนต์พระที่นั่งต่อไปยังปราสาทเมืองสิงห์ ซึ่งอยู่ห่างจากสถานีท่ากิเลนไปทางทิศตะวันตกประมาณ 3.5 กม. พนักงานรถจักรที่มีหน้าที่ขับรถชื่อนายกุล มณีกุล

การบูรณะ[แก้]

รถจักรไอน้ำได้มีการบำรุงรักษากันมาตลอดจนถึงต้นปี 2554 สภาพรถจักรไอน้ำญี่ปุ่นแปซิฟิค หมายเลข 824, หมายเลข 850 และรถจักรไอน้ำญี่ปุ่นมิกาโด หมายเลข 953 สภาพหม้อน้ำโดยเฉพาะเปลือกที่จุดเหนือเตาที่เชื้อเพลิงเผาผลานความร้อนสูง เนื้อเหล็กหนา 5 มม. ปกติหนา 14 มม. และเหล็กยึดรั้งหม้อน้ำขาด ผุกร่อนจำนวนมาก อุปกรณ์ส่วนเคลื่อนไหวรั่ว แหวนแป้นสูบกำลังหักเป็นต้น ทางโรงรถจักรธนบุรี โดย สรจ.ธบ.นายศรีศักดิ์ ไผ่ศิริ ได้รายงานให้ผู้บังบัญชาตามลำชั้นทราบ จึงอนุมัติให้ บริษัท มิสซ์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด มาตรวจสอบหม้อน้ำ โดยการนำของนายอุทัย สุนทรเอกจิต กรรมการผู้จัดการ บริษัทมิสซ์-ชาญวิทย์ เป็นผู้เข้ามาตรวจสอบ วิเคราะห์และรายงานผลและยึดโยงกฎหมายว่าด้วยความปลอดภัยเรื่องของหม้อน้ำเข้ามาเกี่ยวข้อง สรุปได้ว่าไม่สามารถเดินรถจักรไอน้ำโดยเฉพาะรถจักรไอน้ำญี่ปุ่นแปซิฟิค หมายเลข 824, รถจักรไอน้ำญี่ปุ่นแปซิฟิค หมายเลข 850 และ รถจักรไอน้ำญี่ปุ่นมิกาโด หมายเลข 953 เมื่อไม่มีรถจักรไอน้ำใช้การก็ขาดสีสัน ของการรถไฟฯ ประชาชนเรียกร้องต้องการเห็นรถจักรไอน้ำเดินขบวนในวันสำคัญๆ เพื่อให้เยาวชน ลูกหลานรู้เข้าใจ ได้ศึกษาเรียนรู้ระบบหลักการทำงาน รวมทั้งเห็นของจริง โดยนายช่างสิทธิพงษ์ พรมลา วิศวกรใหญ่ฝ่ายการช่างกล ได้นำเสนอขออนุมัติ ผู้ว่าการรถแห่งประเทศไทยในขณะนั้นคือนายยุทธนา ทัพเจริญ เพื่อบูรณะรถจักรไอน้ำจำนวน 2 คันคือ รถจักรไอน้ำญี่ปุ่นแปซิฟิค หมายเลข 824 และรถจักรไอน้ำญี่ปุ่นแปซิฟิค หมายเลข 850 ในราคาประมาณ 25 ล้านบาท คำสั่งเฉพาะที่ ชก.ก.102/1144 ลงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2555 และดูแลงานที่บริษัทเป็นเข้ามาดำเนินรับจ้างซ่อม คือบริษัท มิสซ์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ให้เป็นไปตามสัญญาว่า ซ่อมดัดแปลงและปรับปรุงรถจักรไอน้ำญี่ปุ่นแปซิฟิค ซีเอ็กซ์ 50 หมายเลข 824 และรถจักรไอน้ำญี่ปุ่นแปซิฟิค หมายเลข 850 เลขที่ ชก.1/2555/02 ลงวันที่ 22 เดือนมีนาคม พ.ศ. 2555 ผู้ว่าจ้าง นายสิทธิพงษ์ พรมลา วิศวกรใหญ่ฝ่ายการช่างกล, หัวหน้าชุดดำเนินการครั้งนี้ คือ ผทน.10 นายปลื้ม เพชรทองเกลี้ยง, นายอุทัย สุนทรเอกจิต ผู้รับจ้าง (บริษัท มิสซ์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด) วันที่ 6 เดือน เมษายน พ.ศ. 2555 เวลา 09.09 น. ทาง บริษัท มิสซ์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ร่วมกับ โรงรถจักรธนบุรี ทำพิธี บวงสรวง กราบไหว้ ขอขมา รถจักรไอน้ำญี่ปุ่นแปซิฟิค หมายเลข 824 และรถจักรไอน้ำญี่ปุ่นแปซิฟิค หมายเลข 850 และรัชกาลที่ 5, กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน และ หลวงพ่อโบสถ์น้อยก่อนที่จะทำการรื้อซ่อมรถจักรไอน้ำ สิ่งที่ถูกปรับเปลี่ยนไปคือ ทางช่างได้ดัดแปลงระบบห้ามล้อใหม่จากระบบลมดูด เป็นระบบลมอัด เพื่อความปลอดภัยและจัดสรรรถพ่วงในการทำขบวนได้ง่ายขึ้น เนื่องจากรถพ่วงส่วนมากของการรถไฟฯ ใช้เป็นระบบลมอัด นอกจากนั้นยังติดตั้งเครื่องปั่นไฟ เพื่อใช้ในการเร่งปฏิกิริยาการทำความร้อนในเตาเผาด้วย

รถจักรไอน้ำทั้ง 2 บูรณะเสร็จเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2555 แล้วเริ่มการทดสอบรถจักรไอน้ำเส้นทาง ธนบุรี - วัดงิ้วราย - ธนบุรี เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2555 ถึงวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2555 หลังจากวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 นั้นเริ่มการทดสอบขบวนพิเศษทดลองรถจักรไอน้ำที่ 901/902 กรุงเทพ - อยุธยา - กรุงเทพ โดยใช้ตู้โดยสาร 8 ตู้แล้วเสร็จ จึงออกให้บริการประชาชนในวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2555 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน

รายชื่อหมายเลขรถจักร[แก้]


รถจักรไอน้ำญี่ปุ่นแปซิฟิค รุ่นก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2[แก้]

รถจักรไอน้ำญี่ปุ่นแปซิฟิค รุ่นก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2
หมายเลขรถจักร ผู้ผลิต ปีที่เข้าประจำการ ขนาดความกว้างของรางรถไฟ หมายเหตุ
283 Nippon Sharyo และ Hitachi พ.ศ. 2485 - พ.ศ. 2488 1.000 เมตร (Metre gauge)
284
285
286
287
288
289
290
291
292


รถจักรไอน้ำญี่ปุ่นแปซิฟิค รุ่นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2[แก้]

รถจักรไอน้ำญี่ปุ่นแปซิฟิค รุ่นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
หมายเลขรถจักร ผู้ผลิต ปีที่เข้าประจำการ หมายเลขที่ผลิต ขนาดความกว้างของรางรถไฟ หมายเหตุ
821 Nippon Sharyo พ.ศ. 2492 1522 1.000 เมตร (Metre gauge)
822 1523
823 1524 ปัจจุบันเหลือซากโครงประธานห้องขับที่สวนวชิรเบญจทัศ ในเขตจตุจักร, กรุงเทพมหานคร
824 1525 ปัจจุบันใช้เป็นระบบลมอัดในการทำขบวนรถ โดยทีมช่าง ณ โรงรถจักรธนบุรี
825 1526
826 1527
827 1528
828 1529
829 1530
830 1531
831 พ.ศ. 2493 1538
832 1539
833 1540
834 1541
835 Kawasaki 3194
836 3195
837 Nippon Sharyo 1542
838 1543
839 1544
840 1545
841 1546 ปัจจุบันเหลือซากโครงประธานห้องขับที่สวนวชิรเบญจทัศ ในเขตจตุจักร, กรุงเทพมหานคร
842 Kawasaki 3196
843 3197
844 3200
845 3198
846 3199
847 3201
848 3202
849 3203
850 3204 ปัจจุบันใช้เป็นระบบลมอัดในการทำขบวนรถ โดยทีมช่าง ณ โรงรถจักรธนบุรี

รถจักรไอน้ำญี่ปุ่นแปซิฟิค ประเทศจอร์แดน[แก้]

รถจักรไอน้ำญี่ปุ่นแปซิฟิค ประเทศจอร์แดน
หมายเลขรถจักร ผู้ผลิต ปีที่เข้าประจำการ หมายเลขที่ผลิต ขนาดความกว้างของรางรถไฟ หมายเหตุ
81 Nippon Sharyo พ.ศ. 2502 1609 1.05
82 1610
83 1611 ตัดบัญชีไปก่อนราวๆก่อนปี พ.ศ. 2526
84 1612
85 1613

แกลลอรี่[แก้]


อ้างอิง[แก้]

  1. http://portal.rotfaithai.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=4418&postdays=0&postorder=asc&start=60
  2. "ประวัติความเป็นมา "รถจักรไอน้ำแปซิฟิก 824 และ 850"". ทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย. 21 มีนาคม พ.ศ. 2557. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |date= (help)
  3. http://portal.rotfaithai.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=5368