ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย"
ล →ลักษณะ |
|||
บรรทัด 9: | บรรทัด 9: | ||
| ผู้สถาปนา = [[พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว]] |
| ผู้สถาปนา = [[พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว]] |
||
| ล้มเลิก = |
| ล้มเลิก = |
||
| ประเภท = |
| ประเภท = สายสะพายพร้อมดารา , ดวงตราพร้อมดารา , ดวงตรา , เหรียญทอง , เหรียญเงิน (8 ชั้น) |
||
| สถานะ = ยังพระราชทาน |
| สถานะ = ยังพระราชทาน |
||
| ประธาน = พระมหากษัตริย์แห่งประเทศไทย |
| ประธาน = พระมหากษัตริย์แห่งประเทศไทย |
||
บรรทัด 76: | บรรทัด 76: | ||
# ดวงตรา มีลักษณะอย่างตริตาภรณ์มงกุฎไทย แต่มีขนาดย่อมกว่า บุรุษใช้ห้อยแพรแถบประดับที่อกเสื้อเบื้องซ้าย สตรีใช้ห้อยแพรแถบผุกเป็นรูปแมลงปอ |
# ดวงตรา มีลักษณะอย่างตริตาภรณ์มงกุฎไทย แต่มีขนาดย่อมกว่า บุรุษใช้ห้อยแพรแถบประดับที่อกเสื้อเบื้องซ้าย สตรีใช้ห้อยแพรแถบผุกเป็นรูปแมลงปอ |
||
* '''ชั้นที่ 5''' '''เบญจมาภรณ์มงกุฎไทย (บ.ม.)''' ประกอบด้วย |
* '''ชั้นที่ 5''' '''เบญจมาภรณ์มงกุฎไทย (บ.ม.)''' ประกอบด้วย |
||
# แพรแถบ มีขนาดและสีอย่างจัตุ |
# แพรแถบ มีขนาดและสีอย่างจัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย แต่ไม่มีดอกไม้จีบบนแพรแถบ |
||
# ดวงตรา มีลักษณะและการประดับอย่างจัตุ |
# ดวงตรา มีลักษณะและการประดับอย่างจัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย |
||
* '''ชั้นที่ 6''' '''เหรียญทองมงกุฎไทย (ร.ท.ม.)''' ประกอบด้วย |
* '''ชั้นที่ 6''' '''เหรียญทองมงกุฎไทย (ร.ท.ม.)''' ประกอบด้วย |
||
# แพรแถบ มีขนาดและสีอย่างจัตุ |
# แพรแถบ มีขนาดและสีอย่างจัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย ไม่มีดอกไม้จีบบนแพรแถบ |
||
# เหรียญ เป็นเหรียญเงินกลมกะไหล่ทอง ด้านหน้าเป็นรูปพระมหามงกุฎอยู่ในลายหว่านล้อม ด้านหลังเป็นอักษรพระปรมาภิไธยย่อ "จ.ป.ร." เบื้องบนมีจุลมงกุฎ การประดับอย่างจัตุ |
# เหรียญ เป็นเหรียญเงินกลมกะไหล่ทอง ด้านหน้าเป็นรูปพระมหามงกุฎอยู่ในลายหว่านล้อม ด้านหลังเป็นอักษรพระปรมาภิไธยย่อ "จ.ป.ร." เบื้องบนมีจุลมงกุฎ การประดับอย่างจัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย |
||
* '''ชั้นที่ 7''' '''เหรียญเงินมงกุฎไทย (ร.ง.ม.)''' ประกอบด้วย |
* '''ชั้นที่ 7''' '''เหรียญเงินมงกุฎไทย (ร.ง.ม.)''' ประกอบด้วย |
||
# แพรแถบ มีขนาดและสีอย่างจัตุ |
# แพรแถบ มีขนาดและสีอย่างจัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย ไม่มีดอกไม้จีบบนแพรแถบ |
||
# เหรียญ เป็นเหรียญเงินกลม มีลักษณะอย่างเหรียญ |
# เหรียญ เป็นเหรียญเงินกลม มีลักษณะอย่างเหรียญทองมงกุฎไทย การประดับอย่างจัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย |
||
สำหรับพระราชทานสตรี จะมีขนาดย่อมกว่าของบุรุษ |
สำหรับพระราชทานสตรี จะมีขนาดย่อมกว่าของบุรุษ |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 08:20, 28 มีนาคม 2555
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย | |
---|---|
[[File:เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ทุกชั้นตรา พร้อมด้วยแพรแถบย่อ และดุมเสื้อ|220px]] | |
อักษรย่อ | ดูในบทความ |
ประเภท | สายสะพายพร้อมดารา , ดวงตราพร้อมดารา , ดวงตรา , เหรียญทอง , เหรียญเงิน (8 ชั้น) |
วันสถาปนา | พ.ศ. 2412 |
ประเทศ | สยาม, ประเทศไทย |
จำนวนสำรับ | ไม่จำกัดจำนวน |
ผู้สมควรได้รับ | พระบรมวงศานุวงศ์, ข้าราชการ, ผู้กระทำคุณความดี ทั้งบุรุษและสตรี |
มอบเพื่อ | ผู้กระทำความดีความชอบเป็นประโยชน์แก่ราชการหรือสาธารณชน |
สถานะ | ยังพระราชทาน |
ผู้สถาปนา | พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว |
ประธาน | พระมหากษัตริย์แห่งประเทศไทย |
ลำดับเกียรติ | |
สูงกว่า | เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก |
รองมา | เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ |
หมายเหตุ | รัฐบาลไทยเป็นผู้เสนอชื่อเพื่อขอรับพระราชทานจากพระมหากษัตริย์ |
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย (อังกฤษ: The Most Noble Order of the Crown of Thailand)) เป็นตระกูลเครื่องราชอิสริยาภรณ์ หนึ่งใน 8 ตระกูลที่สำหรับพระราชทานแด่พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ และผู้กระทำคุณความดี ทั้งบุรุษและสตรี โดยเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทยนี้สำหรับพระราชทานแก่ผู้กระทำความดีความชอบเป็นประโยชน์แก่ราชการหรือสาธารณชน โดยการพิจารณาเสนอขอพระราชทานของรัฐบาล เพื่อเป็นบำเหน็จความชอบและเครื่องหมายเชิดชูเกียรติยศอย่างสูง แก่ผู้ได้รับพระราชทาน พระราชทานทั้งบุรุษและสตรี หากทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แล้ว ให้ประกาศรายนามในราชกิจจานุเบกษา ปรกติแล้วจะประกาศในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม ของทุกปี แยกเป็น 2 ฉบับ คือชั้นต่ำกว่าสายสะพาย และชั้นสายสะพาย เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทยนี้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาให้สร้างขึ้น เมื่อ พ.ศ. 2412 เดิมมีชื่อว่า เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎสยาม ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2484 [1]
เครื่องราชอิสริยาภรณ์มงกุฎไทย มีศักดิ์รองจากเครื่องราชอิสริยาภรณ์ช้างเผือกในชั้นที่เท่ากัน เช่น ชั้นที่ 3 ต้องประดับ ดวงตราช้างเผือกก่อนแล้วจึงต่อด้วยดวงตรามงกุฎไทย
ประวัติ
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ประเภท ลำดับชั้น และลำดับเกียรติ
แพรแถบย่อ | ชั้น | ชื่อ | อักษรย่อ | ชื่อเดิม | วันสถาปนา | ลำดับเกียรติ |
---|---|---|---|---|---|---|
ชั้นสูงสุด | มหาวชิรมงกุฎ | ม.ว.ม. | - | - | 9 | |
ชั้นที่ 1 | ประถมาภรณ์มงกุฎไทย | ป.ม. | มหาสุราภรณ์ | พ.ศ. 2412 | 11 | |
ชั้นที่ 2 | ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย | ท.ม. | จุลสุราภรณ์ | พ.ศ. 2412 | 16 | |
ชั้นที่ 3 | ตริตาภรณ์มงกุฎไทย | ต.ม. | มัณฑนาภรณ์ | พ.ศ. 2412 | 24 | |
ชั้นที่ 4 | จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย | จ.ม. | ภัทราภรณ์ | พ.ศ. 2412 | 29 | |
ชั้นที่ 5 | เบญจมาภรณ์มงกุฎไทย | บ.ม. | วิจิตราภรณ์ | พ.ศ. 2412 | 34 | |
ชั้นที่ 6 | เหรียญทองมงกุฎไทย | ร.ท.ม. | - | พ.ศ. 2445 | - | |
ชั้นที่ 7 | เหรียญเงินมงกุฎไทย | ร.ง.ม. | - | พ.ศ. 2445 | - |
ลักษณะ
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย มีทั้งหมด 8 ชั้น มีลักษณะดังต่อไปนี้[2]
- ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.) ประกอบด้วย
- สายสะพาย เป็นแพรแถบมีขนาดกว้าง 10 เซนติเมตร สีครามแก่ มีริ้วแดงและขาว อยู่ริมทั้งสองข้าง สะพายบ่าซ้ายเฉียงลงทางขวา
- ดวงตรา เป็นกลีบบัวทอง แววลงยาสีแดงสี่กลีบ มีพระมหาวชิราวุธเงินแทรกสลับตามระหว่าง กลางดวงตรามีอักษรพระปรมาภิไธยย่อ "ร.ร." กับเลข 6 ไทย เป็นเพชรสร่ง มีเนื่องเงินล้อมรอบอยู่ภายใต้พระมหามงกุฎทอง เบื้องบนมีพระมหาเศวตฉัตร รัศมีทอง
- ดารา เป็นรัศมีเงินสี่ทิศ มีรัศมีสายฟ้าทองแทรกสลับตามระหว่าง กลางดาราเหมือนอย่างดวงตรา แต่อักษรพระปรมาภิไธยย่อประดับเพชร และไม่มีพระมหาเศวตฉัตร ประดับที่อกเสื้อเบื้องซ้าย
- ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์มงกุฎไทย (ป.ม.) ประกอบด้วย
- สายสะพาย เป็นแพรแถบขนาดกว้าง 10 เซนติเมตร สีน้ำเงินริมเขียว มีริ้วเหลืองรื้วแดงขนาดใหญ่คั่นทั้งสองข้าง สะพายบ่าขวาเฉียงลงบ่าซ้าย
- ดวงตรา เป็นรูปพระมหามงกุฎอยู่ในลายหว่านล้อมทอง พื้นลงยาสีน้ำเงินและสีแดง มีกระจังเงินใหญ่และเล็ก อย่างละสี่ทิศ มีรัศมีทองสลับตามระหว่าง ด้านหลังเปลี่ยนพระมหามงกุฎเป็นอักษรพระปรมาภิไธยย่อ "จ.ป.ร." เบื้องบนมีจุลมงกุฎ
- ดารา เป็นรูปอย่างด้านหน้าดวงตรา ด้านหลังเป็นทอง และไม่มีจุลมงกุฎ ประดับที่อกเสื้อเบื้องซ้าย
- ชั้นที่ 2 ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย (ท.ม.) ประกอบด้วย
- แพรแถบ มีขนาดกว้าง 4 เซนติเมตร มีสีเดียวกับสายสะพายประถมาภรณ์มงกุฎไทย
- ดวงตรา มีลักษณะอย่างประถมาภรณ์มงกุฎไทย ด้านหลังเป็นทองเกลี้ยง บุรุษใช้ห้อยแพรแถบสวมคอ สตรีใช้ห้อยแพรแถบผูกเป็นรูปแมลงปอ ประดับที่อกเสื้อเบื้องซ้าย
- ดารา มีลักษณะอย่างประถมาภรณ์มงกุฎไทย ประดับที่อกเสื้อเบื้องซ้าย
- ชั้นที่ 3 ตริตาภรณ์มงกุฎไทย (ต.ม.) ประกอบด้วย
- แพรแถบ มีลักษณะ ขนาด และสีอย่างทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย
- ดวงตรา มีลักษณะและการประดับอย่างทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย ลักษณะการประดับเหมือนทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย
- ขั้นที่ 4 จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย (จ.ม.) ประกอบด้วย
- แพรแถบ มีขนาดกว้าง 3 เซนติเมตร มีดอกไม้จีบติดบนแพรแถบ
- ดวงตรา มีลักษณะอย่างตริตาภรณ์มงกุฎไทย แต่มีขนาดย่อมกว่า บุรุษใช้ห้อยแพรแถบประดับที่อกเสื้อเบื้องซ้าย สตรีใช้ห้อยแพรแถบผุกเป็นรูปแมลงปอ
- ชั้นที่ 5 เบญจมาภรณ์มงกุฎไทย (บ.ม.) ประกอบด้วย
- แพรแถบ มีขนาดและสีอย่างจัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย แต่ไม่มีดอกไม้จีบบนแพรแถบ
- ดวงตรา มีลักษณะและการประดับอย่างจัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย
- ชั้นที่ 6 เหรียญทองมงกุฎไทย (ร.ท.ม.) ประกอบด้วย
- แพรแถบ มีขนาดและสีอย่างจัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย ไม่มีดอกไม้จีบบนแพรแถบ
- เหรียญ เป็นเหรียญเงินกลมกะไหล่ทอง ด้านหน้าเป็นรูปพระมหามงกุฎอยู่ในลายหว่านล้อม ด้านหลังเป็นอักษรพระปรมาภิไธยย่อ "จ.ป.ร." เบื้องบนมีจุลมงกุฎ การประดับอย่างจัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย
- ชั้นที่ 7 เหรียญเงินมงกุฎไทย (ร.ง.ม.) ประกอบด้วย
- แพรแถบ มีขนาดและสีอย่างจัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย ไม่มีดอกไม้จีบบนแพรแถบ
- เหรียญ เป็นเหรียญเงินกลม มีลักษณะอย่างเหรียญทองมงกุฎไทย การประดับอย่างจัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย
สำหรับพระราชทานสตรี จะมีขนาดย่อมกว่าของบุรุษ
การขอพระราชทาน
การเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ในตระกูลมงกุฎไทยนี้ กำหนดให้พิจารณาถึงตำแหน่ง ระดับ ชั้น ชั้นยศ กำหนดระยะเวลา และความดีความชอบ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก และเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย พ.ศ. 2536 การขอพระราชทานในครั้งแรกในกรณีข้าราชการ จะต้องรับราชการมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปีบริบูรณ์ นับแต่วันเริ่มเข้ารับราชการจนถึงวันที่ 5 ตุลาคม ของปี โดยให้เริ่มจากเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย และเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกสลับกัน ดังนี้
- ชั้นที่ 7 เหรียญเงินมงกุฎไทย
- ชั้นที่ 7 เหรียญเงินช้างเผือก
- ชั้นที่ 6 เหรียญทองมงกุฎไทย
- ชั้นที่ 6 เหรียญทองช้างเผือก
ชั้นต่ำกว่าสายสะพาย ในกรณีข้าราชการเริ่มที่
- ชั้นที่ 5 เบญจมาภรณ์มงกุฎไทย
- ชั้นที่ 5 เบญจมาภรณ์ช้างเผือก
- ชั้นที่ 4 จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย
- ชั้นที่ 4 จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก
- ชั้นที่ 3 ตริตาภรณ์มงกุฎไทย
- ชั้นที่ 3 ตริตาภรณ์ช้างเผือก
- ชั้นที่ 2 ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย
- ชั้นที่ 2 ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก
ชั้นสายสะพาย หรือ ข้าราชการที่มีบรรดาศักดิ์ สามารถขอรับพระราชทานโกศประดับเมื่อสิ้นชีวิต
- ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์มงกุฎไทย (สายสะพาย 1)
- ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์ช้างเผือก (สายสะพาย 2)
- ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ (สายสะพาย 3)
- ชั้นสูงสุด มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (สายสะพาย 4)
การพิจารณาเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่ง
การเสนอขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ มีทั้งหมด 44 บัญชี
- บัญชี 1 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่องคมนตรี
- บัญชี 2 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่รัฐมนตรี
- บัญชี 3 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่ข้าราชการการเมืองและคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรหรือคณะกรรมการประสานงานวุฒิสภา
- บัญชี 4 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่ผู้ดำรงตำแหน่งต่างๆ ในรัฐสภาและตุลาการรัฐธรรมนูญ
- บัญชี 5 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่ข้าราชการการเมืองในกรุงเทพมหานคร
- บัญชี 6 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่สภากรุงเทพมหานครและสมาชิกสภาเขตกรุงเทพมหานคร
- บัญชี 7 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่ข้าราชการ ยกเว้นที่ปรากฏในบัญชีอื่น
- บัญชี 8 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่ข้าราชการทหาร
- บัญชี 9 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่ข้าราชการตำรวจ
- บัญชี 10 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่ข้าราชการตุลาการ
- บัญชี 11 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่ข้าราชการอัยการ
- บัญชี 12 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่ผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่น
- บัญชี 13 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่ผู้ปฏิบัติงานตามกฎหมายว่าด้วยลักษณะปกครองท้องถิ่น
- บัญชี 14 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่พนักงานรัฐวิสาหกิจ เจ้าหน้าที่องค์การมหาชน พนักงานองค์การของรัฐ หรือพนักงานหน่วยงานอื่นของรัฐที่มีลักษณะอย่างเดียวกัน ยกเว้นที่ปรากฏในบัญชีอื่น ๆ
- บัญชี 15 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่ลูกจ้างประจำ
- บัญชี 16 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่ดะโต๊ะยุติธรรมและผู้พิพากษาสมทบ
- บัญชี 17 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่เจ้าหน้าที่สภากาชาดไทย
- บัญชี 18 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่ผู้ดำรงตำแหน่งในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐที่มีลักษณะพิเศษ
- บัญชี 19 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่ราชบัณฑิตและกรรมการตามกฎหมายที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง
- บัญชี 20 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่ชาวต่างประเทศ
- บัญชี 21 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่คู่สมรสองคมนตรี
- บัญชี 22 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่คู่สมรสรัฐมนตรี
- บัญชี 23 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่คู่สมรสสมาชิกรัฐสภา (บางตำแหน่ง)
- บัญชี 24 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่คู่สมรสผู้ดำรงตำแหน่ง (สมาชิกรัฐสภา/ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่/ทหารชั้นผู้ใหญ่/ตำรวจชั้นผู้ใหญ/ตุลาการ และอัยการ
- บัญชี 25 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่กรรมการการเลือกตั้ง
- บัญชี 26 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
- บัญชี 27 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
- บัญชี 28 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา
- บัญชี 29 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่ตุลาการศาลปกครอง
- บัญชี 30 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่กรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์แห่งชาติและกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
- บัญชี 31 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่สมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
- บัญชี 32 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่พนักงานราชการ
- บัญชี 33 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่คู่สมรสกรรมการการเลือกตั้ง
- บัญชี 34 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่คู่สมรสกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
- บัญชี 35 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่คู่สมรสกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
- บัญชี 36 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่คู่สมรสผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา
- บัญชี 37 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่คู่สมรสตุลาการศาลปกครอง
- บัญชี 38 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่คู่สมรสกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์แห่งชาติและกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
- บัญชี 39 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
- บัญชี 40 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่กรรมการตรวจเงินแผ่นดิน
- บัญชี 41 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่ข้าราชการตามระบบจำแนกประเภทตำแหน่ง
- บัญชี 42 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่พนักงานของหน่วยธุรการขององค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นข้าราชการ
- บัญชี 43 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่คู่สมรสตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
- บัญชี 44 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่คู่สมรสกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน
กรณีข้าราชการพลเรือน
การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ข้าราชการพลเรือน ต้องมีระยะเวลาในการรับราชการมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี ก่อนถึงวันพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาของปีที่จะขอไม่น้อยกว่า 60 วัน โดยมีแนวทางยึดตามระดับตำแหน่ง ดังนี้[3]
ประเภททั่วไป
- ระดับปฏิบัติงาน เริ่มขอ บ.ม. ถึง จ.ช.
- ระดับชำนาญงาน เริ่มขอ ต.ม. (ดำรงตำแหน่งมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี ขอ ต.ช.)
- ระดับอาวุโส เริ่มขอ ท.ม. (ดำรงตำแหน่งมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี ขอ ท.ช.)
- ระดับทักษะพิเศษ ได้ ท.ช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ขอ ป.ม. - ได้ ป.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ขอ ป.ช. - ได้ ป.ช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี ขอ ม.ว.ม. (ในปีที่เกษียณอายุราชการขอพระราชทานได้อีก 1 ชั้นตรา แต่ไม่เกิน ป.ช.)
ประเภทวิชาการ
- ระดับปฏิบัติการ เริ่มขอ ต.ม.
- ระดับชำนาญการ เริ่มขอ ต.ช. (ได้รับเงินเดือนไม่ต่ำกว่าขั้นต่ำของระดับชำนาญการพิเศษ ขอ ท.ม.- ได้รับเงินเดือนไม่ต่ำกว่าขั้นต่ำของระดับชำนาญการพิเศษมาแล้ว 5 ปี ขอ ท.ช.)
- ระดับชำนาญการพิเศษ เริ่มขอ ท.ช. (ได้รับเงินเดือนขั้นสูงและได้ ท.ช. มาแล้ว 5 ปี ขอ ป.ม.)
- ระดับเชี่ยวชาญ ได้ ท.ช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ขอ ป.ม. - ได้ ป.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ขอ ป.ช. - ได้ ป.ช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี ขอ ม.ว.ม. (ในปีที่เกษียณอายุราชการขอพระราชทานได้อีก 1 ชั้นตรา แต่ไม่เกิน ป.ช. เว้นกรณีลาออก)
- ระดับทรงคุณวุฒิที่ได้รับเงินประจำตำแหน่ง 13,000 บาท เลื่อนชั้นตราตามลำดับได้ทุกปีจนถึง ป.ม. ได้ ป.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ขอ ป.ช. - ได้ ป.ช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ขอ ม.ว.ม. - ได้ ม.ว.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี ขอ ม.ป.ช. (ในปีที่เกษียณอายุราชการขอพระราชทานได้อีก 1 ชั้นตรา แต่ไม่เกิน ม.ว.ม. เว้นกรณีลาออก)
- ระดับทรงคุณวุฒิที่ได้รับเงินประจำตำแหน่ง 15,600 บาท ได้ ป.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ขอ ป.ช. - ได้ ป.ช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ขอ ม.ว.ม. - ได้ ม.ว.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี ขอ ม.ป.ช. (ในปีที่เกษียณอายุราชการขอพระราชทานได้อีก 1 ชั้นตรา เว้นกรณีลาออก)
ประเภทอำนวยการ
- ระดับต้น เริ่มขอ ท.ช. (ได้รับเงินเดือนขั้นสูงและได้ ท.ช. มาแล้ว 3 ปี ขอ ป.ม.)
- ระดับสูง ได้ ท.ช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ขอ ป.ม. - ได้ ป.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ขอ ป.ช. - ได้ ป.ช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี ขอ ม.ว.ม. (ในปีที่เกษียณอายุราชการขอพระราชทานได้อีก 1 ชั้นตรา แต่ไม่เกิน ป.ช. เว้นกรณีลาออก)
ประเภทบริหาร
- ระดับต้น ได้ ท.ช. มาแล้ว 3 ปี ขอ ป.ม. - ได้ ป.ม. มาแล้ว 3 ปี ขอ ป.ช. - ได้ ป.ช. มาแล้ว 5 ปี ขอ ม.ว.ม. (ในปีที่เกษียณอายุราชการขอพระราชทานได้อีก 1 ชั้นตรา แต่ไม่เกิน ป.ช. เว้นกรณีลาออก)
- ระดับสูงที่ได้รับเงินประจำตำแหน่ง 14,500 บาท เลื่อนชั้นตราตามลำดับได้ทุกปีจนถึง ป.ม. ได้ ป.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ขอ ป.ช. - ได้ ป.ช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ขอ ม.ว.ม. - ได้ ม.ว.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี ขอ ม.ป.ช. (ในปีที่เกษียณอายุราชการขอพระราชทานได้อีก 1 ชั้นตรา แต่ไม่เกิน ม.ว.ม. เว้นกรณีลาออก)
- ระดับสูงที่ได้รับเงินประจำตำแหน่ง 21,000 บาท ได้ ป.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ขอ ป.ช. - ได้ ป.ช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ขอ ม.ว.ม. - ได้ ม.ว.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ขอ ม.ป.ช. (ในปีที่เกษียณอายุราชการขอพระราชทานได้อีก 1 ชั้นตรา เว้นกรณีลาออก)
กรณีข้าราชการทหาร
การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ข้าราชการทหาร มีแนวทางยึดตามระดับดังนี้...
กรณีข้าราชการการเมืองในกรุงเทพมหานคร
กรณีข้าราชการอัยการ
กรณีข้าราชการตุลาการ
กรณีลูกจ้างประจำ
- ลูกจ้างประจำ ซึ่งได้รับเงินเดือนขั้นต่ำของข้าราชการพลเรือน ระดับ 3 ไม่ถึงระดับ 6 ให้ขอ บ.ม. ถึง จ.ม.
- ลูกจ้างประจำ ซึ่งได้รับเงินเดือนขั้นต่ำของข้าราชการพลเรือน ระดับ 6 ขึ้นไป ให้ขอ บ.ช. ถึง จ.ช.[4]
อ้างอิง
- ↑ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี, พระราชลัญจกร, พิมพ์ครั้งที่หนึ่ง พ.ศ. 2538, ISBN 974-7771-63-2
- ↑ พระราชบัญญัติ เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย พุทธศักราช 2484,ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 58 หน้า 1574 วันที่ 12 พฤศจิกายน 2484.
- ↑ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2552
- ↑ http://www.srb1.go.th/personal/naw/the_most/the_most_2.htm
แหล่งข้อมูลอื่น
- เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
- ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การปรับราคาชดใช้แทนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่ไม่สามารถส่งคืนตามกฎหมาย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 – 2553, เล่ม 125, ตอน พิเศษ 49 ง, 6 มีนาคม พ.ศ. 2551, หน้า 8