ก้านกล้วย

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
บทความนี้เกี่ยวกับภาพยนตร์ สำหรับความหมายอื่น ดูที่ ก้านกล้วย (แก้ความกำกวม)
ก้านกล้วย
Khankluay1.jpg
ใบปิดภาพยนตร์
กำกับคมภิญญ์ เข็มกำเนิด
เขียนบทอัมราพร แผ่นดินทอง
จรูญ ปรปักษ์ประลัย
สร้างจากเจ้าพระยาปราบหงสาวดี
โดย อริยา จินตพานิชการ
อำนวยการสร้างอัจฉรา กิจกัญจนาสน์
นักแสดงนำจุรี โอศิริ
รอง เค้ามูลคดี
เทพ โพธิ์งาม
ชาญณรงค์ ขันทีท้าว
ตัดต่อพรสวรรค์ ศรีบุญวงษ์
ดนตรีประกอบชาติชาย พงษ์ประภาพันธ์
บริษัทผู้สร้าง
ผู้จัดจำหน่ายสหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล
วันฉาย18 พฤษภาคม พ.ศ. 2549
ความยาว104 นาที
ประเทศไทย
ภาษาไทย
ทุนสร้าง150 ล้านบาท
ทำเงิน196 ล้านบาท[1]
ต่อจากนี้ก้านกล้วย 2
ข้อมูลจาก IMDb
ข้อมูลจากฐานข้อมูลภาพยนตร์ไทย
ข้อมูลจากสยามโซน

ก้านกล้วย เป็นภาพยนตร์แอนิเมชันสามมิติอิงประวัติศาสตร์ของไทยที่ออกฉายใน พ.ศ. 2549 ผลิตโดยกันตนาแอนิเมชันและจัดจำหน่ายโดยสหมงคลฟิล์ม ชื่อภาพยนตร์ได้แรงบันดาลใจจากบางส่วนของพงศาวดารว่าลักษณะของเจ้าพระยาปราบหงสาวดี ช้างทรงของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชนั้น จะมีหลังโค้งลาดคล้ายก้านกล้วย จึงตั้งชื่อภาพยนตร์และตัวละครเอกว่า ก้านกล้วย เนื้อเรื่องบางส่วนสร้างจากเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ไทย เป็นการเล่าเรื่องราวตั้งแต่การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 1 จนถึงสงครามยุทธหัตถี ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดยคมภิญญ์ เข็มกำเนิด ซึ่งเคยไปศึกษาการทำแอนิเมชันที่สหรัฐและเคยทำภาพเคลื่อนไหวร่วมกับดิสนีย์และบลูสกายสตูดิโอในภาพยนตร์แอนิเมชันอย่างทาร์ซาน, ไอซ์ เอจ และแอตแลนติส[2]

ก้านกล้วยเป็นภาพยนตร์ที่มีเอกลักษณ์ไทย ทั้งภูมิทัศน์ พรรณไม้ ประเพณีไทย และบ้านทรงไทย นอกจากนี้ ยังเป็นแอนิเมชันไทยลำดับต้น ๆ ที่สร้างด้วยคอมพิวเตอร์ต่อจากปังปอนด์และสุดสาครซึ่งเป็นแอนิเมชันสองมิติ ก้านกล้วยถูกดัดแปลงเป็นการ์ตูนทางโทรทัศน์ทางช่อง 7 ที่มีชื่อว่า ก้านกล้วยผจญภัย ซึ่งใช้ตัวละครที่มีอยู่เดิม แต่มีเนื้อหารายละเอียดมากขึ้น

เนื้อเรื่องและงานพากย์[แก้]

เนื้อเรื่อง

ณ ป่าใหญ่แห่งหนึ่ง ช้างสาวแสงดาได้ให้กำเนิดลูกชายชื่อว่า "ก้านกล้วย" ซึ่งก้านกล้วยนั้นมีสายเลือดช้างศึกผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งก็คือภูผาพ่อของเขาเอง เมื่อปี พ.ศ. 2112 กรุงศรีอยุธยากำลังถูกกองทัพหงสาวดีกรีฑาทัพมาจู่โจม ภูผาและสิงขรเพื่อนของเขาได้นำทัพออกต้านไว้ แต่ก็ต้องเผชิญกับงวงแดง ช้างศึกแม่ทัพหงสาวดีผู้มีร่างกายมหึมา ซึ่งต้องการจะทำลายกองทัพอยุธยาทั้งหมด งวงแดงกำลังจะทำร้ายสิงขร แต่ภูผาได้เข้ามาขวางและเข้าชนกับงวงแดง ภูผาถูกงวงแดงหักคอตาย เมื่อกองทัพอยุธยาไร้ภูผา กองทัพหงสาวดีก็เข้ายึดครองกรุงศรีอยุธยาเป็นผลสำเร็จ (คนที่ขี่งวงแดงคือพระเจ้าบุเรงนอง และคนที่ขี่สิงขรคือสมเด็จพระมหินทราธิราช)

หลายปีผ่านไป ก้านกล้วยกำลังเล่นซ่อนแอบกับกบในบึง และข้างบนมีเพื่อนสี่คนชื่อว่า มะโรง, มะโหนก, บักอึด และเสริม ทั้งสี่ชอบเล่นกบลูกบอล แต่พอลูกบอลตกลงไปในบึง มะโรงก็สั่งให้ก้านกล้วยไปเอามา แต่ก้านกล้วยไม่ยอมทำตาม มะโรงจึงล้อก้านกล้วยว่า "ขี้ขลาดเหมือนพ่อ" นั่นทำให้ก้านกล้วยโกรธและวิ่งเข้าชนมะโรงเพื่อต่อสู้กัน พวกของมะโรงก็เลยเข้ารุมก้านกล้วย พอสู้เสร็จก้านกล้วยก็กลับไปหาแสงดาผู้เป็นแม่ แสงดาถามก้านกล้วยว่าไปเล่นซนมาหรือเปล่า ก้านกล้วยไม่ตอบ มีแต่น้าจิ๊ดริด นกพิราบสื่อสารแห่งกองทัพอยุธยา ซึ่งเห็นเหตุการณ์นั้นบอกว่าโตไปก้านกล้วยจะได้เป็นช้างศึกผู้ยิ่งใหญ่เหมือนพ่ออย่างแน่นอน เนื่องจากทักษะการต่อสู้ที่ดีเยี่ยม

ก้านกล้วยคิดว่า ผมต้องไปตามหาพ่อของผมเพราะไม่รู้ว่าพ่อผมอยู่ที่ไหน เมื่อแอบหนีออกจากโขลงตามหาพ่อมาได้สักพัก ก็ได้หลงเข้าไปในค่ายพม่า ก้านกล้วยได้เจอกับงวงแดง ก้านกล้วยถามงวงแดงว่ารู้จักภูผาหรือไม่ งวงแดงซึ่งเป็นผู้ฆ่าภูผาได้ยินดังนั้นจึงตวัดไล่ก้านกล้วยไป ก้านกล้วยต้องวิ่งหนีเหล่าทหารหงสาวดีที่ทราบเรื่องราวเพราะเสียงงวงแดง พระนเรศวรหรือพระองค์ดำทรงช่วยไว้ แต่ก้านกล้วยก็ตกเหวและหาช่องทางสะดวกขึ้นมาได้ และได้พบชบาแก้ว ช้างสาวสีชมพูน่ารักวัยเดียวกับก้านกล้วย ก้านกล้วยตกตะลึงสักพัก ชบาแก้วก็พาก้านกล้วยไปอยู่กับคุณตามะหูดที่หมู่บ้านหินขาว

ก้านกล้วยฝึกฝนทักษะการต่อสู้กับคุณตามะหูด จนโตขึ้นเป็นช้างหนุ่มรูปงามผู้ทรงพละกำลัง คืนหนึ่ง ก้านกล้วยกับชบาแก้วได้ลอยกระทงกันอย่างสนุกสนาน เช้าวันต่อมา ทหารหงสาวดีได้บุกมาปล้นสะดมที่หมู่บ้านหินขาว นำสัตว์ร้ายเช่นเสือ ชะมด มาข่มขวัญชาวบ้าน และก้านกล้วยก็มาจัดการกับพวกรุกรานให้ออกไป พอสู้เสร็จแล้วคุณตามะหูดก็ได้นำช้างทั้งหมดของเขาเข้ากรุงศรีอยุธยา ก้านกล้วยได้เป็นช้างทรงของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้รับบรรดาศักดิ์ว่า "เจ้าพระยาไชยานุภาพ" ส่วนพลายบุญเรือง ช้างผู้มีความแข็งแกร่งไม่แพ้กันได้เป็นช้างทรงของ สมเด็จพระเอกาทศรถ จากนั้นก้านกล้วยก็ไปกับแสงดาและน้าจิ๊ดริดเพื่อจะไปตามหาพ่อว่าพ่ออยู่ไหน ในที่สุดก็ได้พบช้างผู้เฒ่านามว่าสิงขรในวังช้าง ซึ่งเขาสามารถแนะนำเรื่องของภูผาได้ด้วยดี เขาเล่าว่า ภูผาเสียชีวิตแล้ว เนื่องจากสละชีวิตให้กับงวงแดงเพื่อปกป้องสิงขรเอง ก้านกล้วย แสงดา และจิ๊ดริดรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากเมื่อรู้ว่าภูผาได้ตายไปแล้ว

ในวันแรม 2 ค่ำ เดือนยี่ ปีมะโรง (18 มกราคม) พ.ศ. 2135 สมเด็จพระนเรศวรมหาราชได้ทรงนำทัพทหารแห่งกองทัพกรุงศรีอยุธยาไปสู้รบกับทหารแห่งกองทัพหงสาวดี ก้านกล้วยฝ่ากองทัพหงสาวดีมาจนถึงช่วงกลางของทัพ ในขณะที่ก้านกล้วยถูกล้อมด้วยกองทัพหงสาวดี พระนเรศวรทอดพระเนตรเห็นพระมหาอุปราชามังกะยอชวาประทับบนหลังพลายงวงแดงอยู่ที่ใต้ร่มไม้ จึงตรัสกับมังกะยอชวาว่า "มหาอุปราชาแห่งหงสาวดี ท่านจะทรงยืนช้าอยู่ใยในล่มไม้เล่า เชิญออกมาทำยุทธหัตถี เพื่อเป็นเกียรติยศไว้ให้กับแผ่นดินเถิด อย่าให้ต้องลำบากแก่ไพร่พลเลย" มังกะยอชวาจึงไสช้างงวงแดงเข้าทำยุทธหัตถีกับพระนเรศวร งวงแดงจำได้ว่าก้านกล้วยคือลูกชายของภูผา จึงพยายามหักคอ ตอนนั้นก้านกล้วยก็หักงาข้างขวาของงวงแดง เมื่องวงแดงรู้ว่างาหัก ก็โมโหมาก จึงพุ่งเข้าชนก้านกล้วยจนเสียท่า พระนเรศวรตรัสให้กำลังใจก้านกล้วยว่า "พ่อเมืองเอย ถ้าท่านละทิ้งเรา ณ บัดนี้ ก็เท่ากับว่าพ่อละทิ้งตัวท่านเอง ยืนหยัดอยู่กับเราเถิด ด้วยความกล้าหาญของพ่อ และกำลังของเราจะสามารถพลิกชะตากรรมของแผ่นดินได้" มังกะยอชวาทรงใช้พระแสงของ้าวฟันพระนเรศวร แต่พระนเรศวรทรงเบี่ยงหลบทัน และทรงฟันพระอังสะขวาของมังกะยอชวาด้วยพระแสงของ้าวจนสิ้นพระชนม์บนคอช้าง ก้านกล้วยยันโคนต้นพุทราแล้วดันงวงแดงให้ล้มทับงาที่ถูกหักไว้ถึงแก่ความตาย (ในประวัติศาสตร์ช้างทรงของมังกะยอชวาไม่ได้ล้มตายในสงครามยุทธหัตถี)

หลังจากชัยชนะของกรุงศรีอยุธยาในสงครามยุทธหัตถีครั้งนี้ กรุงศรีอยุธยาก็ได้รับเอกราชจากหงสาวดีและอยู่กันอย่างร่มเย็นภายใต้พระบารมีของพระนเรศวร ด้วยความเก่งกาจของก้านกล้วย ทำให้เขาได้รับพระราชทานนามจากพระนเรศวรว่า "เจ้าพระยาปราบหงสาวดี" มีช้างคู้สมรสคือชบาแก้ว และอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

งานพากย์

ภาพยนตร์ พ.ศ. 2549
ตัวละคร ให้เสียงพากย์ไทย
ก้านกล้วย อัญญาฤทธิ์ พิทักษ์ติกุล (วัยเด็ก)
ภูริ หิรัญพฤกษ์ (วัยหนุ่ม)
ชบาแก้ว นวรัตน์ เตชะรัตนประเสริฐ (วัยเด็ก)
วรัทยา นิลคูหา (วัยสาว)
จิ๊ดริด พงษ์สุข หิรัญพฤกษ์
แสงดา นันทนา บุญ-หลง
พังนวล จุรี โอศิริ
คุณตามะหูด สุเทพ โพธิ์งาม
สิงขร รอง เค้ามูลคดี
งวงแดง เอกชัย พงศ์สมัย
เจ้าเมืองมล่วน ชาญณรงค์ ขันทีท้าว
ลักไวทำมู วสันต์ พัดทอง
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช บุญชลิด โชคดีภูษิต (วัยเด็ก)
สุเมธ องอาจ (วัยหนุ่ม)
พระมหาอุปราชามังกะยอชวา สราวุธ เจริญลาภ (วัยเด็ก)
กลศ อัทธเสรี (วัยหนุ่ม)
มะโรง ฤทธิเดช ฤทธิชุ
มะโหนก เจริญพร อ่อนละม้าย
เสริม วิยะดา จิตมะหิมา
บักอึด พุทธิพันธ์ พรเลิศ
มางจาชโร, สมิงอะคร้าน, สมิงเป่อ และสมิงซายม่วน ธงชัย คะใจ
องอาจ เจียมเจริญพรกุล
ธีระวัฒน์ ทองจิตติ

การเปิดตัว[แก้]

ก้านกล้วย ได้รับการเปิดตัวในรูปแบบดีวีดีที่สหรัฐอเมริกา ในช่วงเดือนกันยายน ค.ศ. 2008 โดยใช้ชื่อในเวอร์ชันอเมริกันคือ The Blue Elephant

บริษัทเพอร์เซ็ปต์พิคเจอร์คอมพานีของอินเดีย ได้ซื้อสิทธิ์ภาพยนตร์และเปิดตัวในเวอร์ชันภาษาฮินดีโดยใช้ชื่อ Jumbo ซึ่งนักแสดงอินเดียชื่อ อักษัย กุมาร เป็นผู้ให้เสียงพากย์ตัวเอกของเรื่องที่ใช้ชื่อในเวอร์ชันนี้ว่า จัมโบ้[3]

รางวัล[แก้]

  • ภาพยนตร์เรื่องก้านกล้วย ได้รับรางวัล Best Feature Film จากการประกวดแอนิเมชัน AniMadrid 2006 ที่ประเทศสเปน[4]
  • ภาพยนตร์เกียรติยศแห่งปี, ภาพยนตร์ยอดนิยมแห่งปี ที่ทำรายได้สูงสุด, บันทึกเสียงยอดเยี่ยม, ดนตรีประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม รางวัลพระราชทานพระสุรัสวดี (ตุ๊กตาทอง) ครั้งที่ 28 ประจำปี พ.ศ. 2549[5]

อ้างอิง[แก้]

  1. [boxofficemojo\khankluay boxofficemojo\khankluay]. {{cite web}}: |title= ไม่มีหรือว่างเปล่า (help); ตรวจสอบค่า |url= (help)
  2. "คมภิญญ์ เข็มกำเนิด ผู้นำหนัง "ก้านกล้วย"". Positioning Magazine. 10 กุมภาพันธ์ 2548. สืบค้นเมื่อ 11 มิถุนายน 2563. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= และ |date= (help)
  3. "Akshay Kumar's Jumbo is actually a Thai film", ScreenIndia; retrieved 2008-12-13
  4. "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-01-08. สืบค้นเมื่อ 2006-11-06.
  5. รางวัลพระราชทานพระสุรัสวดี ครั้งที่ 28 ประจำปี พ.ศ. 2549

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]