ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สมเด็จพระอินทราชา"
พุทธามาตย์ (คุย | ส่วนร่วม) ล ย้อนการแก้ไขของ 2001:44C8:4401:FDFF:1:1:CC5A:2DE2 (พูดคุย) ไปยังรุ่นก่อนหน้าโดย 223.205.110.75 ป้ายระบุ: ย้อนรวดเดียว |
พุทธามาตย์ (คุย | ส่วนร่วม) ย้อนการแก้ไขที่ 8255019 สร้างโดย 223.205.110.75 (พูดคุย) ป้ายระบุ: ทำกลับ |
||
บรรทัด 1: | บรรทัด 1: | ||
{{ความหมายอื่น|สมเด็จพระอินทราชา|พระอินทราชาพระองค์อื่น|พระอินทราชา}} |
{{ความหมายอื่น|สมเด็จพระอินทราชา|พระอินทราชาพระองค์อื่น|พระอินทราชา}} |
||
{{infobox royalty |
|||
{{กล่องข้อมูล เชื้อพระวงศ์ |
|||
⚫ | |||
| สีพิเศษ = #ffcc00 |
|||
⚫ | |||
| สีอักษร = #8f5f12 |
|||
⚫ | |||
| ภาพ = |
|||
⚫ | |||
| พระบรมนามาภิไธย = สมเด็จพระรามาธิบดีศรีนครินทราธิราช |พระปรมาภิไธย = สมเด็จพระรามาธิบดีศรีนครินทราธิราช |
|||
| birth_style = พระราชสมภพ |
|||
⚫ | |||
| |
| birth_date = พ.ศ. 1882 |
||
| |
| death_date = พ.ศ. 1967 |
||
| father = [[สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1]] |
|||
| พระราชบิดา = ไม่ปรากฏพระนาม |
|||
⚫ | |||
| พระราชมารดา = ไม่ปรากฏพระนาม |
|||
⚫ | |||
| พระมเหสี = |
|||
| พระราชสวามี = |
|||
⚫ | |||
⚫ | |||
| ทรงราชย์ = พ.ศ. 1952 - 1967 |
|||
| พิธีบรมราชาภิเษก = |
|||
⚫ | |||
⚫ | |||
⚫ | |||
| วัดประจำรัชกาล = |
|||
}} |
}} |
||
'''สมเด็จพระอินทราชา |
'''สมเด็จพระอินทราชาเจ้า''' หรือ '''สมเด็จพระนครินทราธิราช''' เสด็จพระราชสมภพเมื่อปี พ.ศ. 1902 พระองค์เป็นพระราชนัดดาใน[[สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1]] และเสด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 6 ของ[[อาณาจักรอยุธยา]] เมื่อปี พ.ศ. 1952 |
||
== พระราชประวัติ == |
== พระราชประวัติ == |
||
สมเด็จพระอินทราชา |
สมเด็จพระอินทราชา มีพระนามเดิมว่า '''เจ้านครอินทร์''' เสด็จพระราชสมภพเมื่อปี พ.ศ. 1882<ref>''นามานุกรมพระมหากษัตริย์ไทย'', หน้า 64</ref> [[พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับเยเรเมียส ฟาน ฟลีต]] ระบุว่าพระองค์เป็นพระราชโอรสใน[[สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1]] และเป็นพระเชษฐาใน[[สมเด็จพระเจ้าทองลัน]]<ref name="ฟลีต30">''พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับ เยเรเมียส ฟาน ฟลีตฯ'', หน้า 30</ref> ส่วนพระชนนีมีเชื้อสาย[[ราชวงศ์พระร่วง]]แห่ง[[อาณาจักรสุโขทัย|สุโขทัย]]<ref>''การเมืองในประวัติศาสตร์ ยุคสุโขทัย-อยุธยา พระมหาธรรมราชา กษัตราธิราช'', หน้า 65</ref> [[พระราชพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์]] ระบุว่าพระองค์ได้เสวยราชสมบัติอยู่ ณ เมืองสุพรรณบุรี จนกระทั่ง[[สมเด็จพระเจ้ารามราชา]]ทรงพิพาทกับเจ้าเสนาบดี เป็นเหตุให้เจ้าเสนาบดีหนีมาสวามิภักดิ์กับพระองค์ กราบทูลว่าจะชิงราชสมบัติถวาย เมื่อสมเด็จพระอินทราชาเจ้าเสด็จมาถึง เจ้าเสนาบดีจึงเข้ายึดกรุงศรีอยุธยาได้แล้วจึงเชิญสมเด็จพระอินทราชาเจ้าขึ้นเสวยราชสมบัติ<ref name="หน้า394">''พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) และเอกสารอื่น'', หน้า 394</ref> ขณะพระชนมายุได้ 70 พรรษา<ref name="ฟลีต30"/> ส่วนสมเด็จพระรามราชาธิราชได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ไปครองเมืองปทาคูจามแทน |
||
สมเด็จพระอินทราชา |
สมเด็จพระอินทราชาประชวรเสด็จสวรรคตเมื่อปี พ.ศ. 1967<ref name="หน้า394"/> [[พระราชพงศาวดาร ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม)]] ระบุว่าทรงครองราชย์ได้ 15 ปี<ref name="หน้า50"/> แต่ฉบับฟาน ฟลีต ว่า 20 ปี<ref name="ฟลีต30"/> ในครั้งนั้นเจ้าอ้ายพระยาและเจ้ายี่พระยาพระราชโอรสของพระองค์ต่างยกพลเข้ามายังกรุงศรีอยุธยาเพื่อหมายในราชสมบัติ จึงเกิดการชนช้างกันขึ้น ณ สะพานป่าถ่าน จนสิ้นพระชนม์ทั้ง 2 พระองค์ เป็นเหตุให้เจ้าสามพระยาพระราชโอรสพระองค์ที่ 3 ได้ขึ้นครองกรุงศรีอยุธยา โดยมีพระนามว่า[[สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2]] |
||
== พระราชกรณียกิจ == |
== พระราชกรณียกิจ == |
||
=== ด้านการปกครอง === |
=== ด้านการปกครอง === |
||
เมื่อปี พ.ศ. 1962 [[พระมหาธรรมราชาที่ 3]] เสด็จสวรรคต [[หัวเมืองเหนือ]]ทั้งปวงเป็นจลาจลอันเนื่องมาจาก[[พระยาบาลเมือง]]และ[[พระยารามแห่งสุโขทัย|พระยาราม]]พระราชโอรสในพระมหาธรรมราชาที่ 3 แย่งชิงราชสมบัติแห่ง[[กรุงสุโขทัย]]กัน |
เมื่อปี พ.ศ. 1962 [[พระมหาธรรมราชาที่ 3]] เสด็จสวรรคต [[หัวเมืองเหนือ]]ทั้งปวงเป็นจลาจลอันเนื่องมาจาก[[พระยาบาลเมือง]]และ[[พระยารามแห่งสุโขทัย|พระยาราม]]พระราชโอรสในพระมหาธรรมราชาที่ 3 แย่งชิงราชสมบัติแห่ง[[กรุงสุโขทัย]]กัน เมื่อพระองค์ต้องเสด็จขึ้นไปถึง[[เมืองพระบาง]] ทั้งพระยาบาลเมืองและพระยารามได้ออกมาถวายบังคม<ref name="หน้า50">''พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) และเอกสารอื่น'', หน้า 50</ref> เมื่อพระองค์เสด็จกลับกรุงศรีอยุธยาจึงพระองค์โปรดเกล้าฯ ให้พระราชโอรสไปครองเมืองอันเป็นเมืองลูกหลวง ได้แก่ |
||
⚫ | |||
นอกจากนี้ พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้พระราชโอรสไปครองเมืองอันเป็นเมืองลูกหลวง ได้แก่ |
|||
⚫ | |||
* '''เจ้ายี่พระยา''' ครองเมือง[[แพรกศรีราชา]] (เมืองสรรค์) (บริเวณ[[อำเภอสรรคบุรี]] [[จังหวัดชัยนาท]]) |
* '''เจ้ายี่พระยา''' ครองเมือง[[แพรกศรีราชา]] (เมืองสรรค์) (บริเวณ[[อำเภอสรรคบุรี]] [[จังหวัดชัยนาท]]) |
||
* '''[[เจ้าสามพระยา]]''' ครองเมืองชัยนาท ([[พิษณุโลก]]) ซึ่งเป็นเมืองหน้าด่านทางด้านเหนือ |
* '''[[เจ้าสามพระยา]]''' ครองเมืองชัยนาท ([[พิษณุโลก]]) ซึ่งเป็นเมืองหน้าด่านทางด้านเหนือ |
||
นอกจากนี้พระองค์ยังได้ขอพระราชธิดาแห่งกรุงสุโขทัยคือ '''พระราชเทวี''' กลับมาแต่งงานกับรัชทายาทพระองค์เล็กของพระองค์คือเจ้าสามพระยา (ต่อมาได้ให้กำเนิด[[สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ]]) |
|||
=== ด้านการต่างประเทศ === |
=== ด้านการต่างประเทศ === |
||
เจ้านครอินทร์เคยเสด็จไปเมือง[[จีน]]ในปี |
เจ้านครอินทร์เคยเสด็จไปเมือง[[จีน]]ในปี พ.ศ. 1920 เมื่อครั้งยังครอง[[แคว้นสุพรรณภูมิ|เมืองสุพรรณบุรี]]ในฐานะเจ้านครอินทร์ [[จักรพรรดิเจี้ยนเหวิน|พระเจ้าเจี้ยนเหวิน แห่งราชวงศ์หมิง]]ให้ความสนิทสนม อีกทั้งยังยกย่องว่าเป็นกษัตริย์เพียงพระองค์เดียวที่เคยเสด็จไปถึง[[ประเทศจีน|ราชสำนักจีน]] โดยจดหมายเหตุทางจีนออกพระนามพระองค์ว่า "เจียวลกควนอิน" ซึ่งมาจากพระนาม เจ้านครอินทร์ |
||
เมื่อ[[สมเด็จพระรามราชาธิราช]]เกิดข้อพิพาทกับเจ้าพระยามหาเสนาบดี เป็นเหตุให้เจ้าพระยามหาเสนาบดีหนีมาขึ้นกับพระองค์และยกกำลังเข้ายึดกรุงศรีอยุธยาได้ แล้วจึงทูลเชิญพระองค์ขึ้นครองราชสมบัติแห่งกรุงศรีอยุธยา หลังจากนั้น พระองค์และพระเจ้ากรุงจีนได้แต่งราชทูตเพื่อเจริญทางพระราชไมตรีระหว่างกันอีกหลายครั้ง โดยจดหมายเหตุจีนออกพระนามพระองค์หลังขึ้นครองราชสมบัติแล้วว่า "เจียวลกควนอินตอล่อทีล่า" ซึ่งมาจากพระนาม เจ้านครอินทราธิราช |
เมื่อ[[สมเด็จพระรามราชาธิราช]]เกิดข้อพิพาทกับเจ้าพระยามหาเสนาบดี เป็นเหตุให้เจ้าพระยามหาเสนาบดีหนีมาขึ้นกับพระองค์และยกกำลังเข้ายึดกรุงศรีอยุธยาได้ แล้วจึงทูลเชิญพระองค์ขึ้นครองราชสมบัติแห่งกรุงศรีอยุธยา หลังจากนั้น พระองค์และพระเจ้ากรุงจีนได้แต่งราชทูตเพื่อเจริญทางพระราชไมตรีระหว่างกันอีกหลายครั้ง โดยจดหมายเหตุจีนออกพระนามพระองค์หลังขึ้นครองราชสมบัติแล้วว่า "เจียวลกควนอินตอล่อทีล่า" ซึ่งมาจากพระนาม เจ้านครอินทราธิราช |
||
⚫ | |||
; เชิงอรรถ |
|||
⚫ | |||
{{รายการอ้างอิง}} |
{{รายการอ้างอิง|2}} |
||
; บรรณานุกรม |
|||
* {{cite book |
|||
{{เริ่มอ้างอิง}} |
|||
| last = |
|||
* {{อ้างหนังสือ | ผู้แต่ง = มูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา | ชื่อหนังสือ = นามานุกรมพระมหากษัตริย์ไทย | URL = https://www.tmd.go.th/Thai_king_directories.pdf| พิมพ์ที่ = มูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา | จังหวัด = กรุงเทพฯ | ปี = 2554 | ISBN = 978-616-7308-25-8| จำนวนหน้า = 264 | หน้า = 64-66}} |
|||
| first = |
|||
* {{อ้างหนังสือ| ผู้แต่ง = | ชื่อหนังสือ = พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) และเอกสารอื่น| จังหวัด = นนทบุรี| พิมพ์ที่ = ศรีปัญญา| ปี = 2553| ISBN = 978-616-7146-08-9| จำนวนหน้า = 800}} |
|||
| authorlink = |
|||
* {{อ้างหนังสือ| ผู้แต่ง = [[หม่อมราชวงศ์ศุภวัฒย์ เกษมศรี]]| ชื่อหนังสือ = พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับเยเรเมียส ฟาน ฟลีตและผลงานคัดสรร พลตรี หม่อมราชวงศ์ ศุภวัฒย์ เกษมศรีฯ| URL = http://dl.parliament.go.th/bitstream/handle/lirt/500269/2552_พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา_58670.pdf| จังหวัด = กรุงเทพฯ| พิมพ์ที่ = สมาคมประวัติศาสตร์ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี| ปี = 2552| ISBN = 9789746425872| จำนวนหน้า = 171}} |
|||
| title = [[พระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา]] |
|||
| publisher = สำนักงานพิมพ์โอเดียนสโตร์ |
|||
| series = [[สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ]] ทรงนิพนธ์อธิบายประกอบ |
|||
| year = พ.ศ. 2510 |
|||
| doi = |
|||
| isbn = |
|||
}} |
|||
* {{cite book |
|||
| last = |
|||
| first = |
|||
| authorlink = |
|||
| title = [[พระราชพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์]] |
|||
| publisher = สำนักงานพิมพ์คลังวิทยา |
|||
| series = |
|||
| year = พ.ศ. 2510 |
|||
| doi = |
|||
| isbn = |
|||
}} |
|||
* {{อ้างหนังสือ| ผู้แต่ง = พิเศษ เจียจันทร์พงษ์ | ชื่อหนังสือ = การเมืองในประวัติศาสตร์ ยุคสุโขทัย-อยุธยา พระมหาธรรมราชา กษัตราธิราช | จังหวัด = กรุงเทพฯ | พิมพ์ที่ = มติชน | ปี = 2553 | ISBN = 978-974-02-0401-5 | จำนวนหน้า = 184}} |
* {{อ้างหนังสือ| ผู้แต่ง = พิเศษ เจียจันทร์พงษ์ | ชื่อหนังสือ = การเมืองในประวัติศาสตร์ ยุคสุโขทัย-อยุธยา พระมหาธรรมราชา กษัตราธิราช | จังหวัด = กรุงเทพฯ | พิมพ์ที่ = มติชน | ปี = 2553 | ISBN = 978-974-02-0401-5 | จำนวนหน้า = 184}} |
||
{{จบอ้างอิง}} |
|||
== ดูเพิ่ม == |
== ดูเพิ่ม == |
||
บรรทัด 83: | บรรทัด 57: | ||
|ถัดไป = [[สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2]] <br/>([[ราชวงศ์สุพรรณภูมิ]]) |
|ถัดไป = [[สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2]] <br/>([[ราชวงศ์สุพรรณภูมิ]]) |
||
|วาระถัดไป = (พ.ศ. 1967 - 1991) |
|วาระถัดไป = (พ.ศ. 1967 - 1991) |
||
}} |
}} |
||
{{จบกล่อง}} |
{{จบกล่อง}} |
||
บรรทัด 89: | บรรทัด 63: | ||
{{พระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา}} |
{{พระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา}} |
||
{{อายุขัย| |
{{อายุขัย|1882|1967}} |
||
[[หมวดหมู่:พระมหากษัตริย์ในราชวงศ์สุพรรณภูมิ]] |
[[หมวดหมู่:พระมหากษัตริย์ในราชวงศ์สุพรรณภูมิ]] |
||
[[หมวดหมู่:ผู้ครองเมืองสุพรรณบุรี]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 21:46, 5 มิถุนายน 2562
สมเด็จพระอินทราชา | |
---|---|
พระเจ้ากรุงศรีอยุธยา | |
ครองราชย์ | พ.ศ. 1952 - 1967 (15 ปี 0 วัน) |
ก่อนหน้า | สมเด็จพระเจ้ารามราชา |
ถัดไป | สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 |
พระราชสมภพ | พ.ศ. 1882 |
สวรรคต | พ.ศ. 1967 |
พระราชบุตร | เจ้าอ้ายพระยา เจ้ายี่พระยา สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 |
ราชวงศ์ | ราชวงศ์สุพรรณภูมิ |
พระราชบิดา | สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 |
สมเด็จพระอินทราชาเจ้า หรือ สมเด็จพระนครินทราธิราช เสด็จพระราชสมภพเมื่อปี พ.ศ. 1902 พระองค์เป็นพระราชนัดดาในสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 และเสด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 6 ของอาณาจักรอยุธยา เมื่อปี พ.ศ. 1952
พระราชประวัติ
สมเด็จพระอินทราชา มีพระนามเดิมว่า เจ้านครอินทร์ เสด็จพระราชสมภพเมื่อปี พ.ศ. 1882[1] พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับเยเรเมียส ฟาน ฟลีต ระบุว่าพระองค์เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 และเป็นพระเชษฐาในสมเด็จพระเจ้าทองลัน[2] ส่วนพระชนนีมีเชื้อสายราชวงศ์พระร่วงแห่งสุโขทัย[3] พระราชพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์ ระบุว่าพระองค์ได้เสวยราชสมบัติอยู่ ณ เมืองสุพรรณบุรี จนกระทั่งสมเด็จพระเจ้ารามราชาทรงพิพาทกับเจ้าเสนาบดี เป็นเหตุให้เจ้าเสนาบดีหนีมาสวามิภักดิ์กับพระองค์ กราบทูลว่าจะชิงราชสมบัติถวาย เมื่อสมเด็จพระอินทราชาเจ้าเสด็จมาถึง เจ้าเสนาบดีจึงเข้ายึดกรุงศรีอยุธยาได้แล้วจึงเชิญสมเด็จพระอินทราชาเจ้าขึ้นเสวยราชสมบัติ[4] ขณะพระชนมายุได้ 70 พรรษา[2] ส่วนสมเด็จพระรามราชาธิราชได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ไปครองเมืองปทาคูจามแทน
สมเด็จพระอินทราชาประชวรเสด็จสวรรคตเมื่อปี พ.ศ. 1967[4] พระราชพงศาวดาร ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) ระบุว่าทรงครองราชย์ได้ 15 ปี[5] แต่ฉบับฟาน ฟลีต ว่า 20 ปี[2] ในครั้งนั้นเจ้าอ้ายพระยาและเจ้ายี่พระยาพระราชโอรสของพระองค์ต่างยกพลเข้ามายังกรุงศรีอยุธยาเพื่อหมายในราชสมบัติ จึงเกิดการชนช้างกันขึ้น ณ สะพานป่าถ่าน จนสิ้นพระชนม์ทั้ง 2 พระองค์ เป็นเหตุให้เจ้าสามพระยาพระราชโอรสพระองค์ที่ 3 ได้ขึ้นครองกรุงศรีอยุธยา โดยมีพระนามว่าสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2
พระราชกรณียกิจ
ด้านการปกครอง
เมื่อปี พ.ศ. 1962 พระมหาธรรมราชาที่ 3 เสด็จสวรรคต หัวเมืองเหนือทั้งปวงเป็นจลาจลอันเนื่องมาจากพระยาบาลเมืองและพระยารามพระราชโอรสในพระมหาธรรมราชาที่ 3 แย่งชิงราชสมบัติแห่งกรุงสุโขทัยกัน เมื่อพระองค์ต้องเสด็จขึ้นไปถึงเมืองพระบาง ทั้งพระยาบาลเมืองและพระยารามได้ออกมาถวายบังคม[5] เมื่อพระองค์เสด็จกลับกรุงศรีอยุธยาจึงพระองค์โปรดเกล้าฯ ให้พระราชโอรสไปครองเมืองอันเป็นเมืองลูกหลวง ได้แก่
- เจ้าอ้ายพระยา ครองเมืองสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นเมืองลูกหลวง
- เจ้ายี่พระยา ครองเมืองแพรกศรีราชา (เมืองสรรค์) (บริเวณอำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท)
- เจ้าสามพระยา ครองเมืองชัยนาท (พิษณุโลก) ซึ่งเป็นเมืองหน้าด่านทางด้านเหนือ
นอกจากนี้พระองค์ยังได้ขอพระราชธิดาแห่งกรุงสุโขทัยคือ พระราชเทวี กลับมาแต่งงานกับรัชทายาทพระองค์เล็กของพระองค์คือเจ้าสามพระยา (ต่อมาได้ให้กำเนิดสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ)
ด้านการต่างประเทศ
เจ้านครอินทร์เคยเสด็จไปเมืองจีนในปี พ.ศ. 1920 เมื่อครั้งยังครองเมืองสุพรรณบุรีในฐานะเจ้านครอินทร์ พระเจ้าเจี้ยนเหวิน แห่งราชวงศ์หมิงให้ความสนิทสนม อีกทั้งยังยกย่องว่าเป็นกษัตริย์เพียงพระองค์เดียวที่เคยเสด็จไปถึงราชสำนักจีน โดยจดหมายเหตุทางจีนออกพระนามพระองค์ว่า "เจียวลกควนอิน" ซึ่งมาจากพระนาม เจ้านครอินทร์
เมื่อสมเด็จพระรามราชาธิราชเกิดข้อพิพาทกับเจ้าพระยามหาเสนาบดี เป็นเหตุให้เจ้าพระยามหาเสนาบดีหนีมาขึ้นกับพระองค์และยกกำลังเข้ายึดกรุงศรีอยุธยาได้ แล้วจึงทูลเชิญพระองค์ขึ้นครองราชสมบัติแห่งกรุงศรีอยุธยา หลังจากนั้น พระองค์และพระเจ้ากรุงจีนได้แต่งราชทูตเพื่อเจริญทางพระราชไมตรีระหว่างกันอีกหลายครั้ง โดยจดหมายเหตุจีนออกพระนามพระองค์หลังขึ้นครองราชสมบัติแล้วว่า "เจียวลกควนอินตอล่อทีล่า" ซึ่งมาจากพระนาม เจ้านครอินทราธิราช
รายการอ้างอิง
- เชิงอรรถ
- ↑ นามานุกรมพระมหากษัตริย์ไทย, หน้า 64
- ↑ 2.0 2.1 2.2 พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับ เยเรเมียส ฟาน ฟลีตฯ, หน้า 30
- ↑ การเมืองในประวัติศาสตร์ ยุคสุโขทัย-อยุธยา พระมหาธรรมราชา กษัตราธิราช, หน้า 65
- ↑ 4.0 4.1 พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) และเอกสารอื่น, หน้า 394
- ↑ 5.0 5.1 พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) และเอกสารอื่น, หน้า 50
- บรรณานุกรม
- มูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา. นามานุกรมพระมหากษัตริย์ไทย. กรุงเทพฯ : มูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา, 2554. 264 หน้า. หน้า 64-66. ISBN 978-616-7308-25-8
- พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) และเอกสารอื่น. นนทบุรี : ศรีปัญญา, 2553. 800 หน้า. ISBN 978-616-7146-08-9
- หม่อมราชวงศ์ศุภวัฒย์ เกษมศรี. พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับเยเรเมียส ฟาน ฟลีตและผลงานคัดสรร พลตรี หม่อมราชวงศ์ ศุภวัฒย์ เกษมศรีฯ. กรุงเทพฯ : สมาคมประวัติศาสตร์ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, 2552. 171 หน้า. ISBN 9789746425872
- พิเศษ เจียจันทร์พงษ์. การเมืองในประวัติศาสตร์ ยุคสุโขทัย-อยุธยา พระมหาธรรมราชา กษัตราธิราช. กรุงเทพฯ : มติชน, 2553. 184 หน้า. ISBN 978-974-02-0401-5
ดูเพิ่ม
ก่อนหน้า | สมเด็จพระอินทราชา | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
สมเด็จพระเจ้ารามราชา (ราชวงศ์อู่ทอง) (พ.ศ. 1938 - 1952) |
พระเจ้ากรุงศรีอยุธยา (ราชวงศ์สุพรรณภูมิ) (พ.ศ. 1952 - 1967) |
สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (ราชวงศ์สุพรรณภูมิ) (พ.ศ. 1967 - 1991) |