ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ชื่อไม่ตรงกับภาพ |
||
บรรทัด 81: | บรรทัด 81: | ||
* '''ชั้นที่ 5 เบญจมาภรณ์ช้างเผือก''' |
* '''ชั้นที่ 5 เบญจมาภรณ์ช้างเผือก''' |
||
[[ไฟล์:Knight Commander of the Most Exalted Order of the White Elephant.jpg|thumb| |
[[ไฟล์:Knight Commander of the Most Exalted Order of the White Elephant.jpg|thumb|ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก]] |
||
ดวงตราชั้นที่ 5 เหมือนดวงตราชั้นที่ 4 แต่ไม่มีดอกไม้จีบติดบน แพรแถบวิธีประดับเหมือนชั้นที่ 4 |
ดวงตราชั้นที่ 5 เหมือนดวงตราชั้นที่ 4 แต่ไม่มีดอกไม้จีบติดบน แพรแถบวิธีประดับเหมือนชั้นที่ 4 |
||
รุ่นแก้ไขเมื่อ 23:36, 13 เมษายน 2562
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชู ยิ่งช้างเผือก | |
---|---|
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นสูงสุด มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก | |
อักษรย่อ | ดูในบทความ |
ประเภท | สายสะพายพร้อมดารา, ดวงตราพร้อมดารา, ดวงตรา, เหรียญทอง, เหรียญเงิน (8 ชั้น) |
วันสถาปนา | พ.ศ. 2404 |
ประเทศ | สยาม, ประเทศไทย |
จำนวนสำรับ | ไม่จำกัดจำนวน |
ผู้สมควรได้รับ | พระบรมวงศานุวงศ์, ข้าราชการ, ผู้กระทำคุณความดี ทั้งบุรุษและสตรี |
มอบเพื่อ | ผู้กระทำความดีความชอบเป็นประโยชน์แก่ราชการหรือสาธารณชน |
ผู้สถาปนา | พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว |
ประธาน | พระมหากษัตริย์แห่งประเทศไทย |
ลำดับเกียรติ | |
สูงกว่า | เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี |
รองมา | เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย |
หมายเหตุ | รัฐบาลไทยเป็นผู้เสนอชื่อเพื่อขอรับพระราชทานจากพระมหากษัตริย์ |
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก (อังกฤษ: The Most Exalted Order of the White Elephant) เป็นตระกูลเครื่องราชอิสริยาภรณ์ หนึ่งใน 8 ตระกูลที่สำหรับพระราชทานแด่พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ และผู้กระทำคุณความดี ทั้งบุรุษและสตรี โดยเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกนี้สำหรับพระราชทานแก่ผู้กระทำความดีความชอบเป็นประโยชน์แก่ราชการหรือสาธารณชน โดยการพิจารณาเสนอขอพระราชทานของรัฐบาล เพื่อเป็นบำเหน็จความชอบและเครื่องหมายเชิดชูเกียรติยศอย่างสูงแก่ผู้ได้รับพระราชทาน พระราชทานทั้งบุรุษและสตรี หากทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แล้ว ให้ประกาศรายนามในราชกิจจานุเบกษา ปกติแล้วจะประกาศในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม ของทุกปี แยกเป็น 2 ฉบับ คือชั้นต่ำกว่าสายสะพาย และชั้นสายสะพาย
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกนี้ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2404 แต่มิได้กำหนดให้มีสายสะพาย ต่อมาในปี พ.ศ. 2412 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงกำหนดชั้นและสายสะพายประกอบ
ประวัติ
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ประเภท ลำดับชั้น และลำดับเกียรติ
แพรแถบย่อ | ชั้น | ชื่อ | อักษรย่อ | ชื่อเดิม[1] | วันสถาปนา | ลำดับเกียรติ[2] |
---|---|---|---|---|---|---|
ชั้นสูงสุด | มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก | ม.ป.ช. | - | 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2452 | 8 | |
ชั้นที่ 1 | ประถมาภรณ์ช้างเผือก | ป.ช. | มหาวราภรณ์ | พ.ศ. 2412 | 10 | |
ชั้นที่ 2 | ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก | ท.ช. | จุลวราภรณ์ | พ.ศ. 2412 | 15 | |
ชั้นที่ 3 | ตริตาภรณ์ช้างเผือก | ต.ช. | นิภาภรณ์ | พ.ศ. 2412 | 23 | |
ชั้นที่ 4 | จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก | จ.ช. | ภูษนาภรณ์ | พ.ศ. 2412 | 28 | |
ชั้นที่ 5 | เบญจมาภรณ์ช้างเผือก | บ.ช. | ทิพยาภรณ์ | พ.ศ. 2416 | 33 | |
ชั้นที่ 6 | เหรียญทองช้างเผือก | ร.ท.ช. | - | 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2445 | 52[3] | |
ชั้นที่ 7 | เหรียญเงินช้างเผือก | ร.ง.ช. | - | 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2445 | 55[3] |
ลักษณะ
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ตระกูลนี้มีทั้งหมด 8 ชั้น
- ชั้นสูงสุด มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก 1 สำรับ ประกอบด้วย
- ดวงตรา ด้านหน้าเป็นรูปช้างไอราพตลงยาสีขาวอยู่บนพื่นทองในดอกบัวบาน กลีบลงยาสีชมพูสลับแดง เกสรเงิน รอบนอกมีกระจังทองลงยาสีเขียวสี่ทิศ มีรัศมีเปลวเงินตามระหว่าง ด้านหลังเปลี่ยนรูปช้างเป็นอักษรพระปรมาภิไธยย่อ ม.ป.ร. ลงยาสีแดง เบื้องบนมีอุณาโลมเงินและพระมหามงกุฎทองมีรัศมี ห้อยกับแพรแถบขนาดกว้าง 10 เซนติเมตร สีแดงริมเขียว มีริ้วเหลืองและน้ำเงินขนาดเล็กควบคั่นทั้ง 2 ข้าง สำหรับสะพายบ่าซ้ายเฉียงลงทางขวา
หมายเหตุ: สายสะพายสำหรับพระมหากษัตริย์ สยามมกุฎราชกุมารจะเป็นสีแดงล้วน [ต้องการอ้างอิง]
- ดารา ด้านหน้ามีลักษณะเช่นเดียวกับดวงตราแต่ขนาดย่อมกว่า ซ้อนอยู่บนรัศมีสีเงิน จำหลักเป็นเพชรสร่ง 4 แฉก รัศมีทอง 4 แฉก ประดับที่อกเสื้อด้านซ้าย
ดวงตรา ดารา และสายสะพายสำหรับพระราชทานสตรีนั้นจะมีขนาดย่อมกว่าบุรุษ นอกจากนี้ ยังมีเครื่องหมายประดับแพรแถบย่อและดุมเสื้อ มีลักษณะเป็นรูปช้างไอราพตลงยาสีขาว
หมายเหตุ: สำหรับพระมหากษัตริย์ ดาราประดับเพชรตรงขอบสร่งเงิน
- ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์ช้างเผือก 1 สำรับ ประกอบด้วย
- ดวงตรา ด้านหน้าเป็นรูปช้างเผือกทรงเครื่องยืนแท่นอยู่บนพื้นทองในดอกบัวบาน กลีบลงยาสีแดง เกสรเงิน รอบนอกมีกระจังเงิน 8 ทิศ มีกระจังแทรกตามระหว่าง ด้านหลังเปลี่ยนรูปช้างเป็นอักษรพระปรมาภิไธยย่อ ม.ป.ร. ลงยาสีแดง เบื้องบนมีพระมหามงกุฎทองมีรัศมี ห้อยกับแพรแถบขนาดกว้าง 10 เซนติเมตร สีแดงริมเขียวใหญ่ มีริ้วเหลืองและน้ำเงินขนาดใหญ่ควบคั่นทั้ง 2 ข้าง สำหรับสะพายบ่าขวาเฉียงลงทางซ้าย
- ดารา ด้านหน้ามีลักษณะเช่นเดียวกับดวงตราแต่กระจังยาวกว่า ด้านหลังเป็นทอง สำหรับประดับอกเสื้อเบื้องซ้าย
ดวงตรา ดารา และสายสะพายสำหรับพระราชทานสตรีนั้นจะมีขนาดย่อมกว่าบุรุษ นอกจากนี้ ยังมีเครื่องหมายประดับแพรแถบย่อและดุมเสื้อ มีลักษณะเป็นรูปช้างเผือกทรงเครื่องยืนแท่นอยู่ในดอกบัวบาน กลีบลงยาสีแดงสลับเขียว เกสรเงิน
- ชั้นที่ 2 ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก 1 สำรับ ประกอบด้วย
- ดวงตรา มีลักษณะเช่นเดียวกับชั้นประถมาภรณ์ แต่ขนาดย่อมกว่า และที่พระมหามงกุฎไม่มีรัศมี ด้านหลังเป็นทองเกลี้ยง ใช้ห้อยกับแพรแถบขนาดกว้าง 4 เซนติเมตร สำหรับบุรุษใช้สวมคอ ส่วนดวงตราสำหรับพระราชทานสตรีนั้น มีลักษณะเช่นเดียวกับบุรุษแต่ขนาดย่อมกว่า ใช้ห้อยกับแพรแถบผูกเป็นรูปแมลงปอ สำหรับประดับเสื้อที่หน้าบ่าซ้าย
- ดารา มีลักษณะเช่นเดียวกับชั้นประถมาภรณ์ สำหรับประดับอกเสื้อเบื้องซ้าย ส่วนดาราสำหรับพระราชทานสตรีนั้น มีลักษณะเช่นเดียวกับบุรุษแต่ขนาดย่อมกว่า
นอกจากนี้ ยังมีเครื่องหมายประดับแพรแถบย่อและดุมเสื้อ มีลักษณะเป็นรูปช้างเผือกทรงเครื่องยืนแท่นอยู่ในดอกบัวบานทอง เกสรเงิน
- ชั้นที่ 3 ตริตาภรณ์ช้างเผือก
สำหรับบุรุษห้อยแพรแถบสวมคอ สำหรับสตรีห้อยแพรแถบผูก เป็นรูปแมลงปอประดับเสื้อหน้าบ่าซ้าย
- ชั้นที่ 4 จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก
สำหรับบุรุษห้อยแพรแถบประดับอกเสื้อเบื้องซ้าย สำหรับสตรีห้อย แพรแถบผูกเป็นรูปแมลงปอประดับเสื้อหน้าบ่าซ้าย ดวงตราชั้นที่ 4 เล็กกว่าดวงตราชั้นที่ 3 และมีดอกไม้จีบติดบนแพรแถบ
- ชั้นที่ 5 เบญจมาภรณ์ช้างเผือก
ดวงตราชั้นที่ 5 เหมือนดวงตราชั้นที่ 4 แต่ไม่มีดอกไม้จีบติดบน แพรแถบวิธีประดับเหมือนชั้นที่ 4
- ชั้นที่ 6 เหรียญทอง (ร.ท.ช.) วิธีประดับเหมือนชั้นที่ 4
- ชั้นที่ 7 เหรียญเงิน (ร.ง.ช.) วิธีประดับเหมือนชั้นที่ 4
การขอพระราชทาน
การเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ในตระกูลช้างเผือกนี้ กำหนดให้พิจารณาถึงตำแหน่ง ระดับ ชั้น ชั้นยศ กำหนดระยะเวลา และความดีความชอบ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก และเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย พ.ศ. 2536 การขอพระราชทานในครั้งแรกในกรณีข้าราชการ จะต้องรับราชการมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปีบริบูรณ์ นับแต่วันเริ่มเข้ารับราชการจนถึงวันที่ 5 ตุลาคม ของปี โดยให้เริ่มจากเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย และเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกสลับกัน ดังนี้
- ชั้นที่ 7 เหรียญเงินมงกุฎไทย
- ชั้นที่ 7 เหรียญเงินช้างเผือก
- ชั้นที่ 6 เหรียญทองมงกุฎไทย
- ชั้นที่ 6 เหรียญทองช้างเผือก
ชั้นต่ำกว่าสายสะพาย ในกรณีข้าราชการเริ่มที่
- ชั้นที่ 5 เบญจมาภรณ์มงกุฎไทย
- ชั้นที่ 5 เบญจมาภรณ์ช้างเผือก
- ชั้นที่ 4 จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย
- ชั้นที่ 4 จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก
- ชั้นที่ 3 ตริตาภรณ์มงกุฎไทย
- ชั้นที่ 3 ตริตาภรณ์ช้างเผือก
- ชั้นที่ 2 ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย
- ชั้นที่ 2 ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก
ชั้นสายสะพาย หรือ ข้าราชการที่มีบรรดาศักดิ์ สามารถขอรับพระราชทานโกศประดับเมื่อสิ้นชีวิต
- ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์มงกุฎไทย (สายสะพาย 1)
- ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์ช้างเผือก (สายสะพาย 2)
- ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ (สายสะพาย 3)
- ชั้นสูงสุด มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (สายสะพาย 4)
การพิจารณาเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่ง
การเสนอขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ มีทั้งหมด 44 บัญชี
- บัญชี 1 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่องคมนตรี ห้น7
- บัญชี 2 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่รัฐมนตรี
- บัญชี 3 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่ข้าราชการการเมืองและคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรหรือคณะกรรมการประสานงานวุฒิสภา
- บัญชี 4 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่ผู้ดำรงตำแหน่งต่างๆ ในรัฐสภาและตุลาการรัฐธรรมนูญ
- บัญชี 5 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่ข้าราชการการเมืองในกรุงเทพมหานคร
- บัญชี 6 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่สภากรุงเทพมหานครและสมาชิกสภาเขตกรุงเทพมหานคร
- บัญชี 7 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่ข้าราชการ ยกเว้นที่ปรากฏในบัญชีอื่น
- บัญชี 8 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่ข้าราชการทหาร
- บัญชี 9 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่ข้าราชการตำรวจ
- บัญชี 10 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่ข้าราชการตุลาการ
- บัญชี 11 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่ข้าราชการอัยการ
- บัญชี 12 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่ผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่น
- บัญชี 13 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่ผู้ปฏิบัติงานตามกฎหมายว่าด้วยลักษณะปกครองท้องที่
- บัญชี 14 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่พนักงานรัฐวิสาหกิจ เจ้าหน้าที่องค์การมหาชน พนักงานองค์การของรัฐ หรือพนักงานหน่วยงานอื่นของรัฐที่มีลักษณะอย่างเดียวกัน ยกเว้นที่ปรากฏในบัญชีอื่น ๆ
- บัญชี 15 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่ลูกจ้างประจำ
- บัญชี 16 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่ดะโต๊ะยุติธรรมและผู้พิพากษาสมทบ
- บัญชี 17 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่เจ้าหน้าที่สภากาชาดไทย
- บัญชี 18 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่ผู้ดำรงตำแหน่งในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐที่มีลักษณะพิเศษ
- บัญชี 19 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่ราชบัณฑิตและกรรมการตามกฎหมายที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง
- บัญชี 20 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่ชาวต่างประเทศ
- บัญชี 21 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่คู่สมรสองคมนตรี
- บัญชี 22 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่คู่สมรสรัฐมนตรี
- บัญชี 23 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่คู่สมรสสมาชิกรัฐสภา (บางตำแหน่ง)
- บัญชี 24 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่คู่สมรสผู้ดำรงตำแหน่ง (สมาชิกรัฐสภา/ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่/ทหารชั้นผู้ใหญ่/ตำรวจชั้นผู้ใหญ/ตุลาการ และอัยการ
- บัญชี 25 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่กรรมการการเลือกตั้ง
- บัญชี 26 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
- บัญชี 27 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
- บัญชี 28 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา
- บัญชี 29 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่ตุลาการศาลปกครอง
- บัญชี 30 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่กรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์แห่งชาติและกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
- บัญชี 31 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่สมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
- บัญชี 32 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่พนักงานราชการ
- บัญชี 33 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่คู่สมรสกรรมการการเลือกตั้ง
- บัญชี 34 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่คู่สมรสกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
- บัญชี 35 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่คู่สมรสกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
- บัญชี 36 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่คู่สมรสผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา
- บัญชี 37 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่คู่สมรสตุลาการศาลปกครอง
- บัญชี 38 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่คู่สมรสกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์แห่งชาติและกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
- บัญชี 39 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
- บัญชี 40 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่กรรมการตรวจเงินแผ่นดิน
- บัญชี 41 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่ข้าราชการตามระบบจำแนกประเภทตำแหน่ง
- บัญชี 42 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่พนักงานของหน่วยธุรการขององค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นข้าราชการ
- บัญชี 43 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่คู่สมรสตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
- บัญชี 44 การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้แก่คู่สมรสกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน
กรณีข้าราชการพลเรือน
การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ข้าราชการพลเรือน ต้องมีระยะเวลาในการรับราชการมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี ก่อนถึงวันพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาของปีที่จะขอไม่น้อยกว่า 60 วัน โดยมีแนวทางยึดตามระดับตำแหน่ง ดังนี้[4]
ประเภททั่วไป
- ระดับปฏิบัติงาน เริ่มขอ บ.ม. ถึง จ.ช.
- ระดับชำนาญงาน เริ่มขอ ต.ม. (ดำรงตำแหน่งมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี ขอ ต.ช.)
- ระดับอาวุโส เริ่มขอ ท.ม. (ดำรงตำแหน่งมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี ขอ ท.ช.)
- ระดับทักษะพิเศษ ได้ ท.ช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ขอ ป.ม. - ได้ ป.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ขอ ป.ช. - ได้ ป.ช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี ขอ ม.ว.ม. (ในปีที่เกษียณอายุราชการขอพระราชทานได้อีก 1 ชั้นตรา แต่ไม่เกิน ป.ช.)
ประเภทวิชาการ
- ระดับปฏิบัติการ เริ่มขอ ต.ม.
- ระดับชำนาญการ เริ่มขอ ต.ช. (ได้รับเงินเดือนไม่ต่ำกว่าขั้นต่ำของระดับชำนาญการพิเศษ ขอ ท.ม.- ได้รับเงินเดือนไม่ต่ำกว่าขั้นต่ำของระดับชำนาญการพิเศษมาแล้ว 5 ปี ขอ ท.ช.)
- ระดับชำนาญการพิเศษ เริ่มขอ ท.ช. (ได้รับเงินเดือนเต็มขั้น 58,390 บาท และได้ ท.ช. มาแล้ว 5 ปี ขอ ป.ม.)
- ระดับเชี่ยวชาญ ได้ ท.ช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ขอ ป.ม. - ได้ ป.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ขอ ป.ช. - ได้ ป.ช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี ขอ ม.ว.ม. (ในปีที่เกษียณอายุราชการขอพระราชทานได้อีก 1 ชั้นตรา แต่ไม่เกิน ป.ช. เว้นกรณีลาออก)
- ระดับทรงคุณวุฒิที่ได้รับเงินประจำตำแหน่ง 13,000 บาท เลื่อนชั้นตราตามลำดับได้ทุกปีจนถึง ป.ม. ได้ ป.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ขอ ป.ช. - ได้ ป.ช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ขอ ม.ว.ม. - ได้ ม.ว.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี ขอ ม.ป.ช. (ในปีที่เกษียณอายุราชการขอพระราชทานได้อีก 1 ชั้นตรา แต่ไม่เกิน ม.ว.ม. เว้นกรณีลาออก)
- ระดับทรงคุณวุฒิที่ได้รับเงินประจำตำแหน่ง 15,600 บาท ได้ ป.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ขอ ป.ช. - ได้ ป.ช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ขอ ม.ว.ม. - ได้ ม.ว.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี ขอ ม.ป.ช. (ในปีที่เกษียณอายุราชการขอพระราชทานได้อีก 1 ชั้นตรา เว้นกรณีลาออก)
ประเภทอำนวยการ
- ระดับต้น เริ่มขอ ท.ช. (ได้รับเงินเดือนขั้นสูงและได้ ท.ช. มาแล้ว 3 ปี ขอ ป.ม.)
- ระดับสูง ได้ ท.ช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ขอ ป.ม. - ได้ ป.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ขอ ป.ช. - ได้ ป.ช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี ขอ ม.ว.ม. (ในปีที่เกษียณอายุราชการขอพระราชทานได้อีก 1 ชั้นตรา แต่ไม่เกิน ป.ช. เว้นกรณีลาออก)
ประเภทบริหาร
- ระดับต้น ได้ ท.ช. มาแล้ว 3 ปี ขอ ป.ม. - ได้ ป.ม. มาแล้ว 3 ปี ขอ ป.ช. - ได้ ป.ช. มาแล้ว 5 ปี ขอ ม.ว.ม. (ในปีที่เกษียณอายุราชการขอพระราชทานได้อีก 1 ชั้นตรา แต่ไม่เกิน ป.ช. เว้นกรณีลาออก)
- ระดับสูงที่ได้รับเงินประจำตำแหน่ง 14,500 บาท เลื่อนชั้นตราตามลำดับได้ทุกปีจนถึง ป.ม. ได้ ป.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ขอ ป.ช. - ได้ ป.ช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ขอ ม.ว.ม. - ได้ ม.ว.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี ขอ ม.ป.ช. (ในปีที่เกษียณอายุราชการขอพระราชทานได้อีก 1 ชั้นตรา แต่ไม่เกิน ม.ว.ม. เว้นกรณีลาออก)
- ระดับสูงที่ได้รับเงินประจำตำแหน่ง 21,000 บาท ได้ ป.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ขอ ป.ช. - ได้ ป.ช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ขอ ม.ว.ม. - ได้ ม.ว.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ขอ ม.ป.ช. (ในปีที่เกษียณอายุราชการขอพระราชทานได้อีก 1 ชั้นตรา เว้นกรณีลาออก)
กรณีข้าราชการทหาร
การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ข้าราชการทหาร สำหรับข้าราชการทหารชั้นประทวน เริ่มขอเหรียญเงินช้างเผือก (ร.ง.ช.) ที่ชั้นยศ สิบโท จ่าโท จ่าอากาศโท สำหรับชั้นสัญญาบัตร เริ่มขอเบญจมาภรณ์ช้างเผือก (บ.ช.) ที่ชั้นยศร้อยตรี เรือตรี เรืออากาศตรี เมื่อดำรงตำแหน่งมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี
กรณีข้าราชการการเมืองในกรุงเทพมหานคร
กรณีข้าราชการอัยการ
กรณีข้าราชการตุลาการ
อ้างอิง
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชบัญญัติเครื่องราชอิสริยาภรณ์ช้างเผือก รัตนโกสินทร์ ศก๑๒๘, เล่ม ๒๖, ตอน ๐ ก, ๒๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๕๒, หน้า ๗๐
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ลำดับเกียรติเครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย, เล่ม ๑๑๐, ตอน ๒๙ง ฉบับพิเศษ, ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๖, หน้า ๑
- ↑ 3.0 3.1 ลำดับเกียรติเครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย
- ↑ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2552
แหล่งข้อมูลอื่น
- เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
- ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การปรับราคาชดใช้แทนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่ไม่สามารถส่งคืนตามกฎหมาย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๑ – ๒๕๕๓, เล่ม ๑๒๕, ตอน พิเศษ ๔๙ ง, ๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๑, หน้า ๘