ผลต่างระหว่างรุ่นของ "หนังสือกันดารวิถี"
ล r2.7.2+) (โรบอต เพิ่ม: cdo:Mìng-só-gé |
พุทธามาตย์ (คุย | ส่วนร่วม) ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 1: | บรรทัด 1: | ||
{{คริสต์}} |
{{คริสต์}} |
||
''' |
'''หนังสือกันดารวิถี'''<ref>[http://www.thaicatholicbible.com/main/old-numbers หนังสือกันดารวิถี]. คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรม แผนกพระคัมภีร์</ref> ({{lang-en|Book of Numbers}}) เป็นหนังสือเล่มที่ 4 ใน[[เบญจบรรณ]] เนื้อหาเกี่ยวกับ[[ประวัติศาสตร์]]ของ[[วงศ์วานอิสราเอล]]ที่ต่อเนื่องมาจาก[[หนังสืออพยพ]] หนังสือกันดารวิถีแปลมาจาก[[คัมภีร์ฮีบรู]] ({{lang-he|ba-midbar (במדבר)}} ซึ่งแปลว่า "ในถิ่นทุรกันดาร..." ซึ่งเป็นคำแรกของคัมภีร์ฉบับนี้ แต่ใน''ภาษาอังกฤษ'' ใช้ชือว่า '''The Book of Numbers''' เนื่องจากหนังสือเล่มนี้ได้กล่าวถึงการทำ[[สำมะโนประชากร]]อิสราเอลถึงสองครั้ง ที่[[ภูเขาซีนาย]] และที่โมอับ ในขณะที่ภาษาไทยใช้ชื่อว่า "หนังสือกันดารวิถี" เนื่องจากหนังสือเล่มนี้กล่าวถึง[[พงศาวดาร]]ของอิสราเอลช่วงที่ต้องใช้ชีวิตในถิ่นทุรกันดาร (ทะเลทราย) เป็นเวลา 40 ปี ก่อนจะได้เข้าสู่แผ่นดิน[[คานาอัน]] |
||
เนื้อหาใน |
เนื้อหาในหนังสือกันดารวิถีนี้ จะแบ่งส่วนสำคัญออกได้เป็น ส่วน |
||
# การนับอิสราเอลที่[[ภูเขาซีนาย]] (บทที่ 1-2) |
# การนับอิสราเอลที่[[ภูเขาซีนาย]] (บทที่ 1-2) |
||
# การกำหนดงานให้แก่คน[[เลวี]] และพระบัญญัติเรื่องการถวายบูชา (บทที่ 3-9 บทที่ 17-19 บทที่ 28-30) |
# การกำหนดงานให้แก่คน[[เลวี]] และพระบัญญัติเรื่องการถวายบูชา (บทที่ 3-9 บทที่ 17-19 บทที่ 28-30) |
||
บรรทัด 11: | บรรทัด 11: | ||
== การนับอิสราเอลที่ภูเขาซีนาย == |
== การนับอิสราเอลที่ภูเขาซีนาย == |
||
จาก[[ |
จาก[[หนังสืออพยพ]] เมื่อ[[โมเสส]]ได้รับพระบัญญัติของพระเจ้า ณ [[ภูเขาซีนาย]]นั้น พระเจ้าทรงให้โมเสสตั้งประมุขแห่งเผ่าทั้ง 12 ของอิสราเอลขึ้น และทำสำมะโนครัวประชากร[[อิสราเอล]]ที่มีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป โดยนับได้จำนวนทั้งสิ้น 603,550 คน แบ่งเป็น |
||
* [[เผ่ารูเบน]] จำวน 46,500 คน |
* [[เผ่ารูเบน]] จำวน 46,500 คน |
||
* [[เผ่าสิเมโอน]] จำนวน 59,300 คน |
* [[เผ่าสิเมโอน]] จำนวน 59,300 คน |
||
บรรทัด 18: | บรรทัด 18: | ||
* [[เผ่าอิสสาคาร์]] จำนวน 54,400 คน |
* [[เผ่าอิสสาคาร์]] จำนวน 54,400 คน |
||
* [[เผ่าเศบูลุน]] จำนวน 57,400 คน |
* [[เผ่าเศบูลุน]] จำนวน 57,400 คน |
||
* พงศ์พันธุ์[[โยเซฟ ( |
* พงศ์พันธุ์[[โยเซฟ (บุตรยาโคบ)|โยเซฟ]] |
||
** [[เผ่าเอฟราอิม]] จำนวน 45,000 คน |
** [[เผ่าเอฟราอิม]] จำนวน 45,000 คน |
||
** [[เผ่ามนัสเสห์]] จำนวน 32,200 คน |
** [[เผ่ามนัสเสห์]] จำนวน 32,200 คน |
||
บรรทัด 26: | บรรทัด 26: | ||
* [[เผ่านัฟทาลี]] จำนวน 53,400 คน |
* [[เผ่านัฟทาลี]] จำนวน 53,400 คน |
||
ในการสำมะโนประชากรครั้งนั้น ไม่ได้นับรวม[[เผ่าเลวี]]เข้าไปด้วย เนื่องจากพระเจ้าทรงกำหนดงานพิเศษให้แก่ชนเผ่า |
ในการสำมะโนประชากรครั้งนั้น ไม่ได้นับรวม[[เผ่าเลวี]]เข้าไปด้วย เนื่องจากพระเจ้าทรงกำหนดงานพิเศษให้แก่ชนเผ่าเลวีโดยเฉพาะ โดยมีหน้าที่ตั้งไว้สำหรับพลับพลาของพระเจ้า มีหน้าที่ขน[[พลับพลา]] ตั้งเต็นท์อยู่รอบพลับพลา รื้อพลับพลา และตั้งพลับพลา |
||
== การกำหนดงานแก่คนเลวี == |
== การกำหนดงานแก่คนเลวี == |
||
ในการกำหนดงานแก่คน[[เผ่าเลวี|เลวี]]นั้น ได้แบ่งออกเป็นหน้าที่ตามวงศ์ (ชื่อบุตรชายของเลวี) ได้แก่วงศ์วานเกอร์โชน วงศ์วานโคอาท และวงศ์วานเมรารี โดยมีการกำหนดหน้าที่แตกต่างกัน โดยทรงกำหนดอายุของผู้เข้าปฏิบัติงานของคน[[เผ่าเลวี]] คือ ชายหนุ่มที่มีอายุตั้งแต่ 30-50 ปี<ref> |
ในการกำหนดงานแก่คน[[เผ่าเลวี|เลวี]]นั้น ได้แบ่งออกเป็นหน้าที่ตามวงศ์ (ชื่อบุตรชายของเลวี) ได้แก่วงศ์วานเกอร์โชน วงศ์วานโคอาท และวงศ์วานเมรารี โดยมีการกำหนดหน้าที่แตกต่างกัน โดยทรงกำหนดอายุของผู้เข้าปฏิบัติงานของคน[[เผ่าเลวี]] คือ ชายหนุ่มที่มีอายุตั้งแต่ 30-50 ปี<ref>หนังสือกันดารวิถี บทที่ 4 ข้อที่ 2, 30 และ 35 และหนังสือกันดารวิถีบทที่ 8 ข้อที่ 23-26</ref> โดยวงศ์วาน[[เผ่าเลวี]]มีดังนี้ |
||
* วงศ์วานเกอร์โชน มีจำนวนผู้ชายอายุ 1 เดือนขึ้นไปจำนวน 7,500 คน ต้องตั้งค่ายอยู่ข้างหลังพลับพลาด้านทิศตะวันตก โดยมีหน้าที่รับผิดชอบงานในพลับพลา ได้แก่ งาน[[พลับพลา]] งานเต็นท์ พร้อมเครื่อง |
* วงศ์วานเกอร์โชน มีจำนวนผู้ชายอายุ 1 เดือนขึ้นไปจำนวน 7,500 คน ต้องตั้งค่ายอยู่ข้างหลังพลับพลาด้านทิศตะวันตก โดยมีหน้าที่รับผิดชอบงานในพลับพลา ได้แก่ งาน[[พลับพลา]] งานเต็นท์ พร้อมเครื่องเต็นต์ แท่นบูชา และสิ่งของทั้งปวงที่เกี่ยวข้องกับสิ่งเหล่านี้ <ref>หนังสือกันดารวิถี บทที่ 3 ข้อที่ 21-26</ref> |
||
* วงศ์วานโคอาท มีจำนวนผู้ชายอายุ 1 เดือนขึ้นไปจำนวน 8,600 คน ต้องตั้งค่ายอยู่ทางใต้ของ[[พลับพลา]] มีหน้าที่ดูแล[[พลับพลา|หีบพระโอวาท]] [[พลับพลา|โต๊ะขนมปัง]] [[พลับพลา|คันประทีป]] แท่นบูชาทั้งสอง และเครื่องใช้สถานนมัสการซึ่งปุโรหิตใช้งาน และม่าน <ref> |
* วงศ์วานโคอาท มีจำนวนผู้ชายอายุ 1 เดือนขึ้นไปจำนวน 8,600 คน ต้องตั้งค่ายอยู่ทางใต้ของ[[พลับพลา]] มีหน้าที่ดูแล[[พลับพลา|หีบพระโอวาท]] [[พลับพลา|โต๊ะขนมปัง]] [[พลับพลา|คันประทีป]] แท่นบูชาทั้งสอง และเครื่องใช้สถานนมัสการซึ่งปุโรหิตใช้งาน และม่าน <ref>หนังสือกันดารวิถี บทที่ 3 ข้อที่ 27-32</ref> |
||
* วงศ์วานเมรารี มีจำนวนผู้ชายอายุ 1 เดือนขึ้นไปจำนวน 6,200 คน ต้องตั้งค่ายอยู่ด้านเหนือของพลับพลา มีหน้าที่ดูแลงานไม้กรอบพลับพลา ไม้กลอน ไม้เสา ฐานรองและเครื่องประกอบทั้งหมด เสารอบลานพลับพลา พร้อมกับฐานรองหลักหมุดและเชือกโยง <ref> |
* วงศ์วานเมรารี มีจำนวนผู้ชายอายุ 1 เดือนขึ้นไปจำนวน 6,200 คน ต้องตั้งค่ายอยู่ด้านเหนือของพลับพลา มีหน้าที่ดูแลงานไม้กรอบพลับพลา ไม้กลอน ไม้เสา ฐานรองและเครื่องประกอบทั้งหมด เสารอบลานพลับพลา พร้อมกับฐานรองหลักหมุดและเชือกโยง <ref>หนังสือกันดารวิถี บทที่ 3 ข้อที่ 33-37</ref> |
||
* บุคคลผู้ได้รับแต่งตั้งเป็น[[ปุโรหิต]] ได้แก่ [[โมเสส]] [[อาโรน]] และบุตรทั้งสองของอาโรน ตั้งค่ายอยู่ด้านหน้าของ |
* บุคคลผู้ได้รับแต่งตั้งเป็น[[ปุโรหิต]] ได้แก่ [[โมเสส]] [[อาโรน]] และบุตรทั้งสองของอาโรน ตั้งค่ายอยู่ด้านหน้าของเต็นต์นัดพบ ด้านทิศตะวันออก มีหน้าที่ดูแลพิธีการภายในสถานนมัสการ<ref>หนังสือกันดารวิถี บทที่ 3 ข้อที่ 38-39</ref> และเมื่อเคลื่อนย้ายค่าย ปุโรหิตมีหน้าที่นำผ้าม่านมาห่อหุ้มบรรดาหีบพระโอวาท แท่นบูชา โต๊ะขนมปัง คันประทีป และสิ่งของทั้งสิ้นในพลับพลาตามที่พระเจ้าบัญชาไว้ แล้วจึงให้วงศ์วานโคอาทเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ต่อ แต่ห้ามมิให้คนโคอาทเข้ามาห่อหุ้มสิ่งของต่าง ๆ <ref>หนังสือกันดารวิถี บทที่ 4 ข้อที่ 1-15</ref> |
||
นอกจากนี้ พระเจ้ายังทรงมีพระบัญญัติต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่อง และเป็นงานที่ปุโรหิตต้องชำระให้คนอิสราเอลอีกหลายประการ เช่น กฎหมายเรื่องการคืนของ<ref> |
นอกจากนี้ พระเจ้ายังทรงมีพระบัญญัติต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่อง และเป็นงานที่ปุโรหิตต้องชำระให้คนอิสราเอลอีกหลายประการ เช่น กฎหมายเรื่องการคืนของ<ref>หนังสือกันดารวิถี บทที่ 5 ข้อที่ 5-10</ref> กฎหมายเรื่องความหึงหวง<ref>หนังสือกันดารวิถี บทที่ 5 ข้อที่ 11-31</ref> กฎหมายของพวกนาศีร์<ref>หนังสือกันดารวิถี บทที่ 6</ref> พระบัญญัติว่าด้วยเครื่องบูชา<ref>หนังสือกันดารวิถีบทที่ 7</ref> พระบัญญัติว่าด้วยสิ่งของที่จัดสรรให้แก่ปุโรหิตและคนเผ่าเลวี<ref>หนังสือกันดารวิถี บทที่ 18</ref> พระบัญญัติว่าด้วยการชำระผู้ที่มีมลทิน<ref>หนังสือกันดารวิถี บทที่ 19</ref> และพระบัญญัติว่าด้วยการถวายบูชาในโอกาสต่าง ๆ<ref>หนังสือกันดารวิถี บทที่ 28-29</ref> |
||
== การเคลื่อนพลออกจากภูเขาซีนาย == |
== การเคลื่อนพลออกจากภูเขาซีนาย == |
||
ในการเคลื่อนพลออกจาก[[ภูเขาซีนาย]] [[อิสราเอล]]ได้ออกเดินทางเป็นลำดับตามที่พระเจ้าทรงตรัสสั่งโมเสสได้ดังนี้ ต้นขบวนนำโดย[[เผ่ายูดาห์]] [[เผ่าอิสสาคาร์]] [[เผ่าเศบูลุน]] และตามด้วยวงศ์วานเกอร์โชน และวงศ์วานเมรารี ตามลำดับ ต่อด้วย[[เผ่ารูเบน]] [[เผ่าสิเมโอน]] [[เผ่ากาด]] และตามด้วยวงศ์วานโคอาทตามลำดับ และปิดขบวนด้วย [[เผ่าเอฟราอิม]] [[เผ่ามนัสเสห์]] [[เผ่าเบนยามิน]] [[เผ่าดาน]] [[เผ่าอาเชอร์]] และ[[เผ่านัฟทาลี]]เป็นลำดับสุดท้าย |
ในการเคลื่อนพลออกจาก[[ภูเขาซีนาย]] [[อิสราเอล]]ได้ออกเดินทางเป็นลำดับตามที่พระเจ้าทรงตรัสสั่งโมเสสได้ดังนี้ ต้นขบวนนำโดย[[เผ่ายูดาห์]] [[เผ่าอิสสาคาร์]] [[เผ่าเศบูลุน]] และตามด้วยวงศ์วานเกอร์โชน และวงศ์วานเมรารี ตามลำดับ ต่อด้วย[[เผ่ารูเบน]] [[เผ่าสิเมโอน]] [[เผ่ากาด]] และตามด้วยวงศ์วานโคอาทตามลำดับ และปิดขบวนด้วย [[เผ่าเอฟราอิม]] [[เผ่ามนัสเสห์]] [[เผ่าเบนยามิน]] [[เผ่าดาน]] [[เผ่าอาเชอร์]] และ[[เผ่านัฟทาลี]]เป็นลำดับสุดท้าย |
||
เมื่อเคลื่อนพลไปนั้น มีอุปสรรคระหว่างการเดินทาง เนื่องด้วยคนจำนวนมาก พระเจ้าจึงทรงให้โมเสสตั้งพวกผู้ใหญ่ 70 คน ช่วยโมเสสในบรรเทางานของโมเสสลง<ref> |
เมื่อเคลื่อนพลไปนั้น มีอุปสรรคระหว่างการเดินทาง เนื่องด้วยคนจำนวนมาก พระเจ้าจึงทรงให้โมเสสตั้งพวกผู้ใหญ่ 70 คน ช่วยโมเสสในบรรเทางานของโมเสสลง<ref>หนังสือกันดารวิถี บทที่ 11</ref> และครั้นเมื่ออิสราเอลเบื่อมานา พระเจ้าก็ทรงประทานนกคุ่มให้พวกเขา แต่เมื่อใดที่อิสราเอลโอดครวญ หรือกระทำการอันไม่เหมาะสม ก็จะได้รับการลงโทษจากพระเจ้าตามขนาดของเขา |
||
== การสอดแนมแผ่นดินคานาอัน == |
== การสอดแนมแผ่นดินคานาอัน == |
||
บรรทัด 90: | บรรทัด 90: | ||
เมื่อทั้ง 12 นั้นกลับมาจากการสอดแนม ได้กล่าวร้ายต่อแผ่นดินนั้น โดยแจ้งว่า ถึงแม้แผ่นดินนั้นจะอุดมสมบูรณ์ แต่ผู้คนโหดร้าย กำแพงเมืองก็เข้มแข็ง ยกเว้น โยชูวา และคาเลบ ที่กล่าวให้อิสราเอลเข้ายึดครองแผ่นดินนั้น แต่คนอิสราเอลนั้นเชื่อผู้สอดแนมอีก 10 คน และไม่ยอมเดินทางเข้าแผ่นดินคานาอัน เป็นเหตุให้พระเจ้าทรงพิโรธเป็นอย่างมาก จึงทรงตรัสว่า จะให้คนอิสราเอลที่อายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไปนั้นเสียชีวิตใน[[ทะเลทราย]] และอิสราเอลต้องใช้ชีวิตอยู่ในทะเลทรายเป็นเวลา 40 ปี เท่าจำนวนวันที่ผู้สอดแนมได้ใช้เวลาในแผ่นดินคานาอัน<ref> |
เมื่อทั้ง 12 นั้นกลับมาจากการสอดแนม ได้กล่าวร้ายต่อแผ่นดินนั้น โดยแจ้งว่า ถึงแม้แผ่นดินนั้นจะอุดมสมบูรณ์ แต่ผู้คนโหดร้าย กำแพงเมืองก็เข้มแข็ง ยกเว้น โยชูวา และคาเลบ ที่กล่าวให้อิสราเอลเข้ายึดครองแผ่นดินนั้น แต่คนอิสราเอลนั้นเชื่อผู้สอดแนมอีก 10 คน และไม่ยอมเดินทางเข้าแผ่นดินคานาอัน เป็นเหตุให้พระเจ้าทรงพิโรธเป็นอย่างมาก จึงทรงตรัสว่า จะให้คนอิสราเอลที่อายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไปนั้นเสียชีวิตใน[[ทะเลทราย]] และอิสราเอลต้องใช้ชีวิตอยู่ในทะเลทรายเป็นเวลา 40 ปี เท่าจำนวนวันที่ผู้สอดแนมได้ใช้เวลาในแผ่นดินคานาอัน<ref>หนังสือกันดารวิถี บทที่ 14 ข้อที่ 20-35</ref> |
||
== การเดินทางในถิ่นทุรกันดาร == |
== การเดินทางในถิ่นทุรกันดาร == |
||
บรรทัด 97: | บรรทัด 97: | ||
=== กบฎโคราห์ === |
=== กบฎโคราห์ === |
||
โคราห์ ซึ่งเป็นเผ่าเลวี ได้ตั้งตนเป็นกบฎต่อโมเสส และได้ชักจูงให้[[เผ่าเลวี]]และอิสราเอลบางส่วนติดตามเขา เนื่องจากไม่พอใจที่โมเสส และอาโรนได้รั้งตำแหน่ง[[ปุโรหิต]]ไว้ [[โมเสส]]จึงให้พระเจ้าทรงเป็นผ่านเลือกว่าจะให้ใครเป็นผู้นำ โดยให้นำเครื่องหอมไปถวายต่อพระพักตร์พระเจ้าในสถานนมัสการ เมื่อโคราห์และพวกได้เข้าไปถวายเครื่องหอมบูชาแล้วเดินกลับออกมานอกพลับพลานั้น แผ่นดินก็ดูดคนเหล่านั้น รวมทั้งครอบครัว และข้าวของทั้งหมดของพวกเขาด้วย แต่ในครั้งนั้นอิสราเอลได้กล่าวว่า โมเสสได้พรากชีวิตของคนเหล่านั้น พระเจ้าจึงทรงได้ลงโทษคนอิสราเอล จนกระทั่งโมเสสได้ทูลขอต่อพระเจ้า และทำการถวายเครื่องบูชาลบมลทินให้ การลงทัณฑ์จึงได้ยุติลง แต่ในครั้งนั้นอิสราเอลได้เสียชีวิตไปด้วยเหตุการณ์นี้กบฏโคราห์นี้มากถึง 14,700 ตน<ref> |
โคราห์ ซึ่งเป็นเผ่าเลวี ได้ตั้งตนเป็นกบฎต่อโมเสส และได้ชักจูงให้[[เผ่าเลวี]]และอิสราเอลบางส่วนติดตามเขา เนื่องจากไม่พอใจที่โมเสส และอาโรนได้รั้งตำแหน่ง[[ปุโรหิต]]ไว้ [[โมเสส]]จึงให้พระเจ้าทรงเป็นผ่านเลือกว่าจะให้ใครเป็นผู้นำ โดยให้นำเครื่องหอมไปถวายต่อพระพักตร์พระเจ้าในสถานนมัสการ เมื่อโคราห์และพวกได้เข้าไปถวายเครื่องหอมบูชาแล้วเดินกลับออกมานอกพลับพลานั้น แผ่นดินก็ดูดคนเหล่านั้น รวมทั้งครอบครัว และข้าวของทั้งหมดของพวกเขาด้วย แต่ในครั้งนั้นอิสราเอลได้กล่าวว่า โมเสสได้พรากชีวิตของคนเหล่านั้น พระเจ้าจึงทรงได้ลงโทษคนอิสราเอล จนกระทั่งโมเสสได้ทูลขอต่อพระเจ้า และทำการถวายเครื่องบูชาลบมลทินให้ การลงทัณฑ์จึงได้ยุติลง แต่ในครั้งนั้นอิสราเอลได้เสียชีวิตไปด้วยเหตุการณ์นี้กบฏโคราห์นี้มากถึง 14,700 ตน<ref>หนังสือกันดารวิถี บทที่ 16</ref> |
||
=== ไม้เท้าของอาโรน === |
=== ไม้เท้าของอาโรน === |
||
จากเหตุการณ์กบฎโคราห์ พระเจ้าจึงทรงบัญชาให้โมเสสนำไม้เท้าของบรรดาหัวหน้าเผ่าทั้งหมดของอิสราเอล และไม้เท้าของอาโรนสลักชื่อ และนำเข้าไปในพลับพลา และทรงตรัสว่า จะทรงสำแดงให้เห็นว่าใครคือคนที่พระองค์ทรงเลือก เมื่อนำไม้เท้าของบรรดาหัวหน้าเผ่าเข้าไปได้ 1 วัน โมเสสจึงได้นำไม้เท้าเหล่านั้นออกมา ปรากฏว่า มีเพียงไม้เท้าของอาโรนเท่านั้น ที่ออกดอกและผลอัลมันด์ อิสราเอลจึงได้ทราบถึงบุคคลที่พระเจ้าทรงเลือกไว้<ref> |
จากเหตุการณ์กบฎโคราห์ พระเจ้าจึงทรงบัญชาให้โมเสสนำไม้เท้าของบรรดาหัวหน้าเผ่าทั้งหมดของอิสราเอล และไม้เท้าของอาโรนสลักชื่อ และนำเข้าไปในพลับพลา และทรงตรัสว่า จะทรงสำแดงให้เห็นว่าใครคือคนที่พระองค์ทรงเลือก เมื่อนำไม้เท้าของบรรดาหัวหน้าเผ่าเข้าไปได้ 1 วัน โมเสสจึงได้นำไม้เท้าเหล่านั้นออกมา ปรากฏว่า มีเพียงไม้เท้าของอาโรนเท่านั้น ที่ออกดอกและผลอัลมันด์ อิสราเอลจึงได้ทราบถึงบุคคลที่พระเจ้าทรงเลือกไว้<ref>หนังสือกันดารวิถี บทที่ 17</ref> |
||
=== ได้น้ำจากหิน === |
=== ได้น้ำจากหิน === |
||
เมื่ออิสราเอลเดินทางเข้าถิ่นทุรกันดารสีน เกิดการขาดน้ำและชุมชนอิสราเอลได้บ่นต่อว่าทั้งโมเสส และต่อว่าพระเจ้าต่าง ๆ นานา โมเสสได้เข้าไปทูลขอน้ำจากพระเจ้าและพระองค์ตรัสสั่งให้โมเสส บอกให้น้ำไหลออกมาจากหิน แต่เมื่อโมเสสและอาโรนได้อยู่ต่อหน้าประชาชน โทสะได้ครอบงำท่านไว้ จึงได้ใช้ไม้เท้าตีหิน น้ำจึงออกมาจากหินนั้น ด้วยเหตุการณ์ที่โมเสส และอาโรน มิได้กระทำตามที่พระเจ้าบอก ทั้งสองจึงไม่ได้รับสิทธิเข้าไปในแผ่นดินคานาอัน<ref> |
เมื่ออิสราเอลเดินทางเข้าถิ่นทุรกันดารสีน เกิดการขาดน้ำและชุมชนอิสราเอลได้บ่นต่อว่าทั้งโมเสส และต่อว่าพระเจ้าต่าง ๆ นานา โมเสสได้เข้าไปทูลขอน้ำจากพระเจ้าและพระองค์ตรัสสั่งให้โมเสส บอกให้น้ำไหลออกมาจากหิน แต่เมื่อโมเสสและอาโรนได้อยู่ต่อหน้าประชาชน โทสะได้ครอบงำท่านไว้ จึงได้ใช้ไม้เท้าตีหิน น้ำจึงออกมาจากหินนั้น ด้วยเหตุการณ์ที่โมเสส และอาโรน มิได้กระทำตามที่พระเจ้าบอก ทั้งสองจึงไม่ได้รับสิทธิเข้าไปในแผ่นดินคานาอัน<ref>หนังสือกันดารวิถี บทที่ 20</ref> |
||
=== มรณกรรมของมีเรียน |
=== มรณกรรมของมีเรียนและอาโรน === |
||
ภายหลังจากเหตุการณ์การสอดแนมที่คานาอัน เมื่ออิสราเอลเดินทางเข้าถิ่นทุรกันดารสีน มีเรียม พี่สาวของโมเสสก็ได้เสียชีวิตลง และภายหลังเหตุการณ์ได้น้ำจากหิน เมื่ออิสราเอลเดินทางถึงภูเขาโฮร์ อาโรน ก็ได้เสียชีวิตลงที่นั่น โดยก่อนเสียชีวิต พระเจ้าทรงตรัสสั่งให้ โมเสส นำ อาโรน และเอเลอาซาร์ บุตรชายของอาโรนขึ้นไปบนภูเขา และได้ให้อาโรนทำการมอบเครื่องแต่งกายปุโรหิตให้แก่เอเลอาซาร์ แล้วท่านจึงสิ้นใจบนภูเขานั้น<ref> |
ภายหลังจากเหตุการณ์การสอดแนมที่คานาอัน เมื่ออิสราเอลเดินทางเข้าถิ่นทุรกันดารสีน มีเรียม พี่สาวของโมเสสก็ได้เสียชีวิตลง และภายหลังเหตุการณ์ได้น้ำจากหิน เมื่ออิสราเอลเดินทางถึงภูเขาโฮร์ อาโรน ก็ได้เสียชีวิตลงที่นั่น โดยก่อนเสียชีวิต พระเจ้าทรงตรัสสั่งให้ โมเสส นำ อาโรน และเอเลอาซาร์ บุตรชายของอาโรนขึ้นไปบนภูเขา และได้ให้อาโรนทำการมอบเครื่องแต่งกายปุโรหิตให้แก่เอเลอาซาร์ แล้วท่านจึงสิ้นใจบนภูเขานั้น<ref>หนังสือกันดารวิถี บทที่ 20</ref> |
||
[[ไฟล์:Gustav Jaeger Bileam Engel.jpg|thumb|ภาพกษัตริย์บาลาอัม |
[[ไฟล์:Gustav Jaeger Bileam Engel.jpg|thumb|ภาพกษัตริย์บาลาอัมตามหนังสือกันดารวิถี บทที่ 23 วาดโดย เจเกอร์ ไบเลียม เองเจล]] |
||
=== บาลาค และบาลาอัม === |
=== บาลาค และบาลาอัม === |
||
บรรทัด 118: | บรรทัด 118: | ||
เมื่อคนอิสราเอลตั้งค่ายอยู่ใกล้คนโมอับนั้น บาลาค กษัตริย์ของคนโมอับเกรงว่าอิสราเอลจะเข้ามายึดครอง จึงได้เชิญ บาลาอัม มาทำพิธีสาปแช่งแก่อิสราเอล ฝ่ายบาลาอัมนั้น ได้เดินทางมายังบริเวณค่าย แต่ยังไม่ได้เข้าไปในเมืองโมอับนั้น พระเจ้าทรงตรัสแก่ บาลาอัม ว่า"...''เจ้าจงอย่าแช่งชนชาตินั้น เพราะเขาทั้งหลายเป็นคนที่ได้รับพร''..." แล้วบาลาอัมจึงแจ้งแก่บาลาคว่า ไม่สามารถกระทำการนั้นได้ เนื่องจากพระเจ้าทรงอยู่ข้างอิสราเอล และบาลาคก็ได้มาเชิญ บาลาอัม อีก เป็นครั้งที่สอง แต่บาลาอัมได้ปฏิเสธ และกล่าวว่า "...''แม้บาลาคจะให้เงินและทองเต็มบ้านเต็มเรือนของท่านแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะกระทำอะไรนอกเหนือจากพระบัญชาพระเยโฮวาห์ พระเจ้าของข้าพเจ้าไม่ได้''..." แต่ต่อมาพระเจ้าทรงใช้ให้บาลาอัมเดินทางไปหาบาลาคได้เฉพาะเมื่อมีคนมาเรียกให้ไป แต่บาลาอัมไม่ได้รอใหผู้มาเรียก ก็เดินทางไป พระเจ้าจึงทรงให้ทูตของพระองค์มาขวางทางเดินของลานั้น และพระเจ้าทรงเปิดปากลาให้พูดเพื่อเตือนสติบาลาอัม |
เมื่อคนอิสราเอลตั้งค่ายอยู่ใกล้คนโมอับนั้น บาลาค กษัตริย์ของคนโมอับเกรงว่าอิสราเอลจะเข้ามายึดครอง จึงได้เชิญ บาลาอัม มาทำพิธีสาปแช่งแก่อิสราเอล ฝ่ายบาลาอัมนั้น ได้เดินทางมายังบริเวณค่าย แต่ยังไม่ได้เข้าไปในเมืองโมอับนั้น พระเจ้าทรงตรัสแก่ บาลาอัม ว่า"...''เจ้าจงอย่าแช่งชนชาตินั้น เพราะเขาทั้งหลายเป็นคนที่ได้รับพร''..." แล้วบาลาอัมจึงแจ้งแก่บาลาคว่า ไม่สามารถกระทำการนั้นได้ เนื่องจากพระเจ้าทรงอยู่ข้างอิสราเอล และบาลาคก็ได้มาเชิญ บาลาอัม อีก เป็นครั้งที่สอง แต่บาลาอัมได้ปฏิเสธ และกล่าวว่า "...''แม้บาลาคจะให้เงินและทองเต็มบ้านเต็มเรือนของท่านแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะกระทำอะไรนอกเหนือจากพระบัญชาพระเยโฮวาห์ พระเจ้าของข้าพเจ้าไม่ได้''..." แต่ต่อมาพระเจ้าทรงใช้ให้บาลาอัมเดินทางไปหาบาลาคได้เฉพาะเมื่อมีคนมาเรียกให้ไป แต่บาลาอัมไม่ได้รอใหผู้มาเรียก ก็เดินทางไป พระเจ้าจึงทรงให้ทูตของพระองค์มาขวางทางเดินของลานั้น และพระเจ้าทรงเปิดปากลาให้พูดเพื่อเตือนสติบาลาอัม |
||
ครั้นแล้วพระเจ้าทรงให้บาลาอัมเดินทางไปหาบาลาค แต่ให้บาลาอัมกระทำเฉพาะในสิ่งที่พระเจ้าทรงบัญชาเท่านั้น เมื่อไปถึง บาลาคได้นำบาลาอัมไปยังเขตแดนเพื่อให้บาลาอัมสาปแช่งอิสราเอล แต่บาลาอัมกลับอวยพรให้แก่อิสราเอลว่า "...''ใครจะนับเผ่าพันธุ์ของยาโคบที่มากอย่างผงคลีดินนั้นได้ หรือนับหนึ่งในสี่ของอิสราเอลได้''..." บาลาคได้ย้ายจุดเพื่อให้บาลาอัมสาปแช่งอีก 2 ที่ แต่บาลาอัม ก็อวยพรแก่อิสราเอลทั้ง 3 ครั้ง ท่านกล่าวว่า "...''ข้าพเจ้ากระทำอะไรนอกเหนือพระบัญชาพระเจ้าไม่ได้...พระเจ้าตรัสประการใด ข้าพเจ้าก็พูดอย่างนั้น.''.." แล้วบาลาอัมก็ลากลับไปยังเมืองของท่าน <ref> |
ครั้นแล้วพระเจ้าทรงให้บาลาอัมเดินทางไปหาบาลาค แต่ให้บาลาอัมกระทำเฉพาะในสิ่งที่พระเจ้าทรงบัญชาเท่านั้น เมื่อไปถึง บาลาคได้นำบาลาอัมไปยังเขตแดนเพื่อให้บาลาอัมสาปแช่งอิสราเอล แต่บาลาอัมกลับอวยพรให้แก่อิสราเอลว่า "...''ใครจะนับเผ่าพันธุ์ของยาโคบที่มากอย่างผงคลีดินนั้นได้ หรือนับหนึ่งในสี่ของอิสราเอลได้''..." บาลาคได้ย้ายจุดเพื่อให้บาลาอัมสาปแช่งอีก 2 ที่ แต่บาลาอัม ก็อวยพรแก่อิสราเอลทั้ง 3 ครั้ง ท่านกล่าวว่า "...''ข้าพเจ้ากระทำอะไรนอกเหนือพระบัญชาพระเจ้าไม่ได้...พระเจ้าตรัสประการใด ข้าพเจ้าก็พูดอย่างนั้น.''.." แล้วบาลาอัมก็ลากลับไปยังเมืองของท่าน <ref>หนังสือกันดารวิถี บทที่ 21-24</ref> |
||
== การแบ่งดินแดนคานาอัน == |
== การแบ่งดินแดนคานาอัน == |
||
เมื่อครบกำหนดเวลา 40 ปีที่[[อิสราเอล]]ใช้ชีวิตอยู่ใน[[ทะเลทราย]] เพื่อชดใช้ความบาปของชนรุ่นก่อน พระเจ้าทรงระลึกถึงอิสราเอล และได้ให้[[โมเสส]]ได้ดำเนินการเพื่อการเดินทางเข้าแผ่นดิน[[คานาอัน]]ต่อไป โดยได้จัดสรรแผ่นดินคานาอันให้แก่เผ่าต่าง ๆ ของอิสราเอล และการมอบอำนาจการบริหารต่าง ๆ ให้แก่คนรุ่นต่อไป |
เมื่อครบกำหนดเวลา 40 ปีที่[[อิสราเอล]]ใช้ชีวิตอยู่ใน[[ทะเลทราย]] เพื่อชดใช้ความบาปของชนรุ่นก่อน พระเจ้าทรงระลึกถึงอิสราเอล และได้ให้[[โมเสส]]ได้ดำเนินการเพื่อการเดินทางเข้าแผ่นดิน[[คานาอัน]]ต่อไป โดยได้จัดสรรแผ่นดินคานาอันให้แก่เผ่าต่าง ๆ ของอิสราเอล และการมอบอำนาจการบริหารต่าง ๆ ให้แก่คนรุ่นต่อไป |
||
[[ไฟล์:1759 map Holy Land and 12 Tribes.jpg|thumb|แผ่นดินคานาอัน |
[[ไฟล์:1759 map Holy Land and 12 Tribes.jpg|thumb|แผ่นดินคานาอันและการแบ่งดินแดนตามเผ่าทั้งสิบสอง]] |
||
=== การนับประชากรที่โมอับ === |
=== การนับประชากรที่โมอับ === |
||
ก่อนถึงเวลาที่[[อิสราเอล]]จะได้แบ่งดินแดน[[คานาอัน]] เพื่อจะเข้ายึดครองตามพันธสัญญาที่[[ |
ก่อนถึงเวลาที่[[อิสราเอล]]จะได้แบ่งดินแดน[[คานาอัน]] เพื่อจะเข้ายึดครองตามพันธสัญญาที่[[พระยาห์เวห์]]ทรงประทานให้นั้น พระเจ้าทรงให้[[โมเสส]]ทำ[[สำมะโนประชากร]]อีกครั้ง ณ แผ่นดินโมอับนั่นเอง ซึ่งการสำมะโนประชากรในครั้งนี้ มีจำนวนประชากรชายที่มีอายุมากกว่า 20 ปีขึ้นไป เป็นจำนวน 601,730 คน แบ่งออกตามเผ่าต่าง ๆ ได้ดังนี้ |
||
* [[เผ่ารูเบน]] จำวน 43,730 คน ''(เทียบกับการสำมะโนครัวครั้งก่อน 46,500 คน)'' |
* [[เผ่ารูเบน]] จำวน 43,730 คน ''(เทียบกับการสำมะโนครัวครั้งก่อน 46,500 คน)'' |
||
* [[เผ่าสิเมโอน]] จำนวน 22,200 คน ''(เทียบกับการสำมะโนครัวครั้งก่อน 59,300 คน)'' |
* [[เผ่าสิเมโอน]] จำนวน 22,200 คน ''(เทียบกับการสำมะโนครัวครั้งก่อน 59,300 คน)'' |
||
บรรทัด 154: | บรรทัด 154: | ||
== ดูเพิ่ม == |
== ดูเพิ่ม == |
||
* พันธสัญญาเดิม |
* พันธสัญญาเดิม |
||
** [[ |
** [[หนังสืออพยพ]] |
||
* บุคคล |
* บุคคล |
||
** [[โมเสส]] |
** [[โมเสส]] |
||
บรรทัด 165: | บรรทัด 165: | ||
{{รายการอ้างอิง|2}} |
{{รายการอ้างอิง|2}} |
||
{{เริ่มอ้างอิง}} |
{{เริ่มอ้างอิง}} |
||
* [http:// |
* [http://www.thaicatholicbible.com/main/ พระคัมภีร์ออนไลน์] |
||
{{จบอ้างอิง}} |
{{จบอ้างอิง}} |
||
บรรทัด 173: | บรรทัด 173: | ||
{{เรียงลำดับ|กันดารวิถี}} |
{{เรียงลำดับ|กันดารวิถี}} |
||
[[หมวดหมู่:โตราห์]] |
[[หมวดหมู่:โตราห์]] |
||
[[หมวดหมู่:พันธสัญญาเดิม]] |
|||
{{โครงศาสนาคริสต์}} |
|||
[[af:Numeri]] |
[[af:Numeri]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 14:16, 30 สิงหาคม 2555
ส่วนหนึ่งของ |
ศาสนาคริสต์ |
---|
สถานีย่อย |
หนังสือกันดารวิถี[1] (อังกฤษ: Book of Numbers) เป็นหนังสือเล่มที่ 4 ในเบญจบรรณ เนื้อหาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของวงศ์วานอิสราเอลที่ต่อเนื่องมาจากหนังสืออพยพ หนังสือกันดารวิถีแปลมาจากคัมภีร์ฮีบรู (ฮีบรู: ba-midbar (במדבר) ซึ่งแปลว่า "ในถิ่นทุรกันดาร..." ซึ่งเป็นคำแรกของคัมภีร์ฉบับนี้ แต่ในภาษาอังกฤษ ใช้ชือว่า The Book of Numbers เนื่องจากหนังสือเล่มนี้ได้กล่าวถึงการทำสำมะโนประชากรอิสราเอลถึงสองครั้ง ที่ภูเขาซีนาย และที่โมอับ ในขณะที่ภาษาไทยใช้ชื่อว่า "หนังสือกันดารวิถี" เนื่องจากหนังสือเล่มนี้กล่าวถึงพงศาวดารของอิสราเอลช่วงที่ต้องใช้ชีวิตในถิ่นทุรกันดาร (ทะเลทราย) เป็นเวลา 40 ปี ก่อนจะได้เข้าสู่แผ่นดินคานาอัน
เนื้อหาในหนังสือกันดารวิถีนี้ จะแบ่งส่วนสำคัญออกได้เป็น ส่วน
- การนับอิสราเอลที่ภูเขาซีนาย (บทที่ 1-2)
- การกำหนดงานให้แก่คนเลวี และพระบัญญัติเรื่องการถวายบูชา (บทที่ 3-9 บทที่ 17-19 บทที่ 28-30)
- ออกเดินทางจากภูเขาซีนาย (บทที่ 10-12)
- การสอดแนมแผ่นดินคานาอัน (บทที่ 13-16)
- การเดินทางในถิ่นทุรกันดาร (บทที่ 20-25 บทที่ 27 บทที่ 31)
- การแบ่งดินแดนอิสราเอล และการแต่งตั้งโยชูวา (บทที่ 32-36)
การนับอิสราเอลที่ภูเขาซีนาย
จากหนังสืออพยพ เมื่อโมเสสได้รับพระบัญญัติของพระเจ้า ณ ภูเขาซีนายนั้น พระเจ้าทรงให้โมเสสตั้งประมุขแห่งเผ่าทั้ง 12 ของอิสราเอลขึ้น และทำสำมะโนครัวประชากรอิสราเอลที่มีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป โดยนับได้จำนวนทั้งสิ้น 603,550 คน แบ่งเป็น
- เผ่ารูเบน จำวน 46,500 คน
- เผ่าสิเมโอน จำนวน 59,300 คน
- เผ่ากาด จำนวน 45,650 คน
- เผ่ายูดาห์ จำนวน 74,600 คน
- เผ่าอิสสาคาร์ จำนวน 54,400 คน
- เผ่าเศบูลุน จำนวน 57,400 คน
- พงศ์พันธุ์โยเซฟ
- เผ่าเอฟราอิม จำนวน 45,000 คน
- เผ่ามนัสเสห์ จำนวน 32,200 คน
- เผ่าเบนยามิน จำนวน 35,400 คน
- เผ่าดาน จำนวน 62,700 คน
- เผ่าอาเชอร์ จำนวน 41,500 คน
- เผ่านัฟทาลี จำนวน 53,400 คน
ในการสำมะโนประชากรครั้งนั้น ไม่ได้นับรวมเผ่าเลวีเข้าไปด้วย เนื่องจากพระเจ้าทรงกำหนดงานพิเศษให้แก่ชนเผ่าเลวีโดยเฉพาะ โดยมีหน้าที่ตั้งไว้สำหรับพลับพลาของพระเจ้า มีหน้าที่ขนพลับพลา ตั้งเต็นท์อยู่รอบพลับพลา รื้อพลับพลา และตั้งพลับพลา
การกำหนดงานแก่คนเลวี
ในการกำหนดงานแก่คนเลวีนั้น ได้แบ่งออกเป็นหน้าที่ตามวงศ์ (ชื่อบุตรชายของเลวี) ได้แก่วงศ์วานเกอร์โชน วงศ์วานโคอาท และวงศ์วานเมรารี โดยมีการกำหนดหน้าที่แตกต่างกัน โดยทรงกำหนดอายุของผู้เข้าปฏิบัติงานของคนเผ่าเลวี คือ ชายหนุ่มที่มีอายุตั้งแต่ 30-50 ปี[2] โดยวงศ์วานเผ่าเลวีมีดังนี้
- วงศ์วานเกอร์โชน มีจำนวนผู้ชายอายุ 1 เดือนขึ้นไปจำนวน 7,500 คน ต้องตั้งค่ายอยู่ข้างหลังพลับพลาด้านทิศตะวันตก โดยมีหน้าที่รับผิดชอบงานในพลับพลา ได้แก่ งานพลับพลา งานเต็นท์ พร้อมเครื่องเต็นต์ แท่นบูชา และสิ่งของทั้งปวงที่เกี่ยวข้องกับสิ่งเหล่านี้ [3]
- วงศ์วานโคอาท มีจำนวนผู้ชายอายุ 1 เดือนขึ้นไปจำนวน 8,600 คน ต้องตั้งค่ายอยู่ทางใต้ของพลับพลา มีหน้าที่ดูแลหีบพระโอวาท โต๊ะขนมปัง คันประทีป แท่นบูชาทั้งสอง และเครื่องใช้สถานนมัสการซึ่งปุโรหิตใช้งาน และม่าน [4]
- วงศ์วานเมรารี มีจำนวนผู้ชายอายุ 1 เดือนขึ้นไปจำนวน 6,200 คน ต้องตั้งค่ายอยู่ด้านเหนือของพลับพลา มีหน้าที่ดูแลงานไม้กรอบพลับพลา ไม้กลอน ไม้เสา ฐานรองและเครื่องประกอบทั้งหมด เสารอบลานพลับพลา พร้อมกับฐานรองหลักหมุดและเชือกโยง [5]
- บุคคลผู้ได้รับแต่งตั้งเป็นปุโรหิต ได้แก่ โมเสส อาโรน และบุตรทั้งสองของอาโรน ตั้งค่ายอยู่ด้านหน้าของเต็นต์นัดพบ ด้านทิศตะวันออก มีหน้าที่ดูแลพิธีการภายในสถานนมัสการ[6] และเมื่อเคลื่อนย้ายค่าย ปุโรหิตมีหน้าที่นำผ้าม่านมาห่อหุ้มบรรดาหีบพระโอวาท แท่นบูชา โต๊ะขนมปัง คันประทีป และสิ่งของทั้งสิ้นในพลับพลาตามที่พระเจ้าบัญชาไว้ แล้วจึงให้วงศ์วานโคอาทเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ต่อ แต่ห้ามมิให้คนโคอาทเข้ามาห่อหุ้มสิ่งของต่าง ๆ [7]
นอกจากนี้ พระเจ้ายังทรงมีพระบัญญัติต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่อง และเป็นงานที่ปุโรหิตต้องชำระให้คนอิสราเอลอีกหลายประการ เช่น กฎหมายเรื่องการคืนของ[8] กฎหมายเรื่องความหึงหวง[9] กฎหมายของพวกนาศีร์[10] พระบัญญัติว่าด้วยเครื่องบูชา[11] พระบัญญัติว่าด้วยสิ่งของที่จัดสรรให้แก่ปุโรหิตและคนเผ่าเลวี[12] พระบัญญัติว่าด้วยการชำระผู้ที่มีมลทิน[13] และพระบัญญัติว่าด้วยการถวายบูชาในโอกาสต่าง ๆ[14]
การเคลื่อนพลออกจากภูเขาซีนาย
ในการเคลื่อนพลออกจากภูเขาซีนาย อิสราเอลได้ออกเดินทางเป็นลำดับตามที่พระเจ้าทรงตรัสสั่งโมเสสได้ดังนี้ ต้นขบวนนำโดยเผ่ายูดาห์ เผ่าอิสสาคาร์ เผ่าเศบูลุน และตามด้วยวงศ์วานเกอร์โชน และวงศ์วานเมรารี ตามลำดับ ต่อด้วยเผ่ารูเบน เผ่าสิเมโอน เผ่ากาด และตามด้วยวงศ์วานโคอาทตามลำดับ และปิดขบวนด้วย เผ่าเอฟราอิม เผ่ามนัสเสห์ เผ่าเบนยามิน เผ่าดาน เผ่าอาเชอร์ และเผ่านัฟทาลีเป็นลำดับสุดท้าย
เมื่อเคลื่อนพลไปนั้น มีอุปสรรคระหว่างการเดินทาง เนื่องด้วยคนจำนวนมาก พระเจ้าจึงทรงให้โมเสสตั้งพวกผู้ใหญ่ 70 คน ช่วยโมเสสในบรรเทางานของโมเสสลง[15] และครั้นเมื่ออิสราเอลเบื่อมานา พระเจ้าก็ทรงประทานนกคุ่มให้พวกเขา แต่เมื่อใดที่อิสราเอลโอดครวญ หรือกระทำการอันไม่เหมาะสม ก็จะได้รับการลงโทษจากพระเจ้าตามขนาดของเขา
การสอดแนมแผ่นดินคานาอัน
ครั้นเมื่อเดินทางใกล้ถึงแผ่นดินคานาอัน แผ่นดินพระสัญญาของพระเจ้า โมเสสได้ส่งผู้สอดแนมซึ่งเป็นตัวแทนของแต่ละเผ่า เพื่อตรวจดูแผ่นดิน และผู้คนในแผ่นดินนั้นว่าเป็นอย่างไร บรรดาผู้สอดแนมใช้เวลาเดินทาง 40 วัน จึงได้กลับมายังค่ายและเล่าเรื่องแผ่นดิน และคนในแผ่นดินนั้นให้อิสราเอลฟัง ต่อไปนี้คือ ชื่อของผู้สอดแนมทั้ง 12 คน
รายชื่อผู้สอดแนมทั้ง 12 คน | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เผ่ารูเบน | ชัมมุวา | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เผ่าสิเมโอน | ชาฟัท | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เผ่ายูดาห์ | คาเลบ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เผ่าอิสสาคาร์ | อิกาล | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เผ่าเอฟราอิม | โฮเชยา | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เผ่าเบนยามิน | ปัลที | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เผ่าเศบูลุน | กัดเดียล | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เผ่ามนัสเสห์ | กัดดี | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เผ่าดาน | อัมมีเอล | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เผ่าอาเชอร์ | เสธูร์ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เผ่านัฟทาลี | นาบี | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เผ่ากาด | เกอูเอล |
เมื่อทั้ง 12 นั้นกลับมาจากการสอดแนม ได้กล่าวร้ายต่อแผ่นดินนั้น โดยแจ้งว่า ถึงแม้แผ่นดินนั้นจะอุดมสมบูรณ์ แต่ผู้คนโหดร้าย กำแพงเมืองก็เข้มแข็ง ยกเว้น โยชูวา และคาเลบ ที่กล่าวให้อิสราเอลเข้ายึดครองแผ่นดินนั้น แต่คนอิสราเอลนั้นเชื่อผู้สอดแนมอีก 10 คน และไม่ยอมเดินทางเข้าแผ่นดินคานาอัน เป็นเหตุให้พระเจ้าทรงพิโรธเป็นอย่างมาก จึงทรงตรัสว่า จะให้คนอิสราเอลที่อายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไปนั้นเสียชีวิตในทะเลทราย และอิสราเอลต้องใช้ชีวิตอยู่ในทะเลทรายเป็นเวลา 40 ปี เท่าจำนวนวันที่ผู้สอดแนมได้ใช้เวลาในแผ่นดินคานาอัน[16]
การเดินทางในถิ่นทุรกันดาร
การเดินทางของอิสราเอลในถิ่นทุรกันดาร หรือ ทะเลทรายนี้ กินเวลา 40 ปี ซึ่งตลอดระยะเวลาดังกล่าวมีเหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้น แต่ในที่นี้จะนำเฉพาะเหตุการณ์ที่น่าสนใจมาสรุป ดังนี้
กบฎโคราห์
โคราห์ ซึ่งเป็นเผ่าเลวี ได้ตั้งตนเป็นกบฎต่อโมเสส และได้ชักจูงให้เผ่าเลวีและอิสราเอลบางส่วนติดตามเขา เนื่องจากไม่พอใจที่โมเสส และอาโรนได้รั้งตำแหน่งปุโรหิตไว้ โมเสสจึงให้พระเจ้าทรงเป็นผ่านเลือกว่าจะให้ใครเป็นผู้นำ โดยให้นำเครื่องหอมไปถวายต่อพระพักตร์พระเจ้าในสถานนมัสการ เมื่อโคราห์และพวกได้เข้าไปถวายเครื่องหอมบูชาแล้วเดินกลับออกมานอกพลับพลานั้น แผ่นดินก็ดูดคนเหล่านั้น รวมทั้งครอบครัว และข้าวของทั้งหมดของพวกเขาด้วย แต่ในครั้งนั้นอิสราเอลได้กล่าวว่า โมเสสได้พรากชีวิตของคนเหล่านั้น พระเจ้าจึงทรงได้ลงโทษคนอิสราเอล จนกระทั่งโมเสสได้ทูลขอต่อพระเจ้า และทำการถวายเครื่องบูชาลบมลทินให้ การลงทัณฑ์จึงได้ยุติลง แต่ในครั้งนั้นอิสราเอลได้เสียชีวิตไปด้วยเหตุการณ์นี้กบฏโคราห์นี้มากถึง 14,700 ตน[17]
ไม้เท้าของอาโรน
จากเหตุการณ์กบฎโคราห์ พระเจ้าจึงทรงบัญชาให้โมเสสนำไม้เท้าของบรรดาหัวหน้าเผ่าทั้งหมดของอิสราเอล และไม้เท้าของอาโรนสลักชื่อ และนำเข้าไปในพลับพลา และทรงตรัสว่า จะทรงสำแดงให้เห็นว่าใครคือคนที่พระองค์ทรงเลือก เมื่อนำไม้เท้าของบรรดาหัวหน้าเผ่าเข้าไปได้ 1 วัน โมเสสจึงได้นำไม้เท้าเหล่านั้นออกมา ปรากฏว่า มีเพียงไม้เท้าของอาโรนเท่านั้น ที่ออกดอกและผลอัลมันด์ อิสราเอลจึงได้ทราบถึงบุคคลที่พระเจ้าทรงเลือกไว้[18]
ได้น้ำจากหิน
เมื่ออิสราเอลเดินทางเข้าถิ่นทุรกันดารสีน เกิดการขาดน้ำและชุมชนอิสราเอลได้บ่นต่อว่าทั้งโมเสส และต่อว่าพระเจ้าต่าง ๆ นานา โมเสสได้เข้าไปทูลขอน้ำจากพระเจ้าและพระองค์ตรัสสั่งให้โมเสส บอกให้น้ำไหลออกมาจากหิน แต่เมื่อโมเสสและอาโรนได้อยู่ต่อหน้าประชาชน โทสะได้ครอบงำท่านไว้ จึงได้ใช้ไม้เท้าตีหิน น้ำจึงออกมาจากหินนั้น ด้วยเหตุการณ์ที่โมเสส และอาโรน มิได้กระทำตามที่พระเจ้าบอก ทั้งสองจึงไม่ได้รับสิทธิเข้าไปในแผ่นดินคานาอัน[19]
มรณกรรมของมีเรียนและอาโรน
ภายหลังจากเหตุการณ์การสอดแนมที่คานาอัน เมื่ออิสราเอลเดินทางเข้าถิ่นทุรกันดารสีน มีเรียม พี่สาวของโมเสสก็ได้เสียชีวิตลง และภายหลังเหตุการณ์ได้น้ำจากหิน เมื่ออิสราเอลเดินทางถึงภูเขาโฮร์ อาโรน ก็ได้เสียชีวิตลงที่นั่น โดยก่อนเสียชีวิต พระเจ้าทรงตรัสสั่งให้ โมเสส นำ อาโรน และเอเลอาซาร์ บุตรชายของอาโรนขึ้นไปบนภูเขา และได้ให้อาโรนทำการมอบเครื่องแต่งกายปุโรหิตให้แก่เอเลอาซาร์ แล้วท่านจึงสิ้นใจบนภูเขานั้น[20]
บาลาค และบาลาอัม
เมื่อคนอิสราเอลตั้งค่ายอยู่ใกล้คนโมอับนั้น บาลาค กษัตริย์ของคนโมอับเกรงว่าอิสราเอลจะเข้ามายึดครอง จึงได้เชิญ บาลาอัม มาทำพิธีสาปแช่งแก่อิสราเอล ฝ่ายบาลาอัมนั้น ได้เดินทางมายังบริเวณค่าย แต่ยังไม่ได้เข้าไปในเมืองโมอับนั้น พระเจ้าทรงตรัสแก่ บาลาอัม ว่า"...เจ้าจงอย่าแช่งชนชาตินั้น เพราะเขาทั้งหลายเป็นคนที่ได้รับพร..." แล้วบาลาอัมจึงแจ้งแก่บาลาคว่า ไม่สามารถกระทำการนั้นได้ เนื่องจากพระเจ้าทรงอยู่ข้างอิสราเอล และบาลาคก็ได้มาเชิญ บาลาอัม อีก เป็นครั้งที่สอง แต่บาลาอัมได้ปฏิเสธ และกล่าวว่า "...แม้บาลาคจะให้เงินและทองเต็มบ้านเต็มเรือนของท่านแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะกระทำอะไรนอกเหนือจากพระบัญชาพระเยโฮวาห์ พระเจ้าของข้าพเจ้าไม่ได้..." แต่ต่อมาพระเจ้าทรงใช้ให้บาลาอัมเดินทางไปหาบาลาคได้เฉพาะเมื่อมีคนมาเรียกให้ไป แต่บาลาอัมไม่ได้รอใหผู้มาเรียก ก็เดินทางไป พระเจ้าจึงทรงให้ทูตของพระองค์มาขวางทางเดินของลานั้น และพระเจ้าทรงเปิดปากลาให้พูดเพื่อเตือนสติบาลาอัม
ครั้นแล้วพระเจ้าทรงให้บาลาอัมเดินทางไปหาบาลาค แต่ให้บาลาอัมกระทำเฉพาะในสิ่งที่พระเจ้าทรงบัญชาเท่านั้น เมื่อไปถึง บาลาคได้นำบาลาอัมไปยังเขตแดนเพื่อให้บาลาอัมสาปแช่งอิสราเอล แต่บาลาอัมกลับอวยพรให้แก่อิสราเอลว่า "...ใครจะนับเผ่าพันธุ์ของยาโคบที่มากอย่างผงคลีดินนั้นได้ หรือนับหนึ่งในสี่ของอิสราเอลได้..." บาลาคได้ย้ายจุดเพื่อให้บาลาอัมสาปแช่งอีก 2 ที่ แต่บาลาอัม ก็อวยพรแก่อิสราเอลทั้ง 3 ครั้ง ท่านกล่าวว่า "...ข้าพเจ้ากระทำอะไรนอกเหนือพระบัญชาพระเจ้าไม่ได้...พระเจ้าตรัสประการใด ข้าพเจ้าก็พูดอย่างนั้น..." แล้วบาลาอัมก็ลากลับไปยังเมืองของท่าน [21]
การแบ่งดินแดนคานาอัน
เมื่อครบกำหนดเวลา 40 ปีที่อิสราเอลใช้ชีวิตอยู่ในทะเลทราย เพื่อชดใช้ความบาปของชนรุ่นก่อน พระเจ้าทรงระลึกถึงอิสราเอล และได้ให้โมเสสได้ดำเนินการเพื่อการเดินทางเข้าแผ่นดินคานาอันต่อไป โดยได้จัดสรรแผ่นดินคานาอันให้แก่เผ่าต่าง ๆ ของอิสราเอล และการมอบอำนาจการบริหารต่าง ๆ ให้แก่คนรุ่นต่อไป
การนับประชากรที่โมอับ
ก่อนถึงเวลาที่อิสราเอลจะได้แบ่งดินแดนคานาอัน เพื่อจะเข้ายึดครองตามพันธสัญญาที่พระยาห์เวห์ทรงประทานให้นั้น พระเจ้าทรงให้โมเสสทำสำมะโนประชากรอีกครั้ง ณ แผ่นดินโมอับนั่นเอง ซึ่งการสำมะโนประชากรในครั้งนี้ มีจำนวนประชากรชายที่มีอายุมากกว่า 20 ปีขึ้นไป เป็นจำนวน 601,730 คน แบ่งออกตามเผ่าต่าง ๆ ได้ดังนี้
- เผ่ารูเบน จำวน 43,730 คน (เทียบกับการสำมะโนครัวครั้งก่อน 46,500 คน)
- เผ่าสิเมโอน จำนวน 22,200 คน (เทียบกับการสำมะโนครัวครั้งก่อน 59,300 คน)
- เผ่ากาด จำนวน 40,500 คน (เทียบกับการสำมะโนครัวครั้งก่อน 45,650 คน)
- เผ่ายูดาห์ จำนวน 76,500 คน (เทียบกับการสำมะโนครัวครั้งก่อน 74,600 คน)
- เผ่าอิสสาคาร์ จำนวน 64,300 คน (เทียบกับการสำมะโนครัวครั้งก่อน 54,400 คน)
- เผ่าเศบูลุน จำนวน 60,500 คน (เทียบกับการสำมะโนครัวครั้งก่อน 57,400 คน)
- พงศ์พันธุ์โยเซฟ
- เผ่าเอฟราอิม จำนวน 32,500 คน (เทียบกับการสำมะโนครัวครั้งก่อน 45,000 คน)
- เผ่ามนัสเสห์ จำนวน 52,700 คน (เทียบกับการสำมะโนครัวครั้งก่อน 32,200 คน)
- เผ่าเบนยามิน จำนวน 45,600 คน (เทียบกับการสำมะโนครัวครั้งก่อน 35,400 คน)
- เผ่าดาน จำนวน 64,400 คน (เทียบกับการสำมะโนครัวครั้งก่อน 62,700 คน)
- เผ่าอาเชอร์ จำนวน 53,400 คน (เทียบกับการสำมะโนครัวครั้งก่อน 41,500 คน)
- เผ่านัฟทาลี จำนวน 45,400 คน (เทียบกับการสำมะโนครัวครั้งก่อน 53,400 คน)
ส่วนเผ่าเลวีนั้น พระเจ้าทรงยกไว้ ไม่ได้มีส่วนในมรดกแห่งแผ่นดินคานาอันแก่เขา เนื่องจากเผ่าเลวีนั้นมีหน้าที่ต้องปฏิบัติงานในสถานนมัสการของพระเจ้า และรับส่วนแบ่งจากของถวายซึ่งพระเจ้าได้ทรงกำหนดไว้ ในครั้งนั้นจำนวนคนเลวีที่มีอายุตั้งแต่ 1 เดือนขึ้นไป มีจำนวน 23,000 คน
การจัดสรรแผ่นดินคานาอัน
พระเจ้าทรงบัญชาให้โมเสส ได้นำบรรดาหัวหน้าของแต่ละเผ่ามาเพื่อกำหนดเขตแดนแผ่นดินคานาอันที่จะให้อิสราเอลเข้ายึดครอง และให้จับฉลากแบ่งดินแดนกันตามเผ่า วงศ์วาน ตระกูลของแต่ละคน ทั้งนี้พระเจ้าทรงกำหนดเขตแดนของคานาอันดังนี้
- ทิศเหนือ จากภูเขาโฮร์ ถึงเมืองฮามัท สิ้นสุดที่ฮาซาเรนัน
- ทิศใต้ นับจากถิ่นทุรกันดารสีน ตามแนวด้านเอโดม ไปจนถึงทะเลเกลือ (ทะเลตาย)
- ทิศตะวันออก จากอาซาเรนันถึงเชฟาม ยาวลงมาถึงแม่น้ำจอร์แดน สุดทางลงทะเลเกลือ (ทะเลตาย)
- ทิศตะวันตก เป็นพื้นที่ติดทะเลใหญ่ (ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน)
ด้วยเขตแดนที่ปรากฏในพระคัมภีร์นี้ เป็นหลักฐานอ้างอิงให้อิสราเอลได้ขอพื้นที่ในส่วนนี้คืน ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อชาวยิว 7 คนได้สร้างประวัติศาสตร์ทำลายค่ายนาซีได้นั้น ชาวยิวได้นำหลักฐานนี้อ้างอิงในการขอพื้นที่เพื่อตั้งประเทศอิสราเอลขึ้น โดยได้รับการสนับสนุนจากฝ่ายพันธมิตร
ดูเพิ่ม
- พันธสัญญาเดิม
- บุคคล
- อื่นๆ
- พลับพลา
อ้างอิง
- ↑ หนังสือกันดารวิถี. คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรม แผนกพระคัมภีร์
- ↑ หนังสือกันดารวิถี บทที่ 4 ข้อที่ 2, 30 และ 35 และหนังสือกันดารวิถีบทที่ 8 ข้อที่ 23-26
- ↑ หนังสือกันดารวิถี บทที่ 3 ข้อที่ 21-26
- ↑ หนังสือกันดารวิถี บทที่ 3 ข้อที่ 27-32
- ↑ หนังสือกันดารวิถี บทที่ 3 ข้อที่ 33-37
- ↑ หนังสือกันดารวิถี บทที่ 3 ข้อที่ 38-39
- ↑ หนังสือกันดารวิถี บทที่ 4 ข้อที่ 1-15
- ↑ หนังสือกันดารวิถี บทที่ 5 ข้อที่ 5-10
- ↑ หนังสือกันดารวิถี บทที่ 5 ข้อที่ 11-31
- ↑ หนังสือกันดารวิถี บทที่ 6
- ↑ หนังสือกันดารวิถีบทที่ 7
- ↑ หนังสือกันดารวิถี บทที่ 18
- ↑ หนังสือกันดารวิถี บทที่ 19
- ↑ หนังสือกันดารวิถี บทที่ 28-29
- ↑ หนังสือกันดารวิถี บทที่ 11
- ↑ หนังสือกันดารวิถี บทที่ 14 ข้อที่ 20-35
- ↑ หนังสือกันดารวิถี บทที่ 16
- ↑ หนังสือกันดารวิถี บทที่ 17
- ↑ หนังสือกันดารวิถี บทที่ 20
- ↑ หนังสือกันดารวิถี บทที่ 20
- ↑ หนังสือกันดารวิถี บทที่ 21-24
บุตรของยาโคบ ตามชื่อภรรยา (ญ = บุตรสาว) (ตัวเลขในวงเล็บคือลำดับของการเกิด) | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เลอาห์ | รูเบน (Reuben) (1) | สิเมโอน (Simeon) (2) | เลวี (Levi) (3) | ดีนาห์ (Dinah) (ญ) | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ยูดาห์ (Judah) (4) | อิสสาคาร์ (Issachar) (9) | เศบูลุน (Zebulun) (10) | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ราเชล | โยเซฟ (Joseph) (11) | เบนยามิน (Benjamin) (12) | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เอฟราอิม บุตรโยเซฟ (11.1) | มนัสเสห์ บุตรโยเซฟ (11.2) | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
บิลลาห์ (สาวใช้นางราเชล) |
ดาน (Dan) (5) | นัฟทาลี (Naphtali) (6) | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ศิลปาห์ (สาวใช้นางเลอาห์) |
กาด (Gad) (7) | อาเชอร์ (Asher) (8) |