ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ภาษากงกัณ"
ล เคาะวรรค |
ล →ช่วงแรก: เคาะวรรค |
||
บรรทัด 123: | บรรทัด 123: | ||
ภาษากอนกานีเป็นภาษาหลักในกัว เริ่มแรกเขียนด้วย[[อักษรพราหมี]] ต่อมาจึงเขียนด้วยอักษรเทวนาครี ใช้ในทางศาสนาและการค้ารวมทั้งในชีวิตประจำวัน |
ภาษากอนกานีเป็นภาษาหลักในกัว เริ่มแรกเขียนด้วย[[อักษรพราหมี]] ต่อมาจึงเขียนด้วยอักษรเทวนาครี ใช้ในทางศาสนาและการค้ารวมทั้งในชีวิตประจำวัน |
||
กลุ่มชน |
กลุ่มชนอื่น ๆ ที่ใช้ภาษากอนกานีสำเนียงต่าง ๆ ได้แก่ชาวกอนกานมุสลิมในเขตรัตนกาลีและภัตกัล ซึ่งมีลักษณะของ[[ภาษาอาหรับ]]เข้ามาปนมาก ชนอีกกลุ่มหนึ่งที่ใช้ภาษากอนกานีคือชาวสิททิสซึ่งมาจาก[[เอธิโอเปีย]]<ref>[http://www.kamat.com/kalranga/people/siddi.htm People of India - Siddis<!-- Bot generated title -->]</ref> |
||
=== การอพยพและการแยกเป็นส่วน === |
=== การอพยพและการแยกเป็นส่วน === |
||
การเข้ามาของ[[โปรตุเกส]]ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงมากในหมู่ของชาวกอนกานี ชาวกอนกานีบางส่วนเปลี่ยนไปนับถือ[[ศาสนาคริสต์]]และอิทธิพลทางศาสนาของโปรตุเกสทำให้ชาวกอนกานีบางส่วนอพยพออกไป การแบ่งแยกระหว่างชาวกอนกานีที่นับถือ[[ศาสนาฮินดู]]และคริสต์ทำให้ภาษากอนกานีแตกเป็นหลายสำเนียงยิ่งขึ้น |
การเข้ามาของ[[โปรตุเกส]]ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงมากในหมู่ของชาวกอนกานี ชาวกอนกานีบางส่วนเปลี่ยนไปนับถือ[[ศาสนาคริสต์]]และอิทธิพลทางศาสนาของโปรตุเกสทำให้ชาวกอนกานีบางส่วนอพยพออกไป การแบ่งแยกระหว่างชาวกอนกานีที่นับถือ[[ศาสนาฮินดู]]และคริสต์ทำให้ภาษากอนกานีแตกเป็นหลายสำเนียงยิ่งขึ้น |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 07:15, 26 เมษายน 2562
ภาษากงกณี | |
---|---|
कोंकणी Konknni ಕೊಂಕಣಿ കൊംകണീ koṃkaṇī | |
ประเทศที่มีการพูด | อินเดีย |
ภูมิภาค | กอนกาน |
จำนวนผู้พูด | 7.6 ล้านคน(ค่าประมาณ) (ไม่พบวันที่) |
ตระกูลภาษา | |
ระบบการเขียน | อักษรเทวนาครี(ทางการ), อักษรละติน, อักษรกันนาดา, อักษรมลยาฬัม และ อักษรอาหรับ |
รหัสภาษา | |
ISO 639-2 | kok |
ISO 639-3 | มีหลากหลาย:kok – ภาษากอนกานี (ทั่วไป)knn – ภาษากอนกานี (เฉพาะ)gom – ภาษากอนกานีถิ่นกัว |
ภาษากงกณี (อักษรเทวนาครี: कोंकणी ; อักษรกันนาดา:ಕೊಂಕಣಿ; อักษรมลยาฬัม:കൊംകണീ ; อักษรโรมัน: Konknni) เป็นภาษากลุ่มอินโด-อารยัน โดยมีคำศัพท์จากภาษาดราวิเดียนปนอยู่ด้วย ได้รับอิทธิพลจากภาษาอื่นหลายภาษา ทั้งภาษาโปรตุเกส ภาษากันนาดา ภาษามราฐี ภาษาเปอร์เซีย และภาษาอาหรับ มีผู้พูดประมาณ 7.6 ล้านคน [1] [2]แต่เดิมเชื่อกันว่าภาษานี้เป็นภาษาถิ่นของภาษามราฐี แต่หลักฐานที่พบภาษากอนกานีเกิดก่อนภาษามราฐีนานมาก จารึกภาษากอนกานีพบครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 1730 ขณะที่จารึกภาษามราฐีพบครั้งแรก เมื่อราว พ.ศ. 2100
ลักษณะ
ภาษากอนกานีเป็นภาษาที่มีความหลากหลายในด้านการเรียงประโยคและรูปลักษณ์ของภาษา ไม่อาจจำแนกได้ว่าเป็นภาษาที่ใช้การเน้นเสียงหรือเป็นภาษาที่มีวรรณยุกต์ [3] เป็นภาษาที่แยกเสียงสั้นยาวของสระเช่นเดียวกับภาษาในกลุ่มอินโด-อารยันอื่น ๆ พยางค์ที่มีสระเสียงยาวมักเป็นพยางค์ที่เน้น
ภาษากอนกานีมีสระพื้นฐาน 16 เสียง พยัญชนะ 36 เสียง เสียงกึ่งสระ 5 เสียง เสียงออกตามไรฟัน 3 เสียง เสียงระบายลม 1 เสียง และมีเสียงประสมจำนวนมาก ความแตกต่างของสระนาสิกเป็นลักษณะพิเศษของภาษากอนกานี
สระ
พยัญชนะ
Labial | Dental | Alveolar | Retroflex | Alveopalatal | Velar | Glottal | |
---|---|---|---|---|---|---|---|
ไม่ก้อง กัก |
p pʰ |
t̪ t̪ʰ |
ʈ ʈʰ |
cɕ cɕʰ |
k kʰ |
||
ก้อง กัก |
b bʰ |
d̪ d̪ʰ |
ɖ ɖʰ |
ɟʝ ɟʝʰ |
ɡ ɡʰ |
||
ไม่ก้อง เสียดแทรก |
s | ɕ | h | ||||
นาสิก | m mʰ |
n̪ n̪ʰ |
ɳ ɳʰ |
ɲ | ŋ | ||
เสียงเหลว | ʋ ʋʰ |
l ɾ lʰ ɾʰ |
ɭ ɽ | j |
ประวัติ
จุดเริ่มต้น
ภาษากอนกานีพัฒนาขึ้นในบริเวณกอนกานซึ่งเป็นฉนวนแผ่นดินแคบ ๆ ระหว่างเขตภูเขาสหยทริและทะเลอาหรับทางฝั่งตะวันตกของอินเดีย โดยเฉพาะในโคมันตัก (ปัจจุบันคือกัว) ทฤษฎีเกี่ยวกับกำเนิดของภาษากอนกานีมีสองแบบคือ
- ต้นกำเนิดของภาษากอนกานีคือกลุ่มพราหมณ์สรสวัต ผู้อยู่ตามฝั่งแม่น้ำสรวสวตีในอินเดียตะวันตกเฉียงเหนือเมื่อประมาณ 5,000 ปีมาแล้ว จากการเปลี่ยนแปลงของแม่น้ำเมื่อราว 1,357 ปีก่อนพุทธศักราช ทำให้มีการอพยพ กลุ่มผู้อพยพกลุ่มหนึ่งเข้ามาตั้งหลักแหล่งในบริเวณโคมันตัก คนกลุ่มนี้พูดภาษาปรากฤต (ภาษาเศารเสนี) ซึ่งต่อมาพัฒนาเป็นภาษากอนกานี[4]
- ภาษากอนกานีเป็นภาษาท้องถิ่นที่ใช้พูดในหมู่ชาวโกกนาซึ่งถูกทำให้เป็นสันสกฤต ชนกลุ่มนี้ปัจจุบันอยู่ในทางเหนือของรัฐมหาราษฏระและทางใต้ของรัฐคุชราตแต่อาจจะมีต้นกำเนิดมาจากเขตกอนกาน ผู้อพยพชาวอารยันที่เข้าสู่กอนกานนำภาษาของคนในท้องถิ่นมาใช้และเพิ่มศัพท์จากภาษาปรากฤตและภาษาสันสกฤตเข้าไป [5]
ช่วงแรก
ภาษากอนกานีเป็นภาษาหลักในกัว เริ่มแรกเขียนด้วยอักษรพราหมี ต่อมาจึงเขียนด้วยอักษรเทวนาครี ใช้ในทางศาสนาและการค้ารวมทั้งในชีวิตประจำวัน
กลุ่มชนอื่น ๆ ที่ใช้ภาษากอนกานีสำเนียงต่าง ๆ ได้แก่ชาวกอนกานมุสลิมในเขตรัตนกาลีและภัตกัล ซึ่งมีลักษณะของภาษาอาหรับเข้ามาปนมาก ชนอีกกลุ่มหนึ่งที่ใช้ภาษากอนกานีคือชาวสิททิสซึ่งมาจากเอธิโอเปีย[6]
การอพยพและการแยกเป็นส่วน
การเข้ามาของโปรตุเกสทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงมากในหมู่ของชาวกอนกานี ชาวกอนกานีบางส่วนเปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์และอิทธิพลทางศาสนาของโปรตุเกสทำให้ชาวกอนกานีบางส่วนอพยพออกไป การแบ่งแยกระหว่างชาวกอนกานีที่นับถือศาสนาฮินดูและคริสต์ทำให้ภาษากอนกานีแตกเป็นหลายสำเนียงยิ่งขึ้น
ภาษานี้แพร่ไปสู่เขตจนระหรือกรวลี (ชายฝั่งของการณตกะ) โกกัน-ปัตตะ (ชายฝั่งกอนกาน ส่วนของรัฐมหาราษฏระ) และรัฐเกราลาในช่วง 500 ปีหลัง การอพยพของชาวกอนกานีมีสาเหตุมาจากการปกครองกัวของโปรตุเกส
การอพยพของชาวคริสต์และฮินดูเกิดเป็น 3 ระลอก การอพยพครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2103 ซึ่งเป็นช่วงแรกที่โปรตุเกสเข้ามาปกครองกัว ครั้งที่ 2 เกิดเมื่อ พ.ศ. 2114 ในสงครามกับสุลต่านพิชปูร์ การอพยพครั้งที่ 3 เกิดขึ้นระหว่างสงครามในช่วง พ.ศ. 2226 - 2283 การอพยพในช่วงแรกเป็นผู้นับถือศาสนาฮินดู ส่วนสองครั้งหลัง ส่วนใหญ่เป็นชาวคริสต์
ภาษากอนกานีในกัวของโปรตุเกส
ในช่วงแรกของการเป็นอาณานิคมของโปรตุเกส มิชชันนารีให้ความสำคัญกับการแปลคัมภีร์ศาสนาคริสต์เป็นภาษาท้องถิ่นทั้งภาษากอนกานีและภาษามราฐีจนกระทั่ง พ.ศ. 2227 โปรตุเกสห้ามใช้ภาษาถิ่นในเขตปกครองของตน ซึ่งถือว่าเป็นภาษาสำหรับศาสนาฮินดู ให้ใช้ภาษาโปรตุเกสเป็นภาษาราชการแทน ทำให้การใช้ภาษากอนกานีลดลงและทำให้ภาษาโปรตุเกสมีอิทธิพลต่อภาษากอนกานีสำเนียงของชาวคริสต์มาก ส่วนชาวกอนกานีที่นับถือศาสนาฮินดูใช้ภาษามราฐีเป็นภาษาทางศาสนา และจากความสัมพันธ์ในอดีตระหว่างภาษากอนกานีและภาษามราฐี ทำให้ชาวกอนกานีส่วนใหญ่พูดภาษามราฐีเป็นภาษาที่สองและปัจจุบันเป็นภาษาที่ใช้ในชีวิตประจำวันของชาวฮินดูในกัวรวมทั้งชาวกอนกานีด้วย ชาวคริสต์ชั้นสูงใช้ภาษากอนกานีกับชนชั้นที่ต่ำกว่าและยากจน ส่วนในสังคมของตนใช้ภาษาโปรตุเกส
ผู้อพยพชาวกอนกานีนอกกัวยังคงใช้ภาษากอนกานีและภาษามีความแตกต่างกันมากยิ่งขึ้น มีการเขียนภาษากอนกานีด้วยอักษรเทวนาครีในรัฐมหาราษฏระ ในขณะที่ผู้พูดในรัฐกรนาฏกะเขียนด้วยอักษรกันนาดา
การฟื้นฟูภาษากอนกานี
สถานะของภาษากอนกานีจัดว่าน่าเป็นห่วง มีการใช้ภาษาโปรตุเกสเป็นภาษาราชการและภาษาทางสังคมในหมู่ชาวคริสต์ ในหมู่ชาวฮินดูนิยมใช้ภาษามราฐีมากกว่าและมีการแบ่งแยกระหว่างชาวคริสต์และชาวฮินดูมากขึ้น
ยุคหลังได้รับเอกราช
หลังจากอินเดียได้รับเอกราช กัวได้รวมเข้ากับอินเดียเมื่อ พ.ศ. 2504 ได้เกิดข้อโต้แย้งในกัวเกี่ยวกับสถานะของภาษากอนกานีในฐานะภาษาเอกเทศและอนาคตของกัวว่าจะรวมเข้ากับรัฐมหาราษฏระหรือเป็นรัฐต่างหากต่อไป บทสรุปปรากฏว่ากัวเลือกเป็นรัฐต่างหากใน พ.ศ. 2510 ส่วนในด้านภาษา ภาษาที่มีการใช้มากภายในรัฐได้แก่ ภาษาอังกฤษ ภาษาฮินดี ภาษามราฐี ส่วนภาษากอนกานียังไม่ได้รับการใส่ใจ
การกำหนดให้เป็นภาษาเอกเทศ
ในขณะที่มีความเชื่อว่าภาษากอนกานีเป็นสำเนียงของภาษามราฐีไม่ใช่ภาษาเอกเทศ สุนิต กุมาร จัตเตร์ชี ประธานคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาศาสตร์แห่งชาติได้จัดการประชุมทางวิชาการเกี่ยวกับข้อโต้แย้งนี้และได้บทสรุปเมื่อ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2518 ว่าภาษากอนกานีเป็นภาษาเอกเทศ [7]
สถานะการเป็นภาษาราชการ
กลุ่มผู้รักภาษากอนกานีได้เรียกร้องให้ภาษากอนกานีเป็นภาษาประจำรัฐกัวใน พ.ศ. 2529 ในที่สุดเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2530 รัฐกัวยอมรับให้ภาษากอนกานีเป็นภาษาราชการของรัฐ และได้รับการยอมรับให้เป็นภาษาประจำชาติของอินเดียเมื่อ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2535
ปัญหา
ภาษากอนกานีเป็นภาษาที่ใกล้ตายเพราะ
- การแตกแยกเป็นส่วนๆของภาษากอนกานี ทำให้ไม่มีสำเนียงกลางที่เข้าใจระหว่างกันได้
- การแพร่หลายของวัฒนธรรมตะวันตกในอินเดีย
- ชาวกอนกานีที่นับถือศาสนาฮินดูในกัวและบริเวณชายฝั่งของรัฐมหาราษฏระ ส่วนใหญ่ใช้ภาษามราฐีได้ด้วย
- ผู้นับถือศาสนาอิสลามหันไปใช้ภาษาอูรดู
- ปัญหาการติดต่อของชาวกอนกานีที่มีศาสนาต่างกัน และภาษากอนกานีไม่ได้เป็นภาษาสำคัญทางศาสนา ชาวกอนกานีมักติดต่อในกลุ่มที่นับถือศาสนาเดียวกันและหลีกเลี่ยงการติดต่อระหว่างกลุ่มที่มีศาสนาต่างกัน
- การอพยพของชาวกอนกานีไปยังบริเวณอื่นๆของอินเดียและทั่วโลก
- การขาดโอกาสที่จะเรียนภาษากอนกานีในโรงเรียน มีโรงเรียนที่สอนภาษากอนกานีไม่กี่แห่งในกัว ประชาชนที่อยู่นอกเขตที่ใช้ภาษากอนกานีไม่มีโอกาสได้เรียนภาษากอนกานีแม้ตะในแบบไม่เป็นทางการ
- ความนิยมของประชาชนที่นิยมพูดกับเด็กๆด้วยภาษาที่ใช้ทำมาหากิน ไม่ใช่ภาษาแม่ โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ภาษาอังกฤษของเด็กดีขึ้น
มีความพยายามที่จะฟื้นฟูภาษากอนกานีโดยเฉพาะความพยายามของเศนอย โคเอมพับ ที่พยายามสร้างความสนใจวรรณกรรมภาษากอนกานีขึ้นอีกครั้ง มีองค์ที่สนับสนุนการใช้ภาษากอนกานี เช่น กอนกาน ไทซ ยตระ ที่บริหารโดยมันเดล และองค์กรที่ใหม่กว่าอย่างเช่น วิศวะ กอนกานี ปาริศัด
การใช้หลายภาษา
จากการสำรวจในอินเดีย ผู้พูดภาษากอนกานีพูดได้หลายภาษา ใน พ.ศ. 2544 ค่าเฉลี่ยทั้งประเทศมีผู้ใช้สองภาษา 19.44% และใช้สามภาษา 7.26% ในขณะที่เฉพาะผู้พูดภาษากอนกานี มีผู้ใช้สองภาษา 74.2% และใช้สามภาษา 44.68% ทำให้ชุมชนของชาวกอนกานีเป็นชุมชนของผู้ใช้หลายภาษาในอินเดีย เหตุผลหนึ่งน่าจะมาจากการที่ขาดโรงเรียนที่สอนด้วยภาษากอนกานีเป็นภาษาแรกหรือภาษาที่สอง
การใช้หลายภาษาไม่ใช่สิ่งที่ผิดแต่เป็นการชี้ให้เห็นว่าภาษากอนกานีเป็นภาษาที่ไม่เกิดการพัฒนา ผู้พูดภาษากอนกานีที่ใช้ภาษามราฐีในกัวและมหราราษฏระเชื่อว่าภาษากอนกานีเป็นสำเนียงของภาษามราฐี
ข้อโต้แย้งระหว่างภาษากอนกานีและภาษามราฐี
มีการกล่าวอ้างมานานแล้วว่าภาษากอนกานีเป็นสำเนียงของภาษามราฐีและไม่ใช่ภาษาเอกเทศ ซึ่งมีเหตุผลหลายประการ ได้แก่ ความใกล้เคียงระหว่างภาษามราฐีและภาษากอนกานี ความใกล้เคียงทางภูมิศาสตร์ระหว่างกัวและมหาราษฏระ อิทธิพลอย่างชัดเจนของภาษามราฐีต่อภาษากอนกานีสำเนียงที่ใช้พูดในรัฐมหาราษฏระ การที่ภาษากอนกานีมีวรรณกรรมน้อยและชาวกอนกานีที่นับถือศาสนาฮินดูจะใช้ภาษามราฐีเป็นภาษาที่สอง ทำให้งานเขียนของ Jose Pereira ใน พ.ศ. 2514 กล่าวว่าภาษากอนกานีเป็นสำเนียงของภาษามราฐี งานเขียนของ S. M. Katre ใน พ.ศ. 2509 ได้ใช้การศึกษาทางประวัติศาสตร์สมัยใหม่และเปรียบเทียบสำเนียงของภาษากอนกานีหกสำเนียงได้สรุปว่าจุดกำเนิดของภาษากอนกานีต่างจากภาษามราฐี เศนอย โคเอมพับ ผู้มีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูภาษากอนกานี ได้ต่อต้านการใช้ภาษามราฐีในหมู่ชาวฮินดูและการใช้ภาษาโปรตุเกสในหมู่ของชาวคริสต์
การรวมของกัวเข้ากับอินเดียเมื่อ พ.ศ. 2504 เป็นเวลาที่รัฐในอินเดียมีการจัดตัวใหม่ตามเส้นแบ่งทางภาษา มีความต้องการที่จะรวมกัวเข้ากับรัฐมหาราษฏระเพราะในกัวมีผู้พูดภาษามราฐีจำนวนมาก และภาษากอนกานีถูกจัดให้เป็นสำเนียงของภาษามราฐี ดังนั้นสถานะของภาษากอนกานีในฐานะภาษาเอกเทศหรือเป็นสำเนียงของภาษามราฐีจึงเป็นหัวข้อทางการเมืองในการรวมรัฐกัวด้วย
องค์กรวิชาการสาหิตยะในอินเดียยอมรับภาษากอนกานีในฐานะภาษาเอกเทศเมื่อ พ.ศ. 2518 และภาษากอนกานีที่เขียนด้วยอักษรเทวนาครีได้เป็นภาษาราชการของกัวใน พ.ศ. 2530
การแพร่กระจาย
ภาษกอนกานีใช้พูดทั่วไปในเขตกอนกาน ซึ่งรวมถึง กัว ชายฝั่งตอนใต้ของรัฐมหาราษฏระ ชายฝั่งของรัฐการณาฏกะ และรัฐเกราลา แต่ละท้องถิ่นมีสำเนียงของตนเอง การแพร่กระจายของผู้พูดภาษานี้มีสาเหตุหลักจากการออพยพของชาวกัวเพื่อหลบหนีการปกครองของโปรตุเกส
ระบบการเขียน
ภาษากอนกานีเขียนด้วยอักษณหลายชนิด ทั้ง อักษรเทวนาครี อักษรโรมัน (เริ่มสมัยอาณานิคมของโปรตุเกส) อักษรกันนาดา ใช้ในเขตมันกาลอร์ และชายฝั่งของรัฐการณาฏกะ อักษรอาหรับในหมู่ผู้นับถือศาสนาอิสลามที่เรียกว่า ภัทกาลี ชนกลุ่มนี้หันมานับถือศาสนาอิสลามในสมัยสุลต่านทิบบู อยู่ในเขตรัฐการณาฏกะ มีผู้เขียนด้วยอักษรมลยาฬัมกลุ่มเล็กๆในเกราลา แต่ปัจจุบันเริ่มหันมาใช้อักษรเทวนาครีแทน
IPA | อักษรเทวนาครีปรับปรุง | อักษรเทวนาครีมาตรฐาน | อักษรละติน | อักษรกันนาดา | อักษรมลยาฬัม | อักษรอาหรับ |
---|---|---|---|---|---|---|
/ɵ/ | अ | अ | o | ಅ/ಒ | അ | ? |
/aː/ | आ | आ | a | ಆ | ആ | ? |
/i/ | इ | इ | i | ಇ | ഇ | ? |
/iː/ | ई | ई | i | ಈ | ഈ | ? |
/u/ | उ | उ | u | ಉ | ഉ | ? |
/uː/ | ऊ | ऊ | u | ಊ | ഊ | ? |
/e/ | ए | ए | e | ಎ | എ | ? |
/ɛ/ | ऍ | ए | e | ಎ | ഏ | ? |
æ | no symbol | ए | /e/ | ಎ or ಐ | ഐ | ? |
/ɵi/ | ऐ | ऐ | ai/oi | ಐ | ഐ | ? |
/o/ | ओ | ओ | o | ಒ | ഒ | ? |
/ɔ/ | ऑ | ओ | o | ಒ | ഓ | ? |
/ɵu/ | औ | ಔ | au/ou | ഔ | ? | |
/ⁿ/ | अं | अं | om/on | ಅಂ | അം | ? |
/k/ | क | क | k | ಕ್ | ക് | ک |
/kʰ/ | ख | ख | kh | ಖ್ | ഖ് | که |
/g/ | ग | ग | g | ಗ್ | ഗ് | ک |
/gʱ/ | घ | घ | gh | ಘ್ | ഘ് | گه |
/ŋ/ | ङ | ंग | ng | ಙ | ങ് | ڭ |
/ts/ | च़ | च़ | ch | ಚ್ | ത്സ് | څ |
/c/ | च | च | ch | ಚ್ | ച് | چ |
/cʰ/ | छ | छ | chh | ಛ್ | ഛ് | چه |
/z/ | ज़ | ज़ | z | ಜ | ? | ز |
/ɟ/ | ज | ज | j | ಜ್ | ജ് | ج |
/zʰ/ | झ़ | झ़ | zh | ಝ್ | ? | زه |
/ɟʱ/ | झ | झ | jh | ಝ್ | ഝ് | جه |
/ɲ/ | ञ | ञ | nh | ಞ | ഞ് | ڃ |
/ʈ/ | ट | ट | tt | ಟ್ | ട് | ټ |
/ʈʰ/ | ठ | ठ | tth | ಠ್ | ഠ് | ټه |
/ɖ/ | ड | ड | dd | ಡ್ | ഡ് | ډ |
/ɖʱ/ | ढ | ढ | ddh | ಢ್ | ഢ് | ډه |
/ɳ/ | ण | ण | nn | ಣ್ | ണ് | ڼ |
/t̪/ | त | त | t | ತ್ | ത് | ت |
/t̪ʰ/ | थ | थ | th | ಥ್ | ഥ് | ته |
/d̪/ | द | द | d | ದ್ | ദ് | د |
/d̪ʰ/ | ध | ध | dh | ಧ್ | ധ് | ده |
/n/ | न | न | n | ನ್ | ന് | ن |
/p/ | प | प | p | ಪ್ | പ് | پ |
/f/ | फ़ | फ | f | ಫ್ | ? | ف |
/b/ | ब | ब | b | ಬ್ | ബ് | ب |
/bʱ/ | भ | भ | bh | ಭ್ | ഭ് | به |
/m/ | म | म | m | ಮ್ | മ് | م |
/j/ | य | य | i/e/ie | ಯ್ | യ് | ې |
/ɾ/ | र | र | r | ರ್ | ര് | ر |
/l/ | ल | ल | l | ಲ್ | ല് | ل |
/ʃ/ | श | श | x | ಶ್ | ഷ് | ش |
/ʂ/ | ष | ष | x | ಷ್ | ശ് | ? |
/s/ | स | स | s | ಸ್ | സ് | س |
/ɦ/ | ह | ह | h | ಹ್ | ഹ് | ? |
/ɭ/ | ळ | ळ | ll | ಳ್ | ള് | ? |
/ʋ/ | व | व | v | ವ್ | വ് | ڤ |
การเขียนและหัวข้อเรื่องสำเนียง
ปัญหาทางด้านการใช้ระบบการเขียนหลายชนิดและสำเนียงที่ต่างกันกลายเป็นปัญหาสำคัญในการทำให้ภาษากอนกานีเป็นเอกภาพ การตัดสินใจให้ใช้อักษรเทวนาครีเป็นอักษรทางการและให้สำเนียงอันตรุซเป็นสำเนียงมาตรฐานทำให้มีข้อโต้แย้งตามมา สำเนียงอันตรุซเป็นสำเนียงที่ชาวกัวส่วนใหญ่ไม่เข้าใจและต่างจากภาษากอนกานีสำเนียงอื่น และอักษรเทวนาครีมีการใช้น้อยเมื่อเทียบกับอักษรโรมันในกัวและอักษรกันนาดาในบริเวณชายฝั่งของรัฐกรนาฏกะ ชาวคริสต์คาทอลิกในกัวได้ใช้อักษรโรมันในการเขียนงานวรรณกรรมและต้องการให้อักษรโรมันเป็นอักษรทางการเทียบเท่าอักษรเทวนาครี
ในกรนาฏกะที่มีผู้พูดภาษากอนกานีจำนวนมาก ได้มีการจัดกิจกรรมเพื่อรณรงค์ให้ใช้อักษรกันนาดาเขียนภาษากอนกานีในโรงเรียนท้องถิ่นแทนอักษรเทวนาครี ในปัจจุบันไม่มีอักษรชนิดใดหรือสำเนียงใดเป็นที่เข้าใจหรือได้รับการยอมรับจากทุกส่วน การที่ขาดสำเนียงที่เป็นกลางและเข้าใจกันได้ทั่วไป ทำให้ผู้พูดภาษากอนกานีต่างสำเนียงกันต้องสื่อสารกันด้วยภาษาอื่น
อ้างอิง
- ↑ http://www.ethnologue.com/show_language.asp?code=knn
- ↑ http://www.ethnologue.com/show_family.asp?subid=92010
- ↑ Caroline Menezes (The National Institute for Japanese language, Tokyo, Japan). "The question of Konkani?" (PDF). Project D2, Typology of Information Structure". สืบค้นเมื่อ 2008-02-10.
{{cite web}}
: CS1 maint: multiple names: authors list (ลิงก์) - ↑ Origins of the Konkani Language - Krishnanand Kamat
- ↑ Tracing the Roots of the Konkani Language - Dr. Nandkumar Kamat
- ↑ People of India - Siddis
- ↑ Sahitya Academy & Konkani Literature
แหล่งข้อมูลอื่น
- Konkani Sammelan: Biennial event in North America
- Learn GSB Konkani online
- Learn Mangalorean Konkani online
- Ethnologue report for Konkani
- The Origins of the Konkani Language
- Mother Tongue blues by Madhavi Sardesai
- List of Prominent Konkanis
- An excellent article on Konkani history and literature by Goa Konkani Academi
- Online Konkani (GSB) dictionary