ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ขุนวรวงศาธิราช"
เเก้ไข ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
พุทธามาตย์ (คุย | ส่วนร่วม) ย้อนการแก้ไขที่ 8255006 สร้างโดย 223.205.110.75 (พูดคุย) ป้ายระบุ: ทำกลับ |
||
บรรทัด 1: | บรรทัด 1: | ||
{{infobox royalty |
|||
{{กล่องข้อมูล เชื้อพระวงศ์ |
|||
| death_style = สำเร็จโทษ |
|||
| ภาพ = |
|||
| death_date = พ.ศ. 2091 |
|||
| พระบรมนามาภิไธย = บุญศรี |
|||
| succession = พระเจ้ากรุงศรีอยุธยา |
|||
| พระปรมาภิไธย =ขุนวรวงศาธิราช |
|||
⚫ | |||
| วันพระราชสมภพ = {{เทาเล็ก|ไม่ปรากฏ}} |
|||
⚫ | |||
| วันสวรรคต = [[พ.ศ. 2091]]<br>ถูกลอบปลงพระชนม์ |
|||
| rein = พ.ศ. 2091 (42 วัน) |
|||
| พระอิสริยยศ = [[พระมหากษัตริย์]]แห่ง[[อาณาจักรอยุธยา]] |
|||
| enthronement = พ.ศ. 2091 |
|||
⚫ | |||
| predecessor = [[สมเด็จพระยอดฟ้า]] |
|||
⚫ | |||
⚫ | |||
| ราชวงศ์ = |
|||
| ทรงราชย์ = [[พ.ศ. 2091]] |
|||
| พิธีบรมราชาภิเษก = |
|||
| ราชวงศ์ = เชื้อสายอู่ทอง |
|||
| ระยะเวลาครองราชย์ = 42 วัน |
|||
| รัชกาลก่อนหน้า = [[พระยอดฟ้า]] |
|||
⚫ | |||
}} |
}} |
||
'''ขุนวรวงศาธิราช''' เป็น[[พระมหากษัตริย์ไทย]]ในสมัย[[อาณาจักรอยุธยา]] นัก[[ประวัติศาสตร์ไทย]]บางท่านไม่นับว่าพระองค์เป็นพระมหากษัตริย์เพราะถือว่าเป็นกบฏสมคบกับ[[นางพระยาแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์]]แย่งชิงราชบัลลังก์จาก[[พระยอดฟ้า]] อย่างไรก็ตาม ในพงศาวดารได้ระบุว่าพระองค์ได้ผ่าน[[พิธีราชาภิเษก|พระราชพิธีบรมราชาภิเษก]]แล้ว |
'''ขุนวรวงศาธิราช''' เป็น[[พระมหากษัตริย์ไทย]]ในสมัย[[อาณาจักรอยุธยา]] นัก[[ประวัติศาสตร์ไทย]]บางท่านไม่นับว่าพระองค์เป็นพระมหากษัตริย์เพราะถือว่าเป็นกบฏสมคบกับ[[นางพระยาแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์]]แย่งชิงราชบัลลังก์จาก[[สมเด็จพระยอดฟ้า]] อย่างไรก็ตาม ในพงศาวดารได้ระบุว่าพระองค์ได้ผ่าน[[พิธีราชาภิเษก|พระราชพิธีบรมราชาภิเษก]]แล้ว |
||
== พระราชประวัติ == |
== พระราชประวัติ == |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 15:13, 1 พฤษภาคม 2562
ขุนวรวงศาธิราช | |
---|---|
พระเจ้ากรุงศรีอยุธยา | |
ราชาภิเษก | พ.ศ. 2091 |
ก่อนหน้า | สมเด็จพระยอดฟ้า |
ถัดไป | สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ |
สำเร็จโทษ | พ.ศ. 2091 |
คู่อภิเษก | นางพระยาแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์ |
พระราชบุตร | พระธิดาไม่ปรากฏพระนาม 1 พระองค์ |
ขุนวรวงศาธิราช เป็นพระมหากษัตริย์ไทยในสมัยอาณาจักรอยุธยา นักประวัติศาสตร์ไทยบางท่านไม่นับว่าพระองค์เป็นพระมหากษัตริย์เพราะถือว่าเป็นกบฏสมคบกับนางพระยาแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์แย่งชิงราชบัลลังก์จากสมเด็จพระยอดฟ้า อย่างไรก็ตาม ในพงศาวดารได้ระบุว่าพระองค์ได้ผ่านพระราชพิธีบรมราชาภิเษกแล้ว
พระราชประวัติ
ขุนวรวงศาธิราชเสด็จพระราชสมภพเมื่อวันจันทร์ ในตระกูลอำมาตย์ (หรือพราหมณ์[1]) พระนามเดิมว่า บุญศรี[2] เดิมมีตำแหน่งเป็น พันบุตรศรีเทพ ผู้เฝ้าหอพระข้างหน้า[3] มีหน้าที่เป็นผู้กระทำพิธีการต่าง ๆ (ในบันทึกของเจอเรมิส วันวลิต อธิบายในลักษณะว่าเหมือนหมอผี[1]) รวมถึงขับเสภากล่อมสมเด็จพระไชยราชาธิราช ให้บรรทมด้วย จึงสามารถเข้านอกออกในเขตพระราชฐานได้[1]
บางทฤษฎีเชื่อว่าพระองค์เป็นบุตรหรือมีเชื้อสายสืบทอดมาจากเจ้าเมืองศรีเทพอันเป็นเมืองลูกหลวงสมัยราชวงศ์อู่ทองครองกรุงศรีอยุธยา หรือสืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์อู่ทอง[1]
การพบกับนางพระยาแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์
วันหนึ่งในรัชสมัยพระยอดฟ้า นางพระยาแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์ซึ่งเป็นพระราชชนนีผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ได้เสด็จไปพระที่นั่งพิมานรัถยาหอพระข้างหน้า ทอดพระเนตรเห็นพันบุตรศรีเทพก็เกิดมีความรักใคร่ จึงสั่งให้สาวใช้เอาเมี่ยงหมากห่อผ้าไปพระราชทานให้ พันบุตรศรีเทพก็เข้าใจว่าพระนางมีใจรักจึงเอาดอกจำปาให้สาวใช้นำไปถวาย ท้าวศรีสุดาจันทร์ก็ยิ่งมีความกำหนัดในตัวพันบุตรศรีเทพ[3]
การเลื่อนบรรดาศักดิ์
ต่อมานางพระยาแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์ได้ให้พระยาราชภักดีเลื่อนพันบุตรศรีเทพเป็น ขุนชินราช (ในคำให้การชาวกรุงเก่าเรียกว่า ขุนเชียรราช) ผู้รักษาหอพระข้างใน ส่วนขุนชินราชคนเดิมให้ไปเป็นพันบุตรศรีเทพ จากนั้นขุนชินราชก็ลักลอบเป็นชู้กับท้าวศรีสุดาจันทร์เป็นเวลานาน[3]
ท้าวศรีสุดาจันทร์คิดจะแย่งชิงราชบัลลังก์ให้กับขุนชินราช จึงให้พระยาราชภักดีเลื่อนบรรดาศักดิ์ขุนชินราชเป็น ขุนวรวงศาธิราช เพื่อเป็นการเพิ่มอำนาจ นอกจากนั้นยังให้ปลูกจวนอยู่ริมศาลาสารบัญชีกับจวนสำหรับขุนวรวงศาธิราชว่าราชการอยู่ที่ประตูดินริมต้นหมัน ให้พิจารณาเลขสังกัดสมพรรค์ แล้วให้เตียงอันเป็นพระราชอาสน์ให้ขุนวรวงศาธิราชนั่งเพื่อให้ขุนนางทั้งหลายมีความยำเกรง
เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ พระยามหาเสนาได้พูดกับพระยาราชภักดีว่า"เมื่อแผ่นดินเป็นทุรยศฉะนี้ เราจะคิดประการใด" แม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์ทรงทราบจึงให้พระยามหาเสนามาเข้าเฝ้าที่ประตูดิน จนเวลาค่ำพระยามหาเสนากลับออกไป มีผู้มาแทงพระยามหาเสนาตาย ก่อนตายพระยามหาเสนากล่าวว่า "เมื่อเราเป็นดั่งนี้แล้ว ผู้อยู่ภายหลังจะเป็นประการใดเล่า"[3]
การขึ้นครองราชย์
แม่แบบ:พระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์สุพรรณภูมิ ในพ.ศ. 2091 นางพระยาแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์ทรงอ้างว่าพระยอดฟ้ายังทรงพระเยาว์ หัวเมืองฝ่ายเหนือก็ไม่เป็นปกติจึงปรึกษากับขุนนางว่าจะให้ขุนวรวงศาธิราชว่าราชการแผ่นดินจนกว่าพระยอดฟ้าจะทรงเจริญพระชนมายุ จึงทำพิธีราชาภิเษกขุนวรวงศาธิราชเป็นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาและสถาปนานายจัน น้องชายขุนวรวงศาธิราชอยู่บ้านมหาโลก ขึ้นเป็นพระมหาอุปราช[3]
เมื่อขุนวรวงศาธิราชได้ครองราชบัลลังก์ก็สมคบกับแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์นำพระยอดฟ้าไปสำเร็จโทษที่วัดโคกพระยา เมื่อวันอาทิตย์ ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 8 ตรงกับวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2091[4] ปีจอ จ.ศ. 910 (พระราชพงศาวดารฉบับพันจันทนุมาศว่าตรงกับปีฉลู พ.ศ. 2072[3]) ส่วนพระศรีศิลป์ พระราชโอรสพระองค์เล็กในสมเด็จพระไชยราชาธิราชที่ประสูติแต่ท้าวศรีสุดาจันทร์นั้นไม่ได้นำไปสำเร็จโทษแต่ให้เลี้ยงไว้
การล้มล้างราชบัลลังก์
การครองราชบัลลังก์ของขุนวรวงศาธิราชนั้น ไม่เป็นที่เห็นชอบของขุนนางในราชสำนักและพระญาติวงศ์บางส่วน เพราะขุนวรวงศาธิราชทรงขึ้นครองบัลลังก์โดยไม่ชอบธรรมจึงมีขุนนางบางคนรวมตัวกันเพื่อล้มล้างราชบัลลังก์ ได้แก่ ขุนพิเรนทรเทพ เจ้านายเชื้อสายราชวงศ์พระร่วง ขุนอินทรเทพ หมื่นราชเสน่หา (ในราชการ) และหลวงศรียศบ้านลานตากฟ้า
ทั้งสี่ร่วมกันวางแผนลอบปลงพระชนม์ จนโอกาสมาถึงเมื่อกรมการเมืองลพบุรีกราบทูลขุนวรวงศาธิราชว่า มีช้างเผือกเชือกหนึ่งที่ลพบุรี ขุนวรวงศาธิราชรับสั่งว่าจะไปจับแต่ต่อมาเปลี่ยนพระทัยให้กรมการเมืองลพบุรีไปจับแทน หลังจากนั้น 7 วันช้างเผือกเข้ามาทางวัดแม่นางปลื้มเข้าเพนียดวัดซองพระองค์จึงรับสั่งว่าหนนี้จะเสด็จไปจับเอง
ขุนพิเรนทรเทพสั่งให้หมื่นราชเสน่หา (นอกราชการ) ไปดักยิงอุปราชจันน้องขุนวรวงศาธิราชตายที่ท่าเสื่อระหว่างขี่ช้างไปเพนียด จากนั้น ขุนพิเรนทรเทพได้เรียกพระยาพิชัยกับพระยาสวรรคโลก ข้าราชการเมืองเหนือลงมาร่วมมือในการก่อการครั้งนี้ด้วย
ขุนวรวงศาธิราชประทับนั่งเรือพระที่นั่งไปกับแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์และพระธิดา (บางตำราว่าถูกสำเร็จโทษ) ที่เกิดด้วยกันและพระศรีศิลป์ ดังนั้น ขุนวรวงศาธิราชจึงทรงถูกลอบปลงพระชนม์ (บ้างก็ว่าถูกสำเร็จโทษ) ที่คลองสระบัว ข้างคลองปลาหมอโดยขุนพิเรนทรเทพกับสมัครพรรคพวก (ในบันทึกของเจอเรมิส วันวลิต บอกว่าถูกลอบยิงด้วยปืนที่ข้างประตูวัง) พร้อมท้าวศรีสุดาจันทร์และพระธิดา พระบรมศพนั้นถูกนำไปเสียบประจานไว้ที่วัดแร้ง[3] พระราชพงศาวดาร ฉบับพันจันทนุมาศว่าทรงครองราชย์ได้ 5 เดือน แต่คำให้การชาวกรุงเก่าว่า 2 ปี สวรรคตเมื่อพระชนมายุได้ 22 พรรษา[2]
พระราชกิจ
- ข้าราชการหัวเมืองเหนือทั้ง 7 มีความกระด้างกระเดื่องต่อขุนวรวงศาธิราช จึงให้สมุหนายกมีหมายเรียกข้าราชการหัวเมืองเหนือลงมาที่กรุงศรีอยุธยา
- เมื่อขุนวรวงศาธิราชได้เป็นพระเจ้าแผ่นดินแล้ว ก็ให้เอาพงศาวดารเก่า ๆ เผาไฟเสียบ้าง ด้วยเหตุนี้พงศาวดารเก่า ๆ จึงขาดเป็นตอน ๆ [2]
อ้างอิง
- ↑ 1.0 1.1 1.2 1.3 [1] เทปสนทนาเรื่อง กำเนิดอยุธยาและวาระสุดท้ายสุริโยทัย, "คุยกันจันทร์ถึงศุกร์ กับ วีระ ธีรภัทร" โดย วีระ ธีรภัทร และ ดร.สุเนตร ชุตินธรานนท์ ทางตรินิตี้เรดิโอ F.M. 97.00 Mhz
- ↑ 2.0 2.1 2.2 คำให้การชาวกรุงเก่า, พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) และเอกสารอื่น, นนทบุรี : ศรีปัญญา, 2553, หน้า 492-496
- ↑ 3.0 3.1 3.2 3.3 3.4 3.5 3.6 พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) , นนทบุรี : ศรีปัญญา, 2553, หน้า 64-7
- ↑ มูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา (2554). นามานุกรมพระมหากษัตริย์ไทย (PDF). กรุงเทพฯ: มูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา. p. 98.[ลิงก์เสีย]
ดูเพิ่ม
ก่อนหน้า | ขุนวรวงศาธิราช | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
พระยอดฟ้า ราชวงศ์สุพรรณภูมิ (พ.ศ. 2089 - พ.ศ. 2091) |
พระมหากษัตริย์แห่งอาณาจักรอยุธยา ((พ.ศ. 2091) (มิได้เทียบเทียมเท่ากษัตริย์องค์อื่น) ) |
สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ราชวงศ์สุพรรณภูมิ (พ.ศ. 2091 - พ.ศ. 2111) |