ดิอะเมซิ่งเรซ 18

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ดิอะเมซิ่งเรซ 18
โลโก้รายการ
ออกอากาศ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
8 พฤษภาคม พ.ศ. 2554
ระยะเวลาการถ่ายทำ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
12 ธันวาคม พ.ศ. 2553
จำนวนตอน 11
ผู้ชนะ คิชากับเจน
ทวีปที่ผ่าน 5
ประเทศที่ผ่าน 9
เมืองที่ผ่าน 23
ระยะทางการแข่งขัน 40,000 ไมล์
(64,372 กิโลเมตร)
จำนวนเลก 12
ซีซั่นก่อนหน้าและถัดไป
ก่อนหน้า ดิ อะเมซิ่ง เรซ 17
ถัดไป ดิ อะเมซิ่ง เรซ 19

ดิ อะเมซิ่ง เรซ 18 (อังกฤษ: The Amazing Race 18) เป็นฤดูกาลที่ 18 ของรายการ ดิ อะเมซิ่ง เรซ ซึ่งเป็นเกมโชว์ประเภทเรียลลิตี้โชว์ระดับรางวัลเอ็มมี 8 สมัยซ้อนทางโทรทัศน์ รายการนี้จะมีผู้เข้าแข่งขันเป็นทีมๆ ละ 2 คนซึ่งรู้จักกันมาก่อนแล้ว ทำการแข่งขันโดยเดินทางรอบโลก โดยทีมที่ชนะจะได้รับเงินรางวัล 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเกมส์โชว์ดังกล่าวเริ่มออกอากาศในสหรัฐอเมริกาทางสถานีโทรทัศน์ซีบีเอส ในฤดูกาลนี้ทำลักษณะแบบ ทีมรวมดารา โดยเอาทีมต่างๆ จากฤดูกาลที่ 12-17 มาแข่งขันกันใหม่ จากฤดูกาลที่ 11 ใช้ชื่อว่า The Amazing Race : All-Stars (ดิ อะเมซิ่ง เรซ รวมดารา) แต่ในฤดูกาลนี้จะใช้ชื่อว่า The Amazing Race : Unfinished Business (ดิ อะเมซิ่ง เรซ ธุรกิจนี้ยังสะสางไม่เสร็จ) ซึ่งซีบีเอสได้โปรโมทฤดูกาลนี้ทันที โดยอยู่ภายในตอนสุดท้ายของฤดูกาลที่ 17 เลยและรวมถึงฤดูกาลนี้เป็นฤดูกาลแรกที่จะถ่ายทำในระบบโทรทัศน์ความละเอียดสูงอีกด้วย แต่เป็นที่ทราบกันดีว่ารายการนี้ถ่ายทำยากมาก เนื่องจากช่างกล้องจะต้องวิ่งตามผู้เข้าแข่งขันตลอดและภาพบางภาพในรายการใช้การตัดต่อหรือดึงภาพจากแฟ้มข้อมูลที่เคยมีไว้มาตัดต่อลงไปทำให้อาจมีภาพแบบขนาดความละเอียดมาตรฐานปนอยู่บ้าง โดยทางผู้ผลิตได้กล่าววาจะจัดการปัญหาตรงจุดนี้ให้เหมาะสมอย่างสมดุลและออกอากาศในแบบโทรทัศน์ความละเอียดสูงอย่างแน่นอน

และจะมีการจัดฉลองการครบรอบ 10 ปีของรายการซึ่งในการจัดงานครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากเครื่องดื่มชาสแนปเปิล โดยจะทำการจัดงานวันที่ 8 พฤษภาคม 2554 (ตรงกับวันที่ 9 พฤษภาคม 2554 ของประเทศไทย) รวมถึงการออกอากาศตอนสุดท้ายของฤดูกาลนี้ในวันที่ 9 พฤษภาคม 2554 (ตรงกับวันที่ 10 พฤษภาคม 2554 ของประเทศไทย) ด้วยความยาว 2 ชั่วโมงเป็น 2 เลกสุดท้ายติดต่อกันเนื่องจากเคยมีการหยุดฉายไป 1 สัปดาห์ที่ทางสถานีได้ถ่ายทอดสด คันทรี มิวสิก อาวอร์ด

คู่พี่น้องจากฤดูกาลที่ 14 คิชากับเจน ซึ่งได้ลำดับที่ 4 ในฤดูกาลนั้น เป็นผู้ชนะการแข่งขันครั้งนี้ไปรวมถึงทั้งคู่ยังเป็นทีมหญิงล้วนคู่ที่สองที่ชนะรายการนี้อีกด้วย

การผลิต[แก้]

ดิ อะเมซิ่ง เรซ 18 ใช้เวลาถ่ายทำ 23 วันและจะเป็นฤดูกาลแรกของเวอร์ชันอเมริกาที่จะถ่ายทำและออกอากาศในระบบโทรทัศน์ความละเอียดสูง[1] ในขณะที่หลายๆ รายการในช่วงพรามไทม์ได้เปลี่ยนการออกอากาศเป็นโทรทัศน์ความละเอียดสูงแล้ว ดิ อะเมซิ่ง เรซ ยังคงใช้โทรทัศน์ความละเอียดมาตรฐานอยู่ เนื่องจากปัญหาหลายๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นด้านค่าใช้จ่ายหรือแม้กระทั่งความยากลำบากในการถ่ายทำและภาพที่อยู่ในแฟ้มภาพไม่ได้เป็น HD จึงใช้เวลาเป็นอันมากกว่าจะสามารถทำให้เป็นระบบ HD ได้[2] อย่างไรก็ตามถึงจะช้าไปบ้างนี่ก็จะเป็นฤดูกาลแรกของ ดิ อะเมซิ่ง เรซ ที่จะออกอากาศในระบบโทรทัศน์ความละเอียดสูง

การถ่ายทำเริ่มต้นในวันที่ 20 พฤศจิกายนที่ทุ่งกังหันลมซาน จอร์โกนิโอ ใกล้กับเมืองปาล์มสปริง ในรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยอุปสรรคแรกของเกมคือการที่จะต้องค้นหาเครื่องร่อนกระดาษที่มีคำว่า "Queensland and Northern Territory Aerial Services" หรือชื่อเต็มของสายการบินแคนตัส ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนตั๋วเครื่องบินให้กับผู้เข้าแข่งขันไปสู่จุดหมายปลายทางแรกคือนครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย.[3] โดยผู้เข้าแข่งขันได้ถูกพบที่โอเชี่ยนเวิลด์ ในเมืองแมนลี่ ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ เมืองท่องเที่ยวที่สำคัญใกล้เคียงกับนครซิดนีย์ในช่วงวันที่ 22 พฤษศจิกายน นอกจากนี้ยังมีรายงานว่ามีการพบผู้เข้าแข่งขันในประเทศอื่น ๆ เช่นโยะโกะฮะมะ, ญี่ปุ่น ที่ทีมผู้เข้าแข่งขันได้ถูกพบว่ายน้ำเย็นจัดใกล้เคียงกับภูเขาไฟฟูจิ และการไปเยือนประเทศ ลิกเตนสไตน์ ครั้งแรกของรายการ โดยผู้เข้าแข่งขันต้องทำการวัดความยาวอาณาบริเวณของประเทศโดยรถจักรยานไฟฟ้า[3][4] และทีมยังไปเยือนเมืองลี่เจียงและคุนหมิงของประเทศจีน, โกลกาตาและพาราณสีของประเทศอินเดีย, เวียนนาของประเทศออสเตรีย, เซอร์แมทของประเทศสวิตเซอร์แลนด์และรีโอเดจาเนโรของประเทศบราซิล

ฤดูกาลนี้เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ไม่มีบทลงโทษสำหรับทีมที่เข้ามาเป็นลำดับสุดท้ายแต่ไม่ถูกคัดออก โดยกติกานี้มีใช้ในฤดูกาลที่ 1-4 เท่านั้น หลังจากนั้นเป็นต้นมาทุกทีมที่เข้ามาเป็นลำดับสุดท้ายแต่ไม่โดนคัดออกจะมีบทลงโทษเสมอๆ แต่ในฤดูกาลนี้มีสิ่งที่แตกต่างออกไป 3 อย่างคือ

  • มีการแข่งยาวติดต่อกันไป 2 เลกโดยไม่มีการหยุดพักแต่ไม่ใช่ ซุปเปอร์เลก ถึง 2 ครั้งและไม่มีบทลงโทษสำหรับทีมที่เข้ามาเป็นลำดับสุดท้ายด้วยเพราะแข่งยาวติดต่อกัน
  • เลกที่ไม่มีการคัดออกจากทั้งหมด 3 เลกนั้นมีเพียงเลกเดียวที่มีบทลงโทษ
  • เป็นฤดูกาลแรกที่ไม่มี Fast Forward ให้ใช้เลยแม้แต่เลกเดียว (บางฤดูกาลอาจไม่เห็น Fast Forward เลยเนื่องจากไม่ได้ออกอากาศแต่มีข้อมูลลงไว้ให้จากทางซีบีเอสว่าจริงๆ แล้วให้ใช้ในเลกใด)

ฤดูกาลนี้ทางซีบีเอสได้นำวิดีโอ "สถานีคนคัดออก" ออกไปจากเว็บไซด์ซึ่งจะเป็นการไม่ได้ถ่ายให้เห็นว่าทีมที่ถูกคัดออกไปแล้วทำอะไรกันอยู่และถูกส่งไปยังบ้านพักที่ประเทศใด แต่ได้เปลี่ยนเป็น "วิดีโอบันทึกประจำวัน" ของพิธีกร ฟิล คีโอแกน แทน

ผลการแข่งขัน[แก้]

ตารางแสดงชื่อ ความสัมพันธ์ของผู้แข่งขันในขณะถ่ายทำของแต่ละทีมพร้อมทั้งแสดงสถานะในการแข่งขัน ดังนี้ เรียงตามลำดับผู้เข้าเส้นชัยก่อน (ตารางนี้อาจไม่ได้แสดงข้อมูลที่ตรงกับข้อมูลที่ออกอากาศในโทรทัศน์เนื่องจากข้อมูลที่เพิ่มเข้ามาบางส่วน หรือข้อมูลที่ถูกนำออกไปบางส่วน)

ทีม ฤดูกาลก่อน ลำดับของ
ฤดูกาลก่อน
ความสัมพันธ์ ตำแหน่งที่ (ในแต่ละช่วง) ผู้แก้อุปสรรค
11 2 3 41 5 6 7 8 «9» 10 117 127
คิชากับเจน ฤดูกาลที่ 14 4 พี่น้อง / โค๊ชบาสเกตบอล 3 4 4 5 4 6 3 4 2 2 2 1 คิชา 6, เจน 6
ไฟลท์ไทม์กับบิ๊กอีซี่ ฤดูกาลที่ 15 4 เพื่อน / นักบาสเกตบอล 5 2 53 6 6« 7 1 2 5» 1 3 2 ไฟลท์ไทม์ 6, บิ๊กอี่ซี่ 6
แกรี่กับมอลลารี่ ฤดูกาลที่ 17 6 พ่อกับลูกสาว 1 9 2 3 2 1 4 6 4 3 1 3 แกรี่ 6, มอลลารี่ 6
เซฟกับจัสติน ฤดูกาลที่ 15 9 เพื่อนสนิท 4 1 1 8 8 4 2 1 1 4 4 เซฟ 5, จัสติน 5
เคนท์กับวิกซิน ฤดูกาลที่ 12 5 คู่เดทกอธ 10 7 7 95 5»5 5 6 3 3 56 เคนท์ 4, วิกซิน 5
เจ็ทกับคอร์ท ฤดูกาลที่ 16 2 พี่น้อง / โคบาล 11 3 6 2 1 2 5 5 6« เจ็ท 4, คอร์ท 4
โรนัลด์กับคริสติน่า ฤดูกาลที่ 12 2 พ่อกับลูกสาว 8 10 3 4 7 3 7 โรนัลด์ 3, คริสติน่า 3
มาร์จี้กับลุค ฤดูกาลที่ 14 3 แม่กับลูกชาย 7 5 8 1 3 8 มาร์จี้ 2, ลุค 3
เจมี่กับคาร่า ฤดูกาลที่ 14 2 อดีตเชียร์ลีดเดอร์ เอ็นเอฟแอล 6 8 9 7 9«» เจมี่ 2, คาร่า 2
เมลกับไมค์ ฤดูกาลที่ 14 6 พ่อกับลูกชาย 9 6 104 เมล 1, ไมค์ 1
อแมนด้ากับคริส ฤดูกาลที่ 14 8 คู่หมั้น 2 112 อแมนด้า 1, คริส 0


หมายเหตุ 1: เมื่อเข้าจุดเช็คในเลกที่ 1, และ 4 นี้ทีมได้รับคำใบจากพิธีกรและแข่งต่อไปทันทีโดยไม่มีการหยุดพัก ทำให้กลายเป็นว่าทีมที่เข้ามาเป็นลำดับสุดท้ายก็ไม่มีบทลงโทษ
หมายเหตุ 2: อแมนด้ากับคริส โดนทำโทษสั่งย้อนกลับอัตโนมัติเนื่องจากทำภารกิจแรกที่จุดเริ่มต้นเสร็จเป็นทีมสุดท้าย โดยมีภารกิจทางแยกครั้งแรกเกิดขึ้นในเลกที่ 2 ทำให้ทีมต้องทำงานทางแยกทั้ง 2 งานของเลก
หมายเหตุ 3: เดิมทีแล้ว ไฟลท์ไทม์กับบิ๊กอีซี่ มาถึงเป็นทีมอันดับที่ 3 แต่ถูกปรับเวลา 30 นาทีเนื่องจากไปเคื่อนย้ายกระเป๋าสัมภาระของรอนกับคริสติน่าโดยไม่ได้รับอนุญาต ทำให้พวกเขาตกลงไปเป็นทีมอันดับที่ 5 ส่วนรอนกับคริสติน่าและคิชากับเจนที่เดิมมาถึงเป็นทีมอันดับที่ 4 และ 5 ตามลำดับ เนื่องจากการถูกปรับเวลาของไฟลท์ไทม์กับบิ๊กอีซี่เป็นเวลา 30 นาทีแล้ว ทำให้รอนกับคริสติน่าเข้ามาเป็นอันดับ 3 และคิชากับเจนเข้ามาเป็นอันดับ 4
หมายเหตุ 4: เมลกับไมค์ไม่สามารถทำภารกิจทางแยกต่อไปได้ เนื่องจากพวกเขามีความเสี่ยงจะเป็นโรคหนาวตาย จึงต้องการการดูแลทางแพทย์ หลังจากทำภารกิจหากบ ทำให้ทีมของเจมี่กับคาร่าที่ตามหลังมา สามารถเข้าจุดหยุดพักในอันดับ 9 ซึ่งหมายความว่าพวกเขาถูกคัดออก
หมายเหตุ 5: เคนท์กับวิกซินหลงทางภายในประเทศญี่ปุ่น และไม่สามารถหาทางไปยังท่าอากาศยานนานาชาตินาริตะเพื่อเดินทางออกไปยังท่าอากาศยานนานาชาติคุนหมิงวูเจี๋ยบาที่เมืองคุนหมิง ซึ่งจะต้องใช้เครื่องบินที่จัดให้ตามที่คำใบ้สั่งไว้ จึงโดนทำโทษเป็นเวลา 30 นาทีแต่เนื่องจากในเลกที่ 4 ไปสู่เลกที่ 5 นั้นไม่มีการหยุดพัก โทษปรับเวลานี้จึงไปบวกเพิ่มตอนจบในเลกที่ 5 แทน ซึ่งในเลกที่ 5 เคนท์กับวิกซินเดิมทีแล้วมาถึงเป็นลำดับที่ 4 แต่เนื่องจากถูกทำโทษเป็นเวลา 30 นาที คิช่ากับเจนมาถึงจุดหยุดพักในระหว่างที่พวกเขาถูกปรับเวลาอยู่ จึงตกลงมาอยู่ลำดับที่ 5
หมายเหตุ 6: เดิมทีแล้ว เคนท์กับวิกซิน มาถึงเป็นลำดับที่ 3 แต่ถูกปรับเวลา 30 นาทีเนื่องจากนั่งรถแท็กซี่แทนที่จะเดินมายังจุดหยุดพักจากภารกิจอุปสรรคตามที่คำใบ้ที่บอกไว้ ทีมที่เหลืออีกสองทีม นั่นก็คือ แกรี่กับมอลลารี่และเซฟกับจัสติน มาถึงจุดหยุดพักระหว่างเวลาที่ถูกทำโทษ ทำให้เคนท์กับวิกซินถูกคัดออกก่อนที่เวลาทำโทษ 30 นาทีจะหมดลง
หมายเหตุ 7: เลก 11 และ 12 ออกอากาศติดกันเป็น 2 ชั่วโมงสุดท้าย

  • สีแดง หมายถึง ทีมนั้นๆ ถูกคัดออก
  • สีเขียว ƒ หมายถึง ทีมนั้นๆ ทำ Fast Forward สำเร็จ ; เลขของเลกที่มีสีเขียวและ ƒ เป็นเลกที่มี Fast Forward แต่ไม่มีทีมไหนใช้
  • สีน้ำเงินตัวหนา หมายถึง ทีมนั้นๆ มาถึงจุดพักเป็นทีมสุดท้ายในเลกที่ไม่มีการคัดออก แต่จะต้องทำภารกิจเพิ่มในด่านถัดไปเรียกว่า "สปีด บัมพ์"
  • เครื่องหมาย » สีน้ำตาล หมายถึง ทีมนั้นๆ ใช้คำสั่งย้อนกลับให้กับทีมอื่น (U-Turn)  ; « หมายถึงทีมนั้นๆ ถูกสั่งให้ย้อนกลับ ; «» หมายถึงเลกที่มีกฎการย้อนกลับแต่ไม่มีทีมไหนใช้
  • เครื่องหมาย » สีเขียวน้ำเงิน หมายถึง ทีมนั้นๆ ใช้คำสั่งย้อนกลับให้กับทีมอื่น (U-Turn)  ; « หมายถึงทีมนั้นๆ ถูกสั่งให้ย้อนกลับ ; «» หมายถึงเลกที่มีกฎการย้อนกลับแต่ไม่มีทีมไหนใช้ (สำหรับการสั่ง ย้อนกลับ อีกหนึ่งทีมในเลกเดียวกัน)
  • สีม่วงขีดเส้นใต้ หมายถึง ทีมนั้นๆ ได้ทำการตัดสินใจเลือกใช้บัตรผ่านเร่งด่วน เพื่อข้ามภารกิจ 1 อย่างภายในเลกนั้นๆ (ในเลกนี้ทีมได้ใช้บัตรผ่านเร่งด่วนเพื่อข้ามงาน อุปสรรค ซึ่ง แกรี่ เป็นผู้ตัดสินใจทำตั้งแต่แรก ฉะนั้นจึงนับการทำอุปสรรคของแกรี่ลงไปด้วย)
  • ในรายการ เฮเบอร์ถูกเปลี่ยนขื่อเป็น Flight Time เนทถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Big Easy ซึ่งเป็นฉายาในทีมบาสเกตบอลของพวกเขา

คำสั่งต่างๆ ในการแข่งขัน[แก้]

เครื่องหมาย คำอธิบาย
สัญลักษณ์ธงที่ใช้ในรายการ
สัญลักษณ์ธงที่ใช้ในรายการ
Route Marker เป็นสัญลักษณ์ธงสีแดงและสีเหลือง เป็นเครื่องหมายประจำสถานที่ที่ผู้เข้าแข่งขันสามารถค้นหาคำสั่งต่อๆ ไป
บัตรคำสั่ง Route Infomation
บัตรคำสั่ง Route Infomation
Route Infomation (ข้อมูลเส้นทาง) เป็นสัญลักษณ์ตัวบอกเส้นทางที่ไปยังจุดหมายถัดไป ทีมจะต้องปฏิบัติตามคำสั่งที่ให้ไว้อย่างเคร่งครัด มิฉะนั้นจะถูกทำโทษปรับเวลาขั้นต่ำในการลงโทษ 30 นาทีบวกกับเวลาที่ได้เปรียบจากการเดินทางที่ผิดไปจากคำสั่ง
Detour (ทางแยก) เป็นสัญลักษณ์ตัวเลือกระหว่างภารกิจที่แตกต่างกันสองประการที่ผู้เข้าแข่งขันต้องเลือกทำให้สำเร็จ ภารกิจทั้ง 2 อย่างนั้นมีข้อดีและข้อเสียในตัวมันเองฉะนั้นควรเลือกที่คิดว่าทั้งทีมถนัดเพื่อทำงานให้เสร็จโดยเร็ว จึงจะได้รับคำสั่งต่อๆ ไป ถ้าหากโดนคำสั่งย้อนกลับ ทีมจะต้องกลับมาทำ Detour อีกอันที่ไม่ได้เลือกทำแต่แรก และกลายเป็นว่าจะต้องทำทั้งสองอันนั่นเอง (ถ้าทำไม่สำเร็จจะถูกปรับ 24 ชั่วโมงแต่ในฤดูกาลที่ 17 เป็นต้นมาจะถูกปรับแค่ 6 ชั่วโมงเท่านั้น)
Roadblock (อุปสรรค) เป็นสัญลักษณ์ภารกิจที่อนุญาตให้สมาชิกเพียงคนเดียวในทีมสามารถทำได้เท่านั้นและเมื่อเลือกแล้วจะไม่สามารถเปลี่ยนคนทำได้ ผู้เข้าแข่งขันที่เลือกทำนั้นต้องทำงานอุปสรรคนั้นให้สำเร็จก่อน จึงจะได้รับคำสั่งต่อๆ ไป (หลังจากฤดูกาลที่ 5 ได้กำหนดตลอดระยะเวลาการแข่งขันให้ทำได้ไม่เกินคนละ 6-7 ครั้ง โดยมากแล้วจะแบ่งในสัดส่วนพอๆ กันและถ้าทำไม่สำเร็จจะถูกปรับ 4 ชั่วโมง)
Face-Off (ภารกิจตัวต่อตัว) เป็นสัญลักษณ์ที่ให้ทีมที่มาขึ้นจุดนี้ รออีกทีมหนึ่งมา และสองทีมจะต้องแข่งภารกิจ ตัวต่อตัว ทีมที่ชนะจะได้คำใบ้ถัดไป ส่วนทีมที่แพ้ต้องรอจนกว่าจะมีอีกทีมถัดมา และแข่งใหม่อีกครั้ง โดยทีมสุดท้ายที่แพ้จะต้องถูกโทษปรับเวลา การแข่งขันภารกิจแบบตัวต่อตัวนี้ จะทำให้ลำดับการแข่งขันเปลี่ยนแปลงได้อย่างมาก
Fast Forward (ทางด่วน) เป็นสัญลักษณ์ที่อนุญาตให้ทีมใดก็ตามที่เสร็จสิ้นภารกิจ 1 อย่างเป็นพิเศษ ตามคำสั่งของ Fast Forward เรียบร้อยแล้ว จะสามารถเดินทางต่อไปยัง Pit Stop หรือจุดหมายปลายทางสุดท้ายของด่านนั้นๆ ได้ทันที โดยไม่ต้องผ่านด่านใดๆ อีกในระหว่างทาง สิทธิ์ในการใช้สัญลักษณ์นี้ จะให้เฉพาะกับทีมแรกที่สามารถหาและเสร็จสิ้นภารกิจ Fast Forward เท่านั้นและตลอดการแข่งขันทีมๆ นั้นจะใช้สิทธิ์นี้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ยกเว้นในกฏ Intersection จะสามารถทำ Fast Forward ร่วมกันกับอีกทีมที่จับคู่ได้ถึงแม้ว่าจะเป็น Fast Forward ครั้งที่ 2 ก็ตาม (การใช้ Fast Forward ครั้งที่ 2 เกิดขึ้นได้น้อยมาก) อย่างไรก็ตาม การได้บัตรทางด่วนนี้ ยังคงไม่รับประกันว่าจะไม่ตกรอบ ถ้ายังคงมาถึงเป็นทีมสุดท้าย (มีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมากๆ)
บัตรผ่านเร่งด่วน
บัตรผ่านเร่งด่วน
Express Pass (บัตรผ่านเร่งด่วน) เป็นสัญลักษณ์ให้กับทีมที่มีบัตรผ่านนี้สามารถข้ามงานใดๆ ก็ได้ที่ไม่ต้องการทำ 1 งาน ไม่ว่าจะเป็นงานรูปแบบใดก็ตามและผ่านไปเลยโดยไม่ต้องมีอะไรเป็นการแลกเปลี่ยน ต่างจาก Fast Forward ที่ข้ามทั้งเลกและต้องทำภารกิจตามที่กำหนด 1 อย่างก่อน (บัตรนี้จะถูกให้กับทีมที่เข้ามาเป็นที่ 1 ในเลกแรกของการแข่งขันซึ่งใช้ได้ถึงเลก 8 จาก 12)
บัตรกอบกู้
บัตรกอบกู้
Salvage Pass (บัตรกอบกู้) เป็นสัญลักษณ์ให้กับทีมที่มีบัตรผ่านนี้สามารถช่วยทีมที่มาถึงเป็นลำดับสุดท้ายไม่ให้ถูกคัดออกได้ หรือจะใช้เพื่อเป็นการช่วยตัวเองไม่ให้ถูกคัดออกด้วยก็ได้ ในกรณีที่ต้องเผชิญหน้ากับการถูกคัดออก (ในเวอร์ชั่นอเมริการจะใช้คำว่า The Save)
ป้ายสั่ง Yield
ป้ายสั่ง Yield
Yield (ถ่วงเวลา) เป็นสัญลักษณ์ที่อนุญาตให้ทีมที่เลือกใช้สัญลักษณ์นี้มีโอกาสสั่งอีกทีมหนึ่งที่มาที่หลังพวกเขาให้หยุดแข่งได้ช่วงระยะเวลาหนึ่ง ทีมที่เลือกใช้สัญลักษณ์นี้ สามารถใช้ในการออกคำสั่งกับอีกทีมหนึ่งได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้นตลอดการแข่งขัน (ไม่นับรวมกับคำสั่ง ย้อนกลับ)
ป้ายสั่ง U-Turn
ป้ายสั่ง U-Turn
U-Turn (ย้อนกลัับ) เป็นสัญลักษณ์ที่อนุญาตให้ทีมที่เลือกใช้สัญลักษณ์นี้มีโอกาสสั่งอีกทีมหนึ่งที่มาที่หลังพวกเขาให้กลับไปทำงาน Detour อีกงานที่ไม่ได้เลือกทำ ทีมที่เลือกใช้สัญลักษณ์นี้ สามารถใช้ในการออกคำสั่งกับอีกทีมหนึ่งได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้นตลอดการแข่งขัน (ไม่นับรวมกับคำสั่ง ถ่วงเวลา)
Intersection (จุดร่วมมือ) เป็นสัญลักษณ์ที่สั่งให้ทีมต้องจับคู่กับอีกทีมทำภารกิจทุกๆ อย่างร่วมกัน ถ้ามาถึงจุดที่มีคำสั่งแต่ยังไม่มีทีมร่วมงานก็จำเป็นต้องรอและเมื่อมีคำสั่งยกเลิก Intersection จึงจะทำการแข่งขันแบบปกติได้
ป้ายสั่ง Speed Bump
ป้ายสั่ง Speed Bump
Speed Bump (งานเพิ่มเติม) เป็นสัญลักษณ์ที่สั่งให้ทีมที่ได้สัญลักษณ์นี้ต้องทำงานเพิ่มอีก 1 งานในเลกถัดไป เนื่องจากเป็นการลงโทษที่มาถึงเป็นทีมสุดท้ายแต่ไม่ถูกคัดออกในเลกที่แล้ว โดยจะเป็นงานพิเศษ ที่ไม่เหมื่อนกับงานทั่วไปที่แข่งในเลกนั้นๆ ทำให้ทีมที่ได้บทลงโทษนี้ ทำงานเพิ่มมากกว่าปกติอีก 1 งานในเลกนั้น คล้ายกับ Handicap ต่างกันตรงที่เป็นงานใหม่เพิ่มขึ้นมาต่างหาก
ป้ายสั่ง Handicap
ป้ายสั่ง Handicap
Handicap (เพิ่มจำนวนชิ้นงาน) เป็นสัญลักษณ์ที่สั่งให้ทีมที่ได้สัญลักษณ์นี้ต้องเพิ่มจำนวนชิ้นงานมากกว่าปกติ เนื่องจากเป็นการลงโทษที่มาถึงเป็นทีมสุดท้ายแต่ไม่ถูกคัดออกในเลกที่แล้ว เช่น ในงานธรรมดาทั่วไปปกติให้ทำ 50 ชิ้นแต่ทีมที่ได้สัญลักษณ์นี้ต้องทำ 75 ชิ้น เป็นต้น คล้ายกับ Speed Bump ต่างกันตรงที่เป็นงานปกติทั่วไปในเลกนั้นๆ เพียงแต่เพิ่มจำนวน
สัญลักษณ์ปลายทางในแต่ละด่าน
สัญลักษณ์ปลายทางในแต่ละด่าน
Pit Stop (จุดหยุดพัก) เป็นสัญลักษณ์จุดหมายปลายทางสุดท้ายของการแข่งขันในแต่ละด่านโดยทีมที่มาถึงเป็นทีมสุดท้าย อาจจะถูกคัดออก หรือบางครั้งจะมีการเตือนในคำใบ้สุดท้ายก่อนถึงจุดพักเลยว่า ทีมที่มาถึงเป็นทีมสุดท้าย จะถูกคัดออก


ชื่อตอนในการแข่งขัน[แก้]

ชื่อตอนในการแข่งขันมักมาจากคำพูดสำคัญ ๆ ของผู้เข้าแข่งขันในเลกนั้น ๆ

  1. "Head Down and Hold On" – ผู้แนะนำในการแล่นเรือ (ไม่ใช่ผู้แข่งขัน)
  2. "I Never Looked So Foolish in My Whole Entire Life" – คิชา
  3. "We Had a Lot of Evil Spirits Apparently" – คริสตินา
  4. "This is the Most Stupid Day Ever" – วิกซิน
  5. "Don't Ruin the Basketball Game" – มอลลารี่
  6. "I Feel Like a Monkey in a Circus Parade" – แกรี่
  7. "You Don't Get Paid Unless You Win" – คอร์ด
  8. "I Cannot Deal With Your Psycho Behavior" – วิกซิน
  9. "We're Good American People" – เซฟ
  10. "Too Many Cooks in the Kitchen" – เซฟ
  11. "This is Where It Ends" – จัสติน

รางวัล[แก้]

ในบางเลก ทางรายการจะมีรางวัลให้กับผู้เข้าแข่งขัน ที่สามารถเข้าเส้นชัยได้เป็นทีมแรก สำหรับแพ็กเกจทัวร์ทั้งหมดสนับสนุนโดยแทรเวโลซิตี้

  • เลก 1 - บัตรผ่านเร่งด่วน (อุปกรณ์ที่ทำให้ทีมสามารถเลือกข้ามภารกิจใดๆ ก็ได้ในการแข่งขันโดยใช้ได้ถึงเลก 8)
  • เลก 2 - ทริปสำหรับสองคนสู่ แคนคูน, ประเทศเม็กซิโก
  • เลก 3 - ทริปสำหรับสองคนสู่ คอสตาริกา
  • เลก 4 - ทริปสำหรับสองคนสู่ อารูบา
  • เลก 5 - เงินสดมูลค่า 5,000 ดอลลาร์สหรัฐสำหรับสมาชิกในทีมแต่ละคน (รวมเป็น 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ)
  • เลก 6 - อาหารมื้อค่ำแบบฉบับอินเดียสำหรับสองคน โดยการสนับสนุนจากสแนปเปิ้ล พร้อมด้วยการเต้นบอลลีวูดเพื่อผ่อนคลายและเงินรางวัล 1,000,000 รูปี (ประมาณ 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ) สำหรับทั้งทีม
  • เลก 7 - ทริปสำหรับสองคนสู่ ฮาวาย
  • เลก 8 - รถยนต์ฟอร์ด โฟกัส 2012 จำนวน 2 คันสำหรับสมาชิกแต่ละคน
  • เลก 9 - ทริปสำหรับสองคนสู่ คูราเซา
  • เลก 10 - ทริปสำหรับสองคนสู่ หมู่เกาะคุก ไอตูตากิ
  • เลก 11 - ทริปสำหรับสองคนสู่ ทะเลเมดิเตอร์เลเนียน
  • เลก 12 - เงินสดมูลค่า 1,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ

สถานที่ในการแข่งขัน[แก้]

เดินทางโดยเครื่องบิน; เดินทางโดยรถไฟ; เดินทางโดยเรือ; เดินทางโดยรถประจำทาง; ไม่มี = เดินทางโดยรถยนต์หรือเดิน
ทางแยก อุปสรรค ทางด่วน จุดร่วมมือ งานเพิ่มเติม ย้อนกลับ จุดหยุดพัก
แผนที่แสดงเส้นทาง

เลก 1 (สหรัฐอเมริกา → ออสเตรเลีย)[แก้]

ที่แมนลี่ โอเชี่ยนเวิลด์ ทีมจะต้องปฏิบัติภารกิจอุปสรรค ที่พวกเขาจะต้องดำน้ำลงไปในพิพิธภัณฑ์ปลาฉลาม

ในอุปสรรคแรกของการแข่งขัน สมาชิกคนหนึ่งของทีมจะต้องลงไปหาเข็มทิศขนาดใหญ่ที่ซ่อนอยู่ตามที่ต่างๆ ในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่มีสัตว์อยู่มากมาย เช่น ฉลามและปลากระเบนของแมนลี่โอเชี่ยนเวิลด์ และใช้เข็มทิศนั้นถอดรหัสจากธงที่ติดอยู่ภายนอกของโอเชี่ยนเวิลด์ ซึ่งต้องนำรหัสไปบอกกับหัวหน้าสมาคมแล่นเรือใบแมนลี่ว่า "I am between the Devil and the deep blue sea" (ฉันอยู่ระหว่างมารร้ายและก้นทะเลลึก - หมายความว่า "หนีเสือปะจระเข้" ในภาษาไทย) ก่อนจะได้คำใบ้ต่อไปจากหัวหน้าสมาคม

ภารกิจเสริม
  • ที่จุดเริ่มต้นของการแข่งขันทีมจะต้องค้นหากระดาษที่พับเป็นรูปเครื่องบินและมีคำที่เขียนว่า ควอนตัส (QANTAS) โดยมีชื่อเต็มมาจาก "Queensland and Northern Territory Aerial Services" ซึ่งเป็นสายการบินประจำชาติและใหญ่ที่สุดของประเทศออสเตรเลีย และนำกระดาษพับเครื่องบินนั้นไปให้พิธีกรก่อนที่จะได้คำใบ้แรก ซึ่งมีบทลงโทษสำหรับทีมสุดท้ายที่ทำงานนี้เสร็จ โดยจะต้องรับโทษโดนสั่งย้อนกลับอัตโนมัติ นั่นหมายความว่าทีมนั้นจะต้องทำงาน ทางแยก ทั้ง 2 งานเมื่อเจอกับงาน ทางแยก แรกสุดของการแข่งขันนี้
  • ทีมจะต้องแล่นเรือใบกับสมาคมแล่นเรือใบแมนลี่ โดยแล่นเรือใบขนาด 16 ฟุตไปตามทะเลและคว้าคำใบ้ที่ติดอยู่กับทุ่นลอยน้ำให้ได้

เลก 2 (ออสเตรเลีย)[แก้]

ในเมืองเหมืองแร่อย่างโบรคเค่น ฮิลล์ ทีมจะต้องหาทางแยกที่เกิดจากการตัดกันของถนนที่ชื่อเป็นธาตุในตารางธาตุ

ทางแยกสำหรับเลกแรกนั้น ทีมจะต้องเลือกระหว่างภารกิจที่เน้นไปถึงศิลปะแบบท้องถิ่นของชนเผ่าอะบอริจิน คื่อโลกวิญญาณ (Spirit World) กับโลกธรรมชาติ (Natural World) โดยทีมที่เลือกโลกวิญญาณ จะต้องสร้างผลงานโมเสคที่แสดงถึงลักษณะภูมิประเทศท้องถิ่นซึ่งใช้ก้อนหินแบบต่างๆ โดยยึดตามแบบที่มีให้ เมื่อทีมเรียงก้อนหินสร้างเรียบร้อยแล้ว ทีมจะต้องเต้นแบบท้องถิ่นบนผลงานโมเสคเพื่อรับคำใบ้ต่อไปจากผู้อาวุโสในชนเผ่าอะบอริจิน ส่วนทีมที่เลือกโลกธรรมชาติ จะต้องสร้างภาพวาดท้องถิ่น โดยพ่นน้ำที่ผสมกับเม็ดดินเหนียวที่อยู่ในปาก เพื่อสร้างรูปที่กำหนดให้บนแผ่นหินดินดาน เมื่อทีมสร้างภาพเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทีมจะได้รับคำใบ้ต่อไปจากผู้อาวุโสในชนเผ่าอะบอริจิน

ภารกิจเสริม
  • หลังจากที่ได้รับคำใบ้จากฟิลที่ชายหาดเชลลี่แล้ว ทีมจะถูกบอกแต่เพียงว่าให้หา To Sail To Stop รูปปั้นสมอเรือที่อยู่บริเวณศาลาว่าการซิดนีย์ จากนั้นจึงลงชื่อเที่ยวบินหนึ่งในสองเที่ยวที่จะเดินทางไปยังเมืองโบรคเค่นฮิลล์ โดยเที่ยวบินที่สอง (ออก 6.30 น.) จะออกช้ากว่าเที่ยวแรก (ออก 6.00 น.) ครึ่งชั่วโมง
  • หลังจากที่ทำภารกิจทางแยกเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทีมจะถูกบอกให้กลับมายังเมืองโบรคเค่นฮิลล์ และให้บ้านของ Magpies โดยไม่ได้บอกไว้ว่าเป็นชื่อของทีมฟุตบอลในสมาคมฟุตบอลของโบรคเค่นฮิลล์
  • ที่สมาคมฟุตบอลเซนทรัล ทีมจะต้องแต่งตัวในชุดแมสคอตจิงโจ้ ก่อนที่จะได้รับตารางธาตุ ที่มีธาตุสองตัวถูกเน้นสีขึ้นมา ซึ่งก็คือ Hg และ Bi โดยทีมจะต้องนึกให้ออกว่าสัญลักษณ์เหล่านี้แสดงถึงธาตุปรอท (Mercury) และบิสมัท (Bismuth) ซึ่งจะนำพวกเขาไปสู่ถนนสองถนนในเมืองโบรคเค่นฮิลล์ ซึ่งทางแยกของสองถนนที่ตัดกันจะมีคำใบ้ต่อไปรออยู่

เลก 3 (ออสเตรเลีย → ญี่ปุ่น)[แก้]

ในการปฏิบติภารกิจอุปสรรคที่ญี่ปุ่น สมาชิกแต่ละคนในทีมจะต้องเรียนรู้พิธีกรรมการฝึกประลองม้าแบบท้องถิ่น รวมถึงเทคนิคในการยิงเป้าขณะนั่งอยู่บนม้าไม้

สำหรับอุปสรรคของเลกนี้ สมาชิกหนึ่งคนจะต้องแต่งตัวเป็นนักรบซามูไร และปฏิบัติพิธีกรรมการฝึกประลองม้าแบบท้องถิ่น รวมถึงเทคนิคในการยิงเป้าจากคันศรขณะนั่งอยู่บนม้าไม้ ต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญ โดยเริ่มจากการสังเกตการสาธิตให้ดู จากนั้นจึงเรียนรู้พิธีกรรม (Form) และแสดงต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญ เมื่อพวกเขาแสดงได้อย่างถูกต้องแล้ว พวกเขาจะต้องลองแสดงท่าทางการยิงศรจากคันศร และขึ้นขี่บนม้าไม้ที่หมุนได้และยิงศรให้โดนแผ่นกระดานไม้ เพื่อรับคำใบ้ต่อไปจากผู้เชี่ยวชาญ ส่วนทางแยกของเลกนี้ ทีมจะต้องเลือกระหว่างคำอธิษฐานอันบริสุทธิ์ (Prayer of Purity) กับกบนำโชค (Luck of Frog) โดยทีมที่เลือกคำอธิษฐานอันบริสุทธิ์ จะต้องเข้าร่วมในประเพณีของศาสนาชินโต เพื่อกระทำเพื่อชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ โดยเริ่มจากการแต่งกายในชุดท้องถิ่น และเรียนรู้คำอธิษฐานที่เกี่ยวข้องทั้งเสียงและร่างกาย จากนั้นพวกเขาจะต้องยืนอยู่บนยอดของน้ำตกอุณหภูมิ 45 องศาฟาเรนไฮต์ (7 องศาเซลเซียส) ข้างหลังภูเขาฟูจิเป็นเวลา 1 นาทีเพื่อรับคำใบ้ต่อไปจากครูฝึก ส่วนทีมที่เลือกกบนำโชค จะต้องถอดให้เหลือชุดคล้ายชุดชั้นใน และลงไปในบึงโคลน ขณะที่คนท้องถิ่นปาโคลนใส่ซึ่งกันและกัน ทีมจะต้องหาของเล่นกบสีเขียวที่อยู่ในโคลน เพื่อรับคำใบ้ต่อไปจากครูฝึก

เลก 4 (ญี่ปุ่น → สาธารณรัฐประชาชนจีน)[แก้]

ที่เมืองเก่าลี่เจียง ทีมจะต้องใส่คำอธิษฐานของตนลงในวงล้อจักรราศี และปฏิบัติภารกิจทางแยกในเลกนี้
  • Flight: โตเกียว (ท่าอากาศยานนานาชาตินาริตะ) ไป คุนหมิง, มณฑลยูนนาน, สาธารณรัฐประชาชนจีน จีน (ท่าอากาศยานนานาชาติคุนหมิงวูเจี๋ยบา)
  • Train: คุนหมิง (สถานีรถไฟคุนหมิง) ไป ลี่เจียง (สถานีรถไฟลี่เจียง) หรือ Flight: คุนหมิง (ท่าอากาศยานนานาชาติคุนหมิงวูเจี๋ยบา) ไป ลี่เจียง (ท่าอากาศยานลี่เจียง)
  • ลี่เจียง (ภูเขาหิมะมังกรหยก)
  • ลี่เจียง (ทุ่งหญ้าสปรัก) >อุปสรรค ("Who thinks they're living a charmed life?") <
  • ลี่เจียง (เมืองเก่าลี่เจียง) >ทางแยก (Hammer or Horn) <
  • ลี่เจียง (ศาลาวานกู - ทิวเขาไลออน) >จุดหยุดพัก (เลก 4)<

สำหรับอุปสรรคของเลกนี้ สมาชิกที่ทำอุปสรรคจะต้องค้นหาเครื่องรางของขลัง 12 สิ่งที่มีรูปสัตว์ตามสัญลักษณ์ปีนักษัตรจีนอันได้แก่ หนู (ชวด), วัว (ฉลู), เสือ (ขาล), กระต่าย (เถาะ), มังกร (มะโรง), งู (มะเส็ง), ม้า (มะเมีย), แพะ (มะแม), ลิง (วอก), ไก่ (ระกา), สุนัข (จอ) และหมู (กุน) จากเครื่องรางกว่า 10,000 อัน เมื่อสมาชิกสามารถหาเครื่องรางครบทั้ง 12 อัน สมาชิกจะต้องนำเครื่องรางทั้งหมดมาเรียงเป็นโมบายให้เป็นตำแหน่งที่ถูกต้อง จึงจะได้รับคำใบ้ต่อไปจากพระ ส่วนทางแยกของเลกนี้ ทีมจะต้องเลือกระหว่าง ค้อน (Hammer) กับ แตร (Horn) โดยทีมที่เลือกค้อน จะต้องเดินทางไปยังร้านขายลูกกวาด ซึ่งทีมจะต้องใช้ค้อนไม้ในการทำขนมลูกกวาดแบบท้องถิ่น เมื่อทีมทุบจนได้ขนมที่ถูกต้องและความคงเส้นคงวา พวกเขาจะต้องตัดเป็นชิ้นใส่กล่อง ก่อนที่คนขายลูกกวาดจะมอบคำใบ้ต่อไปแก่ทีม ส่วนทีมที่เลือกแตร จะต้องเดินทางไปยังจัตุรัส ที่ทีมจะต้องหยิบแตรยักษ์แบบท้องถิ่น และนำคณะนักเต้นชนเผ่านาคีเดืนทางข้ามเมือง ไปยังปราสาทเพื่อรับคำใบ้ต่อไปจากเจ้าหญิง

ภารกิจเสริม
  • ที่ภูเขาหิมะมังกรหยก ทีมจะต้องขี่ตัวจามรีให้ถูกต้อง หลังจากนั้นให้สมาชิกคนหนึ่งขี่ตัวจามรีข้ามส่วนของแม่น้ำแยงซี เพื่อได้รับคำใบ้ต่อไปจากเจ้าหญิง และขี่กลับมาหาสมาชิกอีกคนที่รออยู่
  • เมื่อทีมเดินทางถึงเมืองเก่าลี่เจียงแล้ว ทีมจะต้องใส่คำอธิษฐานของตนลงในวงล้อของผู้อธิษฐาน โดยจะต้องใส่ให้ตรงกับช่องสล็อตที่มีรูปสัตว์ประจำจักรราศีของตนเอง และออกเสียงชื่อสัตว์ที่เป็นสัญลักษณ์จักรราศีของตน เมื่อพวกเขาหย่อนลงช่องที่ถูกต้องแล้ว ทีมจะได้รับคำใบ้ต่อไป

เลก 5 (สาธารณรัฐประชาชนจีน)[แก้]

ทีมจะต้องเดินทางไปยังเขตป่าหิน บริเวณนอกเมืองคุนหมิง เพื่อทำภารกิจอุปสรรค ที่ระลึกถึงบริเวณศึกษาในบรรพชีวินวิทยาของมณฑลยูนนาน
  • Train: ลี่เจียง (สถานีรถไฟลี่เจียง) ไป คุนหมิง (สถานีรถไฟคุนหมิง)
  • คุนหมิง (ตลาดดอกไม้โต่วหนาน) [云南斗南花卉交易市场]
  • คุนหมิง (อนุสรณ์โค้งม้าทองและไก่หยก) [金马碧鸡坊] >ทางแยก (Honor the Past or Embrace the Future) <
  • คุนหมิง (ศูนย์มรดกโลกจีนเขตย่อย) >ย้อนกลับ (Kent & Vyxsin U-Turned Jaime & Cara AND Jaime & Cara U-Turned Flight Time & Big Easy) < (สั่งย้อนกลับได้ 2 ทีมๆ ละ 1 ครั้ง)
  • เขตปกครองตนเองพิเศษชินลิน อี้ (เขตป่าหิน) >อุปสรรค ("Who's ready for a task 65 million years in the making?") <
  • คุนหมิง (สวนกรีนเลก) >จุดหยุดพัก (เลก 5)<

สำหรับทางแยกของเลกนี้ ทีมจะต้องเลือกระหว่างให้เกียรติอดีต (Honor the Past) กับโอบกอดอนาคต (Embrace the Future) โดยทีมที่เลือกให้เกียรติอดีต จะต้องเดินทางไปยังโรงหอภาพยนตร์จีน แล้วสวมชุดแบบธิเบตท้องถิ่น แล้วสวมการแสดงในโรง โดยไม่ได้รับอนุญาตให้จดบันทึกใดๆ ทั้งสิ้น จากนั้นทีมจะต้องออกไปจากบริเวณเวที เพื่อจัดเรียงตุ๊กตาทั้ง 15 ตัวที่อยู่ในกล่องและแต่งตัวตามนักแสดงบนเวที ให้เป็นไปตามลำดับการยืนเป็นครึ่งวงกลมให้ถูกต้อง แล้วทีมจะได้รับคำใบ้ต่อไป แต่ถ้าเรียงไม่ถูกต้อง ทีมจะต้องเริ่มเรียงใหม่ทั้งหมด ส่วนทีมที่เลือกโอบกอดอนาคต จะต้องเดินทางไปยังบริษัทหุ้นส่วนทรัพย์สินกำแพงเมืองจีน โดยทีมจะต้องสวมอุปกรณ์นิรภัย แล้วขนกล่องหนักทั้ง 3 กล่องที่ตั้งข้างรถบรรทุกขึ้นไปยังชั้นดาดฟ้า แล้วแกะกล่องเพื่อจัดเรียงระบบพลังน้ำแสงอาทิตย์โดยใช้ท่อ 18 ท่อก่อนที่ทีมจะได้รับคำใบ้ต่อไป ส่วนอุปสรรคของเลกนี้ สมาชิกที่ทำอุปสรรค จะต้องต่อชิ้นส่วนโมเดลที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วบริเวณ ให้เป็นไดโลโฟซอรัสจำลองขนาดจริง (ยาวประมาณ 6.1 เมตร) ซึ่งมีบันไดสูงช่วยในการต่อ โดยนักบรรพชีวินวิทยาอาจจะบอกให้สมาชิกต่อชิ้นส่วนใหม่ เมื่อเขาเห็นว่าลักษณะทางโครงสร้างของโมเดลไดโนเสาร์ไม่ปลอดภัย เมื่อสมาชิกสามารถต่อประกอบชิ้นส่วนของโมเดลไดโลโฟซอรัสได้อย่างถูกต้องแล้ว ทีมจะได้รับคำใบ้ต่อไป

ภารกิจเสริม
  • หลังจากที่ทีมทำภารกิจทางแยกเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทีมจะได้รับรูปภาพของสถานที่ต่อไปมา ซึ่งทีมจะต้องนึกให้ออกว่าสถานที่ต่อไปที่พวกเขาจะต้องไปคือศูนย์มรดกโลกจีนเขตย่อย ที่มีป้ายคำสั่งย้อนกลับรออยู่

เลก 6 (สาธารณรัฐประชาชนจีน → อินเดีย)[แก้]

บริเวณสวนสาธารณะรอบๆ อนุสาวรีย์วิคตอเรียในเมืองโกลกาตา เป็นบริเวณจุดหยุดพักที่หกของการแข่งขัน
  • คุนหมิง (ร้านชาจิ๋นฟูยิชาน) [金福驿站]
  • Flight: คุนหมิง (ท่าอากาศยานนานาชาติคุนหมิงวูเจี๋ยบา) ไป โกลกาตา, รัฐเบงกอลตะวันตก, อินเดีย อินเดีย (ท่าอากาศยานนานาชาติ Netaji Subhash Chandra Bose)
  • โกลกาตา (ศาลาว่าการเมืองโกลกาตา) >อุปสรรค ("Who's ready to drink in the scenery?") <
  • พื้นที่โจราซานโก (แผงขายชาติวาริ) >ทางแยก (Hindu Art or Bengali Literature) <
  • โกลกาตา (อนุสาวรีย์วิคตอเรีย – น้ำพุแห่งความหรรษา) >จุดหยุดพัก (เลก 6)<

สำหรับอุปสรรคของเลกนี้ สมาชิกที่ทำอุปสรรคจะต้องเข้าร่วมในพิธีการชิมชาของอินเดีย โดยเริ่มแรกนั้น พวกเขาจะต้องนำผลมะละกอ มะม่วงและจานรองชาที่ทีมได้รับก่อนที่จะออกมาจากเมืองคุนหมิง มาให้กับผู้เชี่ยวชาญชา จากนั้น สมาชิกจะต้องหาถ้วยชาที่มีน้ำชาที่ผสมมาจากมะละกอและมะม่วงเหมือนที่ทีมได้ชิมมาจากเมืองคุนหมิง ท่ามกลางถ้วยชากว่าร้อยๆใบ เมื่อสมาชิกหาชาที่ถูกต้องได้ ผู้เชี่ยวชาญจะมองที่บริเวณก้นถ้วย ถ้าหากตรงกับในหนังสือ เขาจะมอบคำใบ้ต่อไปแก่ทีม แต่ถ้าสมาชิกยกถ้วยมาไม่ถูกต้อง ขาจะบอกให้ไปหามาใหม่ (หลายๆทีมเลือกใช้วิธีการดมกลิ่นมะม่วงและมะละกอ) ส่วนทางแยกของเลกนี้ ทีมจะต้องเลือกระหว่างศิลปะฮินดู (Hindu Art) กับวรรณกรรมเบงกอล (Bengali Literature) โดยทีมที่เลือกศิลปะฮินดู จะต้องเดินทางไปยังร้านรูปปั้นราคาล พอลและลูกชาย (Rakhal Paul and Sons Statue Shop) เพื่อระบายสีและสวมเครื่องแต่งกายให้กับรูปปั้นเทพฮินดู นั่นก็คือพระพิฆเนศวร พร้อมกับสุนัข เมื่อทีมระบายสีและสวมชุดให้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ทีมจะได้รับคำใบ้ต่อไป ส่วนทีมที่เลือกวรรณกรรมเบงกอล จะต้องเดินทางไปยังสำนักพิมพ์เดอะเดย์ และหยิบกองหนังสือเด็กสอนภาษาเบงกอล "Introduction to the Bengali Alphabet" จำนวน 8 กองไปยังรถโรงเรียน 3 ล้อและเดินทางข้ามเมืองไปยังโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายและมหาวิทยาลัยวิกตอเรีย และค้นหาห้องสำนักงานของอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนประถม ที่พวกเขาจะขนส่งหนังสือและได้รับคำใบ้ต่อไปจากคุณครู

ภารกิจเสริม
  • ที่ร้านชาจิ๋นฟูยิชาน ทีมจะต้องเข้าร่วมในพิธีการชิมชาแบบจีนในร้าน โดยที่ทีมจะได้รับชาที่ผสมมาจากมะม่วงและมะละกอ ซึ่งในขณะนั้น ทีมจะไม่รู้ว่าจะเป็นส่วนที่ปรากฏในภารกิจอุปสรรคในเมืองโกลกาตา แล้วทีมจะได้รับคำใบ้ต่อไปพร้อมกับจานรองชาที่ทีมจะได้รับคำแนะนำว่าให้นำติดตัวไปด้วย เพื่อใช้ในภารกิจอุปสรรค
  • หลังจากที่สมาชิกทำภารกิจอุปสรรคเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทีมจะได้รับขวดน้ำชาสแนปเปิล ซึ่งทีมจะต้องนึกให้ออกว่าคำใบ้ต่อไปถูกพิมพ์ติดกับฝาขวด และเมื่อทีมเดินทางถึงแผงขายชาติวาริแล้ว ทีมจะต้องแลกขวดสแนปเปิลกับคำใบ้ต่อไป

เลก 7 (อินเดีย)[แก้]

ป้อมรามนครในเมืองรามนคร เป็นบริเวณจุดหยุดพักที่เจ็ดของการแข่งขัน
  • Flight: โกลกาตา (ท่าอากาศยานนานาชาติ Netaji Subhash Chandra Bose) ไป พาราณสี, รัฐอุตตรประเทศ (ท่าอากาศยานพาราณสี)
  • พาราณสี (แผงตองงา) >อุปสรรค ("Who's ready to search for the meaning of life?") <
  • พาราณสี (ทางลงแม่น้ำตุลซี - Swaminath Akhara) >ทางแยก (Feed the Fire or Feed the Buffalo) <
  • รามนคร (ป้อมรามนคร) >จุดหยุดพัก (เลก 7)<

สำหรับอุปสรรคของเลกนี้ สมาชิกที่ทำอุปสรรค จะต้องค้นหาพราหมณ์ทั้ง 6 คนที่อ้างอิงได้จากรูปถ่ายทั้งหกรูปที่ได้รับมาพร้อมกับคำใบ้ ซึ่งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับแผงตองงา โดยพราหมณ์แต่ละคนจะมีหนึ่งในหกส่วนของประโยค (เป็นความหมายของชีวิต ตามที่คำใบ้ในภารกิจอุปสรรคได้บอกเอาไว้) ได้แก่ Once, you're over, the, hill you, pick และ up speed ที่ถูกเขียนในเศษผ้า เมื่อสมาชิกหาได้รับครบทั้งหกส่วนแล้ว เขาหรือเธอจะต้องเดินทางหาพราหมณ์คนที่เจ็ด เพื่อเรียบเรียงข้อความที่กล่าวว่า "Once you're over the hill you pick up speed" เพื่อรับคำใบ้ต่อไปจากพราหมณ์ ส่วนทางแยกของเลกนี้ ทีมจะต้องเลือกระหว่างเติมไฟ (Feed the Fire) กับให้อาหารควาย (Feed the Buffalo) โดยทีมที่เลือกเติมไฟ จะต้องเดินทางไปยังทางลงแม่น้ำศักกา บริเวณที่ใช้ทำงาน ซึ่งเป็นสถานที่ที่ทีมจะต้องทำก้อนพลังงานชีวภาพที่ทำจากมูลของควายจำนวน 50 ก้อนแล้วแปะกับกำแพงเพื่อให้แห้ง ถ้าชาวบ้านรู้สึกพึงพอใจ ทีมจะต้องใช้ก้อนพลังงานชีวภาพแบบแห้งเพื่อจุดไฟใช้ต้มนมสำหรับเด็กๆในละแวกเพื่อรับคำใบ้ต่อไปจากเธอ แต่ถ้าชาวบ้านไม่รู้สึกพึงพอใจ โดยดูจากขนาดและสภาพ เธอจะเขี่ยออกและบอกให้แก้ไขใหม่ให้ถูกต้อง ส่วนทีมที่เลือกให้อาหารควาย จะต้องเดินทางโดยใช้แท็กซี่ทางน้ำไปยังเกาะที่อยู่ภายในแม่น้ำคงคาเพื่อหยิบหญ้าฟาง 2 ฟ่อน ซึ่งทีมจะต้องนำฟ่อนหญ้าฟางไปส่งให้กับ Baje Yadav ที่มีที่อยู่ให้พร้อมมัดมากับหญ้าฟางภายในเมืองพาราณสี ซึ่งเมื่อทีมจะต้องแลกหญ้าฟางฟ่อนกับคำใบ้ต่อไป

เลก 8 (อินเดีย → ออสเตรีย)[แก้]

ที่ปราสาทสฮอลล์เบิร์ก ทีมจะได้รับคำใบ้ต่อไปจากหน้าแรกของหนังสือที่มีหญิงสาวเปิดให้

สำหรับทางแยกในเลกนี้ ทีมจะต้องเลือกระหว่างการเดินที่ยากลำบาก (Long Hard Walk) กับอาหารที่ง่ายว่องไว (Quick Easy Meal) โดยทีมที่เลือกการเดินที่ยากลำบาก จะต้องเดินทางไปยังพิพิธภัณฑ์ซิกมุนด์ ฟรอยด์ (บ้านเก่าของซิกมุนด์ ฟรอยด์) โดยที่ทีมไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางโดยการขับรถยนต์ไป เพื่อนำโซฟาที่ใช้ในการวิเคราะห์จิต เหมือนกับที่เขาเคยใช้ในสมัยนั้นไปส่งยังสำนักงานเก่าของเขา นั่นก็คือห้อง Marietta-Blau-Saal ที่มหาวิทยาลัยเวียนนาซึ่งอยู่ห่างออกไป 1 ไมล์ (1.6 กิโลเมตร) เมื่อทีมขนส่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทีมจะได้รับคำใบ้ต่อไปจากเจ้าหน้าที่ภายในห้อง ส่วนทีมที่เลือกอาหารที่ง่ายว่องไว จะต้องเดินทางไปยังชิงช้าสวรรค์ที่ใหญ่ที่สุดภายในกรุงเวียนนา เพื่อที่จะนำอาหารประจำประเทศออสเตรีย ได้แก่ชนิกเกทล (ไก่ชุบแป้งทอด) 2 จานพร้อมกับเค้กซาเชอร์ จากนั้นพวกเขาจะต้องถืออาหารเพื่อขึ้นไปยังกระเช้าที่ใช้รับอาหาร ซึ่งพวกเขาจะต้องรับประทานทั้งหมดให้เรียบร้อย โดยมีนักดนตรีบรรเลงเพลงคลาสลิกคลอ ภายในการหมุนของชิงช้าสวรรค์ 1 รอบหรือ 12 นาทีก่อนที่จะได้รับคำใบ้ต่อไป แต่ถ้าหากทีมทำไม่สำเร็จ ทีมจะต้องเริ่มรับประทานใหม่ทั้งหมด ส่วนอุปสรรคของเลกนี้นั้น สมาชิกที่เลือกทำอุปสรรค จะต้องเลือกนักทำความสะอาดเตาผิง แล้วสวมชุดนักทำความสะอาดแบบท้องถิ่น จากนั้นจะต้องขึ้นไปยังบนหลังคาของอาคารเพื่อใช้เชือกที่ผูกลูกตุ้มที่ใช้ทำความสะอาด เพื่อทำความสะอาดหนึ่งในสามเตาผิงจำนวน 3 ครั้ง เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว สมาชิกจะต้องลงมายังห้องโถง เพื่อเปิดประตูที่ใช้ทำความสะอาดที่จะมีฝุ่นพร้อมคำใบ้ต่อไปของทีมรออยู่

ภารกิจเสริม
  • เมื่อทีมเดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติเวียนนาแล้ว ทีมจะต้องเดินทางไปยังหนึ่งในที่จอดรถและเลือกรถฟอร์ดโฟกัส ซึ่งภายในรถยนต์ ทีมจะได้รับข้อความจากฟิล คิโอแกน ที่จะบอกให้ทีมถอยรถเพิ่อใช้ระบบส่องกล้องจากด้านหลัง (MyFord Touch) สำหรับคำใบ้ต่อไป ซึ่งเมื่อทีมถอยรถแล้ว จะสามารถออกชื่อของสถานที่ต่อไปบนถนนได้ นั่นก็คือ ปราสาทสฮอลล์เบิร์ก (Schloss Schallaburg)
  • ที่ปราสาทสฮอลล์เบิร์ก ทีมจะได้รับหนังสือขนาดใหญ่ ที่บอกให้ทีมเดินทางไปยังหอสมุดแห่งชาติออสเตรีย และหาบรรณารักษ์ภายในหออันโอ่อ่าที่จะต้องแลกเปลี่ยนหนังสือกับคำใบ้ต่อไป

เลก 9 (ออสเตรีย → ลิกเตนสไตน์ → สวิตเซอร์แลนด์)[แก้]

สำหรับภารกิจอุปสรรคบริเวณเทือกเขาแอลป์ สมาชิกที่ทำอุปสรรคจะต้องขี่จักรยานติดเครื่องยนต์ VéloSoleX ข้ามอาณาบริเวณประเทศลิกเตนสไตน์ จากเมืองชานวัลด์ไปยังบาลเซอร์ส ก่อนที่จะพบกับสมาชิกอีกคนที่ปราสาทกูเตนเบอร์ก ซึ่งมารออยู่แล้ว

สำหรับงานเพิ่มเติมของแกรี่กับมอลลารี่นั้น พวกเขาจะต้องเตรียมส่วนผสมที่ถูกต้องระหว่างแก๊สโซลีนและน้ำมันเพื่อใช้เป็นพลังงานสำหรับจักรยานที่ใช้ในภารกิจอุปสรรค พวกเขาต้องตวงแก๊สโซลีน 25 ส่วนและน้ำมัน 1 ส่วน และต้องพยายามนึกให้ออกว่าส่วนผสมต้องการปริมาณแก๊สโซลีนจำนวน 2 ลิตร ส่วนอุปสรรคของเลกนี้นั้น สมาชิกที่เลือกทำอุปสรรคจะต้องใช้เครื่องมือวัดระยะทางและจักรยานติดเครื่องยนต์ VéloSoleX เพื่อวัดระยะทางความยาวทั้งหมดของประเทศลิกเตนสไตน์ โดยขับขี่จากเมืองชานวัลด์ไปยังบาลเซอร์ส เมื่อถึงบริเวณที่กำหนด ซึ่งมีป้ายธงชาติประเทศอยู่ สมาชิกจะได้พบกับมาร์โค บูเชล นักกีฬาเก่าสกีเทือกเขาในโอลิมปิกฤดูหนาว ที่พวกเขาจะต้องบอกระยะทางหรือเขียนใส่ในกระดาษโปสการ์ดที่พวกเขาขี่มา นั่นก็คือ 22 กิโลเมตร ถ้าพวกเขาบอกได้ถูกต้อง บูเชลจะบอกให้เดินทางไปยังปราสาทกูเตนเบิร์ก ที่ที่พวกเขาจะพบกับเพื่อนร่วมทีมของเขาที่มารออยู่แล้วและอ่านคำใบ้ต่อไป แต่ถ้าพวกเขาบอกผิด พวกเขาจะต้องขี่กลับไปยังเมืองชานวัลด์และเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด และทางแยกของเลกนี้ในเมืองเซอร์แม็ท ทีมจะต้องเลือกระหว่างเนยแข็ง (Cheese) กับเสียงฮืด (Wheeze) ซึ่งทีมที่เลือกเนยแข็ง จะต้องเดินทางไปยังภัตตาคาร Walliserkanne Zermatt ที่พวกเขาจะต้องรับประทานฟงดูว์เนย โดยจิ้มทานกับขนมปังให้หมดทั้งหม้อ เมื่อทีมรับประทานจนหม้อว่างแล้ว เจ้าของภัตตาคารจะมอบหม้อฟงดูว์เปล่าที่มีชื่อของสถานที่ต่อไปบริเวณก้นหม้อ ส่วนทีมที่เลือกเสียงฮืด ทีมจะต้องเดินทางไปยังสถานีรถไฟเซอร์แม็ท เพื่อแต่งตัวเป็นพนักงานถือกระเป๋า และขนส่งกระเป๋าเดินทางในรถเข็นจำนวน 20 ใบไปยังโรงแรมอย่างน้อย 5 แห่งในเมืองเซอร์แม็ท (เช่น Hotel Metropol Spa, Zermatt Alpen hof~ Hotel, Hotel Primavera, Hotel Tschugge, Grand Hotel Zermatterhof, Schlosshotel Tenne, Hotel Astoria, Mont Cervin Palace, Hodel Ambassador) ซึ่งผู้จัดการจะมอบบัตรตอบรับกลับมาให้ เมื่อทีมทำได้สำเร็จแล้ว ทีมจะได้รับคำใบ้ต่อไปจากผู้ขนสัมภาระที่สถานีรถไฟเซอร์แม็ท

เลก 10 (สวิตเซอร์แลนด์)[แก้]

ในเลกนี้ ทีมจะต้องเดินทางไปยังเทือกเขาแมตเตอร์ฮอร์น ซึ่งเป็นที่ที่ทีมจะต้องปฏิบัติการช่วยชีวิตชีวิตบนภูเขา: ธีมหลักของทางแยกครั้งนี้

In this Leg's Detour, teams chose between two mountain rescue tasks: Search and Rescue. In Search, teams used a set of avalanche beacons to search the Matterhorn for a dummy buried in the snow; they then had to dig out the whole dummy before they could receive their next clue. In Rescue, teams used a special hoisting device to rescue a mountaineer trapped in a crevasse. One team member had to lower his or her teammate into the crevasse; the lowered teammate then had to attach a carabiner to the mountaineer. The teammate at the top then had to raise the pair back to the surface; once at the top, the rescued mountaineer would give them their next clue. In this Leg's Roadblock, one team member made a Travelocity Roaming Gnome out of Swiss chocolate. First, the team member had to decorate a chocolate mold with colored chocolate. Once the mold was properly decorated, the team member had the mold filled with chocolate and then buried it in the snow outside for 30 minutes in order to harden the chocolate. They then removed the gnome from the mold and covered up imperfections with more colored chocolate. Once the head chocolatier approved the gnome, teams would receive a real Roaming Gnome and their next clue.

ภารกิจเสริม
  • Upon arriving at the Air Rescue Helicopter Port, teams had to sign up for a series of helicopter flights to their next location, each leaving at 5 minute intervals. Before they left on their flight, they would receive their next clue for the Detour before being flown onto the Matterhorn.

เลก 11 (สวิตเซอร์แลนด์ → บราซิล)[แก้]

ขณะที่ทีมไปถึง รีโอเดจาเนโร ทีมจะต้องเดินทางต่อไปยัง ชายหาดโคพาคาบานา เพื่อแว็กซ์ขนก่อนจะเริ่มงานทางแยกของเลกนี้

In this leg's Roadblock, one team member had to participate in a Rio Carnival parade. After putting on special costumes, teams learned the samba and then led a parade of dancers. If the Carnival Princess approved their dance, teams would receive their next clue; if not, they would be sent back to relearn the dance and try again. The Detour was a choice between On the Rocks and On the Beach. In On the Rocks, teams traveled to the Espacio X bar on Copacabana beach where they learned to make caipirinhas. Once they made 100 proper caipirinhas, they would receive their next clue. In On the Beach, teams had to pick up an umbrella loaded with bikinis and a mobile changing station and sell the bikinis to people on the beach. The buyers then had to change into the bikinis in the mobile changing station. Once teams earned R$100 (approximately US$60), they would receive their next clue.

ภารกิจเสริม
  • Upon arriving at the Escadaria Selarón, teams had to search the tile-covered steps for a Route Info tile that would have their next clue on the back.
  • At the salon in Copacabana, teams had to undergo a Brazilian body waxing session for 15 minutes. Once the time was up, the beauticians would give teams their next clue.

เลก 12 (บราซิล → สหรัฐอเมริกา)[แก้]

พีเจียนคีย์ โดยอยู่ที่ปลายสุดของ สะพานเก่าแก่เจ็ดไมล์ ใน ฟลอริดาคีย์ ซึ่งเป็นเส้นชัยของ ดิ อะเมซิ่ง เรซ.
  • Flight: รีโอเดจาเนโร (สนามบินนานาชาติรีโอเดจาเนโร-กาลิเยโอ) ไป ไมอามี่, ฟลอริดา, สหรัฐอเมริกา สหรัฐ (สนามบินนานาชาติไมอามี่)
  • เวอร์จีเนียร์คีย์ (ไมอามี่ มาร์รีน เสตเดียม) >อุปสรรค ("Who's confident about handling a boat?") <
  • คีย์ลาโก้ (สวนใต้ทะเลของจู) >อุปสรรค ("You're going on a treasure hunt") <
  • บิ๊กเพ็นคีย์ (ถนนเส้นทางที่ 1 หลักไมล์ที่ 29)
  • เกาะโฮไรชู
  • Ferry: บิ๊กเพ็นคีย์ ไป มาราฮาน, ฟลอริดา (สวนรถบ้านเคลื่อนที่ แกลเวย์ เบล์)
  • สะพานเก่าแก่เจ็ดไมล์ ไป พีเจียนคีย์ >จุดหยุดพัก (เส้นชัย)< (เส้นชัย)

In the first Roadblock of this leg, one team member had to learn how to operate a heavy load forklift to move a boat into drydock without dropping the boat which would destroy it. Once the boat was successfully moved, teams would receive their next clue. In the second Roadblock, one team member had to use a BOBdive submersible to search the lagoon of the Jules' Undersea Lodge for one of several floating treasure chests that contained their next clue, while being surrounded by distracting mermaid divers.

ภารกิจเสริม
  • Upon completing the second Roadblock, teams were given a riddle telling them to go to the Sea Camp near a mile marker on Big Pine Key by "subtract[ing] 4 from 33" (Mile Marker 29).
  • Upon arriving at Mile Marker 29, teams were instructed to walk across a shallow portion of the Atlantic Ocean to Horseshoe Island where they would find their next clue underneath the island's tallest tree. After getting the clue, teams were instructed to walk back to Big Pine Key where they would take a speedboat to the Galway Bay Mobile Home Park in Marathon.
  • At Galway Bay, teams had to set up a travel trailer as it appeared in a brochure for Galway Bay. Once the trailer was set up with a lawn, a pool, plastic flamingoes, and a table setting, among other amenities, teams would receive their next clue.
  • At the Old Seven Mile Bridge, teams had to ride tricycles along the bridge to Pigeon Key, where the Finish Line was located.

อ้างอิง[แก้]

  1. Hibberd, James (Hollywood Reporter) (2010-11-03). ""Amazing Race" finally getting HD upgrade". Reuters. สืบค้นเมื่อ 2010-11-03.
  2. "Amazing Race Getting HD Upgrade". Hollywood Reporter. 2010-11-02. สืบค้นเมื่อ 2010-11-02.
  3. 3.0 3.1 Levin, Gary (2011-01-19). "11 'Amazing Race' teams return to finish what they started". USA Today. สืบค้นเมื่อ 2011-01-19.
  4. Martin, Lara (2011-01-19). "Amazing Race' all-stars cast revealed". Digital Spy. สืบค้นเมื่อ 2011-01-19.

ดูเพิ่ม[แก้]