ข้ามไปเนื้อหา

เวทีทอง

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก เวทีทอง เวทีเธอ)
เวทีทอง
เป็นที่รู้จักกันในชื่อ
  • เวทีทอง เนเวอร์ดาย
  • เวทีทอง เมจิก
  • เวทีทอง ซิกส์ทีน
  • เวทีทอง เวทีเธอ
ประเภทเกมโชว์
เสนอโดยดูในบทความ
ประเทศแหล่งกำเนิดประเทศไทย
ภาษาต้นฉบับภาษาไทย
จำนวนฤดูกาล8
การผลิต
ผู้อำนวยการผลิต
สถานที่ถ่ายทำ
ความยาวตอน60 นาที
บริษัทผู้ผลิตเวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์
ออกอากาศ
เครือข่าย
ออกอากาศดูในบทความ

เวทีทอง เป็นรายการเกมโชว์และรายการโทรทัศน์รายการแรกของ บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) ออกอากาศครั้งแรกเมื่อวันเสาร์ที่ 14 ตุลาคม 2532 ทางช่อง 7 และย้ายไปออกอากาศทางช่อง 3 เมื่อวันเสาร์ที่ 3 มกราคม 2541 และย้ายไปออกอากาศทางช่อง 5 เมื่อวันเสาร์ที่ 7 สิงหาคม 2542 จนกระทั่งออกอากาศครั้งสุดท้ายเมื่อวันเสาร์ที่ 13 มกราคม 2550 โดยได้นำรายการ ตู้ซ่อนเงิน ขึ้นมาแทน

ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 10 มกราคม 2559 ได้กลับมาออกอากาศอีกครั้งทางช่องเวิร์คพอยท์[1][2] ในชื่อ "เวทีทอง เวทีเธอ" ออกอากาศทุกวันอาทิตย์เวลา 13:00 - 14:00 น.[3] ก่อนเปลี่ยนชื่อรายการกลับมาเป็น "เวทีทอง" อีกครั้งตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2562 จนถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2565 ช่องเวิร์คพอยท์ได้นำรายการใหม่คือรายการ Game Room ห้องชนเกม มาออกอากาศตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2565 จนถึงวันที่ 29 มกราคม 2566 จึงได้นำละครซิทคอมใหม่เรื่อง เจ๊ไฝยอดนักสืบ มาออกอากาศแทน

ประวัติ

[แก้]

รายการเวทีทองออกอากาศครั้งแรกเมื่อวันเสาร์ที่ 14 ตุลาคม 2532 โดยรูปแบบรายการเวทีทองในยุคแรก (14 ตุลาคม 2532 - 25 สิงหาคม 2533) เป็นการเปิดโอกาสให้นักแสดงอาชีพ,ดารา,ผู้เข้าแข่งขันทางบ้านที่มีความสามารถมาแสดงอะไรก็ได้บนเวที หต่อมาในวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2533 ได้ปรับรูปแบบรายการเป็นรายการเกมโชว์เกี่ยวกับภาษาซึ่งมีผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด 3 คน โดยได้เปลี่ยนพิธีกรจาก ปัญญา นิรันดร์กุล เป็น ซูโม่เจี๊ยบ-วัชระ ปานเอี่ยม และผู้เข้าแข่งขันกลุ่มแรกในยุคเกมโชว์ได้แก่ ดิเรก อมาตยกุล , มยุรา ธนะบุตร และ จุ๋มจิ๋ม เข็มเล็ก ซึ่งรายการมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบรายการอยู่หลายครั้ง[ต้องการอ้างอิง] โดยมีการเปลี่ยนชื่อรายการด้วย ดังนี้

ชื่อ ช่วงปี ระยะเวลาของชื่อรายการ ออกอากาศ หมายเหตุ
เวทีทอง 14 ตุลาคม 2532 - 28 พฤษภาคม 2537 4 ปี 7 เดือน 14 วัน ช่อง 7 ตั้งแต่ปี 2545 ได้เปลี่ยนชื่อรายการกลับมาเป็น "เวทีทอง" จนถึงปี 2547
และใช้อีกครั้งตั้งแต่ปี 2548 - ปี 2550 และกลับมาใช้ชื่อเดิมอีกครั้งตั้งแต่ปี 2562 จนถึงปี 2565
4 พฤษภาคม 2545 - 31 มกราคม 2547 2 ปี 8 เดือน 27 วัน ช่อง 5
20 สิงหาคม 2548 - 13 มกราคม 2550 1 ปี 4 เดือน 24 วัน
1 กันยายน 2562 - 13 กุมภาพันธ์ 2565 2 ปี 5 เดือน 12 วัน ช่องเวิร์คพอยท์
เวทีทอง เนเวอร์ดาย (NEVER DIE) 4 มิถุนายน 2537 - 11 กรกฎาคม 2541 3 ปี 11 เดือน 26 วัน ช่อง 7
ช่อง 3
เวทีทอง เมจิก (MAGIC) 18 กรกฎาคม 2541 - 27 เมษายน 2545 3 ปี 10 เดือน 21 วัน
ช่อง 5
เวทีทอง ซิกส์ทีน (16TH) 7 กุมภาพันธ์ 2547 - 13 สิงหาคม 2548 1 ปี 6 เดือน 6 วัน
เวทีทอง เวทีเธอ 10 มกราคม 2559 - 25 สิงหาคม 2562 3 ปี 7 เดือน 15 วัน ช่องเวิร์คพอยท์ รายการ "เวทีทอง" กลับมาอีกครั้งในรูปแบบใหม่ในชื่อ "เวทีทอง เวทีเธอ" หลังจากที่ห่างหายไปถึง 8 ปี 11 เดือน 28 วัน

ภายหลังจากยุคเวทีทองในยุคที่ กิ๊ก-เกียรติ กิจเจริญ และ หม่ำ จ๊กมก-เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา เป็นพิธีกรผ่านพ้นไปแล้ว เวทีทองในยุค แอนดี้ เขมพิมุก และ DJภูมิ-ภูมิใจ ตั้งสง่า นั้น กระแสความนิยมเริ่มลดลง แม้ว่าในช่วงซิกซ์ทีนจะยังคงได้รับความนิยมอยู่ก็ตาม ทั้งนี้ ด้วยองค์ประกอบหลายๆ ด้าน ตลอดจนกระแสของรายการเกมโชว์ที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมส่งผลทำให้รายการเวทีทอง ได้รับผลกระทบอย่างมาก[4] โดยเฉพาะอย่างยิ่งการถูกย้ายเวลามาอยู่ในวันเสาร์ เวลา 22.00 น.[ต้องการอ้างอิง]

ในปี 2559 ช่องเวิร์คพอยท์ได้ผลิตรายการใหม่เพิ่มอีกหลายรายการ รวมทั้งการนำรายการเวทีทองกลับมาทำใหม่ในชื่อ "เวทีทอง เวทีเธอ"[2] ออกอากาศครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2559 โดยมีพิธีกรคู่ใหม่ คือ เสนาหอย-เกียรติศักดิ์ อุดมนาค และ แจ๊ส ชวนชื่น-ผดุง ทรงแสง[5] ก่อนที่จะเปลี่ยนพิธีกรอีกครั้งจากเสนาหอยเป็น อุล-ภาคภูมิ จงมั่นวัฒนา ตั้งแต่วันที่ 14 กรกฎาคม จนถึงวันที่ 25 สิงหาคม 2562 และเปลี่ยนชื่อรายการกลับมาเป็น "เวทีทอง" อีกครั้ง ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2562 จนถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2565

ผู้ดำเนินรายการ

[แก้]
ชื่อ ชื่อในวงการ ช่วงปี ระยะเวลาที่เป็นพิธีกร หมายเหตุ
ปัญญา นิรันดร์กุล 14 ตุลาคม 2532 - 24 กุมภาพันธ์ 2533 4 เดือน 10 วัน
วัชระ ปานเอี่ยม ซูโม่เจี๊ยบ 3 มีนาคม 2533 - 25 เมษายน 2535 1 ปี 1 เดือน
เสกสรรค์ ชัยเจริญ หนุ่มเสก 16 พฤษภาคม - 12 กันยายน 2535 3 เดือน 27 วัน เป็นพิธีกรที่อยู่ได้สั้นที่สุด
เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา หนุ่มหม่ำ 16 พฤษภาคม 2535 - 31 มกราคม 2547 11 ปี 8 เดือน 15 วัน (ช่วงแรกใช้ชื่อว่า หนุ่มหม่ำ เพื่อให้คล้องจองกับ หนุ่มเสก) เป็นพิธีกรที่อยู่ได้นานที่สุดคู่กับซูโม่กิ๊ก

เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2547 และวันที่ 16 ธันวาคม 2561 หม่ำ จ๊กมก ได้กลับเข้ามาในรายการเวทีทองอีกครั้งในฐานะผู้เข้าแข่งขันในยุคซิกซ์ทีนและยุคเวทีทอง เวทีเธอ

หม่ำ จ๊กมก
เกียรติ กิจเจริญ ซูโม่กิ๊ก 19 กันยายน 2535 - 31 มกราคม 2547 11 ปี 4 เดือน 11 วัน เป็นพิธีกรที่อยู่ได้นานที่สุดคู่กับหม่ำ ในช่วงที่ซูโม่กิ๊กรับหน้าที่เป็นพิธีกร เขายังรับหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ของรายการด้วย
แอนดี้ เขมพิมุก แอนดี้ DRAGON FIVE 7 กุมภาพันธ์ 2547 - 13 มกราคม 2550 2 ปี 11 เดือน 6 วัน
ภูมิใจ ตั้งสง่า DJ ภูมิ
เกียรติศักดิ์ อุดมนาค เสนาหอย 10 มกราคม 2559 - 30 มิถุนายน 2562 3 ปี 5 เดือน 20 วัน
ผดุง ทรงแสง แจ๊ส ชวนชื่น 10 มกราคม 2559 - 13 กุมภาพันธ์ 2565 6 ปี 1 เดือน 3 วัน
ภาคภูมิ จงมั่นวัฒนา อุล หกฉาก 14 กรกฎาคม 2562 - 13 กุมภาพันธ์ 2565 2 ปี 7 เดือน 6 วัน

รูปแบบรายการ

[แก้]

รายการเวทีทองจะแบ่งเป็น 3 ช่วงหลัก ๆ โดยจะเปลี่ยนแปลงตามรูปแบบของรายการและปีที่ออกอากาศ ดังนี้

ชื่อช่วง ช่วงปี หมายเหตุ
ช่วงที่ 1
โชว์ความสามารถ 2532 - 2533
สกัดดาวรุ่ง 2533 - 2535
ภาพปริศนา (ปริศนาจ๊กมก) 2536 - 2550
2559 - 2565
ช่วงที่ 2
โชว์ความสามารถ ช่วงที่ 2 2532 - 2533
หาดาวทอง (คำปริศนา) 2533 - 2545
พาดหัวข่าว 2545 - 2547
คำปริศนา 2547 - 2550
2559 - 2565
ข้อความปริศนา
รอบตกรอบ (หาดาวเทียม) 2533 - 2535
กล่องทองคำ (1 บาท / 5 บาท) 2535 - 2539
เปิดแผ่นป้ายสะสมทอง 2539 - 2550
ช่วงที่ 3 (รอบ JACKPOT,BONUS)
ช่วงชิงชนะเลิศ 2532 - 2533
ชั่งทอง 2533 - 2545
2562 - 2565
เปิดแผ่นป้ายชิงทอง 2545 - 2550
กล่องทองคำปริศนา (ชิงทอง) 2559 - 2562

กติกา

[แก้]

ยุคซูโม่เจี๊ยบ (2533 - 2535) / หนุ่มเสก-หนุ่มหม่ำ (2535)

[แก้]

สกัดดาวรุ่ง

[แก้]

กติกา คือ ทางรายการจะมีคำปริศนา 2 คำ โดยจะมาในรูปแบบ VTR มาให้ผู้เข้าแข่งขันได้ดูเพื่อจับใจความถึงคำๆ นั้น ผู้เข้าแข่งขันจะต้องกดปุ่มให้ไฟติด โดยจะมี 3 ปุ่ม แต่ละปุ่มจะอยู่ในตำแหน่งที่ต่างกัน (หน้า/ล่าง/หลัง) และปุ่มของแต่ละโพเดียมจะมีสัญลักษณ์ต่างกัน (สามเหลี่ยม/วงกลม/สี่เหลี่ยม) หากไฟติดที่ใคร คนนั้นจะมีสิทธิ์ตอบก่อน ต่อมาเป็นปุ่มเหยียบในช่อง สี่เหลี่ยม 25 ปุ่ม หากตอบถูกจะได้ผ่านเข้ารอบไปก่อน หากไม่มั่นใจก็สามารถโยนสิทธิ์ให้ผู้เข้าแข่งขันท่านอื่นได้ แต่ถ้าหากตอบผิด คะแนนจะติด –1 หากตอบผิดครบ 4 ครั้ง คะแนนจะกลายเป็น -4 (ต่อมาลดเหลือ 3 ครั้ง คะแนนจะกลายเป็น -3) ผู้เข้าแข่งขันท่านนั้นจะตกรอบทันที หลังจากนั้นทางรายการจะมีคำใบ้มาให้ผู้เข้าแข่งขันเพิ่มเติม จนกว่าจะมีคนที่ตอบถูก แต่ในบางสัปดาห์ก็จะมีผู้เข้าแข่งขันจากทางบ้านมาร่วมแข่งขันกับดารารับเชิญ

หาดาวทอง (คำปริศนา)

[แก้]

กติกา คือ ทางรายการจะมีแผ่น CD 4 แผ่น แบ่งเป็น 2 ชุด ชุดละ 10 คำ โดยชุดที่ 1 และ ชุดที่ 2 จะมีคะแนนชุดละ 1 คะแนน ส่วนชุดที่ 3 และ ชุดที่ 4 จะมีคะแนนชุดละ 2 คะแนน ผู้เข้าแข่งขันที่เข้ามาก่อนมีสิทธิ์เลือกแผ่น CD และตอบคำถามในหมวดเดียวกันให้ถูกภายในเวลา 45 วินาที โดยคำแรกของแต่ละชุดจะขึ้นต้นเหมือนกันทั้ง 10 คำ และโจทย์ในแต่ละชุดจะเป็นความหมายหรือคำที่เกี่ยวข้องกับคำๆ นี้ หากตอบคำใดไม่ได้ให้พูดคำว่า "ข้าม" พิธีกรก็จะอ่านโจทย์ใหม่ และพออ่านครบ 10 ข้อ พิธีกรจะวนกลับมาอีกครั้งในกรณีเวลายังไม่หมด หลังจากตอบคำปริศนาครบทั้ง 2 ชุด ผู้แข่งขันคนใดทำคะแนนได้มากกว่า จะกลายเป็นดาวทองหรือแชมป์ประจำสัปดาห์ทันที หากผู้แข่งขันทำคะแนนเสมอกัน จะต้องตอบคำถามชุดพิเศษ หากผู้แข่งขันคนใดได้คะแนนมากกว่าก็จะเป็นดาวทอง แต่หากเสมอกันอีกก็ต้องแข่งกันจนกว่าจะมีผู้ชนะ

ชั่งทอง

[แก้]

ก่อนจะเข้าไปเล่นเกมชั่งทอง ผู้แข่งขันที่เป็นดาวทองจะได้รับเหรียญดาวทองในการรักษาตำแหน่ง และดาวทองยังมีสิทธิ์กลับมารักษาตำแหน่งดาวทองจนกว่าจะมีดาวทองคนใหม่ หากผู้เข้าแข่งขันดาวทองสามารถรักษาตำแหน่งทุก 3 สมัย จะได้รับตั๋วเครื่องบินกรุงเทพฯ-ญี่ปุ่น จากสายการบิน ANA ออล นิปปอน แอร์เวย์ ในส่วนของแผ่นป้ายนั้น มีแผ่นป้ายทั้งหมด 10 แผ่นป้าย โดยแต่ละแผ่นป้ายจะมีสิ่งของที่มีน้ำหนัก 1 กิโลกรัม โดยเลือกมา 1 แผ่นป้าย เปิดเจออะไรจะได้ของชิ้นนั้น และนำไปแปรสภาพเป็นทองคำหนัก 1 กิโลกรัม ต่อมาเปลี่ยนแผ่นป้ายเป็น 5 ครั้ง 8 แผ่นป้าย ที่เหลือเป็นเลข 4 และเลข 6 หากสามารถหยิบของที่มีน้ำหนัก 1 กิโลกรัมขึ้นไป ครบทั้ง 3 ชิ้น จากทั้งหมด 15 ชิ้น โดยกำหนดการชั่งไว้ที่ 5 ครั้ง สามารถผิดได้ 2 ครั้ง หากหยิบของนำมาชั่งผิดเป็นครั้งที่ 3 เกมจะยุติลงทันที ต่อมาได้เป็นผิดเกินจำนวนครั้งที่กำหนดจากป้าย ในส่วนของตาชั่งนั้น จะกำหนดเขตไว้ 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นสีทองคือเขตของน้ำหนัก 1 กิโลกรัมขึ้นไป และส่วนที่เป็นสีเทาคือเขตของน้ำหนักที่มีน้อยกว่า 1 กิโลกรัม

ยุคกิ๊ก-หม่ำ (2535 - 2547)

[แก้]

ในยุคที่เปลี่ยนแปลงพิธีกรจาก หนุ่มเสก-เสกสรร ชัยเจริญ มาเป็น ซูโม่กิ๊ก-เกียรติ กิจเจริญ รายการเวทีทองได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบและกติกาใหม่ตามปีที่ออกอากาศ ดังนี้

สกัดดาวรุ่ง (2535)

[แก้]

กติกา คือ ทางรายการจะมีคำปริศนา 2 คำ โดยจะมาในรูปแบบ VTR มาให้ผู้เข้าแข่งขันได้ดูเพื่อจับใจความถึงคำๆ นั้น ผู้เข้าแข่งขันจะต้องกดปุ่มให้ไฟติด โดยจะมี 25 ปุ่มในช่องสี่เหลี่ยมคล้าย dancing pad หากไฟติดที่ใคร คนนั้นจะมีสิทธิ์ตอบก่อน หากตอบถูกจะได้ผ่านเข้ารอบไปก่อน หากไม่มั่นใจก็สามารถโยนสิทธิ์ให้ผู้เข้าแข่งขันท่านอื่นได้ แต่ถ้าหากตอบผิด คะแนนจะติด –1 หากตอบผิดครบ 3 ครั้ง คะแนนจะกลายเป็น -3 ผู้เข้าแข่งขันท่านนั้นจะตกรอบทันที หลังจากนั้นทางรายการจะมีคำใบ้มาให้ผู้เข้าแข่งขันเพิ่มเติม จนกว่าจะมีคนที่ตอบถูก แต่ในบางสัปดาห์ก็จะมีผู้เข้าแข่งขันจากทางบ้านมาร่วมแข่งขันกับดารารับเชิญ

ปริศนาจ๊กมก (2536 - 2547)

[แก้]

ทางรายการจะมีภาพปริศนาทั้งหมด 5 ภาพให้ผู้เข้าแข่งขันเห็น ซึ่งแต่ละภาพจะเป็นผลงานของทีมงานที่ทำขึ้นมาเองหรือจะเป็นผลงานจากทางบ้านก็ได้ โดยหม่ำ จ๊กมก จะเป็นผู้ที่คัดเลือกภาพผลงานของทางบ้านมา ในแต่ละสัปดาห์หากภาพผลงานของใครได้รับออกอากาศจะได้ของรางวัลจากทางรายการ (ในปี 2536 ยังเป็นภาพผลงานที่คิดขึ้นเองจากทีมงาน) และซูโม่กิ๊กจะเป็นผู้อธิบายภาพ คอยให้คำใบ้ไปคร่าว ๆ และบอกว่าภาพนี้มีกี่พยางค์ ผู้แข่งขันจะต้องเหยียบปุ่มไฟที่พื้น 25 ปุ่ม ต่อมาลดเหลือ 16 ปุ่ม หากไฟติดที่ใคระมีสิทธิตอบก่อน และต้องตอบออกมาภายในเวลา 7 วินาที หากคำตองยังไม่ถูกตอบออกมาผู้เข้าแข่งขันท่านต่อไปก็จะมีสิทธิ์ตอบ หากยังตอบไม่ได้อีก พิธีกรจะใบ้เพิ่มและหากผู้เข้าแข่งขันตอบได้ 2 คะแนนก่อนจะได้เข้ารอบ สำหรับผู้ที่ตกรอบจะได้รับทองคำหนัก 1 บาทจากทางรายการ

คำปริศนา (2535 - 2545)

[แก้]

กติกา คือ ทางรายการจะมีแผ่น CD 4 แผ่น แบ่งเป็น 2 ชุด ชุดละ 10 คำ โดยชุดที่ 1 และ ชุดที่ 2 จะมีคะแนนชุดละ 1 คะแนน ส่วนชุดที่ 3 และ ชุดที่ 4 จะมีคะแนนชุดละ 2 คะแนน [ในช่วงปี 2536 - 2541 (เวทีทอง ยุคที่ 3 และยุค NEVER DIE) เปลี่ยนจากแผ่น CD มาเป็นแผ่นดิสก์ และกลับมาใช้แผ่น CD อีกครั้งตั้งแต่ปี 2541 (เวทีทอง MAGIC)] ผู้เข้าแข่งขันที่เข้ารอบมาก่อนจะมีสิทธิ์เลือกแผ่น CD และตอบคำถามในหมวดเดียวกันให้ถูกภายในเวลา 45 วินาที โดยคำแรกของแต่ละชุดจะขึ้นต้นเหมือนกันทั้ง 10 คำ และโจทย์ในแต่ละชุดจะเป็นความหมายหรือคำที่เกี่ยวข้องกับคำๆ นี้ หากตอบคำใดไม่ได้ให้พูดคำว่า "ข้าม" และพิธีกรก็จะอ่านโจทย์ใหม่ พออ่านครบ 10 ข้อ พิธีกรจะวนกลับมาอีกครั้งในกรณีเวลายังไม่หมด หลังจากตอบคำปริศนาครบทั้ง 2 ชุด ผู้แข่งขันคนใดทำคะแนนได้มากกว่า จะกลายเป็นผู้ชนะทันที หากผู้แข่งขันทำคะแนนเสมอกัน จะต้องตอบคำถามชุดสำรองอีกคนละ 1 ชุด หากผู้แข่งขันคนใดได้คะแนนมากกว่าก็จะเป็นผู้ชนะ โดยทั้ง 2 รอบ หากผู้แข่งขันคนใดสามารถทำคะแนนได้ครบ 30 คะแนน จะได้รับทองคำหนัก 1 บาท จะได้ทองคำพิเศษหนัก 1 บาท (ในปี 2537 ช่วงที่โทรทัศน์สี DISTAR เป็นผู้สนับสนุนมอบรางวัล รางวัลพิเศษที่ได้ไป คือ โทรทัศน์สีขนาด 14 นิ้ว 1 เครื่อง)

ทายตัวอักษร (2540)

[แก้]

กติกา คือ โดยก่อนที่จะเล่นจะต้องเลือกแผ่นป้ายจากผู้สนับสนุน 10 แผ่นป้าย ในแต่ละแผ่นป้ายจะมีเวลากำหนดไว้ 3 เวลา คือ 30 วินาที , 60 วินาที อย่างละ 1 แผ่นป้าย และ 45 วินาที 8 แผ่นป้าย โดยเลือกมารอบละ 1 แผ่นป้าย ได้เวลาเท่าไหร่จะเป็นเวลากำหนดในการอ่านประโยคปริศนา และในส่วนของชุดประโยคนั้นจะมีทั้งหมด 4 ชุด แบ่งเป็น 2 ชุด ชุดละ 1 วรรคต่อ 1 แผ่น รวมทั้งหมด 10 แผ่น โดยชุดที่ 1 และ ชุดที่ 2 จะมีคะแนนชุดละ 1 คะแนน ส่วนชุดที่ 3 และ ชุดที่ 4 จะมีคะแนนชุดละ 2 คะแนน โดยแต่ละวรรคตอน ตัวอักษรจะแทนที่ด้วยสัญลักษณ์ที่สื่อถึงอักษรตัวนั้น (เช่น ตัวอักษร ช.ช้าง จะเป็นรูปช้างมาแทนที่ , ตัวอักษร ซ.โซ่ จะเป็นรูปโซ่มาแทนที่ เป็นต้น) และจะต้องอ่านให้ถูกต้องตามเวลาที่ได้มา หากอ่านวรรคไหนไม่ได้ให้พูดคำว่า "ข้าม" พิธีกรก็จะนำวรรคที่อ่านไม่ได้ไปซ้อนไว้ข้างหลัง และอ่านวรรคใหม่ ส่วนวรรคที่อ่านได้ถูกต้องจะนำมาวางไว้ข้างล่าง และพอครบ 10 วรรค พิธีกรจะนำวรรคเดิมที่อ่านไม่ได้วนกลับมาอีกครั้ง โดยทั้ง 2 รอบ หากผู้แข่งขันคนใดสามารถทำคะแนนได้ครบ 30 คะแนน จะได้ทองคำพิเศษหนัก 1 บาท

พาดหัวข่าว (2545 - 2547)

[แก้]

กติกา คือ จะมีโจทย์จากภาพหนังสือพิมพ์ 4 ฉบับ แบ่งเป็นรอบละ 2 ฉบับ โดยฉบับที่ 1 และฉบับที่ 2 มีคะแนนตำแหน่งละ 1 คะแนน ส่วนฉบับที่ 3 และฉบับที่ 4 มีคะแนนตำแหน่งละ 2 คะแนน ในแต่ละโจทย์จะแยกออกมาเป็น 9 คำ โดยจะต้องเรียงหัวข้อข่าวให้ถูกต้องภายในเวลา 45 วินาที หากทั้ง 2 รอบ ผู้แข่งขันสามารถเรียงหัวข้อข่าวให้ถูกครบ 9 ตำแหน่ง ภายในครั้งแรก จะได้รับทองคำพิเศษหนัก 1 บาท (ในรอบนี้มีคะแนนเต็มทั้งหมด 27 คะแนน)

ชั่งทอง (2535 - 2545)

[แก้]

ก่อนจะเข้าไปเล่นเกมชั่งทอง จะมีแผ่นป้ายผู้สนับสนุนรายการทั้งหมด 10 แผ่นป้าย (ในปี 2539 เพิ่มจำนวนป้ายเป็น 12 แผ่นป้าย ในปี 2541-2542 เปลี่ยนเป็นป้ายเผู้สนับสนุนหลัก 12 แผ่นป้าย และกลับมาใช้เป็นป้ายผู้สนับสนุนรายการทั้งหมด 12 แผ่นป้ายอีกครั้ง) โดยแต่ละแผ่นป้ายจะมีพีระมิดเลข 5 อยู่ 1 แผ่นป้าย และพีระมิดเลข 6 อยู่ 9 แผ่นป้าย [ในปี 2539 เพิ่มเป็น 11 แผ่นป้าย และตั้งแต่ปี 2541 (เวทีทอง MAGIC) ได้เปลี่ยนจากพีระมิดเป็นแผ่นป้าย] โดยเลือกมา 1 แผ่นป้าย หากผู้แข่งขันเปิดเจอเลข 6 จะต้องชั่งของทั้งหมด 6 ครั้ง แต่ถ้าหากเปิดเจอเลข 5 จะได้รับทองคำพิเศษหนัก 1 บาท และมีโอกาสชั่งของทั้งหมด 5 ครั้ง จากของทั้งหมด 6 ชุด (ในช่วงแรกยังไม่มีการแจกทองคำพิเศษ โดยเริ่มมีการแจกทองคำพิเศษในช่วงปี 2538 - 2540 และได้ยกเลิกการแจกทองคำพิเศษตั้งแต่ปี 2541 เป็นต้นมา)

ในส่วนของการชั่งของนั้น จะมีของทั้งหมด 6 ชุด โดยแต่ละชุดจะมีน้ำหนักไม่เท่ากันทั้งหมด และในแต่ละชุดหากเลือกมาแล้วมีน้ำหนักมากกว่าชุดก่อนหน้า โดยแน่นอนว่าของชุดที่ 1 น้ำหนักจะมากกว่า 0 กิโลกรัมแน่นอน จะได้รับทองคำชุดละ 1 บาท (ในกรณีได้ชั่งของ 5 ครั้ง หากสามารถชั่งของได้ในครั้งที่ 4 จะได้รับทองคำหนัก 2 บาท (ในช่วงที่จะเตรียมชั่งของนั้น คุณหม่ำถือสร้อยคอทองคำไว้ 5 เส้น และตั้งแต่ปี 2544 คุณหม่ำถือสร้อยคอทองคำไว้ 10 เส้น) และตั้งแต่ปี 2544 ได้เพิ่มเป็นทองคำครั้งละ 2 บาท ต่อของ 1 ชุด และหากสามารถชั่งของได้ในครั้งที่ 4 จะได้รับทองคำหนัก 4 บาท) หากทายลำดับน้ำหนักผิด เกมจะยุติลงและรับทองเท่าทำได้ หากผู้แข่งขันสามารถชั่งของโดยเรียงน้ำหนักจากน้อยไปมากได้ครบ 5 หรือ 6 ชุด จะได้รับทองคำหนัก 2 กิโลกรัม โดยแบ่งเป็นผู้แข่งขันและทางบ้านที่ส่งฉลากของผู้สนับสนุนหลักหรือไปรษณียบัตรมาร่วมสนุกคนละ 1 กิโลกรัม(ผู้สนับสนุนหลักในการชิงโชค คือ โกดัก ต่อมาเป็นห้างทองทวีชัย5 แดนเนรมิต ดัชมิลล์ โกปิโก้ เบงเบง ไบก้อน และ เบญจา ตามลำดับ)

เปิดแผ่นป้ายชิงทอง (2545 - 2547)

[แก้]

กติกา คือ จะมีแผ่นป้ายทั้งหมด 12 แผ่นป้าย ในช่วงแรกจะเป็นการเปิดป้ายเพื่อประกอบตัวอักษรเป็นข้อความ โดยจะมีตัวอักษร 2 ชุด ชุดละ 6 แผ่นป้าย ชุดหนึ่งจะเป็นตัวอักษรที่สามารถประสมกันเป็นชื่อของผู้สนับสนุนหลัก (ผู้สนับสนุนหลักในรอบนี้ คือ ผลิตภัณฑ์โอวัลติน โดยจะแยกเป็น โ-อ-วั-ล-ติ-น) และอีกชุดหนึ่งจะเป็นตัวอักษรที่สามารถประสมกันเป็นชื่อรายการ (เ-ว-ที-ท-อ-ง) สำหรับเกมนี้ ผู้เข้าแข่งขันจะต้องเปิดแผ่นป้าย 6 แผ่นป้าย ให้ได้ชุดตัวอักษรที่เป็นชื่อผู้สนับสนุนรายการหลัก ซึ่งแต่ละแผ่นป้ายที่เปิดได้จะได้ทองคำหนัก 2 บาท แต่ถ้าเปิดเจอชุดอักษร (เ-ว-ที-ท-อ-ง) จะไม่ได้รับทองคำในแผ่นป้ายนั้น แต่ถ้าหากผู้เล่นสามารถเปิดเจอชุดอักษรที่ประสมกันเป็นชื่อผู้สนับสนุนรายการ (โ-อ-วั-ล-ติ-น) ได้ครบ 6 แผ่นป้าย และถูกตำแหน่ง จะได้รับทองคำหนัก 2 กิโลกรัม โดยแบ่งเป็นผู้แข่งขันและทางบ้านที่ส่งฉลากของผู้สนับสนุนหลักหรือไปรษณียบัตรมาร่วมสนุกคนละ 1 กิโลกรัม

ต่อมาได้มีการเปลี่ยนกติกาใหม่เล็กน้อยโดยมีแผ่นป้ายของผู้สนับสนุนรายการทั้งหมด 12 แผ่นป้าย แบ่งเป็นตัวอักษรที่สามารถประสมกันเป็นชื่อรายการ เวทีทอง 6 แผ่นป้าย และอีกชุดหนึ่ง จะเป็นแผ่นป้ายของผู้สนับสนุนหลัก 6 แผ่นป้าย (ผู้สนับสนุนหลักในการชิงโชค คือ ผลิตภัณฑ์โอวัลติน) โดยถ้าผู้เข้าแข่งขันสามารถเปิดได้ชุดตัวอักษรที่สามารถประสมกันเป็นชื่อของรายการเวทีทอง และถูกตำแหน่ง จะได้รับทองคำหนัก 2 บาท แต่ถ้าเปิดได้แผ่นป้ายของผู้สนับสนุนหลัก จะได้รับกิ๊ฟเซ็ทของผู้สนับสนุนหลักไปแผ่นป้ายละ 1 ชุด หากเปิดได้ตัวอักษรคำว่า เ-ว-ที-ท-อ-ง หรือผู้สนับสนุนหลักครบทั้ง 6 แผ่นป้าย จะได้รับทองคำหนัก 2 กิโลกรัม โดยแบ่งเป็นผู้แข่งขันและทางบ้านที่ส่งฉลากของผู้สนับสนุนหลักหรือไปรษณียบัตรมาร่วมสนุกคนละ 1 กิโลกรัม

ในช่วงปลายปี 2545 จนถึงปี 2547 ได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบโดยไม่มีแผ่นป้ายตัวอักษร เ-ว-ที-ท-อ-ง แต่เป็นการเปิดแผ่นป้ายจากผู้สนับสนุนรายการเพียงอย่างเดียว (ผู้สนับสนุนหลักในรอบนี้ คือ ผลิตภัณฑ์วาสลีน ฮาร์โมนี โดยจะแบ่งเป็น 3 สูตร สูตรละ 2 แผ่นป้าย ต่อมาเปลี่ยนผู้สนับสนุนหลักเป็นผงซักฟอกโอโม และ น้ำรสผลไม้ QOO ตามลำดับ) ซึ่งจะมีแผ่นป้ายของผู้สนับสนุนรายการทั้งหมด 12 แผ่นป้าย แบ่งเป็นแผ่นป้ายผู้สนับสนุนหลัก 6 แผ่นป้าย ส่วนอีก 6 แผ่นป้ายเป็นป้ายทองหลอก 6 แผ่นป้ายซึ่งจะมี ดังนี้

  1. ต้นทองพันชั่ง
  2. ปลาทอง (ในรายการจะเรียกว่า ทองหัววุ้น)
  3. มะม่วงทองดำ
  4. ทองคำเปลว
  5. ก๊อกน้ำทองเหลือง
  6. ทองม้วน

โดยเลือกมา 6 แผ่นป้าย ในแต่ละแผ่นป้ายหากเปิดเจอแผ่นป้ายผู้สนับสนุนหลัก จะได้รับทองคำแผ่นป้ายละ 2 บาท แต่ถ้าหากเปิดเจอแผ่นป้ายทองหลอก จะได้รับรางวัลเป็นสิ่งของซึ่งมาจากป้ายทองหลอกนั้น (เช่น ถ้าเปิดได้ปลาทอง จะได้ปลาทอง เป็นต้น เช่นเดียวกับรอบตกรอบปี 2548 - 2549) แต่ถ้าหากผู้เข้าแข่งขันสามารถเปิดได้แผ่นป้ายผู้สนับสนุนหลักครบทั้ง 6 แผ่นป้าย จะได้รับทองคำหนัก 2 กิโลกรัม โดยแบ่งเป็นผู้แข่งขันและทางบ้านที่ส่งฉลากของผู้สนับสนุนหลักหรือไปรษณียบัตรมาร่วมสนุกคนละ 1 กิโลกรัม

ยุคแอนดี้-ภูมิ (เวทีทอง ซิกส์ทีน) (2547 - 2550)

[แก้]

ในยุคที่เปลี่ยนแปลงพิธีกรจาก ซูโม่กิ๊ก-เกียรติ กิจเจริญ และ หม่ำ จ๊กมก-เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา มาเป็น แอนดี้ เขมพิมุก และ VJ ภูมิ-ภูมิใจ ตั้งสง่า รายการเวทีทองได้เปลี่ยนแปลงฉากในบรรยากาศสนามบาสเกตบอล (2547-2548) ต่อมาปรับฉากเล็กน้อยเป็นโรงเรียน High School (2548-2550) แต่กติกายังคงรูปแบบเดิม

ภาพปริศนา

[แก้]

ทางรายการจะมีภาพปริศนาทั้งหมด 5 ภาพให้ผู้เข้าแข่งขันเห็น ซึ่งแต่ละภาพจะเป็นผลงานของทีมงานที่ทำขึ้นมาเองหรือจะเป็นผลงานจากทางบ้านก็ได้ ในแต่ละสัปดาห์หากภาพผลงานของใครได้รับออกอากาศจะได้เงินรางวัล 1,000 บาทจากผู้สนับสนุน โดยก่อนตอบนั้นผู้แข่งขันจะต้องเหยียบปุ่มไฟ ทั้งหมด 4 ปุ่ม หากไฟติดที่ใครจะมีสิทธิตอบก่อน และต้องตอบออกมาภายในเวลา 7 วินาที หากคำตอบยังไม่ถูกตอบออกมาผู้เข้าแข่งขันท่านต่อไปก็จะมีสิทธิ์ตอบ หากยังตอบไม่ได้อีก พิธีกรจะใบ้เพิ่ม และหากผู้เข้าแข่งขันตอบได้ 2 คะแนนก่อนจะได้เข้ารอบ สำหรับผู้ที่ตกรอบจะได้รับทองคำหนัก 1 บาทจากทางรายการ

คำปริศนา

[แก้]

กติกา คือ ทางรายการจะมีแผ่น CD 4 แผ่น แบ่งเป็น 2 ชุด ชุดละ 10 คำ โดยชุดที่ 1 และ ชุดที่ 2 จะมีคะแนนชุดละ 1 คะแนน ส่วนชุดที่ 3 และ ชุดที่ 4 จะมีคะแนนชุดละ 2 คะแนน ผู้เข้าแข่งขันที่เข้ารอบมาก่อนจะมีสิทธิ์เลือกแผ่น CD และตอบคำถามในหมวดเดียวกันให้ถูกภายในเวลา 45 วินาที โดยคำแรกของแต่ละชุดจะขึ้นต้นเหมือนกันทั้ง 10 คำ และโจทย์ในแต่ละชุดจะเป็นภาพที่สื่อถึงคำ ๆ นั้น เช่น ภาพหน้าเว็บไซต์ หน้าหนังสือต่างๆ เป็นต้น หากตอบคำใดไม่ได้ให้พูดคำว่า "ข้าม" และพิธีกรก็จะอ่านโจทย์ใหม่ พออ่านครบ 10 ข้อ พิธีกรจะวนกลับมาอีกครั้งในกรณีเวลายังไม่หมด หลังจากตอบคำปริศนาครบทั้ง 2 ชุด ผู้แข่งขันคนใดทำคะแนนได้มากกว่า จะกลายเป็นผู้ชนะทันที หากผู้แข่งขันทำคะแนนเสมอกัน จะต้องตอบคำถามชุดสำรองอีกคนละ 1 ชุด หากผู้แข่งขันคนใดได้คะแนนมากกว่าก็จะเป็นผู้ชนะ โดยทั้ง 2 รอบ หากผู้แข่งขันคนใดสามารถทำคะแนนได้ครบ 30 คะแนน จะได้ทองคำพิเศษหนัก 1 บาท (ตั้งแต่ปี 2549 ได้เปลี่ยนรูปแบบการแจกทองคำหนัก 1 บาทมาเป็นทองคำมูลค่า 10,000 บาท)

เปิดแผ่นป้ายชิงทอง

[แก้]

กติกา คือ จะมีแผ่นป้ายทั้งหมด 12 แผ่นป้าย แบ่งเป็นแผ่นป้ายผู้สนับสนุนหลัก 6 แผ่นป้าย (ผู้สนับสนุนในรอบนี้คือ น้ำรสผลไม้ QOO) และแผ่นป้าย "คุณครูครับ" 6 แผ่นป้าย โดยเลือกมา 6 แผ่นป้าย ในแต่ละแผ่นป้ายหากเปิดเจอแผ่นป้ายผู้สนับสนุนหลัก จะได้รับทองคำแผ่นป้ายละ 2 บาท แต่ถ้าหากเปิดเจอแผ่นป้าย "คุณครูครับ" จะต้องตอบคำถามจากคุณครูที่ดังขึ้นในห้องส่ง และถ้าตอบถูก จะได้รับทองคำแผ่นป้ายละ 1 สลึง ถ้าตอบผิดจะไม่ได้รับทองคำในแผ่นป้ายนั้นไป หากผู้เข้าแข่งขันสามารถเปิดเจอแผ่นป้ายผู้สนับสนุนหลักครบ 6 แผ่นป้าย จะได้รับทองคำหนัก 2 กิโลกรัม โดยแบ่งเป็นผู้แข่งขันและทางบ้านที่ส่งฉลากของผู้สนับสนุนหลักหรือไปรษณียบัตรมาร่วมสนุกคนละ 1 กิโลกรัม แต่ในกรณีกลับกัน หากผู้เข้าแข่งขันสามารถเปิดเจอแผ่นป้าย "คุณครูครับ" ครบ 6 แผ่นป้าย และตอบถูกทั้ง 6 ครั้ง จะได้รับทองคำหนัก 1 บาท 2 สลึง โดยจะได้เฉพาะผู้เข้าแข่งขัน

ต่อมาเปลี่ยนกติกาเล็กน้อย โดยจะมีแผ่นป้ายทั้งหมด 12 แผ่นป้าย แบ่งเป็นแผ่นป้ายผู้สนับสนุนหลัก 9 แผ่นป้าย (ผู้สนับสนุนหลักในรอบนี้คือ แป้งเย็นชาวเวอร์ ทู ชาวเวอร์ โดยจะแบ่งเป็น 3 สูตร สูตรละ 3 แผ่นป้าย) และแผ่นป้าย "สุดหล่อสุดร้อน" 3 แผ่นป้าย โดยจะมีแผ่นป้ายตัวตั้ง และเลือกมา 6 แผ่นป้าย ในแต่ละแผ่นป้ายหากเปิดเจอแผ่นป้ายผู้สนับสนุนหลักที่สีตรงกัน กลิ่นตรงกัน จะได้รับทองคำแผ่นป้ายละ 2 บาท แต่หากเปิดเจอแผ่นป้ายผู้สนับสนุนหลักที่สีและกลิ่นไม่ตรงกัน จะได้รับทองคำแผ่นป้ายละ 2 สลึง แต่ถ้าหากเปิดเจอแผ่นป้าย "สุดหล่อสุดร้อน" จะไม่ได้รับทองคำในแผ่นป้ายนั้นไป หากผู้เข้าแข่งขันสามารถเปิดเจอแผ่นป้ายผู้สนับสนุนหลักผู้สนับสนุนหลักที่สีตรงกัน กลิ่นตรงกันครบ 6 แผ่นป้าย จะได้รับทองคำหนัก 1 กิโลกรัม (ในปี 2549 ได้เปลี่ยนรูปแบบการแจกทองคำหนัก 1 กิโลกรัม เป็นทองคำมูลค่า 600,000 บาท)

ยุคเสนาหอย-แจ๊ส (เวทีทอง เวทีเธอ) (2559 - 2562) / ยุคแจ๊ส-อุล (2562 - 2565)

[แก้]

ในปี 2558 นั้น มีข่าวมาว่ารายการในตำนานอย่าง "เวทีทอง" จะกลับมาอีกครั้ง โดยเดิมนั้นได้เปิดเผยชื่อแรกที่ใช้ว่า "เวทีทอง 2015" พร้อมทั้งมีการคาดเดาถึงคนที่จะมาเป็นพิธีกร เช่น กฤษณ์ ศรีภูมิเศรษฐ์, พัน พลุแตก, ศิลป์ รุจิรวนิช (อาร์ต ตลก 6 ฉาก), แจ็ค เชิญยิ้ม รวมทั้งพิธีกรคู่หูในตำนานอย่าง เกียรติ กิจเจริญ และ หม่ำ จ๊กมก ก็ถูกคาดเดาที่จะให้มาเป็นพิธีกรเช่นกัน[6] จนในปี 2559 นั้น ช่องเวิร์คพอยท์ได้ผลิตรายการใหม่เพิ่มอีกหลายรายการ รวมทั้งรายการ "เวทีทอง" ที่ได้นำกลับมาอีกครั้ง จนได้พิธีกรคู่ใหม่เป็น เสนาหอย-เกียรติศักดิ์ อุดมนาค และ แจ๊ส ชวนชื่น-ผดุง ทรงแสง พร้อมทั้งชื่อใหม่ในชื่อ "เวทีทอง เวทีเธอ" โดยรูปแบบเกมในยุคนี้ยังคงจากรูปแบบเดิมทุกประการ แต่ได้เพิ่มเกมใหม่ และเปลี่ยนรูปแบบเกมในรอบสุดท้าย รวมทั้งฉากและชุดพิธีกรที่มาในธีมยุค 70s (2559-2562) ต่อมาปรับฉากใหม่ในธีม EDM (2562-2565) แต่จะต่างจากยุคที่ผ่าน ๆ มาตรงที่รูปแบบนี้จะเล่นในรูปแบบสะสมคะแนน ซึ่งในรูปแบบก่อน ๆ จะเล่นในรูปแบบคัดออกในแต่ละรอบ รวมทั้งมีการนำเกมในตำนานอย่าง "ชั่งทอง" กลับมาอีกครั้งในปี 2562 อีกด้วย และในวันที่ 14 กรกฎาคม 2562 มีการเปลี่ยนพิธีกรจาก เสนาหอย-เกียรติศักดิ์ อุดมนาค มาเป็น อุล-ภาคภูมิ จงมั่นวัฒนา และเป็นพิธีกรคู่กันจนถึงเทปสุดท้ายในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2565

ภาพปริศนา

[แก้]

ทางรายการจะมีภาพปริศนาทั้งหมด 2 ภาพให้ผู้เข้าแข่งขันเห็น ซึ่งแต่ละภาพจะเป็นผลงานของทีมงานที่ทำขึ้นมาเองหรือจะเป็นผลงานจากทางบ้านก็ได้ ในแต่ละสัปดาห์หากภาพผลงานของใครได้รับออกอากาศจะได้ของรางวัลจากทางรายการ โดยก่อนตอบนั้นผู้แข่งขันจะต้องเหยียบปุ่มไฟ หากไฟติดที่ใครจะมีสิทธิตอบก่อน และมีเวลาตอบภายในเวลา 7 วินาที หากคำตอบยังไม่ถูกตอบออกมาผู้เข้าแข่งขันท่านต่อไปก็จะมีสิทธิ์ตอบ หากยังตอบไม่ได้อีก พิธีกรจะใบ้เพิ่มต่อไป จนกว่าจะมีผู้ที่ตอบถูก โดยในแต่ละภาพจะมีคะแนนภาพละ 10 คะแนน โดยใครที่ได้คะแนนก่อนจะเป็นลำดับที่ 1 , 2 และ 3 ตามลำดับ

ต่อมามีการปรับกติกาเล็กน้อย โดยจะมีภาพปริศนาทั้งหมด 4 ภาพให้ผู้เข้าแข่งขันเห็น แต่คะแนนในแต่ละภาพจะมีคะแนนภาพละ 5 คะแนน และมีเวลาตอบภายในเวลา 10 วินาทีเฉพาะครั้งแรก หากคำตอบยังไม่ถูกตอบออกมาผู้เข้าแข่งขันท่านต่อไปก็จะมีสิทธิ์ตอบ แต่เวลาตอบจะลดเหลือ 7 วินาที โดยผู้ที่ตอบได้ 2 ภาพก่อน จะได้สิทธิ์พักการเล่นเพื่อดูผู้แข่งขันท่านอื่นเล่นต่อไป

คำปริศนา

[แก้]

กติกา คือ ทางรายการจะมีแผ่นดิสก์ 3 แผ่น (ในยุคแจ๊ส-อุล ได้ปรับเปลี่ยนมาเป็น USB Flash Drive) แบ่งเป็น 3 ชุด ชุดละ 10 คำ โดยแต่ละชุดจะมีคะแนนชุดละ 1 คะแนน ผู้เข้าแข่งขันที่มีคะแนนเป็นลำดับที่ 1 จะมีสิทธิ์เลือกแผ่นดิสก์ และตอบคำถามในหมวดเดียวกันให้ถูกภายในเวลา 60 วินาที โดยคำแรกของแต่ละชุดจะขึ้นต้นเหมือนกันทั้ง 10 คำ และโจทย์ในแต่ละชุดจะเป็นความหมายหรือคำที่เกี่ยวข้องกับคำ ๆ นี้ หากตอบคำใดไม่ได้ให้พูดคำว่า "ข้าม" และพิธีกรก็จะอ่านโจทย์ใหม่ พออ่านครบ 10 ข้อ พิธีกรจะวนกลับมาอีกครั้งในกรณีเวลายังไม่หมด และคะแนนที่ได้ในรอบนี้จะนำไปรวมกับรอบที่ 1

ข้อความปริศนา

[แก้]

กติกา คือ ทางรายการจะมีแผ่นดิสก์ 3 แผ่น (ในยุคแจ๊ส-อุล ได้ปรับเปลี่ยนมาเป็น USB Flash Drive) แบ่งเป็น 3 ชุด ชุดละ 10 คำ โดยแต่ละชุดจะมีคะแนนชุดละ 2 คะแนน ผู้เข้าแข่งขันที่มีคะแนนเป็นลำดับที่ 3 จะมีสิทธิ์เลือกแผ่นดิสก์ และตอบคำถามในหมวดเดียวกันให้ถูกภายในเวลา 60 วินาที โดยคำแรกของแต่ละชุดจะเป็นคำกำหนด แต่คำหลังจะเป็นคำใกล้เคียงที่เกี่ยวกับคำ ๆ นั้น เช่น ประโยคภาษาอังกฤษที่แปลเป็นคำ ๆ นั้น , คำตรงกันข้าม เป็นต้น หากตอบคำใดไม่ได้ให้พูดคำว่า "ข้าม" และพิธีกรก็จะอ่านโจทย์ใหม่ พออ่านครบ 10 ข้อ พิธีกรจะวนกลับมาอีกครั้งในกรณีเวลายังไม่หมด และคะแนนที่ได้ในรอบนี้จะนำไปรวมกับ 2 รอบก่อนหน้า ต่อมาปรับเปลี่ยนกติกาเล็กน้อย คือ ผู้ที่ทำคะแนนสูงที่สุดจะได้เข้าไปในรอบสุดท้าย และอีก 2 ท่านที่ทำคะแนน้อยที่สุดจะต้องตกรอบไป ต่อมาปรับเปลี่ยนเป็นผู้ที่มีคะแนนน้อยที่สุดจะต้องตกรอบไป ส่วนอีก 2 ท่านจะได้เข้ารอบไปแข่งขันกันต่อในรอบสุดท้าย

กล่องทองคำปริศนา (ชื่อเดิม : ชิงทอง) (2559 - 2562)

[แก้]

กติกา คือ ทางรายการจะมีกระเป๋า 4 ใบ (ในรูปแบบแรกนั้นจะเป็นกระเป๋าที่มีหมายเลขกำกับ ต่อมาเปลี่ยนเป็นกระเป๋า 4 สี คือ สีเหลือง สีน้ำเงิน สีแดง และสีเขียว) ในแต่ละใบจะมีจำนวนทองตั้งแต่ 0-9 แท่ง โดยผู้แข่งขันที่มีคะแนนมากที่สุดจะได้เลือกกระเป๋าก่อน และตามด้วยผู้แข่งขันที่มีคะแนนรองลงมา และแต่ละคนมีสิทธิ์ดูกระเป๋าที่ตัวเองได้เลือกมา โดยเริ่มเปิดกระเป๋าจากผู้ที่มีคะแนนน้อยที่สุด และมีสิทธิ์เปลี่ยนกระเป๋าจากผู้แข่งขันท่านอื่นคนละ 1 ครั้ง และจากนั้นจะมีการเฉลยกระเป๋าว่ากระเป๋าของใครมีจำนวนทองคำมากที่สุด โดยผู้ที่หยิบกระเป๋าที่มีจำนวนทองคำมากที่สุด จะได้รับทองคำมูลค่า 30,000 บาท[7] ต่อมาตั้งแต่วันที่ 17 มกราคม 2559 เป็นต้นมา ได้ปรับกติกาเล็กน้อย โดยผู้ที่มีคะแนนมากที่สุดจะได้รับทองคำเพิ่มเติม 1 แท่ง และมีสิทธิ์เปลี่ยนกระเป๋าจากใบที่ไม่ได้เลือกได้อีกด้วย โดยรูปแบบนี้ใช้ตั้งแต่ 17 มกราคม 2559 จนถึง 11 มิถุนายน 2560

ต่อมาตั้งแต่วันที่ 18 มิถุนายน 2560 มีการปรับกติกาใหม่ คือ จะมีกระเป๋าทั้งหมด 4 ใบ โดยจะมีกระเป๋าที่มีทองคำ และกระเป๋าเปล่าอย่างละ 2 ใบ โดยผู้แข่งขันจะเปิดดูกระเป๋าก่อนเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจให้ผู้แข่งขันอีกท่านดู และจะมีสิทธิ์เปลี่ยนกระเป๋าคนละ 1 ครั้ง ว่าจะเปลี่ยนกระเป๋าสีอะไร โดยใครที่ได้กระเป๋าที่มีทองคำทั้ง 2 ใบ จะได้รับทองคำมูลค่า 30,000 บาท แต่ถ้าผู้แข่งขันทั้ง 2 ท่านได้กระเป๋าที่มีทองคำและกล่องเปล่าอย่างละ 1 ใบ ทองคำมูลค่า 30,000 บาท จะไม่มีใครได้ไป และถือว่าเสมอกัน ต่อมาลดรางวัลเหลือ 25,000 บาท

ชั่งทอง (2562 - 2565)

[แก้]

กติกา คือ จะมีของทั้งหมด 5 ชุด โดยแต่ละชุดจะมีน้ำหนักไม่เท่ากันทั้งหมด และในแต่ละชุดหากเลือกมาแล้วมีน้ำหนักมากกว่าชุดก่อนหน้า โดยของชุดที่ 1 จะเป็นน้ำหนักตั้งต้น และชุดต่อมาหากมีน้ำหนักมากกว่า จะได้รับทองคำมูลค่าชุดละ 5,000 บาท หากทายลำดับน้ำหนักผิด เกมจะยุติลงและรับทองเท่าทำได้ หากผู้แข่งขันสามารถชั่งของโดยเรียงน้ำหนักจากน้อยไปมากได้ครบ 5 ชุด จะได้รับทองคำมูลค่า 25,000 บาท โดยเกมนี้นำกลับมาอีกครั้งในรอบ 17 ปี แต่มีการปรับเปลี่ยนกติกาเล็กน้อยตามยุคสมัย

การดัดแปลงสู่แอปพลิเคชั่นเกม

[แก้]

รายการ "เวทีทอง" มีการดัดแปลงเป็นแอปพลิเคชัน ในชื่อ "เวทีทอง เวทีเธอ ON MOBILE" เป็นแอปพลิเคชั่นประเภทเกมสำหรับใช้งานบน SMART PHONE สร้างโดย Ammonite Studio ซึ่งจะเป็นการนำเกมที่ใช้ในช่วงภาพปริศนาของรายการ เวทีทอง ในยุคต่าง ๆ นำมาทำเป็นระบบหลักของเกมในแอปพลิเคชันนี้ โดยที่ผู้เล่นสามารถตอบได้ทั้ง 2 รูปแบบ คือ พิมพ์คำตอบลงไปและใช้ไมโครโฟนในตัวโทรศัพท์เพื่อพูดคำตอบ และสามารถใช้ไอเท็มในเกมช่วยเหลือได้ แอปพลิเคชันนี้เปิดบริการเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2559[8]

รางวัล

[แก้]
  • รางวัลเมขลา ครั้งที่ 9 ประจำปี 2532 สาขารายการส่งเสริมความสามารถดีเด่น มอบไว้ ณ วันที่ 13 มกราคม 2533[9]
  • รางวัลเมขลา ครั้งที่ 15 ประจำปี 2538 สาขารายการแข่งขันชิงรางวัลดีเด่น มอบไว้ ณ วันที่ 19 มกราคม 2539[ต้องการอ้างอิง]

อ้างอิง

[แก้]
  1. WorkpointOfficial (29 ธันวาคม 2558). เวทีทอง เวทีเธอ Teaser 1. Youtube.com. สืบค้นเมื่อ 12 มกราคม 2559. {{cite AV media}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  2. 2.0 2.1 "เสนาหอย - แจ๊ส ชวนชื่น นั่งแท่นพิธีกรเกมโชว์ในตำนาน[เวทีทอง เวทีเธอ Workpoint 23 การันตีความสนุก". Dara.Truelife.com. 7 มกราคม 2559. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-01-19. สืบค้นเมื่อ 12 มกราคม 2559. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  3. "ผังรายการเดือนมกราคม 2559". Workpointtv.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 12 มกราคม 2559. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  4. "จวก'เวทีทอง' ภาษาไทยอ่อน". News.Sanook.com. สืบค้นเมื่อ 12 มกราคม 2559. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  5. admin (5 มกราคม 2559). "ช่องเวิร์คพอยท์ ส่งเกมโชว์ "เวทีทอง เวทีเธอ" ลงจอ เริ่ม 10 ม.ค.นี้". Zoomzogzag.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-01-07. สืบค้นเมื่อ 16 เมษายน 2560. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  6. "กลับมาแล้ว!! เวทีทอง 2015". Pantip. สืบค้นเมื่อ 3 พฤษภาคม 2567
  7. ในเกมนี้จะคล้ายคลึงกับเกมชิงบ๊วย ของรายการ ชิงร้อยชิงล้าน ในช่วงปี 2533 - 2535
  8. Thaiware (1 ตุลาคม 2559). "เวทีทอง (App เกม เวทีทอง ตอบคำถามภาพปริศนาคำใบ้)". Thaiware.com. สืบค้นเมื่อ 16 เมษายน 2560. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  9. "สำเนาที่เก็บถาวร" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2022-02-12. สืบค้นเมื่อ 2022-02-12.

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]