เหมา เจ๋อตง
เหมา เจ๋อตง 毛泽东 | |
---|---|
![]() | |
ประธานพรรคคอมมิวนิสต์จีน | |
ดำรงตำแหน่ง 20 มีนาคม พ.ศ. 2486 – 9 กันยายน พ.ศ. 2519 | |
รอง | หลิว เส้าฉี หลิน เปียว โจว เอินไหล ฮั่ว กั๋วเฟิง |
ก่อนหน้า | จาง เหวินเทียน (ในฐานะเลขาธิการ) |
ถัดไป | ฮั่ว กั๋วเฟิง |
ประธานสาธารณรัฐประชาชนจีน | |
ดำรงตำแหน่ง 27 กันยายน พ.ศ. 2497 – 27 เมษายน พ.ศ. 2502 | |
หัวหน้ารัฐบาล | โจว เอินไหล |
รอง | จู เต๋อ |
ถัดไป | หลิว เส้าฉี |
ประธานคณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลาง | |
ดำรงตำแหน่ง 8 กันยายน พ.ศ. 2497 – 9 กันยายน พ.ศ. 2519 | |
รอง | จู เต๋อ หลิน เปียว เย่ เจี้ยนอิง |
ถัดไป | ฮั่ว กั๋วเฟิง |
ประธานคณะรัฐบาลประชาชนกลาง | |
ดำรงตำแหน่ง 1 ตุลาคม พ.ศ. 2492 – 27 กันยายน พ.ศ. 2497 | |
หัวหน้ารัฐบาล | โจว เอินไหล |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 26 ธันวาคม พ.ศ. 2436 มณฑลหูหนาน, จักรวรรดิชิง |
เสียชีวิต | 9 กันยายน พ.ศ. 2519 (82 ปี) ปักกิ่ง, ประเทศจีน |
ที่ไว้ศพ | อนุสรณ์สถานประธานเหมา, ปักกิ่ง |
พรรค | ![]() |
การเข้าร่วม พรรคการเมืองอื่น |
![]() |
คู่สมรส |
|
บุตร | 10 คน |
ศิษย์เก่า | มหาวิทยาลัยครูหูหนาน |
ลายมือชื่อ | ![]() |
เหมา เจ๋อตง หรือ เหมา เจ๋อตุง (จีนตัวย่อ: 毛泽东; จีนตัวเต็ม: 毛澤東; พินอิน: Máo Zédōng; เวด-ไจลส์: Mao Tse-tung; 26 ธันวาคม พ.ศ. 2436 – 9 กันยายน พ.ศ. 2519) หรือที่นิยมเรียกอีกอย่างว่า ท่านประธานเหมา เป็นนักปฏิวัติลัทธิคอมมิวนิสต์ชาวจีนที่กลายเป็นบิดาผู้ก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน (PRC) ซึ่งเขามีบทบาทเป็นประธานพรรคคอมมิวนิสต์จีน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2492 จนกระทั่งถึงแก่อสัญกรรมในปี พ.ศ. 2519 ด้วยอุดมการณ์ลัทธิมากซ์-เลนิน ทฤษฎีของเขา ยุทธศาสตร์การทหาร และนโยบายทางการเมืองของเขามักเป็นที่รู้จักกันโดยรวมคือ ลัทธิเหมา
เหมาเป็นลูกชายของชาวนาเจ้าของที่ดินในเมืองเฉาชาน มณฑลหูหนาน เขาเป็นฝ่ายชาตินิยมจีนและมีทัศนคติต่อต้านจักรวรรดินิยมในช่วงชีวิตแรกของเขา และได้รับอิทธิพลจากเหตุการณ์ของการปฏิวัติซินไฮ่ในปี พ.ศ. 2454 และขบวนการ 4 พฤษภาคมในปี พ.ศ. 2459 หลังจากนั้นเขาได้นำลัทธิมากซ์-เลนินมาใช้ ในขณะที่ทำงานในมหาวิทยาลัยปักกิ่ง และกลายเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) ได้นำการก่อการกำเริบเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงในปี พ.ศ. 2470 ในช่วงสงครามกลางเมืองจีนระหว่างพรรคก๊กมินตั๋งและพรรคคอมมิวนิสต์จีน เหมาได้ช่วยในการก่อตั้งกองทัพกรรมกรและชาวนาจีนหรือกองทัพจีนแดงในปัจจุบัน ภายใต้การนำโดยนโยบายที่ดินที่หัวรุนแรงของเจียงซี-โซเวียต และท้ายที่สุดก็กลายเป็นหัวหน้าของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในช่วงการเดินทัพทางไกล แม้ว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนจะเป็นพันธมิตรชั่วคราวกับพรรคก๊กมินตั๋งภายใต้แนวร่วมที่สองในช่วงสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่สอง (พ.ศ. 2480-พ.ศ. 2488) สงครามกลางเมืองจีนก็ได้กลับมาอีกครั้งหลังจากญี่ปุ่นได้ยอมจำนน และในปี พ.ศ. 2492 กองทัพของเหมาก็สามารถเอาชนะรัฐบาลฝ่ายชาตินิยมมาได้ ซึ่งต่อมาก็ได้หลบหนีไปยังเกาะไต้หวัน
วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2492 เหมาได้ประกาศก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นรัฐที่มีพรรคเดียวที่ถูกควบคุมโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีน ในปีต่อมา เขาได้เสริมอำนาจการควบคุมของตนผ่านทางการปฏิรูปที่ดินของจีนเพื่อต่อต้านเจ้าของที่ดิน การปราบปราม "ผู้ที่ต่อต้านการปฏิวัติ" และรณรงค์ซานฝ่านอู๋ฝ่าน (ต้านสามต้านห้า) และได้รับชัยชนะทางจิตวิทยาในสงครามเกาหลี ซึ่งแม้ว่าจะมีชาวจีนหลายล้านคนได้เสียชีวิตลงก็ตาม ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2496 ถึง พ.ศ. 2501 เหมามีบทบาทสำคัญในการบังคับใช้แผนเศรษฐกิจที่ได้วางแผนเอาไว้ในประเทศจีน สร้างรัฐธรรมนูญฉบับแรกของสาธารณรัฐประชาชนจีน เปิดตัวโครงการพัฒนาอุตสาหกรรม และริเริ่มโครงการทางทหาร"ระเบิดสองลูก หนึ่งดาวเทียม" และโครงการ 523 ในอีกทางหนึ่ง ในปี พ.ศ. 2498-2500 เหมาได้เปิดตัวขบวนการซูฟานและรณรงค์ต่อต้านฝ่ายขวา ซึ่งมีผู้คนอย่างน้อย 550,000 ส่วนใหญ่ล้วนเป็นพวกปัญญาชนและผู้คัดค้าน ถูกกดขี่ข่มเหง ในปี พ.ศ. 2501 เขาได้เปิดนโยบายการก้าวกระโดดไกลไปข้างหน้า ที่มุ่งให้เศรษฐกิจของจีนผลัดเปลี่ยนอย่างจากภาคเกษตรกรรมสู่ภาคอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็ว ซึ่งนำไปสู่ภาวะทุพภิกขภัยที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ มีประชาชนเสียชีวิตถึง 15-55 ล้านคนในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2501 และ พ.ศ. 2505 ในปี พ.ศ. 2506 เหมาเปิดตัวขบวนการนักศึกษาลัทธิสังคมนิยม และในปี พ.ศ. 2509 เขาได้ริเริ่มการปฏิวัติทางวัฒนธรรมเป็นโครงการที่จะขจัด"การต่อต้านการปฏิวัติ" ในสังคมจีนซึ่งกินเวลานานถึง 10 ปี มีการต่อสู้ทางชนชั้นอย่างรุนแรง การทำลายศิลปวัตถุทางวัฒนธรรม และยกย่องบูชาต่อเหมาอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน มีประชาชนหลายสิบล้านคนถูกข่มเหงรังแกในช่วงการปฏิวัติ ในขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตโดยประมาณมีตั้งแต่หลายแสนไปจนถึงหลายล้านคน รวมไปถึงหลิว เส้าฉี ประธานคนที่สองแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ภายหลังจากล้มป่วยมาหลายปี ในช่วงยุคสมัยเหมา ประชากรชาวจีนได้เติบโตเพิ่มขึ้นจากประมาณ 550 ล้านคนเป็นมากกว่า 900 ล้านคน เนื่องจากรัฐบาลไม่ได้บังคับใช้นโยบายการวางแผนครอบครัวอย่างเคร่งครัด
มีการถกเถียงกันว่า เหมาเป็นบุคคลที่สำคัญและมีอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์โลกสมัยใหม่ เขายังเป็นที่รู้จักกันคือ นักปัญญาชนทางการเมือง นักทฤษฎี นักยุทธศาสตร์การทหาร กวี และผู้มีวิสัยทัศน์
ในปี พ ศ. 2515 เหมาได้ต้อนรับ ริชาร์ด นิกสัน ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐ เป็นการส่งสัญญาณการเริ่มต้นนโยบายการเปิดประเทศจีนสู่โลก ผู้สนับสนุนต่างยกย่องเขาว่าเป็นผู้ขับไล่ลัทธิจักรวรรดินิยมออกไปจากประเทศจีน ปรับปรุงประเทศให้มีความทันสมัย และสร้างจีนให้กลายเป็นมหาอำนาจของโลก ส่งเสริมสถานะสตรี ปรับปรุงระบบการศึกษาและสุขภาพ ในทางกลับกัน ระบบการปกครองของเขาก็ถูกเรียกว่าเป็นเผด็จการและรวบอำนาจเบ็ดเสร็จ และถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ที่ต้องมีส่วนรับผิดชอบต่อการกดขี่ข่มเหงประชาชนและทำลายศิลปวัตถุทางศาสนาและวัฒนธรรม นอกจากนี้ยังต้องมีส่วนรับผิดชอบต่อการเสียชีวิตของเหยื่อจำนวนมาก โดยมีการประมาณตั้งแต่ 30-80 ล้านคนที่เสียชีวิตความอดอยาก กดขี่ข่มเหง นักโทษแรงงาน และการประหารชีวิตหมู่
ประวัติ[แก้]
เหมาเกิดเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2436 ในครอบครัวชาวนา อาศัยอยู่ในเขตชนบทชานเมืองเฉาชาน มณฑลหูหนาน เมื่ออายุได้ 8 ขวบ เขาได้เข้าเรียนที่โรงเรียนประถมในหมู่บ้าน เรียนหลักลัทธิขงจื้อ ปลูกฝังความคิดจารีตโบราณ ต่อมาเขาถูกคลุมถุงชนให้แต่งงานกับ หลัว อีซิ่ว หญิงสาวที่อายุมากกว่า ด้วยวัยเยาว์ทำให้ไม่มีความสุขกับชีวิตครอบครัว อีกทั้งต้องการก้าวสู่โลกกว้างมากกว่ามีชีวิตทำนา เลี้ยงสัตว์อยู่กับบ้านไปวันๆ จึงตัดสินใจเดินทางออกจากบ้านเกิดเข้าอำเภอฉางชา เรียนหนังสือในโรงเรียนตามหลักสูตรรัฐบาล เป็นนักเรียนโข่งร่วมชั้นกับเด็กเล็กๆ ต่อมาสอบเข้าเรียนต่อวิทยาลัยครูหูหนาน จากนั้นมุ่งหน้าเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยปักกิ่ง เรียนไปทำงานเป็นผู้ช่วยบรรณารักษ์ห้องสมุดมหาวิทยาลัยไปด้วย และห้องสมุดนั้นเองที่เป็นคลังความรู้ให้สะสมภูมิปัญญา ทั้งแตกฉานทางอักษรศาสตร์ ว่ากันว่าความรู้ที่ได้จากห้องสมุดมหาวิทยาลัยปักกิ่งคือต้นทุนที่ทำให้เขาปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองของจีนได้สำเร็จ
เหมาทุ่มเทเวลาให้กับการเรียนหนังสืออย่างจริงจัง เวลาว่างเขาเขียนบทความลงหนังสือของวิทยาลัยครู ใช้นามแฝง "เอ้อสือปาวาเซิง" หรือ "นายยี่สิบแปดขีด" ตามชื่อของเขาที่เมื่อเขียนเป็นภาษาจีนแบบตัวเต็ม จะมีทั้งหมด 28 ขีด งานเขียนส่วนใหญ่ของเหมาได้แสดงทัศนะวิพากษ์วิจารณ์การปกครองของราชสำนักชิงซึ่งเป็นชาวแมนจู
เหมารวมพลคนที่มีความคิดแบบเดียวกัน ร่วมกันก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีนใน พ.ศ. 2464 และปีเดียวกัน เขาเป็นแกนนำหยุดงานประท้วงของคนงานเหมืองแร่ที่อันหยวน เขียนหนังสือ "พลังปฏิวัติเบ่งบานออกมาจากปากกระบอกปืน" แล้วก่อตั้งกองทัพแดงกรรมกรและชาวนา ตามด้วยกองทัพปลดแอกประชาชน ปฏิบัติการ "ป่าล้อมเมือง" จนมีชัยเหนือเจียง ไคเช็ก
เหมา เจ๋อตง กับ เจียง ไคเชก[แก้]
เหมา เจ๋อตง กับ เจียง ไคเชก นั้นแต่เดิมเคยเป็นเพื่อนกันมาก่อน แต่เนื่องจาก เจียง เป็นมือขวาคนสำคัญของ ซุน ยัตเซน และมีความใกล้ชิดกันมาก เจียง จึงมีแนวคิดคล้ายกับ ซุน ยัตเซน นั่นคือต้องการให้ประเทศจีนปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย ส่วนเหมา มีแนวคิดเป็นคอมมิวนิสต์ จึงต้องการให้ประเทศจีนปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ เพราะเหตุนี้จึงทำให้ทั้งคู่กลายมาเป็นเป็นศัตรูกันจนถึงวันเสียชีวิตของทั้งคู่
การปฏิวัติ[แก้]
เหมามีประชาชนสนับสนุนเขามาก โดยเฉพาะชาวไร่ ชาวนา กรรมกร และคนจน จึงได้จัดเป็นกองกำลังขึ้น โดยมีสหภาพโซเวียต คอยสนับสนุนอยู่ เพื่อปฏิวัติประเทศจีนให้เป็นคอมมิวนิสต์ แต่ เจียง ไคเช็กซึ่งกองทัพอยู่ในมือ จึงสามารถเล่นงานเหมาได้ง่าย แต่ปัญหาหลักคือ กองทัพญี่ปุ่นที่กำลังรุกคืบมายึดจีน โดยเฉพาะในยุทธการนานกิงมีประชาชนชาวจีนล้มตายเป็นจำนวนมาก แต่เจียง ไคเช็ก เห็นว่าคอมมิวนิสต์อันตรายกว่า จึงส่งกองทัพหวังโจมตีกองทัพของเหมา ต่อมาในปี พ.ศ. 2480-พ.ศ. 2488 กองทัพเหมาสามารถ ต่อต้านกองทัพญี่ปุ่นได้ด้วยยุทธวิธี “สงครามยืดเยื้อ” จนได้รับชัยชนะ
ในปี พ.ศ. 2486 เหมาได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์
ปี พ.ศ. 2489 เจียง ไคเช็ก ส่งกองทัพเข้ามาโจมตี กองทัพของเหมา แต่ก็สามารถเอาชนะทหารของเจียง ไคเช็กได้ ถึง 3 ครั้งใหญ่ๆ และนำทัพประชาชนเข้า คุมอำนาจรัฐบาล เจียง ไคเช็ก จึงจำเป็นต้องลี้ภัยพร้อมกับคนในรัฐบาลหลายๆ คนไป เกาะทางตอนใต้ของประเทศจีน ที่เรียกว่า "ไต้หวัน" ทำให้การปกครองระหว่างคอมมิวนิสต์กับประชาธิปไตย แบ่งเป็น 2 ฝั่ง นั่นคือ จีนแผ่นดินใหญ่ กับ ไต้หวัน
ผู้นำสูงสุดของจีน[แก้]
วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2492 เหมา ได้ประกาศสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน ณ จตุรัสเทียนอันเหมิน กรุงปักกิ่ง ในปีแรกของการบริหารประเทศ เหมาเน้นการเพิ่มความชำนาญและประสิทธิภาพในการปฏิรูปทางสังคมและเศรษฐกิจ และได้ให้ประชาชนทุกชนชั้นเข้ามามีส่วนร่วมในภารกิจนี้ ผลตอบรับจึงเป็นที่ประทับใจและได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวาง
ปี พ.ศ. 2493 นานาชาติเริ่มให้การยอมรับต่อรัฐบาลคอมมิวนิสต์มากขึ้นตามลำดับ แต่สิ่งที่ทำให้การยอมรับจากนานาชาติต้องสะดุดคือเหตุการณ์ สงครามเกาหลี เนื่องจากในปี พ.ศ. 2493 กองกำลังสหประชาชาติได้ถูกส่งเข้าไปในเกาหลีเหนือ จีนเกรงว่าจะเป็นภัยคุกคามต่อดินแดนทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นหัวใจทางด้านอุตสาหกรรม จีนจึงส่งกองทัพปลดปล่อยประชาชน แต่เรียกตนเองว่าอาสาสมัครประชาชนจีนเข้าไปในเกาหลีเหนือ ในสงครามครั้งนั้น มีประเทศที่เป็น คอมมิวนิสต์ใหญ่ๆ 2 ประเทศคือ จีนแผ่นดินใหญ่ กับ สหภาพโซเวียต เข้าช่วยเหลือเกาหลีเหนือ
จอมพล ดักลาส แมคอาเธอร์ แห่งกองทัพเรือสหรัฐ มีความคิดที่จะร่วมมือกับ เจียง ไคเช็ก ว่าจะส่งกองทหารจีนคณะชาติเข้าช่วยทำสงครามในเกาหลีเพื่อปราบปรามกองทัพจีน แต่อังกฤษขอให้อเมริกางดความเห็นนี้เพราะเกรงจะเกิดสงครามใหญ่ หลังจากนั้นเขาก็ออกสื่อ ให้ทุกๆ อย่างจบลง ด้วยการโจมตีประเทศจีน จึงทำให้เขาต้องออกจากตำแหน่งตามคำสั่งของ แฮร์รี ทรูแมน
อสัญกรรม และพิธีศพ[แก้]
สุขภาพของเหมาเริ่มแย่ลงในช่วงทศวรรษที่ 2510 อันเป็นผลมาจากการสูบบุหรี่จัด เหมาปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อเขาพบกับ ซัลฟิการ์ อาลี บุตโต นายกรัฐมนตรีปากีสถานที่มาเยือนประเทศจีน เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2519
เหมามีอาการหัวใจวาย เมื่อวันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2519 และถึงแก่อสัญกรรมในอีก 4 วันต่อมา เมื่อเวลา 00:10 น. ของวันที่ 9 กันยายน ค.ศ. 1976 รวมอายุ 82 ปี พรรคคอมมิวนิสต์ได้ประกาศการถึงแก่อสัญกรรมของเขาผ่านทางวิทยุแห่งชาติจีน เมื่อเวลา 16:00 น.
ศพของเหมาถูกตั้งไว้ที่มหาศาลาประชาชนเป็นเวลา 1 สัปดาห์ ประชาชนกว่า 1 ล้านคนมาร่วมแสดงความโศรกเศร้าและอาลัย
วันที่ 18 กันยายน ค.ศ. 1976 ประชาชนมาชุมนุมพร้อมกันที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน ฮั่ว กั๋วเฟิงได้กล่าวสรรเสริญเหมายาว 20 นาที บนหอประตูเทียนอันเหมิน เสียงปืน ไซเรน เสียงนกหวีด และเสียงแตรทั่วประเทศดังขึ้นพร้อมกันและยืนสงบนิ่งเป็นเวลา 3 นาที วงดุริยางค์บรรเลงเพลงชาติ และ Internationale
ปัจจุบันศพของเหมาถูกจัดแสดงไว้อย่างถาวรใน หอรำลึกประธานเหมา จัตุรัสเทียนอันเหมิน เพื่อให้ประชาชนได้มาแสดงความเคารพ
ชีวิตส่วนตัว[แก้]
ชีวิตครอบครัวของเขามีภรรยา 4 คน
- นางหลัว อีซิ่ว เป็นการแต่งแบบคลุมถุงชน ซึ่งเหมาไม่ได้ยินดีนักจึงได้เลิกรากันไป
- นางหยาง ไคฮุย เสียชีวิตในการทำสงครามเพื่อชาติ พ.ศ. 2464
- นางเฮ่อ จื่อเจิน นายพลหญิงแห่งกองทัพแดง (เลิกรากันไป) และ
- นางเจียง ชิง ผู้นำการปฏิวัติกองทัพแดง หรือเรด การ์ดอันนองเลือดลือลั่นครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์จีนใหม่ นางฆ่าตัวตายปี 2534
ภาพรวม ของ เหมา เจ๋อตง[แก้]

พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ทำการประเมินผลงานและความผิดพลาดของเหมาอย่างรอบด้าน ได้ข้อสรุปว่า แม้ในบั้นปลายชีวิต เหมาจะได้ทำความผิดพลาดที่ร้ายแรง ในเหตุการณ์เคลื่อนไหวปฏิวัติวัฒนธรรมที่มีประชาชนล้มตายเป็นจำนวนมาก แต่เมื่อเทียบกับผลงานอันใหญ่หลวง และยาวนานที่ท่านสร้างให้แก่แผ่นดินและประชาชนจีน คุณความดีของท่านมีมากกว่าความผิดพลาด ประธานเหมาเจ๋อตงยังคงเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่และเป็นที่เคารพรักของประชาชนจีน
อ้างอิง[แก้]
ก่อนหน้า | เหมา เจ๋อตง | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
สถาปนาตำแหน่ง | ![]() |
ประธานาธิบดีจีน (27 กันยายน พ.ศ. 2497 – 27 เมษายน พ.ศ. 2502) |
![]() |
หลิว เส้าฉี |