ผลต่างระหว่างรุ่นของ "โดราเอมอน"
Pphongpan355 (คุย | ส่วนร่วม) ย้อนกลับไปรุ่นที่ 8232238 โดย BotKungด้วยสจห. ป้ายระบุ: ทำกลับ |
ไม่มีความย่อการแก้ไข ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
||
บรรทัด 1: | บรรทัด 1: | ||
... |
|||
{{ชื่ออื่น|การ์ตูนโดราเอมอน|ตัวละครโดราเอมอน|โดราเอมอน (ตัวละคร)}} |
|||
{{กล่องข้อมูล การ์ตูน/ส่วนหัว |
|||
| title_name = โดราเอมอน |
|||
| image = โดราเอมอน.png |
|||
| size = 260px |
|||
| caption = ตัวละครหลักของเรื่องโดราเอมอน |
|||
| ja_name = ドラえもん |
|||
| en_name = Doraemon |
|||
| demographic = [[การ์ตูนญี่ปุ่นสำหรับเด็ก|สำหรับเด็ก]] |
|||
| genre = ตลก-ดราม่า, [[นิยายวิทยาศาสตร์|ไซไฟ]]ภจญภัย |
|||
}} |
|||
{{กล่องข้อมูล การ์ตูน/มังงะ |
|||
| title = |
|||
| author = [[ฟูจิโกะ ฟูจิโอะ]] |
|||
| publisher = {{ธง|ญี่ปุ่น}} [[โชงะกุกัง]] <br/> {{ธง|ไทย}} [[เนชั่น เอ็ดดูเทนเมนท์]] |
|||
| serialized = โชงะกุอิจิเน็นเซย์-โยะเน็นเซย์ <br> โคโรโคโรคอมิก <br> เทเลบิคุง |
|||
| first_run = [[พ.ศ. 2512]] |
|||
| last_run = [[พ.ศ. 2539]] |
|||
| num_volumes = 45 เล่ม ([[รายชื่อตอนในโดราเอมอน|รายชื่อตอน]]) |
|||
}} |
|||
{{กล่องข้อมูล การ์ตูน/อนิเมะ |
|||
| type = tv series |
|||
| title = โดราเอมอน (1973) |
|||
| director = Misuo Kamiri |
|||
| character_designer = |
|||
| studio = นิปปอนเทเลวิชัน โดงะ |
|||
| network = {{ธง|ญี่ปุ่น}} นิปปอนเทเลวิชัน |
|||
| first_aired = [[1 เมษายน]] [[พ.ศ. 2516]] |
|||
| last_aired = [[30 กันยายน]] [[พ.ศ. 2516]] |
|||
| num_episodes = 52 (15 นาที) <br> 26 (30 นาที) |
|||
}} |
|||
{{กล่องข้อมูล การ์ตูน/อนิเมะ |
|||
| type = tv series |
|||
| title = โดราเอมอน (1979) |
|||
| director = Motohira Ryo > Shibayama Tsutomu |
|||
| character_designer = Nakamura Eichi |
|||
| studio = ชินเอย์แอนิเมชั่น |
|||
| network = {{ธง|ญี่ปุ่น}} [[ทีวีอาซาฮี]] <br/> {{ธง|ไทย}} [[สถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ทีวี|โมเดิร์นไนน์ทีวี (ช่อง 9)]] <small> (2525<ref name=thai_first_air /> - 2552) </small> |
|||
| first_aired = [[2 เมษายน]] [[พ.ศ. 2522]] |
|||
| last_aired = [[18 มีนาคม]] [[พ.ศ. 2548]] |
|||
| num_episodes = 1,787 <ref>{{Cite web| url = http://www.animated-divots.com/doraemon2.html| title =Doraemon| accessdate = 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2552|publisher = animated-divots.com}}</ref> |
|||
}} |
|||
{{กล่องข้อมูล การ์ตูน/อนิเมะ |
|||
| type = tv series |
|||
| title = โดราเอมอน (2005) |
|||
| director = Koso Tsukuba > Soichiro Sen |
|||
| character_designer = Watanabe Ayumu |
|||
| studio = Asatsu-DK, ชินเอย์แอนิเมชั่น |
|||
| network = {{ธง|ญี่ปุ่น}} [[ทีวีอาซาฮี]] <br/> {{ธง|ไทย}} [[สถานีโทรทัศน์ โมเดิร์นไนน์ ทีวี|โมเดิร์นไนน์ทีวี]] <small> ([[พ.ศ. 2553]] - ปัจจุบัน) </small> |
|||
| first_aired = [[15 เมษายน]] [[พ.ศ. 2548]] |
|||
| last_aired = ปัจจุบัน |
|||
| num_episodes = 665+<ref>{{Cite web |url=http://www.tv-asahi.co.jp/apps/page/back_number.php?P_ID=349&C_DIR=story&TYPE=pc&CNT=300 |title=Doraemon |publisher=TV Asahi |accessdate=July 31, 2009}}</ref> |
|||
}} |
|||
{{กล่องข้อมูล การ์ตูน/ส่วนท้าย}} |
|||
'''โดราเอมอน''' หรือ '''โดเรมอน''' (Doraemon) เป็น [[การ์ตูนญี่ปุ่น]] แต่งโดย [[ฟุจิโกะ ฟุจิโอะ]] เรื่องราวของหุ่นยนต์แมวชื่อโดราเอมอน โดยฟุจิโกะ ฟุจิโอะได้กล่าวว่าโดราเอมอนเกิดวันที่ [[3 กันยายน]] มาจากอนาคตเพื่อกลับมาช่วยเหลือ [[โนบิ โนบิตะ|โนบิตะ]] เด็กประถมจอมขี้เกียจด้วย [[รายชื่อของวิเศษของโดราเอมอน|ของวิเศษ]] จากอนาคต โดราเอมอนเริ่มตีพิมพ์ครั้งแรกในญี่ปุ่นเมื่อ [[เดือนธันวาคม]] [[พ.ศ. 2512]] โดย [[สำนักพิมพ์โชงะกุกัง]] |
|||
<ref>[http://www.shogakukan.co.jp/dora/ 小学館 -Shogakukan-:ドラえもんの本]</ref><ref name="ไขความลับ2">{{อ้างหนังสือ|ผู้แต่ง=Shogakukan Doraemon - room|ชื่อหนังสือ=ไขความลับของโดเรมอน|URL=|จังหวัด=กรุงเทพฯ|พิมพ์ที่=สำนักพิมพ์นามมีบุ๊คส์พับลิเคชั่นส์|ปี=2553|ISBN=978-616-04-0375-2|จำนวนหน้า=184}}</ref> โดยมีจำนวนตอนทั้งหมด 1,344 ตอน <ref>[http://www3.u-toyama.ac.jp/doraemon/doragaku2/438_1.html ドラえもん学 - ドラえもんの全作品 (1,345編)]</ref> ต่อมาในวันที่ [[11 มิถุนายน]] [[พ.ศ. 2540]] โดราเอมอนได้รับรางวัลเทะซุกะ โอซามุ ครั้งที่ 1 ในสาขาการ์ตูนดีเด่น <ref>[http://www.asahi.com/shimbun/award/tezuka/kiroku.html 手塚治虫文化賞 - これまでの受賞の記録]</ref> อีกทั้งยังได้รับเลือกจาก [[นิตยสารไทม์เอเชีย]] ให้เป็น 1 ในวีรบุรุษของ [[ทวีปเอเชีย]] จาก [[ประเทศญี่ปุ่น]] <ref>[http://web.archive.org/web/20080714223718/http://www.time.com/time/asia/features/heroes/doraemon.html TIMEasia.com: Asian Heroes - Doraemon]</ref> จากนั้นในวันที่ [[19 มีนาคม]] [[พ.ศ. 2551]] โดราเอมอนก็ได้รับเลือกให้เป็นทูตสันถวไมตรี เพื่อการประชาสัมพันธ์วัฒนธรรมของ [[ประเทศญี่ปุ่น]] <ref>[http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9510000033519 "โดราเอมอน" ลั่นพร้อมทำงานเพื่อชาติ], [[ผู้จัดการออนไลน์]], [[19 มีนาคม]] [[พ.ศ. 2551]], เรียกข้อมูลเมื่อ [[22 มีนาคม]] [[พ.ศ. 2551]] </ref> นอกจากนี้บริษัท [[บันได (บริษัทญี่ปุ่น)|บันได]] ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าการ์ตูนที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น ยังได้ผลิต [[หุ่นยนต์]] โดราเอมอนของจริงขึ้นมาในชื่อว่า "My Doraemon" โดยออกวางจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ [[3 กันยายน]] [[พ.ศ. 2552]] <ref>[http://www.bandai.co.jp/releases/J2009062501.html バンダイ - 『Myドラえもん』2009年9月3日(木)発売], bandai.co.jp</ref> |
|||
ใน [[ประเทศไทย]] โดราเอมอนฉบับ [[หนังสือการ์ตูน]] มีการตีพิมพ์โดยหลายสำนักพิมพ์ในช่วงก่อนที่จะมีลิขสิทธิ์การ์ตูน <ref>[http://www.doraemontowel.com/news/id,11/เกี่ยวกับโดราเอมอน.html เกี่ยวกับโดราเอมอน]</ref><ref>http://notetuan.multiply.com/journal/item/2/2?&show_interstitial=1&u=%2Fjournal%2Fitem</ref> แต่ปัจจุบัน สำนักพิมพ์ [[เนชั่น เอ็ดดูเทนเมนท์]] เป็นผู้ได้รับลิขสิทธิ์ในการจัดพิมพ์แต่เพียงผู้เดียว ส่วนฉบับอนิเมะ ออกอากาศครั้งแรก วันที่ [[5 กันยายน]] [[พ.ศ. 2525]] ทาง [[โมเดิร์นไนน์ทีวี]] ในปัจจุบัน <ref name=thai_first_air>{{cite|url=https://www.facebook.com/9mcot/photos/a.507769176044129.1073741828.497792183708495/886157861538590/?type=3&source=56|title=เพื่อนๆ รู้หรือไม่ว่าโดราเอมอนออกอากาศฉายครั้งแรกเมื่อไร?|publisher = 9 MCOT on facebook|accessdate = {{date|2017-11-06}} }} </ref> และวางจำหน่ายในรูปแบบวีซีดี-ดีวีดี ลิขสิทธิ์โดยบริษัท [[โรส มีเดีย แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์|โรส วิดีโอ]] <ref>[http://www.rose.co.th/Default.aspx?Page=1&ContentId=90 โรส มีเดียฯ รุกทำตลาดการ์ตูนปี 2008 อย่างเต็มกำลัง], Rose Media & Entertainment</ref> |
|||
== โครงเรื่อง == |
== โครงเรื่อง == |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 19:26, 27 มิถุนายน 2562
...
โครงเรื่อง
เนื้อเรื่องส่วนมากจะเกี่ยวกับปัญหาของ โนบิตะ เด็กชายชั้น ป.4 ที่มักถูกเพื่อนๆ แกล้ง (แต่บ่อยครั้งก็เป็นฝ่ายหาเรื่องใส่ตัวเอง) ไม่ค่อยชอบทำการบ้าน ไม่ชอบอ่านหนังสือและไปโรงเรียนสายบ่อยๆ โดยมีเพื่อนที่เป็นตัวละครสำคัญในเรื่องคือ โดราเอมอน (โนบิตะทำอะไรไม่ค่อยเป็น ต้องพึ่งโดราเอมอนแทบทุกอย่าง) หุ่นยนต์แมวจากอนาคตที่คอยดูแลช่วยเหลือโนบิตะตลอดเวลาด้วยของวิเศษจากอนาคต ไจแอนท์ เด็กที่ดูเป็นอันธพาลแต่ที่จริงเป็นคนอารมณ์อ่อนไหวและรักการร้องเพลง ซูเนโอะ ผู้มีฐานะทางบ้านดีที่สุดในกลุ่ม มีนิสัยชอบคุยโม้ เป็นคู่หูกับไจแอนท์ที่คอยกลั่นแกล้งโนบิตะอยู่ตลอด เดคิสุงิ เป็นเด็กเรียนเก่ง นิสัยดี รักความถูกต้อง มีน้ำใจ แต่ไม่ค่อยมีบทบาทมากนัก ชิซุกะ ผู้หญิงเพียงคนเดียวในกลุ่มเป็นเด็กเรียนดี ชอบช่วยเหลือผู้อื่น เป็นเด็กสาวที่โนบิตะหลงรัก ในอนาคตก็ได้มาเป็นเจ้าสาวของโนบิตะด้วย ไจโกะ น้องสาวของไจแอนท์ ไม่ค่อยมีบทบาทมากนัก ตัวละครสำคัญนอกจากนี้ก็มี โดเรมี หุ่นยนต์แมวที่มีกระเป๋า 4 มิติและของวิเศษ (แต่จะออกน่ารักๆ ดูเป็นแบบผู้หญิงมากกว่า) เช่นเดียวกับโดราเอมอนผู้เป็นพี่ชาย คุณพ่อและคุณแม่ของโนบิตะ ซึ่งคุณแม่ดูจะมีบทบาทในเรื่องมากกว่าคุณพ่อ
แม้ว่าโนบิตะ ไจแอนท์ ซูเนโอะและคนอื่นจะดูเหมือนมีปัญหากันบ่อยแต่ลึกแล้วก็รักและช่วยเหลือกันดี จะเห็นได้จากตอนพิเศษต่างๆ ที่เด็กกลุ่มนี้ต้องออกไปผจญภัย (บางทีก็นอกโลก ใต้ทะเลหรือยุคไดโนเสาร์)
ประวัติและที่มาของโดราเอมอน
การ์ตูนโดราเอมอน ได้รับแรงบันดาลใจเมื่อ เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2512 เนื่องจาก ฟุจิโกะ ฟุจิโอะ ได้ลงโฆษณาการ์ตูนเรื่องใหม่ของเขาไว้ว่าจะมีตัวเอกที่ออกมาจากลิ้นชัก ในนิตยสารการ์ตูนฉบับต้อนรับปีใหม่ที่จะมาแทนการ์ตูน เจ้าชายจอมเปิ่น [1] แต่ในความจริงแล้วทั้ง 2 ยังไม่มีไอเดียเกี่ยวกับการ์ตูนเรื่องนี้แม้แต่น้อยเลย เมื่อใกล้ถึงเวลาส่งต้นฉบับก็ยิ่งเพิ่มแรงกดดันให้กับอาจารย์เป็นอย่างมาก
ฮิโรชิ ฟุจิโมโตะ นักวาดการ์ตูนได้เผอิญเห็นแมวจรจัดที่มักแอบเข้ามาเล่นที่บ้านของตนเอง เขามักจะเล่นกับแมวตัวนี้เป็นประจำเมื่อตอนที่เขาคิดอะไรไม่ออก จนเวลาล่วงเลยมาถึง 04.00 น. ก็ยังไม่มีไอเดียเกี่ยวกับการ์ตูนเรื่องใหม่เขาจึงจะล้มเลิกไปเสียแล้วแต่เขาเกิดคิดเลยเถิดไปว่าโลกนี้น่าจะมีไทม์แมชชีนเพื่อย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีต หลังจากนั้นฮิโรชิได้เผลอหลับไปด้วยความอ่อนล้า เมื่อเขาสะดุ้งตื่นขึ้นมา ทำให้เขาตกใจว่าตนเองเผลอหลับไปจึงรีบวิ่งลงจากบันไดบ้านไปสะดุดกับตุ๊กตาล้มลุกญี่ปุ่นของลูกสาวที่ตกอยู่บนพื้น [1]
เหตุนี้เองทำให้ฮิโรชิเกิดไอเดียขึ้นโดยนำหน้าแมวจรจัดมาผสมกับตุ๊กตาญี่ปุ่น สร้างออกมาเป็นตัวละครหุ่นยนต์แมวจากอนาคตคอยช่วยเหลือเด็กชายที่แสนจะไม่ได้เรื่องและตั้งชื่อว่า โดราเอมอน เป็นคำผสมระหว่าง "โดราเนโกะ" กับ "เอมอน" ในภาษาญี่ปุ่น และเริ่มตีพิมพ์ในนิตรยสารโยะอิโกะ, นิตรยสารโยชิเอ็งและนิตยสารเพื่อการศึกษาระดับประถมศึกษาปีที่ 1-4 (เดือนมกราคม พ.ศ. 2513) [1]
การ์ตูนโดราเอมอน ลงตีพิมพ์พร้อมกันใน นิตยสาร 6 ฉบับคือ นิตยสารโยะอิโกะ, นิตยสารโยชิเอ็ง, นิตรยสาร โชงะกุอิชิเน็นเซ (นิตยสารเพื่อการศึกษาระดับประถมศึกษาปีที่ 1), นิตยสาร โชงะกุนิเน็นเซ (นิตยสารเพื่อการศึกษาระดับประถมศึกษาปีที่ 2), นิตยสาร โชงะกุซังเน็นเซ (นิตยสารเพื่อการศึกษาระดับประถมศึกษาปีที่ 3) และนิตยสาร โชงะกุโยเน็นเซ โดยมีทั้งหมด 1,344 ตอน [2] โดยเขียนให้เหมาะกับผู้อ่านแต่ละระดับอายุ ซึ่งการ์ตูนได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก[1]
และในวันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2540 โดราเอมอนได้รับ รางวัลเท็ตซึกะ โอซามุ เป็นการ์ตูนดีเด่น [1][2]
รายชื่อตัวละคร
ในการ์ตูนเรื่องโดราเอมอนเป็นเรื่องราวของกลุ่มเพื่อนในวัยเด็ก 4 คนและมีหุ่นยนต์แมวจากอนาคตเป็นตัวละครหลัก ดังนี้
โดราเอมอนหรือโดเรมอน เป็นหุ่นยนต์แมวจากโลกอนาคตกลับมาช่วยเหลือโนบิตะ โดยเซวาชิผู้เป็นเหลนของโนบิตะเป็นผู้ส่งมาดูแลโนบิตะ โดเรมอนกลัวหนูมากเพราะเคยโดนหนูกัดหูจนต้องตัดหูทิ้ง ชอบกินโดรายากิเนื่องจากตอนที่อยู่โลกอนาคตยังไม่มาหาโนบิตะ โดเรมอนได้รับโดรายากิกับแมวผู้หญิงตัวหนึ่งซึ่งน่ารักมาก โดเรมอนจึงชอบเป็นพิเศษและเขาจะมีอารมณ์โกรธทันทีเมื่อมีใครเรียกเขาว่า "แรคคูน" หรือ "ทานุกิ"
เด็กชายไม่เอาไหน ทั้งเรื่องการเรียนและกีฬา มีนิสัยขี้เกียจและชอบนอนกลางวัน สอบก็ได้ 0 คะแนนทุกครั้งแต่ก็มีความสามารถด้านยิงปืนและพันด้าย เป็นคนมีน้ำใจ ชอบชิซุกะมานานและมักถูกไจแอนท์กับซูเนโอะแกล้งเป็นประจำแต่ก็เปลี่ยนเป็นคนละคนเมื่อโดเรมอนไม่ได้อยู่กับเขาแล้ว เขาจะมีอารมณ์ไม่พอใจเมื่อเดคิสุงิอยู่ใกล้กับชิซุกะเพราะคิดว่าชิซุกะแอบชอบเดคิสุงิแต่ถึงอย่างไรก็ตามในอนาคตก็ได้แต่งงานกับโนบิตะอยู่ดีแต่ถ้าเรื่องของวิเศษโนบิตะจะปิงไอเดียอะไรพิเรนพิเรนหรืออะไรที่มีประโยชน์นั้นก็แล้วแต่ที่โนบิตะคิดได้
เด็กสาวน้ำใจดี เธอเป็นที่รักของทุกคน ชอบการอาบน้ำเป็นอย่างมากและชอบเล่นไวโอลิน (เล่นได้ห่วยแตกมาก) แต่มีความสามารถด้านเปียโน เธอเป็นเด็กสาวที่โนบิตะแอบชอบและชิซุกะยังชอบกินสปาเก็ตตี้และมันเผาเป็นพิเศษ ในอนาคตเธอก็ได้แต่งงานกับโนบิตะ
เด็กขี้อวดประจำโรงเรียน ฐานะดีและเป็นเพื่อนซี้กับไจแอนท์ ผู้มีฐานะทางบ้านดีที่สุดในกลุ่ม มีนิสัยชอบคุยโม้ ชอบพูดยกยอ ขี้ประจบและชอบเอาของมาอวดให้เพื่อนๆ อิจฉาแต่ก็มักโดนไจแอนท์แย้งไปตลอดแต่ก็พร้อมที่จะเจออันตรายกับพวกเพื่อนๆ ได้ในตอนที่เป็นภาพยนตร์ มักจะวางแผนกับไจแอนท์เพื่อแกล้งโนบิตะ
โกดะ ทาเคชิ (ไจแอนท์)
เด็กอ้วนหัวโจกประจำกลุ่ม ชอบแกล้งโนบิตะเป็นประจำแต่ก็มีหลายครั้งที่แสดงความผูกพันกับโนบิตะ (อยากขอร้องให้ช่วย) ฝันอยากจะเป็นนักร้องแต่เสียงไม่เอาไหนแต่บางครั้งเสียงไม่เอาไหนของเขาก็ช่วยทำให้สถานการณ์ที่คับขันให้คลี่คลายได้เพราะคงไม่มีใครคนไหนที่สามารถทนเสียงของเขาได้และเขาเป็นคนที่รักเพื่อนพ้องมากและยังชอบแย้งหนังสือการ์ตูนกับของที่ซึเนโอะเอามาอวดเป็นประจำแถมยังทำอาหารได้ห่วยอีกตั่งหาก
หุ่นยนต์แมวจากอนาคต เธอเป็นน้องสาวของโดเรมอน สวยน่ารักแต่ประสิทธิภาพสูงกว่าโดเรมอนทุกด้านเช่น ความรู้ วิธีใช้ของวิเศษ อาศัยอยู่ที่โลกศตวรรษที่ 22 ไม่ค่อยปรากฏตัวให้พบเห็น เธอจะปรากฏตัวเมื่อโดเรมอนเรียกขอความช่วยเหลือหรือสถานการณ์ที่โดเรมอนไม่สามารถควบคุมได้ บางครั้งก็มาช่วยเหลือโนบิตะตอนที่โดเรมอนไม่อยู่
ไจโกะเป็นน้องสาวของไจแอนท์ไจโกะเก่งเรื่องวาดรูปมากแถมเธอยังทำอาหารเก่งกว่าไจแอนท์อีกด้วยและเธอยังจะได้เป็นเจ้าสาวของโนบิตะแต่โดเรม่อนก็แก้ไขให้โนบิตะได้แต่งงานกับชิซูกะ
สื่อโดราเอมอน
ฉบับมังงะ
ฉบับการ์ตูนทีวี (อนิเมะ)
โดราเอมอนฉบับการ์ตูนทีวีเป็นภาพยนตร์การ์ตูนชุดสัญชาติญี่ปุ่น (อนิเมะ) โดยสร้างขึ้นเพื่อออกอากาศทางโทรทัศน์ ในประเทศญี่ปุ่นเริ่มในปี พ.ศ. 2516 โดยนิปปอนเทเลวิชั่น และต่อมาปี พ.ศ. 2522 ทีวีอาซาฮี นำมาออกอากาศต่อ สำหรับในประเทศไทย เริ่มออกอากาศครั้งแรกในปี พ.ศ. 2525 ทาง ช่อง 9 อ.ส.ม.ท. จากนั้นก็ได้มีการนำมาออกอากาศเป็นระยะๆ ตลอดมาจนถึงปัจจุบัน
ฉบับภาพยนตร์ และโดราเอมอนตอนพิเศษ
โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ เป็นอนิเมะ ตอนพิเศษ ซึ่งมีการจัดทำขึ้นเป็นภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องยาว และหนังสือการ์ตูน โดยเมื่อ เดือนเมษายน พ.ศ. 2523 เป็นปีแรกที่มีการสร้างฉบับภาพยนตร์ชื่อตอนว่า "ตะลุยแดนไดโนเสาร์" [3] และมีการสร้างตอนพิเศษเรื่อยมาทุกปี[4] ทั้งนี้ในปี พ.ศ. 2548 เป็นปีครบรอบ 25 ปีของการฉายโดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ นอกจากนั้นยังมีการสร้างภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องนี้ออกมาเป็นตอนพิเศษอีกด้วย โดยมีวีซีดีออกมาครบแล้ว 30 แผ่น 30 ตอน และมีการนำตอนเก่ามาสร้างใหม่ตั้งแต่ พ.ศ. 2549 เป็นต้นมา และยังมีตอนที่ไม่ได้มาจากหนังสือการ์ตูน เรียงตามการออกฉายในโรงภาพยนตร์ที่ประเทศญี่ปุ่น
ลำดับ | ชื่อเรื่องภาษาไทย | ปีที่ออกฉาย | ฉากสำคัญของเรื่อง / หมายเหตุ |
---|---|---|---|
ออริจินอลซีรีส์ | |||
1 | ผจญภัยไดโนเสาร์ | ค.ศ. 1980 | ไดโนเสาร์ในยุคครีเทเชียส |
2 | โนบิตะนักบุกเบิกอวกาศ | ค.ศ. 1981 | ใต้เสื่อของห้องโนบิตะเป็นทางเชื่อมต่อระหว่างมิติ |
3 | ตะลุยแดนมหัศจรรย์ | ค.ศ. 1982 | อาณาจักรสุนัขในดินแดนลึกลับแอฟริกากลาง |
4 | ผจญภัยใต้สมุทร | ค.ศ. 1983 | ผจญภัยใต้มหาสมุทรแปซิฟิก บริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า |
5 | ท่องแดนเวทมนตร์ | ค.ศ. 1984 | โลกเวทมนตร์ที่เกิดจากของวิเศษ |
6 | สงครามอวกาศ | ค.ศ. 1985 | การผจญภัยในอวกาศเพื่อช่วยประธานาธิบดีวัยเยาว์ |
7 | สงครามหุ่นเหล็ก | ค.ศ. 1986 | การผจญภัยกับหุ่นยนต์ยักษ์ในโลกกระจก |
8 | เผชิญอัศวินไดโนเสาร์ | ค.ศ. 1987 | โลกใต้พิภพที่ไดโนเสาร์ที่พัฒนาแล้วอาศัยอยู่ |
9 | ท่องแดนเทพนิยายไซอิ๋ว | ค.ศ. 1988 | ภาพยนตร์ชุดนี้ไม่ได้ตีพิมพ์เป็นหนังสือการ์ตูน ใช้โครงเรื่องที่ผู้เขียนวางไว้ |
10 | ท่องแดนญี่ปุ่นโบราณ | ค.ศ. 1989 | ประเทศญี่ปุ่นที่มนุษย์โบราณชาวจีนอาศัยอยู่เมื่อ 7 หมื่นปีก่อน[1] |
11 | ตะลุยดาวต่างมิติ | ค.ศ. 1990 | ดาวสัตว์ที่เชื่อมต่อกับโลกด้วยหมอกสีชมพู |
12 | ตะลุยแดนอาหรับราตรี | ค.ศ. 1991 | การผจญภัยในดินแดนอาหรับราตรี |
13 | บุกอาณาจักรเมฆ | ค.ศ. 1992 | โลกของมนุษย์และสัตว์ที่สูญพันธุ์ไปแล้วบนก้อนเมฆ |
14 | ฝ่าแดนเขาวงกต | ค.ศ. 1993 | โลกที่หุ่นยนต์ควบคุมมนุษย์ |
15 | สามอัศวินในจินตนาการ | ค.ศ. 1994 | การผจญภัยในโลกของความฝัน |
16 | บันทึกการสร้างโลก | ค.ศ. 1995 | มนุษย์แมลงที่กำเนิดขึ้นในโลกของโนบิตะที่สร้างจากชุดสร้างโลก |
17 | ผจญภัยสายกาแล็คซี่ | ค.ศ. 1996 | การเดินทางครั้งยิ่งใหญ่ในอวกาศด้วยรถไฟอวกาศปริศนา |
18 | ตะลุยเมืองตุ๊กตาไขลาน | ค.ศ. 1997 | เมืองของเล่นมีชีวิตที่กำเนิดขึ้นบนดาวเคราะห์น้อย |
19 | ผจญภัยเกาะมหาสมบัติ | ค.ศ. 1998 | ผจญภัยหาสมบัติในหมู่เกาะทะเลใต้ยุคศตวรรษที่ 17[1] |
20 | ตะลุยอวกาศ | ค.ศ. 1999 | การตะลุยอวกาศเพื่อตามหาไจแอนท์และซูเนโอะกลับโลก[1] |
21 | ตำนานสุริยกษัตริย์ | ค.ศ. 2000 | ดินแดนยุคอารยธรรมมายา |
22 | อัศวินแดนวิหค | ค.ศ. 2001 | การผจญภัยในดินแดนวิหค เบิร์ดโธเปีย |
23 | โนบิตะ ตะลุยอาณาจักรหุ่นยนต์ | ค.ศ. 2002 | การช่วยเหลือหุ่นยนต์จากต่างดาว |
24 | โนบิตะ มหัศจรรย์ดินแดนแห่งสายลม | ค.ศ. 2003 | ไข่ลูกพายุไต้ฝุ่นและดินแดนแห่งสายลม |
25 | โนบิตะ ท่องอาณาจักรโฮ่งเหมียว | ค.ศ. 2004 | ดินแดนแห่งหมาและแมวที่โนบิตะได้พัฒนาพวกเขาขึ้นมา |
นิวเจเนอเรชัน | |||
26 | ไดโนเสาร์ของโนบิตะ | ค.ศ. 2006 | นำกลับมาสร้างใหม่อีกครั้ง จากเรื่อง ผจญภัยไดโนเสาร์ |
27 | โนบิตะ ตะลุยแดนปีศาจกับ 7 ผู้วิเศษ | ค.ศ. 2007 | นำกลับมาสร้างใหม่อีกครั้ง จากเรื่อง ท่องแดนเวทมนตร์ |
28 | โนบิตะกับตำนานยักษ์พฤกษา | ค.ศ. 2008 | โลกแห่งต้นไม้และป่าไม้ |
29 | โนบิตะนักบุกเบิกอวกาศ | ค.ศ. 2009 | นำกลับมาสร้างใหม่อีกครั้ง จากเรื่อง โนบิตะนักบุกเบิกอวกาศ |
30 | สงครามเงือกใต้สมุทร | ค.ศ. 2010 | การผจญภัยในโลกใต้ทะเล |
31 | โนบิตะผจญกองทัพมนุษย์เหล็ก | ค.ศ. 2011 | นำกลับมาสร้างใหม่อีกครั้ง จากเรื่อง สงครามหุ่นเหล็ก |
32 | โนบิตะผจญภัยในเกาะมหัศจรรย์ | ค.ศ. 2012 | เกาะที่มีสัตว์หายากและสัตว์สูญพันธุ์อาศัยบนเกาะ |
33 | โนบิตะล่าโจรปริศนาในพิพิธภัณฑ์ของวิเศษ | ค.ศ. 2013 | พิพิธภัณฑ์ของวิเศษในโลกอนาคต |
34 | โนบิตะบุกดินแดนมหัศจรรย์ เปโกะกับห้าสหายนักสำรวจ | ค.ศ. 2014 | นำกลับมาสร้างใหม่อีกครั้ง จากเรื่อง ตะลุยแดนมหัศจรรย์ |
SPECIAL | สแตนด์บายมี โดราเอมอน เพื่อนกันตลอดไป | ภาพยนตร์แอนิเมชันคอมพิวเตอร์ในรูปแบบสามมิติครั้งแรกของโดราเอมอน | |
35 | โนบิตะผู้กล้าแห่งอวกาศ | ค.ศ. 2015 | หลงเข้าไปในอวกาศของจริงจากการเล่นเป็นฮีโร่อวกาศ |
36 | โนบิตะกำเนิดประเทศญี่ปุ่น | ค.ศ. 2016 | นำกลับมาสร้างใหม่อีกครั้ง จากเรื่อง ท่องแดนญี่ปุ่นโบราณ |
37 | คาชิ-โคชิ การผจญภัยขั้วโลกใต้ของโนบิตะ | ค.ศ. 2017 | การผจญภัยในดินแดนภูเขาน้ำแข็ง |
38 | เกาะมหาสมบัติของโนบิตะ | ค.ศ. 2018 | พบกับเกาะสมบัติจากแผนที่โดยบังเอิญ และ ดัดแปลงจากนวนิยายของโรเบิร์ต หลุยส์ สตีเวนสัน เรื่อง เกาะมหาสมบัติ |
39 | สำรวจดินแดนจันทรา | ค.ศ. 2019 | การสำรวจของโนบิตะและผองเพื่อนนำไปสู่การผจญภัยบนดินแดนแห่งดวงจันทร์ *ยังไม่มีการประกาศชื่อตอนภาษาไทยอย่างเป็นทางการ |
นอกจากโดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ที่มีการฉายทุกปีแล้ว ยังมีภาพยนตร์การ์ตูนตอนพิเศษดังนี้ รวมโดราเอมอน ตอนพิเศษ ของ บริษัท โรส มีเดีย แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ทั้ง 8 ชุด
|
|
เพลงประกอบ
ฉบับปี พ.ศ. 2516
1. โดราเอมอน (ドラえもん) ขับร้องโดย ฮารุมิ ไนโต และ คณะ NLT
ฉบับปี พ.ศ. 2522
1. โดราเอมอน โนะ อุตะ (ドラえもんのうた) ขับร้องโดย คุมิโกะ โอสุงิ (2 เมษายน 2522 - 2 ตุลาคม 2535)
2. โดราเอมอน โนะ อุตะ (ドラえもんのうた) ขับร้องโดย ซาโตโกะ ยามาโนะ (9 ตุลาคม 2535 - 20 กันยายน 2545)
3. โดราเอมอน โนะ อุตะ (ドラえもんのうた) ขับร้องโดย โตเกียวพูริน (4 ตุลาคม 2545 - 11 เมษายน 2546)
4. โดราเอมอน โนะ อุตะ (ドラえもんのうた) ขับร้องโดย มิซาโตะ วาตานาเบะ (18 เมษายน 2546 - 23 เมษายน 2547)
5. โดราเอมอน โนะ อุตะ (ドラえもんのうた) ขับร้องโดย AJI (อะจิ) (30 เมษายน 2547 - 18 มีนาคม 2548)
ฉบับปี พ.ศ. 2548
1. โดราเอมอน โนะ อุตะ (ドラえもんのうた) แบบดนตรีบรรเลง บรรเลงโดย ทเวลฟ์ เกิลส์ แบนด์ (15 เมษายน - 21 ตุลาคม 2548)
2. ฮาคุชิจาโอ้ (はぐShichao) ขับร้องโดย อากิ โยโกะ (ใช้มาตั้งแต่ปี 2548-2550)
3. ยูเมโวะ กะนะเอเท โดราเอมอน (夢をかなえてドラえもん) ขับร้องโดย mao (11 พฤษภาคม 2550 - ปัจจุบัน)
โดราเอมอนกับประเทศไทย
การ์ตูนโดราเอมอนฉบับหนังสือการ์ตูนภาษาไทย สร้างปรากฏการณ์เป็นที่กล่าวถึงในวงการการ์ตูนเป็นอย่างมาก เริ่มตีพิมพ์ครั้งแรกในช่วงกลางปี พ.ศ. 2524 โดยสำนักพิมพ์ธิดาน้อย ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของสำนักพิมพ์มิตรไมตรี โดยตั้งชื่อการ์ตูนเรื่องนี้ว่า "โดราเอมอน แมวจอมยุ่ง" แปลเป็นภาษาไทยโดย อนุสรณ์ สถิรวัฒน์ ต่อมา สำนักพิมพ์วิบูลย์กิจ ก็ได้มีการตีพิมพ์การ์ตูนเรื่องนี้เช่นกันแต่เลือกใช้ชื่อว่า "โดเรมอน" เพื่อไม่ให้ซ้ำกับทางสำนักพิมพ์แรก ในสมัยนั้นยังเป็นช่วงของหนังสือการ์ตูนที่ยังไม่มีการซื้อ ลิขสิทธิ์ ถูกต้องจากทางญี่ปุ่น ทั้ง 2 สำนักพิมพ์จึงไม่ได้พิมพ์ตอนตามลำดับของต้นฉบับทำให้มีการลงตอนซ้ำกัน โดราเอมอนได้รับความนิยมอย่างมาก ทั้ง 2 สำนักพิมพ์จึงแข่งกันทางด้านความถี่ของการออกจัดจำหน่ายจากเดือนละเล่มในช่วงต้นก็เปลี่ยนเป็นเดือนละ 2 เล่มจนถึงอาทิตย์ละเล่ม สุดท้ายทางสำนักพิมพ์ธิดาน้อย ก็พิมพ์ถึงเดือนละ 3 เล่ม พิมพ์ไม่น้อยกว่า 70,000 เล่มต่อครั้ง ด้วยความถี่ในการพิมพ์และการไม่มีการจัดลำดับถูกต้องตามต้นฉบับ ทำให้ในเวลาเพียง 7-8 เดือนการ์ตูนเรื่องนี้ก็ตีพิมพ์ครบทุกตอนตามต้นฉบับของ ฟุจิโกะ ฟุจิโอะ ที่ใช้เวลาเขียนติดต่อกันร่วม 10 ปี
หลังจากนั้น หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ได้เห็นความนิยมของโดราเอมอนจึงได้มีการตีพิมพ์การ์ตูนเรื่องนี้ลงเป็นตอนๆ ในแต่ละวันโดยเริ่มวันแรกวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2525 ถือได้ว่าเป็นการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องแรกที่มีการตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์ เนื่องจากต้องการไม่ให้ชื่อซ้ำกับทาง 2 สำนักพิมพ์แรก ไทยรัฐจึงได้ตั้งชื่อใหม่อีกเป็น "โดรามอน เจ้าแมวจอมยุ่ง" ด้วยเหตุนี้เองทำให้คนไทยเรียกชื่อ โดราเอมอน ต่างกันหลายชื่อ
สำนักพิมพ์สุดท้ายที่ตีพิมพ์โดราเอมอนฉบับหนังสือการ์ตูนในยุคนั้นคือ สยามสปอร์ตพับลิชชิง หรือ สยามอินเตอร์คอมิกส์ ในปัจจุบันและใช้ชื่อตามหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ แต่มีการแถมรูปลอกมาพร้อมในเล่ม อีกทั้งยังมีการประชาสัมพันธ์ที่ใหญ่โตที่ แดนเนรมิต ใช้ชื่องานว่า "โลกของโดรามอน" จัดให้มีกิจกรรมมากมายเช่น การประกวดร้องเพลงโดราเอมอนภาษาไทย ซึ่งร่วมมือกับค่ายเพลง อโซน่า ถึง 6 เพลง อีกทั้งยังมีนำเข้าสินค้าตัวละครโดราเอมอนจาก ประเทศฮ่องกง มาจำหน่ายในงานอีกด้วย จนในปัจจุบันการ์ตูนเรื่องนี้ได้รับการซื้อลิขสิทธิ์ฉบับหนังสือการ์ตูนอย่างถูกต้อง โดยสำนักพิมพ์ เนชั่น เอ็ดดูเทนเมนท์ ซึ่งมีการตีพิมพ์ 45 เล่ม และมีการรวมเล่มพิเศษอีกหลายฉบับเช่น โดราเอมอนชุดพิเศษ โดราเอมอนพลัส และโดราเอมอนบิ๊กบุคส์ อีกทั้งยังมีตีพิมพ์ซ้ำแล้วหลายรอบ[5]
ในปี พ.ศ. 2525 ทาง ไชโยภาพยนตร์ ได้มีการฉาย โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ ขึ้นถึง 2 ตอนด้วยกันคือตอน ไดโนเสาร์ของโนบิตะและโนบิตะนักบุกเบิกอวกาศ ซึ่งก็ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง นอกจากนี้ทาง ช่อง 9 ก็ได้มีการออกอากาศ โดราเอมอนฉบับการ์ตูนทีวี ทางโทรทัศน์ เริ่มเมื่อวันที่ 5 กันยายน ในปีเดียวกัน (พ.ศ. 2525)[6] ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างดีเช่นกัน ทำให้ช่อง 9 ได้รับการยอมรับในเรื่องของการออกอากาศภาพยนตร์การ์ตูนทางโทรทัศน์ และทีมนักพากย์การตูนอีกด้วย (นิตยสาร a day, 2545: 70) สำหรับในปัจจุบัน โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์มีการจัดฉายในโรงภาพยนตร์เป็นประจำทุกปีอีกครั้ง โดยบริษัทดับบลิวพีเอ็มฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล เริ่มในปี พ.ศ. 2544 เป็นต้นมา[7] ส่วนโดราเอมอนฉบับการ์ตูนทีวีนั้นก็มีการฉายซ้ำเป็นระยะและฉายตอนใหม่อยู่เรื่อยๆ ทาง สถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ทีวี
นอกจากจะเป็นที่รู้จักกันดีถึงประเทศนี้แล้ว จนถึงกับมีการทำเป็นการ์ตูนแอนิเมชั่นไทย โดยฝีมือคนไทย ทางบริษัท ไร้ท์ บิยอนด์ ทำการ์ตูนไทยโดราเอมอน ชุด "นิทานของโนบิตะ" โดราเอมอนชอบโดรายากิ ส่วนโนบิตะชอบเรียน ชอบหนังสือการ์ตูน ขายหัวเราะ และ มหาสนุก และชอบอ่านนิทานสนุกสนาน ซึ่งออกจำหน่ายในรูปแบบ VCD และ DVD
ของวิเศษ
ของวิเศษของโดราเอมอน เป็นอุปกรณ์หลากหลายรูปแบบที่โดราเอมอน หยิบนำมาใช้ ซึ่งส่วนใหญ่จะถูกเก็บไว้ในกระเป๋า 4 มิติ ที่อยู่ที่หน้าท้องของโดราเอมอน ของวิเศษส่วนใหญ่เป็นอุปกรณ์ในนิยายวิทยาศาสตร์ ซึ่งบางอย่างก็จะเป็นการดัดแปลงจากข้าวของเครื่องใช้ในบ้านของชาวญี่ปุ่นเอง และยังมีของวิเศษบางชิ้นก็อ้างถึงความเชื่อทางศาสนาของประเทศญี่ปุ่น ของวิเศษในเรื่องโดราเอมอนนั้นมีประมาณ 4,500 ชิ้น ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะปรากฏออกมาให้เห็นเพียงตอนเดียว แต่ก็ยังมีของวิเศษบางชิ้นที่โดราเอมอนหยิบออกจากกระเป๋านำมาใช้บ่อยครั้ง
ศาตราจารย์ยาสึยูกิ โยโกยามะ แห่งมหาวิทยาลัยโทยามะ ได้ทำการวิจัยผลงานเรื่องโดราเอมอน และเปิดเผยว่าของวิเศษที่โดราเอมอนหยิบออกมาจากกระเป๋า 4 มิติ มีทั้งหมด 1,963 ชิ้น ในขณะที่เว็บไซต์ Doraemon Fanclub บันทึกจำนวนของวิเศษเอาไว้ทั้งหมด 1,812 ชิ้น
ความนิยมและส่วนเกี่ยวข้อง
โดราเอมอนเป็นการ์ตูนที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศญี่ปุ่น และอีกหลายประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย และแม้ว่าเรื่องนี้จะจบลงไปนานแล้ว แต่ก็ยังคงเป็นที่นิยมกันอยู่ โดยมีการพิมพ์ใหม่ หรือนำออกมาฉายซ้ำออกอากาศอยู่เรื่อยๆ [8]
เคยมีการวิเคราะห์ด้วยเหตุผลทางจิตวิทยาว่าสาเหตุที่ทำให้การ์ตูนเรื่องนี้เป็นที่นิยมมากนั้น เป็นเพราะตัวละครโนบิ โนบิตะ มีลักษณะเป็นคนอ่อนแอ ขี้แพ้ ทำอะไรก็มักไม่ค่อยสำเร็จ หากมีเรื่องที่ถนัดอยู่บ้างก็เป็นเรื่องที่สังคมไม่ให้ความสำคัญหรือการยกย่อง เช่น เล่นพันด้าย หรือ ยิงปืนแม่น และเนื่องจากลักษณะนี้เองทำให้ผู้อ่านส่วนใหญ่มีความรู้สึก "มีส่วนร่วม" และเปิดใจให้ตัวละครอย่างโนบิตะเข้ามาในจิตใจได้ เพราะในความเป็นจริงแล้ว คนส่วนใหญ่ล้วนรู้สึกว่าตนเองคือผู้แพ้ คือผู้ถูกเอารัดเอาเปรียบ ถูกรังแก ไร้ความสามารถ หน้าตาไม่ดี ไม่มีความสามารถ และย่อมอยากและหวังว่าสักวันหนึ่งจะมีผู้มาช่วยเหลือเรื่องต่างๆ ให้แก่เรา ซึ่งในเรื่องนี้ก็คือ โดราเอมอนนั่นเอง [9]
โดราเอมอนนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นแม่อย่างหนึ่งก็ได้ จากเรื่องจะเห็นได้ว่า โดราเอมอนมักออกมาช่วยเหลือ ปกป้อง แก้ปัญหาให้โนบิตะ ในยามคับขันหรือเดือดร้อนเสมอๆ เป็นบทบาทของ "แม่ผู้ใจดี" ซึ่งก็คือสิ่งที่มนุษย์เราต้องการอยู่ลึกๆ และในบางตอนโดราเอมอนก็แสดงบท "แม่ใจร้าย" คือการแก้เผ็ดหรือปล่อยให้โนบิตะผจญกับความยากลำบากที่มักเป็นผู้ก่อขึ้นเองจากความรู้สึกในด้านชั่วร้าย เช่น การอิจฉาริษยาผู้อื่น การเกลียดชังผู้อื่น การโกหก เพื่อเป็นการสั่งสอนโนบิตะให้รู้จักความผิดชอบชั่วดี[9]
นอกจากนี้ โดราเอมอนยังมีอิทธิพลทางวัฒนธรรม ดังนี้
- หนังสือการ์ตูนโดราเอมอนเป็นหนึ่งในการ์ตูนญี่ปุ่นที่ขายได้มากกว่า 75,000,000 เล่ม[10]
- ประเทศแรกที่ฉายโดราเอมอนต่อจากญี่ปุ่น คือฮ่องกง ใน พ.ศ. 2524[11]
- หนังสือการ์ตูนโดราเอมอนมีหลายภาษาด้วยกัน ไม่ต่ำกว่า 9 ภาษาทั่วโลก ตีพิมพ์ในประเทศ เช่น ประเทศเกาหลีใต้ สเปน จีน เวียดนาม
- ประเทศเวียดนาม นิยมการ์ตูนโดราเอมอนเป็นอย่างมาก ถึงขนาดมีมูลนิธิเพื่อการศึกษาโดราเอมอน เริ่มตีพิมพ์ใน พ.ศ. 2536 แบบไม่ถูกลิขสิทธิ์ และใน พ.ศ. 2541 จึงมีการตีพิมพ์ฉบับลิขสิทธิ์ ก็ยังได้รับความนิยมเสมอมา
- พ.ศ. 2525 หนึ่งในผู้ให้กำเนิดโดราเอมอน ฮิโรชิ ฟุจิโมโตะ ได้เดินทางมาประชาสัมพันธ์โดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ให้กับทางไชโยภาพยนตร์ และออกรายการ "อาทิตย์ยิ้ม" ของดำรง พุฒตาล ทางช่อง 9
- พ.ศ. 2531 โดราเอมอนได้รับเกียรตินำไปสร้างเป็นบอลลูนขนาดยักษ์ชื่อ "โดราบารุคุง" โดยปล่อยให้ลอยอยู่บนท้องฟ้ามาเป็นเวลานาน 12 ปี และจากนั้นในปี พ.ศ. 2543 ก็ได้มีการสร้างบอลลูนลูกใหม่ขึ้นมาในชื่อว่า "โดราเน็ตสึคิคิว นิโกคิ" [12]
- พ.ศ. 2535 ในการประกวดแข่งขันรถพลังงานแสงอาทิตย์ โครงการรณรงค์ประหยัดพลังงาน ได้มีการผลิตรถพลังแสงอาทิตย์ตามตัวละครโดราเอมอนขึ้นมา เรียกว่า "โซราเอมอน" [13]
- พ.ศ. 2540 ในวันที่ 2 พฤษภาคม สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานข่าวการวางจำหน่ายแสตมป์โดราเอมอนที่ประเทศญี่ปุ่น มีสีเขียว ส้ม ชมพู และสีน้ำเงิน โดยมีการต่อแถวรอซื้อตั้งแต่เช้า [14]
- ในประเทศญี่ปุ่น มีรถไฟโดราเอมอนอยู่ด้วย โดยเป็นเส้นทางจากอาโอโมริไปฮาโกดาเตะ ตัวโบกี้มีการตกแต่งด้วยตัวละครจากโดราเอมอนทั้งภายนอกและภายใน และมีโบกี้พิเศษสำหรับแฟนคลับโดราเอมอน โดยมีภาพยนตร์การ์ตูน ของที่ระลึกจัดจำหน่าย รวมไปถึงพนักงานต้อนรับสวมหัวโดราเอมอนซึ่งคอยบริการอยู่บนรถไฟ[15]
โดจินชิ
โดราเอมอนถูกนักวาดการ์ตูนคนอื่นๆ ที่ไม่ใช่ผู้แต่งแท้จริงเขียนซ้ำ หรือที่เรียกว่า โดจินชิ ออกมามากมาย โดจินชิที่ถูกกล่าวขวัญถึงมากที่สุดก็คือ ผลงานของนักวาดการ์ตูนชาวญี่ปุ่น ยาสุเอะ ทาจิมะ [16] ซึ่งเป็นโดจินชิตอนจบของโดราเอมอน โดยนำเค้าโครงเรื่องมาจากตอนจบของโดราเอมอนหลายๆ แบบที่ถูกเล่าลือตามเมลลูกโซ่มานาน [16][17] งานโดจินชิเล่มนี้ ได้ออกวางขายครั้งแรกในงานคอมมิกมาร์เก็ต ฤดูร้อน ปี 2548 (ครั้งที่ 68) และครั้งต่อมาในฤดูหนาว (ครั้งที่ 69) ปีเดียวกัน[16] ซึ่งมีผู้ให้ความสนใจเป็นจำนวนมากจนหนังสือถึงกับขาดตลาด และถูกนำไปเผยแพร่บนอินเทอร์เน็ตอย่างกว้างขวาง
แต่เนื่องจากโดจินชิเล่มนี้ได้รับความนิยมอย่างสูงจนมียอดจำหน่ายมากถึง 15,550 เล่ม นับตั้งแต่ที่เริ่มเปิดตัว ซึ่งส่งผลกระทบต่อทางสำนักพิมพ์โชงะกุกัง ผู้ถือลิขสิทธิ์โดราเอมอนฉบับรวมเล่มเป็นอย่างมาก เพราะโดจินชิเล่มนี้ไม่ใช่ผลงานอย่างเป็นทางการของ ฟุจิโกะ ฟุจิโอะ อีกทั้งยังสร้างความเข้าใจผิดแก่ผู้อ่านเกี่ยวกับตอนจบที่แท้จริงของโดราเอมอน ทำให้ทางสำนักพิมพ์ต้องออกมาแจ้งความดำเนินคดีกับผู้เขียนว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ และขอให้หยุดจำหน่ายโดจินชิเล่มนี้ในทันที รวมถึงการเผยแพร่บนอินเทอร์เน็ตด้วย[17][18] ซึ่ง ยาสุเอะ ทาจิมะ ก็ได้ออกมากล่าวคำขอโทษและแก้ต่างว่าเธอเพียงแค่เขียนโดจินชิเล่มนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นที่ระลึกในการสร้างอนิเมะฉบับจอเงิน (ไดโนเสาร์ของโนบิตะ 2006) เท่านั้น ทำให้คดีความทั้งหมดยุติลง
ข่าวลือกับตอนจบของโดราเอมอน
การ์ตูนเรื่อง โดราเอมอน เป็นการ์ตูนที่ไม่สมบูรณ์คือไม่มีตอนจบ เนื่องจากผู้เขียนได้เสียชีวิตไปก่อน [19] แต่ก็มีหลายกระแสที่ออกมาบอกว่าผู้แต่งได้วางโครงเรื่องไว้ในตอนจบ ซึ่งต่างกันหลายแบบ แต่ส่วนใหญ่ที่นักอ่านชาวไทยรู้กันดีคือ โดราเอมอนและตัวละครเสริมอื่นๆ นั้นไม่มีจริง มีแค่ โนบิ โนบิตะ เพียงคนเดียว ซึ่งโนบิตะในตอนจบนั้นที่จริงแล้วเป็นเด็กที่ไม่สบายใกล้เสียชีวิต อยู่ใน โรงพยาบาล และเพื่อนๆ ยืนอยู่ข้างเตียงของโนบิตะที่ใกล้ตายอยู่ในโรงพยาบาล ซึ่งตอนจบนี้มีความสะเทือนใจอย่างมาก ผิดไปจากการ์ตูนหลายๆ เรื่องที่ผู้เขียนเคยแต่งมา ซึ่งส่วนใหญ่จะจบลงด้วยดีมาตลอด [20]
ส่วนตอนจบอีกแบบหนึ่งคือ อยู่ดีๆ วันหนึ่งโดราเอมอนก็เกิด แบตเตอรี่ หมด แล้วหยุดทำงานเสียเฉยๆ โนบิตะจึงปรึกษากับโดเรมี น้องสาวของโดราเอมอน โดเรมีบอกโนบิตะว่า ถ้าเปลี่ยนแบตเตอรี่ของโดราเอมอน ความจำทั้งหลายจะหายหมด เนื่องจากแบตเตอรี่สำรองไฟที่เก็บความจำของหุ่นยนต์รูปแมวนั้นเก็บไว้ที่หู และอย่างที่ทราบกันว่าโดราเอมอนไม่มีหู ดังนั้นถ้าเปลี่ยนแบตเตอรี่ เขาจะต้องสูญเสียความจำ ต้องนำไปซ่อมที่โลกอนาคต แต่การใช้ ไทม์แมชชีน นั้นผิดกฎหมาย เพราะกฎหมายใหม่ของโลกอนาคต ถ้าส่งโดราเอมอนกลับ โดราเอมอนจะมาหาโนบิตะอีกไม่ได้ ทำให้โนบิตะตัดสินใจไม่เปลี่ยนแบตเตอรี่ แล้วโนบิตะจึงตัดสินใจตั้งใจเรียนจนเป็น นักวิทยาศาสตร์ ระดับโลก โดยเอาเรื่องโดราเอมอนที่แบตหมดมาเป็นแรงผลักดันขยันทุนเทหารักษาให้โดราเอมอนกลับมา โดยเอาตัวโดราเอมอนไปซ่อนไม่ให้มีใครรู้เรื่องนอกจากตนเพียงคนเดียวเท่านั้น แล้วก็แต่งงานกับชิซุกะและสามารถซ่อมโดราเอมอนกับสร้างหูกับทำให้ร่างของโดราเอมอนเป็นตัวสีเหลืองก่อนถูกซื้อ กับเปลี่ยนแบตเตอรี่ให้โดราเอมอนได้สำเร็จ โดยที่ความทรงจำไม่หายไป (โดยก่อนที่โนบิตะจะเปลี่ยนแบตเตอรี่ให้โดราเอมอนได้เรียกชิซุกะมาดูโดราเอมอน) และเขาก็มีลูกชายชื่อโนบิสุเกะ และอยู่ด้วยกันอย่างมีสุข [20]
สำหรับความเป็นไปได้ของตอนจบรูปแบบนี้ได้ปรากฏขึ้นใน "โดเรมีกับการผจญภัยของโนบิสุเกะ" ซึ่งเรื่องราวกล่าวถึงช่วงโดราเอมอนที่ได้รับการซ่อมแซมจากโนบิตะ ผ่านทางการทักทายของซิซูกะและโดรามี หลังจากที่ทั้งสองไม่ได้เจอหน้ากันมาร่วม 10 ปี โดยบทสนทนานั้นได้มีการพูดถึงโดราเอมอนที่ซ่อมแซมโดยโนบิตะและกลับไปยังยุคของเซวาชิ และในฉากที่โนบิตะที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ได้ประดิษฐ์เครื่องติดตามตัวลงในตัวมินิโดราสีแดงซึ่งเป็นผลจากการซ่อมแซมโดราเอมอน ทำให้โนบิตะเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตตนเองในที่สุด
อย่างไรก็ดี โดราเอมอนตอนจบทุกแบบก็ยังไม่มีหลักฐานที่สามารถระบุได้อย่างชัดเจนเพียงพอว่าเป็นตอนจบที่แท้จริง และอันที่จริงแล้วโดราเอมอนนั้นเคยจบไปแล้วครั้งหนึ่งในตอนสุดท้ายของรวมเล่มฉบับที่ 6 ชื่อตอนว่า "ลาก่อนโดราเอมอน" แต่เนื่องด้วยเหตุผลหลายประการจากทั้งแฟนๆ และทางสำนักพิมพ์ ในที่สุด ฟุจิโกะ ฟุจิโอะ จึงได้กลับมาเขียนโดราเอมอนต่ออีกครั้ง [1]
อ้างอิง
- ↑ 1.0 1.1 1.2 1.3 1.4 1.5 1.6 1.7 1.8 Shogakukan Doraemon - room. ไขความลับของโดเรมอน. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์นามมีบุ๊คส์พับลิเคชั่นส์, 2553. 184 หน้า. ISBN 978-616-04-0375-2
- ↑ 2.0 2.1 http://www.oknation.net/blog/print.php?id=684068
- ↑ DORAEMON THE MOVIE 25th_Film History_1st, dora-movie.com
- ↑ DORAEMON THE MOVIE 25th_Film History, dora-movie.com
- ↑ สมประสงค์ เจียมบุญสม, นิตยสาร a day ปีที่ 2 ฉบับที่ 18, กุมภาพันธ์ 2545, หน้า 62-76.
- ↑ รายการ กบนอกกะลา ตอน "เปิดตำนานโดราเอมอน", ทีวีบูรพา, 2554, สารคดี.
- ↑ เปิดใจ WPM เจ้าของลิขสิทธิ์โดราเอมอน ได้มาเพราะ กล้า รัก และตั้งใจ, ผู้จัดการออนไลน์, 29 ต.ค. 2548, เรียกข้อมูลเมื่อ 18 ก.ย. 2552
- ↑ 10 อันดับคาแรคเตอร์ยอดนิยมของเด็กญี่ปุ่น
- ↑ 9.0 9.1 โดราเอมอน (Doraemon) เหตุที่ได้รับความนิยม Cartoon Focus.
- ↑ 藤子・F・不二雄, TSUTAYA DISCAS 宅配DVD/CDレンタル
- ↑ 1981 - Fujiko F Wiki
- ↑ ドラ熱気球2号機大空に発進!!, 小学館ファミリーネット
- ↑ Solar Car Race SUZUKA '92, spacelan.ne.jp, 31 ก.ค. 2535, เรียกข้อมูลเมื่อ 18 ก.ย. 2552
- ↑ Japanese can't get enough of Doraemon, CNN.com, 2 พ.ค. 2540, เรียกข้อมูลเมื่อ 18 ก.ย. 2552
- ↑ JR函館駅 ドラえもん列車 吉岡海底駅, whako.com
- ↑ 16.0 16.1 16.2 การ์ตูนโดราเอมอน ตอนจบ "โนบิตะนายทำการบ้านรึยัง!!" (ฉบับแปลไทย), พันทิป.คอม, 18 มี.ค. 2549, เรียกข้อมูลเมื่อ 18 ก.ย. 2552
- ↑ 17.0 17.1 「ドラえもん」パロディー本 「大ヒット」で困った事態 (ข่าวจาก J-CAST)
- ↑ โชงะกุกังฟ้อง โดราเอมอนตอนจบละเมิดลิขสิทธิ์
- ↑ โดราเอมอนกับตอนจบที่แท้จริง ในมุมมองของแฟนพันธุ์แท้
- ↑ 20.0 20.1 โดราเอมอนมีตอนจบ!? คำถามที่ยังคาใจ (คอลัมน์บันเทิง นสพ.คม-ชัด-ลึก)
แหล่งข้อมูลอื่น
- เว็บไซต์ของโดราเอมอนอย่างเป็นทางการ (ญี่ปุ่น)
- เว็บทางการโดราเอมอนฉบับทีวีของทีวีอาซาฮี (ญี่ปุ่น)
- โดราเอมอนในดวงใจ
- คอลัมน์รู้ไปโม้ด โดราเอมอน โดยน้าชาติ ประชาชื่น น.ส.พ.ข่าวสด
- ไทยโดรา ข้อมูลโดราเอมอน รายชื่อของวิเศษ รวมชื่อตอนฉบับการ์ตูน รวมชื่อตอนแอนิเมชัน
- โดราเอมอน - นิตยสารผู้จัดการ
- http://modernine.mcot.net/cartoon/content_view.php?id=26&t=3
- Youtube - Love Doraemon