อำเภอปัว
อำเภอปัว | |
---|---|
การถอดเสียงอักษรโรมัน | |
• อักษรโรมัน | Amphoe Pua |
วัดบ้านต้นแล้ง | |
คำขวัญ: ถิ่นผู้กล้าพญาผานอง ท่องอุทยานภูคา ผ้าทอไทยลื้อ เลื่องลือเครื่องเงิน | |
แผนที่จังหวัดน่าน เน้นอำเภอปัว | |
พิกัด: 19°10′27″N 100°55′0″E / 19.17417°N 100.91667°E | |
ประเทศ | ไทย |
จังหวัด | น่าน |
พื้นที่ | |
• ทั้งหมด | 657.363 ตร.กม. (253.809 ตร.ไมล์) |
ประชากร (2566) | |
• ทั้งหมด | 63,879 คน |
• ความหนาแน่น | 97.17 คน/ตร.กม. (251.7 คน/ตร.ไมล์) |
รหัสไปรษณีย์ | 55120 |
รหัสภูมิศาสตร์ | 5505 |
ที่ตั้งที่ว่าการ | ที่ว่าการอำเภอปัว หมู่ 5 ตำบลวรนคร อำเภอปัว จังหวัดน่าน 55120 |
ส่วนหนึ่งของสารานุกรมประเทศไทย |
ปัว (ไทยถิ่นเหนือ: ) เป็นอำเภอศูนย์กลางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของจังหวัดน่านตอนเหนือ
ประวัติ
[แก้]ปัวเริ่มปรากฏขึ้นราว พ.ศ. 1825 ภายใต้การนำของ พญาภูคา เจ้าเมืองย่าง ศูนย์การปกครองอยู่ที่เมืองย่าง (เชื่อกันว่าคือบริเวณริมฝั่งด้านใต้ของแม่น้ำย่าง ใกล้เทือกเขาดอยภูคาในเขตบ้านเสี้ยว ตำบลยม อำเภอท่าวังผา) เพราะปรากฏร่องรอย ชุมชนในสภาพที่เป็นคูน้ำ คันดิน กำแพงเมืองซ้อนกันอยู่ ต่อมาพญาภูคา ได้ขยายอาณาเขตปกครองของตนออกไปให้กว้างขวางยิ่งขึ้น โดยส่งราชบุตรบุญธรรม 2 คน ไปสร้างเมืองใหม่ โดยขุนนุ่น ผู้พี่ไปสร้างเมืองจันทบุรี (เมืองหลวงพระบาง) ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของแม่น้ำของ (แม่น้ำโขง) และขุนฟองผู้น้องสร้างเมืองวรนคร(เมืองปัว) ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ การที่ให้ชื่อว่าเมือง "วรนคร" ก็เนื่องมาจาก พญาภูคา ได้เลือกชัยภูมิที่ดี เหมาะสมในการสร้างเมือง เสร็จแล้วจึงขนานนามว่าเมือง "วรนคร" ซึ่งหมายถึง เมืองดี นับว่าเป็นการเริ่มต้นราชวงศ์ภูคา
เมื่อบ้านเมืองวรนครเริ่มมั่นคงเป็นปึกแผ่น เจ้าขุนฟองก็ได้เป็นพญาแล้วเสวยราชสมบัติในเมืองวรนคร มีพระโอรส 1 พระองค์ ใส่ชื่อเบิกบายว่า "เจ้าเก้าเกื่อน" ต่อมาไม่นานักพญาขุนฟองถึงแก่พิราลัย เจ้าเก้าเถื่อนราชบุตรจึงได้ขึ้นครองเมืองปัวแทน ด้านพญาภูคาครองเมืองย่างมานานและมีอายุมากขึ้น มีความประสงค์จะให้เจ้าเก้าเถื่อนผู้หลานมาครองภูคาหรือเมืองย่างแทน จึงให้เสนาอำมาตย์ไปเชิญ แต่เจ้าเก้าเกื่อนไม่ค่อยเต็มใจนัก เจ้าเก้าเถื่อนเกรงใจปู่จึงยอมไปอยู่เมืองย่าง และมอบให้ชายาคือ นางพญาแม่ท้าวคำปิน ซึ่งทรงครรภ์อยู่คอยปกครองดูแลรักษาเมืองวรนคร (เมืองปัว) แทน เมื่อพญาภูคาถึงแก่พิราลัย เจ้าเก้าเถื่อนจึงครองเมืองย่างแทน
ในช่วงที่เมืองวรนคร (เมืองปัว) ว่างจากผู้นำ เนื่องจากเจ้าเก้าเถื่อนไปครองเมืองย่างแทนปู่คือ พญาภูคา พญางำเมืองเจ้าผู้ครองเมืองพะเยา จึงได้ขยายอิทธิพลเข้าครอบครองบ้านเมืองปัวทั้งหมด นางพญาแม่เท้าคำปินพร้อมด้วยบุตรในครรภ์ ได้หลบหนีไปอยู่บ้านห้วยแร้ง จนคลอดได้บุตรชายท่ามกลางท้องไร่นั้น ชื่อว่า "เจ้าขุนใส" ปรากฏว่านายบ้านห้วยแร้งนั้น เป็นพ่อครัวพญาเก้าเกื่อนมาก่อน จึงรับนางพญาแม่ท้าวคำปินและกุมารไปเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ อายุได้ 16 ปี ก็นำไปไหว้สาพญางำเมือง เมื่อพญางำเมืองเห็น ก็มีใจรักเอ็นดูรับเลี้ยงดูไว้ แลเติบใหญ่ได้เป็นขุนนาง รับใช้พญาคำเมืองจนเป็นที่โปรดปราน พญางำเมืองจึงสถาปนาให้เป็น เจ้าขุนใสยศ ครองเมือง เป็นเจ้าเมืองปราดภาย หลังมีกำลังพลมากขึ้นจึงยกทัพมาต่อสู้จนหลุดพ้นจากอำนาจเมืองพะเยา แล้วกลับมาเป็นพญาเสวยเมืองวรนคร (เมืองปัว) และได้รับการสถาปนาเป็น "พญาผานอง" เมืองวรนคร จึงกลายชื่อมาเป็น เมืองปัว ซึ่งหันไปมีความสัมพันธ์กับกรุงสุโขทัยในสมัยพ่อขุนรามคำแหง ดังปรากฏชื่อเมืองปัวอยู่ในหลักศิลาจารึก หลักที่ 1
พญาผานองเสวยเมืองปัวอยู่ได้ 30 ปี มีโอรส 6 คน คนแรกชื่อ เจ้าการเมือง คนสุดท้องชื่อ เจ้าใส พอพญาผานองถึงแก่พิราลัยไปแล้ว เสนาอำมาตย์ทั้งหลายก็อภิเษกให้เจ้าใสผู้น้องเสวยเมืองแทน เพราะเป็นผู้มีความรู้เฉลียวฉลาด แต่อยู่ได้ 3 ปี ก็ถึงแก่พิราลัยไปอีก เสนาอำมาตย์ทั้งหลายจึงเชิญ เจ้าการเมือง ขึ้นเสวยเมืองแทน
ในสมัยของพญาการเมือง (กรานเมือง) โอรสของพญาผานอง เมืองปัว ได้มีการขยายตัวมากขึ้น ตลอดจนมีความสัมพันธ์กับเมืองสุโขทัยอย่างใกล้ชิด พงศาวดารเมืองน่านกล่าวถึงพญาการเมืองว่า ได้รับเชิญจากเจ้าเมืองสุโขทัย (พระมหาธรรมราชาลิไท) ไปร่วมสร้างวัดหลวงอภัย (วัดอัมพวนาราม) ขากลับเจ้าเมืองสุโขทัย ได้พระราชทานพระธาตุ 7 องค์ พระพิมพ์ทองคำ 20 องค์ พระพิมพ์เงิน 20 องค์ ให้กับพญาการเมืองมาบูชา ณ เมืองปัวด้วย
ครั้งนั้น พญาการเมือง ได้ปรึกษาพระมหาเถรธรรมบาลและได้เลือกสถานที่ บรรจุพระบรมธาตุ จึงได้ก่อสร้างพระธาตุแช่แห้งขึ้นที่บนภูเพียงแช่แห้ง ด้วยความเชื่อว่าเป็นที่เคยบรรจุพระบรมธาตุมาแต่ปางก่อน ดอยภูเพียงแช่แห้งเป็นเนินไม่สูงนัก ตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำเตี๋ยนกับน้ำลิง ทางฟากตะวันออกของแม่น้ำน่าน จึงได้ระดมผู้คนก่อสร้างพระธาตุแช่แห้งขึ้นที่เนินแล้วอัญเชิญพระบรมธาตุมาบรจุไว้ พร้อมทั้งได้อพยพผู้คนจากเมืองปัว ลงมาสร้างเมืองใหม่ที่บริเวณพระธาตุแช่แห้ง เรียกว่า "เวียงภูเพียงแช่แห้ง" เมือปี พ.ศ. 1902 โดยมีพระธาตุแช่แห้งเป็นศูนย์กลางเมือง[1] ทำให้เมืองปัวถูกลดบทบาทความสำคัญลงไปตามยุคสมัย
ต่อมา หลังจากพลตรี เจ้ามหาพรหมสุรธาดา ได้ถึงแก่พิราลัยลงในปี พ.ศ. 2474 และมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เมืองปัว จึงลดฐานะลงเหลือเพียง อำเภอปัว เท่านั้น ซึ่งในสมัยนั้นอำเภอปัวมีการปกครองเพียงตำบลปัว ตำบลแงง ตำบลสถาน ตำบลศิลาเพชร ตำบลอวน และตำบลป่ากลาง รวม 6 ตำบล แต่บางตำบลมีพื้นที่กว้างขวางมาก ทำให้ไม่สะดวกต่อการปกครอง จึงทำการจัดตั้งตำบลใหม่ ดังนี้
- วันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2506 จัดตั้งตำบลศิลาแลงแยกจากตำบลปัว และตำบลผาตอแยกจากตำบลริม
- วันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2522 จัดตั้งตำบลไชยวัฒนาแยกจากตำบลสถาน
- วันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2523 จัดตั้งตำบลเจดีย์ชัยแยกจากตำบลแงง
- วันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2525 จัดตั้งตำบลภูคาแยกจากตำบลศิลาแลง
- วันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2527 จัดตั้งตำบลสกาดแยกจากตำบลสถาน
- วันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2531 แยกตำบลบ่อเกลือเหนือและตำบลบ่อเกลือใต้ จัดตั้งเป็น กิ่งอำเภอบ่อเกลือ
- วันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2534 จัดตั้งตำบลภูฟ้าแยกจากตำบลบ่อเกลือใต้ และตำบลดงพญาแยกจากตำบลบ่อเกลือเหนือ
- วันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2538 ตั้งกิ่งอำเภอบ่อเกลือ อำเภอปัว จังหวัดน่าน เป็น อำเภอบ่อเกลือ
- วันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2538 จัดตั้งตำบลวรนครแยกจากตำบลปัว
- วันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2540 มีการกำหนดเขตตำบลในอำเภอปัวทั้งหมดใหม่ โดยให้ตำบลไชยวัฒนา มี 8 หมู่บ้าน ตำบลสถาน มี 11 หมู่บ้าน ตำบลสกาด มี 4 หมู่บ้าน ตำบลภูคา มี 11 หมู่บ้าน ตำบลศิลาแลง มี 7 หมู่บ้าน ตำบลศิลาเพชร มี 7 หมู่บ้าน ตำบลอวน มี 11 หมู่บ้าน ตำบลเจดีย์ชัย มี 9 หมู่บ้าน ตำบลแงง มี 6 หมู่บ้าน ตำบลปัว มี 8 หมู่บ้าน ตำบลวรนคร มี 8 หมู่บ้าน และตำบลป่ากลางมี 5 หมู่บ้าน
- วันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2547 แยกบ้านศาลา หมู่ที่ 2 ตำบลศิลาแลง โดยจัดตั้งเป็นหมู่ที่ 8 บ้านนาแล และแยกบ้านพาน หมู่ที่ 4 ตำบลแงง โดยจัดตั้งเป็นหมู่ที่ 7 บ้านใหม่ไชยมงคล
ที่ตั้งและอาณาเขต
[แก้]อำเภอปัวตั้งอยู่ทางตอนเหนือของจังหวัด มีอาณาเขตติดต่อกับอำเภอข้างเคียง ดังนี้
- ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอเชียงกลาง อำเภอทุ่งช้าง และอำเภอเฉลิมพระเกียรติ
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับอำเภอบ่อเกลือ
- ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภอสันติสุข
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภอท่าวังผาและอำเภอเชียงกลาง
การแบ่งเขตการปกครอง
[แก้]การปกครองส่วนภูมิภาค
[แก้]อำเภอปัวแบ่งเขตการปกครองย่อยออกเป็น 12 ตำบล 107 หมู่บ้าน ได้แก่
ที่ | ชื่อตำบล | ตัวเมือง | อักษรโรมัน | จำนวนหมู่บ้าน | จำนวนประชากร
(ธันวาคม 2565)[2] |
---|---|---|---|---|---|
1. | ปัว | Pua | 8 | 6,953 | |
2. | แงง | Ngaeng | 7 | 4,645 | |
3. | สถาน | Sathan | 13 | 5,988 | |
4. | ศิลาแลง | Sila Laeng | 8 | 3,820 | |
5. | ศิลาเพชร | Sila Phet | 10 | 4,443 | |
6. | อวน | Uan | 11 | 4,739 | |
7. | ไชยวัฒนา | Chai Watthana | 8 | 4,193 | |
8. | เจดีย์ชัย | Chedi Chai | 9 | 6,723 | |
9. | ภูคา | Phu Kha | 14 | 4,972 | |
10. | สกาด | Sakat | 4 | 2,845 | |
11. | ป่ากลาง | Pa Klang | 7 | 9,118 | |
12. | วรนคร | Wora Nakhon | 8 | 5,626 |
การปกครองส่วนท้องถิ่น
[แก้]ท้องที่อำเภอปัวประกอบด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 12 แห่ง ได้แก่
- เทศบาลตำบลปัว ครอบคลุมพื้นที่ตำบลปัวทั้งตำบล รวมทั้งบางส่วนของตำบลสถาน ตำบลไชยวัฒนา และตำบลวรนคร
- เทศบาลตำบลศิลาแลง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลศิลาแลงทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลวรนคร ครอบคลุมพื้นที่ตำบลวรนคร (นอกเขตเทศบาลตำบลปัว)
- องค์การบริหารส่วนตำบลสถาน ครอบคลุมพื้นที่ตำบลสถาน (นอกเขตเทศบาลตำบลปัว)
- องค์การบริหารส่วนตำบลแงง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลแงงทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลศิลาเพชร ครอบคลุมพื้นที่ตำบลศิลาเพชรทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลอวน ครอบคลุมพื้นที่ตำบลอวนทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลไชยวัฒนา ครอบคลุมพื้นที่ตำบลไชยวัฒนา (นอกเขตเทศบาลตำบลปัว)
- องค์การบริหารส่วนตำบลเจดีย์ชัย ครอบคลุมพื้นที่ตำบลเจดีย์ชัยทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลภูคา ครอบคลุมพื้นที่ตำบลภูคาทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลสกาด ครอบคลุมพื้นที่ตำบลสกาดทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลป่ากลาง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลป่ากลางทั้งตำบล
การคมนาคม
[แก้]- ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 101 (น่าน-ปัว-เฉลิมพระเกียรติ)
- ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1081 (ปัว-เฉลิมพระเกียรติ)
- ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1256 (ปัว-บ่อเกลือ)
สถานศึกษา
[แก้]โรงเรียนมัธยมศึกษา
[แก้]- โรงเรียนปัว (โรงเรียนมัธยมศึกษาประจำอำเภอปัว)
- โรงเรียนมัธยมป่ากลาง
- โรงเรียนเมืองแงง
- โรงเรียนศรัทธาศิลาเพชรรังสรรค์
อาชีวศึกษา
[แก้]- วิทยาลัยเทคนิคปัว
โรงเรียนประถมศึกษา
[แก้]- โรงเรียนบ้านปรางค์ (โรงเรียนประถมศึกษาประจำอำเภอปัว)
- โรงเรียนวรนคร
- โรงเรียนป่ากลางมิตรภาพที่ 166
- โรงเรียนบ้านปงสนุก
- โรงเรียนบ้านนาวงศ์
- โรงเรียนบ้านส้าน (คุรุราษฎร์รังสรรค์)
- โรงเรียนศรีสระวงศ์
- โรงเรียนจตุราษฎร์ศึกษา
- โรงเรียนสกาดพัฒนา
- โรงเรียนชุมชนศิลาแลง
- โรงเรียนชุมชนศิลาเพชร
- โรงเรียนบ้านไร่
โรงเรียนเอกชน
[แก้]- โรงเรียนอนุบาลปัวอินเตอร์คิดส์
สถานพยาบาล
[แก้]อำเภอปัว มีสถานพยาบาลบริการทั้งหมด 14 แห่ง ดังนี้
- โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชปัว (โรงพยาบาลประจำอำเภอ)
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลปัว
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลศิลาแลง
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลแงง
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลสถาน
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลศิลาเพชร
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลอวน
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลไชยวัฒนา
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเจดีย์ชัย
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลภูคา
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลสกาด
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลป่ากลาง
- สถานบริการสาธารณสุขชุมชนผาเวียง ตำบลภูคา
- สถานบริการสาธารณสุขชุมชนกอก ตำบลภูคา
สถานที่ท่องเที่ยว
[แก้]- อุทยานแห่งชาติดอยภูคา
- วัดต้นแหลง
- วัดปรางค์ (ต้นดิกเดียม)
- วัดดอนแก้ว
- วัดพระธาตุเบ็งสกัด
- วัดร้องแง
- วัดภูเก็ต
- วัดเฮี้ย
- พระธาตุจอมทอง
- พระธาตุจอมแจ้ง
- พระสถูปเจดีย์สมเด็จพระมหามุนีศรีภูคา
- วัดพระเจ้าทันใจ
- โครงการขยายผลโครงการหลวงปางยาง
- น้ำตกศิลาเพชร
- น้ำตกตาดหลวง
- น้ำตกวังต้นตอง
- น้ำตกศิลาภูคา
- น้ำตกเหล่าหัวตาด
- น้ำตกห้วยมัด
- น้ำตกห้วยขวาก
- น้ำตกห้วยนที
- น้ำตกห้วยแวน
- น้ำตกห้วยเฮี้ย
- น้ำตกผาจา
- น้ำตกต้นตอง
- น้ำตกตาน้อย
- น้ำตกมะหินตากผ้า
- น้ำตกวังเขียว
- น้ำตกวิมานธารา
- น้ำตกสันสกาด
- ถ้ำผีไอ้ศรี
- ถ้ำผาฆ้อง
- ถ้ำยอดวิมาน
- ถ้ำเสือดาว
- ถ้ำกุ้ง
- ถ้ำผี
- ถ้ำนาง
- ถ้ำรวยสายไทย (ถ้ำหมา)
- ถ้ำพระ
- วังศิลาแลง
- วังน้ำปัว
- ดอยสกาด
- ถนนเลข 3
ธนาคาร
[แก้]- ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด(มหาชน)
- ธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน)
- ธนาคารกรุงเทพ จำกัด(มหาชน)
- ธนาคารกสิกรไทย จำกัด(มหาชน)
- ธนาคารออมสิน
- ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "ประวัติอำเภอปัว". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-08-08. สืบค้นเมื่อ 2012-08-18.
- ↑ "ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหาร". stat.bora.dopa.go.th.