ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พรีเมียร์ลีก"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ZenithZealotry (คุย | ส่วนร่วม)
The kop GT (คุย | ส่วนร่วม)
บรรทัด 230: บรรทัด 230:
หมายเหตุ:<small>ตัวเน้นแสดงถึงผู้เล่นที่ยังเล่นฟุตบอลอยู่ในพรีเมียร์ลีก</small>
หมายเหตุ:<small>ตัวเน้นแสดงถึงผู้เล่นที่ยังเล่นฟุตบอลอยู่ในพรีเมียร์ลีก</small>


== ดูเพิ่ม ==
== ดูเพิ่ม
ไรอัน กิ๊กส์ ปีกพ่อมดวัย 38 ปี แห่งค่ายแมนฯ ยูไนเต็ด กลายเป็นนักเตะเพียงคนเดียวในโลกที่ กินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ด ได้บันทึกลงหนังสือกินเนสส์ บุ๊ค อย่างเป็นทางการถึง 4 สถิติรวด!!

1. ไรอัน กิ๊กส์ คือนักฟุตบอลคนแรก(คนเดียว) ที่ลงเล่นในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ทุกฤดูกาล(1992-2011)
2. ไรอัน กิ๊กส์ คือนักฟุตบอลคนแรก(คนเดียว) ที่สามารถทำประตูได้ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ทุกฤดูกาล (1992-2011)
3. ไรอัน กิ๊กส์ คือนักฟุตบอลที่ลงเล่นในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ มากที่สุด 598 เกม
4. ไรอัน กิ๊กส์ คือนักฟุตบอลที่ได้เหรียญรางวัลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ มากที่สุด 12 เหรียญ

ที่มา : http://www.walesonline.co.uk/news/need-to-read/2012/09/07/ryan-giggs-celebrates-a-personal-record-four-guinness-world-records-91466-31786553/==
* [[ฟุตบอลอังกฤษ]]
* [[ฟุตบอลอังกฤษ]]
* [[แชมป์ฟุตบอลอังกฤษ]]
* [[แชมป์ฟุตบอลอังกฤษ]]

รุ่นแก้ไขเมื่อ 18:07, 31 ตุลาคม 2555

สำหรับ พรีเมียร์ลีกของไทยดูที่ ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก และลีกอื่นดูที่ พรีเมียร์ลีก (แก้ความกำกวม)
พรีเมียร์ลีก
ไฟล์:Barclays-Premier-League.jpg
ประเทศอังกฤษ อังกฤษ
สมาพันธ์ยูฟ่า
ก่อตั้ง20 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1992
จำนวนทีม20
ตกชั้นสู่ลีกแชมเปียนชิป
ระดับในพีระมิด1
ถ้วยภายในประเทศเอฟเอคัพ, ลีกคัพ
ถ้วยระดับนานาชาติยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก,
ยูฟ่ายูโรปาลีก
ทีมชนะเลิศปัจจุบันแมนเชสเตอร์ซิตี (2011–12)
ชนะเลิศมากที่สุดแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด (19)
หุ้นส่วนโทรทัศน์อังกฤษ สกายสปอร์ตส, อีเอสพีเอ็น
ไทย ทรูวิชันส์, ช่อง 3
เว็บไซต์www.premierleague.com
ฤดูกาล 2012–13

เอฟเอพรีเมียร์ลีก (อังกฤษ: FA Premier League) หรือนิยมเรียกว่า พรีเมียร์ลีก (อังกฤษ: Premier League) เป็นระบบการแข่งขันฟุตบอลลีกในระดับสูงสุดของประเทศอังกฤษ ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2535 (ค.ศ. 1992) ภายใต้การบริหารของสมาคมฟุตบอลอังกฤษ หรือมีชื่อตามผู้สนับสนุนการแข่งขันอย่างเป็นทางการว่า บาร์เคลส์ พรีเมียร์ชิพ เนื่องจากในปัจจุบัน สนับสนุนโดย บริษัทการเงินบาร์เคลส์

การแข่งขันพรีเมียร์ลีกเป็นที่รวมของ 20 สโมสรฟุตบอลในระดับสูงสุดของอังกฤษเข้าด้วยกัน โดยปัจจุบันมีเพียง 5 ทีมเท่านั้น ที่เคยชนะเลิศในการแข่งขันรายการนี้ ได้แก่ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด, อาร์เซนอล, เชลซี, แบล็กเบิร์นโรเวอส์ และแมนเชสเตอร์ซิตี

ประวัติ

แต่เดิมฟุตบอลลีกแห่งนี้ ใช้ชื่อว่า ฟุตบอลลีกดิวิชันหนึ่ง ซึ่งมีจัดการแข่งขันตั้งแต่ปี พ.ศ. 2431 (ค.ศ. 1888) และถือว่าเคยเป็นลีกฟุตบอลที่ยาวนานที่สุดในโลก โดยในปี พ.ศ. 2535 ในฤดูกาล 1992-93 ความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเกิดขึ้นจากรูเพิร์ธ เมอร์ด็อก (Rupert Murdoch) นักธุรกิจสื่อสารรายใหญ่เจ้าของเครือข่ายสถานีโทรทัศน์สกาย (BSkyB) พยายามผลักดันให้สโมสรฟุตบอลที่จะลงแข่งขันในดิวิชันหนึ่งประจำฤดูกาล 1992-93 ถอนตัวออกมาจัดตั้งเป็นพรีเมียร์ลีกทำให้ฟุตบอลลีกสูงสุดของอังกฤษที่มีอายุ 104 ปี ต้องยุติลง ขณะเดียวกันทางฟุตบอลลีกเดิมได้เปลี่ยนชื่อจาก ดิวิชันสอง มาเป็น ดิวิชันหนึ่ง และดิวิชันอื่นได้เปลี่ยนตามกันไป[1]

ปัญหาเริ่มต้น

ในช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาที่วงการฟุตบอลอาชีพของอังกฤษตกต่ำอย่างมาก เกิดเหตุการณ์หลายอย่าง ไม่ว่าเรื่องของสนามกีฬาที่มีปัญหา เหตุการณ์อันธพาลลูกหนัง หรือที่เรียกว่าฮูลิแกน ทำลายภาพลักษณ์ของฟุตบอลอังกฤษ ไฟไหม้อัฒจันทร์ วันที่ 11 พฤษภาคม 2528 ที่สนามฟุตบอลของสโมสรฟุตบอลแบรดฟอร์ดซิตี ในระหว่างการแข่งขัน มีผู้เสียชีวิต 56 คน เหตุการณ์วันที่ 15 เมษายน 2532 ที่สนามฟุตบอลฮิลส์เบอโรของสโมสรฟุตบอลเชฟฟิลด์เวนส์เดย์ มีผู้คนเหยียบกันเสียชีวิตกว่า 96 คน นอกจากนี้โศกนาฏกรรมเฮย์เซลที่มีผู้เสียชีวิต 39 คน ทำให้ยูฟ่าสั่งห้ามไม่ให้สโมสรจากอังกฤษเข้าร่วมการแข่งขันชิง ถ้วยสโมสรในยุโรปเป็นเวลา 5 ปี อันธพาลลูกหนังที่ตามไปเชียร์ทีมที่ชื่นชอบ หลังจากการแข่งขันจะเกะกะระราน เข้าผับดื่มกินจนเมามาย บ้างก็วิวาทกับแฟนฟุตบอลเจ้าถิ่นเกิดเหตุการณ์วุ่นวายบางครั้งรุนแรงถึงขั้นจลาจลหรือไม่ก็มีคนเสียชีวิต โดยโศกนาฏกรรมเฮย์เซล์ส่วนหนึ่งมาจากคนกลุ่มนี้เช่นกัน

แชมป์พรีเมียร์ลีก
ฤดูกาล ผู้ชนะเลิศ
1992-93 แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
1993-94 แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
1994-95 แบล็กเบิร์นโรเวอส์
1995-96 แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
1996-97 แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
1997-98 อาร์เซนอล
1998-99 แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
1999-2000 แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
2000-01 แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
2001-02 อาร์เซนอล
2002-03 แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
2003-04 อาร์เซนอล
2004-05 เชลซี
2005-06 เชลซี
2006-07 แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
2007-08 แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
2008-09 แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
2009-10 เชลซี
2010-11 แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
2011-12 แมนเชสเตอร์ซิตี

หลายเหตุการณ์ทำให้แฟนฟุตบอลไม่สามารถชมการแข่งขันได้อย่างสงบสุข เนื่องด้วยกลัวจะโดนลูกหลง ประกอบกับสภาพสนามที่ย่ำแย่ ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวก หรือการป้องกันเหตุฉุกเฉินอย่างดีพอ ทำให้ชาวอังกฤษหลายคนตัดสินใจรับชมการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์ที่บ้าน แทนที่จะเดินทางมาเชียร์ในสนามดังเช่นอดีต ช่วงทศวรรษ 1980 รายได้ของสโมสรจากค่าผ่านประตูซึ่งเป็นรายได้หลักได้ลดลงอย่างมาก มีเพียงสโมสรชั้นนำไม่กี่แห่งเท่านั้นที่ยังคงมีกำไร ในฤดูกาล 1986-87 ทุกสโมสรฟุตบอลมีกำไรสุทธิรวมเพียง 2.5 ล้านปอนด์ พอถึงฤดูกาล 1989-90 รวมทุกสโมสรขาดทุน 11 ล้านปอนด์ ทำให้นายทุนไม่กล้าจะเข้ามาลงทุนในธุรกิจกีฬาอาชีพนี้อย่างเต็มที่ หลายสโมสรในช่วงนั้นมีข่าวว่าใกล้จะล้มละลาย

ภายหลังเหตุการณ์ที่สนามฮิลส์เบอโร รัฐบาลอังกฤษได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นสอบสวนเรื่องที่เกิดขึ้น โดยมีลอร์ดปีเตอร์ เทย์เลอร์ ผู้พิพากษาระดับรองประธานศาลฎีกา เป็นประธานคณะกรรมการ โดยผลการไต่สวนซึ่งเรียกว่า รายงานฉบับเทย์เลอร์ (Taylor Report) ได้กลายมาเป็นเอกสารสำคัญนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการฟุตบอลอังกฤษ เพราะกำหนดให้ทุกสโมสรต้องปรับปรุงสนามแข่งขัน ที่สำคัญคืออัฒจันทร์ชมการแข่งขันต้องเป็นแบบนั่งทั้งหมด ห้ามไม่ให้มีอัฒจันทร์ยืนเพื่อความปลอดภัยของผู้ชมการแข่งขัน โดยทีมในระดับดิวิชัน 1 และ 2 ต้องปรับปรุงให้เสร็จในปี 2537 และ ดิวิชัน 3 และ 4 ให้เสร็จในปี 2542 ส่งผลให้การยืนชมฟุตบอลซึ่งเป็นวัฒนธรรมการชมฟุตบอลของคนอังกฤษมานาน บางแห่งก็มีชื่อเสียงอย่างเช่นอัตจันทร์ เดอะค็อป ของสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลต้องจบไป ถึงแม้ว่าในประเทศอังกฤษจะมีสโมสรฟุตบอลทั้งอาชีพและสมัครเล่นมากที่สุดในโลก แต่สนามฟุตบอลส่วนใหญ่มีสภาพเก่าแก่ทรุดโทรม บางสโมสรในระดับดิวิชั่นหนึ่งหรือดิวิชั่นสองยังคงมีอัฒจันทร์ที่สร้างด้วยไม้ ทำให้การปรับปรุงสนามฟุตบอลของสโมสรฟุตบอลอังกฤษครั้งนี้ต้องใช้เงินลงทุนมหาศาล ท่ามกลางสถานะทางการเงินที่ไม่มั่นคงเพราะรายได้ลดลงอย่างมาก สโมสรเล็กบางแห่งซึ่งมีผู้ชมน้อยอยู่แล้วจึงใช้วิธีปิดตายอัฒจันทร์ยืน ส่วนสโมสรใหญ่ที่ฐานะการเงินดีกว่าก็ประสบปัญหาเช่นกัน เพราะไม่อาจใช้วิธีเลี่ยงปัญหาแบบสโมสรเล็กได้

รัฐบาลอังกฤษในขณะนั้นต้องเข้าช่วยเหลือโดยลดค่าธรรมเนียมหรือภาษีธุรกิจพนันฟุตบอล นำเงินส่วนนี้มาตั้งกองทุนฟุตบอลจำนวน 100 ล้านปอนด์ ให้ฟุตบอลลีกเป็นคนจัดสรรให้สโมสรฟุตบอลซึ่งเป็นภาคีสมาชิกทั้ง 96 สโมสร นำไปพัฒนาปรับปรุงสนามแข่งขันของตนเอง แต่งบประมาณเท่านี้ต้องนับว่าน้อยมาก หากนำมาเฉลี่ยอย่างเท่ากันแล้วจะได้รับเงินเพียงสโมสรละ 1.08 ล้านปอนด์เท่านั้น ขณะที่สโมสรฟุตบอลชั้นแนวหน้าของลีกต้องใช้เงินในการณ์นี้สูงถึงกว่าสิบล้านปอนด์ สโมสรใหญ่ในดิวิชั่นหนึ่งจึงกดดันฟุตบอลลีกจัดสรรเงินให้มากกว่าสโมสรเล็ก เพราะหากไม่เสร็จทันตามกำหนดอาจจะถูกถอนใบอนุญาตได้

กิจการถ่ายทอดทางโทรทัศน์

ในช่วงเวลาที่สโมสรใหญ่ต้องการเงินทุนมหาศาลนี้ เป็นโอกาสให้เจ้าของสถานีโทรทัศน์สกาย ยื่นข้อเสนอให้สโมสรในดิวิชั่นหนึ่งประจำฤดูกาล 1992-93 ให้ถอนตัวจากสมาชิกฟุตบอลลีกเพื่อมาจัดตั้งเอฟเอพรีเมียร์ลีก โดยทางสถานีขอซื้อสิทธิผูกขาดในการถ่ายทอดการแข่งขันในราคาแพง ทำสัญญาฉบับแรกซื้อสิทธิผูกขาดในการถ่ายทอดการแข่งขันเป็นเวลา 5 ปี (ฤดูกาล 1992-93 ถึง 1996-97) จ่ายค่าตอบแทนให้ 304 ล้านปอนด์ เทียบกับในอดีตที่ฟุตบอลลีกได้รายได้จากการขายสิทธิให้สถานี ITV เพียง 44 ล้านปอนด์ ในช่วงเวลา 4 ปี เงื่อนไขตอบแทนทางธุรกิจเช่นนี้ ดึงดูดให้สโมสรทั้งหลายสนใจเป็นอย่างยิ่ง จนผู้บริหารสโมสรบางคน เช่น นายอลัน ชูการ์ เจ้าของสโมสรฟุตบอลทอตนัมฮอตสเปอร์ แสดงตนเป็นแกนนำในการล็อบบี้ให้สโมสรอื่น ๆ ในดิวิชั่นหนึ่งที่จะเริ่มแข่งขันในฤดูกาล 1992-93 เห็นชอบกับการก่อตั้งลีกแห่งนี้

สำหรับลิขสิทธิ์การเผยแพร่ในประเทศไทย เป็นของบริษัท ทรูวิชันส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบการโทรทัศน์เคเบิล ในเครือบริษัท ทรู คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่ฤดูกาล 2007-08 จนถึงปัจจุบัน

การจัดตั้ง

17 กรกฎาคม 1991 มีการลงนามข้อตกลงภาคีสมาชิกก่อตั้ง (Founder Members Agreement) เพื่อวางหลักการสำคัญในการจัดตั้งพรีเมียร์ลีก ได้แก่ ระบบลีกสูงสุดใหม่นี้จะดำเนินการทางธุรกิจด้วยตนเอง ทำให้พรีเมียร์ลีกมีอิสระที่จะเจรจาผลประโยชน์กับผู้สนับสนุน รวมทั้งสิทธิในการขายสิทธิถ่ายทอดโทรทัศน์ของตนเอง แยกขาดจากสมาคมฟุตบอลอังกฤษและฟุตบอลลีก จากนั้นในปี 1992 ทั้ง 20 สโมสรได้ยื่นขอถอนตัวจากฟุตบอลลีกอย่างเป็นทางการ

ต่อมา 27 พฤษภาคม 1992 เอฟเอพรีเมียร์ลีกจึงก่อตั้งโดยจดทะเบียนในรูป บริษัทจำกัด มีสโมสรฟุตบอลสมาชิกทั้ง 20 แห่งเป็นหุ้นส่วน ความเป็นหุ้นส่วนจึงขึ้นอยู่กับผลการแข่งขันทางสโมสร หากทีมใดยังคงอยู่ในพรีเมียร์ลีกก็จะถือเป็นหุ้นส่วนของพรีเมียร์ลีกต่อไป ในช่วงปิดฤดูกาลสโมสรที่ตกชั้นจะต้องมอบสิทธิความเป็นหุ้นส่วนให้กับสโมสรที่เลื่อนชั้นมาจากลีกแชมเปี้ยนชิป โดยมีสมาคมฟุตบอลอังกฤษถือสิทธิเป็นหุ้นส่วนหลัก มีอำนาจที่จะคัดค้านในประเด็นสำคัญ เช่น การแต่งตั้งประธานกรรมการและผู้บริหารระดับสูง หลักการเลื่อนชั้นหรือตกชั้นของสโมสรเท่านั้น แต่ไม่อาจล่วงไปถึงกิจการเฉพาะของพรีเมียร์ลีก ซึ่งได้แก่เงื่อนไขและผลประโยชน์เชิงพาณิชย์ต่าง ๆ

ด้วยค่าตอบแทนจากการถ่ายทอดโทรทัศน์และประโยชน์ที่ได้รับจากผู้สนับสนุนการแข่งขัน ทำให้พรีเมียร์ลีกพัฒนาเป็นลีกฟุตบอลภายในประเทศที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

การซื้อตัวผู้เล่นต่างชาติ

การแข่งขัน แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด กับ ทอตนัมฮอตสเปอร์

จารีตอันยาวนานของสโมสรฟุตบอลอังกฤษในเรื่องนักฟุตบอลของทีมคือ แต่ละสโมสรจะส่งตัวแทนค้นหาเยาวชนที่มีความสามารถทางการเล่นฟุตบอลเพื่อนำมาฝึกหัดพัฒนาทักษะ โดยให้ลงเล่นตั้งแต่ในทีมระดับเยาวชน สมัครเล่น หรือทีมสำรอง ผู้ที่มีความโดดเด่นจะได้รับคัดเลือกให้ลงเล่นในทีมชุดใหญ่ซึ่งลงแข่งในฟุตบอลลีก หากจะมีการซื้อตัวผู้เล่น ก็มักจะมาจากสโมสรในดิวิชั่นหนึ่ง (แบบเดิม) ซื้อตัวผู้เล่น ดาวรุ่ง จากดิวิชั่นที่ต่ำกว่าหรือจากสโมสรสมัครเล่นนอกลีก มีน้อยมากที่ซื้อนักฟุตบอลต่างชาติ (ไม่นับรวม สกอตแลนด์ เวลส์ และไอร์แลนด์) ต่างจากสโมสรฟุตบอลอาชีพทางยุโรปตอนใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสโมสรฟุตบอลในอิตาลีและสเปน ซึ่งมักจะได้รับฉายาว่า เจ้าบุญทุ่ม บ่อยครั้งที่สโมสรฟุตบอลจากสองประเทศนี้จ่ายเงินมหาศาล จนถึงขั้นสร้าง สถิติโลก ในการซื้อตัวนักฟุตบอลต่างชาติเพียงหนึ่งคน

แต่เมื่อพรีเมียร์ลีกก่อกำเนิด ธรรมเนียมการกว้านซื้อตัวนักฟุตบอลต่างชาติของสโมสรฟุตบอลอังกฤษจึงเริ่มมีมากขึ้น จารีตการสร้างนักฟุตบอลของตัวเองแม้จะยังคงอยู่แต่ก็ลดความสำคัญลงไปทุกขณะ เพราะต้องใช้เวลายาวนานอาจไม่ทันการณ์ สู้ใช้เงินซื้อนักฟุตบอลชื่อดังระดับโลกมาร่วมสังกัดไม่ได้ ที่สามารถดึงดูดแฟนฟุตบอลให้ซื้อบัตรเข้าชมการแข่งขันมากขึ้นในเวลาอันสั้น ลีลาการเล่นที่ตื่นเต้นเร้าใจย่อมขยายฐานแฟนคลับให้กว้างขวางออกไปอย่างรวดเร็ว เมื่อสโมสรชั้นนำในพรีเมียร์ลีกต่างมีสถานะทางการเงินที่มั่นคงกว่าเดิม จึงพร้อมที่จะทำในสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์

รูปโฉมใหม่ของฟุตบอลอาชีพอังกฤษเปิดฉากขึ้น ในฤดูกาล 1994-95 เมื่อทอตนัมฮอตสเปอร์ ซื้อตัว เจอร์เก้น คลินส์มันน์ (Juergen Klinsmann) นักฟุตบอลทีมชาติเยอรมันจากสโมสรโมนาโก จากฝรั่งเศส ทักษะและลีลาการเล่นฟุตบอลของคลินส์มันน์สร้างความตื่นตาตื่นใจต่อผู้ชม ทำให้เขากลายเป็นขวัญใจของกองเชียร์ในเวลาไม่นาน สร้างความพึงพอใจต่อสโมสรต้นสังกัดเป็นอย่างยิ่ง ความสำเร็จของทอตแน่มฮอตสเปอร์กระตุ้นให้สโมสรอื่น กล้าลงทุนซื้อตัวนักฟุตบอลระดับโลกมากขึ้น เพราะรายรับที่ได้กลับคืนมาคุ้มค่ากับการลงทุน

ในฤดูกาลถัดมานักฟุตบอลต่างชาติได้มาเล่นในฟุตบอลอังกฤษมากขึ้น ในฤดูกาล 1995-96 สโมสรมิดเดิลสโบร ซื้อ จูนินโญ่ และ เอเมอร์สัน (บราซิล) สโมสรนิวคาสเซิลยูไนเด็ต ซื้อ ฟาอุสติโน่ อัสปริญ่า (โคลอมเบีย) สโมสรอาร์เซนอล ซื้อ เดนนิส เบิร์กแคมป์ (ฮอลแลนด์) สโมสรเชลซี ซื้อ รุด กุลลิท (ฮอลแลนด์) ฯลฯ ฤดูกาล 1996-97 สโมสรมิดเดิลสโบร ซื้อ ฟาบรีซีโอ ราวาเนลลี (อิตาลี) สโมสรเชลซีซื้อ จิอันลูกา วิอัลลี่ และ จิอันฟรังโก้ โซล่า (อิตาลี) สโมสรลิเวอร์พูล ซื้อ แพทริก แบเกอร์ (สาธารณรัฐเช็ก) สโมสรอาiNเซนอล ซื้อ ปาทริค วิเอร่า (ฝรั่งเศส) ฯลฯ

นอกจากนักฟุตบอลแล้ว ผู้จัดการทีมต่างชาติก็เข้ามามีบทบาทในพรีเมียร์ลีกจวบจนปัจจุบันนี้ ไม่ว่า อาร์แซน แวงแกร์, รุด กุลลิท, เชอรา อุลิแยร์, ราฟาเอล เบนีเตซ, โชเซ มูรีนโย ฯลฯ แม้แต่สโมสรฟุตบอลที่มีลักษณะอนุรักษนิยมสูง ดังเช่น สโมสรลิเวอร์พูล ที่แม้ปรับตัวให้เข้ากับระบบใหม่ช้ากว่าคู่แข่งหลายทีม จนทำให้ยังไม่ประสบความสำเร็จในระดับแชมป์พรีเมียร์ลีก (ต่างจากยุคฟุตบอลลีก) ยังต้องปรับตัวต่อกระแสการซื้อตัวนักฟุตบอลและผู้จัดการทีมต่างชาติ เพื่อหวังจะครองแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกให้ได้

อาจกล่าวได้ว่าในขณะนี้ เอฟเอพรีเมียร์ลีกเป็นลีกฟุตบอลภายในประเทศที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง ดึงดูดนักฟุตบอลชั้นดีให้มาประกอบวิชาชีพไม่ต่างจาก กัลโช่ เซเรีย อา ของประเทศอิตาลี หรือ ลาลีกา ของประเทศสเปน ตัวชี้วัดคุณภาพที่ดีที่สุดคือนักฟุตบอลที่เข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลโลก 2002 ซึ่ง เกาหลีใต้-ญี่ปุ่น เป็นเจ้าภาพ มีจำนวน 101 คนที่เล่นฟุตบอลในอังกฤษ และปัจจุบันมีนักฟุตบอลต่างชาติในพรีเมียร์ชิพมากกว่า 290 คน

ระบบการแข่งขัน

ไฟล์:FA Premier League.png
สัญลักษณ์อย่างเป็นทางการของ เอฟเอ พรีเมียร์ลีก ที่ใช้มาจนถึงฤดูกาล 2007

มีทีมร่วมแข่งขัน 20 ทีม แข่งขันในระบบพบกันหมด เหย้าและเยือน ทีมชนะได้ 3 คะแนน ทีมเสมอได้ 1 คะแนน และทีมแพ้ไม่ได้คะแนน ตลอดฤดูกาลทุกทีมจะต้องแข่งขันทั้งสิ้น 38 นัด เมื่อสิ้นสุดฤดูกาล 3 สโมสรที่ได้คะแนนน้อยที่สุด จะถูกลดชั้นไปเล่นในฟุตบอลลีกแชมเปียนชิพ

4 ทีมที่อันดับดีสุดจะได้ผ่านเข้าไปเล่นในยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก โดยสามทีมอันดับแรกจะผ่านเข้าไปรอในรอบแบ่งกลุ่ม ในขณะที่ทีมอันดับ 4 จะต้องแข่งรอบเพลย์ออฟอีกทีหนึ่ง ส่วนอันดับ 5 6 7 จะได้เล่นยูฟ่า ยูโรป้า ลีก (ยูฟ่า คัพ) เดิม และทีมที่ชนะเลิศการแข่งขันฟุตบอลถ้วยภายในประเทศก็จะได้สิทธิ์ไปเล่นในยูโรป้า ลีก เช่นกัน ในกรณีที่ทีมอันดับ 1-4 ได้ ก็จะได้เล่นแชมเปียนส์ ลีก เหมือนเดิม ทีมที่เหลือจะได้เล่นยูโรป้า ลีก

ผู้สนับสนุนหลัก

รายชื่อผู้สนับสนุนหลักในรายการแข่งขันฤดูกาลต่างๆ

สโมสรในฤดูกาลปัจจุบัน (2012-2013)

สโมสร อันดับในฤดูกาลผ่านมา
(2011-12)
ฤดูกาลที่ได้เริ่มเล่น
ในลีกสูงสุด
ฤดูกาลที่ได้เริ่มเล่น
ในลีกสูงสุด
ในคราวปัจจุบัน
อาร์เซนอล 3 1904-05 1919-20
แอสตันวิลลา 16 1888-89 1988-89
เชลซี 6 1907-08 1989-90
เอฟเวอร์ตัน 7 1888-89 1954-55
ฟูแลม 9 1949-50 2001-02
ลิเวอร์พูล 8 1894-95 1962-63
แมนเชสเตอร์ซิตี 1 1899-1900 2002-03
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 2 1892-93 1975-76
นิวคาสเซิลยูไนเต็ด 5 1888-89 2010-11
นอริชซิตี 12 1972–73 2011-12
ควีนส์ปาร์กเรนเจิร์ส 17 1968–69 2011-12
เรดดิง 1 จาก ลีกแชมเปียนชิพ 2006-07 2012-13
เซาแทมป์ตัน 2 จาก ลีกแชมเปียนชิพ 1966-67 2012-13
สโตกซิตี 14 1888–89 2008-09
ซันเดอร์แลนด์ 13 1890-91 2007-08
สวอนซีซิตี 11 1981–82 2011-12
ทอตนัมฮอตสเปอร์ 4 1909-10 1978-79
เวสต์บรอมมิชอัลเบียน 10 1888-89 2010-11
เวสต์แฮมยูไนเต็ด 3 จาก ลีกแชมเปียนชิพ 1888-89 2012-13
วีแกนแอธเลติก 15 2005-06 2005-06

ทำประตูสูงสุด

ณ วันที่ 15 พฤษภาคม 2555
รายชื่อนักฟุตบอลที่ทำประตูสูงสุด
อันดับ นักฟุตบอล ประตู
1 อังกฤษ อลัน เชียเรอร์ 260
2 อังกฤษ แอนดรูว์ โคล 187
3 ฝรั่งเศส ตีแยรี อ็องรี 176
4 อังกฤษ ร็อบบี ฟาวเลอร์ 163
5 อังกฤษ แฟรงก์ แลมพาร์ด 153
6 อังกฤษ เลส เฟอร์ดินานด์ 149
7 อังกฤษ ไมเคิล โอเวน 149
8 อังกฤษ เวย์น รูนีย์ 148
9 อังกฤษ เทดดี เชอริงแฮม 147
10 เนเธอร์แลนด์ จิมมี ฟลอยด์ ฮัสเซลแบงก์ 127

หมายเหตุ:ตัวเน้นแสดงถึงผู้เล่นที่ยังเล่นฟุตบอลอยู่ในพรีเมียร์ลีก

== ดูเพิ่ม

ไรอัน กิ๊กส์ ปีกพ่อมดวัย 38 ปี แห่งค่ายแมนฯ ยูไนเต็ด กลายเป็นนักเตะเพียงคนเดียวในโลกที่ กินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ด ได้บันทึกลงหนังสือกินเนสส์ บุ๊ค อย่างเป็นทางการถึง 4 สถิติรวด!!

1. ไรอัน กิ๊กส์ คือนักฟุตบอลคนแรก(คนเดียว) ที่ลงเล่นในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ทุกฤดูกาล(1992-2011) 2. ไรอัน กิ๊กส์ คือนักฟุตบอลคนแรก(คนเดียว) ที่สามารถทำประตูได้ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ทุกฤดูกาล (1992-2011) 3. ไรอัน กิ๊กส์ คือนักฟุตบอลที่ลงเล่นในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ มากที่สุด 598 เกม 4. ไรอัน กิ๊กส์ คือนักฟุตบอลที่ได้เหรียญรางวัลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ มากที่สุด 12 เหรียญ

ที่มา : http://www.walesonline.co.uk/news/need-to-read/2012/09/07/ryan-giggs-celebrates-a-personal-record-four-guinness-world-records-91466-31786553/==

อ้างอิง

แหล่งข้อมูลอื่น

แม่แบบ:Link FA แม่แบบ:Link FA แม่แบบ:Link FA