ข้ามไปเนื้อหา

พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2023–24

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
พรีเมียร์ลีก
ฤดูกาล2023–24
วันที่11 สิงหาคม ค.ศ. 2023 – 19 พฤษภาคม ค.ศ. 2024
ทีมชนะเลิศแมนเชสเตอร์ซิตี
ตกชั้น
ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก
ยูโรปาลีก
คอนเฟอเรนซ์ลีกเชลซี
จำนวนนัด380
จำนวนประตู1,246 (3.28 ประตูต่อนัด)
ผู้ทำประตูสูงสุดอาลิง โฮลัน
(27 ประตู)
ผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดดาบิด รายา
(16 คลีนชีตส์)
ทีมเหย้า
ชนะสูงสุด
เชลซี 6–0 เอฟเวอร์ตัน
(15 เมษายน 2024)
ทีมเยือน
ชนะสูงสุด
เชฟฟีลด์ยูไนเต็ด 0–8 นิวคาสเซิลยูไนเต็ด
(24 กันยายน 2023)
จำนวนประตูสูงสุดเชฟฟีลด์ยูไนเต็ด 0–8 นิวคาสเซิลยูไนเต็ด
(24 กันยายน 2023)
เชลซี 4–4 แมนเชสเตอร์ซิตี
(12 พฤศจิกายน 2023)
นิวคาสเซิลยูไนเต็ด 4–4 ลูตันทาวน์
(3 กุมภาพันธ์ 2024)
ชนะติดต่อกัน
มากที่สุด
9 นัด
แมนเชสเตอร์ซิตี[1]
ไม่แพ้ติดต่อกัน
มากที่สุด
23 นัด
แมนเชสเตอร์ซิตี[1]
ไม่ชนะติดต่อกัน
มากที่สุด
14 นัด
เชฟฟีลด์ยูไนเต็ด[1]
แพ้ติดต่อกัน
มากที่สุด
7 นัด
เชฟฟีลด์ยูไนเต็ด[1]
จำนวนผู้ชมสูงสุด73,612 คน
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 3-0 เวสต์แฮมยูไนเต็ด
(4 กุมภาพันธ์ 2024)
จำนวนผู้ชมต่ำสุด10,421 คน
บอร์นมัท 0–0 เชลซี
(17 กันยายน 2023)
จำนวนผู้ชมรวม14,674,624
จำนวนผู้ชมเฉลี่ย38,617

พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2023–24 จะเป็นฤดูกาลที่ 32 ของพรีเมียร์ลีก และเป็นฤดูกาลที่ 125 ของฟุตบอลลีกสูงสุด ฤดูกาลเริ่มต้นในวันที่ 11 สิงหาคม ค.ศ. 2023 และสิ้นสุดในวันที่ 19 พฤษภาคม ค.ศ. 2024[2][3][4][5]

แมนเชสเตอร์ซิตี เป็นทีมที่ป้องกันแชมป์ไว้ได้ สามารถคว้าแชมป์ 4 สมัยติดต่อกัน และกลายเป็นสโมสรฟุตบอลชายแห่งแรกในประวัติศาสตร์ลีกอังกฤษที่บรรลุเป้าหมายนี้[6][7][8]

ฤดูกาลนี้เป็นการกลับมาของช่วงพักกลางฤดูกาลซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 13 ถึง 20 มกราคม ค.ศ. 2024[9] พรีเมียร์ลีกยืนยันว่าตลาดซื้อขายช่วงฤดูร้อนจะเปิดในวันที่ 14 มิถุนายนและจะปิดเวลา 23:00 น. ตามเวลาฤดูร้อนของอังกฤษในวันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 2023 ตลาดซื้อขายนักเตะช่วงฤดูหนาวจะเปิดในวันที่ 1 มกราคม และจะปิดในเวลา 23:00 (เวลามาตรฐานกรีนิช) ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2024[10]

ระหว่างฤดูกาลมีสถิติการทำประตูเป็นประวัติการณ์ถึง 1,246 ประตู (380 นัด เฉลี่ย 3.28 ประตูต่อนัด) ทำลายสถิติก่อนหน้าที่ 1,222 ประตูในฤดูกาล 1992–93 (ซึ่งมี 462 นัด เฉลี่ย 2.65 ประตูต่อนัด) ประตูเฉลี่ยต่อนัดสูงที่สุดในลีกสูงสุดนับตั้งแต่ฤดูกาล 1964–65 ทั้งสามทีมที่ได้เลื่อนชั้นขึ้นมาในฤดูกาลนี้ตกชั้น (ลูตันทาวน์, เบิร์นลีย์ และเชฟฟีลด์ยูไนเต็ด) เป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่ฤดูกาล 1997–98 ทั้งสามทีมมีคะแนนรวมกัน 66 แต้ม น็อตทิงแฮมฟอเรสต์รอดจากการตกชั้นด้วยคะแนน 32 แต้ม (รวมการถูกหัก 4 แต้ม) ต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์สำหรับทีมที่รอดจากการตกชั้น

เหตุการณ์

[แก้]

เป็นครั้งที่ 3 เท่านั้นในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก (ต่อจากมิดเดิลส์เบรอในฤดูกาล 1996–97 และพอร์ทสมัทในฤดูกาล 2009–10) ที่ทีมในพรีเมียร์ลีกถูกหักคะแนน เมื่อเอฟเวอร์ตันถูกหัก 10 แต้มจากคะแนนรวมของพวกเขาเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2023 เนื่องจากละเมิดกฎการทำกำไรและความยั่งยืนของพรีเมียร์ลีก การหักคะแนนดังกล่าวถือเป็นการหักคะแนนครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก[11] เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2024 หลังจากการอุทธรณ์ ได้มีการประกาศว่าการหักคะแนนได้ลดลงเหลือแค่หัก 6 แต้มจากคะแนนรวมของพวกเขา[12] เมื่อวันที่ 8 เมษายน สโมสรถูกหักคะแนนเพิ่มเติมอีก 2 แต้ม เนื่องจากการละเมิดกฎการทำกำไรและความยั่งยืนเพิ่มเติม ซึ่งหมายความว่าถูกหักคะแนนรวม 8 แต้ม[13] ขณะนี้การตัดสินหักคะแนนครั้งที่สองยังอยู่ระหว่างการอุทธรณ์[14]

เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2023 ในการแข่งขันระหว่างทอตนัมฮอตสเปอร์และลิเวอร์พูล ดาร์เรน อิงแลนด์ ผู้ช่วยผู้ตัดสินใช้วีดิทัศน์ (VAR) ของพรีเมียร์ลีก มีความผิดพลาดในการตัดสินที่ระงับการทำประตูของ ลุยส์ ดิอัซ ซึ่งเป็นการทำประตูทีถูกต้องตามกฎ ทำให้ลิเวอร์พูลแพ้การแข่งขัน 2–1 และสมาคมผู้ตัดสินฟุตบอลอาชีพอังกฤษ (PGMOL) ยอมรับว่าการตัดสินล้ำหน้านั้นเป็น "ข้อผิดพลาดของมนุษย์ที่มีนัยสำคัญ" มีการเปิดเผยว่าอิงแลนด์และผู้ช่วยของผู้ช่วยผู้ตัดสินใช้วีดิทัศน์ แดน คุก ใช้เวลาโดยสารเที่ยวบิน 8 ชั่วโมงกลับจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เมื่อวันก่อน เจ้าหน้าที่ PGMOL กลุ่มหนึ่งอยู่ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เพื่อดูแลการแข่งขันระหว่างสโมสรฟุตบอลชาร์จาห์และสโมสรฟุตบอลอัลอิน ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับการตัดสินใจของ PGMOL ที่จะอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ของการแข่งขันชั้นนำเข้ารับงานที่มีรายได้ในยูเออีโปรลีก แม้ว่าสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จะเป็นเจ้าของสโมสรในพรีเมียร์ลีกอย่างแมนเชสเตอร์ซิตีก็ตาม[15]

เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2023 เชฟฟีลด์ยูไนเต็ดกลายเป็นสโมสรแรกที่ปลดพอล เฮคกิงบอททอม ผู้จัดการทีมของพวกเขาออกจากตำแหน่งหลังจากแพ้เบิร์นลีย์ของแว็งซ็อง กงปานี 0–5 เขาถูกแทนที่โดยคริส วิลเดอร์ อดีตผู้จัดการทีมที่นำเชฟฟีลด์ยูไนเต็ดเลื่อนชั้นกลับสู่พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2019–20 ถือเป็นการกลับมาที่สโมสรของเขาตั้งแต่ฤดูกาล 2020–21 ในเวลานั้นเชฟฟีลด์ยูไนเต็ดอยู่บ๊วยของตารางโดยเก็บได้เพียง 5 แต้มจาก 14 นัด

เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2023 การแข่งขันระหว่างบอร์นมัทและลูตันทาวน์ที่ไวทาลิตีสเตเดียมถูกยกเลิกหลังจากเล่นไปได้ 65 นาที เนื่องจากทอม ล็อคเยอร์ กัปตันทีมลูตันทาวน์ประสบภาวะหัวใจหยุดเต้นล้มลงกลางสนาม การแข่งขันถูกระงับในตอนแรก โดยผู้ตัดสินนำผู้เล่นทั้งสองทีมออกจากสนามในช่วงกลางครึ่งหลัง ในขณะที่บุคลากรทางการแพทย์ดูแลล็อคเยอร์ ในที่สุดเขาก็ถูกเปลหามและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ต่อมาได้รับแจ้งว่าเขาตอบสนองได้ดีแล้ว และอยู่ในอาการทรงตัวแล้ว จากนั้นผู้ตัดสินก็ระงับการแข่งขันหลังจากผ่านไป 65 นาที โดยมีคะแนนอยู่ที่ 1–1 [16]

เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2023 นอตทิงแฮมฟอเรสต์เป็นสโมสรที่สองที่ปลดผู้จัดการทีม โดยปลดสตีฟ คูเปอร์ออกจากตำแหน่งหลังจากไร้ชัยชนะมา 6 นัดติดต่อกัน นัดสุดท้ายที่เขาคุมทีมคือแพ้ในบ้าน 0–2 ต่อ ทอตนัมฮอตสเปอร์ เขาถูกแทนที่โดยนูนู อึชปีรีตู ซังตู อดีตผู้จัดการทีมวุลเวอร์แฮมป์ตันวอนเดอเรอส์ และทอตนัมฮอตสเปอร์ ซึ่งนัดแรกของเขาในการคุมทีมคือแพ้ในบ้าน 2–3 ต่อบอร์นมัท ทำให้สโมสรไร้ชัย 7 นัดติดต่อกัน ในนัดที่ 2 ของเขา นูนูจบสถิติไร้ชัยของนอตทิงแฮมฟอเรสต์ด้วยการชนะ 3–1 ในการแข่งขันกับนิวคาสเซิลยูไนเต็ดที่เซนต์เจมส์พาร์ก โดยคริส วูดทำแฮตทริกใส่สโมสรเก่าของเขา ซึ่งเขาออกจากสโมสรในตลาดซื้อขายเดือนมกราคมของฤดูกาล 2022–23

เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2024, เยือร์เกิน คล็อพ ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล ประกาศอำลาการเป็นผู้จัดการทีมในช่วงท้ายของฤดูกาล หลังจากอยู่กับทีมเป็นระยะเวลา 8 ปี[17]

เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2024 รอย ฮอดจ์สัน ผู้จัดการทีมคริสตัลพาเลซ ลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีม พาเลซแพ้ 10 นัด จากนัดก่อนหน้า 16 นัด และอยู่ในอันดับที่ 16 ของตารางคะแนน มี 5 แต้มเหนือโซนตกชั้น ฮอดจ์สันซึ่งป่วยในช่วงการฝึกซ้อมกับทีม ถูกแทนที่โดยโอลิเวอร์ กลาสเนอร์ อดีตผู้จัดการทีมไอน์ทรัคท์ฟรังค์ฟวร์ท[18]

เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2024 นอตทิงแฮมฟอเรสต์ เป็นสโมสรที่สี่ในพรีเมียร์ลีกที่ถูกหักคะแนน พวกเขาถูกหัก 4 แต้ม เนื่องจากละเมิดกฎการทำกำไรและความยั่งยืนของพรีเมียร์ลีก[19] ขณะนี้การตัดสินยังอยู่ระหว่างการอุทธรณ์[20]

เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2024 เชฟฟีลด์ยูไนเต็ดกลายเป็นสโมสรแรกที่ตกชั้นสู่แชมเปียนชิป หลังจากแพ้ในเกมเยือน 5–1 ต่อนิวคาสเซิลยูไนเต็ด ทำให้ทีมต้องใช้คะแนน 10 แต้มในการแข่งขันอีกสามนัดเพื่อที่จะปลอดภัยจากการตกชั้น[21] เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม พวกเขากลายเป็นทีมแรกในพรีเมียร์ลีกที่เสียประตู 100 ประตู จาก 38 นัดในฤดูกาล เท่ากับสถิติของสวินดอนทาวน์ที่เสียประตู 100 ประตู ในฤดูกาล 1993–94 จาก 42 นัดในฤดูกาล[22] เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม พวกเขาทำลายสถิติของพรีเมียร์ลีกด้วยการเสียประตูที่ 101 ในความพ่ายแพ้ 1–0 ต่อเอฟเวอร์ตัน โดยเมื่อสิ้นสุดฤดูกาลเสียประตูทั้งหมด 104 ประตู ซึ่งมากที่สุดของทีมในลีกสูงสุดนับตั้งแต่อิปสวิชทาวน์ที่เสียประตู 121 ประตูในฤดูกาล 1963–64[ต้องการอ้างอิง]

เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2024 เวสต์แฮมยูไนเต็ด ประกาศว่า เดวิด มอยส์ จะออกจากการเป็นผู้จัดการทีมหลังสิ้นสุดฤดูกาล เมื่อสัญญาของเขาหมดอายุลง[23]

เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2024 เบิร์นลีย์กลายเป็นสโมสรที่สองที่ตกชั้น หลังจากแพ้ในเกมเยือน 2–1 ต่อทอตนัมฮอตสเปอร์ ความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ทำให้ทีมต้องใช้คะแนน 5 แต้มในการแข่งขันอีกหนึ่งนัดเพื่อที่จะปลอดภัยจากการตกชั้น โดยล้มเหลวในการออกจากโซนตกชั้นนับตั้งแต่เปิดฤดูกาล[24][25]

เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2024 เช่นกันนั้น ลูตันทาวน์ แพ้ในเกมเยือน 3–1 ต่อเวสต์แฮมยูไนเต็ด ความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ทำให้ทีมต้องใช้คะแนน 3 แต้มในการแข่งขันอีกหนึ่งนัดเพื่อที่จะปลอดภัยจากการตกชั้น แม้จะไม่ยืนยันการตกชั้นในทางคณิตศาสตร์ แต่ก็ต้องใช้การพลิกผันผลต่างประตูถึง 13 ประตู ในวันสุดท้ายของฤดูกาลเพื่อจะแย่งอันดับที่ 17 จากนอตทิงแฮมฟอเรสต์[26] การตกชั้นของพวกเขาได้รับการยืนยันในวันสุดท้ายของฤดูกาล เมื่อพวกเขาแพ้ 4–2 ต่อฟูลัม และนอตทิงแฮมฟอเรสต์ชนะเบิร์นลีย์ 2–1[27][28]

เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2024 ไบรตันแอนด์โฮฟอัลเบียน ประกาศว่าพวกเขาได้รับความยินยอมร่วมกันกับโรแบร์โต เด แซร์บี ผู้จัดการทีม ในการสิ้นสุดสัญญาหลังจากสิ้นสุดฤดูกาลในวันรุ่งขึ้น[29]

เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2024 วันสุดท้ายของฤดูกาล แมนเชสเตอร์ซิตีชนะเวสต์แฮมยูไนเต็ด 3–1 ในเกมเหย้า เพื่อคว้าแชมป์ด้วยคะแนน 91 แต้ม นำหน้าคู่แข่งอย่างอาร์เซนอลด้วยคะแนน 2 แต้ม ซึ่งชนะเอฟเวอร์ตัน 2–1 ในเกมเหย้า อาร์เซนอลจบอันดับรองชนะเลิศด้วยคะแนน 89 แต้ม กลายเป็นทีมอันดับรองชนะเลิศที่มีคะแนนมากที่สุดเป็นอันดับที่สามในประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีก[30]

ในฤดูกาลนี้เห็นได้ถึงการเติบโดอย่างต่อเนื่องของแอสตันวิลลา ภายใต้การคุมทีมโดยอูไน เอเมรี โดยพวกเขาคว้าอันดับที่จะได้ไปแข่งขันในแชมเปียนส์ลีก ภายใต้'รูปแบบลีก'ที่เป็นรูปแบบใหม่ และเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1983 ในขณะที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ประสบกับฤดูกาลที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก หลังจากจบอันดับที่ 3 และคว้าแชมป์อีเอฟแอลคัพในฤดูกาลเปิดตัวของเอริก เติน ฮัค ยูไนเต็ดทำสถิติอันดับต่ำที่สุดครั้งใหม่ในฤดูกาลที่สองของเขา รวมถึงอันดับต่ำที่สุดเมื่อสิ้นสุดฤดูกาล (อันดับที่ 8 โดยสถิติก่อนหน้านี้เป็นอันดับที่ 7 ในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2013–14 ภายใต้การคุมทีมของเดวิด มอยส์) จำนวนนัดที่แพ้มากที่สุดในหนึ่งฤดูกาลของพรีเมียร์ลีก (แพ้ 14 นัด) ผลต่างประตู -1 และเสียประตู 58 ประตู (เสียประตู 82 ประตูในทุกรายการ) มากที่สุดนับตั้งแต่ฤดูกาล 1976–77[ต้องการอ้างอิง] อย่างไรก็ตาม ยูไนเต็ดกอบกู้ฤดูกาลนี้ได้โดยการชนะแมนเชสเตอร์ซิตี ในเอฟเอคัพ รอบชิงชนะเลิศ ทำให้แมนเชสเตอร์ซิตีไม่ได้แชมป์ลีกพร้อมแชมป์บอลถ้วยติดต่อกัน และได้ที่นั่งเข้าสู่ยูโรปาลีกรอบลีกสำหรับฤดูกาลถัดไป

การพัฒนา

[แก้]

เช่นเดียวกับฟุตบอลโลก 2022 กฎการหยุดเวลาใหม่จะนำมาใช้ในพรีเมียร์ลีก จากความพยายามที่ควบคุมการเสียเวลา และเพื่อปรับปรุงความแม่นยำของเวลาที่ทดเข้าไป เวลาทดบาดเจ็บจะนานขึ้นในแต่ละการแข่งขัน กฎใหม่จะคำนึงถึงการหยุดการแข่งขันเนื่องจากอาการบาดเจ็บ การฉลองประตู ใบเหลืองและใบแดง และการตรวจสอบ VAR นอกจากนี้ จะมีความผิดเกี่ยวกับใบเหลือง/ใบแดง จากการไม่เห็นด้วยและการถ่วงเวลา ซึ่งส่งผลให้ใบเหลืองและใบแดงเพิ่มขึ้นอย่างมากในฤดูกาลนี้[31]

ทีม

[แก้]

ประกอบด้วย 17 ทีมจากฤดูกาลที่แล้ว และ 3 ทีมที่เลื่อนชั้นมาจากแชมเปียนชิป ณ วันที่ 14 พฤษภาคม ค.ศ. 2023 มี 14 ทีมจากทั้งหมด 17 ทีมที่ได้รับการการันตี เนื่องจากพวกเขามีคะแนนเพียงพอที่จะไม่ตกชั้น[32] ทีมที่เลื่อนชั้นคือ เบิร์นลีย์, เชฟฟีลด์ยูไนเต็ด และ ลูตันทาวน์ ซึ่งจะกลับสู่ลีกสูงสุดหลังจากห่างหายไป 1, 2 และ 31 ปีตามลำดับ นี่จะเป็นฤดูกาลแรกของลูตันทาวน์ในพรีเมียร์ลีกด้วย ด้วยการเลื่อนชั้นของพวกเขาครั้งนี้ ลูตันทาวน์จะกลายเป็นทีมแรกที่ได้เลื่อนชั้นจากนอกลีกสู่ลีกสูงสุดในยุคพรีเมียร์ลีก ขณะเดียวกันก็เท่ากับสถิติเดิมของวิมเบิลดันที่เร็วที่สุดในการขึ้นสู่ลีกสูงสุดจากนอกลีก (9 ปี) พวกเขาจะแทนที่เซาแธมป์ตัน, ลีดส์ยูไนเต็ดและเลสเตอร์ซิตี้ที่ตกชั้นสู่อีเอฟแอลแชมเปียนชิป หลังจากเล่นเป็นเวลา 11, 3 และ 9 ปีในลีกสูงสุด

สนามและที่ตั้ง

[แก้]
ทีม ที่ตั้ง สนาม ความจุ
อาร์เซนอล ลอนดอน (ฮอลโลเวย์) เอมิเรตส์สเตเดียม 60,704
แอสตันวิลลา เบอร์มิงแฮม วิลลาพาร์ก 42,657
บอร์นมัท บอร์นมัท วิทาลิตีสเตเดียม 11,307
เบรนต์ฟอร์ด ลอนดอน (เบรนต์ฟอร์ด) จีเท็คคอมมิวนิตีสเตเดียม 17,250
ไบรตันแอนด์โฮฟอัลเบียน ฟัลเมอร์ อเมริกันเอ็กซ์เพรสสเตเดียม 31,800
เบิร์นลีย์ เบิร์นลีย์ เทิร์ฟมัวร์ 21,944
เชลซี ลอนดอน (ฟูลัม) สแตมฟอร์ดบริดจ์ 40,343
คริสตัลพาเลซ ลอนดอน (เซลเฮิสต์) เซลเฮิสต์พาร์ก 25,486
เอฟเวอร์ตัน ลิเวอร์พูล (วอลตัน) กูดิสันพาร์ก 39,414
ฟูลัม ลอนดอน (ฟูลัม) เครเวนคอตทิจ 24,500
ลิเวอร์พูล ลิเวอร์พูล (แอนฟีลด์) แอนฟีลด์ 61,276
ลูตันทาวน์ ลูตัน เคนิลเวิร์ทโรด 11,500
แมนเชสเตอร์ซิตี แมนเชสเตอร์ เอทิฮัดสเตเดียม 53,400
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด แมนเชสเตอร์ (โอลด์แทรฟฟอร์ด) โอลด์แทรฟฟอร์ด 74,031
นิวคาสเซิลยูไนเต็ด นิวคาสเซิลอะพอนไทน์ เซนต์เจมส์พาร์ก 52,257
นอตทิงแฮมฟอเรสต์ เวสต์บริดจ์ฟอร์ด ซิตีกราวด์ 30,404
เชฟฟีลด์ยูไนเต็ด เชฟฟีลด์ บรามอลล์เลน 32,050
ทอตนัมฮอตสเปอร์ ลอนดอน (ทอตนัม) ทอตนัมฮอตสเปอร์สเตเดียม 62,850
เวสต์แฮมยูไนเต็ด ลอนดอน (สแตรตเฟิร์ด) ลอนดอนสเตเดียม 62,500
วุลเวอร์แฮมป์ตันวอนเดอเรอส์ วุลเวอร์แฮมป์ตัน มอลินิว 31,750

บุคลากรและชุดแข่ง

[แก้]
ทีม ผู้จัดการทีม กัปตันทีม ผู้ผลิตชุดแข่ง สปอนเซอร์เสื้อ (หน้าอก) สปอนเซอร์เสื้อ (แขนเสื้อ)
อาร์เซนอล สเปน มิเกล อาร์เตตา นอร์เวย์ มัตติน เออเดอโกร์ อาดิดาส[33] เอมิเรตส์[34] Visit Rwanda[35]
แอสตันวิลลา สเปน อูไน เอเมรี สกอตแลนด์ จอห์น แม็กกินน์ แคสโตเร[36] BK8[37] Trade Nation[38]
บอร์นมัท สเปน อันโดนี อิราโอลา บราซิล แนตู อัมโบร[39] ดาฟาเบต[40] DeWalt[41]
เบรนต์ฟอร์ด เดนมาร์ก ทอแมส ฟรังก์ เดนมาร์ก เครสแจน เนอร์เกอร์ อัมโบร[42] Hollywoodbets[43] Safetyculture[44]
ไบรตันแอนด์โฮฟอัลเบียน อิตาลี โรแบร์โต เด แซร์บี อังกฤษ ลูวิส ดังก์ ไนกี้[45] อเมริกันเอ็กซ์เพรส[45] SnickersUK.com[46]
เบิร์นลีย์ เบลเยียม แว็งซ็อง กงปานี อังกฤษ แจ็ก คอร์ก อัมโบร[47] Classic Football Shirts[48] รอระบุ
เชลซี อาร์เจนตินา เมาริซิโอ โปเชติโน อังกฤษ รีซ เจมส์ ไนกี้[49] Infinite Athlete[50] BingX[51]
คริสตัลพาเลซ ออสเตรีย โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ อังกฤษ โจเอล วาร์ด มาครอน[52] ซินช์[53] Kaiyun Sports[54]
เอฟเวอร์ตัน อังกฤษ ชอน ไดช์ สาธารณรัฐไอร์แลนด์ เชมัส โคลแมน ฮุมเมล[55] Stake.com[56] BOXT[57]
ฟูลัม โปรตุเกส มาร์กู ซิลวา สกอตแลนด์ ทอม แคร์นีย์ อาดิดาส[58] W88[59] World Mobile[60]
ลิเวอร์พูล เยอรมนี เยือร์เกิน คล็อพ เนเธอร์แลนด์ เฟอร์จิล ฟัน ไดก์ ไนกี้[61] สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด[62] เอ็กซ์พีเดีย[63]
ลูตันทาวน์ เวลส์ ร็อบ เอ็ดเวิร์ดส์ เวลส์ ทอม ล็อกเยอร์ อัมโบร[64] Utilita (เหย้า)
Star Platforms (เยือน)
Ryebridge (สาม)
Toureen Group (เหย้า)
Utilita (เยือน & สาม)
แมนเชสเตอร์ซิตี สเปน แป็ป กวาร์ดิออลา อังกฤษ ไคล์ วอล์กเกอร์[65] พูมา[66] สายการบินเอทิฮัด[67] OKX[68]
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เนเธอร์แลนด์ เอริก เติน ฮัค โปรตุเกส บรูนู ฟือร์นังดึช อาดิดาส[69] ทีมวีเวอร์[70] DXC Technology[71]
นิวคาสเซิลยูไนเต็ด อังกฤษ เอ็ดดี ฮาว อังกฤษ จามาล ลัสเซลส์ แคสโตเร[72] เซลา[73] noon.com[74]
นอตทิงแฮมฟอเรสต์ โปรตุเกส นูนู อึชปีรีตู ซังตู อังกฤษ โจ วอร์รอลล์ อาดิดาส[75] ยูเอ็นเอชซีอาร์[76] ไม่มี
เชฟฟีลด์ยูไนเต็ด อังกฤษ คริส วิลเดอร์ สาธารณรัฐไอร์แลนด์ จอห์น อีแกน เอร์เรอา Randox Ultimate Champions
ทอตนัมฮอตสเปอร์ ออสเตรเลีย แอนจ์ พอสเตคอกลู เกาหลีใต้ ซน ฮึง-มิน ไนกี้[77] เอไอเอ[78] Cinch[79]
เวสต์แฮมยูไนเต็ด สกอตแลนด์ เดวิด มอยส์ ฝรั่งเศส กูร์ต ซูมา อัมโบร[80] เบตเวย์[81] เจดี สปอร์ตส์[82]
วุลเวอร์แฮมป์ตันวอนเดอเรอส์ อังกฤษ แกรี โอนีล อังกฤษ แมกซ์ คิลแมน แคสโตเร[83] แอสโตรเพย์[84] 6686.com[85]

การเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีม

[แก้]
ทีม ผู้จัดการที่ออก สาเหตุที่ออก วันที่ตำแหน่งว่าง อันดับในตารางคะแนน ผู้จัดการคนใหม่ วันที่ได้รับการแต่งตั้ง
เชลซี อังกฤษ แฟรงก์ แลมพาร์ด[86] สิ้นสุดการจัดการทีมชั่วคราว 28 พฤษภาคม ค.ศ. 2023 ก่อนฤดูกาล อาร์เจนตินา เมาริซิโอ โปเชติโน 29 พฤษภาคม ค.ศ. 2023[87][88]
ทอตนัมฮอตสเปอร์ อังกฤษ ไรอัน เมสัน[89] ออสเตรเลีย แอนจ์ พอสเตคอกลู 6 มิถุนายน ค.ศ. 2023[90]
บอร์นมัท อังกฤษ แกรี โอนีล[91] ถูกไล่ออก 19 มิถุนายน ค.ศ. 2023 สเปน อันโดนี อิราโอลา 19 มิถุนายน ค.ศ. 2023[92]
วุลเวอร์แฮมป์ตันวอนเดอเรอส์ สเปน ยูเลน โลเปเตกี[93] ได้รับความยินยอมร่วมกัน 8 สิงหาคม ค.ศ. 2023 อังกฤษ แกรี โอนีล[94] 9 สิงหาคม ค.ศ. 2023
เชฟฟีลด์ยูไนเต็ด อังกฤษ พอล เฮคกิงบ็อททอม[95] ถูกไล่ออก 5 ธันวาคม ค.ศ. 2023 อันดับที่ 20 อังกฤษ คริส วิลเดอร์[96] 5 ธันวาคม ค.ศ. 2023
นอตทิงแฮมฟอเรสต์ เวลส์ สตีฟ คูเปอร์[97] 19 ธันวาคม ค.ศ. 2023 อันดับที่ 17 โปรตุเกส นูนู อึชปีรีตู ซังตู[98] 20 ธันวาคม ค.ศ. 2023
คริสตัลพาเลซ อังกฤษ รอย ฮอดจ์สัน[99] ลาออก 19 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2024 อันดับที่ 16 ออสเตรีย โอลิเวอร์ กลาสเนอร์[100] 19 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2024

ตารางคะแนน

[แก้]
อันดับ ทีม เล่น ชนะ เสมอ แพ้ ได้ เสีย ต่าง คะแนน การผ่านเข้ารอบหรือการตกชั้น
1 แมนเชสเตอร์ซิตี (C) 38 28 7 3 96 34 +62 91 ผ่านเข้าสู่ แชมเปียนส์ลีก รอบลีก
2 อาร์เซนอล 38 28 5 5 91 29 +62 89
3 ลิเวอร์พูล 38 24 10 4 86 41 +45 82
4 แอสตันวิลลา 38 20 8 10 76 61 +15 68
5 ทอตนัมฮอตสเปอร์ 38 20 6 12 74 61 +13 66 ผ่านเข้าสู่ ยูโรปาลีก รอบลีก
6 เชลซี 38 18 9 11 77 63 +14 63 ผ่านเข้าสู่ คอนเฟอเรนซ์ลีก รอบเพลย์-ออฟ[a]
7 นิวคาสเซิลยูไนเต็ด 38 18 6 14 85 62 +23 60
8 แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 38 18 6 14 57 58 −1 60 ผ่านเข้าสู่ ยูโรปาลีก รอบลีก[b]
9 เวสต์แฮมยูไนเต็ด 38 14 10 14 60 74 −14 52
10 คริสตัลพาเลซ 38 13 10 15 57 58 −1 49
11 ไบรตันแอนด์โฮฟอัลเบียน 38 12 12 14 55 62 −7 48
12 บอร์นมัท 38 13 9 16 54 67 −13 48
13 ฟูลัม 38 13 8 17 55 61 −6 47
14 วุลเวอร์แฮมป์ตันวอนเดอเรอส์ 38 13 7 18 50 65 −15 46
15 เอฟเวอร์ตัน 38 13 9 16 40 51 −11 40[c]
16 เบรนต์ฟอร์ด 38 10 9 19 56 65 −9 39
17 นอตทิงแฮมฟอเรสต์ 38 9 9 20 49 67 −18 32[d]
18 ลูตันทาวน์ (R) 38 6 8 24 52 85 −33 26 ตกชั้นสู่ อีเอฟแอลแชมเปียนชิป
19 เบิร์นลีย์ (R) 38 5 9 24 41 78 −37 24
20 เชฟฟีลด์ยูไนเต็ด (R) 38 3 7 28 35 104 −69 16
แหล่งที่มา : Premier League
กฎการจัดอันดับ : 1) คะแนน; 2) ผลต่างประตู; 3) ประตูรวม; 4) หากทีมที่ชนะเลิศ, ทีมที่ตกชั้นหรือทีมที่ผ่านเข้าสู่การแข่งขันของยูฟ่า ไม่สามารถตัดสินได้ตามกฎ 1 ถึง 3, จะมีการบังคับใช้กฎ 4.1 ถึง 4.3 – 4.1) คะแนนที่ได้จากเฮด-ทู-เฮดระหว่างทีมดังกล่าว; 4.2) ประตูทีมเยือนจากเฮด-ทู-เฮดระหว่างทีมดังกล่าว; 4.3) เพลย์ออฟ[103]
(C) ชนะเลิศ; (R) ตกชั้น.
หมายเหตุ :
  1. ตั้งแต่ผู้ชนะเลิศ อีเอฟแอลคัพ ฤดูกาล 2023–24 คือลิเวอร์พูลมีสิทธิ์แข่งขันในรายการแชมเปียนส์ลีกจากอันดับในลีก ทำให้สิทธิ์ของผู้ชนะเลิศลีกคัพ (คอนเฟอเรนซ์ลีก รอบเพลย์-ออฟ) จะถูกส่งต่อไปยังทีมอันดับที่หก
  2. แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ได้สิทธิ์เข้าร่วมสำหรับยูโรปาลีก รอบลีก ในฐานะทีมชนะเลิศ เอฟเอคัพ ฤดูกาล 2023–24
  3. เอฟเวอร์ตันถูกหัก 8 คะแนนจากการละเมิดกฎการทำกำไรและความยั่งยืน เดิมพวกเขาถูกหัก 10 คะแนน แต่ลดลงเหลือ 6 คะแนนหลังจากการอุทธรณ์ จากนั้นสโมสรถูกหักเพิ่มอีก 2 คะแนนสำหรับการละเมิดกฎเพิ่มเติม[101][12][13]
  4. นอตทิงแฮมฟอเรสต์ถูกหัก 4 คะแนน ฐานละเมิดกฎการทำกำไรและความยั่งยืน สโมสรยื่นอุทธรณ์คำตัดสินแต่ไม่ประสบผลสำเร็จ[19][20][102]

ผลการแข่งขัน

[แก้]
เหย้า / เยือน ARS AVL BOU BRE BHA BUR CHE CRY EVE FUL LIV LUT MCI MUN NEW NFO SHU TOT WHU WOL
อาร์เซนอล 0–2 3–0 2–1 2–0 3–1 5–0 5–0 2–1 2–2 3–1 2–0 1–0 3–1 4–1 2–1 5–0 2–2 0–2 2–1
แอสตันวิลลา 1–0 3–1 3–3 6–1 3–2 2–2 3–1 4–0 3–1 3–3 3–1 1–0 1–2 1–3 4–2 1–1 0–4 4–1 2–0
บอร์นมัท 0–4 2–2 1–2 3–0 2–1 0–0 1–0 2–1 3–0 0–4 4–3 0–1 2–2 2–0 1–1 2–2 0–2 1–1 1–2
เบรนต์ฟอร์ด 0–1 1–2 2–2 0–0 3–0 2–2 1–1 1–3 0–0 1–4 3–1 1–3 1–1 2–4 3–2 2–0 2–2 3–2 1–4
ไบรตันแอนด์โฮฟอัลเบียน 0–3 1–0 3–1 2–1 1–1 1–2 4–1 1–1 1–1 2–2 4–1 0–4 0–2 3–1 1–0 1–1 4–2 1–3 0–0
เบิร์นลีย์ 0–5 1–3 0–2 2–1 1–1 1–4 0–2 0–2 2–2 0–2 1–1 0–3 0–1 1–4 1–2 5–0 2–5 1–2 1–1
เชลซี 2–2 0–1 2–1 0–2 3–2 2–2 2–1 6–0 1–0 1–1 3–0 4–4 4–3 3–2 0–1 2–0 2–0 5–0 2–4
คริสตัลพาเลซ 0–1 5–0 0–2 3–1 1–1 3–0 1–3 2–3 0–0 1–2 1–1 2–4 4–0 2–0 0–0 3–2 1–2 5–2 3–2
เอฟเวอร์ตัน 0–1 0–0 2–0 1–0 1–1 1–0 2–0 1–1 0–1 2–0 1–2 1–3 0–3 3–0 2–0 1–0 2–2 1–3 0–1
ฟูลัม 2–1 1–2 3–1 0–3 3–0 0–2 0–2 1–1 0–0 1–3 1–0 0–4 0–1 0–1 5–0 3–1 3–0 5–0 3–2
ลิเวอร์พูล 1–1 3–0 3–1 3–0 2–1 3–1 4–1 0–1 2–0 4–3 4–1 1–1 0–0 4–2 3–0 3–1 4–2 3–1 2–0
ลูตันทาวน์ 3–4 2–3 2–1 1–5 4–0 1–2 2–3 2–1 1–1 2–4 1–1 1–2 1–2 1–0 1–1 1–3 0–1 1–2 1–1
แมนเชสเตอร์ซิตี 0–0 4–1 6–1 1–0 2–1 3–1 1–1 2–2 2–0 5–1 1–1 5–1 3–1 1–0 2–0 2–0 3–3 3–1 5–1
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 0–1 3–2 0–3 2–1 1–3 1–1 2–1 0–1 2–0 1–2 2–2 1–0 0–3 3–2 3–2 4–2 2–2 3–0 1–0
นิวคาสเซิลยูไนเต็ด 1–0 5–1 2–2 1–0 1–1 2–0 4–1 4–0 1–1 3–0 1–2 4–4 2–3 1–0 1–3 5–1 4–0 4–3 3–0
นอตทิงแฮมฟอเรสต์ 1–2 2–0 2–3 1–1 2–3 1–1 2–3 1–1 0–1 3–1 0–1 2–2 0–2 2–1 2–3 2–1 0–2 2–0 2–2
เชฟฟีลด์ยูไนเต็ด 0–6 0–5 1–3 1–0 0–5 1–4 2–2 0–1 2–2 3–3 0–2 2–3 1–2 1–2 0–8 1–3 0–3 2–2 2–1
ทอตนัมฮอตสเปอร์ 2–3 1–2 3–1 3–2 2–1 2–1 1–4 3–1 2–1 2–0 2–1 2–1 0–2 2–0 4–1 3–1 2–1 1–2 1–2
เวสต์แฮมยูไนเต็ด 0–6 1–1 1–1 4–2 0–0 2–2 3–1 1–1 0–1 0–2 2–2 3–1 1–3 2–0 2–2 3–2 2–0 1–1 3–0
วุลเวอร์แฮมป์ตันวอนเดอเรอส์ 0–2 1–1 0–1 0–2 1–4 1–0 2–1 1–3 2–0 2–1 1–3 2–1 2–1 3–4 2–2 1–1 1–0 2–1 1–2
ที่มา: พรีเมียร์ลีก
สีฟ้าหมายถึงทีมเหย้าชนะ สีเหลืองหมายถึงเสมอกัน และสีแดงหมายถึงทีมเยือนชนะ
อักษร "a" สำหรับการแข่งขันที่ยังไม่เกิดขึ้นหมายความว่ามีบทความเกี่ยวกับการแข่งขันนัดนี้

สถิติตลอดฤดูกาล

[แก้]

ผู้ทำประตูสูงสุด

[แก้]
อาลิง โฮลัน ของแมนเชสเตอร์ซิตี เป็นผู้ทำประตูสูงสุดของฤดูกาลในปัจจุบัน โดยทำประตูได้ 27 ประตู
อันดับ ผู้เล่น สโมสร ประตู[104]
1 นอร์เวย์ อาลิง โฮลัน แมนเชสเตอร์ซิตี 27
2 อังกฤษ โคล พาลเมอร์ เชลซี 22
3 สวีเดน อาเล็กซันเดอร์ อีซัก นิวคาสเซิลยูไนเต็ด 21
4 อังกฤษ ฟิล โฟเดน แมนเชสเตอร์ซิตี 19
อังกฤษ ดอมินิก โชลังเก บอร์นมัท
อังกฤษ ออลลี วอตกินส์ แอสตันวิลลา
7 อียิปต์ มุฮัมมัด เศาะลาห์ ลิเวอร์พูล 18
8 เกาหลีใต้ ซน ฮึง-มิน ทอตนัมฮอตสเปอร์ 17
9 อังกฤษ จาร์ร็อด โบเวน เวสต์แฮมยูไนเต็ด 16
ฝรั่งเศส ฌ็อง-ฟิลิปป์ มาเตตา คริสตัลพาเลซ
อังกฤษ บูกาโย ซากา อาร์เซนอล

แฮท-ทริคส์

[แก้]
ฟิล โฟเดน ของแมนเชสเตอร์ซิตี เป็นผู้เล่นเพียงคนเดียวที่แฮท-ทริคส์ได้ทั้งในเกมเหย้าและเกมเยือนของฤดูกาลนี้
ผู้เล่น ทีม พบกับทีม ผล วันที่
เกาหลีใต้ ซน ฮึง-มิน ทอตนัมฮอตสเปอร์ เบิร์นลีย์ 5–2 (A)[105] 2 กันยายน 2023
นอร์เวย์ อาลิง โฮลัน แมนเชสเตอร์ซิตี ฟูลัม 5–1 (H)[106]
สาธารณรัฐไอร์แลนด์ เอฟวัน เฟอร์กูสัน ไบรตันแอนด์โฮฟอัลเบียน นิวคาสเซิลยูไนเต็ด 3–1 (H)[107]
อังกฤษ ออลลี วอตกินส์ แอสตันวิลลา ไบรตันแอนด์โฮฟอัลเบียน 6–1 (H)[108] 30 กันยายน 2023
อังกฤษ เอ็ดดี เอ็นเคเตียห์ อาร์เซนอล เชฟฟีลด์ยูไนเต็ด 5–0 (H)[109] 28 ตุลาคม 2023
เซเนกัล นิโคลัส แจ็คสัน เชลซี ทอตนัมฮอตสเปอร์ 4–1 (A)[110] 6 พฤศจิกายน 2023
อังกฤษ ดอมินิก โชลังเก บอร์นมัท นอตทิงแฮมฟอเรสต์ 3–2 (A)[111] 23 ธันวาคม 2023
นิวซีแลนด์ คริส วูด นอตทิงแฮมฟอเรสต์ นิวคาสเซิลยูไนเต็ด 3–1 (A)[112] 26 ธันวาคม 2023
อังกฤษ เอไลจาห์ อาเดบาโย ลูตันทาวน์ ไบรตันแอนด์โฮฟอัลเบียน 4–0 (H)[113] 30 มกราคม 2024
บราซิล มาเทอุส คุนญา วุลเวอร์แฮมป์ตันวอนเดอเรอส์ เชลซี 4–2 (A)[114] 4 กุมภาพันธ์ 2024
อังกฤษ ฟิล โฟเดน แมนเชสเตอร์ซิตี เบรนต์ฟอร์ด 3–1 (A)[115] 5 กุมภาพันธ์ 2024
อังกฤษ จาร์ร็อด โบเวน เวสต์แฮมยูไนเต็ด 4–2 (H)[116] 26 กุมภาพันธ์ 2024
อังกฤษ ฟิล โฟเดน แมนเชสเตอร์ซิตี แอสตันวิลลา 4–1 (H)[117] 3 เมษายน 2024
อังกฤษ โคล พาลเมอร์ เชลซี แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 4–3 (H)[118] 4 เมษายน 2024
อังกฤษ โคล พาลเมอร์4 เอฟเวอร์ตัน 5–0 (H) 15 เมษายน 2024
นอร์เวย์ อาลิง โฮลัน4 แมนเชสเตอร์ซิตี วุลเวอร์แฮมป์ตันวอนเดอเรอส์ 5–1 (H)[119] 4 พฤษภาคม 2024
ฝรั่งเศส ฌ็อง-ฟิลิปป์ มาเตตา คริสตัลพาเลซ แอสตันวิลลา 5–0 (H)[120] 19 พฤษภาคม 2024
หมายเหตุ

4 ผู้เล่นทำประตู 4 ประตู

คลีนชีตส์

[แก้]
ดาบิด รายา เก็บคลีนชีตส์ให้อาร์เซนอลได้ 15 คลีนชีตส์ มากที่สุดในฤดูกาลนี้
อันดับ ผู้เล่น สโมสร จำนวนคลีนชีตส์[121]
1 สเปน ดาบิด รายา อาร์เซนอล 16
2 อังกฤษ จอร์แดน พิกฟอร์ด เอฟเวอร์ตัน 13
3 เยอรมนี แบนท์ เลโน ฟูลัม 10
บราซิล แอแดร์ซง แมนเชสเตอร์ซิตี
5 อาร์เจนตินา เอมิเลียโน มาร์ติเนซ แอสตันวิลลา 8
แคเมอรูน อ็องเดร ออนานา แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
7 บราซิล อาลีซง ลิเวอร์พูล 7
เนเธอร์แลนด์ มาร์ก เฟล็คเคิน เบรนต์ฟอร์ด
บราซิล แนตู บอร์นมัท
10 อังกฤษ แซม จอห์นสโตน คริสตัลพาเลซ 6
อิตาลี กูลเยลโม วีการีโอ ทอตนัมฮอตสเปอร์

การคาดโทษ

[แก้]

ผู้เล่น

[แก้]

สโมสร

[แก้]
  • ใบเหลืองมากที่สุด: 101[124]
    • เชลซี
  • ใบเหลืองน้อยที่สุด: 52[124]
    • แมนเชสเตอร์ซิตี
  • ใบแดงมากที่สุด: 7[125]
    • เบิร์นลีย์
  • ใบแดงน้อยที่สุด: 0[125]
    • ลูตันทาวน์

รางวัล

[แก้]

รางวัลประจำเดือน

[แก้]
เดือน ผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมประจำเดือน ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำเดือน ประตูยอดเยี่ยมประจำเดือน เซฟยอดเยี่ยมประจำเดือน อ้างอิง
ผู้จัดการทีม สโมสร ผู้เล่น สโมสร ผู้เล่น สโมสร ผู้เล่น สโมสร
สิงหาคม ออสเตรเลีย แอนจ์ พอสเตคอกลู ทอตนัมฮอตสเปอร์ อังกฤษ เจมส์ แมดดิสัน ทอตนัมฮอตสเปอร์ ญี่ปุ่น คาโอรุ มิโตมะ ไบรตันแอนด์โฮฟอัลเบียน บราซิล อาลีซง ลิเวอร์พูล [126][127][128][129]
กันยายน เกาหลีใต้ ซน ฮึง-มิน โปรตุเกส บรูนู ฟือร์นังดึช แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด สเปน โรเบร์ต ซันเชซ เชลซี [130][131][132][133]
ตุลาคม อียิปต์ มุฮัมมัด เศาะลาห์ ลิเวอร์พูล อิหร่าน ซามาน ก็อดดอส เบรนต์ฟอร์ด ฝรั่งเศส อาลฟงส์ อาเรออลา เวสต์แฮมยูไนเต็ด [134][135][136][137]
พฤศจิกายน เนเธอร์แลนด์ เอริก เติน ฮัค แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อังกฤษ แฮร์รี แมไกวร์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อาร์เจนตินา อาเลฆันโดร การ์นาโช แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เบลเยียม โธมัส คามินสกี ลูตันทาวน์ [138][139][140][141]
ธันวาคม สเปน อูไน เอเมรี แอสตันวิลลา อังกฤษ ดอมินิก โชลังเก บอร์นมัท อาร์เจนตินา อาเลกซิส มัก อาลิสเตร์ ลิเวอร์พูล อังกฤษ เวส โฟเดริงแฮม เชฟฟีลด์ยูไนเต็ด [142][143][144][145]
มกราคม เยอรมนี เยือร์เกิน คล็อพ ลิเวอร์พูล โปรตุเกส ดีโยกู ฌอตา ลิเวอร์พูล นอร์เวย์ ออสการ์ บอปป์ แมนเชสเตอร์ซิตี อังกฤษ จอร์แดน พิกฟอร์ด เอฟเวอร์ตัน [146][147][148][149]
กุมภาพันธ์ สเปน มิเกล อาร์เตตา อาร์เซนอล เดนมาร์ก รัสมุส ฮอยลุนด์ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด อังกฤษ ค็อบบี ไมนู แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เนเธอร์แลนด์ มาร์ก เฟล็คเคน เบรนต์ฟอร์ด [150][151][152][153]
มีนาคม สเปน อันโดนิ อิราโอลา บอร์นมัท บราซิล โรดริโก มูนิซ ฟูลัม อังกฤษ มาร์คัส แรชฟอร์ด เบลเยียม มัตซ์ เซ็ลส์ นอตทิงแฮมฟอเรสต์ [154][155][156][157]
เมษายน อังกฤษ ชอน ไดช์ เอฟเวอร์ตัน อังกฤษ โคล พาลเมอร์ เชลซี อังกฤษ โคล พาลเมอร์ เชลซี แคเมอรูน อ็องเดร ออนานา แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด [158][159][160][161]

รางวัลประจำเดือน

[แก้]
รางวัล ผู้ชนะเลิศ สโมสร
นักฟุตบอลแห่งปีของสมาคมผู้สื่อข่าวฟุตบอล[162] อังกฤษ ฟิล โฟเดน แมนเชสเตอร์ซิตี

อ้างอิง

[แก้]
  1. 1.0 1.1 1.2 1.3 "English Premier League Performance Stats, 2023–24 Season". ESPN (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 14 May 2024.
  2. "Dates for 2023/24 season confirmed" (Press release) (ภาษาอังกฤษ). London: The Football Association Premier League Limited. สืบค้นเมื่อ 28 February 2024.
  3. "Fixture release date for 2023/24 season announced" (Press release) (ภาษาอังกฤษ). The Football Association Premier League Limited. สืบค้นเมื่อ 28 February 2024.
  4. "Fixture release date for 2023/24 season announced" (Press release) (ภาษาอังกฤษ). London: The Football Association Premier League Limited. 15 June 2023. สืบค้นเมื่อ 28 February 2024.
  5. "When does the 2023/24 Premier League season start? Key dates, transfer window, winter break and more". Sky Sports (ภาษาอังกฤษ). London. สืบค้นเมื่อ 28 February 2024.
  6. Hytner, David (19 May 2024). "Manchester City beat West Ham to win fourth Premier League title in a row". The Guardian. Manchester. สืบค้นเมื่อ 21 May 2024.
  7. "Manchester City wins record fourth consecutive Premier League title, the first men's team in English league history to achieve this feat". Sportsnet (ภาษาอังกฤษ). Toronto: Rogers Media. AP. สืบค้นเมื่อ 2024-05-19.
  8. "Premier League 2024: Manchester City's Triumph and Arsenal's Close Cha". Fitknit (ภาษาอังกฤษ). 2024-05-27. สืบค้นเมื่อ 2024-06-14.
  9. "When does the 2023/24 Premier League season start? Key dates, transfer window, winter break and more". Sky Sports. 24 May 2023. สืบค้นเมื่อ 24 May 2023.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  10. "Dates for summer 2023 and winter 2024 transfer windows confirmed". Premier League. 24 May 2023. สืบค้นเมื่อ 24 May 2023.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  11. Poole, Harry (17 November 2023). "Everton receive immediate 10-point Premier League deduction". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 17 November 2023.
  12. 12.0 12.1 Jackson, Bobbie. "Everton punishment reduced to six points". BBC Sport (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). สืบค้นเมื่อ 26 February 2024.
  13. 13.0 13.1 "Everton deducted two points for breaching Premier League Profitability and Sustainability Rules for second time". Sky Sports (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 8 April 2024. สืบค้นเมื่อ 8 April 2024.
  14. "Everton lodge appeal against second points deduction". BBC Sport (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). สืบค้นเมื่อ 2024-04-15.
  15. Kay, Oliver. "Premier League referees freelancing in the UAE and Saudi? Webb has got himself in a tangle". The Athletic (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 5 January 2024.
  16. "Tom Lockyer: Luton captain 'stable' after suffering cardiac arrest". BBC Sport. 16 December 2023. สืบค้นเมื่อ 17 December 2023.
  17. Sanghera, Mandeep; Abraham, Timothy (26 January 2024). "Jurgen Klopp to step down as Liverpool manager at end of season". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 26 January 2024.
  18. "Crystal Palace appoint Glasner as new manager". BBC Sport. 19 February 2024. สืบค้นเมื่อ 19 February 2024.
  19. 19.0 19.1 Unwin, Will (18 March 2024). "Nottingham Forest docked four points for Premier League financial rules breach". The Guardian (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). สืบค้นเมื่อ 18 March 2024.
  20. 20.0 20.1 "Forest lodge appeal against points deduction". BBC Sport (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). สืบค้นเมื่อ 2024-03-28.
  21. Howarth, Matthew (26 April 2024). "Newcastle United v Sheffield United". BBC Sport. Manchester. สืบค้นเมื่อ 27 April 2024.
  22. Drury, Sam (4 May 2024). "Sheffield United v Nottingham Forest". BBC Sport. Manchester. สืบค้นเมื่อ 4 May 2024.
  23. "Club Statement – David Moyes" (Press release). London: West Ham United Football Club. 6 May 2024. สืบค้นเมื่อ 6 May 2024.
  24. Aarons, Ed (11 May 2024). "Burnley relegated after Micky van de Ven keeps Tottenham's season alive". The Observer. London. สืบค้นเมื่อ 13 May 2024.
  25. https://x.com/premierleague/status/1791733072385241592
  26. Steinberg, Jacob (11 May 2024). "Luton on brink of relegation after West Ham see David Moyes off in style". The Observer. London. สืบค้นเมื่อ 13 May 2024.
  27. Thomas, Marissa (2024-05-19). "Jimenez scores as Fulham beat relegated Luton". BBC Sport (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). Manchester. สืบค้นเมื่อ 2024-06-29.
  28. Millington, Adam (2024-05-19). "Chris Wood's double sealed Premier League safety for Forest". BBC Sport (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). Manchester. สืบค้นเมื่อ 2024-05-19.
  29. "Brighton: Boss Roberto de Zerbi to leave after final game". BBC Sport (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). Manchester. 2024-05-18. สืบค้นเมื่อ 2024-05-18.
  30. Rose, Ajay (19 May 2024). "How the number of points required to win the Premier League title has gone up and up". The New York Times. สืบค้นเมื่อ 11 Jun 2024.
  31. Tweedale, Ali (22 August 2023). "Why Time-Wasting and Dissent Crackdown Will Help the Big Teams". The Analyst (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 18 December 2023.
  32. "Has it Happened? Possible Season Outcomes". 22 April 2023. สืบค้นเมื่อ 22 April 2023.
  33. "Adidas and Arsenal launch new partnership". Adidas. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 21 February 2020. สืบค้นเมื่อ 1 July 2019.
  34. "Emirates and Arsenal Renew Sponsorship Deal". Emirates.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 14 July 2021. สืบค้นเมื่อ 24 February 2019.
  35. "Arsenal partner with 'Visit Rwanda'". Arsenal F.C. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2 August 2021. สืบค้นเมื่อ 23 May 2018.
  36. "Aston Villa and Castore sign landmark multi-year partnership". Aston Villa F.C. 31 May 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 17 June 2022. สืบค้นเมื่อ 31 May 2022.
  37. "Aston Villa agree Principal Partnership with BK8". Aston Villa Football Club. 2023-06-22. สืบค้นเมื่อ 2023-06-22.
  38. "Aston Villa announce Trade Nation as new partner". Aston Villa Football Club. 2023-06-22. สืบค้นเมื่อ 2023-06-22.
  39. "AFC Bournemouth sign new Umbro deal". A.F.C. Bournemouth. 9 July 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 3 September 2022. สืบค้นเมื่อ 4 January 2023.
  40. "AFC Bournemouth announce Dafabet as new front-of-shirt sponsors". Bournemouth Echo. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 25 June 2022. สืบค้นเมื่อ 25 June 2022.
  41. Williams, Matthew (28 July 2022). "Bournemouth fill sleeve sponsor role with DeWalt". SportBusiness. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 July 2022. สืบค้นเมื่อ 28 July 2022.
  42. "Brentford and Umbro extension of partnership". Brentford F.C. 12 August 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 4 January 2023. สืบค้นเมื่อ 4 January 2023.
  43. "Brentford Announce Hollywoodbets as New principal Sponsor". Brentford F.C. 29 June 2020. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 16 July 2021. สืบค้นเมื่อ 16 July 2021.
  44. "SafetyCulture named Official Sleeve Sponsor". Brentford F.C. 15 July 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 4 January 2023. สืบค้นเมื่อ 4 January 2023.
  45. 45.0 45.1 "New Kit Partnership with Nike". Brighton & Hove Albion F.C. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 June 2014. สืบค้นเมื่อ 6 June 2014.
  46. "Sleeve sponsor SnickersUK.com joins Amex on Brighton shirt to make local double". SportBusiness. 11 September 2020. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 5 August 2019. สืบค้นเมื่อ 12 September 2020.
  47. "No More Puma - Umbra Burnley 19-20 Home Kit Released + Kit & Sponsor Deal Announced". Footy Headlines. สืบค้นเมื่อ 30 May 2022.
  48. "Burnley Partnership". Classic Football Shirts. สืบค้นเมื่อ 9 April 2023.
  49. "Chelsea signs record-breaking £900m Nike kit deal". BBC News. 14 October 2016. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 4 January 2023. สืบค้นเมื่อ 4 January 2023.
  50. "Infinite Athlete becomes Chelsea FC's Principal Partner for 2023/24 season". Chelsea F.C. 30 September 2023. สืบค้นเมื่อ 30 September 2023.
  51. "BingX to join Chelsea as Official Sleeve Partner". www.chelseafc.com (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). สืบค้นเมื่อ 2024-01-06.
  52. "Crystal Palace announce kit deal with Macron". Crystal Palace F.C. 22 June 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 16 July 2022. สืบค้นเมื่อ 22 June 2022.
  53. "cinch to become official front of shirt sponsor of Crystal Palace". Crystal Palace F.C. 26 May 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 May 2022. สืบค้นเมื่อ 26 May 2022.
  54. "Crystal Palace announce Kaiyun Sports partnership". Crystal Palace F.C. 27 May 2023. สืบค้นเมื่อ 27 May 2023.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  55. "Everton Agrees Club-Record Kit Deal With hummel". Everton F.C. 20 May 2020. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 27 May 2020. สืบค้นเมื่อ 4 July 2020.
  56. "Everton signs club-record deal with Stake.com". Everton F.C. 9 June 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 9 June 2022. สืบค้นเมื่อ 9 June 2022.
  57. "Everton signs up BOXT as shirt sleeve partner". Everton F.C. 4 August 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 5 August 2022. สืบค้นเมื่อ 4 August 2022.
  58. "New Adidas partnership". Fulham F.C. 12 October 2017. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 15 August 2020. สืบค้นเมื่อ 20 April 2022.
  59. "Club announces record sponsorship with W88". Fulham F.C. 25 July 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 31 July 2022. สืบค้นเมื่อ 4 January 2023.
  60. "Fulham Extends Partnership with World Mobile". Fulham F.C. 28 June 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 June 2022. สืบค้นเมื่อ 29 June 2022.
  61. "LFC announces multi-year partnership with Nike as official kit supplier from 2020–21". Liverpool F.C. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 5 March 2021. สืบค้นเมื่อ 7 January 2020.
  62. "Liverpool renew Standard Chartered sponsorship deal". Reuters. 24 May 2018. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 15 April 2021. สืบค้นเมื่อ 12 January 2020.
  63. "Liverpool Embarks on a Journey with Expedia". Liverpool F.C. 17 October 2020. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 January 2021. สืบค้นเมื่อ 17 October 2020.
  64. "Umbro get on board with Luton Town". Luton Town F.C. 24 July 2020. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-06-28. สืบค้นเมื่อ 27 June 2023.
  65. "Why Kyle Walker Will Remain As Man City Captain Despite Kevin De Bruyne's Return From Injury" (ภาษาอังกฤษ). FanNation. 8 January 2024. สืบค้นเมื่อ 20 January 2024.
  66. "Manchester City strike 10-year kit deal with Puma". Sky Sports. 28 February 2019. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 3 June 2019. สืบค้นเมื่อ 28 February 2019.
  67. Taylor, Daniel (8 July 2011). "Manchester City bank record £400m sponsorship deal with Etihad Airways". The Guardian. London. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 July 2020. สืบค้นเมื่อ 23 June 2015.
  68. MCFCEditorial. "Manchester City and Okx announce new shirt sleeve Partnership". Man City. สืบค้นเมื่อ 30 June 2023.
  69. "Manchester United and Adidas in £750m deal over 10 years". BBC News. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 15 June 2020. สืบค้นเมื่อ 23 June 2015.
  70. "United and TeamViewer announce new principal shirt partnership". 19 March 2021.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  71. "United and Adidas launch new home shirt". Manchester United. 8 July 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 July 2022. สืบค้นเมื่อ 8 July 2022.
  72. "Castore reportedly agreed deal with leading La Liga club on the eve of Newcastle kit announcement". 29 June 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 7 July 2021. สืบค้นเมื่อ 11 May 2022.
  73. "Newcastle United & Sela agree multi-year front of shirt partnership". Newcastle United. 9 June 2023. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-06-10. สืบค้นเมื่อ 9 June 2023.{{cite news}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  74. "noon.com becomes official sleeve partner". Newcastle United. 27 June 2022. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-10-29. สืบค้นเมื่อ 9 June 2023.{{cite news}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  75. Club, Nottingham Forest Football (2023-06-28). "adidas becomes official kit partner of Nottingham Forest". Nottingham Forest Football Club. สืบค้นเมื่อ 2023-06-28.
  76. F.C., Nottingham Forest (22 December 2022). "Forest and UK for UNHCR launch charity shirt partnership". Nottingham Forest F.C. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 December 2022. สืบค้นเมื่อ 22 December 2022.
  77. "Tottenham Hotspur announces multi-year partnership with Nike". Tottenham Hotspur F.C. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 June 2018. สืบค้นเมื่อ 30 June 2017.
  78. "Tottenham Hotspur announce new £320m shirt deal". BBC Sport. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 16 November 2020. สืบค้นเมื่อ 25 July 2019.
  79. "cinch becomes Club's Official Sleeve Partner". Tottenham Hotspur F.C. 8 January 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 16 January 2021. สืบค้นเมื่อ 8 January 2021.
  80. "Umbro extends partnership with West Ham United as official technical partner". West Ham United F.C. 2 May 2019. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 4 January 2023. สืบค้นเมื่อ 4 January 2023.
  81. "Hammers renew partnership with Betway | West Ham United F.C." www.whufc.com (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2023-05-28.
  82. "JD announced as official sleeve partner of West Ham United". West Ham United F.C. สืบค้นเมื่อ 7 July 2023.
  83. Neville, Simon (21 May 2021). "Sir Andy Murray's sportswear brand signs up Wolves in first Premier kit deal". Yahoo! Sports. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 21 May 2021. สืบค้นเมื่อ 10 April 2022.
  84. "AstroPay announces new Premier League partnership with Wolverhampton Wanderers". AstroPay.com (ภาษาอังกฤษ). 25 August 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 11 August 2022. สืบค้นเมื่อ 3 June 2022.
  85. "New goalkeeper kits unveiled". Wolves.co.uk. 8 June 2023. สืบค้นเมื่อ 22 June 2023.
  86. "Club statement - Frank Lampard" (ภาษาอังกฤษ). Chelsea F.C. 6 April 2023. สืบค้นเมื่อ 2023-05-06.
  87. sport, Guardian (2023-05-28). "Mauricio Pochettino signs contract to become Chelsea head coach until 2026". The Guardian (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). ISSN 0261-3077. สืบค้นเมื่อ 2023-05-29.
  88. "Mauricio Pochettino to become Chelsea head coach". www.chelseafc.com (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). สืบค้นเมื่อ 2023-05-29.
  89. "Club update from Daniel" (ภาษาอังกฤษ). Tottenham Hotspur F.C. 24 April 2023. สืบค้นเมื่อ 2023-05-05.
  90. "Club announcement – Appointment of Ange Postecoglou as Head Coach" (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). Tottenham Hotspur. 6 June 2023.
  91. "Club statement: Gary O'Neil". AFC Bournemouth. 2023-06-19. สืบค้นเมื่อ 2023-06-19.
  92. "Club announcement – Appointment of Andoni Iraola as Manager" (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). AFC Bournemouth. 19 June 2023.
  93. "Wolves and Lopetegui agree to part ways". Wolverhampton Wanderers F.C. 8 August 2023. สืบค้นเมื่อ 8 August 2023.
  94. "Gary O'Neil appointed new head coach". Wolverhampton Wanderers F.C. 9 August 2023. สืบค้นเมื่อ 9 August 2023.
  95. "Heckingbottom Departs". Sheffield United F.C. 5 December 2023. สืบค้นเมื่อ 5 December 2023.
  96. "Sheff Utd sack Heckingbottom and appoint Wilder". BBC Sport. 5 December 2023. สืบค้นเมื่อ 5 December 2023.
  97. "Nottingham Forest sack Steve Cooper and hold talks with Nuno Espirito Santo". BBC Sport. 19 December 2023. สืบค้นเมื่อ 19 December 2023.
  98. "Nottingham Forest: Nuno Espirito Santo replaces Steve Cooper as manager". BBC Sport. 20 December 2023. สืบค้นเมื่อ 20 December 2023.
  99. "Statement: Roy Hodgson". Crystal Palace F.C. 19 February 2024. สืบค้นเมื่อ 19 February 2024.
  100. "Oliver Glasner appointed as Palace manager". Crystal Palace F.C. 19 February 2024. สืบค้นเมื่อ 19 February 2024.
  101. "Everton FC deducted 10 points by independent Commission". Premier League. 17 November 2023. สืบค้นเมื่อ 17 November 2023.
  102. "Forest points deduction appeal rejected". BBC Sport (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). สืบค้นเมื่อ 2024-05-07.
  103. Premier League Handbook: Season 2023/24 (PDF). 29 August 2023. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 1 September 2023. สืบค้นเมื่อ 22 September 2023.
  104. "Premier League Player Stats: Goals". Premier League. สืบค้นเมื่อ 19 May 2024.
  105. Howarth, Matthew (2 September 2023). "Burnley 2–5 Tottenham Hotspur: Son Heung-min nets hat-trick as Spurs recover to thrash Clarets". BBC Sport. BBC. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2 September 2023. สืบค้นเมื่อ 2 September 2023.
  106. Stone, Simone (2 September 2023). "Manchester City 5–1 Fulham: Erling Haaland scores hat-trick as champions return to the top of the Premier League". BBC Sport. BBC. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2 September 2023. สืบค้นเมื่อ 2 September 2023.
  107. Begley, Emlyn (2 September 2023). "Brighton & Hove Albion 3–1 Newcastle United: Teenager Evan Ferguson scores hat-trick in fine win". BBC Sport. BBC. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2 September 2023. สืบค้นเมื่อ 2 September 2023.
  108. Howarth, Matthew (30 September 2023). "Aston Villa 6–1 Brighton & Hove Albion: Ollie Watkins scores hat-trick". BBC Sport. BBC. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 30 September 2023. สืบค้นเมื่อ 30 September 2023.
  109. Thomas, Marissa (28 October 2023). "Arsenal 5–0 Sheffield United: Eddie Nketiah scores hat-trick as Gunners remain unbeaten". BBC Sport. BBC. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 October 2023. สืบค้นเมื่อ 28 October 2023.
  110. "Tottenham 1–4 Chelsea: Chelsea beat nine-man Tottenham in chaotic epic". BBC Sport. BBC. 6 November 2023. สืบค้นเมื่อ 6 November 2023.
  111. "Nottingham Forest 2-3 Bournemouth: Dominic Solanke hat-trick sinks Nuno's 10 men". BBC Sport. BBC. 23 December 2023. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 23 December 2023. สืบค้นเมื่อ 23 December 2023.
  112. "Newcastle United 1-3 Nottingham Forest: Chris Wood hat-trick against former club helps visitors to stunning win". BBC Sport. BBC. 26 December 2023. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 December 2023. สืบค้นเมื่อ 26 December 2023.
  113. Howarth, Matthew (30 January 2024). "Luton Town 4–0 Brighton: Hatters score twice in first 3 minutes in remarkable victory". BBC Sport. British Broadcasting Corporation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 30 January 2024. สืบค้นเมื่อ 30 January 2024.
  114. Poole, Harry (4 February 2024). "Chelsea 2-4 Wolverhampton Wanderers: Matheus Cunha hat-trick as Wolves stun Blues". BBC Sport. British Broadcasting Corporation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 4 February 2024. สืบค้นเมื่อ 4 February 2024.
  115. McNulty, Phil (5 February 2024). "Brentford 1-3 Manchester City: Phil Foden scores hat-trick in comeback win as City go second". BBC Sport. British Broadcasting Corporation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 5 February 2024. สืบค้นเมื่อ 5 February 2024.
  116. Rose, Gary (26 February 2024). "West Ham 4-2 Brentford: Jarrod Bowen scores hat-trick in Premier League win". BBC Sport. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 February 2024. สืบค้นเมื่อ 26 February 2024.
  117. McNulty, Phil (3 April 2024). "Manchester City 4-1 Aston Villa: Phil Foden hits stunning hat-trick in victory at Etihad Stadium". BBC Sport. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 3 April 2024. สืบค้นเมื่อ 3 April 2024.
  118. Howell, Alex (4 April 2024). "Chelsea 4–3 Manchester United: Cole Palmer hits hat-trick to earn remarkable win". BBC Sport. British Broadcasting Corporation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 4 April 2024. สืบค้นเมื่อ 4 April 2024.
  119. Stone, Simon (4 May 2024). "Manchester City 5–1 Wolverhampton Wanderers: Erling Haaland scores four as City move a point behind Arsenal". BBC Sport. British Broadcasting Corporation. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 4 May 2024. สืบค้นเมื่อ 4 May 2024.
  120. Oscroft, Tim (19 May 2024). "Mateta hat-trick helps Palace thrash Villa". Manchester: BBC Sport. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 May 2024. สืบค้นเมื่อ 20 May 2024.
  121. "Premier League Player Stats – Clean Sheets". Premier League. สืบค้นเมื่อ 11 May 2024.
  122. "Premier League Player Stats – Yellow Cards". Premier League. สืบค้นเมื่อ 11 May 2024.
  123. "Premier League Player Stats – Red Cards". Premier League. สืบค้นเมื่อ 11 May 2024.
  124. 124.0 124.1 "Premier League Club Stats – Yellow Cards". Premier League. สืบค้นเมื่อ 11 May 2024.
  125. 125.0 125.1 "Premier League Club Stats – Red Cards". Premier League. สืบค้นเมื่อ 11 May 2024.
  126. "Postecoglou ends wait for Australia with Barclays Manager award". Premier League. 15 September 2023. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-09-15. สืบค้นเมื่อ 15 September 2023.
  127. "Maddison joy in joining 'elite' club with EA SPORTS Player award". Premier League. 15 September 2023. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-09-15. สืบค้นเมื่อ 15 September 2023.
  128. "Mitoma makes history with Budweiser Goal of the Month award". Premier League. 15 September 2023. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-09-15. สืบค้นเมื่อ 15 September 2023.
  129. "Alisson ranks Castrol Save of the Month winner among his best". Premier League. 15 September 2023. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 16 September 2023. สืบค้นเมื่อ 15 September 2023.
  130. "Postecoglou makes history as Barclays Manager of the Month". Premier League. 13 October 2023. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 13 October 2023. สืบค้นเมื่อ 13 October 2023.
  131. "Son matches Shearer and Henry with EA SPORTS Player award". Premier League. 13 October 2023. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 13 October 2023. สืบค้นเมื่อ 13 October 2023.
  132. "Fernandes equals record with Budweiser Goal of the Month award". Premier League. 13 October 2023. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 13 October 2023. สืบค้นเมื่อ 13 October 2023.
  133. "Sanchez claims Castrol Save of the Month award". Premier League. 13 October 2023. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 13 October 2023. สืบค้นเมื่อ 13 October 2023.
  134. "Hat-trick as Postecoglou wins Barclays Manager of the Month". Premier League. 10 November 2023. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 10 November 2023. สืบค้นเมื่อ 10 November 2023.
  135. "Salah wins EA SPORTS Player of the Month for a fifth time". Premier League. 10 November 2023. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 10 November 2023. สืบค้นเมื่อ 10 November 2023.
  136. "Ghoddos strike awarded Budweiser Goal of the Month". Premier League. 10 November 2023. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 10 November 2023. สืบค้นเมื่อ 10 November 2023.
  137. "Areola claims Castrol Save of the Month award". Premier League. 10 November 2023. สืบค้นเมื่อ 10 November 2023.
  138. "Ten Hag named Barclays Manager of the Month". Premier League. 8 December 2023. สืบค้นเมื่อ 8 December 2023.
  139. "Maguire voted EA SPORTS Player of the Month". Premier League. 8 December 2023. สืบค้นเมื่อ 8 December 2023.
  140. "Garnacho overhead kick wins Budweiser Goal of the Month". Premier League. 8 December 2023. สืบค้นเมื่อ 8 December 2023.
  141. "Kaminski claims Castrol Save of the Month". Premier League. 8 December 2023. สืบค้นเมื่อ 8 December 2023.
  142. "Emery named Barclays Manager of the Month". Premier League. 12 January 2024. สืบค้นเมื่อ 12 January 2024.
  143. "Solanke wins historic EA SPORTS Player of the Month award". Premier League. 12 January 2024. สืบค้นเมื่อ 12 January 2024.
  144. "Mac Allister worldie wins Budweiser Goal of the Month award". Premier League. 12 January 2024. สืบค้นเมื่อ 12 January 2024.
  145. "Foderingham wins Castrol Save of the Month award". Premier League. 12 January 2024. สืบค้นเมื่อ 12 January 2024.
  146. "Klopp named Barclays Manager of the Month". Premier League. 16 February 2024. สืบค้นเมื่อ 16 February 2024.
  147. "Jota wins first EA SPORTS Player of the Month award". Premier League. 16 February 2024. สืบค้นเมื่อ 16 February 2024.
  148. "Bobb's brilliant strike wins Budweiser Goal of the Month award". Premier League. 16 February 2024. สืบค้นเมื่อ 16 February 2024.
  149. "Pickford claims Castrol Save of the Month award". Premier League. 16 February 2024. สืบค้นเมื่อ 16 February 2024.
  150. "Arteta wins seventh Barclays Manager of the Month award". Premier League. 8 March 2024. สืบค้นเมื่อ 8 March 2024.
  151. "Hojlund makes history as EA SPORTS Player of the Month". Premier League. 8 March 2024. สืบค้นเมื่อ 8 March 2024.
  152. "Mainoo's late stunner wins Budweiser Goal of the Month award". Premier League. 8 March 2024. สืบค้นเมื่อ 8 March 2024.
  153. "Flekken wins Castrol Save of the Month award". Premier League. 8 March 2024. สืบค้นเมื่อ 8 March 2024.
  154. "Iraola wins Barclays Manager of the Month award". Premier League. 12 April 2024. สืบค้นเมื่อ 12 April 2024.
  155. "Muniz voted EA SPORTS Player of the Month". Premier League. 12 April 2024. สืบค้นเมื่อ 12 April 2024.
  156. "Rashford screamer voted Budweiser Goal of the Month". Premier League. 12 April 2024. สืบค้นเมื่อ 12 April 2024.
  157. "Sels makes history with Castrol Save of the Month award". Premier League. 12 April 2024. สืบค้นเมื่อ 12 April 2024.
  158. "Dyche named Barclays Manager of the Month". Premier League. 10 May 2024. สืบค้นเมื่อ 10 May 2024.
  159. "Palmer voted EA SPORTS Player of the Month". Premier League. 10 May 2024. สืบค้นเมื่อ 10 May 2024.
  160. "Palmer wins awards DOUBLE with Budweiser Goal of the Month". Premier League. 10 May 2024. สืบค้นเมื่อ 10 May 2024.
  161. "Onana wins Castrol Save of the Month award". Premier League. 10 May 2024. สืบค้นเมื่อ 10 May 2024.
  162. "Phil Foden and Bunny Shaw win FWA Footballer of the Year awards". Football Writers' Association. 3 May 2024. สืบค้นเมื่อ 4 May 2024.