ข้ามไปเนื้อหา

กบฏสามครั้งในฉิวฉุน

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
กบฏสามครั้งในฉิวฉุน
ส่วนหนึ่งของ สงครามในยุคสามก๊ก
วันที่กบฏครั้งแรก: 7–15 มิถุนายน ค.ศ. 251
กบฏครั้งที่สอง: 5 กุมภาพันธ์ – 11 มีนาคม ค.ศ. 255
กบฏครั้งที่สาม: มิถุนายน ค.ศ. 257 – มีนาคมหรือเมษายน ค.ศ. 258
สถานที่
ฉิวฉุน (ปัจจุบันคืออำเภอโช่ว มณฑลอานฮุย ประเทศจีน)
ผล กบฏถูกปราบปราม การควบคุมพระราชอำนาจเหนือวุยก๊กของตระกูลสุมาเข้มแข็งมากขึ้น
คู่สงคราม
กบฏครั้งแรก:
หวาง หลิง
กบฏครั้งที่สอง:
บู๊ขิวเขียม
บุนขิม
กบฏครั้งที่สาม:
จูกัดเอี๋ยน
ง่อก๊ก
วุยก๊ก
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ
กบฏครั้งแรก:
หวาง หลิง Surrendered
กบฏครั้งที่สอง:
บู๊ขิวเขียม 
บุนขิม
กบฏครั้งที่สาม:
จูกัดเอี๋ยน 
ซุนหลิม
กบฏครั้งแรก:
สุมาอี้
กบฏครั้งที่สอง:
สุมาสู
เตงงาย
จูกัดเอี๋ยน
กบฏครั้งที่สาม:
สุมาเจียว
จงโฮย
เฮาหุน
อองกี๋
กบฏสามครั้งในฉิวฉุน
อักษรจีนตัวเต็ม壽春三叛
อักษรจีนตัวย่อ寿春三叛
กบฏสามครั้งในห้วยหนำ
อักษรจีนตัวเต็ม淮南三叛
อักษรจีนตัวย่อ淮南三叛

กบฏสามครั้งในฉิวฉุน (จีน: 壽春三叛) หรือ กบฏสามครั้งในห้วยหนำ (จีน: 淮南三叛) เป็นชุดการก่อการกำเริบที่เกิดขึ้นในรัฐวุยก๊กในยุคสามก๊กของจีน กบฏเกิดขึ้นในช่วงปลายของสมัยวุยก๊กเมื่อตระกูลสุมานำโดยสุมาอี้แย่งชิงอำนาจรัฐ ผู้ว่าราชการทางการทหารของอำเภอฉิวฉุน (壽春 โช่วชุน; ปัจจุบันคืออำเภอโช่ว มณฑลอานฮุย) ลุกขึ้นก่อการกำเริบสามครั้งในนามของการก่อกบฏเพื่อโค่นล้มตระกูลสุมา ผู้นำของกบฏในแต่ละครั้ง ได้แก่ หวาง หลิง (ครั้งที่ 1), บู๊ขิวเขียมและบุนขิม (ครั้งที่ 2) และจูกัดเอี๋ยน (ครั้งที่ 3) การก่อการกำเริบทุกครั้งถูกปราบปรามลงในท้ายที่สุด

ภูมิหลัง

[แก้]

ในปี ค.ศ. 249 ในอุบัติการณ์สุสานโกเบงเหลง สุมาอี้ยึดอำนาจจากโจซองในการก่อรัฐประหาร และสั่งให้ตระกูลของโจซองทั้งหมดถูกประหารชีวิต ตั้งแต่นั้นมาราชสำนักวุยก๊กก็ถูกอยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลสุมา หลังการเสียชีวิตของสุมาอี้ อำนาจได้สืบทอดต่อมาโดยสุมาสูบุตรชายคนโต และต่อมาได้ส่งต่อไปยังสุมาเจียวบุตรชายคนรองของสุมาอี้ภายหลังสุมาสูเสียชีวิต

กบฏ

[แก้]

กบฏหวาง หลิง

[แก้]

หลังอุบัติการณ์สุสานโกเบงเหลง สุมาอี้เลื่อนยศให้หวาง หลิง (王淩) ขุนพลผู้ดูแลอำเภอฉิวฉุนขึ้นเป็นเสนาบดีกลาโหม (太尉 ไท่เวย์) หวาง หลิงและลิ่งหู ยฺหวี (令狐愚) หลานชายเห็นว่าจักรพรรดิโจฮองยังทรงพระเยาว์เกินไปที่จะปกครอง และเห็นว่าสุมาอี้เป็นผู้กุมอำนาจรัฐอย่างแท้จริง ทั้งสองจึงวางแผนจะปลดโจฮองและตั้งเฉา เปี่ยว (曹彪) อ๋องแห่งฌ้อ (楚王 ฉู่หวาง) ขึ้นเป็นจักรพรรดิแทน ลิ่งหู ยฺหวีส่งผู้ใต้บังคับบัญชาชื่อจาง ชื่อ (張式) ไปติดต่อกับเฉา เปี่ยว

ในฤดูใบไม้ผลิ ค.ศ. 251 หวาง หลิงถือโอกาสส่งคำร้องถึงราชสำนักวุยก๊ก ขออนุญาตเข้าโจมตีทัพง่อก๊กในถูฉุ่ย (塗水) การทัพรบกับง่อก๊กนั้นแท้จริงเป็นหน้ากากบังหน้าที่ใช้ปกปิดเจตนาของหวาง หลิงที่จะก่อกบฏ หวาง หลิงไม่ได้รับการตอบกลับใด ๆ จึงส่งหยาง หง (楊弘) ไปแจ้งหฺวาง หฺวา (黃華) ข้าหลวงมณฑลกุนจิ๋วเรื่องแผนการก่อกบฏ ด้วยหวังว่าหฺวาง หฺวาจะสนับสนุนตน อย่างไรก็ตาม หยาง หงและหฺวาง หฺวารายงานสุมาอี้เรื่องที่หวาง หลิงคิดการก่อกบฏ ข่าวเรื่องการก่อกบฏไปถึงจักรพรรดิโจฮองในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 251[1] สุมาอี้จึงยกทัพออกปราบปรามกบฏด้วยตนเอง หวาง หลิงตระหนักดีว่าตนสู้ไม่ได้จึงตกลงยอมจำนนหลังสุมาอี้ให้คำมั่นว่าจะให้อภัยโทษหวาง หลิงในข้อหากบฏ หวาง หลิงรู้ดีว่าไม่ว่าอย่างไรตนก็คงถูกตัดสินโทษตาย จึงฆ่าตัวตายเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ค.ศ. 251[1] ระหว่างถูกคุมตัวไปยังนครหลวงลกเอี๋ยง ตระกูลของหวาง หลิงก็ถูกกวาดล้างเช่นกัน ส่วนเฉา เปี่ยวก็ได้รับคำสั่งให้ปลิดชีวิตตนเอง

กบฏบู๊ขิวเขียมและบุนขิม

[แก้]

สุมาอี้เสียชีวิตในปี ค.ศ. 251 สุมาสูบุตรชายคนโตได้สืบทอดตำแหน่งในราชสำนักวุยก๊ก ในปี ค.ศ. 254 ลิฮอง แฮเฮาเหียน และเตียวอิบวางแผนจะโค่นล้มสุมาสูแต่แผนการรั่วไหลและทั้งหมดถูกประหารชีวิต จักรพรรดิโจฮองทรงไม่พอพระทัยกับทัศนคติอำนาจนิยมของสุมาสู ไม่กี่เดือนต่อมา สุมาสูปลดโจฮองจากตำแหน่งจักรพรรดิและตั้งโจมอขึ้นเป็นจักรพรรดิแทน บู๊ขิวเขียมที่ประจำอยู่ที่ฉิวฉุนและบุนขิมข้าหลวงมณฑลยังจิ๋วได้ยินข่าวการเสียชีวิตของลิฮอง แฮเฮาเหียน และเตียวอิบ ทั้งคู่จะกลัวว่าพวกตนจะถูกดึงเข้าไปพัวพัน บู๊ขิวเตี้ยนบุตรชายของบู๊ขิวเขียมมักเสนอให้บิดาก่อกบฏเพื่อปกป้องอำนาจรัฐจากสุมาสู

ในปีถัดมา บู๊ขิวเขียมและบุนขิมก่อกบฏในฉิวฉุนต่อต้านสุมาสูและโจมตีอำเภอฮางเสีย (項縣 เซี่ยงเซี่ยน; ปัจจุบันคือนครเซี่ยงเฉิง มณฑลเหอหนาน) ข่าวการก่อกบฏแพร่ไปถึงง่อก๊ก ซุนเหลียงจักรพรรดิแห่งง่อก๊กจึงทรงส่งกำลังพลไปสนับสนุนบู๊ขิวเขียม ทัพง่อก๊กนำโดยซุนจุ๋นอัครมหาเสนาดบีแห่งง่อก๊ก รวมด้วยขุนพลลิกี๋และเล่าเบา สุมาสูนำทัพวุยก๊กด้วยตนเองในการปราบกบฏ โดยส่งอองกี๋ข้าหลวงมณฑลเกงจิ๋วเข้ายึดลำเต๋ง (南頓 หนานตุ้น) ก่อนกลุ่มกบฏ ทัพวุยก๊กนำโดยจูกัดเอี๋ยน, อ้าวจุ๋น และเตงงายมาถึงและรวมเข้ากับทัพหลักของสุมาสู สุมาสูสั่งให้กำลังพลตั้งมั่นอย่าเพิ่งรุดหน้า บู๊ขิวเขียมและบุนขิมไม่สามารถต้านทานข้าศึกและกังวลว่าหากล่าถอยกลับฉิวฉุนจะถูกข้าศึกซุ่มโจมตี ขวัญกำลังใจของคนในกลุ่มกบฏค่อย ๆ ลดลงไปเพราะครอบครัวของคนส่วนใหญ่ยังอยู่ในภูมิภาคทางเหนือของแม่น้ำห้วย (淮河 หฺวายเหอ) คนเหล่านี้จึงหนีไป เหลือเพียงพลเรือนที่เกณฑ์เข้ามาใหม่ที่ยังอยู่ในทัพกบฏ

ในช่วงเวลาเดียวกัน เตงงายนำกำลังทหารไปประจำการที่งักแกเสีย (樂嘉 เยฺว่เจีย) บู๊ขิวเขียมเห็นว่ากองกำลังของเตงงายอ่อนแอจึงส่งบุนขิมให้เข้าโจมตี เมื่อบุนขิมยกไปถึงก็เห็นว่าทัพหลักของสุมาสูก็มาถึงแล้ว บุนขิมจึงสั่งให้ล่าถอย สุมาสูส่งซือหม่า ปาน (司馬班) หัวหน้าเสมียนของตนให้ยกพลไล่ตามตี กองกำลังของบุนขิมแตกพ่าย ส่วนตัวบุนขิมหลบหนีไปได้ ในขณะที่บุนเอ๋งบุตรชายของบุนขิมต่อสู้อย่างกล้าหาญเพื่อคุ้มกันบิดา อินต้ายบก (尹大目 อิ่น ต้ามู่) องครักษ์ราชวังที่แค้นสุมาสูตามบุนขิมทันและโน้มน้าวให้กลับเข้ารบกับสุมาสู แต่บุนขิมปฏิเสธ เมื่อบู๊ขิวเขียมได้ยินเรื่องความพ่ายแพ้ของบุนขิมก็หลบหนีในเวลากลางคืน ในขณะที่ทหารของบู๊ขิวเขียมก็แตกฉานซ่านเซ็นไป ภายหลังบู๊ขิวเขียมถูกสังหารด้วยฝีมือของพลเรือนชื่อจาง ฉู่ (張屬) ในอำเภอซิมก๋วน (慎縣 เชิ่นเซี่ยน) ศีรษะของบู๊ขิวเขียมถูกส่งไปนครหลวงลกเอี๋ยง เมื่อบุนขิมกลับมาที่อำเภอฮางเสียก็รู้ว่าจูกัดเอี๋ยนยึดฉิวฉุนได้ลแ้ว และกลุ่มกบฏก็แตกฉานซ่านเซ็นไป บุนขิมจึงหนีไปง่อก๊ก เมื่อทัพง่อก๊กนำโดยซุนจุ๋นมาถึงตังหิน (東興 ตงซิง; ปัจจุบันคือนครตงซิง เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง) ก็ทราบข่าวว่าฉิวฉุนถูกจูกัดเอี๋ยนยึดได้แล้ว ทัพง่อก๊กจึงล่าถอยเช่นกัน จูกัดเอี๋ยนส่งเจียวปั้น (蔣班 เจี่ยง ปาน) ให้ไล่ตามตีทัพง่อก๊กที่ล่าถอย ขุนพลเล่าเบาถูกสังหารในที่รบ

กบฏจูกัดเอี๋ยน

[แก้]

ผลสืบเนื่อง

[แก้]

บุคคลในยุทธการ

[แก้]

กบฏหวาง หลิง

[แก้]

ทัพหวาง หลิง

ทัพวุยก๊ก

กบฏบู๊ขิวเขียมและบุนขิม

[แก้]

ทัพบู๊ขิวเขียมและบุนขิม

ทัพง่อก๊ก

ทัพวุยก๊ก

กบฏจูกัดเอี๋ยน

[แก้]

ทัพจูกัดเอี๋ยน

ทัพง่อก๊ก

ทัพวุยก๊ก

ในวัฒนธรรมประชานิยม

[แก้]

ดูเพิ่ม

[แก้]

อ้างอิง

[แก้]
  1. 1.0 1.1 จดหมายเหตุสามก๊ก เล่มที่ 4.

บรรณานุกรม

[แก้]