การพิชิตง่อก๊กโดยราชวงศ์จิ้น
การพิชิตง่อก๊กโดยราชวงศ์จิ้น | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
ส่วนหนึ่งของ สงครามในยุคสามก๊ก | |||||||
![]() แผนที่แสดงการพิชิตง่อก๊กของโดยราชวงศ์จิ้น | |||||||
| |||||||
คู่สงคราม | |||||||
ราชวงศ์จิ้น | ง่อก๊ก | ||||||
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ | |||||||
กาอุ้น สุมาเตี้ยม อองหุย อ๋องหยง เฮาหุน เตาอี้ องโยย ตงปีน |
ซุนโฮ ![]() เตี๋ยวเค้า † จาง เซี่ยง เถา จฺวิ้น ง่อเอี๋ยน ซุนหลิม หลิว เซี่ยน อู๋ เยี่ยน | ||||||
กำลัง | |||||||
200,000[3] | 230,000[4] |
การพิชิตง่อก๊กโดยราชวงศ์จิ้น | |||||||
อักษรจีนตัวเต็ม | 晉滅吳之戰 | ||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
อักษรจีนตัวย่อ | 晋灭吴之战 | ||||||
| |||||||
การทัพไท่คาง | |||||||
ภาษาจีน | 太康之役 | ||||||
|
การพิชิตง่อก๊กโดยราชวงศ์จิ้น (จีน: 晉滅吳之戰) เป็นการทัพที่เริ่มต้นโดยราชวงศ์จิ้นซึ่งเข้ารบกับรัฐง่อก๊กตั้งแต่ช่วงปลาย ค.ศ. 279 ถึงช่วงกลาง ค.ศ. 280 ในช่วงปลายยุคสามก๊กของจีน การทัพนี้ซึ่งเริ่มต้นในเดือนธันวาคม ค.ศ. 279 หรือมกราคม ค.ศ. 280[a] สิ้นสุดลงด้วยชัยชนะอย่างสมบูรณ์ของราชวงศ์จิ้นเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 280[b] เมื่อซุนโฮจักรพรรดิแห่งง่อก๊กทรงยอมจำนน หลังการทัพนี้ สุมาเอี๋ยน (จักรพรรดิจิ้นอู่ตี้) จักรพรรดิแห่งราชวงศ์จิ้นทรงเปลี่ยนชื่อชื่อศักราชในรัชสมัยของพระองค์จากเสียนหนิง (咸寧) เป็นไท่คาง (太康) ดังนั้นการทัพนี้จึงถูกเรียกอีกแบบว่า การทัพไท่คาง[c] (จีน: 太康之役) ด้วย
การทัพนี้มีความสำคัญในประวัติศาสตร์การทหารของจีนก่อน ค.ศ. 1911 ในฐานะที่เป็นการทัพที่ไม่เพียงยุติความวุ่นวายของยุคสามก๊กและรวมจีนเป็นหนึ่งภายใต้ราชวงศ์จิ้น แต่ยังเป็นปฏิบัติการทางทหารขนาดใหญ่ที่ประสบความสำเร็จครั้งแรกในประวัติศาสตร์จีนที่เกี่ยวข้องกับการยกพลขนาดใหญ่บุกข้ามแม่น้ำแยงซี นอกจากนี้ในแง่มุมอื่น ๆ การส่งทัพเข้าประชิดจากหลายเส้นทาง การบุกโดยใช้ทั้งทางบกและทางน้ำ และการส่งกองเรือรบล่องไปตามแม่น้ำแยงซี ได้ส่งอิทธิพลอย่างมากต่อยุทธการครั้งถัด ๆ ไปในประวัติศาสตร์การทหารของจีน
ภูมิหลัง
[แก้]ยุคสามก๊ก
[แก้]
หลังการสิ้นสุดของราชวงศ์ฮั่นตะวันออกเมื่อ ค.ศ. 220[6] รัฐที่ขัดแย้งกัน 3 รัฐได้ก่อตั้งขึ้นในจีนและรบกันเพื่อเข้าครอบครองดินแดนของอดีตจักรวรรดิฮั่น ในบรรดารัฐทั้งสามนี้ วุยก๊กแข็งแกร่งมากที่สุดในแง่กำลังทหาร ทรัพยากรทางเศรษฐกิจ กำลังคน และขนาดทางภูมิศาสตร์ รัฐอื่นอีก 2 รัฐคือจ๊กก๊กและง่อก๊กได้ฟื้นฟูความเป็นพันธมิตรเพื่อต้านวุยก๊กเมื่อ ค.ศ. 223[7]
ความรุ่งเรืองของราชวงศ์จิ้น
[แก้]ตั้งแต่ ค.ศ. 262 สุมาเจียว (司馬昭 ซือหม่า เจา) ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แห่งวุยก๊กได้เริ่มวางแผนพิชิตรัฐอริของวุยก๊กทั้ง 2 รัฐไว้แล้ว สุมาเจียวตัดสินใจโจมตีจ๊กก๊กก่อนเพราะการบุกง่อก๊กต้องมีการเตรียมการที่สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายสูงและต้องใช้แรงงานมาก เช่น การสร้างกองเรือรบและการเปิดทางน้ำสำหรับกองเรือรบ สุมาเจียวยังชี้ให้เห็นว่าหากวุยก๊กพิชิตจ๊กก๊กได้ก็จะสามารถใช้ข้อได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ของจ๊กก๊กในการส่งกองเรือรบล่องไปตามแม่น้ำจากจ๊กก๊กเข้าโจมตีง่อก๊ก[8] ในฤดูหนาวของ ค.ศ. 262 ราชสำนักวุยก๊กระดมกำลังพลจากหลายมณฑลเพื่อการบุกจ๊กก๊ก และยังมอบหมายให้ต๋องจู (唐咨 ถาง จือ) รับผิดชอบกำกับดูแลการสร้างเรือรบเพื่อเตรียมการบุกง่อก๊กในอนาคต[9]
เมื่อช่วงต้น ค.ศ. 266 ราว 2 ปีหลังการยอมจำนนและการล่มสลายของจ๊กก๊ก สุมาเอี๋ยน (司馬炎 ซือหม่า เหยียน) บุตรชายและผู้สืบทอดอำนาจของสุมาเจียวได้ชิงราชบัลลังก์จากโจฮวน (曹奐 เฉา ฮฺว่าน) จักรพรรดิลำดับสุดท้ายของวุยก๊กและก่อตั้งราชวงศ์จิ้นขึ้นแทนที่วุยก๊ก[10] ในช่วงเวลานั้น สุมาเอี๋ยนทรงปฏิบัติตามคำแนะนำของเหล่าที่ปรึกษาที่ให้เอาชนะใจอดีตราษฎรของจ๊กก๊กโดยการแสดงความเมตตากรุณา รวมถึงการโน้มน้าวเหล่าข้าราชการของง่อก๊กให้แปรพักตร์เข้าด้วยราชวงศ์จิ้นโดยการจูงใจด้วยบำเหน็จรางวัลและเหตุกระตุ้น พระองค์ทรงตั้งให้เล่าเสี้ยน (劉禪 หลิว ช่าน) อดีตจักรพรรดิของจ๊กก๊กให้มีฐานันดรศักดิ์เป็นก๋ง (公 กง) และมอบบรรดาศักดิ์และตำแหน่งให้กับอดีตข้าราชการของจ๊กก๊กจำนวนมากรวมถึงทายาท เช่น หลัว เซี่ยน (羅憲), ตันซิ่ว (陳壽 เฉิน โช่ว), จูเก่อ จิง (諸葛京), ลฺหวี หยา (呂雅), เฟ่ย์ กง (費恭) และเฉิน ยฺวี่ (陳裕)[11][12][10]
ในวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 269 สุมาเอี๋ยนทรงมีรับสั่งให้เอียวเก๋า (羊祜 หยาง ฮู่) ประจำการอยู่ที่ซงหยง (襄陽 เซียงหยาง) และกำกับดูแลราชการทหารในอาณาเขตภายใต้การปกครองของราชวงศ์จิ้นในมณฑลเกงจิ๋ว (荊州 จิงโจว)[10]
ความเสื่อมถอยของง่อก๊ก
[แก้]เมื่อ ค.ศ. 264 หลังการสวรรคตของซุนฮิว (孫休 ซุน ซิว) จักรพรรดิแห่งง่อก๊ก ซุนโฮ (孫皓 ซุน เฮ่า) พระภาติยะ (หลานอา) ของซุนฮิวขึ้นครองราชย์[13] ในปีเดียวกันนั้น สุมาเจียวผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แห่งวุยก๊กส่งอดีตข้าราชการของง่อก๊ก 2 คนคือสฺวี เช่า (徐紹) และซุน ยฺวี่ (孫彧) ที่แปรพักตร์เข้าด้วยวุยก๊กในช่วงกบฏจูกัดเอี๋ยน (諸葛誕 จูเก่อ ต้าน) ที่ฉิวฉุน (壽春 โช่วชุน) ให้นำจดหมายไปส่งให้ซุนโฮ[14] ในจดหมายฉบับนั้น สุมาเจียวชี้ให้เห็นว่าง่อก๊กไม่มีทางต้านการบุกของวุยก๊กได้และบอกว่าตัวซุนโฮจะได้รับการปฏิบัติเป็นอย่างดีหากยอมจำนน[15]
ประมาณเดือนเมษายน ค.ศ. 265 ซุนโฮทรงส่งจี้ จื้อ (紀陟) และหง ฉิว (弘璆) เป็นทูตไปพบสุมาเจียว และแสดงพระประสงค์ของพระองค์ที่จะให้วุยก๊กและง่อก๊กอยู่ร่วมกันอย่างสันติ[16] จี้ จื้อและหง ฉิวทำภารกิจทางการทูตได้ดี และยังทำให้สุมาเจียวรู้สึกประทับใจจากการตอบคำถามให้กับข้าราชการของวุยก๊กหลายคน[17]
สุมาเจียวเสียชีวิตในเดือนกันยายน ค.ศ. 265 ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 266 หลังสุมาเอี๋ยนบุตรชายคนโตของสุมาเจียวแย่งชิงราชบัลลังก์วุยก๊กและก่อตั้งราชวงศ์จิ้น[10] ซุนโฮทรงส่งจาง เหยี่ยน (張儼) และติง จง (丁忠) เป็นผู้แทนพระองค์ไปร่วมพิธีรำลึกถึงสุมาเจียว[18] หลังติง จงกลับมาได้ทูลแนะนำซุนโฮให้ยกทัพเข้าโจมตีเมืองอี้หยาง (弋陽郡 อี้หยางจฺวิ้น; อยู่บริเวณนครซิ่นหยาง มณฑลเหอหนาน) ที่อยู่ในอาณาเขตของราชวงศ์จิ้น เพราะเมืองอี้หยางมีการป้องกันไม่เข้มแข็ง เมื่อซุนโฮทรงปรึกษากับเหล่าขุนนาง ลู่ ข่าย (陸凱) คัดค้านการโจมตี ส่วนหลิว จฺว่าน (劉纂) สนับสนุนการโจมตี ในพระทัยของซุนโฮทรงต้องการดำเนินการตามข้อเสนอของติง จง แต่ในที่สุดก็ล้มเลิกความคิดนี้ไปหลังพิจารณาถึงการล่มสลายของจ๊กก๊กที่เป็นรัฐพันธมิตรของง่อก๊กเมื่อไม่นานมานี้[19]
เมื่อเปรียบเทียบกับวุยก๊กและราชวงศ์จิ้นที่สืบทอดอำนาจถัดมาแล้ว ง่อก๊กประสบปัญหาภายในมากกว่า การสืบราชบัลลังก์จากซุนฮิวจักรพรรดิลำดับที่ 3 เต็มไปด้วยการนองเลือดและความขัดแย้งภายใน ซุนโฮซึ่งสืบราชบัลลังก์ถัดจากซุนฮิวเป็นทรราชซึ่งแทบไม่พยายามเตรียมการรับมือการบุกของราชวงศ์จิ้น การปกครองของซุนฮิวโหดร้ายกว่าเมื่อเทียบกับช่วงปลายรัชสมัยของซุนกวน (孫權 ซุน เฉฺวียน) จักรพรรดิผู้ก่อตั้งง่อก๊ก ทำให้เกิดการลุกฮือของชาวนาและการก่อกบฏของทหารอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนมากเกิดขึ้นในบริเวณที่เป็นมณฑลเจ้อเจียงและมณฑลกวางตุ้งในปัจจุบัน ซุนโฮไม่เพียงจะทรงปฏิเสธที่จะรับคำแนะนำให้เสริมสร้างการป้องกันของง่อก๊กและลดภาระของราษฎร ยังทรงมีรับสั่งให้ประหารชีวิตข้าราชการระดับสูงราวสี่สิบกว่าคนที่ถวายคำแนะนำที่ดีเกี่ยวกับการปกครอง เป็นผลให้ราชสำนักง่อก๊กสูญเสียการสนับสนุนจากผู้คน และแม่ทัพภูมิภาคหลายคนที่ประจำการอยู่ที่ชายแดนแปรพักตร์เข้าด้วยราชวงศ์จิ้น
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น สุมาเอี๋ยนทรงส่งทูตไปยังง่อก๊กเพื่อยุติการเป็นอริกันระหว่างสองรัฐ เพื่อจะซื้อเวลาในการเตรียมการ ซุนโฮจักรพรรดิง่อก๊กทรงมองว่าการกระทำเช่นนี้ของราชวงศ์จิ้นเป็นสัญญาณของความอ่อนแอของราชวงศ์จิ้น จึงทรงละเลยการเฝ้าระวังราชวงศ์จิ้นไป
การเตรียมการของราชวงศ์จิ้น
[แก้]
จักรพรรดิสุมาเอี๋ยนทรงมีพระประสงค์จะพิชิตง่อก๊กมาเป็นเวลาช้านาน ครั้นวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 269 พระองค์กำหนดสถานที่ 3 แห่งเป็นฐานสำหรับเตรียมการบุก และมอบหมายหน้าที่ให้ขุนพล 3 นายดังต่อไปนี้
- เอียวเก๋า (羊祜 หยาง ฮู่) ให้ประจำการอยู่ที่ซงหยง (襄陽 เซียงหยาง) เพื่อกำกับดูแลราชการทหารในมณฑลเกงจิ๋ว (荊州 จิงโจว)
- อุยก๋วน (衛瓘 เว่ย์ กว้าน) ให้ประจำการอยู่ที่ลิมฉี (臨淄 หลินจือ) เพื่อกำกับดูแลราชการทหารในมณฑลเฉงจิ๋ว (青州 ชิงโจว)
- สุมาเตี้ยม (司馬伷 ซือหม่า โจ้ว) ให้ประจำการอยู่ที่แห้ฝือ (下邳 เซี่ยพี) เพื่อกำกับดูแลราชการทหารในมณฑลชีจิ๋ว (徐州 สฺวีโจว)[20]
ในช่วงที่เอียวเก๋าประจำการในมณฑลเกงจิ๋ว เอียวเก๋าปกครองพื้นที่ได้เป็นอย่างดีและไม่เพียงได้รับความไว้วางใจและความเคารพจากคนในท้องถิ่นเท่านั้น แต่ยังดึงดูดผู้แปรพักตร์จำนวนมากจากฝ่ายง่อก๊กด้วย เอียวเก๋ายังลดจำนวนกำลังพลที่ได้รับมอบหมายให้ลาดตระเวนและเฝ้าระวังชายแดนระหว่างราชวงศ์จิ้นและง่อก๊ก และมอบหมายให้ทำงานในนิคมการเกษตรที่ครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 800 ฉิ่ง (頃) เมื่อเอียวเก๋ามาถึงเกงจิ๋วครั้งแรก กำลังพลของเอียวเก๋ามีเสบียงอาหารสำหรับใช้ได้ไม่ถึง 100 วัน แต่เมื่อสิ้นสุดปีที่ 3 ในเกงจิ๋ว กำลังพลของเอียวเก๋าก็ได้ผลิตและสะสมเสบียงอาหารในปริมาณที่เพียงพอต่อการใช้เป็นเวลาราวสิบปี[21]
การสร้างกองเรือรบในมณฑลเอ๊กจิ๋ว
[แก้]เมื่อ ค.ศ. 272 เอียวเก๋าทูลชี้แจงสุมาเอี๋ยนว่าทัพราชวงศ์จิ้นสามารถใช้ประโยชน์จากที่ตั้งของมณฑลเอ๊กจิ๋ว (益州 อี้โจว) ในการส่งทัพเรือล่องมาตามแม่น้ำแยงซีเพื่อโจมตีง่อก๊ก เอียวเก๋าทูลแนะนำจักรพรรดิสุมาเอี๋ยนให้แต่งตั้งองโยย (王濬 หวาง จฺวิ้น) ซึ่งก่อนหน้านี้ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทัพของเอียวเก๋า ให้ดำรงตำแหน่งเป็นข้าหลวงมณฑลของมณฑลเอ๊กจิ๋ว (益州刺史 อี้โจวฉือชื่อ) และกำกับดูแลการสร้างกองเรือรบ ไม่นานหลังจากองโยยได้รับการแต่งตั้งเป็นข้าหลวงมณฑลเอ๊กจิ๋ว องโยยก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นขุนพลมังกรโผน (龍驤將軍 หลงเซียงเจียงจฺวิน) และได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลราชการทหารในมณฑลเอ๊กจิ๋วและเลียงจิ๋ว (涼州 เหลียงโจว)[22]
องโยยโยกย้ายกำลังพลที่เคยทำหน้าที่ทำนาในนิคมการเกษตรมาเริ่มต้นสร้างกองเรือรบสำหรับการบุกง่อก๊กที่กำลังจะเกิดขึ้น ในช่วงเวลานั้น เหอ พาน (何攀) ผู้ช่วยขององโยยแนะนำว่าจำเป็นต้องเกณฑ์คนงานอีกอย่างน้อย 10,000 คนจากทุกเมืองในมณฑลเอ๊กจิ๋วเพื่อดำเนินโครงการสร้างกองเรือรบ ซึ่งอาจดำเนินการเสร็จภายในหนึ่งปี เหอ ผานยังแนะนำองโยยให้แจ้งราชสำนักหลิงเริ่มดำเนินโครงการแล้ว เพราะราชสำนักอาจะปฏิเสธความคิดเรื่องการเกณฑ์แรงงาน 10,000 คนจากทุกเมือง องโยยปฏิบัติตามคำแนะนำของเหอ พาน[23]
เพื่อทดแทนการขาดประสบการณ์การรบทางเรือขอทัพเรือราชวงศ์จิ้นเมื่อเทียบกับทัพเรือของง่อก๊ก องโยยจึงให้สร้างเรือรบขนาดใหญ่ที่ติดตั้งหัวเรือแบบเครื่องกระทุ้ง เรือลำใหญ่ที่สุดมีความยาว 120 ปู้ (步) และสามารถโดยสารกำลังพลได้ถึง 2,000 นาย เรือรบเหล่านี้ยังมีหอสังเกตการณ์และป้อมปราการทีสร้างจากไม้เนื้อแข็ง นอกจากนี้ เรือรบยังมีประตูทั้งสี่ด้านเพื่อให้กำลังพลขึ้นเรือและลงเรือได้สะดวก แม้แต่ม้ายังสามารถวิ่งได้อย่างอิสระบนเรือ[24] องโยยใช้เวลาทั้งหมด 7 ปีในการสร้างกองเรือรบ เหลือเพียงการฝึกซ้อมกำลังพลในการรบทางเรือ
บทบาทของเอียวเก๋า
[แก้]
ในเดือนพฤศจิกายนหรือธันวาคม ค.ศ. 276[25] เอียวเก๋าเขียนฎีกาถึงจักรพรรดิสุมาเอี๋ยนเพื่อสรุปแผนการพิชิตง่อก๊กความว่า ทัพราชวงศ์จิ้นในมณฑลเอ๊กจิ๋ว (益州 อี้โจว) ให้โจมตีง่อก๊กจากทางตะวันตกทั้งทางบกและทางน้ำ ทัพราชวงศ์จิ้นในมณฑลเกงจิ๋ว (荊州 จิงโจว) ให้โจมตีกังเหลง (江陵 เจียงหลิง) ทัพราชวงศ์จิ้นในมณฑลอิจิ๋ว (豫州 ยฺวี่โจว) ให้โจมตีแฮเค้า (夏口 เซี่ยโข่ว) ทัพราชวงศ์จิ้นในมณฑลชีจิ๋ว (徐州 สฺวีโจว), ยังจิ๋ว (揚州 หยางโจว), เฉงจิ๋ว (青州 ชิงโจว) และกุนจิ๋ว (兗州 เหยี่ยนโจว) ให้โจมตีเบาะเหลง (秣陵 มั่วหลิง) เอียวเก๋าอธิบายว่าแนวคิดการบุกง่อก๊กจากหลายทิศทางก็เพื่อทำให้ทัพง่อก๊กสับสนและบั่นทอนขวัญกำลังใจด้วยการสร้างความรู้สึกว่าเป็นการบุกด้วยกำลังที่เหนือกว่าอย่างท่วมท้น เอียวเก๋ายังชี้ให้เห็นว่าข้อได้เปรียบเชิงยุทธศาสตร์เพียงประการเดียวของง่อก๊กคือแม่น้ำแยงซีที่ทำหน้าที่เป็นปราการธรรมชาติ แต่เมื่อทัพราชวงศ์จิ้นสามารถฝ่าแนวป้องกันของง่อก๊กตลอดแม่น้ำแยงซีได้แล้ว ทัพง่อก๊กจะถอยร่นไปหลบอยู่หลังกำแพงเมืองและป้อมปราการ เมื่อถึงเวลานั้น ทัพราชวงศ์จิ้นที่ชำนาญการรบบนบกมากกว่าก็จะได้เปรียบข้าศึก เอียวเก๋ายังแจ้งว่าซุนโฮเป็นผู้ปกครองที่ไม่เป็นที่นิยมชมชอบอย่างมากในหมู่ราษฎร และการบุกของราชวงศ์จิ้นจะเปิดโอกาสที่รอคอยมานานของข้าราชการของง่อก๊กจำนวนมากที่จะแปรพักตร์มาเข้าด้วยฝ่ายราชวงศ์จิ้น[26]
จักรพรรดิสุมาเอี๋ยนทรงเห็นด้วยอย่างยิ่งกับทัศนะของเอียวเก๋าและทรงมีพระประสงค์จะนำแผนไปปฏิบัติ เมื่อแผนของเอียวเก๋าถูกยกขึ้นมาหารือในราชสำนักของราชวงศ์ ขุนนางหลายคนร่วมถึงกาอุ้น (賈充 เจี่ยชง), ซุนโจย (荀勗 สฺวิน ซฺวี่) และเฝิง ต่าน (馮紞) โต้แย้งว่านี่ยังไม่ใช่เวลาที่จะโจมตีง่อก๊กเพราะราชวงศ์จิ้นยังต้องจัดการกับกบฏชนเผ่าเซียนเปย์ (鮮卑) ในมณฑลยงจิ๋ว (雍州 ยงโจว) และเลียงจิ๋ว (涼州 เหลียงโจว) มีเพียงเตาอี้ (杜預 ตู้ ยฺวี่) และจาง หฺวา (張華) ที่สนับสนุนข้อเสนอของเอียวเก๋า[27]
ในเดือนกรกฏาคมหรือสิงหาคม ค.ศ. 278 เนื่องจากเอียวเก๋ามีสุขภาพไม่ดีจึงออกจากตำแหน่งที่ซงหยงและกลับมายังนครหลวงลกเอี๋ยง (洛陽 ลั่วหยาง) เพื่อพักฟื้น เมื่อสุมาเอี๋ยนทรงส่งจาง หฺวามาเยี่ยม เอียวเก๋าบอกว่าจาง หฺวาว่าควรจะถือโอกาสนี้เข้าพิชิตง่อก๊กในระหว่างซุนโฮยังอยู่ในอำนาจ เพราะความเป็นทรราชย์ของซุนโฮทำให้ซุนโฮสูญเสียการสนับสนุนจากราษฎรง่อก๊กไปแล้ว เอียวเก๋ายังเสนอชื่อเตาอี้ให้มาแทนที่ตนในฐานะขุนพลผู้กำกับดูแลราชการทหารในมณฑลเกงจิ๋ว[28] เอียวเก๋าเสียชีวิตเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม ค.ศ. 278[25]
การเตรียมการอื่น ๆ
[แก้]ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 276 การเตรียมการต่าง ๆ ได้เสร็จสิ้นอย่างคร่าว ๆ เอียวเก๋าทูลเสนอสุมาเอี๋ยนให้เปิดฉากการโจมตี ข้อเสนอของเอียวเก๋าได้รับการยอมรับในตอนแรก แต่ก็ล่าช้าไปเพราะการคัดค้านของกาอุ้น เนื่องจากภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีนยังคงมีการก่อกบฏของชนเผ่าอยู่ ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 277 มีการมอบหมายเพิ่มเติมเพื่อเตรียมการทำศึกกับง่อก๊ก:
- อองหุย (王渾 หวาง หุน) ได้รับมอบให้กำกับดูแลราชการทหารในมณฑลยังจิ๋ว
- ซือหม่า เลี่ยง (司馬亮) ได้รับมอบให้กำกับดูแลราชการทหารในมณฑลอิจิ๋ว
- เฮาหุน (胡奮 หู เฟิ่น) ได้รับมอบให้กำกับดูแลราชการทหารตามแนวชายฝั่งด้านเหนือของแม่น้ำแยงซี
หลังการเสียชีวิตของเอียวเก๋า เตาอี้รับช่วงหน้าที่ของเอียวเก๋าและได้รับการแต่งตั้งเป็นมหาขุนพลโจมตีภาคใต้ (征南大將軍 เจิงหนานต้าเจียงจฺวิน) เพื่อกำกับดูแลราชการทหารในมณฑลเกงจิ๋วตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 278
การเตรียมการของง่อก๊ก
[แก้]
ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 270 เตงฮอง (丁奉 ติง เฟิ่ง) ขุนพลง่อก๊กนำทัพเข้าโจมตีชายแดนด้านใต้ของราชวงศ์จิ้นที่วัวโข่ว (渦口; ทางตะวันออกเฉียงของอำเภอหฺวาย-ยฺเหวี่ยน มณฑลอานฮุยในปัจจุบัน) แต่ถูกทัพราชวงศ์จิ้นภายใต้การนำของคันห่อง (牽弘 เชียน หง) ขับไล่กลับไป[10] ในเดือนพฤษภาคมของปีนั้น ภายหลังการเสียชีวิตของชือ จี (施績) ซุนโฮจักรพรรดิง่อก๊กมอบหมายให้ลกข้อง (陸抗 ลู่ ค่าง) กำกับดูแลราชการทหารในพื้นที่ที่ครอบคลุมพื้นที่นครอี๋ชาง (宜昌市 อี๋ชางชื่อ) และอำเภอกงอาน (公安縣 กงอานเซี่ยน) ทางตะวันตกและทางใต้ของมณฑลหูเป่ย์ (湖北) ในปัจจุบัน[10]
ก่อนที่ลกข้องจะเสียชีวิตเมื่อ ค.ศ. 274 ลกข้องคาดการณ์ว่าซีหลิง (西陵; อยู่บริเวณนครอี๋ชาง มณฑลหูเป่ย์ในปัจจุบัน) จะเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญบนแนวชายแดนด้านตะวันตกของง่อก๊ก จึงทูลแนะนำซุนโฮให้ทรงเอาใจใส่แนวป้องกันของง่อก๊กในพื้นที่นี้มากยิ่งขึ้น หลังการเสียชีวิตของลกข้อง ซุนโฮทรงแบ่งอำนาจบังคับบัญชาทหารของลกข้องให้กับบุตรชาย 5 คนของลกข้องคือลู่ เยี่ยน (陸晏), ลู่ จิ่ง (陸景), ลู่ เสฺวียน (陸玄), ลู่ จี (陸機) และลู่ ยฺหวิน (陸雲)[25]
ในช่วงเวลานั้น เศษไม้และสิ่งของเหลือใช้อื่น ๆ จากโครงการสร้างกองเรือรบขององโยยในมณฑลเอ๊กจิ๋วได้ลอยมาตามแม่น้ำและเข้าสู่อาณาเขตของง่อก๊ก อู๋ เยี่ยน (吾彥) ขุนพลของง่อก๊กที่ประจำการอยู่ที่เมืองเจี้ยนผิง (建平郡 เจี้ยนผิงจฺวิ้น; อยู่บริเวณอำเภอจื่อกุย มณฑลหูเป่ย์ในปัจจุบัน) เก็บเศษไม้ขึ้นมาแล้วอนุมานได้ว่าราชวงศ์จิ้นกำลังสร้างกองเรือรบมาโจมตีง่อก๊ก อู๋ เยี่ยนจึงส่งเศษไม้ไปถวายซุนโฮเพื่อเป็นหลักฐานว่าราชวงศ์จิ้นกำลังเตรียมการบุก และทูลเสนอให้ส่งกำลังพลไปรักษาเจี้ยนผิงเพิ่มขึ้น แต่ซุนโฮทรงเพิกเฉยต่อคำแนะนำ อู๋ เยี่ยนจึงสั่งกำลังพลให้นำโซ่เหล็กใหญ่มาขึงกั้นแม่น้ำเพื่อป้องกันไม่ให้เรือรบของข้าศึกผ่านไปได้[29][10]
ยุทธการครั้งก่อนหน้าระหว่างราชวงศ์จิ้นและง่อก๊ก
[แก้]เมื่อ ค.ศ. 272 เกิดการรบระหว่างง่อก๊กและราชวงศ์จิ้นที่ซีหลิง (西陵; อยู่บริเวณนครอี๋ชาง มณฑลหูเป่ย์ในปัจจุบัน) หลังปู้ ฉ่าน (步闡) ขุนพลง่อก๊กเริ่มก่อกบฏต่อง่อก๊ก ราชวงศ์จิ้นส่งทัพหนุนไปยังซีหลิงเพื่อหนุนช่วยปู้ ฉ่าน ลกข้อง (陸抗 ลู่ ค่าง) ขุนพลง่อก๊กนำกำลังพลเอาชนะทัพหนุนของราชวงศ์จิ้นและชิงซีหลิงคืนมาได้[10][d]
ภาพรวมของยุทธการระหว่างราชวงศ์จิ้นและง่อก๊กในรัชสมัยของซุนโฮ | |||||
ค.ศ. | สถานที่ | บุคคลของง่อก๊กในยุทธการ | บุคลลของราชวงศ์จิ้นในยุทธการ | แหล่งข้อมูล | |
---|---|---|---|---|---|
268 | กังแฮ (江夏 เจียงเซี่ย), ซงหยง (襄陽 เซียงหยาง), หับป๋า (合肥 เหอเฝย์) และเกาจี (交趾 เจียวจื่อ) |
|
จิ้นชู 648, เล่มที่ 3 , สามก๊กจี่ 429, 55 , จือจื้อทงเจี้ยน 1084, เล่มที่ 79 | ||
269 | กู่หยาง (谷陽), เกาจี |
|
|
สามก๊กจี่ 429, 48 , สามก๊กจี่ 429, 55 | |
270 | ไม่ทราบ |
|
จิ้นชู 648, เล่มที่ 3 | ||
271 | ฉิวฉุน (壽春 โช่วชุน) | จิ้นชู 648, เล่มที่ 3 , สามก๊กจี่ 429, 48 | |||
272 | ซีหลิง (西陵) |
|
สามก๊กจี่ 429, 58 , จิ้นชู 648, เล่มที่ 34 | ||
273 | อี้หยาง (弋陽) และยีหลำ (汝南 หรู่หนาน) |
|
จิ้นชู 648, เล่มที่ 42 | ||
274 | กังแฮ |
|
|
จิ้นชู 648, เล่มที่ 3 | |
275 | กังแฮ | จิ้นชู 648, เล่มที่ 3 | |||
277 | กังแฮและยีหลำ |
|
จิ้นชู 648, เล่มที่ 34 |
โหมโรง
[แก้]ลำดับเหตุการณ์การพิชิตง่อก๊กโดยราชวงศ์จิ้น[30] | ||
---|---|---|
ช่วงเวลาโดยประมาณ | สถานที่ | เหตุการณ์ |
21 ธันวาคม ค.ศ. 279 – 18 มกราคม ค.ศ. 280 | หลายสถานที่ | ราชวงศ์จิ้นส่งกำลังพลทั้งหมดมากกว่า 200,000 นายเปิดฉากการบุกง่อก๊กครั้งใหญ่จากหลายทิศทาง: สุมาเตี้ยมโจมตีอิต๋ง, อองหุยโจมตีภูมิภาคเจียงซี, อ๋องหยงโจมตีบู๊เฉียง, เฮาหุนโจมตีแฮเค้า, เตาอี้โจมตีกังเหลง, องโยยและตงปีนโจมตีจากมณฑลเอ๊กจิ๋ว, กาอุ้นยอมทำหน้าที่เป็นแม่ทัพใหญ่อย่างไม่เต็มใจเพื่อประสานงานการศึกจากซงหยง, หยาง จี้ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยของกาอุ้น, จาง หฺวาดูแลการขนส่งเสบียงและกำลังบำรุงในการศึก |
18 กุมภาพันธ์ – 17 มีนาคม ค.ศ. 280 | หลายสถานที่ | เตาอี้และอองหุยตีฝ่าแนวป้องกันทั้งหมดของง่อก๊กตลอดแนวชายแดน |
18–19 มีนาคม ค.ศ. 280 | อำเภอจื่อกุย มณฑลหูเป่ย์ | องโยยและตงปีนเอาชนะเชิ่ง จี้ในยุทธการ |
โกรกธารซีหลิง มณฑลหูเป่ย์ | องโยยทำลายสิ่งกีดขวางที่ทัพง่อก๊กติดตั้งในแม่น้ำและเปิดทางให้กองเรือรบผ่านไปได้ | |
20 มีนาคม ค.ศ. 280 | นครอี๋ชาง มณฑลหูเป่ย์ | องโยยยึดได้ซีหลิงและสังหารหลิว เซี่ยนในยุทธการ |
22–24 มีนาคม ค.ศ. 280 | นครจิงเหมินและอี๋ตู มณฑลหูเป่ย์ | องโยยยึดได้จิงเหมินกับอี๋เต้า และสังหารลู่ เยี่ยนในยุทธการ |
นครซงจือ มณฑลหูเป่ย์ | โจว จื่อเอาชนะและจับตัวซุนหลิมในยุทธการที่เล่อเซียง | |
25 มีนาคม ค.ศ. 280 | มณฑลหูเป่ย์ | องโยยเอาชนะและสังหารลู่ จิ่งในยุทธการ |
3 เมษายน ค.ศ. 280 | อำเภอเจียงหลิง มณฑลหูเป่ย์ | เตาอี้ยึดได้กังเหลงและสังหารง่อเอี๋ยน |
อำเภอกงอาน มณฑลหูเป่ย์ | เฮาหุนยึดได้เจียงอาน | |
ภาคใต้ของจีน | เจ้าเมืองของเมืองในอาณาเขตของง่อก๊กทางใต้ของแม่น้ำยฺเหวียนและแม่น้ำเซียงซึ่งครอบคลุมพื้นที่มณฑลเกาจิ๋วและกว่างโจวยอมจำนนต่อราชวงศ์จิ้นโดยสมัครใจ | |
4 เมษายน ค.ศ. 280 | นครลั่วหยาง มณฑลเหอหนาน | จักรพรรดิสุมาเอี๋ยนทรงออกพระราชโองการกำหนดแนวทางการพิชิตง่อก๊กในระยะถัดไป: องโยยและตงปีนให้ไปหนุนช่วยเฮาหุนและอ๋องหยงในการยึดแฮเค้าและบู๊เฉียง แล้วล่องกองเรือไปตามแม่น้ำแยงซีจนถึงเบาะเหลง, เตาอี้ให้สงบอาณาเขตของง่อก๊กที่เพิ่งยึดได้ใหม่ในมณฑลเกงจิ๋วตอนใต้ และส่งกำลังเสริมไปหนุนช่วยองโยยและตงปีน, กาอุ้นให้ประจำการที่อำเภอฮางเสียเพื่อกำกับดูแลการศึก |
4–16 เมษายน ค.ศ. 280 | นครอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย์ | เฮาหุนยึดได้แฮเค้าโดยได้รับการหนุนช่วยจากองโยย |
นครอู่ฮั่นและเอ้อโจว มณฑลหูเป่ย์ | อ๋องหยงส่งหลัว ช่างและหลิว เฉียวไปโจมตีบู๊เฉียงโดยได้รับการหนุนช่วยจากองโยย หลิว หล่างและยฺหวี ปิ่ง (虞昺) ยอมมอบกังแฮและบู๊เฉียง | |
อำเภอฉีชุนและนครหฺวางกาง มณฑลหูเป่ย์ | เมิ่ง ไท่โน้มน้าวทัพง่อก๊กที่อำเภอฉีชุนและอำเภอจูให้ยอมจำนนต่ออ๋องหยง | |
นครหนานจิง มณฑลเจียงซู | จักรพรรดิซุนโฮทรงมีรับสั่งให้เตี๋ยวเค้า, สิมเอ๋ง , ซุน เจิ้น และจูกัดเจ้งให้นำพล 30,000 นายข้ามแม่น้ำแยงซีไปโจมตีอองหุย | |
17–30 เมษายน ค.ศ. 280 | อำเภอเหอ มณฑลอานฮุย | ทัพราชวงศ์จิ้นนำโดยโจว จฺวิ้น, เซฺว เชิ่ง, เจียวปั้น และจาง เฉียวเอาชนะทัพง่อก๊กในยุทธการที่หยางเหอ เตี๋ยวเค้า, สิมเอ๋ง และซุน เจิ้นถูกสังหารในยุทธการ |
เอ้อโจว มณฑลหูเป่ย์ | องโยยนำทัพจากบู๊เฉียงเข้าโจมตีเกี๋ยนเงียบ จักรพรรดิซุนโฮมีรับสั่งให้จาง เซี่ยงนำทัพเรือที่มีกำลังพล 10,000 นายไปต้านทานองโยย จาง เซี่ยงยอมจำนนต่อองโยย | |
นครหนานจิง มณฑลเจียงซู | อองหุย, องโยย และสุมาเตี้ยมนำทัพมายังเกี๋ยนเงียบ เหอ จื๋อและซุน เยี่ยนยอมจำนนต่ออองหุยโดยสมัครใจ | |
นครหนานจิง มณฑลเจียงซู | ซุนโฮทรงทำตามคำแนะนำของเซฺว อิ๋งและหู ชงที่ให้ยอมจำนนต่อราชวงศ์จิ้น พระองค์ทรงส่งทูตแยกกันไปพบอองหุย, องโยย และสุมาเตี้ยม เพื่อแสดงพระประสงค์ที่จะยอมจำนน | |
1 พฤษภาคม ค.ศ. 280 | โจะเทาเสีย นครหนานจิง มณฑลเจียงซู | องโยยนำกำลังพล 80,000 นายและเรือหลายร้อยลำไปยังโจะเทาเสียเพื่อรับการยอมจำนนของซุนโฮ |
ในช่วงระหว่างวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 279 และ 18 มกราคม ค.ศ. 280[a] ราชวงศ์จิ้นส่งกำลังทหารทั้งหมดมากกว่า 200,000 นายจากกำลังพลประจำการที่มีอยู่ 500,000 นายเพื่อการบุกง่อก๊ก ในช่วงเวลานั้นทัพเรือของราชวงศ์จิ้นมีกำลังที่ทัดเทียมกับทัพเรือของง่อก๊ก แต่ทัพราชวงศ์จิ้นในภาพรวมไม่ได้มีกำลังพลมากกว่าง่อก๊กที่ประกอบด้วยกำลังพลประมาณ 230,000 นายและเรือมากกว่า 5,000 ลำ ถึงกระนั้นทัพราชวงศ์จิ้นก็มีขวัญกำลังใจที่สูงมากกว่าเมื่อเทียบกับทัพง่อก๊ก นอกจากนี้ทัพง่อก๊กก็กระจัดกระจายตลอดแนวชายแดนระหว่างราชวงศ์จิ้นและง่อก๊กเป็นระยะทางหลายพันลี้ ทำให้ทัพราชวงศ์จิ้นมุ่งเน้นการโจมตีจุดอ่อนในแนวป้องกันของง่อก๊กได้ง่ายขึ้น ด้วยหลักการนี้ ราชวงศ์จิ้นจึงเปิดฉากการบุกง่อก๊กตลอดแนวแม่น้ำแยงซีใน 5 เส้นทางเพื่อสนับสนุนทัพเรือที่เคลื่อนพลมาจากมณฑลเอ๊กจิ๋วและรุดหน้าไปตามแม่น้ำเข้าสู่ชายแดนง่อก๊ก ทัพราชวงศ์จิ้นที่เคลื่อนพลจาก 6 ทิศทางมีดังต่อไปนี้:
- สุมาเตี้ยม (司馬伷 ซือหม่า โจ้ว) นำทัพจากแห้ฝือ (下邳 เซี่ยพี; อยู่บริเวณนครพีโจว มณฑลเจียงซูในปัจจุบัน) เข้าโจมตีอิต๋ง (塗中 ถูจง; อยู่บริเวณนครฉูโจว มณฑลอานฮุยในปัจจุบัน)
- อองหุย (王渾 หวาง หุน) นำทัพจากฉิวฉุน (壽春 โช่วชุน; ปัจจุบันคืออำเภอโช่ว มณฑลอานฮุย) เข้าโจมตีเจียงซี (江西; ภูมิภาคทางฝั่งเหนือของแม่น้ำแยงซี ครอบคลุมบางส่วนของมณฑลเจียงซูและมณฑลอานฮุยในปัจจุบัน)[e]
- อ๋องหยง (王戎 หวาง หรง) นำทัพจากฮางเสีย (項城 เซี่ยงเฉิง) เข้าโจมตีบู๊เฉียง (武昌 อู่ชาง; ปัจจุบันคือนครเอ้อโจว มณฑลหูเป่ย์)
- เฮาหุน (胡奮 หู เฟิ่น) นำทัพจากเมืองกังแฮ (江夏郡 เจียงเซี่ยจฺวิ้น; ปัจจุบันคืออำเภอยฺหวินเมิ่ง มณฑลหูเป่ย์) เข้าโจมตีแฮเค้า (夏口 เซี่ยโข่ว)
- เตาอี้ (杜預 ตู้ ยฺวี่) นำทัพจากซงหยง (襄陽 เซียงหยาง) เข้าโจมตีอำเภอกังเหลง (江陵縣 เจียงหลิงเซี่ยน)
- องโยย (王濬 หวาง จฺวิ้น) และตงปีน (唐彬 ถาง ปิน) นำทัพเรือจากมณฑลเอ๊กจิ๋วล่องตามแม่น้ำเข้าโจมตีอาณาเขตของง่อก๊กในมณฑลเกงจิ๋ว[3]
เพื่อให้การเคลื่อนทัพหกสายประสานงานกันได้ดียิ่งขึ้น สุมาเอี๋ยนจักรพรรดิราชวงศ์จิ้นจึงมีรับสั่งให้องโยยและทัพเรือใต้บังคับบัญชาให้รับคำสั่งจากเตาอี้หลังยึดได้เมืองเจี้ยนผิง (建平郡 เจี้ยนผิงจฺวิ้น; อยู่บริเวณอำเภอจื่อกุย มณฑลหูเป่ย์) และรับคำสั่งจากอองหุยหลังไปถึงเบาะเหลง (秣陵 มั่วหลิง; ปัจจุบันคือนครหนานจิง มณฑลเจียงซู)[31]
สุมาเอี๋ยนพระราชทานอาญาสิทธิ์แก่กาอุ้นและมีรับสั่งให้กาอุ้นหน้าที่เป็นแม่ทัพใหญ่ (大都督 ต้าตูตู) เพื่อกำกับดูแลการศึกและประสานงานการเคลื่อนทัพของทัพทั้ง 6 สายจากเมืองซงหยง พระองค์ยังทรงแต่งตั้งหยาง จี้ (楊濟) ให้เป็นผู้ช่วยของกาอุ้น ตอนแรกกาอุ้นอ้างว่าตนชราแล้วและแสดงความไม่เต็มใจที่จะรับหน้าที่นี้ สุมาเอี๋ยนตรัสกับกาอุ้นว่าพระองค์จะทรงกำกับการศึกด้วยพระองค์เองโดยตรงถ้ากาอุ้นปฏิเสธไม่รับหน้าที่ กาอุ้นจึงยอมรับการแต่งตั้ง[32] สุมาเอี๋ยนยังทรงแต่งตั้งให้จาง หฺวาเป็นราชเลขาธิการการคลัง (度支尚書 ตู้จือช่างชู) ทำหน้าที่กำกับดูแลเสบียงและการส่งกำลังบำรุงสำหรับการศึก [33]
ยุทธวิธีของง่อก๊ก
[แก้]เนื่องจากซุนโฮจักรพรรดิง่อก๊กทรงไม่เชื่อว่าราชวงศ์จิ้นจะสามารถยึดครองง่อก๊ก และยังทรงเชื่อมั่นว่าแม่น้ำแยงซีเป็นปราการธรรมชาติที่แข็งแกร่ง จึงแทบไม่ได้ทรงเตรียมการใด ๆ เพื่อรับศึกที่จะมาถึง อย่างไรก็ตาม ง่อก๊กได้เสริมการป้องกันโดยการติดตั้งแถวขวากเหล็กที่เชื่อมกันด้วยโซ่เหล็กในสามโกรกธารเพื่อป้องกันไม่ให้เรือแล่นผ่าน แต่ซุนโฮและเหล่าข้าราชบริพารต่างก็มั่นใจเกินไปในมาตรการเพิ่มเติมนี้จนถึงขั้นไม่มีการส่งทหารแม้แต่คนเดียวไปเฝ้าระวังในพื้นที่ดังกล่าว
เส้นทางเดินทัพขององโยยและตงปีน
[แก้]ระหว่างวันที่ 19 มกราคม และ 17 มีนาคม ค.ศ. 280 องโยยนำทัพออกจากเซงโต๋ (成都 เฉิงตู) อำเภอเอกของมณฑลเอ๊กจิ๋ว และไปสมทบกับตงปีนที่เป็นรองแม่ทัพที่เมืองปาตง (巴東郡 ปาตงจฺวิ้น; ปัจจุบันคือนครฉงชิ่ง ) จากนั้นทั้งสองจึงนำทัพเรือของราชวงศ์จิ้นซึ่งมีกำลังพล 50,000 หรือ 70,000 นายล่องไปตามแม่น้ำแยงซีเพื่อโจมตีชายแดนของง่อก๊ก[f] ที่เมืองเจี้ยนผิง (建平郡 เจี้ยนผิงจฺวิ้น; อยู่บริเวณอำเภอจื่อกุย มณฑลหูเป่ย์ในปัจจุบัน) ทัพเรือของราชวงศ์จิ้นได้เผชิญหน้ากับการต้านทานที่นำโดยอู๋ เยี่ยน (吾彥) นายทหารของง่อก๊กและยึดเจี้ยนผิงไม่สำเร็จ[36] จึงเคลื่อนพลอ้อมและรุดหน้าไปทางตะวันออกไปยังตันเอี๋ยง (丹楊 ตานหยาง; ทางตะวันออกของอำเภอจื่อกุย มณฑลหูเป่ย์ในปัจจุบัน) ในวันที่ 18 มีนาคม ค.ศ. 280 ทัพเรือของราชวงศ์จิ้นยึดได้ตันเอี๋ยงและจับตัวเชิ่ง จี้ (盛紀) นายทหารผู้รักษาตันเอี๋ยงได้[37]
การทำลายเครื่องกีดขวางที่โกรกธารซีหลิง
[แก้]หลังยึดได้ตันเอี๋ยง ทัพเรือของราชวงศ์จิ้นก็เคลื่อนต่อไปตามแม่น้ำและมาถึงโกรกธารซีหลิง (西陵峽 ซีหลิงเสีย) จึงได้เผชิญหน้ากับเครื่องกีดขวางที่อู๋ เยี่ยนติดตั้งไว้ก่อนหน้านี้ อู๋ เยี่ยนสั่งทหารให้เชื่อมแถวของขวากเหล็กซึ่งแต่ละอันมีความยาวมากกว่าหนึ่งจ้าง (丈) เข้าด้วยกันด้วยโซ่เหล็กใหญ่และติดตั้งกลางน้ำเพื่อสกัดกองเรือของข้าศึกไม่ให้ผ่านไปได้[38]แต่ทัพเรือของราชวงศ์จิ้นรู้เรื่องเครื่องกีดขวางจากข่าวกรองที่รวบรวมมาก่อนหน้านี้โดยเอียวเก๋าจากเหล่าสายสืบของง่อก๊กที่ถูกจับตัว จึงเตรียมการรับมือสถานการณ์นี้ไว้แล้ว[39]
องโยยสั่งทหารให้สร้างแพขนาดใหญ่หลายสิบลำ แต่ละลำมีความกว้างมากกว่า 100 ปู้ (步) และวางหุ่นฟางไว้บนแพ องโยยยังสั่งให้นำคบเพลิงขนาดใหญ่ แต่ละอันมีความยาวมากกว่าสิบจ้าง และมีความยาวโดยรอบมากกว่าสิบเหวย์ (圍) มาปักไว้ด้านหน้าของแพทุกลำและราดด้วยน้ำมัน จากนั้นจึงส่งแพเหล่านั้นแล่นออกไปด้านหน้ากองเรือไปยังเครื่องกีดขวาง เมื่อแพติดเข้ากับเครื่องกีดขวาง องโยยก็สั่งให้ทหารจุดไฟเผาแพ หลังการเผาเป็นเวลาหลายชั่วโมง ขวากและโซ่เหล็กก็หลอมเหลว เป็นการเปิดเส้นทางให้ทัพเรือของราชวงศ์จิ้นแล่นผ่านไปได้ [40]
การล่มของซีหลิง, จิงเหมินและอี๋เต้า
[แก้]ในวันที่ 20 มีนาคม ค.ศ. 280 องโยยนำทัพยึดได้ซีหลิง (西陵; อยู่บริเวณนครอี๋ชาง มณฑลหูเป่ย์) และสังหารเหล่านายทหารของง่อก๊ก ได้แก่ หลิว เซี่ยน (留憲), เฉิง จฺวี้ (成據) และยฺหวี จง (虞忠)[41] สองวันต่อมา ทัพขององโยยยึดได้จิงเหมิน (荆門) และอี๋เต้า (夷道; ปัจจุบันคือนครอี๋ตู มณฑลหูเป่ย์) และสังหารลู่ เยี่ยน (陸晏) นายทหารของง่อก๊ก[42]
เมื่อองโยยยึดได้ซีหลิง เตาอี้เขียนจดหมายถึงองโยยเพื่ออนุญาตให้องโยยรุดหน้าต่อไปทางตะวันออกตามแม่น้ำแยงซีเพื่อพิชิตเบาะเหลง (秣陵 มั่วหลิง; ปัจจุบันคือนครหนานจิง มณฑลเจียงซู) นครหลวงของง่อก๊ก องโยยยินดีมากหลังอ่านจดหมายของเตาอี้จึงส่งจดหมายฉบับนั้นไปถวายสุมาเอี๋ยนจักรพรรดิราชวงศ์จิ้น[43]
เส้นทางเดินทัพของเตาอี้และเฮาหุน
[แก้]
ระหว่างวันที่ 18 กุมภาพันธ์และ 17 มีนาคม ค.ศ. 280 ทัพราชวงศ์จิ้นนำโดยเตาอี้ตีฝ่าแนวป้องกันของง่อก๊กทั้งหมดตลอดแนวชายแดนระหว่างราชวงศ์จิ้นและง่อก๊ก มุ่งสู่อำเภอกังเหลง[44] เมื่อไปถึงจุดหมาย เตาอี้สั่งกำลังพลให้ล้อมอำเภอกังเหลงไว้ ขณะเดียวกันก็ส่งผู้ใต้บังคับบัญชาคือฝาน เสี่ยน (樊顯), อิ่น หลิน (尹林), เติ้ง กุย (鄧圭) และโจว ฉี (周奇) ให้นำกองกำลังแยกแผ้วถางเส้นทางตลอดแนวแม่น้ำแยงซีสำหรับทัพเรือขององโยยที่เคลื่อนมาจากทางตะวันตก ทัพของเตาอี้สามารถยึดอาณาเขตของง่อก๊กได้ตลอดทางภายในสิบวัน[45]
การล่มของเล่อเซียง
[แก้]เตาอี้ยังส่งโจว จื่อ (周旨), อู่ เฉา (伍巢) และกว่าน ติ้ง (管定) ให้นำทหาร 800 นายข้ามแม่น้ำแยงซีในเวลากลางคืนและเตรียมการโจมตีเล่อเซียง (樂鄉; ทางตะวันออกของนครซงจือ มณฑลหูเป่ย์ในปัจจุบัน) เมื่อทั้งหมดยกพลมาถึงเขาปาสัน (巴山 ปาชาน; ทางตะวันตกเฉียงใต้ของนครซงจือ มณฑลหูเป่ย์ในปัจจุบัน) จึงเริ่มจุดไฟหลายจุดและปักธงจำนวนมากโดยรอบพื้นที่เพื่อหลอกให้ทหารฝ่ายง่อก๊กเข้าใจผิดว่าทัพราชวงศ์จิ้นมีกำลังพลมากกว่าความเป็นจริง ในช่วงเดียวกันก็เข้าจู่โจมตำแหน่งสำคัญโดยรอบเล่อเซียงเพื่อสร้างความสับสนและหวาดกลัวในหมู่ข้าศึก ซุนหลิม (孫歆 ซุน ซิน) นายทหารง่อก๊กผู้รักษาเล่อเซียงรู้สึกตกใจและหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ถึงขั้นเขียนจดหมายถึงง่อเอี๋ยน (伍延 อู่ เหยียน) นายทหารง่อก๊กที่รักษาอำเภอกังเหลงว่า "พวกทหารที่ยกมาจากทางเหนืออย่างกับบินข้ามแม่น้ำมา"[46]
โจว จื่อ, อู่ เฉาและกว่าน ติ้งนำทหาร 800 นายไปซุ่มอยู่นอกเล่อเซียง ในขณะเดียวกัน เมื่อทัพเรือขององโยยเคลื่อนมาใกล้เล่อเซียงมาตามแม่น้ำแยงซีจากทางตะวันตก ซุนหลิมจึงส่งกำลังพลออกจากเล่อเซียงไปขับไล่ข้าศึกแต่ไม่สำเร็จ กำลังพลที่แตกพ่ายของซุนหลิมกลับมายังเล่อเซียง นายทหารของราชวงศ์จิ้นทั้ง 3 นายกับกำลังพล 800 นายที่ซุ่มอยู่ใช้โอกาสนี้แทรกซึมเข้าไปในเมืองโดยไม่ถูกจับได้ แล้วยึดครองเล่อเซียงได้อย่างรวดเร็ว จับตัวซุนหลิมได้ในค่ายของซุนหลิมเอง และส่งตัวซุนหลิมในฐานะเชลยศึกไปให้เตาอี้[47]
ในวันที่ 25 มีนาคม ค.ศ. 280 ทัพราชวงศ์จิ้นยึดได้เล่อเซียงและสังหารลู่ จิ่ง (陸景) นายทหารทัพเรือของง่อก๊ก ส่วนชือ หง (施洪) ขุนพลง่อก๊กยอมจำนนต่อทัพราชวงศ์จิ้น[48]
การล่มของกังเหลงและเจียงอาน
[แก้]เตาอี้สั่งกำลังพลให้เพิ่มความรุนแรงในการโจมตีอำเภอกังเหลง ง่อเอี๋ยนแสร้งทำเป็นยอมจำนนต่อเตาอี้ ขณะเดียวกันก็สั่งทหารของตนให้เตรียมพร้อมป้องกันอยู่บนกำแพงเมือง ในวันที่ 3 เมษายน ค.ศ. 280 เตาอี้ตีฝ่าแนวป้องกันของง่อเอี๋ยนและยึดอำเภอกังเหลงได้สำเร็จ ง่อเอี๋ยนถูกสังหารในที่รบ[49]
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ทัพราชวงศ์จิ้นนำโดยเฮาหุนก็ยึดได้เจียงอาน (江安; ปัจจุบันคืออำเภอกงอาน มณฑลหูเป่ย์)[50]
การจัดกำลังพลใหม่ของทัพราชวงศ์จิ้นเมื่อ 4 เมษายน ค.ศ. 280
[แก้]ในวันที่ 4 เมษายน ค.ศ. 280 จักรพรรดิสุมาเอี๋ยนทรงออกพระราชโองการเลื่อนยศให้องโยยเป็นขุนพลสยบภาคตะวันออก (平東將軍 ผิงตงเจียงจฺวิน) พระราชทานอาญาสิทธิ์ และมอบหมายให้กำกับดูแลราชการทหารในมณฑลเอ๊กจิ๋ว[51] พระองค์ยังทรงออกพระราชโองการอีกฉบับเพื่อจัดกำลังพลของทัพหกสายใหม่ดังต่อไปนี้:
- องโยยและตงปีนให้รุดหน้าต่อไปทางตะวันออกตามแม่น้ำและยึดปากิ๋ว (巴丘 ปาชิว; ปัจจุบันคือนครเยฺว่หยาง มณฑลหูหนาน) จากนั้นจะได้รับการหนุนช่วยจากเฮาหุนและอ๋องหยงในภารกิจถัด ๆ ไป และรุดหน้าไปตามแม่น้ำมุ่งไปยังเบาะเหลง (秣陵 มั่วหลิง; ปัจจุบันคือนครหนานจิง มณฑลเจียงซู) นครหลวงของง่อก๊ก
- เฮาหุนให้เข้าโจมตีแฮเค้า (夏口 เซี่ยโข่ว โดยได้รับการหนุนช่วยจากองโยยและตงปีน หลังยึดแฮเค้าได้แล้ว เฮาหุนจะโอนกำลังพลใต้บังคับบัญชา 7,000 นายให้กับองโยย
- อ๋องหยงให้โจมตีบู๊เฉียง (武昌 อู่ชาง; ปัจจุบันคือนครเอ้อโจว มณฑลหูเป่ย์) โดยได้รับการหนุนช่วยจากองโยยและตงปีน หลังยึดบู๊เฉียงได้แล้ว อ๋องหยงจะโอนกำลังพลใต้บังคับบัญชา 6,000 นายให้กับตงปีน
- เตาอี้ให้เข้ายึดสามเมืองในมณฑลเกงจิ๋วตอนใต้ ได้แก่ เลงเหลง (零陵 หลิงหลิง; อยู่บริเวณนครหย่งโจว มณฑลหูหนานในปัจจุบัน), ฮุยเอี๋ยง (桂陽 กุ้ยหยาง; ปัจจุบันคือนครเชินโจว มณฑลหูหนาน) และเหิงหยาง (衡陽; ทางตะวันตกของนครเซียงถาน มณฑลหูหนานในปัจจุบัน) เมื่อสงบมณฑลเกงจิ๋วตอนใต้ได้แล้ว เตาอี้จะโอนกำลังพลใต้บังคับบัญชา 10,000 นายให้กับองโยย และอีก 7,000 นายให้กับตงปีน
กาอุ้นแม่ทัพใหญ่ของการศึกได้รับคำสั่งให้ย้ายไปยังอำเภอฮางเสีย (項縣 เซี่ยงเซี่ยน; ปัจจุบันคืออำเภอเฉิ่นชิว มณฑลเหอหนาน) เพื่อประสานงานการเคลื่อนพลของทัพทั้ง 6 สาย[52]
การยอมจำนนของมณฑลเกาจิ๋วและกว่างโจว
[แก้]หลังการล่มของอำเภอกังเหลง เจ้าเมืองของเมืองในอาณาเขตของง่อก๊กซึ่งตั้งอยู่ทางใต้ของแม่น้ำยฺเหวียน (沅江 ยฺเหวียนเจียง) และแม่น้ำเซียง ( 湘江 เซียงเจียง) ครอบคลุมพื้นที่ของมณฑลเกาจิ๋ว (交州 เจียวโจว) และมณฑลกว่างโจว (廣州) ต่างยอมจำนนโดยสมัครใจต่อทัพราชวงศ์จิ้นที่นำโดยเตาอี้ หลังเตาอี้รับตราข้าราชการของเหล่าเจ้าเมืองแล้ว เตาอี้ก็ใช้อาญาสิทธิ์ที่ได้รับจากราชสำนักราชวงศ์จิ้นในการรับการยอมจำนนของเหล่าเจ้าเมืองและทำให้เมืองเหล่านั้นสงบลง ในช่วงเวลานั้น ทหารของเตาอี้ได้สังหารหรือจับกุมแม่ทัพนายกองของข้าศึกในพื้นที่ 14 นาย และข้าราชการและเจ้าเมืองของข้าศึกมากกว่า 120 คน เตาอี้ยังแต่งตั้งข้าราชการให้ปกครองอาณาเขตของง่อก๊กที่ยึดมาได้ในเมืองลำกุ๋น (南郡 หนานจฺวิ้น; อยู่บริเวณอำเภอเจียงหลิง มณฑลหูเป่ย์ในปัจจุบัน) ฟื้นฟูความสงบและความมั่นคงในมณฑลเกงจิ๋ว พลเมืองง่อก๊กหลายคนแปรพักตร์เข้าด้วยราชวงศ์จิ้นด้วยความตั้งใจของตนเอง[53]
เส้นทางเดินทัพของเฮาหุนและอ๋องหยง
[แก้]ตั้งแต่การจัดกำลังพลใหม่ในวันที่ 4 เมษายนจนถึงวันที่ 16 เมษายน ค.ศ. 280 ทัพของราชวงศ์จิ้นที่นำโดยองโยยและตงปีนได้ปฏิบัติภารกิจหนุนช่วยทัพของเฮาหุนและอ๋องหยงในการโจมตีเพื่อยึดแฮเค้า (夏口 เซี่ยโข่ว) และบู๊เฉียง (武昌 อู่ชาง; ปัจจุบันคือนครเอ้อโจว มณฑลหูเป่ย์) ตามลำดับ[54]
ที่บู๊เฉียง อ๋องหยงสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาคือหลัว ช่าง (羅尚) และหลิว เฉียว (劉喬) ให้นำกองหน้าเข้าโจมตีเมือง หยาง ยง (楊雍) และซุน ชู่ (孫述) นายทหารของง่อก๊ก พร้อมด้วยหลิว หล่าง (劉朗) เจ้าเมืองของเมืองกังแฮนำผู้ติดตามไปยอมจำนนต่ออ๋องหยง[55]
หลังยึดได้บู๊เฉียง อ๋องหยงนำทัพรุดหน้าไปทางใต้จนไปถึงฝั่งเหนือของแม่น้ำแยงซี ในช่วงเวลานั้น เมิ่ง ไท่ (孟泰) นายทหารของง่อก๊กสามารถเกลี้ยกล่อมให้กำลังทหารของง่อก๊กที่อำเภอฉีชุน (蘄春縣 ฉีชุนเซี่ยน) และอำเภอจู (邾縣 จูเซี่ยน; ปัจจุบันคือนครหฺวางกาง มณฑลหูเป่ย์) ให้ยอมจำนนต่ออ๋องหยง ทั้งสองอำเภอจึงมาอยู่ภายใต้การควบคุมของราชวงศ์จิ้น[56]
เส้นทางเดินทัพของอองหุย
[แก้]ในวันที่ 13 มีนาคม ค.ศ. 280 ทัพราชวงศ์จิ้นนำโดยอองหุยเคลื่อนพลไปยังอัวกั๋ง (橫江 เหิงเจียง; พื้นที่ที่ตั้งอยู่ในทางตะวันออกเฉียงใต้ของอำเภอเหอ มณฑลอานฮุยในปัจจุบัน ทางฝั่งเหนือของแม่น้ำแยงซีที่อยู่ตรงกันข้ามกับจุดชมวิวไฉ่ฉือจีทางฝั่งใต้) และฝ่าแนวป้องกันของง่อก๊กไปได้ อองหุยยังส่งผู้ใต้บังคับบัญชาคือเฉิน เชิ่น (陳慎) และจาง เฉียว (張喬) ให้นำกองกำลังแยกไปโจมตีชิมเอี๋ยง (尋陽 สฺวินหยาง; ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอำเภอหฺวางเหมย์ มณฑลหูเป่ย์ในปัจจุบัน) และไล่เซียง (瀨鄉; ทางตะวันออกของอำเภอลู่อี้ มณฑลเหอหนานในปัจจุบัน) ทั้งสองทำภารกิจสำเร็จ เอาชนะทัพง่อก๊กใต้การบังคับบัญชาของข่ง จง (孔忠) จับตัวโจว ซิง (周興) และนายทหารง่อก๊กคนอื่น ๆ 4 นายได้ในที่รบ[57][58]
อองหุยนำทัพรุดหน้าต่อไปและเอาชนะทัพง่อก๊กที่นำโดยหลี่ ฉุน (李純) และยฺหวี กง (俞恭) จับกุมหรือสังหารทหารง่อก๊กจำนวนมาก ขุนพลง่อก๊ก 2 นายคือเฉิน ไต้ (陳代) และจู หมิง (朱明) หวาดกลัวมากจนยอมจำนนต่ออองหุยโดยสมัครใจ[59]
ยุทธการที่สะพานป่าน
[แก้]
ระหว่างวันที่ 17 และ 30 เมษายน ค.ศ. 280 ซุนโฮจักรพรรดิแห่งง่อก๊กทรงมีรับสั่งต่ออัครมหาเสนาบดีเตี๋ยวเค้า (張悌 จาง ที่) ร่วมกับขุนพลสิมเอ๋ง (沈瑩 เฉิ่น อิ๋ง), จูกัดเจ้ง (諸葛靚 จูเก่อ จิ้ง) และซุน เจิ้น (孫震) ให้นำกำลังทหาร 30,000 นายจากเบาะเหลง (秣陵 มั่วหลิง; ปัจจุบันคือนครหนานจิง มณฑลเจียงซู) ข้ามแม่น้ำแยงซีเข้าโจมตีทัพราชวงศ์จิ้น[60] เมื่อยกพลมาถึงงิวจู๋ (牛渚 หนิวจู่; อยู่ในนครหม่าอานชาน มณฑลอานฮุยในปัจจุบัน) สิมเอ๋งคาดการณ์ว่าในที่สุดทัพเรือของราชวงศ์จิ้นจะฝ่าแนวป้องกันของง่อก๊กในมณฑลเกงจิ๋วมาได้ สิมเอ๋งจึงแนะนำเตี๋ยวเค้าให้ดำเนินยุทธวิธีเชิงรับโดยการรักษาที่มั่นที่ตอนล่างของแม่น้ำแยงซีและเตรียมยืนหยัดต่อสู้ครั้งสุดท้ายเมื่อทัพเรือของราชวงศ์จิ้นมาถึง[61] แต่เตี๋ยวเค้าแย้งว่าขวัญกำลังใจของทหารง่อก๊กจะสิ้นไปหากทัพเรือของราชวงศ์จิ้นสามารถเคลื่อนไปถึงเบาะเหลงได้ จึงควรโจมตีโต้กลับทัพราชวงศ์จิ้นที่บุกเข้ามา จากมุมมองของเตี๋ยวเค้า หากทัพง่อก๊กขับไล่ทัพราชวงศ์จิ้นได้สำเร็จหรืออย่างน้อยที่สุดคือป้องกันไม่ให้ทัพราชวงศ์จิ้นรุดหน้าต่อไปมากกว่านี้ ทัพของเตี๋ยวเค้าก็จะสามารถประสานกับทัพง่อก๊กที่เหลืออยู่ในมณฑลเกงจิ๋วและเสริมกำลังป้องกันของพวกตนได้[62]
ช่วงกลางเดือนเมษายน ค.ศ. 280 เตี๋ยวเค้านำทัพง่อก๊กโจมตีจาง เฉียว (張喬) นายทหารของราชวงศ์จิ้นผู้คุมกำลังพล 7,000 นายใกล้กับสะพานหยางเหอ (楊荷橋 หยางเหอเฉียว; ทางตะวันออกเฉียงใต้ของอำเภอเหอ มณฑลอานฮุยในปัจจจุบัน) หลังจาง เฉียวยอมจำนน[63] จูกัดเจ้งเสนอกับเตี๋ยวเค้าให้ประหารชีวิตเชลยศึกทั้งหมดเพราะจูกัดเจ้งเห็นว่าเชลยเหล่านี้แสร้งยอมจำนน จูกัดเจ้งยังเตือนเตี๋ยวเค้าว่าทหาราชวงศ์จิ้นที่ยอมจำนนอาจเป็นภัยคุกคามต่อทัพง่อก๊กในภายหลัง เตี๋ยวเค้าปฏิเสธที่จะทำตามคำแนะนำของจูกัดเจ้งเพราะคิดว่าไม่เป็นการดีที่จะประหารชีวิตทหารข้าศึกที่ยอมจำนน[64]
เมื่ออองหุยรู้เรื่องที่ทัพง่อก๊กโจมตีที่สะพานหยางเหอ จึงสั่งผู้ใต้บังคับบัญชาคือจาง ฮ่าน (張翰), ซุน โฉว (孫疇) และโจว จฺวิ้น (周浚)[65] ให้นำกำลังพลไปต้านทัพง่อก๊ก[66] ที่สะพานป่าน (版橋 ป่านเฉียว; ทางเหนือของอำเภอหานชาน มณฑลอานฮุยในปัจจุบัน) ทั้งสองฝ่ายจัดกระบวนทัพเตรียมพร้อมรบ ในระหว่างการรบ สิมเอ๋งนำกำลังทหารชั้นยอดของง่อก๊ก 5,000 นายที่เรียกว่า "ทหารตันเอี๋ยง" (丹陽兵 ตานหยางปิง) บุกเข้ากระบวนทัพของราชวงศ์จิ้นหลายครั้ง แต่ทัพราชวงศ์จิ้นสามารถรักษาที่ตั้งไว้ได้ ทหารง่อก๊กที่เหลือเสียขวัญเมื่อเห็น "ทหารตันเอี๋ยง" ทำลายกระบวนทัพของราชวงศ์จิ้นไม่สำเร็จ เมื่อเหล่าแม่ทัพสั่งให้ถอยทัพจึงเกิดความโกลาหลและไม่เป็นระเบียบขึ้น นายทหารของราชวงศ์จิ้น 2 นายคือเซฺว เชิ่ง (薛勝) และเจียวปั้น (蔣班 เจี่ยง ปาน) ถือโอกาสนี้นำหน่วยของตนเข้าโจมตีตอบโต้ข้าศึกอย่างดุเดือด ทัพง่อก๊กแตกพ่าย ทหารหนีกระจัดกระจายไปทุกทิศทาง ในขณะที่เหล่าแม่ทัพก็ไม่สามารถหยุดทหารเหล่านี้จากการหนีทัพได้ ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น จาง เฉียวและผู้ใต้บังคับบัญชาที่ยอมจำนนต่อทัพง่อก๊กก่อนหน้านี้ก็ใช้จังหวะนี้หันมาโจมตีทัพง่อก๊กจากด้านหลัง ขุนพลง่อก๊กซุน เจิ้นและสิมเอ๋งพร้อมด้วยทหารง่อก๊ก 7,000 ถึง 8,000 นายเสียชีวิตในที่รบ[67][68][69]
จูกัดเจ้งขุนพลง่อก๊กหนีจากสนามรบมาได้พร้อมทหาร 500 ถึง 600 นาย พบเข้ากับเตี๋ยวเค้าระหว่างทางจึงบอกให้เตี๋ยวเค้าร่วมทางกับตนล่าถอยกลับไปเบาะเหลง เตี๋ยวเค้าปฏิเสธ จูกัดเจ้งจึงรั้งเตี๋ยวเค้าไว้และบอกว่าไม่จำเป็นต้องไปตาย แต่เตี๋ยวเค้าปฏิเสธอย่างหนักแน่นและจากจูกัดเจ้งไปเพราะต้องการแสดงความจงรักภักดีต่อง่อก๊ก จูกัดเจ้งไม่มีทางเลือกจึงหลั่งน้ำตาปล่อยให้เตี๋ยวเค้าไป หลังจูกัดเจ้งล่าถอยไปได้ประมาณ 100 ปู้ (步) ทหารราชวงศ์จิ้นที่ไล่ตามมาก็มาทันเตี๋ยวเค้าและสังหารเตี๋ยวเค้าในที่รบ[70]
ไม่นานหลังยุทธการที่สะพานป่าน เหอ จื๋อ (何植) เสนาบดีง่อก๊ก (ซึ่งเป็นพระมาตุลาหรือน้าของซุนโฮด้วย) และซุน เยี่ยน (孫晏) ขุนพลง่อก๊กยอมจำนนต่อทัพราชวงศ์จิ้นภายใต้การนำของอองหุย[71]
อองหุยปฏิเสธที่จะโจมตีเบาะเหลง
[แก้]หลังชัยชนะของทัพราชวงศ์จิ้นที่สะพานป่าน เหอ ยฺวิ่น (何惲) ผู้ใต้บังคับบัญชาของโจว จฺวิ้น (周濬) แนะนำโจว จฺวิ้นให้นำกำลังพลข้ามแม่น้ำแยงซีและเข้าล้อมเบาะเหลง (秣陵 มั่วหลิง; ปัจจุบันคือนครหนานจิง มณฑลเจียงซู) นครหลวงของง่อก๊ก เพื่อกดดันให้ซุนโฮจักรพรรดิง่อก๊กยอมจำนนโดยสมัครใจ[72] โจว จฺวิ้นเห็นด้วยกับเหอ ยฺวิ่นและต้องเสนอความคิดนี้กับอองหุยที่เป็นผู้บังคับบัญชาเหนือตน แต่เหอ ยฺวิ่นคาดการณ์ว่าอองหุยจะไม่เห็นด้วยเพราะอองหุยไม่ได้รับพระบรมราชานุญาตจากสุมาเอี๋ยนจักรพรรดิราชวงศ์จิ้นให้โจมตีเบาะเหลง[73] การคาดการณ์ของเหอ ยฺวิ่นถูกต้อง องงหุยปฏิเสธที่จะโจมตีเบาะเหลงแม้ว่าโจว จฺวิ้นและเหอ ยฺวิ่นพยายามโน้มน้าวก็ตาม[74]
เส้นทางเดินทัพของสุมาเตี้ยม
[แก้]สุมาเตี้ยมนำทัพไปยังอิต๋ง (塗中 ถูจง; อยู่บริเวณนครฉูโจว มณฑลอานฮุยในปัจจุบัน) ที่นั่นสุมาเตี้ยมสั่งหลิว หง (劉弘) รองแม่ทัพให้นำพลไปยังฝั่งเหนือของแม่น้ำแยงซีบริเวณตรงกันข้ามกับเบาะเหลง (秣陵 มั่วหลิง; ปัจจุบันคือนครหนานจิง มณฑลเจียงซู) ต่อมาหลังจากที่ทัพราชวงศ์จิ้นได้ชัยในยุทธการที่สะพานป่าน สุมาเตี้ยมสั่งหวาง เหิง (王恆) หัวหน้าเสมียนให้นำพลข้ามแม่น้ำแยงซีเข้าโจมตีจุดยุทธศาสตร์ของง่อก๊กตลอดแนวแม่น้ำ ในการรบที่เกิดขึ้นตามมา ทัพราชวงศ์จิ้นจับได้ตัวไช่ จี (蔡機) นายทหารของง่อก๊กผู้ดูแลการป้องกันตลอดแนวแม่น้ำ ทหารง่อก๊กจำนวนระหว่าง 50,000 ถึง 60,000 นายเสียชีวิตในรบหรือไม่ก็ยอมจำนนต่อทัพราชวงศ์จิ้น จูกัดเจ้งขุนพลง่อก๊กที่หลบหนีมาได้หลังยุทธการที่สะพานป่าน ได้พบซุน อี้ (孫奕) ซึ่งเป็นนายทหารง่อก๊กด้วยมายอมจำนนต่อสุมาเตี้ยม[75]
ความพยายามต้านทานครั้งสุดท้ายของง่อก๊ก
[แก้]ระหว่างวันที่ 17 และ 30 เมษายน ค.ศ. 280 หลังทัพเรือของราชวงศ์จิ้นที่นำโดยองโยยและตงปีนได้หนุนช่วยทัพของเฮาหุนและอ๋องหยงในการยึดแฮเค้า (夏口 เซี่ยโข่ว) และบู๊เฉียง (武昌 อู่ชาง; ปัจจุบันคือนครเอ้อโจว มณฑลหูเป่ย์) ทัพเรือก็ล่องไปตามแม่น้ำแยงซีต่อไปเพื่อมุ่งไปสู่เบาะเหลง (秣陵 มั่วหลิง; ปัจจุบันคือนครหนานจิง มณฑลเจียงซู) นครหลวงของง่อก๊ก นับตั้งแต่ทัพเรือเคลื่อนพลออกจากเซงโต่ (成都 เฉิงตู) เมื่อช่วงต้น ค.ศ. 280 ก็ประสบความสำเร็จในการยึดครองอาณาเขตของง่อก๊กทั้งหมดตลอดทางโดยไม่ได้รับความเสียหายมากนัก เนื่องจากกำลังทหารของง่อก๊กในมณฑลเกงจิ๋วพ่ายแพ้อย่างง่ายดาย[76] ในช่วงเวลาที่ทัพเรือมุ่งหน้าไปยังเบาะเหลง มีกำลังพลเพิ่มขึ้นจากตอนแรกที่มี 50,000 หรือ 70,000 นายขึ้นมาเป็นประมาณ 80,000 หรือ 100,000 นาย[f] หลังได้รับกำลังพลเพิ่มเติม 30,000 นายจากทัพราชวงศ์จิ้นในเส้นทางอื่น ๆ 3 สาย โดยมาจากทัพของเฮาหุน 7,000 นาย จากทัพของอ๋องหยง 6,000 นาย และจากทัพของเตาอี้ 17,000 นาย[52]
เมื่อทัพเรือของราชวงศ์จิ้นมาถึงซานชาน (三山; ทางตะวันตกเฉียงใต้ของนครหนานจิง มณฑลเจียงซูในปัจจุบัน) ซุนโฮจักรพรรดิง่อก๊กจึงทรงมีรับสั่งให้ขุนพลจาง เซี่ยง (張象) นำกำลังพล 10,000 นายไปต้านข้าศึก จาง เซี่ยงรู้ว่าตนไม่มีทางเอาชนะข้าศึกได้จึงยอมจำนนต่อองโยยโดยไม่รบ[77]
ในช่วงเวลานั้น เถา จฺวิ้น[g] (陶濬) นายทหารง่อก๊กที่เพิ่งเดินทางกลับมาถึงเบาะเหลงจากบู๊เฉียง ได้เข้าเฝ้าซุนโฮ เมื่อซุนโฮทรงสอบถามถึงสถานะของทัพเรือง่อก๊ก เถา จฺวิ้นทูลว่า "เรือรบของข้าศึกที่สร้างในจ๊ก (蜀 ฉู่) ล้วนมีขนาดเล็ก หากเรามีกำลังพล 20,000 นายและเรือรบที่ใหญ่กว่า ก็เพียงพอที่จะเอาชนะข้าศึกได้" ซุนโฮจึงทรงเร่งระดมกองเรือรบขึ้นอีกครั้ง และมอบหมายให้เถา จฺวิ้นเป็นผู้บังคับบัญชา แต่ทหารง่อก๊กส่วนใหญ่หนีทัพไปในเวลากลางคืนก่อนที่จะต้องเคลื่อนพลไปโจมตีกองเรือรบของราชวงศ์จิ้น[78]
การยอมจำนนของซุนโฮ
[แก้]
เมื่อวันที่ 30 เมษายน ค.ศ. 280 ซุนโฮทรงรู้สึกหวาดกลัวอย่างยิ่งเมื่อทรงทราบข่าวว่าทัพเรือขององโยยกับทัพของสุมาเตี้ยมและอองหุยมาถึงนอกประตูนครหลวงเบาะเหลง (秣陵 มั่วหลิง; ปัจจุบันคือนครหนานจิง มณฑลเจียงซู) แล้ว พระองค์ทรงหวาดกลัวยิ่งขึ้นเมื่อทรงทราบว่าทัพเรือขององโยยมีขนาดใหญ่โตมโหฬารจนธงทิว อาวุธ และชุดเกราะสามารถปกคลุมพื้นผิวของทั้งแม่น้ำแยงซีอย่างง่ายดาย หลังหมดหนทาง ในที่สุดพระองค์จึงทรงกระทำตามคำแนะของที่ปรึกษาของพระองค์คือเซฺว อิ๋ง (薛瑩) และหู ชง (胡沖) ตัดสินพระทัยยกเลิกการต้านทานและทรงยอมจำนนต่อทัพราชวงศ์จิ้นอย่างเป็นทางการ พระองค์ทรงเขียนเอกสารยอมจำนนและส่งสำเนาแยกกันไปให้องโยย, สุมาเตี้ยม และอองหุย[79][80][81] เอกสารยอมจำนนมีความว่า:
"ซุนโฮชาวเมืองง่อกุ๋น (吳郡 อู๋จฺวิ้น) ขอคุกเข่าคำนับขอชีวิต ในอดีต ราชวงศ์ฮั่นล่มสลาย เก้ามณฑลแตกแยก บรรพบุรุษของเราสามารถเข้าครอบครองกังหนำ (江南 เจียงหนาน) ทั้งภูเขาและแม่น้ำไว้ได้ ตั้งตัวเป็นอิสระเพื่อชิงชัยกับวุย ราชวงศ์จิ้นอันยิ่งใหญ่รุ่งเรืองขึ้นและแผ่ขยายการปกครองอันทรงคุณธรรมไปทั้งแผ่นดิน เราอ่อนแอไร้ความสามารถและขี้ขลาด ไม่อาจบรรลุปณิธานแห่งฟ้าได้ บัดนี้เราทำให้ทัพทั้งหกสายเดินทางข้ามแผ่นดิน เรียงแถวตามเส้นทาง และเคลื่อนพลเป็นระยะทางไกลไปตามแม่น้ำเพื่อมาถึงเรา ทุกคนในรัฐของเราต่างสั่นสะท้านต่อกำลังของทัพเหล่านั้น และตระหนักว่าหายนะของเรากำลังจะมาถึง เราขอรวบรวมความกล้าเพื่อขอให้ราชสำนักให้อภัยและยอมรับเรา เราขอส่งจาง ขุย (張夔) เสนาบดีพิธีการ (太常 ไท่ฉาง) ของเราและคนอื่น ๆ ให้นำตราแผ่นดินและสายประดับไหมมามอบให้อย่างนอบน้อม เราขอมอบชีวิตของเราไว้กับพวกท่านด้วยหวังว่าจะได้รับการไว้ชีวิต เรายังหวังเป็นอย่างยิ่งว่าพวกท่านจะเชื่อใจเราและรับการยอมจำนนของเรา เพื่อที่ราษฎรจะได้รับการช่วยให้พ้นภัย"[82][83]
ในวันรุ่งขึ้นคือวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 280[b] ซุนโฮทรงออกพระราชโองการสุดท้าย ขอร้องต่อผู้คนในง่อก๊กให้อย่ารู้สึกเสียใจต่อการล่มสลายของง่อก๊ก แต่ให้เตรียมตนเองให้พร้อมเป็นข้าราชบริพารของราชวงศ์จิ้น[84] จากนั้นพระองค์จะทรงเปลื้องฉลองพระองค์ส่วนบนทั้งหมดและมัดพระองค์เอง (เป็นวิธีการส่งมอบเชลยศึกให้กับผู้ชนะในยุทธการ) ทรงนำโลงศพไปด้วยกับพระองค์ และเสด็จไปยังโจะเทาเสีย (石頭城 ฉือโถวเฉิง; ในนครหนานจิงด้านตะวันตก มณฑลเจียงซูในปัจจุบัน) เพื่อยอมจำนนต่อองโยย ถือเป็นการสิ้นสุดของรัฐง่อก๊กอย่างเป็นทางการ[85] องโยยใช้อาญาสิทธิ์ที่รับพระราชทานจากสุมาเอี๋ยนจักรพรรดิราชวงศ์จิ้นในการรับการยอมจำนนของซุนโฮ แก้มัดให้พระองค์ และเผาโลงศพเสีย จากนั้นองโยยจึงส่งตัวซุนโฮในฐานะเชลยศึกไปยังลกเอี๋ยง (洛陽 ลั่วหยาง) นครหลวงของราชวงศ์จิ้น เพื่อนำตัวไปมอบให้สุมาเอี๋ยน[86]
ในช่วงเวลาที่ง่อก๊กล่มสลาย ในแผนที่และเอกสารหลวงที่องโยยรวบรวมมาได้ระบุว่าอาณาเขตของง่อก๊กครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด 4 มณฑล 43 เมือง และ 313 อำเภอ มีประชากร 2.3 ล้านคนและ 523,000 ครัวเรือน รวมถึงข้าราชการ 32,000 คนและกำลังทหาร 230,000 นาย[4]
ผลสืบเนื่อง
[แก้]การล่มของเบาะเหลงหรือเกี๋ยนเงียบ (建業 เจี้ยนเย่) นครหลวงของง่อก๊กและการยอมจำนนของซุนโฮถือเป็นจุดสิ้นสุดของทั้งรัฐง่อก๊กและยุคสามก๊ก หลังความขัดแย้ง การต่อสู้ และการนองเลือดอย่างสูญเปล่าเป็นระยะเวลายาวนานเกือบ 100 ปี ในที่สุดแผ่นดินจีนก็กลับมารวมกันเป็นหนึ่งเดียวภายใต้การปกครองของราชวงศ์จิ้นตะวันตก แม่ทัพราชวงศ์จิ้นที่มีส่วนร่วมในการศึกได้รับบำเหน็จรางวัลอย่างงาม ที่น่าประหลาดใจคือกาอุ้นที่เป็นแม่ทัพใหญ่ซึ่งเคยคัดค้านการทำศึกกลับได้รับรางวัลใหญ่ที่สุดคือได้ศักดินา 8,000 ครัวเรือน อองหุยโกรธมากเมื่อทราบข่าวว่าองโยยยึดเกี๋ยนเงียบได้ และประกาศกับเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาด้วยความโกรธว่าตนจับตาดูซุนโฮเป็นเวลาเกือบร้อยวัน แต่องโยยกลับชุบมือเปิบไปในท้ายที่สุด อองหุยเขียนฎีการ้องเรียนถึงราชสำนัก อ้างว่าองโยยไม่เชื่อฟังคำสั่งและยักยอกทรัพย์สินที่ยึดได้ในการศึก องโยยก็เขียนฎีกาถึงราชสำนักเพื่อแก้ต่างให้ตนเอง อ้างว่าที่อองหุยพูดเป็นการใส่ร้าย แต่อองหุยมีอำนาจและอิทธิพลในราชสำนักราชวงศ์จิ้นมากกว่าจึงเป็นฝ่ายได้เปรียบกว่า เหล่าผู้ติดตามของอองหุยต่างเสนอให้จับกุมองโยยไปขังคุก ท้ายที่สุดจักรพรรดิสุมาเอี๋ยนทรงยุติความขัดแย้งโดยการพระราชทานรางวัลแก่องโยยอย่างงาม
บุคคลในยุทธการ
[แก้]ทัพราชวงศ์จิ้น
[แก้]- จักรพรรดิแห่งราชวงศ์จิ้น (晉帝 จิ้นตี้) สุมาเอี๋ยน (司馬炎 ซือหม่า เหยียน)[3]
- แม่ทัพใหญ่ (大都督 ต้าตูตู) กาอุ้น (賈充 เจี่ย ชง)[32]
- ขุนพลพิทักษ์ทัพ (鎮軍將軍 เจิ้นจฺวินเจียงจฺวิน) สุมาเตี้ยม (司馬伷 ซือหม่า โจ้ว)[3][75]
- ขุนพลสงบภาคตะวันออก (安東將軍 อานตงเจียงจฺวิน) อองหุย (王渾 หวาง หุน)[3]
- ข้าหลวงมณฑลยังจิ๋ว (揚州刺史 หยางโจวชื่อฉื่อ) โจว จฺวิ้น (周濬)[68]
- เจ้าหน้าที่ผู้ช่วย (別駕 เปี๋ยเจี้ย) เหอ ยฺวิ่น (何惲)[72]
- ผู้พิทักษ์ทัพโจมตีง่อ (討吳護軍 เถ่าอู๋ฮู่จฺวิน) จาง ฮ่าน (張翰)[66]
- นางกองพัน (司馬 ซือหม่า) ซุน โฉว (孫疇)[68]
- เสนาธิการทัพ (參軍 ชานจฺวิน) เฉิน เชิ่น (陳慎)[57]
- เซฺว เชิ่ง (薛勝)[69]
- เจียวปั้น (蔣班 เจี่ยง ปาน)[69]
- นายกองร้อยแห่งเฉิงหยาง (成陽都尉 เฉิงหยางตูเว่ย์) จาง เฉียว (張喬)[63]
- ข้าหลวงมณฑลยังจิ๋ว (揚州刺史 หยางโจวชื่อฉื่อ) โจว จฺวิ้น (周濬)[68]
- มหาขุนพลพิทักษ์ภาคใต้ (鎮南大將軍 เจิ้นหนานต้าเจียงจฺวิน) เตาอี้ (杜預 ตู้ ยฺวี่)[3]
- เจ้าเมืองซงหยง (襄陽太守 เซียงหยางไท่โฉ่ว) โจว ฉี (周奇)[45]
- เสนาธิการทัพ (參軍 ชานจฺวิน) ฝาน เสี่ยน (樊顯)[45]
- เสนาธิการทัพ (參軍 ชานจฺวิน) อิ่น หลิน (尹林)[45]
- เสนาธิการทัพ (參軍 ชานจฺวิน) เติ้ง กุย (鄧圭)[45]
- ขุนพลรักษาค่ายใหญ่ (牙門將 หยาเหมินเจี้ยง) โจว จื่อ (周旨)[46]
- ขุนพลรักษาค่ายใหญ่ (牙門將 หยาเหมินเจี้ยง) กว่าน ติ้ง (管定)[46]
- ขุนพลรักษาค่ายใหญ่ (牙門將 หยาเหมินเจี้ยง) อู่ เฉา (伍巢)[46]
- ขุนพลสถาปนาเดช (建威將軍 เจี้ยนเวย์เจียงจฺวิน) อ๋องหยง (王戎 หวาง หรง)[3]
- เสนาธิการทัพ (參軍 ชานจฺวิน) หลัว ช่าง (羅尚)[55]
- เสนาธิการทัพ (參軍 ชานจฺวิน) หลิว เฉียว (劉喬)[55]
- ขุนพลสงบภาคใต้ (平南將軍 ผิงหนานเจียงจฺวิน) เฮาหุน (胡奮 หู เฟิ่น)[3]
- ขุนพลมังกรโผน (龍驤將軍 หลงเซียงเจียงจฺวิน)[h] องโยย (王濬 หวาง จฺวิ้น)[3]
ทัพง่อก๊ก
[แก้]-
จักรพรรดิแห่งง่อก๊ก (吳帝 อู๋ตี้) ซุนโฮ (孫皓 ซุน เฮ่า)[82]
-
ขุนพลกองโจร (游擊將軍 โหยวจีเจียงจฺวิน) จาง เซี่ยง (張象)[77]
- แม่ทัพแห่งสฺวีหลิง (徐陵督) เถา จฺวิ้น (陶濬)[78]
-
- † อัครมหาเสนาบดี (丞相 เฉิงเซี่ยง) และที่ปรึกษาการทหาร (軍師 จฺวินชือ) เตี๋ยวเค้า (張悌 จาง ที่)[63]
-
เจ้าเมืองเจี้ยนผิง (建平太守 เจี้ยนผิงไท่โฉ่ว) อู๋ เยี่ยน (吾彥)[36]
- † ผู้ควบคุมทัพ (監軍 เจียนจฺวิน) ลู่ เยี่ยน (陸晏)[42]
- † ขุนพลพิทักษ์ภาคใต้ (鎮南將軍 เจิ้นหนานเจียงจฺวิน) หลิว เซี่ยน (留憲)[41]
- † ขุนพลโจมตีภาคใต้ (征南將軍 เจิงหนานเจียงจฺวิน) เฉิง จฺวี้ (成據)[41]
- † เจ้าเมืองงิเต๋า (宜都太守 อี๋ตูไท่โฉ่ว) ยฺหวี จง (虞忠)[41]
- (เชลย) ผู้ควบคุมเมืองตันเอี๋ยง (丹楊監 ตานหยางเจียน) เชิ่ง จี้ (盛紀)[37]
- † แม่ทัพแห่งกังเหลง (江陵督 เจียงหลิงตู) ง่อเอี๋ยน (伍延 อู่ เหยียน)[49]
- (เชลย) แม่ทัพแห่งเล่อเซียง (樂鄉都督 เล่อเซียงตูตู) ซุนหลิม (孫歆 ซุน ซิน)[47]
- † แม่ทัพเรือ (水軍督 ฉุ่ยจฺวินตู) ลู่ จิ่ง (陸景)[48]
-
ขุนพลสงบภาคตะวันตก (平西將軍 ผิงซีเจียงจฺวิน) ชือ หง (施洪)[48]
-
เจ้าเมืองกังแฮ (江夏太守 เจียงเซี่ยไท่โฉ่ว) หลิว หล่าง (劉朗)[55]
-
หยาง ยง (楊雍)[55]
-
ซุน ชู่ (孫述)[55]
-
ขุนพลรักษาค่ายใหญ่ (牙門將 หยาเหมินเจี้ยง) เมิ่ง ไท่ (孟泰)[56]
- † ขุนพลรักษาค่ายใหญ่ (牙門將 หยาเหมินเจี้ยง) ข่ง จง (孔忠)[57]
- (เชลย) ขุนพลยุทธเดช (武威將軍 อู่เวย์เจียงจฺวิน) โจว ซิง (周興)[58]
- † ผู้พิทักษ์ทัพ (護軍 ฮู่จฺวิ้น) หลี่ ฉุน (李純)[59]
- † ยฺหวี กง (俞恭)[59]
-
ขุนพลสถาปนายุทธ์ (曆武將軍 ลี่อู่เจียงจฺวิน) เฉิน ไต้ (陳代)[59]
-
ขุนพลสงบอนารยชน (平虜將軍 ผิงหลู่เจียงจฺวิน) จู หมิง (朱明)[59]
- (เชลย) ไช่ จี (蔡機)[75]
-
ซุน อี้ (孫奕)[75]
ในนวนิยายสามก๊ก
[แก้]ในนวนิยายอิงประวัติศาสตร์เรื่องสามก๊ก (三國演義 ซานกั๋วเหยี่ยนอี้) ในคริสต์ศตวรรษที่ 14 ภารกิจการสร้างทัพเรือสำหรับราชวงศ์จิ้นถูกยกให้เป็นความดีความชอบของจงโฮย (鍾會 จง ฮุ่ย) ก่อนการล่มสลายของจ๊กก๊ก โดยจงโฮยเสนอกับสุมาเจียวว่าการสร้างทัพเรือขนาดใหญ่เพื่อโจมตีง่อก๊กนั้นเป็นอุบายที่จะลวงจ๊กก๊กให้คลายความระมัดระวัง และเมื่อถึงเวลาจริง ๆ ที่จะเข้าโจมตีง่อก๊กหลังพิชิตจ๊กก๊กได้แล้ว ทัพเรือก็จะพร้อมใช้งานแล้ว แต่ในความเป็นจริง แนวคิดการสร้างทัพเรือขนาดใหญ่มีต้นกำเนิดจากองโยยและสุมาเอี๋ยน และแผนเริ่มดำเนินการหลังการล่มสลายของจ๊กก๊ก
ในนวนิยาย เหตุการณ์สุดท้ายก่อนการศึกจบลงคือการยอมจำนนของจาง เซี่ยงที่นำทัพเรือที่มีกำลังพล 10,000 นายมารบกับทัพราชวงศ์จิ้น เนื่องจากราชสำนักง่อก๊กยังไม่ได้รับข่าวการยอมจำนนของจาง เซี่ยง องโยยจึงสั่งจาง เซี่ยงให้กลับไปยังเกี๋ยนเงียบนครหลวงของง่อก๊กเพื่อลวงให้ง่อก๊กเปิดประตูนครหลวง จาง เซี่ยงทำตามคำสั่ง แล้วทัพราชวงศ์จิ้นก็ยึดเกี๋ยนเงียบได้อย่างรวดเร็ว ซุนโฮจักรพรรดิง่อก๊กทรงยอมจำนนและถือเป็นจุดสิ้นสุดของง่อก๊ก ในบันทึกประวัติศาสตร์ ก่อนการยอมจำนนของซุนโฮ ยังมียุทธการครั้งสุดท้ายที่ซานชาน (三山) ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกี๋ยนเงียบ ระหว่างทัพขององโยยกับทัพง่อก๊กที่มีขนาดเล็กกว่านำโดยเถา จฺวิ้น (陶濬) ขุนพลง่อก๊ก
หมายเหตุ
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 1.2 จือจื้อทงเจี้ยนบันทึกว่าราชวงศ์จิ้นเริ่มบุกง่อก๊กในเดือน 11 ของศักราชเสียนหนิง (咸寧) ปีที่ 5 ในรัชสมัยของสุมาเอี๋ยน[1] เดือนนี้เทียบได้กับช่วงเวลาระหว่างวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 279 ถึง 18 มกราคม ค.ศ. 280 ในปฏิทินเกรกอรี
- ↑ 2.0 2.1 2.2 จือจื้อทงเจี้ยนบันทึกว่าซุนโฮทรงยอมจำนนในวันเรินอิ๋น (壬寅) ในเดือน 3 ของศักราชไท่คาง (太康) ปีที่ 1 ในรัชสมัยของสุมาเอี๋ยน[2] วันที่นี้เทียบได้กับวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 280 ในปฏิทินเกรกอรี
- ↑ ลู่ จี (陸機) กล่าวถึงการทัพนี้ด้วยคำเรียกว่า "การทัพไท่คาง" ในความเรียง "เปี้ยนหวางลุ่น" (辯亡論) ซึ่งอภิปรายถึงสาเหตุการล่มสลายของง่อก๊ก[5]
- ↑ ดูรายละเอียดในยุทธการที่ซีหลิง
- ↑ ระวังสับสนกับมณฑลเจียงซีของประเทศจีนในปัจจุบัน
- ↑ น้องชายของเถา หฺวาง (陶璜)
- ↑ องโยยได้รับการเลื่อนยศเป็นขุนพลสยบภาคตะวันออก (平東將軍 ผิงตงเจียงจฺวิน) ในวันที่ 4 เมษายน ค.ศ. 280[51]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ จือจื้อทงเจี้ยน 1084, เล่มที่ 80 : "[咸寧五年]冬,十一月,大舉伐吳"
- ↑ จือจื้อทงเจี้ยน 1084, เล่มที่ 81 : "[太康元年三月]壬寅, ...是日, ...吳主皓面縛輿櫬,詣軍門降。"
- ↑ 3.00 3.01 3.02 3.03 3.04 3.05 3.06 3.07 3.08 3.09 จิ้นชู 648, เล่มที่ 3 : "[咸寧五年]十一月,大舉伐吳,遣鎮軍將軍、琅邪王伷出塗中,安東將軍王渾出江西,建威將軍王戎出武昌,平南將軍胡奮出夏口,鎮南大將軍杜預出江陵,龍驤將軍王濬、廣武將軍唐彬率巴蜀之卒浮江而下,東西凡二十餘萬。"
- ↑ 4.0 4.1 จิ้นชู 648, เล่มที่ 3 : "收其圖籍,克州四,郡四十三,縣三百一十三,戶五十二萬三千,吏三萬二千,兵二十三萬,男女口二百三十萬。"
- ↑ (夫太康之役,衆未盛乎曩日之師 ...) "เปี้ยนหวางลุ่น" (บรรพ 2).
- ↑ จือจื้อทงเจี้ยน (1084), เล่มที่ 69.
- ↑ จือจื้อทงเจี้ยน (1084), เล่มที่ 70.
- ↑ จิ้นชู 648, เล่มที่ 2 : "景元[四年]夏,帝將伐蜀,乃謀眾曰:「自定壽春已來,息役六年,治兵繕甲,以擬二虜。略計取吳,作戰船,通水道,當用千餘萬功,此十萬人百數十日事也。又南土下濕,必生疾疫。今宜先取蜀,三年之後,在巴蜀順流之勢,水陸並進,此滅虞定虢,吞韓並魏之勢也。」"
- ↑ สามก๊กจี่ 429, 28 : "景元三年冬,以會為鎮西將軍、假節都督關中諸軍事。文王勑青、徐、兖、豫、荊、揚諸州,並使作船,又令唐咨作浮海大船,外為將伐吳者。"
- ↑ 10.0 10.1 10.2 10.3 10.4 10.5 10.6 10.7 จือจื้อทงเจี้ยน (1084), เล่มที่ 79.
- ↑ จิ้นชู 648, เล่มที่ 57 : "初,憲侍宴華林園,詔問蜀大臣子弟,後問先輩宜時敘用者,憲薦蜀人常忌、杜軫等,皆西國之良器,武帝並召而任之。"
- ↑ เซียงหยางจี้: "[泰始]四年三月,從帝宴于華林園,詔問蜀大臣子弟,後問先輩宜時叙用者,憲薦蜀郡常忌、杜軫、壽良、巴西陳壽、南郡高軌、南陽呂雅、許國、江夏費恭、琅邪諸葛京、汝南陳裕,即皆叙用,咸顯於世。" อ้างใน สามก๊กจี่ 429, 41 .
- ↑ จือจื้อทงเจี้ยน (1084), เล่มที่ 78.
- ↑ สามก๊กจี่ 429, 48 : "晉文帝為魏相國,遣昔吳壽春城降將徐紹、孫彧銜命齎書,陳事勢利害,以申喻皓。"
- ↑ สี จั้วฉื่อ, ฮั่นจิ้นชุนชิว: "晉文王與皓書曰:「聖人稱有君臣然後有上下禮義, ...夫料力忖勢,度資量險,遠考古昔廢興之理,近鑒西蜀安危之効,隆德保祚,去危即順,屈己以寧四海者,仁哲之高致也;履危偷安,隕德覆祚,而不稱於後世者,非智者之所居也。今朝廷遣徐紹、孫彧獻書喻懷,若書御於前,必少留意,回慮革筭,結歡弭兵,共為一家,惠矜吳會,施及中土,豈不泰哉!此昭心之大願也,敢不承受。若不獲命,則普天率土,期於大同,雖重干戈,固不獲已也。」" อ้างใน สามก๊กจี่ 429, 48 .
- ↑ สามก๊กจี่ 429, 48 : "甘露元年三月,皓遣使隨紹、彧報書曰:「知以高世之才,處宰輔之任,漸導之功,勤亦至矣。孤以不德,階承統緒,思與賢良共濟世道,而以壅隔未有所緣,嘉意允著,深用依依。今遣光祿大夫紀陟、五官中郎將弘璆宣明至懷。」"
- ↑ ก้าน เป่า, จิ้นจี้, "陟、璆奉使如魏,入境而問諱,入國而問俗。 ...文王善之,厚為之禮。" อ้างใน สามก๊กจี่ 429, 48 .
- ↑ สามก๊กจี่ 429, 48 : "寶鼎元年正月,遣大鴻臚張儼、五官中郎將丁忠弔祭晉文帝。"
- ↑ สามก๊กจี่ 429, 48 : "及還,儼道病死。忠說皓曰:「北方守戰之具不設,弋陽可襲而取。」皓訪羣臣,鎮西大將軍陸凱曰:「夫兵不得已而用之耳,且三國鼎立已來,更相侵伐,無歲寧居。今彊敵新幷巴蜀,有兼土之實,而遣使求親,欲息兵役,不可謂其求援於我。今敵形勢方彊,而欲徼幸求勝,未見其利也。」車騎將軍劉纂曰:「天生五才,誰能去兵?譎詐相雄,有自來矣。若其有闕,庸可棄乎?宜遣閒諜,以觀其勢。」皓陰納纂言,且以蜀新平,故不行,然遂自絕。"
- ↑ จือจื้อทงเจี้ยน 1084, เล่มที่ 79 : "帝有滅吳之志。[泰始五年三月]壬寅,以尚書左僕射羊祜都督荊州諸軍事,鎮襄陽;征東大將軍衞瓘都督青州諸軍事,鎮臨菑;鎮東大將軍東莞王伷都督徐州諸軍事,鎮下邳。"
- ↑ จือจื้อทงเจี้ยน 1084, เล่มที่ 79 : "祜綏懷遠近,甚得江、漢之心,與吳人開布大信,降者欲去,皆聽之,減戍邏之卒,以墾田八百餘頃。其始至也,軍無百日之糧;及其季年,乃有十年之積。"
- ↑ จือจื้อทงเจี้ยน 1084, เล่มที่ 79 : "[泰始八年] ...詔以濬為益州刺史。濬擊弘,斬之,夷三族。封濬關內侯。初,濬為羊祜參軍,祜深知之。 ...時帝與羊祜陰謀伐吳,祜以為伐吳宜藉上流之勢,密表留濬復為益州刺史,使治水軍。尋加龍驤將軍,監益、梁諸軍事。"
- ↑ จือจื้อทงเจี้ยน 1084, เล่มที่ 79 : "詔濬罷屯田軍,大作舟艦。別駕何攀以為「屯田兵不過五六百人,作船不能猝辦,後者未成,前者已腐。宜召諸郡兵合萬餘人造之,歲終可成。」濬欲先上須報,攀曰:「朝廷猝聞召萬兵,必不聽;不如輒召,設當見卻,功夫已成,勢不得止。」濬從之,令攀典造舟艦器仗。"
- ↑ จือจื้อทงเจี้ยน 1084, เล่มที่ 79 : "於是作大艦,長百二十步,受二千餘人,以木為城,起樓櫓,開四出門,其上皆得馳馬往來。"
- ↑ 25.0 25.1 25.2 จือจื้อทงเจี้ยน (1084), เล่มที่ 80.
- ↑ จิ้นชู 648, เล่มที่ 34 : "至是上疏曰:祜上疏請伐吳曰:「先帝順天應時, ...今若引梁益之兵水陸俱下,荊楚之眾進臨江陵,平南、豫州,直指夏口,徐、揚、青、兗並向秣陵,鼓旆以疑之,多方以誤之,以一隅之吳,當天下之眾,勢分形散,所備皆急,巴漢奇兵出其空虛,一處傾壞,則上下震盪。吳緣江為國,無有內外,東西數千里,以籓籬自持,所敵者大,無有寧息。孫皓孫恣情任意,與下多忌,名臣重將不復自信,是以孫秀之徒皆畏逼而至。將疑於朝,士困於野,無有保世之計,一定之心。平常之日,猶懷去就,兵臨之際,必有應者,終不能齊力致死,已可知也。其俗急速,不能持久,弓弩戟盾不如中國,唯有水戰是其所便。一入其境,則長江非復所固,還保城池,則去長入短。而官軍懸進,人有致節之志,吳人戰於其內,有憑城之心。如此,軍不逾時,克可必矣。」"
- ↑ จือจื้อทงเจี้ยน 1084, เล่มที่ 80 : "帝深納之。而朝議方以秦、涼為憂,祜復表曰:「吳平則胡自定,但當速濟大功耳。」議者多有不同,賈充、荀勗、馮紞尤以伐吳為不可。祜歎曰:「天下不如意事十常居七、八。天與不取,豈非更事者恨於後時哉!」唯度支尚書杜預、中書令張華與帝意合,贊成其計。"
- ↑ จิ้นชู 648, เล่มที่ 34 : "祜寢疾,求入朝。既至洛陽, ...及侍坐,面陳伐吳之計。帝以其病,不宜常入,遣中書令張華問其籌策。祜曰:「今主上有禪代之美,而功德未著。吳人虐政已甚,可不戰而克。混一六合,以興文教,則主齊堯舜,臣同稷契,為百代之盛軌。如舍之,若孫皓不幸而沒,吳人更立令主,雖百萬之眾,長江未可而越也,將為後患乎!」華深贊成其計。 ...疾漸篤,乃舉杜預自代。"
- ↑ จิ้นชู 648, เล่มที่ 57 : "稍遷建平太守。時王濬將伐吳,造船於蜀,彥覺之,請增兵為備,皓不從,彥乃輒為鐵鎖,橫斷江路。"
- ↑ จือจื้อทงเจี้ยน (1084), เล่มที่ 79–81.
- ↑ จิ้นชู 648, เล่มที่ 42 : "初,詔書使濬下建平,受杜預節度,至秣陵,受王渾節度。"
- ↑ 32.0 32.1 32.2 Book of Jin 648, vol. 40 : "伐吳之役,詔充為使持節、假黃鉞、大都督,總統六師,給羽葆、鼓吹、緹幢、兵萬人、騎二千,置左右長史、司馬、從事中郎,增參軍、騎司馬各十人,帳下司馬二十人,大車、官騎各三十人。充慮大功不捷,表陳「西有昆夷之患,北有幽并之戍,天下勞擾,年穀不登,興軍致討,懼非其時。又臣老邁,非所克堪。」詔曰:「君不行,吾便自出。」充不得已,乃受節鉞,將中軍,為諸軍節度,以冠軍將軍楊濟為副,南屯襄陽。"
- ↑ 33.0 33.1 จิ้นชู 648, เล่มที่ 36 : "及將大舉,以華為度支尚書,乃量計運漕,決定廟算。"
- ↑ ([咸寧五年]冬十有二月,濬因自成都帥水陸軍及梁州三水胡七萬人伐吳。臨發,斬牙門將李延,所愛待將,也以爭騎斬,衆莫不肅。至江州,詔書進濬平東將軍,都督二州,巴東監軍唐彬及平南軍皆受指授。別遣參軍李毅將軍由涪陵入取武陵,㑹巴陵。) หฺวาหยางกั๋วจื้อ เล่มที่ 8.
- ↑ จิ้นชู 648, เล่มที่ 42 : "太康元年正月,濬發自成都, ... ... 臣所統八萬餘人,乘勝席捲。"
- ↑ 36.0 36.1 จิ้นชู 648, เล่มที่ 57 : "稍遷建平太守。時王濬將伐吳, ...及師臨境,緣江諸城皆望風降附,或見攻而拔,唯彥堅守,大眾攻之不能克,乃退舍禮之。"
- ↑ 37.0 37.1 จิ้นชู 648, เล่มที่ 42 : "(太康元年正月,濬發自成都,率巴東監軍、廣武將軍唐彬攻吳丹楊,克之,擒其丹楊監盛紀。"
- ↑ จิ้นชู 648, เล่มที่ 42 : "吳人於江險磧要害之處,並以鐵鎖橫截之,又作鐵錐長丈餘,暗置江中,以逆距船。"
- ↑ จิ้นชู 648, เล่มที่ 42 : "先是,羊祜獲吳間諜,具知情狀。"
- ↑ จิ้นชู 648, เล่มที่ 42 : "濬乃作大筏數十,亦方百餘步,縛草為人,被甲持杖,令善水者以筏先行,筏遇鐵錐,錐輒著筏去。又作火炬,長十餘丈,大數十圍,灌以麻油,在船前,遇鎖,然炬燒之,須臾,融液斷絕,於是船無所礙。"
- ↑ 41.0 41.1 41.2 41.3 จิ้นชู 648, เล่มที่ 42 : "[太康元年]二月庚申,克吳西陵,獲其鎮南將軍留憲、征南將軍成據、宜都太守虞忠。"
- ↑ 42.0 42.1 จิ้นชู 648, เล่มที่ 42 : "[太康元年二月]壬戌,克荊門、夷道二城,獲監軍陸晏。"
- ↑ จิ้นชู 648, เล่มที่ 42 : "濬至西陵,預與之書曰:「足下既摧其西籓,便當徑取秣陵,討累世之逋寇,釋吳人於塗炭。自江入淮,逾於泗汴,溯河而上,振旅還都,亦曠世一事也。」濬大悅,表呈預書。"
- ↑ จือจื้อทงเจี้ยน (1084), เล่มที่ 81.
- ↑ 45.0 45.1 45.2 45.3 45.4 จิ้นชู 648, เล่มที่ 34 : "預乙太康元年正月,陳兵於江陵,遣參軍樊顯、尹林、鄧圭、襄陽太守周奇等率眾循江西上,授以節度,旬日之間,累克城邑,皆如預策焉。"
- ↑ 46.0 46.1 46.2 46.3 จิ้นชู 648, เล่มที่ 34 : "又遣牙門管定、周旨、伍巢等率奇兵八百,泛舟夜渡,以襲樂鄉,多張旗幟,起火巴山,出於要害之地,以奪賊心。吳都督孫歆震恐,與伍延書曰:「北來諸軍,乃飛渡江也。」"
- ↑ 47.0 47.1 จิ้นชู 648, เล่มที่ 34 : "吳之男女降者萬餘口,旨、巢等伏兵樂鄉城外。歆遣軍出拒王濬,大敗而還。旨等發伏兵,隨歆軍而入,歆不覺,直至帳下,虜歆而還。"
- ↑ 48.0 48.1 48.2 จิ้นชู 648, เล่มที่ 42 : "[太康元年二月]乙丑,克樂鄉,獲水軍督陸景。平西將軍施洪等來降。"
- ↑ 49.0 49.1 จิ้นชู 648, เล่มที่ 34 : "於是進逼江陵。吳督將伍延偽請降而列兵登陴,預攻克之。"
- ↑ จิ้นชู 648, เล่มที่ 3 : "[太康元年二月]甲戌,杜預克江陵,斬吳江陵督伍延;平南將軍胡奮克江安。"
- ↑ 51.0 51.1 จิ้นชู 648, เล่มที่ 42 : "[太康元年二月]乙亥,詔進濬為平東將軍、假節、都督益梁諸軍事。"
- ↑ 52.0 52.1 จิ้นชู 648, เล่มที่ 3 : "[太康元年二月]乙亥,以濬爲都督益、梁二州諸軍事,復下詔曰:「濬、彬東下,掃除巴丘,與胡奮、王戎共平夏口、武昌,順流長騖,直造秣陵,與奮、戎審量其宜。杜預當鎮靜零、桂,懷輯衡陽。大兵既過,荊州南境固當傳檄而定,預當分萬人給濬,七千給彬。夏口既平,奮宜以七千人給濬。武昌既了,戎當以六千人增彬。太尉充移屯項,總督諸方。」"
- ↑ จิ้นชู 648, เล่มที่ 34 : "既平上流,於是沅湘以南,至於交廣,吳之州郡皆望風歸命,奉送印綬,預仗節稱詔而綏撫之。凡所斬及生獲吳都督、監軍十四,牙門、郡守百二十餘人。又因兵威,徙將士屯戍之家以實江北,南郡故地各樹之長吏,荊土肅然,吳人赴者如歸矣。"
- ↑ จิ้นชู 648, เล่มที่ 3 : "濬進破夏口、武昌,遂泛舟東下,所至皆平。"
- ↑ 55.0 55.1 55.2 55.3 55.4 55.5 จิ้นชู 648, เล่มที่ 43 : "戎遣參軍羅尚、劉喬領前鋒,進攻武昌,吳將楊雍、孫述、江夏太守劉朗各率眾詣戎降。"
- ↑ 56.0 56.1 จิ้นชู 648, เล่มที่ 43 : "戎督大軍臨江,吳牙門將孟泰以蘄春、邾二縣降。"
- ↑ 57.0 57.1 57.2 จิ้นชู 648, เล่มที่ 42 : "及大舉伐吳,渾率師出橫江,遣參軍陳慎、都尉張喬攻尋陽瀨鄉,又擊吳牙門將孔忠,皆破之,獲吳將周興等五人。"
- ↑ 58.0 58.1 จิ้นชู 648, เล่มที่ 3 : "[太康元年春正月]癸丑,王渾克吳尋陽賴鄉諸城,獲吳武威將軍周興。"
- ↑ 59.0 59.1 59.2 59.3 59.4 จิ้นชู 648, เล่มที่ 42 : "又遣殄吳護軍李純據高望城,討吳將俞恭,破之,多所斬獲。吳曆武將軍陳代、平虜將軍朱明懼而來降。"
- ↑ เซียงหยางจี้: "晉來伐吳,皓使悌督沈瑩、諸葛靚,率衆三萬渡江逆之。" อ้างใน สามก๊กจี่ 429, 48 .
- ↑ เซียงหยางจี้i: "至牛渚,沈瑩曰:「晉治水軍於蜀乆矣,今傾國大舉,萬里齊力,必悉益州之衆浮江而下。我上流諸軍,無有戒備,名將皆死,幼少當任,恐邊江諸城,盡莫能禦也。晉之水軍,必至於此矣!宜畜衆力,待來一戰。若勝之日,江西自清,上方雖壞,可還取之。今渡江逆戰,勝不可保,若或摧喪,則大事去矣。」" อ้างใน สามก๊กจี่ 429, 48
- ↑ เซียงหยางจี้: "悌曰:「吳之將亡,賢愚所知,非今日也。吾恐蜀兵來至此,衆心必駭懼,不可復整。今宜渡江,可用決戰力爭。若其敗喪,則同死社稷,無所復恨。若其克勝,則北敵奔走,兵勢萬倍,便當乘威南上,逆之中道,不憂不破也。若如子計,恐行散盡,相與坐待敵到,君臣俱降,無復一人死難者,不亦辱乎!」" อ้างใน สามก๊กจี่ 429, 48 .
- ↑ 63.0 63.1 63.2 63.3 63.4 ก้าน เป่า, จิ้นจี้: "吳丞相軍師張悌、護軍孫震、丹楊太守沈瑩帥衆三萬濟江,圍成陽都尉張喬於楊荷橋,衆才七千,閉柵自守,舉白接告降。" อ้างใน สามก๊กจี่ 429, 48 .
- ↑ ก้าน เป่า, จิ้นจี้: "吳副軍師諸葛靚欲屠之,悌曰:「彊敵在前,不宜先事其小;且殺降不祥。」靚曰:「此等以救兵未至而力少,故且僞降以緩我,非來伏也。因其無戰心而盡阬之,可以成三軍之氣。若舍之而前,必爲後患。」悌不從,撫之而進。" อ้างใน สามก๊กจี่ 429, 48 .
- ↑ จิ้นชู 648, เล่มที่ 61 : "隨王渾伐吳,攻破江西屯戍,與孫皓中軍大戰,斬偽丞相張悌等首級數千,俘馘萬計,進軍屯於橫江。"
- ↑ 66.0 66.1 ก้าน เป่า, จิ้นจี้: "與討吳護軍張翰、揚州刺史周浚成陣相對。" อ้างใน สามก๊กจี่ 429, 48 .
- ↑ จิ้นชู 648, เล่มที่ 3 : "王渾、周浚與吳丞相張悌戰於版橋,大破之,斬悌及其將孫震、沈瑩,傳首洛陽。"
- ↑ 68.0 68.1 68.2 จิ้นชู 648, เล่มที่ 42 : "吳丞相張悌、大將軍孫震等率眾數萬指城陽,渾遣司馬孫疇、揚州刺史周浚擊破之,臨陣斬二將,及首虜七千八百級,吳人大震。"
- ↑ 69.0 69.1 69.2 ก้าน เป่า, จิ้นจี้: "沈瑩領丹楊銳卒刀楯五千,號曰青巾兵,前後屢陷堅陣,於是以馳淮南軍,三衝不動。退引亂,薛勝、蔣班因其亂而乘之,吳軍以次土崩,將帥不能止,張喬又出其後,大敗吳軍於阪橋,獲悌、震、瑩等。" อ้างใน สามก๊กจี่ 429, 48 .
- ↑ เซียงหยางจี้: "遂渡江戰,吳軍大敗。諸葛靚與五六百人退走,使過迎悌,悌不肯去,靚自往牽之,謂曰:「且夫天下存亡有大數,豈卿一人所知,如何故自取死爲?」悌垂涕曰:「仲思,今日是我死日也。且我作兒童時,便爲卿家丞相所拔,常恐不得其死,負名賢知顧。今以身徇社稷,復何遁邪?莫牽曳之如是。」靚流涕放之,去百餘步,已見爲晉軍所殺。" อ้างใน สามก๊กจี่ 429, 48 .
- ↑ จิ้นชู 648, เล่มที่ 42 : "孫皓司徒何植、建威將軍孫晏送印節詣渾降。"
- ↑ 72.0 72.1 จิ้นชู 648, เล่มที่ 61 : "時聞龍驤將軍王濬既破上方,別駕何惲說浚曰:「張悌率精銳之卒,悉吳國之眾,殄滅於此,吳之朝野莫不震懾。今王龍驤既破武昌,兵威甚盛,順流而下,所向輒克,土崩之勢見矣。竊謂宜速渡江,直指建鄴,大軍卒至,奪其膽氣,可不戰而擒。」"
- ↑ จิ้นชู 648, เล่มที่ 61 : "浚善其謀,便使白渾。惲曰:「渾暗於事機,而欲慎己免咎,必不我從。」"
- ↑ จิ้นชู 648, เล่มที่ 61 : "浚固使白之,渾果曰:「受詔但令江北抗衡吳軍,不使輕進。貴州雖武,豈能獨平江東!今者違命,勝不足多;若其不勝,為罪已重。且詔令龍驤受我節度,但當具君舟楫,一時俱濟耳。」惲曰:「龍驤克萬里之寇,以既濟之功來受節度,未之聞也。且握兵之要,可則奪之,所謂受命不受辭也。今渡江必全克獲,將有何慮?若疑於不濟,不可謂智;知而不行,不可謂忠,實鄙州上下所以恨恨也。」渾執不聽。"
- ↑ 75.0 75.1 75.2 75.3 75.4 75.5 จิ้นชู 648, เล่มที่ 38 : "平吳之役,率眾數萬出塗中,孫皓奉箋送璽綬,詣伷請降,詔曰:「琅邪王伷督率所統,連據塗中,使賊不得相救。又使琅邪相劉弘等進軍逼江,賊震懼,遣使奉偽璽綬。又使長史王恆率諸軍渡江,破賊邊守,獲督蔡機,斬道降附五六萬計,諸葛靚、孫奕皆歸命請死,功勳茂著。」"
- ↑ จิ้นชู 648, เล่มที่ 42 : "濬自發蜀,兵不血刃,攻無堅城,夏口、武昌,無相支抗。"
- ↑ 77.0 77.1 จิ้นชู 648, เล่มที่ 42 : "於是順流鼓棹,徑造三山。皓遣遊擊將軍張象率舟軍萬人禦濬,象軍望旗而降。"
- ↑ 78.0 78.1 สามก๊กจี่ 429, 48 : "皓又遣徐陵督陶濬將七千人從西道, ...陶濬至武昌,聞北軍大出,停駐不前。 ...戊辰,陶濬從武昌還,即引見,問水軍消息,對曰:「蜀船皆小,今得二萬兵,乘大船戰,自足擊之。」於是合衆,授濬節鉞。明日當發,其夜衆悉逃走。"
- ↑ สามก๊กจี่ 429, 48 : "而王濬順流將至,司馬伷、王渾皆臨近境。皓用光祿勳薛瑩、中書令胡沖等計。"
- ↑ จิ้นชู 648, เล่มที่ 42 : "皓聞濬軍旌旗器甲,屬天滿江,威勢甚盛,莫不破膽。用光祿薛瑩、中書令胡沖計。"
- ↑ จิ้นชู 648, เล่มที่ 3 : "孫皓窮蹙請降,送璽綬於琅邪王伷。"
- ↑ 82.0 82.1 จิ้นชู 648, เล่มที่ 42 : "送降文於濬曰:「吳郡孫皓叩頭死罪。昔漢室失禦,九州幅裂,先人因時略有江南,遂阻山河,與魏乖隔。大晉龍興,德覆四海,暗劣偷安,未喻天命。至於今者,猥煩六軍,衡蓋露次,還臨江渚。舉國震惶,假息漏刻,敢緣天朝,含弘光大。謹遣私署太常張夔等奉所佩璽綬,委質請命。」"
- ↑ สามก๊กจี่ 429, 48 : "分遣使奉書於濬、伷、渾曰:「昔漢室失統,九州分裂,先人因時,略有江南,遂分阻山川,與魏乖隔。今大晉龍興,德覆四海。闇劣偷安,未喻天命。至於今者,猥煩六軍,衡蓋路次,遠臨江渚,舉國震惶,假息漏刻。敢緣天朝含弘光大,謹遣私署太常張夔等奉所佩印綬,委質請命,惟垂信納,以濟元元。」"
- ↑ ยฺหวี ผู่ (虞溥), เจียงเปี่ยวจฺว้าน (江表傳): "皓又遺羣臣書曰:「孤以不德, ...投筆而已!」" อ้างใน สามก๊กจี่ 429, 48
- ↑ จิ้นชู 648, เล่มที่ 3 : "[太康元年]三月壬寅,王濬以舟師至於建鄴之石頭,孫皓大懼,面縳輿櫬,降于軍門。"
- ↑ จิ้นชู 648, เล่มที่ 3 : "濬杖節解縛焚櫬,送於京都。"
บรรณานุกรม
[แก้]- ฉาง ฉฺวี (ป. คริสต์ศตวรรษที่ 4). หฺวาหยางกั๋วจื้อ.
- ซือหม่า กวาง (1084). จือจื้อทงเจี้ยน.
- ตันซิ่ว (คริสต์ศตวรรษที่ 3). สามก๊กจี่ (ซานกั๋วจื้อ).
- เผย์ ซงจือ (คริสต์ศตวรรษที่ 5). อรรถาธิบายสามก๊กจี่ (ซานกั๋วจื้อจู้).
- ฝาง เสฺวียนหลิงและคณะ (บก.) (648). จิ้นชู.
- สี จั้วฉื่อ (คริสต์ศตวรรษที่ 4). เซียงหยางฉีจิ้วจี้ (襄陽耆舊記).
อ่านเพิ่มเติม
[แก้]- Bo Yang (1985). Modern Chinese Edition of Zizhi Tongjian (ภาษาจีน). Vol. 20. Taipei: Yuan-Liou Publishing. ISBN 9573208423.
- de Crespigny, Rafe (2004) [1990]. Generals of the South: The foundation and early history of the Three Kingdoms state of Wu (internet ed.). Canberra: Faculty of Asian Studies, Australian National University. ISBN 0731509013. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-11-30. สืบค้นเมื่อ 2023-09-09.
- Haywood, John (1998). Historical Atlas of the Classical World 500 BC - AD 600. London: Andromeda Oxford. ISBN 0-7607-1973-X.
- Killigrew, John H. (2001), "A Case Study of Chinese Civil Warfare: The Cao-Wei Conquest of Shu-Han in AD 263", Civil Wars, 4 (4): 95–114, doi:10.1080/13698240108402489
- Liang Zhangju (梁章鉅) (2000) [1800s]. Yang Yaokun (楊耀坤) (บ.ก.). Circumstantial Evidence on the Sanguozhi 三國志旁證 (ภาษาจีน). Fuzhou: Fujian Renmin Chubanshe. ISBN 978-7-211-03490-1.
- Lu Bi (盧弼), บ.ก. (1982). Explanatory Commentary to the Sanguozhi 三國志集解 (ภาษาจีน). Beijing: Zhonghua Book Company. ISBN 978-7-101-01019-0.
- Luo Guanzhong (1998) [1300s]. 三國演義 [Romance of the Three Kingdoms]. Yonghe, Taiwan: Zhiyang Publishing House. (Sanguo Yanyi).
- Luo Guanzhong (2007). Three Kingdoms: A Historical Novel: Volume IV. แปลโดย Roberts, Moss. Beijing: Foreign Languages Press. ISBN 978-7-119-00590-4.
- Pan Mei (潘眉) (1889). Sanguozhi Kaozheng 三國志考證 [Research on the Records of the Three Kingdoms]. Vol. 4.
- เถา หงจิ่ง (499). เจินเก้า.
- Xu Song (許嵩), บ.ก. (700s). Jiankang Shilu 建康實錄 [Veritable Records of Jiankang].
- เยฺว่ ฉื่อ (คริสต์ศตวรรษที่ 10). ไท่ผิงหฺวาน-ยฺหวี่จี้.