ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พรีเมียร์ลีก"
The kop GT (คุย | ส่วนร่วม) |
The kop GT (คุย | ส่วนร่วม) |
||
บรรทัด 230: | บรรทัด 230: | ||
หมายเหตุ:<small>ตัวเน้นแสดงถึงผู้เล่นที่ยังเล่นฟุตบอลอยู่ในพรีเมียร์ลีก</small> |
หมายเหตุ:<small>ตัวเน้นแสดงถึงผู้เล่นที่ยังเล่นฟุตบอลอยู่ในพรีเมียร์ลีก</small> |
||
ข้อมูลเกร็ดทั่วไปพรีเมียร์ลีก |
'''ข้อมูลเกร็ดทั่วไปพรีเมียร์ลีก''' |
||
ไรอัน กิ๊กส์ คือนักฟุตบอลคนแรก(คนเดียว) ที่ลงเล่นในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ทุกฤดูกาล(1992-2012) |
[[ไรอัน กิ๊กส์]] คือนักฟุตบอลคนแรก(คนเดียว) ที่ลงเล่นในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ทุกฤดูกาล(1992-2012) |
||
ไรอัน กิ๊กส์ คือนักฟุตบอลคนแรก(คนเดียว) ที่สามารถทำประตูได้ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ทุกฤดูกาล (1992-2011) |
ไรอัน กิ๊กส์ คือนักฟุตบอลคนแรก(คนเดียว) ที่สามารถทำประตูได้ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ทุกฤดูกาล (1992-2011) |
||
ไรอัน กิ๊กส์ คือนักฟุตบอลที่ลงเล่นในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ มากที่สุด 604 เกม ถึง11/11/2012 |
ไรอัน กิ๊กส์ คือนักฟุตบอลที่ลงเล่นในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ มากที่สุด 604 เกม ถึง11/11/2012 |
||
ไรอัน กิ๊กส์ คือนักฟุตบอลที่ได้เหรียญรางวัลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ มากที่สุด 12 เหรียญ |
ไรอัน กิ๊กส์ คือนักฟุตบอลที่ได้เหรียญรางวัลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ มากที่สุด 12 เหรียญ |
||
'''สตีเวน เจอร์ราร์ด คือนักเตะในพรีเมียร์ลีกที่ยิงประตูในแมต์ชิงชนะเลิศ 4 รายการใหญ่ของสโมสรยุโรป''' |
'''[[สตีเวน เจอร์ราร์ด]] คือนักเตะในพรีเมียร์ลีกที่ยิงประตูในแมต์ชิงชนะเลิศ 4 รายการใหญ่ของสโมสรยุโรป''' |
||
-ยูฟ่า คัพฤดูกาล 2000-2001 ลิเวอร์พูล 5-4 อลาเบส, |
-ยูฟ่า คัพฤดูกาล 2000-2001 ลิเวอร์พูล 5 - 4 อลาเบส, |
||
-ลีก คัพฤดูกาล2002-2003 เจอร์ราทำประตูแรกให้ ลิเวอร์พูลชนะแมนยูฯ 2-0 |
-ลีก คัพฤดูกาล2002-2003 เจอร์ราทำประตูแรกให้ ลิเวอร์พูลชนะแมนยูฯ 2-0 |
||
-ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ฤดูกาล 2004-2005 โดย เจอร์ราร์ดยิงทีมเอซี มิลาน ทำประตูตีไข่แตกไล่มาเป็น 1-3 ลิเวอร์พูลกลับมาตีเสมอ 3-3 และเอาชนะทีมเอซีมิลานจากการดวลจุดโทษไป |
-ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ฤดูกาล 2004-2005 โดย เจอร์ราร์ดยิงทีมเอซี มิลาน ทำประตูตีไข่แตกไล่มาเป็น 1-3 ลิเวอร์พูลกลับมาตีเสมอ 3-3 และเอาชนะทีมเอซีมิลานจากการดวลจุดโทษไป |
||
บรรทัด 243: | บรรทัด 243: | ||
'''7 ทีมพรีเมียร์ลีก ที่ยังไม่เคยตกชั้น''' |
'''7 ทีมพรีเมียร์ลีก ที่ยังไม่เคยตกชั้น''' |
||
1.แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด |
1.[[แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด]] |
||
2.เชลซี |
2.[[เชลซี]] |
||
3.เอฟเวอร์ตัน |
3.[[เอฟเวอร์ตัน]] |
||
4.ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ส |
4.[[ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ส]] |
||
5.อาร์เซนอล |
5.[[อาร์เซนอล]] |
||
6.ลิเวอร์พูล |
6.[[ลิเวอร์พูล]] |
||
7.แอสตัน วิลล่า |
7.[[แอสตัน วิลล่า]] |
||
นักเตะที่ได้แชมป์พรีเมียร์ลีกกับ 2 สโมสรคือ แอชลี่ย์ โคล แชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2000-2001กับอาร์เซนอล และ ฤดูกาล 2009-2010กับเชลซี |
นักเตะที่ได้แชมป์พรีเมียร์ลีกกับ 2 สโมสรคือ [[แอชลี่ย์ โคล]] แชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2000-2001กับอาร์เซนอล และ ฤดูกาล 2009-2010กับเชลซี |
||
== ดูเพิ่ม == |
== ดูเพิ่ม == |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 21:09, 13 พฤศจิกายน 2555
- สำหรับ พรีเมียร์ลีกของไทยดูที่ ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก และลีกอื่นดูที่ พรีเมียร์ลีก (แก้ความกำกวม)
ไฟล์:Barclays-Premier-League.jpg | |
ประเทศ | อังกฤษ |
---|---|
สมาพันธ์ | ยูฟ่า |
ก่อตั้ง | 20 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1992 |
จำนวนทีม | 20 |
ตกชั้นสู่ | ลีกแชมเปียนชิป |
ระดับในพีระมิด | 1 |
ถ้วยภายในประเทศ | เอฟเอคัพ, ลีกคัพ |
ถ้วยระดับนานาชาติ | ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก, ยูฟ่ายูโรปาลีก |
ทีมชนะเลิศปัจจุบัน | แมนเชสเตอร์ซิตี (2011–12) |
ชนะเลิศมากที่สุด | แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด (19) |
หุ้นส่วนโทรทัศน์ | สกายสปอร์ตส, อีเอสพีเอ็น ทรูวิชันส์, ช่อง 3 |
เว็บไซต์ | www.premierleague.com |
ฤดูกาล 2012–13 |
เอฟเอพรีเมียร์ลีก (อังกฤษ: FA Premier League) หรือนิยมเรียกว่า พรีเมียร์ลีก (อังกฤษ: Premier League) เป็นระบบการแข่งขันฟุตบอลลีกในระดับสูงสุดของประเทศอังกฤษ ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2535 (ค.ศ. 1992) ภายใต้การบริหารของสมาคมฟุตบอลอังกฤษ หรือมีชื่อตามผู้สนับสนุนการแข่งขันอย่างเป็นทางการว่า บาร์เคลส์ พรีเมียร์ชิพ เนื่องจากในปัจจุบัน สนับสนุนโดย บริษัทการเงินบาร์เคลส์
การแข่งขันพรีเมียร์ลีกเป็นที่รวมของ 20 สโมสรฟุตบอลในระดับสูงสุดของอังกฤษเข้าด้วยกัน โดยปัจจุบันมีเพียง 5 ทีมเท่านั้น ที่เคยชนะเลิศในการแข่งขันรายการนี้ ได้แก่ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด, อาร์เซนอล, เชลซี, แบล็กเบิร์นโรเวอส์ และแมนเชสเตอร์ซิตี
ประวัติ
แต่เดิมฟุตบอลลีกแห่งนี้ ใช้ชื่อว่า ฟุตบอลลีกดิวิชันหนึ่ง ซึ่งมีจัดการแข่งขันตั้งแต่ปี พ.ศ. 2431 (ค.ศ. 1888) และถือว่าเคยเป็นลีกฟุตบอลที่ยาวนานที่สุดในโลก โดยในปี พ.ศ. 2535 ในฤดูกาล 1992-93 ความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเกิดขึ้นจากรูเพิร์ธ เมอร์ด็อก (Rupert Murdoch) นักธุรกิจสื่อสารรายใหญ่เจ้าของเครือข่ายสถานีโทรทัศน์สกาย (BSkyB) พยายามผลักดันให้สโมสรฟุตบอลที่จะลงแข่งขันในดิวิชันหนึ่งประจำฤดูกาล 1992-93 ถอนตัวออกมาจัดตั้งเป็นพรีเมียร์ลีกทำให้ฟุตบอลลีกสูงสุดของอังกฤษที่มีอายุ 104 ปี ต้องยุติลง ขณะเดียวกันทางฟุตบอลลีกเดิมได้เปลี่ยนชื่อจาก ดิวิชันสอง มาเป็น ดิวิชันหนึ่ง และดิวิชันอื่นได้เปลี่ยนตามกันไป[1]
ปัญหาเริ่มต้น
ในช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาที่วงการฟุตบอลอาชีพของอังกฤษตกต่ำอย่างมาก เกิดเหตุการณ์หลายอย่าง ไม่ว่าเรื่องของสนามกีฬาที่มีปัญหา เหตุการณ์อันธพาลลูกหนัง หรือที่เรียกว่าฮูลิแกน ทำลายภาพลักษณ์ของฟุตบอลอังกฤษ ไฟไหม้อัฒจันทร์ วันที่ 11 พฤษภาคม 2528 ที่สนามฟุตบอลของสโมสรฟุตบอลแบรดฟอร์ดซิตี ในระหว่างการแข่งขัน มีผู้เสียชีวิต 56 คน เหตุการณ์วันที่ 15 เมษายน 2532 ที่สนามฟุตบอลฮิลส์เบอโรของสโมสรฟุตบอลเชฟฟิลด์เวนส์เดย์ มีผู้คนเหยียบกันเสียชีวิตกว่า 96 คน นอกจากนี้โศกนาฏกรรมเฮย์เซลที่มีผู้เสียชีวิต 39 คน ทำให้ยูฟ่าสั่งห้ามไม่ให้สโมสรจากอังกฤษเข้าร่วมการแข่งขันชิง ถ้วยสโมสรในยุโรปเป็นเวลา 5 ปี อันธพาลลูกหนังที่ตามไปเชียร์ทีมที่ชื่นชอบ หลังจากการแข่งขันจะเกะกะระราน เข้าผับดื่มกินจนเมามาย บ้างก็วิวาทกับแฟนฟุตบอลเจ้าถิ่นเกิดเหตุการณ์วุ่นวายบางครั้งรุนแรงถึงขั้นจลาจลหรือไม่ก็มีคนเสียชีวิต โดยโศกนาฏกรรมเฮย์เซล์ส่วนหนึ่งมาจากคนกลุ่มนี้เช่นกัน
หลายเหตุการณ์ทำให้แฟนฟุตบอลไม่สามารถชมการแข่งขันได้อย่างสงบสุข เนื่องด้วยกลัวจะโดนลูกหลง ประกอบกับสภาพสนามที่ย่ำแย่ ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวก หรือการป้องกันเหตุฉุกเฉินอย่างดีพอ ทำให้ชาวอังกฤษหลายคนตัดสินใจรับชมการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์ที่บ้าน แทนที่จะเดินทางมาเชียร์ในสนามดังเช่นอดีต ช่วงทศวรรษ 1980 รายได้ของสโมสรจากค่าผ่านประตูซึ่งเป็นรายได้หลักได้ลดลงอย่างมาก มีเพียงสโมสรชั้นนำไม่กี่แห่งเท่านั้นที่ยังคงมีกำไร ในฤดูกาล 1986-87 ทุกสโมสรฟุตบอลมีกำไรสุทธิรวมเพียง 2.5 ล้านปอนด์ พอถึงฤดูกาล 1989-90 รวมทุกสโมสรขาดทุน 11 ล้านปอนด์ ทำให้นายทุนไม่กล้าจะเข้ามาลงทุนในธุรกิจกีฬาอาชีพนี้อย่างเต็มที่ หลายสโมสรในช่วงนั้นมีข่าวว่าใกล้จะล้มละลาย
ภายหลังเหตุการณ์ที่สนามฮิลส์เบอโร รัฐบาลอังกฤษได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นสอบสวนเรื่องที่เกิดขึ้น โดยมีลอร์ดปีเตอร์ เทย์เลอร์ ผู้พิพากษาระดับรองประธานศาลฎีกา เป็นประธานคณะกรรมการ โดยผลการไต่สวนซึ่งเรียกว่า รายงานฉบับเทย์เลอร์ (Taylor Report) ได้กลายมาเป็นเอกสารสำคัญนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการฟุตบอลอังกฤษ เพราะกำหนดให้ทุกสโมสรต้องปรับปรุงสนามแข่งขัน ที่สำคัญคืออัฒจันทร์ชมการแข่งขันต้องเป็นแบบนั่งทั้งหมด ห้ามไม่ให้มีอัฒจันทร์ยืนเพื่อความปลอดภัยของผู้ชมการแข่งขัน โดยทีมในระดับดิวิชัน 1 และ 2 ต้องปรับปรุงให้เสร็จในปี 2537 และ ดิวิชัน 3 และ 4 ให้เสร็จในปี 2542 ส่งผลให้การยืนชมฟุตบอลซึ่งเป็นวัฒนธรรมการชมฟุตบอลของคนอังกฤษมานาน บางแห่งก็มีชื่อเสียงอย่างเช่นอัตจันทร์ เดอะค็อป ของสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลต้องจบไป ถึงแม้ว่าในประเทศอังกฤษจะมีสโมสรฟุตบอลทั้งอาชีพและสมัครเล่นมากที่สุดในโลก แต่สนามฟุตบอลส่วนใหญ่มีสภาพเก่าแก่ทรุดโทรม บางสโมสรในระดับดิวิชั่นหนึ่งหรือดิวิชั่นสองยังคงมีอัฒจันทร์ที่สร้างด้วยไม้ ทำให้การปรับปรุงสนามฟุตบอลของสโมสรฟุตบอลอังกฤษครั้งนี้ต้องใช้เงินลงทุนมหาศาล ท่ามกลางสถานะทางการเงินที่ไม่มั่นคงเพราะรายได้ลดลงอย่างมาก สโมสรเล็กบางแห่งซึ่งมีผู้ชมน้อยอยู่แล้วจึงใช้วิธีปิดตายอัฒจันทร์ยืน ส่วนสโมสรใหญ่ที่ฐานะการเงินดีกว่าก็ประสบปัญหาเช่นกัน เพราะไม่อาจใช้วิธีเลี่ยงปัญหาแบบสโมสรเล็กได้
รัฐบาลอังกฤษในขณะนั้นต้องเข้าช่วยเหลือโดยลดค่าธรรมเนียมหรือภาษีธุรกิจพนันฟุตบอล นำเงินส่วนนี้มาตั้งกองทุนฟุตบอลจำนวน 100 ล้านปอนด์ ให้ฟุตบอลลีกเป็นคนจัดสรรให้สโมสรฟุตบอลซึ่งเป็นภาคีสมาชิกทั้ง 96 สโมสร นำไปพัฒนาปรับปรุงสนามแข่งขันของตนเอง แต่งบประมาณเท่านี้ต้องนับว่าน้อยมาก หากนำมาเฉลี่ยอย่างเท่ากันแล้วจะได้รับเงินเพียงสโมสรละ 1.08 ล้านปอนด์เท่านั้น ขณะที่สโมสรฟุตบอลชั้นแนวหน้าของลีกต้องใช้เงินในการณ์นี้สูงถึงกว่าสิบล้านปอนด์ สโมสรใหญ่ในดิวิชั่นหนึ่งจึงกดดันฟุตบอลลีกจัดสรรเงินให้มากกว่าสโมสรเล็ก เพราะหากไม่เสร็จทันตามกำหนดอาจจะถูกถอนใบอนุญาตได้
กิจการถ่ายทอดทางโทรทัศน์
ในช่วงเวลาที่สโมสรใหญ่ต้องการเงินทุนมหาศาลนี้ เป็นโอกาสให้เจ้าของสถานีโทรทัศน์สกาย ยื่นข้อเสนอให้สโมสรในดิวิชั่นหนึ่งประจำฤดูกาล 1992-93 ให้ถอนตัวจากสมาชิกฟุตบอลลีกเพื่อมาจัดตั้งเอฟเอพรีเมียร์ลีก โดยทางสถานีขอซื้อสิทธิผูกขาดในการถ่ายทอดการแข่งขันในราคาแพง ทำสัญญาฉบับแรกซื้อสิทธิผูกขาดในการถ่ายทอดการแข่งขันเป็นเวลา 5 ปี (ฤดูกาล 1992-93 ถึง 1996-97) จ่ายค่าตอบแทนให้ 304 ล้านปอนด์ เทียบกับในอดีตที่ฟุตบอลลีกได้รายได้จากการขายสิทธิให้สถานี ITV เพียง 44 ล้านปอนด์ ในช่วงเวลา 4 ปี เงื่อนไขตอบแทนทางธุรกิจเช่นนี้ ดึงดูดให้สโมสรทั้งหลายสนใจเป็นอย่างยิ่ง จนผู้บริหารสโมสรบางคน เช่น นายอลัน ชูการ์ เจ้าของสโมสรฟุตบอลทอตนัมฮอตสเปอร์ แสดงตนเป็นแกนนำในการล็อบบี้ให้สโมสรอื่น ๆ ในดิวิชั่นหนึ่งที่จะเริ่มแข่งขันในฤดูกาล 1992-93 เห็นชอบกับการก่อตั้งลีกแห่งนี้
สำหรับลิขสิทธิ์การเผยแพร่ในประเทศไทย เป็นของบริษัท ทรูวิชันส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบการโทรทัศน์เคเบิล ในเครือบริษัท ทรู คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่ฤดูกาล 2007-08 จนถึงปัจจุบัน
การจัดตั้ง
17 กรกฎาคม 1991 มีการลงนามข้อตกลงภาคีสมาชิกก่อตั้ง (Founder Members Agreement) เพื่อวางหลักการสำคัญในการจัดตั้งพรีเมียร์ลีก ได้แก่ ระบบลีกสูงสุดใหม่นี้จะดำเนินการทางธุรกิจด้วยตนเอง ทำให้พรีเมียร์ลีกมีอิสระที่จะเจรจาผลประโยชน์กับผู้สนับสนุน รวมทั้งสิทธิในการขายสิทธิถ่ายทอดโทรทัศน์ของตนเอง แยกขาดจากสมาคมฟุตบอลอังกฤษและฟุตบอลลีก จากนั้นในปี 1992 ทั้ง 20 สโมสรได้ยื่นขอถอนตัวจากฟุตบอลลีกอย่างเป็นทางการ
ต่อมา 27 พฤษภาคม 1992 เอฟเอพรีเมียร์ลีกจึงก่อตั้งโดยจดทะเบียนในรูป บริษัทจำกัด มีสโมสรฟุตบอลสมาชิกทั้ง 20 แห่งเป็นหุ้นส่วน ความเป็นหุ้นส่วนจึงขึ้นอยู่กับผลการแข่งขันทางสโมสร หากทีมใดยังคงอยู่ในพรีเมียร์ลีกก็จะถือเป็นหุ้นส่วนของพรีเมียร์ลีกต่อไป ในช่วงปิดฤดูกาลสโมสรที่ตกชั้นจะต้องมอบสิทธิความเป็นหุ้นส่วนให้กับสโมสรที่เลื่อนชั้นมาจากลีกแชมเปี้ยนชิป โดยมีสมาคมฟุตบอลอังกฤษถือสิทธิเป็นหุ้นส่วนหลัก มีอำนาจที่จะคัดค้านในประเด็นสำคัญ เช่น การแต่งตั้งประธานกรรมการและผู้บริหารระดับสูง หลักการเลื่อนชั้นหรือตกชั้นของสโมสรเท่านั้น แต่ไม่อาจล่วงไปถึงกิจการเฉพาะของพรีเมียร์ลีก ซึ่งได้แก่เงื่อนไขและผลประโยชน์เชิงพาณิชย์ต่าง ๆ
ด้วยค่าตอบแทนจากการถ่ายทอดโทรทัศน์และประโยชน์ที่ได้รับจากผู้สนับสนุนการแข่งขัน ทำให้พรีเมียร์ลีกพัฒนาเป็นลีกฟุตบอลภายในประเทศที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
การซื้อตัวผู้เล่นต่างชาติ
จารีตอันยาวนานของสโมสรฟุตบอลอังกฤษในเรื่องนักฟุตบอลของทีมคือ แต่ละสโมสรจะส่งตัวแทนค้นหาเยาวชนที่มีความสามารถทางการเล่นฟุตบอลเพื่อนำมาฝึกหัดพัฒนาทักษะ โดยให้ลงเล่นตั้งแต่ในทีมระดับเยาวชน สมัครเล่น หรือทีมสำรอง ผู้ที่มีความโดดเด่นจะได้รับคัดเลือกให้ลงเล่นในทีมชุดใหญ่ซึ่งลงแข่งในฟุตบอลลีก หากจะมีการซื้อตัวผู้เล่น ก็มักจะมาจากสโมสรในดิวิชั่นหนึ่ง (แบบเดิม) ซื้อตัวผู้เล่น ดาวรุ่ง จากดิวิชั่นที่ต่ำกว่าหรือจากสโมสรสมัครเล่นนอกลีก มีน้อยมากที่ซื้อนักฟุตบอลต่างชาติ (ไม่นับรวม สกอตแลนด์ เวลส์ และไอร์แลนด์) ต่างจากสโมสรฟุตบอลอาชีพทางยุโรปตอนใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสโมสรฟุตบอลในอิตาลีและสเปน ซึ่งมักจะได้รับฉายาว่า เจ้าบุญทุ่ม บ่อยครั้งที่สโมสรฟุตบอลจากสองประเทศนี้จ่ายเงินมหาศาล จนถึงขั้นสร้าง สถิติโลก ในการซื้อตัวนักฟุตบอลต่างชาติเพียงหนึ่งคน
แต่เมื่อพรีเมียร์ลีกก่อกำเนิด ธรรมเนียมการกว้านซื้อตัวนักฟุตบอลต่างชาติของสโมสรฟุตบอลอังกฤษจึงเริ่มมีมากขึ้น จารีตการสร้างนักฟุตบอลของตัวเองแม้จะยังคงอยู่แต่ก็ลดความสำคัญลงไปทุกขณะ เพราะต้องใช้เวลายาวนานอาจไม่ทันการณ์ สู้ใช้เงินซื้อนักฟุตบอลชื่อดังระดับโลกมาร่วมสังกัดไม่ได้ ที่สามารถดึงดูดแฟนฟุตบอลให้ซื้อบัตรเข้าชมการแข่งขันมากขึ้นในเวลาอันสั้น ลีลาการเล่นที่ตื่นเต้นเร้าใจย่อมขยายฐานแฟนคลับให้กว้างขวางออกไปอย่างรวดเร็ว เมื่อสโมสรชั้นนำในพรีเมียร์ลีกต่างมีสถานะทางการเงินที่มั่นคงกว่าเดิม จึงพร้อมที่จะทำในสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์
รูปโฉมใหม่ของฟุตบอลอาชีพอังกฤษเปิดฉากขึ้น ในฤดูกาล 1994-95 เมื่อทอตนัมฮอตสเปอร์ ซื้อตัว เยือร์เกิน คลินส์มันน์ (Juergen Klinsmann) นักฟุตบอลทีมชาติเยอรมันจากสโมสรโมนาโก จากฝรั่งเศส ทักษะและลีลาการเล่นฟุตบอลของคลินส์มันน์สร้างความตื่นตาตื่นใจต่อผู้ชม ทำให้เขากลายเป็นขวัญใจของกองเชียร์ในเวลาไม่นาน สร้างความพึงพอใจต่อสโมสรต้นสังกัดเป็นอย่างยิ่ง ความสำเร็จของทอตแน่มฮอตสเปอร์กระตุ้นให้สโมสรอื่น กล้าลงทุนซื้อตัวนักฟุตบอลระดับโลกมากขึ้น เพราะรายรับที่ได้กลับคืนมาคุ้มค่ากับการลงทุน
ในฤดูกาลถัดมานักฟุตบอลต่างชาติได้มาเล่นในฟุตบอลอังกฤษมากขึ้น ในฤดูกาล 1995-96 สโมสรมิดเดิลสโบร ซื้อ จูนินโญ่ และ เอเมอร์สัน (บราซิล) สโมสรนิวคาสเซิลยูไนเด็ต ซื้อ ฟาอุสติโน่ อัสปริญ่า (โคลอมเบีย) สโมสรอาร์เซนอล ซื้อ เดนนิส เบิร์กแคมป์ (ฮอลแลนด์) สโมสรเชลซี ซื้อ รุด กุลลิท (ฮอลแลนด์) ฯลฯ ฤดูกาล 1996-97 สโมสรมิดเดิลสโบร ซื้อ ฟาบรีซีโอ ราวาเนลลี (อิตาลี) สโมสรเชลซีซื้อ จานลูกา วีอัลลี และ จานฟรังโก โซลา (อิตาลี) สโมสรลิเวอร์พูล ซื้อ แพทริก แบเกอร์ (สาธารณรัฐเช็ก) สโมสรอาiNเซนอล ซื้อ ปาทริค วิเอร่า (ฝรั่งเศส) ฯลฯ
นอกจากนักฟุตบอลแล้ว ผู้จัดการทีมต่างชาติก็เข้ามามีบทบาทในพรีเมียร์ลีกจวบจนปัจจุบันนี้ ไม่ว่า อาร์แซน แวงแกร์, รุด กุลลิท, เชอรา อุลิแยร์, ราฟาเอล เบนีเตซ, โชเซ มูรีนโย ฯลฯ แม้แต่สโมสรฟุตบอลที่มีลักษณะอนุรักษนิยมสูง ดังเช่น สโมสรลิเวอร์พูล ที่แม้ปรับตัวให้เข้ากับระบบใหม่ช้ากว่าคู่แข่งหลายทีม จนทำให้ยังไม่ประสบความสำเร็จในระดับแชมป์พรีเมียร์ลีก (ต่างจากยุคฟุตบอลลีก) ยังต้องปรับตัวต่อกระแสการซื้อตัวนักฟุตบอลและผู้จัดการทีมต่างชาติ เพื่อหวังจะครองแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกให้ได้
อาจกล่าวได้ว่าในขณะนี้ เอฟเอพรีเมียร์ลีกเป็นลีกฟุตบอลภายในประเทศที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง ดึงดูดนักฟุตบอลชั้นดีให้มาประกอบวิชาชีพไม่ต่างจาก กัลโช่ เซเรีย อา ของประเทศอิตาลี หรือ ลาลีกา ของประเทศสเปน ตัวชี้วัดคุณภาพที่ดีที่สุดคือนักฟุตบอลที่เข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลโลก 2002 ซึ่ง เกาหลีใต้-ญี่ปุ่น เป็นเจ้าภาพ มีจำนวน 101 คนที่เล่นฟุตบอลในอังกฤษ และปัจจุบันมีนักฟุตบอลต่างชาติในพรีเมียร์ชิพมากกว่า 290 คน
ระบบการแข่งขัน
มีทีมร่วมแข่งขัน 20 ทีม แข่งขันในระบบพบกันหมด เหย้าและเยือน ทีมชนะได้ 3 คะแนน ทีมเสมอได้ 1 คะแนน และทีมแพ้ไม่ได้คะแนน ตลอดฤดูกาลทุกทีมจะต้องแข่งขันทั้งสิ้น 38 นัด เมื่อสิ้นสุดฤดูกาล 3 สโมสรที่ได้คะแนนน้อยที่สุด จะถูกลดชั้นไปเล่นในฟุตบอลลีกแชมเปียนชิพ
4 ทีมที่อันดับดีสุดจะได้ผ่านเข้าไปเล่นในยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก โดยสามทีมอันดับแรกจะผ่านเข้าไปรอในรอบแบ่งกลุ่ม ในขณะที่ทีมอันดับ 4 จะต้องแข่งรอบเพลย์ออฟอีกทีหนึ่ง ส่วนอันดับ 5 6 7 จะได้เล่นยูฟ่า ยูโรป้า ลีก (ยูฟ่า คัพ) เดิม และทีมที่ชนะเลิศการแข่งขันฟุตบอลถ้วยภายในประเทศก็จะได้สิทธิ์ไปเล่นในยูโรป้า ลีก เช่นกัน ในกรณีที่ทีมอันดับ 1-4 ได้ ก็จะได้เล่นแชมเปียนส์ ลีก เหมือนเดิม ทีมที่เหลือจะได้เล่นยูโรป้า ลีก
ผู้สนับสนุนหลัก
รายชื่อผู้สนับสนุนหลักในรายการแข่งขันฤดูกาลต่างๆ
- 1993-2001: เบียร์คาร์ลิง (FA Carling Premiership)
- 2001-2004: บัตรเครดิตบาร์เคลย์การ์ด (Barclaycard Premiership)
- 2004-ปัจจุบัน: ธนาคารบาร์เคลย์ส (Barclays Premiership (จนถึง 2007) แล้วเปลี่ยนเป็น Barclays Premier League)
สโมสรในฤดูกาลปัจจุบัน (2012-2013)
สโมสร | อันดับในฤดูกาลผ่านมา (2011-12) |
ฤดูกาลที่ได้เริ่มเล่น ในลีกสูงสุด |
ฤดูกาลที่ได้เริ่มเล่น ในลีกสูงสุด ในคราวปัจจุบัน |
---|---|---|---|
อาร์เซนอล | 3 | 1904-05 | 1919-20 |
แอสตันวิลลา | 16 | 1888-89 | 1988-89 |
เชลซี | 6 | 1907-08 | 1989-90 |
เอฟเวอร์ตัน | 7 | 1888-89 | 1954-55 |
ฟูแลม | 9 | 1949-50 | 2001-02 |
ลิเวอร์พูล | 8 | 1894-95 | 1962-63 |
แมนเชสเตอร์ซิตี | 1 | 1899-1900 | 2002-03 |
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด | 2 | 1892-93 | 1975-76 |
นิวคาสเซิลยูไนเต็ด | 5 | 1888-89 | 2010-11 |
นอริชซิตี | 12 | 1972–73 | 2011-12 |
ควีนส์ปาร์กเรนเจิร์ส | 17 | 1968–69 | 2011-12 |
เรดดิง | 1 จาก ลีกแชมเปียนชิพ | 2006-07 | 2012-13 |
เซาแทมป์ตัน | 2 จาก ลีกแชมเปียนชิพ | 1966-67 | 2012-13 |
สโตกซิตี | 14 | 1888–89 | 2008-09 |
ซันเดอร์แลนด์ | 13 | 1890-91 | 2007-08 |
สวอนซีซิตี | 11 | 1981–82 | 2011-12 |
ทอตนัมฮอตสเปอร์ | 4 | 1909-10 | 1978-79 |
เวสต์บรอมมิชอัลเบียน | 10 | 1888-89 | 2010-11 |
เวสต์แฮมยูไนเต็ด | 3 จาก ลีกแชมเปียนชิพ | 1888-89 | 2012-13 |
วีแกนแอธเลติก | 15 | 2005-06 | 2005-06 |
ทำประตูสูงสุด
- ณ วันที่ 15 พฤษภาคม 2555
อันดับ | นักฟุตบอล | ประตู |
---|---|---|
1 | อลัน เชียเรอร์ | 260 |
2 | แอนดรูว์ โคล | 187 |
3 | ตีแยรี อ็องรี | 176 |
4 | ร็อบบี ฟาวเลอร์ | 163 |
5 | แฟรงก์ แลมพาร์ด | 153 |
6 | เลส เฟอร์ดินานด์ | 149 |
7 | ไมเคิล โอเวน | 149 |
8 | เวย์น รูนีย์ | 148 |
9 | เทดดี เชอริงแฮม | 147 |
10 | จิมมี ฟลอยด์ ฮัสเซลแบงก์ | 127 |
หมายเหตุ:ตัวเน้นแสดงถึงผู้เล่นที่ยังเล่นฟุตบอลอยู่ในพรีเมียร์ลีก
ข้อมูลเกร็ดทั่วไปพรีเมียร์ลีก
ไรอัน กิ๊กส์ คือนักฟุตบอลคนแรก(คนเดียว) ที่ลงเล่นในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ทุกฤดูกาล(1992-2012) ไรอัน กิ๊กส์ คือนักฟุตบอลคนแรก(คนเดียว) ที่สามารถทำประตูได้ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ทุกฤดูกาล (1992-2011) ไรอัน กิ๊กส์ คือนักฟุตบอลที่ลงเล่นในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ มากที่สุด 604 เกม ถึง11/11/2012 ไรอัน กิ๊กส์ คือนักฟุตบอลที่ได้เหรียญรางวัลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ มากที่สุด 12 เหรียญ
สตีเวน เจอร์ราร์ด คือนักเตะในพรีเมียร์ลีกที่ยิงประตูในแมต์ชิงชนะเลิศ 4 รายการใหญ่ของสโมสรยุโรป
-ยูฟ่า คัพฤดูกาล 2000-2001 ลิเวอร์พูล 5 - 4 อลาเบส, -ลีก คัพฤดูกาล2002-2003 เจอร์ราทำประตูแรกให้ ลิเวอร์พูลชนะแมนยูฯ 2-0 -ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ฤดูกาล 2004-2005 โดย เจอร์ราร์ดยิงทีมเอซี มิลาน ทำประตูตีไข่แตกไล่มาเป็น 1-3 ลิเวอร์พูลกลับมาตีเสมอ 3-3 และเอาชนะทีมเอซีมิลานจากการดวลจุดโทษไป -เอฟเอคัพ 2005-2006 เจอร์ราร์ดยิงตืเสมอ 2-2 และ 3-3 ให้ลิเวอร์พูลดวลจุดโทษกับเวสแฮมและชนะในที่สุด
7 ทีมพรีเมียร์ลีก ที่ยังไม่เคยตกชั้น
1.แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2.เชลซี 3.เอฟเวอร์ตัน 4.ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ส 5.อาร์เซนอล 6.ลิเวอร์พูล 7.แอสตัน วิลล่า
นักเตะที่ได้แชมป์พรีเมียร์ลีกกับ 2 สโมสรคือ แอชลี่ย์ โคล แชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2000-2001กับอาร์เซนอล และ ฤดูกาล 2009-2010กับเชลซี
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
- เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ (อังกฤษ)
- พรีเมียร์ลีก จาก สยามสปอร์ต