ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เหรียญรัตนาภรณ์"
บรรทัด 69: | บรรทัด 69: | ||
=== เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 7 === |
=== เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 7 === |
||
'''เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 7''' สร้างขึ้นเมื่อ [[พ.ศ. 2469]] โดย[[พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว]] มีลักษณะเป็นวงรี มีอักษรพระบรมนามาภิไธย ป.ป.ร. อยู่ในขอบวงรีหยิกทะแยงสี่แง่และมีหูสำหรับร้อยแพรแถบ โดยแบ่งออกเป็น 5 ชั้น<ref>ราชกิจจานุเบกษา, [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2469/A/503.PDF พระราชบัญญัติเหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ ๗ พุทธศักราช ๒๔๖๙], เล่ม ๔๓, ตอน ๐ ก, ๑๗ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๖๙, หน้า ๕๐๓ </ref> ได้แก่ |
'''เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 7''' สร้างขึ้นเมื่อ [[พ.ศ. 2469]] โดย[[พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว]] มีลักษณะเป็นวงรี มีอักษรพระบรมนามาภิไธย ป.ป.ร. อยู่ในขอบวงรีหยิกทะแยงสี่แง่และมีหูสำหรับร้อยแพรแถบ โดยแบ่งออกเป็น 5 ชั้น<ref>ราชกิจจานุเบกษา, [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2469/A/503.PDF พระราชบัญญัติเหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ ๗ พุทธศักราช ๒๔๖๙], เล่ม ๔๓, ตอน ๐ ก, ๑๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๖๙, หน้า ๕๐๓ </ref> ได้แก่ |
||
:* '''ชั้นที่ 1''' ย่อว่า ป.ป.ร.๑ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย ป.ป.ร. เรือนเงินประดับเพชรทั้งดวง หูทองคำ |
:* '''ชั้นที่ 1''' ย่อว่า ป.ป.ร.๑ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย ป.ป.ร. เรือนเงินประดับเพชรทั้งดวง หูทองคำ |
||
:* '''ชั้นที่ 2''' ย่อว่า ป.ป.ร.๒ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย ป.ป.ร. ทองคำลงยาสีเขียว ขอบเรือนเงินประดับเพชร หูทองคำ |
:* '''ชั้นที่ 2''' ย่อว่า ป.ป.ร.๒ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย ป.ป.ร. ทองคำลงยาสีเขียว ขอบเรือนเงินประดับเพชร หูทองคำ |
||
บรรทัด 99: | บรรทัด 99: | ||
== การพระราชทาน == |
== การพระราชทาน == |
||
เหรียญรัตนาภรณ์จัดเป็นเหรียญราชอิสริยาภรณ์อันเป็นบำเน็จในพระองค์พระมหากษัตริย์นับเป็นเครื่องหมายในพระมหากรุณาส่วนพระองค์ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะพระราชทานแก่ผู้ใดก็แล้วแต่จะทรงพระราชดำริเห็นสมควร ผู้ที่ได้รับพระราชทานจะได้รับประกาศนียบัตรทรงลงพระปรมาภิไธยและประทับพระราชลัญจกรประจำพระองค์กำกับไว้ หากได้รับพระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์ในชั้นที่สูงขึ้นต้องส่งเหรียญดวงเดิมคืน แต่หากผู้ได้รับพระราชทานเหรียญวายชนม์ เหรียญก็จะตกทอดแก่ทายาท ซึ่งพระราชทานพระบรม |
เหรียญรัตนาภรณ์จัดเป็นเหรียญราชอิสริยาภรณ์อันเป็นบำเน็จในพระองค์พระมหากษัตริย์นับเป็นเครื่องหมายในพระมหากรุณาส่วนพระองค์ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะพระราชทานแก่ผู้ใดก็แล้วแต่จะทรงพระราชดำริเห็นสมควร ผู้ที่ได้รับพระราชทานจะได้รับประกาศนียบัตรทรงลงพระปรมาภิไธยและประทับพระราชลัญจกรประจำพระองค์กำกับไว้ หากได้รับพระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์ในชั้นที่สูงขึ้นต้องส่งเหรียญดวงเดิมคืน แต่หากผู้ได้รับพระราชทานเหรียญวายชนม์ เหรียญก็จะตกทอดแก่ทายาท ซึ่งพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ทายาทสามารถใช้เหรียญร้อยสร้อยสวมคอได้แต่จะนำไปร้อยแพรแถบเพื่อเอาไปประดับไม่ได้ นอกจากนี้ ผู้ได้รับพระราชทานสามารถเขียนอักษรย่อของเหรียญที่ได้รับพระราชทานไว้ท้ายชื่อด้วย |
||
== อ้างอิง == |
== อ้างอิง == |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 03:54, 27 มกราคม 2555
เหรียญรัตนาภรณ์ | |
---|---|
ไฟล์:เหรียญ รัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 9.jpg เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 9 | |
ประเภท | เหรียญราชอิสริยาภรณ์อันเป็นบำเน็จในพระองค์พระมหากษัตริย์ |
วันสถาปนา | พ.ศ. 2412 |
ประเทศ | ประเทศไทย |
จำนวนสำรับ | ไม่จำกัดจำนวน |
ผู้สถาปนา | พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว |
ประธาน | พระมหากษัตริย์แห่งประเทศไทย |
เหรียญรัตนาภรณ์ เป็นเหรียญราชอิสริยาภรณ์อันเป็นบำเน็จในพระองค์พระมหากษัตริย์ สถาปนาขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2412 โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวสำหรับพระราชทานผู้ที่มีความดีความชอบทั้งฝ่ายหน้าและฝ่ายใน เดิมชื่อ เหรียญรจนาภรณ์ และเปลี่ยนชื่อเป็นเหรียญรัตนาภรณ์ในปี พ.ศ. 2416
ประวัติ
เหรียญรัตนาภรณ์เป็นเหรียญราชอิสริยาภรณ์ที่สร้างขึ้นโดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อปี พ.ศ. 2412 สำหรับพระราชทานเป็นบำเหน็จความชอบในพระองค์และในการช่าง เดิมชื่อ "เหรียญรจนาภรณ์" ซึ่งเป็นชั้นที่1 และ เหรียญบุษปมาลาซึ่งเป็นชั้นที่2 ภายหลังจากการการตราพระราชบัญญัติเครื่องราชอิสริยาภรณ์ พ.ศ. 2416 จึงเปลี่ยนชื่อเป็น "เหรียญรัตนาภรณ์" แต่การสถาปนาเหรียญรัตนาภรณ์ในครั้งนั้นก็ไม่ได้พระราชทานให้ผู้ใดมากกว่า 20 ปี[1]
จนกระทั่ง พ.ศ. 2444 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงปรารภถึงเจ้านายและข้าราชการ ซึ่งตามเสด็จประพาสเกาะชวาต้องลำบากกรากกรำ เพื่อช่วยกันพยาบาลสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ กรมขุนนครราชสีมา ซึ่งประชวรหนักอยู่เกือบเดือน พระองค์จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเหรียญรัตนาภรณ์ขึ้นใหม่ โดยให้แบ่งออกเป็น 5 ขั้น เพื่อพระราชทานเป็นบำเหน็จความชอบแก่ผู้โดยเสด็จในครั้งนั้นทั้งฝ่ายหน้าและฝ่ายใน และพระราชทานแก่ผู้อื่นเป็นบำเหน็จความชอบอย่างอื่นต่อมา
ในปี พ.ศ. 2447 เนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปี วันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสถาปนาเหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 4 ขึ้นอีกอย่างหนึ่ง สำหรับพระราชทานพระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการผู้รับราชการมาในรัชกาลที่ 4 หรือผู้เป็นสมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นโบราณมงคลนพรัตนราชวราภรณ์ หลังจากนั้น ได้มีการสถาปนาเหรียญรัตนาภรณ์ขึ้นในทุกรัชกาลจนถึงปัจจุบัน
ลักษณะของเหรียญ
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 4
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 4 สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2447 โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปี วันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีลักษณะเป็นวงกลม มีอักษรพระบรมนามาภิไธย ม.ป.ร. อยู่ในพวงมาลาเป็นรูปวงกลมและมีหูสำหรับร้อยแพรแถบ โดยแบ่งออกเป็น 5 ชั้น[2] ได้แก่
- ชั้นที่ 1 ย่อว่า ม.ป.ร.๑ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย ม.ป.ร. เรือนเงินประดับเพชรล้วน
- ชั้นที่ 2 ย่อว่า ม.ป.ร.๒ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย ม.ป.ร. ลงยาราชาวดีสีแดง ขอบพวงมาลาประดับเพชร
- ชั้นที่ 3 ย่อว่า ม.ป.ร.๓ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย ม.ป.ร. ลงยาราชาวดีสีแดง ขอบเป็นทองคำ
- ชั้นที่ 4 ย่อว่า ม.ป.ร.๔ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย ม.ป.ร. ทองคำล้วน
- ชั้นที่ 5 ย่อว่า ม.ป.ร.๕ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย ม.ป.ร. เงินล้วน
เครื่องหมายแพรแถบ พื้นสีเหลือง มีริ้วแดง 2 ข้าง เหมือนกันทั้ง 5 ชั้น โดยสำหรับสตรีใช้ผูกเป็นรูปแมลงปอ ส่วนบุรุษไม่ผูก ใช้กลัดอกเสื้อ
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 5
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 5 สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2444 โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีลักษณะเป็นวงกลม มีอักษรพระบรมนามาภิไธย จ.ป.ร. อยู่ในพวงมาลาเป็นรูปวงกลมและมีหูสำหรับร้อยแพรแถบ โดยแบ่งออกเป็น 5 ชั้น[3] ได้แก่
- ชั้นที่ 1 ย่อว่า จ.ป.ร.๑ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย จ.ป.ร. เรือนเงินประดับเพชรล้วน
- ชั้นที่ 2 ย่อว่า จ.ป.ร.๒ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย จ.ป.ร. ลงยาราชาวดีสีแดง ขอบพวงมาลาประดับเพชร
- ชั้นที่ 3 ย่อว่า จ.ป.ร.๓ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย จ.ป.ร. ลงยาราชาวดีสีแดง ขอบเป็นทองคำ
- ชั้นที่ 4 ย่อว่า จ.ป.ร.๔ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย จ.ป.ร. ทองคำล้วน
- ชั้นที่ 5 ย่อว่า จ.ป.ร.๕ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย จ.ป.ร. เงินล้วน
เครื่องหมายแพรแถบ ริ้วสีขาวซึ่งอยู่ระหว่างกลางริ้วแดง 2 ข้างขนาดเท่ากัน เหมือนกันทั้ง 5 ชั้น โดยสำหรับสตรีใช้ผูกเป็นรูปแมลงปอ ส่วนบุรุษไม่ผูก ใช้กลัดอกเสื้อ
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 6
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 6 สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2453 โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว มีลักษณะเป็นรูปไข่ มีอักษรพระบรมนามาภิไธย ว.ป.ร. อยู่ในพวงมาลาและมีหูสำหรับร้อยแพรแถบ โดยแบ่งออกเป็น 5 ชั้น[4] ได้แก่
- ชั้นที่ 1 ย่อว่า ว.ป.ร.๑ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย ว.ป.ร. เรือนเงินประดับเพชรล้วน
- ชั้นที่ 2 ย่อว่า ว.ป.ร.๒ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย ว.ป.ร. ลงยาราชาวดีสีดำ ขอบพวงมาลาประดับเพชร
- ชั้นที่ 3 ย่อว่า ว.ป.ร.๓ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย ว.ป.ร. ลงยาราชาวดีสีดำ ขอบลงยาราชาวดีสีแดง
- ชั้นที่ 4 ย่อว่า ว.ป.ร.๔ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย ว.ป.ร. ทองคำ ขอบลงยาราชาวดีสีแดง
- ชั้นที่ 5 ย่อว่า ว.ป.ร.๕ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย ว.ป.ร. ทอง ขอบโสร่งเงิน
เครื่องหมายแพรแถบ พื้นสีเหลือง มีริ้วดำ 2 ข้าง เหมือนกันทั้ง 5 ชั้น โดยสำหรับสตรีใช้ผูกเป็นรูปแมลงปอ ส่วนบุรุษไม่ผูก ใช้กลัดอกเสื้อ
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 7
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 7 สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2469 โดยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว มีลักษณะเป็นวงรี มีอักษรพระบรมนามาภิไธย ป.ป.ร. อยู่ในขอบวงรีหยิกทะแยงสี่แง่และมีหูสำหรับร้อยแพรแถบ โดยแบ่งออกเป็น 5 ชั้น[5] ได้แก่
- ชั้นที่ 1 ย่อว่า ป.ป.ร.๑ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย ป.ป.ร. เรือนเงินประดับเพชรทั้งดวง หูทองคำ
- ชั้นที่ 2 ย่อว่า ป.ป.ร.๒ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย ป.ป.ร. ทองคำลงยาสีเขียว ขอบเรือนเงินประดับเพชร หูทองคำ
- ชั้นที่ 3 ย่อว่า ป.ป.ร.๓ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย ป.ป.ร. ทองคำลงยาสีเขียว ขอบเรือนเพชรสร่งเงิน หูทองคำ
- ชั้นที่ 4 ย่อว่า ป.ป.ร.๔ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย ป.ป.ร. ทองคำ ขอบเรือนเพชรสร่งเงิน หูทองคำ
- ชั้นที่ 5 ย่อว่า ป.ป.ร.๕ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย ป.ป.ร. เงิน ขอบเรือนเพชรสร่งเงิน หูทองคำ
เครื่องหมายแพรแถบ พื้นสีเหลือง มีริ้วเขียว 2 ข้าง เหมือนกันทั้ง 5 ชั้น โดยสำหรับสตรีใช้ผูกเป็นรูปแมลงปอ ส่วนบุรุษไม่ผูก ใช้กลัดอกเสื้อ
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 8
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 8 สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2480 สำหรับพระราชทานเป็นส่วนพระองค์พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร มีลักษณะเป็นวงกลม มีอักษรพระบรมนามาภิไธย อ.ป.ร. อยู่ในขอบวงกลมซึ่งมีรัศมีและมีหูสำหรับร้อยแพรแถบ โดยแบ่งออกเป็น 5 ชั้น[6] ได้แก่
- ชั้นที่ 1 ย่อว่า อ.ป.ร.๑ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย อ.ป.ร. เรือนเงินประดับเพชรทั้งดวง หูทองคำ
- ชั้นที่ 2 ย่อว่า อ.ป.ร.๒ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย อ.ป.ร. ทองคำลงยาสีแดง ขอบเรือนเงินประดับเพชร หูทองคำ
- ชั้นที่ 3 ย่อว่า อ.ป.ร.๓ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย อ.ป.ร. ทองคำลงยาสีแดง ขอบเพชรสร่งเงิน หูทองคำ
- ชั้นที่ 4 ย่อว่า อ.ป.ร.๔ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย อ.ป.ร. ทองคำ ขอบเพชรสร่งเงิน หูเงิน กาไหล่ทอง
- ชั้นที่ 5 ย่อว่า อ.ป.ร.๕ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย อ.ป.ร. เงิน ขอบเพชรสร่งเงิน หูเงิน กาไหล่ทอง
เครื่องหมายแพรแถบ พื้นสีเหลือง มีริ้วแดง 2 ข้าง เหมือนกันทั้ง 5 ชั้น โดยสำหรับสตรีใช้ผูกเป็นรูปแมลงปอ ส่วนบุรุษไม่ผูก ใช้กลัดอกเสื้อ
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 9
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 9 สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2495 สำหรับพระราชทานเป็นส่วนพระองค์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีลักษณะเป็นวงกลม มีอักษรพระบรมนามาภิไธย ภ.ป.ร. อยู่ในขอบวงกลมซึ่งมีรัศมีและมีหูสำหรับร้อยแพรแถบ โดยแบ่งออกเป็น 5 ชั้น[7] ได้แก่
- ชั้นที่ 1 ย่อว่า ภ.ป.ร.๑ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย ภ.ป.ร. ขอบเรือนเงินประดับเพชรทั้งดวง
- ชั้นที่ 2 ย่อว่า ภ.ป.ร.๒ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย ภ.ป.ร. ทองคำลงยาสีขาว ขอบเรือนเงินประดับเพชร
- ชั้นที่ 3 ย่อว่า ภ.ป.ร.๓ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย ภ.ป.ร. ทองคำลงยาสีขาว ขอบเพชรสร่งทองคำ
- ชั้นที่ 4 ย่อว่า ภ.ป.ร.๔ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย ภ.ป.ร. ทองคำ ขอบเพชรสร่งเงิน
- ชั้นที่ 5 ย่อว่า ภ.ป.ร.๕ มีลักษณะเป็น อักษรพระบรมนามาภิไธย ภ.ป.ร. เงิน ขอบสร่งเงิน
เครื่องหมายแพรแถบ พื้นสีเหลือง มีริ้วขาว 2 ข้าง เหมือนกันทั้ง 5 ชั้น โดยสำหรับสตรีใช้ผูกเป็นรูปแมลงปอ ส่วนบุรุษไม่ผูก ใช้กลัดอกเสื้อ
การพระราชทาน
เหรียญรัตนาภรณ์จัดเป็นเหรียญราชอิสริยาภรณ์อันเป็นบำเน็จในพระองค์พระมหากษัตริย์นับเป็นเครื่องหมายในพระมหากรุณาส่วนพระองค์ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะพระราชทานแก่ผู้ใดก็แล้วแต่จะทรงพระราชดำริเห็นสมควร ผู้ที่ได้รับพระราชทานจะได้รับประกาศนียบัตรทรงลงพระปรมาภิไธยและประทับพระราชลัญจกรประจำพระองค์กำกับไว้ หากได้รับพระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์ในชั้นที่สูงขึ้นต้องส่งเหรียญดวงเดิมคืน แต่หากผู้ได้รับพระราชทานเหรียญวายชนม์ เหรียญก็จะตกทอดแก่ทายาท ซึ่งพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ทายาทสามารถใช้เหรียญร้อยสร้อยสวมคอได้แต่จะนำไปร้อยแพรแถบเพื่อเอาไปประดับไม่ได้ นอกจากนี้ ผู้ได้รับพระราชทานสามารถเขียนอักษรย่อของเหรียญที่ได้รับพระราชทานไว้ท้ายชื่อด้วย
อ้างอิง
- ↑ สมเด็จกรมพระยาดำรงเดชานุภาพ, หน้า 174
- ↑ สมเด็จกรมพระยาดำรงเดชานุภาพ, หน้า 175
- ↑ สมเด็จกรมพระยาดำรงเดชานุภาพ, หน้า 176
- ↑ สมเด็จกรมพระยาดำรงเดชานุภาพ, หน้า 177
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชบัญญัติเหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ ๗ พุทธศักราช ๒๔๖๙, เล่ม ๔๓, ตอน ๐ ก, ๑๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๖๙, หน้า ๕๐๓
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชบัญญัติเหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ ๘ พุทธศักราช ๒๔๘๐, เล่ม ๕๔, ตอน ๐ ก, ๒๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๘๐, หน้า ๙๔๒
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชบัญญัติเหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ ๙ พ.ศ. ๒๔๙๕, เล่ม ๖๙, ตอน ๕๕ ก ฉบับพิเศษ, ๑๒ กันยายน พ.ศ. ๒๔๙๕, หน้า ๑
หนังสือ
- สมเด็จกรมพระยาดำรงเดชานุภาพ, ตำนานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า, โรงพิมพ์พระจันทร์, พ.ศ. 2512