ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เครื่องราชอิสริยาภรณ์รัตนวราภรณ์"
ลไม่มีความย่อการแก้ไข |
ScorpianPK (คุย | ส่วนร่วม) ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 5: | บรรทัด 5: | ||
| อักษรย่อ = |
| อักษรย่อ = |
||
| ประเทศ = {{flagicon|Thailand}} [[ประเทศไทย]] |
| ประเทศ = {{flagicon|Thailand}} [[ประเทศไทย]] |
||
| วันสถาปนา = [[พ.ศ. 2454]] |
| วันสถาปนา = '''ฝ่ายหน้า''' : [[พ.ศ. 2454]] <br> '''ฝ่ายใน''' : [[พ.ศ. 2465]] |
||
| ผู้สถาปนา =[[พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว]] |
| ผู้สถาปนา =[[พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว]] |
||
| ล้มเลิก = |
| ล้มเลิก = |
||
| ประเภท = ดวงตราห้อยแพรแถบ |
| ประเภท = '''ฝ่ายหน้า''' : ดวงตราห้อยแพรแถบ <br> '''ฝ่ายใน''' : สายสร้อยพร้อมดวงตรา |
||
| สถานะ = |
| สถานะ = |
||
| ประธาน = พระมหากษัตริย์แห่งประเทศไทย |
| ประธาน = [[พระมหากษัตริย์]]แห่ง[[ประเทศไทย]] |
||
| ผู้สมควรได้รับ = ข้าราชการ (พระราชทานตามอัธยาศัย) |
| ผู้สมควรได้รับ = [[ข้าราชการ]] (พระราชทานตามอัธยาศัย) |
||
| ความชอบ = เชิดชูเกียรติคุณแก่ข้าราชการผู้ที่ตั้งใจรับราชการสนองพระเดชพระคุณด้วยความจงรักภักดีและมีความซื่อสัตย์สุจริตตลอดมา |
| ความชอบ = เชิดชูเกียรติคุณแก่ข้าราชการผู้ที่ตั้งใจรับราชการสนองพระเดชพระคุณด้วยความจงรักภักดีและมีความซื่อสัตย์สุจริตตลอดมา |
||
| จำนวนสำรับ = ไม่จำกัดจำนวน |
| จำนวนสำรับ = ไม่จำกัดจำนวน |
||
บรรทัด 18: | บรรทัด 18: | ||
| ทั้งหมด = |
| ทั้งหมด = |
||
| ได้รับหลังถึงแก่กรรม = |
| ได้รับหลังถึงแก่กรรม = |
||
| สูงกว่า = [[เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า]] |
| สูงกว่า = [[เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า]]<br>ชั้น[[ปฐมจุลจอมเกล้าวิเศษ]] |
||
| เสมอ = |
| เสมอ = |
||
| รองมา = [[เครื่องราชอิสริยาภรณ์ |
| รองมา = [[เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า]]<br>ชั้น[[ปฐมจุลจอมเกล้า]] |
||
| หมายเหตุ = |
| หมายเหตุ = ปัจจุบัน พ้นสมัยการพระราชทานแล้ว |
||
}} |
}} |
||
'''เครื่องราชอิสริยาภรณ์รัตนวราภรณ์''' ({{lang-en|The Ratana Varabhorn order of Merit}}) เรียกอย่างย่อว่า ตรารัตนาวราภรณ์ และมีอักษรย่อว่า ร.ว. เป็น[[เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย|เครื่องราชอิสริยาภรณ์]]อันเป็นบำเหน็จในพระองค์ สถาปนาขึ้นโดย[[พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว]]เมื่อปี [[พ.ศ. 2454]] เพื่อเป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์สำหรับเชิดชูเกียรติคุณแก่ข้าราชการผู้ที่ตั้งใจรับราชการสนองพระเดชพระคุณด้วยความจงรักภักดีและมีความซื่อสัตย์สุจริตตลอดมา โดยเมื่อแรกสถาปนานั้นจะพระราชทานสำหรับฝ่ายหน้าเท่านั้น ต่อมา ในปี [[พ.ศ. 2465]] พระองค์จึงสถาปนาเครื่องราชอิสริยาภรย์รัตนวราภร์สำหรับพระราชทานฝ่ายในด้วย<ref name="พรบ">ราชกิจจานุเบกษา, [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2454/A/185.PDF พระราชบัญญัติเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตรารัตนวราภรณ์], เล่ม ๒๘, ตอน ๐ก, ๒๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๕๔, หน้า ๑๘๕ </ref><ref name="ฝ่ายใน">ราชกิจจานุเบกษา, [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2465/A/302.PDF พระบรมราชโองการ ประกาศ เพิ่มเติมข้อความในพระราชบัญญัติเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ตรารัตนวราภรณ์], เล่ม ๓๙, ตอน ๐ ก, ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๖๕, หน้า ๓๐๒ </ref> เครื่องราชอิสริยาภรณ์รัตนวราภรณ์จัดเป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่มีลำดับเกียรติเป็นลำดับที่ 5 ของเครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย<ref>ราชกิจจานุเบกษา, [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2536/D/029/1.PDF ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ลำดับเกียรติเครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย], เล่ม ๑๑๐, ตอน ๒๙ง ฉบับพิเศษ, ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๖, หน้า ๑ </ref> ปัจจุบัน พ้นสมัยพระราชทานแล้ว |
'''เครื่องราชอิสริยาภรณ์รัตนวราภรณ์''' ({{lang-en|The Ratana Varabhorn order of Merit}}) เรียกอย่างย่อว่า ตรารัตนาวราภรณ์ และมีอักษรย่อว่า ร.ว. เป็น[[เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย|เครื่องราชอิสริยาภรณ์]]อันเป็นบำเหน็จในพระองค์ สถาปนาขึ้นโดย[[พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว]]เมื่อปี [[พ.ศ. 2454]] เพื่อเป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์สำหรับเชิดชูเกียรติคุณแก่ข้าราชการผู้ที่ตั้งใจรับราชการสนองพระเดชพระคุณด้วยความจงรักภักดีและมีความซื่อสัตย์สุจริตตลอดมา โดยเมื่อแรกสถาปนานั้นจะพระราชทานสำหรับฝ่ายหน้าเท่านั้น ต่อมา ในปี [[พ.ศ. 2465]] พระองค์จึงสถาปนาเครื่องราชอิสริยาภรย์รัตนวราภร์สำหรับพระราชทานฝ่ายในด้วย<ref name="พรบ">ราชกิจจานุเบกษา, [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2454/A/185.PDF พระราชบัญญัติเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตรารัตนวราภรณ์], เล่ม ๒๘, ตอน ๐ก, ๒๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๕๔, หน้า ๑๘๕ </ref><ref name="ฝ่ายใน">ราชกิจจานุเบกษา, [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2465/A/302.PDF พระบรมราชโองการ ประกาศ เพิ่มเติมข้อความในพระราชบัญญัติเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ตรารัตนวราภรณ์], เล่ม ๓๙, ตอน ๐ ก, ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๖๕, หน้า ๓๐๒ </ref> เครื่องราชอิสริยาภรณ์รัตนวราภรณ์จัดเป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่มีลำดับเกียรติเป็นลำดับที่ 5 ของเครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย<ref>ราชกิจจานุเบกษา, [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2536/D/029/1.PDF ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ลำดับเกียรติเครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย], เล่ม ๑๑๐, ตอน ๒๙ง ฉบับพิเศษ, ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๖, หน้า ๑ </ref> ปัจจุบัน พ้นสมัยพระราชทานแล้ว |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 17:51, 27 ตุลาคม 2552
เครื่องราชอิสริยาภรณ์รัตนวราภรณ์ | |
---|---|
เครื่องราชอิสริยาภรณ์รัตนวราภรณ์ ฝ่ายหน้า (ซ้าย) และฝ่ายใน (ขวา) | |
ประเภท | ฝ่ายหน้า : ดวงตราห้อยแพรแถบ ฝ่ายใน : สายสร้อยพร้อมดวงตรา |
วันสถาปนา | ฝ่ายหน้า : พ.ศ. 2454 ฝ่ายใน : พ.ศ. 2465 |
ประเทศ | ประเทศไทย |
จำนวนสำรับ | ไม่จำกัดจำนวน |
ผู้สมควรได้รับ | ข้าราชการ (พระราชทานตามอัธยาศัย) |
มอบเพื่อ | เชิดชูเกียรติคุณแก่ข้าราชการผู้ที่ตั้งใจรับราชการสนองพระเดชพระคุณด้วยความจงรักภักดีและมีความซื่อสัตย์สุจริตตลอดมา |
ผู้สถาปนา | พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว |
ประธาน | พระมหากษัตริย์แห่งประเทศไทย |
ลำดับเกียรติ | |
สูงกว่า | เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นปฐมจุลจอมเกล้าวิเศษ |
รองมา | เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นปฐมจุลจอมเกล้า |
หมายเหตุ | ปัจจุบัน พ้นสมัยการพระราชทานแล้ว |
เครื่องราชอิสริยาภรณ์รัตนวราภรณ์ (อังกฤษ: The Ratana Varabhorn order of Merit) เรียกอย่างย่อว่า ตรารัตนาวราภรณ์ และมีอักษรย่อว่า ร.ว. เป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นบำเหน็จในพระองค์ สถาปนาขึ้นโดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อปี พ.ศ. 2454 เพื่อเป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์สำหรับเชิดชูเกียรติคุณแก่ข้าราชการผู้ที่ตั้งใจรับราชการสนองพระเดชพระคุณด้วยความจงรักภักดีและมีความซื่อสัตย์สุจริตตลอดมา โดยเมื่อแรกสถาปนานั้นจะพระราชทานสำหรับฝ่ายหน้าเท่านั้น ต่อมา ในปี พ.ศ. 2465 พระองค์จึงสถาปนาเครื่องราชอิสริยาภรย์รัตนวราภร์สำหรับพระราชทานฝ่ายในด้วย[1][2] เครื่องราชอิสริยาภรณ์รัตนวราภรณ์จัดเป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่มีลำดับเกียรติเป็นลำดับที่ 5 ของเครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย[3] ปัจจุบัน พ้นสมัยพระราชทานแล้ว
ลักษณะของตรารัตนวราภรณ์
ฝ่ายหน้า
เครื่องราชอิสริยาภรณ์รัตนวราภรณ์สำหรับฝ่ายหน้า กลางดวงตราเป็นรูปวงกลม กรอบประดับเพชร ขนาด 2.5 เซนติเมตร มีอักษรพระบรมนามาภิไธยย่อ "ร.ร." กับเลข "๖" ประดับเพชร หมายความว่า สมเด็จพระรามราชาธิบดีที่ 6 อยู่ภายในวงกลมบนพื้นลงยาสีขาบที่กรอบวงกลมทั้ง 4 ทิศ เป็นรูปพระวชิราวุธ มีรูปพระแสงศรกำลังรามทำด้วยทองไขว้ คันศรยื่นออกในระหว่างพระวชิราวุธทั้ง 4 ทิศ และมีรูปคมศรเพชรแทรกระหว่างพระวชิราวุธกับพระแสงศรกำลังราม 8 แสก เบื้องบนมีพระมหาพิชัยมงกุฎประดับเพชร ด้านหลังมีตลับแก้วสำหรับบรรุเส้นพระเจ้า (เส้นผม) ร้อยด้วยแพรแถบสีเหลืองขอบดำริมเหลือง กว้าง 3 เซนติเมตร ใช้สำหรับคล้องคอ[4]
ฝ่ายใน
เครื่องราชอิสริยาภรณ์รัตนวราภรณ์สำหรับฝ่ายในนั้น ดวงตรามีเรือนทองกลมขนาด 3 เซนติเมตร ขอบประดับเพชร พื้นกลางลงยาสีขาบ มีอักษรพระนามาภิไธยย่อ ร.ร.๖ ประดับเพชร มีห่วงเป็นรูปพระมหาพิชัยมงกุฎขนาด 2 เซนติเมตร ประดับเพชร ข้างขอบเป็นรูปนาคสลับกับเพชราวุธ 4 มุม ด้านหลังมีตลับแก้วสำหรับบรรจุเส้นพระเจ้า (เส้นผม) เหนือพระมหาพิชัยมงกุฎมีอุณาโลมประดับเพชรและห่วงห้อยดวงตรา กับมีสังวาลย์อักษรพระบรมนามาภิไธยย่อ ราม.ร.๖ ทองลงยา ขั้นสลับกับพระมหาพิชัยมงกุฎ[2]
การพระราชทาน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจที่จะทรงพระราชทานและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์นี้ได้ตามพระราชประสงค์ แต่จะพระราชทานสำหรับข้าราชการและประพฤติตนเป็นที่ต้องพระราชอัธยาศัย โดยห้ามมิให้ผู้ใดกราบบังคมทูลขอพระราชทานเพื่อตนเองหรือกราบบังคมทูลแนะนำเพื่อพระราชทานแก่ผู้อื่นเป็นอันขาด
ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์นี้ จะได้รับพระราชทานประกาศนียบัตรกำกับไว้ด้วย โดยถ้าผู้ได้รับพระราชทานเสียชีวิตลง สามารถมอบตรารัตนวราภรณ์ให้แก่ผู้รับมรดกเพื่อไว้เป็นเครื่องสักการะบูชาต่อไป โดยไม่ต้องส่งคืน แต่จะไม่สามารถประดับตรานี้ได้[1]
อ้างอิง
- ↑ 1.0 1.1 ราชกิจจานุเบกษา, พระราชบัญญัติเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตรารัตนวราภรณ์, เล่ม ๒๘, ตอน ๐ก, ๒๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๕๔, หน้า ๑๘๕
- ↑ 2.0 2.1 ราชกิจจานุเบกษา, พระบรมราชโองการ ประกาศ เพิ่มเติมข้อความในพระราชบัญญัติเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ตรารัตนวราภรณ์, เล่ม ๓๙, ตอน ๐ ก, ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๖๕, หน้า ๓๐๒
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ลำดับเกียรติเครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย, เล่ม ๑๑๐, ตอน ๒๙ง ฉบับพิเศษ, ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๖, หน้า ๑
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระบรมราชโองการ ประกาศ กระแสพระบรมราชโองการแก้ไขพระราชบัญญัติเครื่องราชอิสริยาภรณ์รัตนวราภรณ์, เล่ม ๓๕, ตอน ๐ก, ๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๖๑, หน้า ๒๔๕