ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ประเทศนอร์เวย์"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ฟร็องซัว (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Zero hacker (คุย | ส่วนร่วม)
Fuck you
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
Fuck you
{{กล่องข้อมูล ประเทศ
| native_name = {{lang|nb|Kongeriket Norge}} <small>{{nb icon}}</small><br />{{lang|nn|Kongeriket Noreg}} <small>{{nn icon}}</small>
| conventional_long_name = ราชอาณาจักรนอร์เวย์
| common_name = นอร์เวย์
| image_flag = Flag of Norway.svg
| image_coat = Coat of Arms of Norway.svg
| image_map = Europe-Norway.svg
| map_caption = สถานที่ตั้งของ'''ประเทศนอร์เวย์''' (สีเขียวเข้ม)
| national_anthem = <br />''[[ยา, วีเอลสเกอร์เดทเทลันเดท]]'' <small>([[โดยพฤตินัย]])</small><br /><small>"''ใช่แล้ว, เรารักแผ่นดินนี้''"</small><br />
| royal_anthem = ''[[คองเงอซังเงิน]]'' <br />''เพลงของพระเจ้าแผ่นดิน''</small><center>[[ไฟล์:Norway (National Anthem).ogg]]</center>
| official_languages = [[ภาษานอร์เวย์]]<br /><small>([[บูกมอล]]และ[[นือนอสก์]])</small>
| capital = [[ออสโล]]
| latd = 59|latm=56|latNS=N|longd=10|longm=41|longEW=E|CCTLD=no
| largest_city = [[ออสโล]]
| government_type = [[ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ]]
| leader_title1 = [[รายพระนามพระมหากษัตริย์นอร์เวย์|พระมหากษัตริย์]]
| leader_name1 = [[สมเด็จพระราชาธิบดีฮารัลด์ที่ 5 แห่งนอร์เวย์|สมเด็จพระราชาธิบดีฮารัลด์ที่ 5]]
| leader_title2 = [[รายนามนายกรัฐมนตรีนอร์เวย์|นายกรัฐมนตรี]]
| leader_name2 = [[เออร์นา โซลเบิร์ก]]<ref>http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1378781020&grpid=03&catid=&subcatid=</ref>
| area_rank = 67
| area_magnitude = 1 E11
| area_km2 = 385,170
| area_sq_mi = 148,721 <!-- Do not remove per [[WP:MOSNUM]] -->
| percent_water = 5.2
| population_estimate_year =
| population_estimate =
| population_estimate_rank =
| population_census = 5,290,288<ref>{{cite web |url=http://ssb.no/befolkning/statistikker/folkendrkv/kvartal/2013-11-21?fane=tabell#content |title=Population on 1 October 2013 |publisher=[[Statistics Norway]] |accessdate=26 November 2017}}</ref>
| population_census_year = 1 ตุลาคม 2560
| population_density_km2 = 15.5
| population_density_sq_mi = 35 <!--Do not remove per [[WP:MOSNUM]]-->
| population_density_rank = 213
| GDP_PPP_year = 2560
| GDP_PPP = $ 377.100 พันล้าน
| GDP_PPP_rank =
| GDP_PPP_per_capita = $ 70,665
| GDP_PPP_per_capita_rank =
| GDP_nominal = $ 391.959 พันล้าน
| GDP_nominal_rank =
| GDP_nominal_year = 2560
| GDP_nominal_per_capita = $ 73,450
| GDP_nominal_per_capita_rank =
| Gini_year = 2555
| Gini = 25.9
| HDI_year = 2558
| HDI = {{increase}} 0.949
| HDI_rank = 1st
| HDI_category = <font color="green">สูงมาก</font>
| sovereignty_type = [[เอกราช|ได้รับเอกราช]]
| sovereignty_note = หลังจากรวมอยู่กับ [[ประเทศสวีเดน|สวีเดน]]
| established_event1 = ประกาศ
| established_event2 = เป็นที่ยอมรับ
| established_event3 = รัฐธรรมนูญ
| established_date1 = [[7 มิถุนายน]] [[พ.ศ. 2448]]
| established_date2 = [[26 ตุลาคม]] [[พ.ศ. 2448]]
| established_date3 = [[17 พฤษภาคม]] [[พ.ศ. 2357]]
| currency = [[โครนนอร์เวย์]]
| currency_code = NOK
| time_zone = [[เวลายุโรปกลาง|CET]]
| utc_offset = +1
| time_zone_DST = [[เวลาออมแสงยุโรปกลาง|CEST]]
| utc_offset_DST = +2
| cctld = [[.no]]
| calling_code = 47
| footnotes = <sup>1</sup>ภาษาทางการของประเทศคือภาษานอร์เวย์ที่เขียนแบบ[[บูกมอล]]และแบบ[[นือนอสก์]] นอกจากนี้ยังมี[[ภาษาซามิ]]เป็นภาษาทางการร่วมใน 6 เทศบาล และ[[ภาษาฟินแลนด์]]ใน 1 เทศบาล<br /><sup>2</sup>มี 2 รหัสที่ได้จองไว้แต่ไม่ได้ใช้ คือ [[.sj]] สำหรับสฟาลบาร์และยานไมเอน [[.bv]] สำหรับ[[เกาะบูเวต]]}}

'''นอร์เวย์''' ({{lang-en|Norway}}; {{lang-nb|Norge}}; {{lang-nn|Noreg}}) มีชื่อทางการว่า '''ราชอาณาจักรนอร์เวย์''' ({{lang-en|Kingdom of Norway}}; {{lang-nb|Kongeriket Norge}}; {{lang-nn|Kongeriket Noreg}}) เป็นประเทศใน[[กลุ่มนอร์ดิก]] ตั้งอยู่ใน[[ยุโรปเหนือ]] ส่วนตะวันตกของ[[คาบสมุทรสแกนดิเนเวีย]] มีอาณาเขตจรด[[ประเทศสวีเดน]] [[ประเทศฟินแลนด์|ฟินแลนด์]] และ[[ประเทศรัสเซีย|รัสเซีย]] และมีอาณาเขตทางทะเลจรด[[มหาสมุทรแอตแลนติก]] ใกล้กับ[[ประเทศเดนมาร์ก]]และ[[สหราชอาณาจักร]] นอร์เวย์เป็นประเทศที่มีชายฝั่งยาวและเป็นที่ตั้งของ[[ฟยอร์ด]]ที่มีชื่อเสียง

ดินแดนหมู่เกาะที่อยู่ใกล้เคียง ได้แก่ [[สฟาลบาร์]]และ[[ยานไมเอน]] ต่างก็อยู่ภายใต้อำนาจอธิปไตยของนอร์เวย์และถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักร ในขณะที่[[เกาะบูแว]]ในมหาสมุทรแอตแลนติกใต้ และ[[เกาะปีเตอร์ที่ 1]] ใน[[มหาสมุทรแปซิฟิก|มหาสมุทรแปซิฟิกใต้]]นั้น มีฐานะเป็นอาณานิคมของนอร์เวย์เท่านั้น ไม่ถือเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักร นอกจากนี้ นอร์เวย์ยังอ้างสิทธิ์เหนือดินแดน[[ดรอนนิงมอดแลนด์]]ใน[[ทวีปแอนตาร์กติกา]] ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานีวิจัยอีกด้วย


== ภูมิศาสตร์กายภาพ ==
== ภูมิศาสตร์กายภาพ ==

รุ่นแก้ไขเมื่อ 14:01, 22 มกราคม 2561

Fuck you

ภูมิศาสตร์กายภาพ

ภาพถ่ายจากดาวเทียมแสดงภูมิประเทศของนอร์เวย์ในฤดูหนาว
Typical Norwegian lowland landscape near the Trondheimsfjord
Some of the larger islands along the coastline of northern Norway.

นอร์เวย์ครอบคลุมพื้นที่ทางตะวันตกของสแกนดิเนเวียในยุโรปเหนือ มีพรมแดนส่วนที่ติดต่อกับสวีเดนและฟินแลนด์ยาว 2,542 กิโลเมตร และพรมแดนสั้นๆติดต่อกับรัสเซียทางทิศตะวันออก ทางทิศตะวันตกและใต้ติดต่อกับทะเลนอร์เวเจียน ทะเลเหนือ และ Skagerak ทางทิศเหนือติดต่อกับทะเลแบเรนต์ส ภูมิอากาศ และสภาพแวดล้อม

ภูมิประเทศ[1] : ภูเขาน้ำแข็งปกคลุมมากกว่าครึ่งประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่สูงและภูเขาสูงจะมีน้ำแข็งปกคลุมตลอดทั้งปี พื้นที่หลายแห่งมีภูเขาสลับซับซ้อน มีช่องเขาแคบ ๆ สลับที่ราบหลายแห่ง ชายฝั่งทะเลส่วนใหญ่เป็นฟยอร์ดที่มีน้ำลึกแต่นิ่ง เหมาะในการสร้างท่าเรือ

ภูมิอากาศ[2] : ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบสูงและภูเขาสูงแยกกันโดย หุบเขาที่ อุดมสมบูรณ์ มีที่ราบขนาดเล็ก กระจายอยู่ทั่วไป ตามชายฝั่งมีธารน้ำแข็ง (Fjords) จำนวนมาก มีที่ทุ่งหญ้าทุนดราที่ไม่มีต้นไม้ทางทิศเหนือ บริเวณชายฝั่งอากาศเย็นสบาย ด้วยอิทธิพลของกระแสน้ำอุ่นแอตแลนติกเหนือ (North Atlantic Current) พื้นที่ด้านในทวีปมีอากาศเย็นกว่าและมีปริมาณน้ำที่ตกจากฟ้า (ในรูปฝนหรือหิมะ หรืออื่นๆ) มากกว่า ฤดูร้อนก็มีอากาศเย็นกว่า ฝนตกตลอดทั้งปี ในบริเวณชายฝั่งตะวันตก

ประวัติศาสตร์

ยุคก่อนประวัติศาสตร์

แผนที่อารยธรรมคอร์ดแวร์.

ยุคสำริด

ศิลปะสกัดหินรูปเรือนอร์ดิกในยุคสำริด ที่ Steinkjer, Central Norway.
แผนที่แสดงการตั้งถิ่นฐานของกลุ่มชนเจอร์แมนิกในนอร์เวย์ โดย Jordanes.
Sæbø sword จาก Sæbø, Hordaland (800 ปีก่อน ค.ศ.)

ยุคโลหะ

การอพยพย้ายถิ่น

ชาวนอร์เวย์เองก็อพยพไปยังประเทศอื่นเช่นเดียวกัน ในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 19 และในตอนต้นของศตวรรษที่ 20 ชาวนอร์เวย์ประมาณ 800,000 คนอพยพไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา เนื่องจากเศรษฐกิจของนอร์เวย์ไม่ดีนักและประชากรหางานทำได้ยากมาก หลายคนฝันว่าจะไปเริ่มชีวิตใหม่ในประเทศสหรัฐอเมริกา เพราะได้ยินว่าที่นั่นมีโอกาสดี ๆ มากมาย หลายคนพบว่าชีวิตในประเทศใหม่นี้มีความยากลำบากในช่วงแรก ในขณะที่คนส่วนใหญ่ก็สามารถผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

ปัจจุบันชาวนอร์เวย์เป็นจำนวนมากทำงานหรือศึกษาในต่างประเทศ คนเหล่านี้ใช้เวลาเรียนรู้วัฒนธรรมอื่น ๆ และเรียนรู้ภาษาใหม่ ๆ ชาวนอร์เวย์ที่เป็นผู้ใหญ่ช่วงต้นมักใช้เวลาสองถึงสามเดือนหรือตลอดทั้งปีเดินทางไปรอบโลกเพื่อชมและหาประสบการณ์ใหม่ ๆ ในประเทศและวัฒนธรรมที่แตกต่าง

ผู้อพยพชุดล่าสุดของนอร์เวย์คือกลุ่มที่เดินทางไปยังประเทศเขตร้อนและอาศัยอยู่ในระยะเวลาที่ต่างกัน ผู้ชราภาพที่กินบำนาญหลายรายต้องการออกจากพื้นที่เขตหนาวของนอร์เวย์ในช่วงฤดูหนาว หลายคนย้ายถิ่นฐานไปยังประเทศอื่น เช่น สเปน อย่างถาวร ในขณะที่อีกหลายคนอาศัยอยู่ในประเทศเหล่านี้ในช่วงฤดูหนาวและกลับมานอร์เวย์ในช่วงฤดูร้อน

นอร์เวย์เป็นถิ่นอาศัยของกลุ่มคนที่มีพื้นเพหลากหลายมาเป็นเวลายาวนาน ชาวซามีอาศัยอยู่ทางนอร์เวย์ตอนเหนือมาเป็นเวลาสองพันปี และมีคนเดินทางมายังนอร์เวย์เพื่อมาหางานทำนับเป็นร้อยปีมาแล้ว ผู้ย้ายถิ่นฐานชุดแรกที่เข้ามาทำงานที่นี่มาจากประเทศเพื่อนบ้านและในยุโรปตะวันตก ปัจจุบันประชากรจากกว่า 200 ประเทศอาศัยอยู่ที่นี่

เศรษฐกิจของนอร์เวย์ปรับตัวดีขึ้นนับตั้งแต่ปี 1960 เป็นต้นมา ทำให้มีความต้องการแรงงานและมีคนเป็นจำนวนมากจากหลายประเทศเดินทางเข้ามาเพื่อหางานทำ คนกลุ่มแรกที่เข้ามามาจากยุโรป และนับตั้งแต่ช่วงปี 1970 เป็นต้นมา หลายคนมาจากเอเชีย อาฟริกาและละตินอเมริกา นอกจากนี้ยังมีชาวปากีสถานและชาวเตอร์กที่เดินทางมาเพื่อทำงานที่นี่ หลายคนยังคงอาศัยอยู่ในนอร์เวย์ในปัจจุบัน ในปี 1975 การย้ายถิ่นฐานถูกชะลอไว้ชั่วคราวเนื่องจากอัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้นและปัญหาด้านการจัดหาที่อยู่อาศัยให้กับคนที่เดินทางเข้ามาในประเทศ

ปัจจุบันประชากรจากประเทศใน EEA สามารถรับใบอนุญาตผู้พำนักและใบอนุญาตทำงานในนอร์เวย์ได้ นอกจากนี้ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญทางวิชาชีพในสาขางานที่นอร์เวย์ต้องการก็สามารถขอรับใบอนุญาตทำงานได้เช่นกัน ในช่วงปีที่ผ่านมา ผู้ลี้ภัยทางการเมืองหลายคนเดินทางมายังนอร์เวย์จากส่วนต่าง ๆ ของโลก ผู้ที่ลี้ภัยสงครามและกรณีความรุนแรงสามารถยื่นขอลี้ภัยทางการเมืองในนอร์เวย์ได้

ยุคไวกิ้ง

หมวกเหล็ก ค้นพบที่ Gjermundbu ใกล้เมือง Haugsbygd, Buskerud, เป็นหมวกเหล็กสมัยไวกิ้งที่มีสภาพสมบูรณ์.
Gokstad ship ที่ พิพิธภัณฑ์เรือไวกิ้ง กรุง ออสโล.

เราเรียกช่วงเวลาระหว่างคริสต์ศักราช 800 – 1100 ว่าเป็นยุคไวกิ้ง นอร์เวย์ไม่ได้เป็นประเทศที่เป็นรัฐเดียว แต่เป้นราชอาณาจักรเล็ก ๆ หลายอาณาจักร ฮาร์รรัลด์ แฟร์แฮร์ (Harald Hårfagre) เป็นพระราชาของดินแดนที่ใหญ่ในปี 872 ชาวไวกิ้งเดินทางไปหลายประเทศ และชาวไวกิ้งบางส่วนคือ พ่อค้า จากการซื้อและขายของต่าง ๆ

ชาวเหนือที่อาศัยในแถบสแกนดิเนเวีย มีพื้นที่เพาะปลูกน้อย จึงหันมายึดอาชีพการประมง และพัฒนาการต่อเรือเดินทะเล ซึ่งต่อมามีประชากรเพิ่มมากขึ้น จึงจำเป็นต้องออกทะเลเพื่อค้าขายแต่พวกนี้ชอบทำตัวเป็นโจรสลัด เที่ยวรุกรานใครต่อใคร ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่เรียกชาวเหนือพวกนี้ว่า "V iking" (ชาวนอร์วิเจียนออกเสียงว่า วีคิง) เรือเดินทะเลดั้งเดิม ซึ่งมีความยาว 22 เมตร กลางลำกว้าง 5 เมตร ลึก 1.5 เมตร มีฝีพาย 30-32 คน ตรงกลางมีเสากระโดงสำหรับติดเรือใบ ท้องเรือแบนเหมาะแก่การโต้คลื่น หัวงอน ท้ายงอน ช่วยให้ปราดเปรียว โดยเฉพาะหัวเรือนั้น ทำเป็นหัวงู เนื่องจากมีความเชื่อว่าสัตว์เลื้อยคลานชนิดนี้จะช่วยขจัดความชั่วร้าย

จะเห็นได้ว่าส่วนประกอบที่ทำเป็นลำเรือนั้นคือไม้โอ๊ก ซึ่งตีประกบกันเป็นเกล็ด แล้วเคลือบด้วยน้ำมันเหนียว ๆ ซึ่งมีความแข็งแรงมากกว่าเรือไม้อื่น ๆ ส่วนหางเสือนั้นทำเป็นแบบถอดได้ ลำเรือมีน้ำหนักเบา พอขึ้นฝั่งก็ถอดหางเรือ เข็นเรือเกยตื้นได้คล่อง ครั้นจะออกทะเลก็เข็นลงน้ำ ติดหางเสือพร้อมกับเร่งฝีพาย ชักใบเรือขึ้นเสากระโดง มีเรือไวกิ้งตั้งแสดงไว้ 3 ลำ แต่ละลำมีอายุราว ๆ 1,000 ปี ดูเหมือนกว่าลำที่ขุดพบแรกสุดเมื่อร้อยปีเศษมานี้ แม้จะผุพังไปมาก

แต่เขาได้ใช้ความพยายามเอาชิ้นส่วนที่ยังใช้ได้มาประกอบรวมกับของใหม่ ซึ่งของเดิมนั้นจะมีสีคล้ำกว่าอย่างเห็นได้ชัด ส่วนช่วงหลังของอาคาร ใช้เป็นที่แสดงสิ่งของที่ขุดพบในซากเรือและในจำนวนเรือไวกิ้งหรือเรือเดินทะเลทั้ง 3 ลำนี้ มีเพียงลำเดียวที่มีสภาพค่อนข้างสมบูรณ์เนื่องจากจมอยู่ในโคลน อีกทั้งได้พบหลักฐานว่าไม่เคยออกทะเล แต่ใช้เป็นที่ฝังศพของหญิงสูงศักดิ์ชาวไวกิ้ง 2 คน พร้อมกับสิ่งของเครื่องใช้สำหรับผู้ตายให้เอาไปใช้ในภพหน้า และมีอยู่ลำหนึ่งเสียหายมาก เพราะโดนแทร็กเตอร์ของคนงานก่อสร้างโดยบังเอิญ ส่วนแพ Kon-Tiki ได้ตั้งแสดงไว้อีกพิพิธภัณฑ์ ในที่นั้นยังมีเรือฟาง Ra II อีกลำ ซึ่งสร้างขึ้นมาเพื่อใช้พิสูจน์ความจริงบางประการเมื่อไม่นานมานี้

สหภาพคาลมาร์

แผนที่แสดงอาณาเขตของนอร์เวย์ ค.ศ. 1265

เดนมาร์ก-นอร์เวย์

Battle of the Sound ระหว่างกองเรือฝ่ายสัมพันธมิตร ดาโน-นอร์เวย์–ดัตช์ และ สวีเดน, 29 ตุลาคม 1658.

ระหว่างศตวรรษที่ 14 เดนมาร์กมีอิทธิพลเหนือนอร์เวย์เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ใน ค.ศ. 1397 นอร์เวย์อยู่ในสหภาพเดียวกับเดนมาร์กและสวีเดนอย่างเป็นทางการ สหภาพถูกปกครองโดยกษัตริย์ร่วมกัน สวีเดนค่อย ๆ ถอนตัวออกมาจากสหภาพนี้ แต่เดนมาร์กและนอร์เวย์ยังคงรวมกันจนกระทั่งค.ศ. 1814

สหภาพถูกปกครองจากเดนมาร์ก โคเปนเฮเกนเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมของสหภาพและชาวนอร์เวย์อ่านและเขียนเป็นภาษาเดนมาร์ก เกษตกรชาวนอร์เวย์จ่ายภาษีให้กับกษัตริย์ในโคเปนเฮเกน

สหราชอาณาจักร

สภาร่างรัฐธรรมนูญ ค.ศ.1814 วาดโดย Oscar Wergeland.

การประกาศเอกราช

สหภาพกับสวีเดนล่มสลายใน ค.ศ. 1905 มีความขัดแย้งทางการเมืองเป็นเวลาหลายปีระหว่างรัฐสภาของนอร์เวย์และกษัตริย์ในประเทศสวีเดน และในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 มีความเชื่อมากขึ้นเรื่อยๆ ว่านอร์เวย์ควรเป็นประเทศเอกราชและมีเสรีภาพ

วันที่ 7 มิถุนายน ค.ศ. 1905 รัฐสภาประกาศว่ากษัตริย์แห่งสวีเดนไม่ได้เป็นกษัตริย์ของนอร์เวย์อีกต่อไป และสหภาพกับสวีเดนก็ล่มสลายตามา ปฏิกิริยาตอบกลับในสวีเดนรุนแรงและสงครามระหว่างนอร์เวย์และสวีเดนใกล้จะเริ่มขึ้น เนื่องมากจากการลงประชามติสองครั้งเกิดขึ้นในปีเดียวกัน จึงเป็นตัวกำหนดให้สหภาพกับสวีเดนล่มสลายและชาติใหม่ของนอร์เวย์เป็นการปกครองโดยมีกษัตริย์เป็นประมุข

เจ้าชายคาร์ลแห่งเดนมาร์กถูกเลือกให้เป็นกษัตริย์คนใหม่ของนอร์เวย์ เขามีชื่อทางราชวงศ์ของนอร์เวย์ว่า ฮากอน กษัตริย์ฮากอนเป็นกษัตริย์องค์ที่ 7 ของนอร์เวย์ตั้งแต่ ค.ศ. 1905 จนกระทั่งตายใน ค.ศ. 1957

สงครามโลก

ส่วนหนึ่งของNorwegian Campaign ค.ศ. 1940

นอร์เวย์ถูกยึดครองโดยนาซีเยอรมนีตั้งแต่ปี พ.ศ. 2483 ถึง 2488 และถูกทำลายในช่วงสงครามไปมาก อาคารบ้านเรือน โรงงานและเมืองต่าง ๆ ถูกทิ้งระเบิดและเผาทำลาย สินค้าส่วนใหญ่มีไม่เพียงพอกับความต้องการและประชาชนต้องประสบกับความยากลำบาก

สงครามโลกครั้งที่สองเริ่มขึ้นในเดือนกันยายนปี 1939 เมื่อครั้งที่โปแลนด์ถูกรุกรานโดยทหารเยอรมัน ทหารเยอรมันรุกรานนอร์เวย์เมื่อวันที่ 9 เมษายน 1940 มีการต่อสู้ช่วงสั้น ๆ เกิดขึ้นหลายแห่งในประเทศ แต่ระยะเวลาเพียงไม่กี่วันเยอรมันก็สามารถควบคุมนอร์เวย์ได้ทั้งหมด กษัตริย์และเจ้าหน้าที่รัฐบาลต่างหลบหนีไปที่ลอนดอนประเทศอังกฤษและดำเนินการต่อต้านจากที่นั่น

ระหว่างสงครามช่วงสองสามวันแรก ยังไม่มีการต่อต้านเกิดขึ้นมากนักในนอร์เวย์ เจ้าหน้าที่ตำรวจถูกพวกนาซีควบคุม โดยรัฐบาลใหม่ที่เข้าพวกกับนาซีได้รับการแต่งตั้งขึ้นเพื่อบริหารประเทศแทน รัฐบาลชุดนี้ไม่ได้ถูกเลือกขึ้นตามระบอบประชาธิปไตย

ชาวนอร์เวย์หลายคนประกอบกิจกรรมที่ผิดกฎหมายระหว่างช่วงสงคราม มีการเปิดเผยข้อมูลอย่างไม่มีการปิดกั้น ทั้งทางหนังสือพิมพ์และใบปลิว และมีอีกหลายคนที่ช่วยคนให้หลบหนีจากพวกนาซีไปยังประเทศอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสวีเดนและอังกฤษ หลายคนถูกจับกุมและขังไว้ในค่ายกักกัน

แม้ว่าประเทศจะถูกยึดครอง แต่คนส่วนใหญ่ยังไปทำงานตามปกติและเด็ก ๆ ก็ยังคงไปเรียนหนังสือได้ตามเดิม อย่างไรก็ตาม อาหาร เสื้อผ้าและปัจจัยอื่น ๆ ถูกแบ่งสรรจากฝ่ายควบคุม ทำให้หลายคนเกิดความไม่แน่ใจในอนาคต

นอร์เวย์มีเรือพาณิชย์ก่อนช่วงสงครามเป็นจำนวนมาก ระหว่างช่วงสงครามปี 1940-1945 เรือหลายลำในจำนวนนี้ส่งสินค้าไปยังประเทศที่ทำสงครามกับเยอรมัน โดยรัฐบาลนอร์เวย์ในลอนดอนเป็นผู้เตรียมการขนส่งเหล่านี้ ประมาณครึ่งหนึ่งของกองเรือถูกทิ้งตอร์ปิโดหรือถล่มด้วยระเบิด ลูกเรือชาวนอร์เวย์เกือบ 4,000 คนต้องเสียชีวิตระหว่างสงคราม

ชายและหญิงชาวนอร์เวย์ประมาณ 10,000 คนเสียชีวิตเนื่องจากสงคราม ประมาณ 700 คนจากนี้เป็นชาวยิวที่ถูกส่งไปยังค่ายกักกันส่วนกลางในเยอรมันและโปแลนด์

ในวันที่ 8 พฤษภาคม 1945 เยอรมันยอมจำนน นอร์เวย์จึงเป็นประเทศเอกราชอีกครั้ง ชาวนอร์เวย์ประมาณ 50,000 คนต้องข้อหากบฏหลังจากสงครามสิ้นสุด คนเหล่านี้เป็นสมาชิกของพรรคสังคมนิยมแห่งชาตินอร์เวย์ Nasjonal Samling ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ฝักใฝ่กับพวกนาซี โดย25 คนถูกประหารชีวิตด้วยข้อหากบฏหลังสงคราม

ยุคฟื้นฟูประเทศ

หลังปี 1945 ประเทศได้เริ่มบูรณะตัวเองใหม่อีกครั้ง ซึ่งนับเป็นช่วงเวลาที่ตื่นตัวมาก ทั้งการผลิตและการส่งออกอยู่ในอัตราที่เพิ่มขึ้น กองเรือพาณิชย์เองก็ถูกบูรณะขึ้นใหม่อีกครั้ง

หลายคนสามารถหางานทำได้ และแม้ว่าค่าแรงจะไม่สูงมากนัก แต่ปัญหาความยากจนก็ลดลงไปได้บ้าง คนส่วนใหญ่มีมุมมองที่ดีและหลายคนคาดหวังที่จะมีส่วนร่วมในการบูรณะประเทศนอร์เวย์ขึ้นอีกครั้ง ความเท่าเทียมกัน และคุณค่าที่เท่ากันกลายเป็นสิ่งที่มีความสำคัญสำหรับคนส่วนใหญ่ เศรษฐกิจของนอร์เวย์ค่อย ๆ พัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่าจะยังคงต้องแบ่งสรรสินค้าใช้อยู่จนช่วงปลายทศวรรษที่ 1950

ระหว่างช่วงทศวรรษหลังสงคราม มีการปฏิรูปมากมายเกิดขึ้นเพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิตของทุกคน ชั่วโมงการทำงานถูกกำหนดให้สั้นลง และวันหยุดยาวนานขึ้น ในปี 1967 ได้มีการประกาศใช้กฎหมายหลักประกันแห่งชาติ กฎหมายนี้กำหนดขึ้นเพื่อเป็นหลักประกันทางเศรษฐกิจให้กับประชากรทุกคน รวมทั้งคนชราและคนป่วย

การเมืองการปกครอง

สมเด็จพระราชาธิบดีฮารัลด์ที่ 5 พระประมุขของราชอาณาจักรนอร์เวย์

นอร์เวย์มีการปกครองในระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ และระบอบรัฐสภา ประมุขแห่งรัฐของนอร์เวย์คือพระมหากษัตริย์ โดยพระองค์ปัจจุบันคือสมเด็จพระราชาธิบดีฮารัลด์ที่ 5 บทบาทของกษัตริย์ในปัจจุบัน จำกัดอยู่เพียงด้านพิธีการและสัญลักษณ์

บริหาร

ประมุขของรัฐคือ พระมหากษัตริย์ นายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าคณะรัฐบาล พระมหากษัตริย์แต่งตั้งคณะรัฐมนตรีโดยได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา ตำแหน่งประมุขของรัฐสืบทอดโดยการสืบสันตติวงศ์ ตามด้วยการเลือกตั้งรัฐสภา โดยทั่วไปผู้นำพรรคการเมืองเสียงข้างมากหรือผู้นำคณะรัฐบาลผสมจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรี

นิติบัญญัติ

สภานิติบัญญัติของนอร์เวย์ (Storting) มีลักษณะเป็นรัฐสภาเดี่ยวที่ได้มีการปรับให้เหมาะกับประเทศ (modified unicameral parliament) สมาชิกจำนวน 169 ที่น่ง ได้รับการเลือกตั้งในระบบคะแนนนิยมแบบสัดส่วน วาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปี

ตุลาการ

ศาลสูงสุด หรือ Hoyesterett ซึ่งผู้พิพากษาได้รับการแต่งตั้งจากพระมหากษัตริย์

การแบ่งเขตการปกครอง

แผนที่ภูมิรัฐศาสตร์แสดง 19 เขตการปกครองย่อยอันดับที่ 1 (fylker หรือ "เทศมณฑล")

ประเทศนอร์เวย์แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 19 เทศมณฑล (fylker) และ 431 เทศบาล (kommuner)

เทศมณฑลในนอร์เวย์ เป็นระดับการปกครองที่อยู่ระหว่างรัฐกับเทศบาล แต่ในปี พ.ศ. 2553 เทศมณฑลทั้ง 19 แห่ง จะถูกจัดแบ่งใหม่เป็นเขตที่ใหญ่ขึ้น 5 - 9 เขต

เทศมณฑลและศูนย์กลางการบริหารทั้ง 19 แห่ง ได้แก่

ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทย

ประเทศไทยเริ่มมีความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการกับนอร์เวย์ เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2448 หลังจากที่นอร์เวย์ได้ประกาศเอกราชและแยกตัวออกจากสวีเดนโดยสันติ เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2448 ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับนอร์เวย์ใกล้ชิดมากขึ้นจากการเสด็จฯ เยือนนอร์เวย์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อเดือนมิถุนายน 2450 ซึ่งได้ทรงลงพระนามาภิไธยย่อ “จปร” ไว้บนก้อนหิน ณ บริเวณนอร์ดแคปป์ (Nordkapp) ต่อมา ได้มีการจัดสร้างพิพิธภัณฑสถานไทย ณ นอร์ดแคปป์ เพื่อเฉลิมพระเกียรติ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จฯ เยือนนอร์เวย์ เพื่อทรงเปิดพิพิธภัณฑ์ดังกล่าว เมื่อปี 2532

ในปี 2495 ได้มีการแลกเปลี่ยนผู้แทนทางการทูตในระดับอัครราชทูต และได้ยกฐานะความสัมพันธ์ขึ้นเป็นระดับเอกอัครราชทูตตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2503 จากนั้น นอร์เวย์ได้แต่งตั้งเอกอัครราชทูตมาประจำประเทศไทยตลอดมา ส่วนไทยได้เปิดสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงออสโล เมื่อเดือนสิงหาคม 2530 และต่อมา เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2544 คณะรัฐมนตรีมีมติให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงออสโล มีเขตอาณาครอบคลุมสาธารณรัฐลัตเวีย นอกจากนี้ ไทยยังมีสถานกงสุล ณ เมืองเบอร์เกน อีกด้วย

ไทยและนอร์เวย์ได้เฉลิมฉลองการครบรอบ 100 ปี แห่งความสัมพันธ์ทางการทูตในปี 2548 ในโอกาสดังกล่าว เจ้าชายโฮกุ้น มกุฎราชกุมารแห่งนอร์เวย์ และเจ้าหญิงเมตเต-มาริต พระชายา ได้เสด็จฯ เยือนไทยอย่างเป็นทางการในฐานะพระราชอาคันตุกะของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เมื่อวันที่ 23 - 26 พฤศจิกายน 2547

นอกจากนี้ นอร์เวย์เคยมีบทบาทที่สร้างสรรค์ในการเชื่อมความสัมพันธ์ไทย –- จีน โดยเมื่อต้นปี 2514 นอร์เวย์ได้เริ่มทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการจัดให้ผู้แทนฝ่ายไทยและฝ่ายจีนได้พบปะหารือกัน เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2514 โดยนายอานันท์ ปันยารชุน เอกอัครราชทูตประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก และนายเจียว กง หัว (Chiao Kuan-Hua) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน ได้พบปะหารือกันที่นครนิวยอร์ก อันนำไปสู่การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2518

นอร์เวย์ถ่ายทอดประสบการณ์และองค์ความรู้ต่าง ๆ ให้ไทย เช่น การเก็บกู้ทุ่นระเบิดบริเวณแนวชายแดน เทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ เป็นต้น และใช้ไทยเป็นจุดประสานงานหลักในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ประเทศเพื่อนบ้านของไทยในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ความสัมพันธ์ด้านการค้า

ไทยและนอร์เวย์มีกรอบการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจภายใต้คณะกรรมาธิการร่วมทางเศรษฐกิจ การเดินเรือ อุตสาหกรรม วิชาการและการค้า ไทย-นอร์เวย์ ซึ่งได้มีการประชุมมาแล้ว 4 ครั้ง ระหว่างปี 2529 - 2542 ไทยและนอร์เวย์ยังได้ขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจในกรอบพหุภาคี คือ การเจรจาจัดทำความตกลงเขตการค้าเสรีระหว่างไทยกับสมาคมการค้าเสรียุโรป (European Free Trade Association – EFTA) ซึ่งมีสมาชิก 4 ประเทศ ได้แก่ ไอซ์แลนด์ ลิกเตนสไตน์ นอร์เวย์ และสวิตเซอร์แลนด์ โดยทั้งสองฝ่ายได้เริ่มดำเนินการเจรจาตั้งแต่ปี 2548 และได้หยุดชะงักไปเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของไทยเมื่อเดือนกันยายน 2549 โดยล่าสุด ที่ประชุมร่วมรัฐสภาไทยเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2556 ได้พิจารณาให้ความเห็นชอบร่างกรอบการเจรจาความตกลงการค้าเสรีระหว่างไทยกับ EFTA แล้ว และจะมีการเจรจารอบแรก ในช่วงต้นปี 2557

กองทัพ

กองทัพนอร์เวย์ท่ามกลางหิมะ

กองทัพนอร์เวย์ปัจจุบันมีประมาณ 23,000 คน รวมทั้งพนักงานพลเรือน ตามที่ในปัจจุบัน (ค.ศ. 2009) ความพรั่งพร้อมในการเรียกระดมพลเต็มจะอยู่ที่ประมาณ 83,000 คน นอร์เวย์มีการเกณฑ์ทหารสำหรับเพศชาย (6-12 เดือนของการฝึกอบรม) และ พลอาสาสมัครสำหรับเพศหญิง[3] กองทัพนอร์เวย์เป็นผู้ใต้บังคับบัญชากระทรวงกลาโหม ทหารของนอร์เวย์จะแบ่งออกเป็นสาขาต่อไปนี้: กองทัพ, กองทัพเรือ, กองทัพอากาศ และ กองอาสารักษาดินแดน

เศรษฐกิจ

โครงสร้าง

เมืองท่าเบอร์เกน

นอร์เวย์เป็นประเทศที่ต้องพึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติทางพื้นดิน ป่าไม้ และทะเลอย่างมาก โดยมีอุตสาหกรรมหลัก คือ อุตสาหกรรมการประมง อุตสาหกรรมผลิตภัณท์ป่าไม้ อุตสาหกรรมการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังน้ำ อุตสาหกรรมแร่ธาตุ จำพวกอะลูมิเนียม สังกะสี ตะกั่ว และทองแดง และอุตสาหกรรมการต่อเรือ และอุปกรณ์ด้านการเดินเรือทะเล นอกจากนี้ นอร์เวย์ยังมีอุตสาหกรรมการเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติทางตอนใต้ของทะเลเหนือ รัฐบาลนอร์เวย์จึงพยายามที่จะดำเนินนโยบายที่จะให้หลักประกันต่อการใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้เป็นประโยชน์มากที่สุดเพื่อผลประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต

นอร์เวย์เป็นรัฐสวัสดิการ ซึ่งมีนโยบายที่เน้นการนำรายได้ของรัฐมาสนับสนุนภาคบริการเพื่อเป็นหลักประกันทางสังคมแก่ประชาชนในด้านต่างๆ อาทิ การบริการรักษาพยาบาล การศึกษา การจัดระบบบำเหน็จบำนาญ และการดูแลผู้พิการและผู้สูงอายุ เป็นต้น ลักษณะสำคัญของสังคมนอร์เวย์อีกประการหนึ่ง คือ การเน้นความเท่าเทียมกันในเรื่องเพศ ซึ่งทำให้สตรีชาวนอร์เวย์ได้รับสิทธิในการทำงานและสิทธิทางด้านสังคมอื่นๆ เช่นเดียวกับบุรุษ

สำหรับความร่วมมือทางเศรษฐกิจของนอร์เวย์ในระดับภูมิภาคยุโรป นอกเหนือจากการส่งเสริมความร่วมมือในกลุ่มประเทศนอร์ดิก (Nordic) ซึ่งประกอบด้วยเดนมาร์ก ฟินแลนด์ ไอซ์แลนด์ นอร์เวย์ และสวีเดน แล้ว นอร์เวย์ยังเป็นสมาชิกสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (European Free Trade Association - EFTA) ซึ่งมีสมาชิกประเทศ ได้แก่ ไอซ์แลนด์ ลิกเตนสไตน์ นอร์เวย์ และสวิตเซอร์แลนด์ โดยไอซ์แลนด์ ลิกเตนสไตน์ และนอร์เวย์ได้เจรจากับสหภาพยุโรป (European Union - EU) เพื่อจัดตั้งเขตเศรษฐกิจยุโรป (European Economic Area - EEA) ซึ่งมีผลตั้งแต่เดือนมกราคม พ.ศ. 2537

การท่องเที่ยว

ชาวนอร์เวย์เดินทางมาท่องเที่ยวในไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี พ.ศ. 2549 มีจำนวน 101,920 คน ปี พ.ศ. 2550 จำนวน 110,076 คน ปี พ.ศ. 2551 จำนวน 127,976 คน และปี พ.ศ. 2552 จำนวน 151,572 คน ซึ่งมีสัดส่วนสูงเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรนอร์เวย์ซึ่งมีจำนวน 4.8 ล้านคน ในขณะที่เมื่อปี พ.ศ. 2552 มีนักท่องเที่ยวไทยเดินทางไปท่องเที่ยวนอร์เวย์จำนวนประมาณ 8,000 คน

แหล่งท่องเที่ยวที่ชาวนอร์เวย์นิยม คือ แหล่งท่องเที่ยวชายทะเลของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดภูเก็ต ปัจจัยที่ ทำให้ชาวนอร์เวย์นิยมเดินทางมาท่องเที่ยวในไทย คือ ความสามารถสนองตอบต่อความต้องการของนักท่องเที่ยวนอร์เวย์ในการท่องเที่ยวประเภทหาดทราย ชายทะเลของไทย และการที่ไทยมีค่าครองชีพที่ไม่สูง

เมื่อกลางเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2552 การบินไทยได้เปิดเส้นทางบินตรงไทย – นอร์เวย์ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวชาวนอร์เวย์และนักธุรกิจ ด้วยเครื่องแอร์บัส 340-500 ประกอบด้วยชั้นธุรกิจ 60 ที่นั่ง ชั้นประหยัด 42 ที่นั่ง และชั้นประหยัด 113 ที่นั่ง โดยในปัจจุบัน บินออกจากนอร์เวย์ทุกวัน ใช้เวลาบินราว 10 ชั่วโมงครึ่ง

โครงสร้างพื้นฐาน

การคมนาคม และ โทรคมนาคม

เส้นทางคมนาคม

  • ทางรถไฟ
รถไฟรูปแบบทันสมัยที่ประเทศนอร์เวย์ ใช้ในการรับส่งระหว่างสนามบิน

เนื่องจากความหนาแน่นของประชากรต่ำ รูปร่างแคบและชายฝั่งที่ยาว การขนส่งสาธารณะในประเทศนอร์เวย์ได้รับการพัฒนาน้อยกว่าในหลายประเทศในยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตนอกเมือง อย่างเช่นมีประเพณีการขนส่งทางน้ำเก่าของนอร์เวย์ แต่กระทรวงคมนาคมนอร์เวย์ในปีที่ผ่านมา การขนส่งทางรถไฟ ถนน และทางอากาศดำเนินการผ่านบริษัทย่อยจำนวนมากเพื่อที่จะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ[4] เมื่อเร็ว ๆ นี้ได้มีการเป็นไปได้ของการสร้างใหม่ระบบรถไฟความเร็วสูงระหว่างเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ[5][6] เครือข่ายรถไฟของนอร์เวย์หลักยาว 4,114 กิโลเมตร (2,556 ไมล์) ของขนาดความกว้างรางรถไฟมาตรฐาน ซึ่ง 242 กิโลเมตร (150 ไมล์) คือรางคู่และ 64 กิโลเมตร (40 ไมล์) เป็นทางรถไฟความเร็วสูง (210 กม. / ชม. ) ขณะที่ 62% เป็นไฟฟ้าที่ 15 kV 16 ⅔ AC เฮิร์ตซ์ รถไฟขนส่งผู้โดยสารได้อย่างมากที่สุด 56,827,000 คน และสินค้า 24,783,000 ตัน[7] เครือข่ายทั้งหมดเป็นของการรถไฟบริหารนอร์เวย์แห่งชาติ[8][9] ในขณะที่รถไฟด่วนสนามบินกำลังดำเนินการโดย การรถไฟนอร์เวย์ (NSB) [10][11] และยังมีอีกหลายบริษัทที่ดำเนินการขนส่งสินค้าทางรถไฟ

  • ทางอากาศ

มีท่าอากาศยาน 97 แห่งในนอร์เวย์ มีอยู่เจ็ดสนามบินมีผู้โดยสารมากกว่าหนึ่งล้านคนเป็นประจำทุกปี[12] ท่าอากาศยานหลักของนอร์เวย์คือ ท่าอากาศยานนานาชาติออสโล[13]

โทรคมนาคม

วิทยาศาสตร์ และ เทคโนโลยี

การศึกษา

สิ่งก่อสร้างใน มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนอร์เวย์

การศึกษาระดับอุดมศึกษาในนอร์เวย์จะมีบริการตามช่วงของ 7 มหาวิทยาลัย 5 วิทยาลัยเฉพาะ 25 วิทยาลัยมหาวิทยาลัย เช่นเดียวกันกับช่วงของวิทยาลัยเอกชน กระบวนการที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้ โบโลญญาตรี 3 ปี, ปริญญาโท 2 ปี และปริญญาเอก 3 ปี[14] นอกจากนี้ยังมีการศึกษาสาธารณะฟรีโดยไม่คำนึงถึงสัญชาติ[15]

สาธารณสุข

รัฐสวัสดิการ

ประชากรศาสตร์

ประชากรนอร์เวย์

จำนวนประชากรนอร์เวย์มีประมาณ 4.9 ล้านคน[16] ส่วนใหญ่เป็นชาวนอร์เวย์และชาวเยอรมันเหนือ ชาวซามิอาศัยอยู่ในภาคกลางและภาคเหนือของนอร์เวย์และสวีเดน เช่นเดียวกันกับทางตอนเหนือของฟินแลนด์และรัสเซียในคาบสมุทร Kola

การย้ายถิ่นฐาน

เชื้อชาติ ประชากร[17] %
นอร์เวย์ 4,305,886 86.2%
สวีเดน 78,830 1.6%
ขั้วโลก 65,294 1.3%
เดนมาร์ก 53,630 1.0%
เยอรมนี 40,847 0.8%
อังกฤษ 36,312 0.7%
ปากีสถาน 35,722 0.7%

ศาสนา

โบสถ์ Nidaros Cathedral
มัสยิด Bait-un-Nasr ในกรุงออสโล
ศาสนา (2013) [18] จำนวน %
ศาสนาคริสต์ 4,143,687 82.03%
โปรเตสแตนต์
-ลูเทอแรน 3,843,731 76.09%
-โปรเตสแตนต์อีวานเจลิคัล 39,412 0.78%
-พยานพระยะโฮวา 12,049 0.24%
-เมทอดิสต์ 10,715 0.21%
-แบปทิสต์ 10,213 0.20%
โรมันคาทอลิก 121,130 2.4%
ออร์ทอดอกซ์ 12,959 0.26%
คริสต์อื่น 126,307 2.50%
ศาสนาอื่น 150,414 2.98%
ศาสนาอิสลาม 120,882 2.39%
ศาสนาพุทธ 16,001 0.32%
ศาสนาฮินดู 6,797 0.13%
ศาสนาซิกข์ 3,323 0.07%
ศาสนาบาไฮ 1,122 0.02%
ศาสนายูดาห์ 788 0.02%
อื่นๆ 1,501 0.03%
มนุษยนิยม 86,061 1.70%
ไม่มีศาสนาและไม่ทราบ 658,154 13.03%
ทั้งหมด 5,051,275 100.0%

ภาษา

เขตของภาษาถิ่นในนอร์เวย์: นอร์เวย์เหนือ (เหลือง), นอร์เวย์กลาง (น้ำเงิน), นอร์เวย์ตะวันตก (ส้ม) และ นอร์เวย์ตะวันออก (ฟ้า)

ภาษานอร์เวย์ เป็นภาษาในกลุ่มเจอร์แมนิก เป็นภาษาราชการของประเทศนอร์เวย์ และมีความใกล้ชิดกับภาษาสวีเดนและเดนมาร์ก ภาษานอร์เวย์มีรูปแบบการเขียน 2 แบบ คือ ภาษาบุ๊กมอล (Bokmål) (หมายถึง "ภาษาหนังสือ") และ ภาษานือนอสก์ (Nynorsk) (หมายถึง "ภาษานอร์เวย์ใหม่") ภาษานอร์เวย์อยู่ในอันดับที่ 108 ผู้พูด 4.7 ล้านคน ตระกูลภาษามาจากสแกนดิเนเวียตะวันออกและตะวันตก

แต่คนนอร์เวย์ส่วนใหญ่นิยมใช้ภาษาบุ๊กมอลมากกว่า ทั้งหนังสือพิมพ์หรือรายการทีวีต่าง ๆ นอกจากนี้เด็ก ๆ ทุกคนต้องเรียนภาษาอังกฤษด้วย ปัจจุบันคนนอร์เวย์ส่วนใหญ่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้

กีฬา

ฟุตบอล

วัฒนธรรม

วรรณกรรม

ราวกลางศตวรรษที่ 19 การเคลื่อนไหวในศิลปะและวัฒนธรรมเริ่มปรากฏออกมาให้เห็น ซึ่งเราเรียกว่า จิตนิยมของชาติ ส่วนสำคัญของการเคลื่นไหวคือการเน้นที่ลักษณะของประเทศรวมถึงการขยายและการเสริมแต่ง ในนอร์เวย์ มุ่งเน้นเบื้องต้นในเรื่องความสวยงามของประเทศตามธรรมชาติ ชุมชนเกษตรกรรมถูกมองว่าเป็น “ชาวนอร์เวย์ที่เป็นแบบอย่าง”

จิตนิยมของชาติแสดงออกในรูปแบบของวรรณกรรม ทัศนศิลป์และดนตรี ในระหว่างช่วงเวลานี้ ชาวนอร์เวย์เริ่มพัฒนาความรู้สึกของเอกลักษณ์ของชาติมากขึ้น ความรู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นชาวนอร์เวย์ที่ถูกพัฒนายอย่างมากมายนี้ส่งผลให้ความปรารถนาอย่างแรงกล้าสำหรับประเทศคือการได้รับเอกราช

หลังจากเริ่มต้นในสหภาพกับเดนมาร์กเป็นเวลาหลายศตวรรษ ภาษเขียนของนอร์เวย์คือภาษาเดนมาร์ก ภาษาเขียนที่เราอ้างถึงในปัจจุบันคือ bokmål เป็นการพัฒนาในอนาคตของภาษานี้ ในระหว่างช่วงเวลาจิตนิยมของชาติ คนจำนวนมากเชื่อว่าชาวนอร์เวย์ควรจะมาภาษาเขียนของตัวเองซึ่งไม่ได้มีพื้นฐานมาจากภาษาเดนมาร์ก ด้วยเหตุผลนี้ นักภาษาศาสตร์ชื่อ Ivar Aasen (ค.ศ. 1813 – 1896) เดินทางรอบประเทศเพื่อเก็บตัวอย่างจากภาษาพื้นเมืองหลายหลายภาษา เขาใช้ตัวอย่างเหล่านี้สร้างภาษาเขียนใหม่เรียกว่า nynorsk (ภาษานอร์เวย์ใหม่). ทั้ง nynorsk และ bokmål มีการพัฒนาอย่างมากตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 แต่นอร์เวย์ก็ยังคงมีสิ่งที่แตกต่างกันอย่างเป็นทางการ 2 สิ่ง นอกเหนือจาก Sami และ Kven (kvensk)

สถาปัตยกรรม

ดนตรี

อาหาร

Smørbrød แซนวิชนอร์เวย์

อาหารที่จำหน่ายในนอร์เวย์จะต้องเคร่งครัดต่อกฎระเบียบเรื่องสุขลักษณะเป็นอย่างมาก จึงปลอดภัยต่อผู้บริโภค คนนอร์เวย์บริโภคนม ขนมปังสีน้ำตาล และปลา เป็นจำนวนมาก ประเพณีการทำอาหารของนอร์เวย์ แสดงอิทธิพลของประเพณีการเดินเรือและการทำฟาร์มระยะเวลายาวนานกับปลาแซลมอน , ปลาคอดแฮร์ริ่ง , ปลาเทราท์ และอาหารทะเลอื่น ๆ และจานถ้วยชามนอร์เวย์ดั้งเดิม เช่น lutefisk, smalahove, pinnekjøtt และ fårikål[19]

อาหารประจำชาติของนอร์เวย์ คือ เลฟซ่า ทำมาจากมันฝรั่งต้มบด จะมีลักษณะคล้าย ๆ กับโรตีแผ่นใหญ่ เวลากินมักจะทาเนยอยู่ด้านบน, ไส้กรอกจะห่อด้วยแผ่นโรตี, อีกทั้งอาหารส่วนใหญ่ทำมาจากปลา เพราะประเทศนี้หาปลาง่าย

สื่อสารมวลชน

วันหยุด

ดูเพิ่ม

อ้างอิง

  1. ธงชัย ธนะสิงห์. (2547). ภูมิศาสตร์ยุโรป. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
  2. http://www.apecthai.org/index.php/%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B8%A5%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81/%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%9B/74-%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%93%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B9%8C.html
  3. "NDF official numbers". NDF. สืบค้นเมื่อ 2009-04-22.
  4. Norwegian Ministry of Transport and Communication, 2003: 3
  5. Norway. "Majority in Favor of High-Speed Trains". Theforeigner.no. สืบค้นเมื่อ 2011-07-23.
  6. "The vast majority said yes (high-speed trains), thanks to lyntog". Translate.google.com. สืบค้นเมื่อ 2011-07-23.
  7. Norwegian National Rail Administration, 2008: 4
  8. Norwegian National Rail Administration, 2008: 4
  9. Norwegian National Rail Administration. "About". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 16, 2007. สืบค้นเมื่อ 2008-07-15.
  10. Norwegian National Rail Administration, 2008: 13
  11. Norwegian National Rail Administration, 2008: 16
  12. http://www.avinor.no/tridionimages/2007%20Passasjerer_tcm181-51564.xls
  13. http://www.avinor.no/tridionimages/2007%20Passasjerer_tcm181-51564.xls
  14. "Norway – Implementation of the elements of the Bologna Process" (PDF)
  15. "Tuition fees" Studyinnorway.no. 2008-08-27. http://www.studyinnorway.no/sn/Tuition-Scholarships/Tuition-fees. Retrieved 2011-07-23.
  16. http://www.ssb.no/english/subjects/02/befolkning_en/
  17. "Statistics Norway – Persons with immigrant background by immigration category and country background". Ssb.no. 2011-01-01. สืบค้นเมื่อ 2011-07-23.
  18. "Church of Norway, 2013. Retrieved 3 July 2014. (ภาษานอร์เวย์)
  19. "Culture of Norway – history, people, clothing, traditions, women, beliefs, food, customs, family". Everyculture.com. 2010-09-04. สืบค้นเมื่อ 2011-07-23.

แหล่งข้อมูลอื่น