อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา *
  แหล่งมรดกโลกโดยยูเนสโก
พิกัด14°20′52″N 100°33′38″E / 14.34778°N 100.56056°E / 14.34778; 100.56056
ประเทศ ไทย
ภูมิภาค **เอเชียและแปซิฟิก
ประเภทมรดกทางวัฒนธรรม
เกณฑ์พิจารณา(iii)
อ้างอิง576
ประวัติการขึ้นทะเบียน
ขึ้นทะเบียน2534 (คณะกรรมการสมัยที่ 15)
พื้นที่289 ha
อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาตั้งอยู่ในประเทศไทย
อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา
ที่ตั้งของอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ในประเทศไทย
* ชื่อตามที่ได้ขึ้นทะเบียนในบัญชีแหล่งมรดกโลก
** ภูมิภาคที่จัดแบ่งโดยยูเนสโก

อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เป็นอุทยานประวัติศาสตร์แห่งหนึ่งของประเทศไทยภายใต้การดูแลของกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ตั้งอยู่ภายในเกาะเมืองอยุธยา อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีพื้นที่ 4,810 ไร่ อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ไปทางทิศเหนือ ตามถนนสายเอเซีย ระยะทางประมาณ 75 กิโลเมตร ได้รับการพิจารณาเป็นแหล่งมรดกโลกเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2534 ในนาม นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา (Historic City of Ayutthaya)[1]

ประวัติ[แก้]

แผนที่อุทยานฯ

พระเจ้าอู่ทองทรงสถาปนากรุงศรีอยุธยาขึ้นใน พ.ศ. 1893 และได้ถูกพม่าทำลายลงในพุทธศตวรรษที่ 23 แม้จะถูกทำลายลงก็ยังคงมีร่องรอยความยิ่งใหญ่และความเจริญรุ่งเรืองของเมืองดังที่ปรากฏมาจนถึงปัจจุบัน ต่อมาครั้งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ขึ้นเป็นราชธานี ได้มีการรื้ออิฐจากสถาปัตยกรรมในกรุงศรีอยุธยาเพื่อไปก่อสร้างกรุงเทพมหานคร ทำให้โบราณสถานต่าง ๆ ถูกทำลายและทิ้งร้างไป[2] ครั้นถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้อนุรักษ์และฟื้นฟูโบราณสถานในกรุงศรีอยุธยาขึ้นอีกครั้ง

ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้พระยาโบราณราชธานินท์ ข้าหลวงมณฑลกรุงเก่าทำการขุดแต่งโบราณสถาน และปรับปรุงสภาพในพระราชวังโบราณ

เมื่อปี พ.ศ. 2478 กรมศิลปากรประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานหลายแห่งในเกาะรอบเมืองพระนครศรีอยุธยาเป็นโบราณสถานสำคัญของชาติ รวม 69 แห่ง ต่อมาในสมัยของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม จึงได้เริ่มโครงการบูรณะพระที่นั่งและวัดต่าง ๆ โดยมีกรมศิลปากรเป็นผู้ดูแล

ปี พ.ศ. 2512 ได้มีโครงการชื่อ โครงการสำรวจขุดแต่งและบูรณะปรับปรุงโบราณสถาน โดยมีความพยายามที่จะประสานงานร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ ในอันที่จะอนุรักษ์เมืองประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาไว้

ในที่สุด พ.ศ. 2519 ได้มีการปรับปรุงโครงสร้างของงานชิ้นใหม่ แล้วจัดทำโครงการอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาขึ้น และเริ่มทำการบูรณะปรับปรุงโบราณสถานเป็นต้นมาตั้งแต่ พ.ศ. 2520 และในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 15 ปี พ.ศ. 2534 ณ เมืองคาร์เธจ ประเทศตูนิเซีย นครประวัติศาสคร์พระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วยเมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร (อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ศรีสัชนาลัย และกำแพงเพชร) และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้ง ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลก

ขอบเขตของอุทยานประวัติศาสตร์[แก้]

อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยามีขอบเขตพื้นที่ตามประกาศกรมศิลปากรเรื่องกำหนดเขตที่ดินโบราณสถาน รวมพื้นที่ทั้งสิ้นราว 4,810 ไร่[3] โดยได้มีการกำหนดเขตที่ดินโบราณสถานครั้งแรกในปี พ.ศ. 2519 รวมพื้นที่ประมาณ 1,810 ไร่[4][5] ซึ่งในเขตที่ดินโบราณสถานดังกล่าวมีโบราณสถานที่สำคัญ ดังนี้

เลขที่ ชื่อ รูปภาพ สร้าง ผู้สร้าง
1 พระราชวังโบราณ พ.ศ. 1893 สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1
2 วัดมหาธาตุ พ.ศ. 1917
หรือ พ.ศ. 1927
สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1
3 วัดพระศรีสรรเพชญ์ พ.ศ. 1991 สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ
4 วัดราชบูรณะ พ.ศ. 1967 สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2
5 วัดพระราม พ.ศ. 1912 สมเด็จพระราเมศวร
6 วิหารพระมงคลบพิตร ? สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง[6]

ต่อมา ในปี พ.ศ. 2540 กรมศิลปากรได้ประกาศกำหนดเขตที่ดินโบราณสถานพระนครศรีอยุธยาเพิ่มเติม ซึ่งครอบคลุมเกาะเมืองอยุธยาและพื้นที่รอบนอกเกาะเมืองทุกด้านที่ปรากฏหลักฐานด้านประวัติศาสตร์โบราณคดี อีก 3,000 ไร่ ในปี พ.ศ. 2540[7] โดยมีจุดประสงค์เพื่อทำการอนุรักษ์และพัฒนาให้เหมาะสมกับการที่นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาได้รับยกย่องให้เป็นมรดกโลก[8] ซึ่งในเขตที่ดินเพิ่มเติมนี้ มีโบราณสถานที่สำคัญ อาทิ

  1. พระราชวังจันทรเกษม
  2. วัดสุวรรณดารารามราชวรวิหาร
  3. วัดโลกยสุธาราม
  4. วัดธรรมิกราช
  5. วัดเสนาสนารามราชวรวิหาร
  6. วัดสวนหลวงสบสวรรค์
  7. กำแพงและป้อมปราการกรุงเก่า
  8. วัดไชยวัฒนาราม
  9. วัดพุทไธศวรรย์
  10. วัดหน้าพระเมรุ
  11. วัดใหญ่ชัยมงคล
  1. วัดกษัตราธิราชวรวิหาร
  2. วัดพนัญเชิง
  3. วัดกุฎีดาว
  4. วัดดุสิดาราม
  5. วัดภูเขาทอง
  6. วัดพระยาแมน
  7. หมู่บ้านโปรตุเกส
  8. หมู่บ้านฮอลันดา
  9. หมู่บ้านญี่ปุ่น
  10. เพนียดคล้องช้าง
  11. โบสถ์นักบุญยอแซฟ เป็นต้น

ทั้งนี้ เขตที่ดินโบราณสถานที่ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก คือเขตที่ดินในส่วนก่อนมีประกาศกำหนดเขตที่ดินโบราณสถานพระนครศรีอยุธยาเพิ่มเติมในปี พ.ศ. 2540 เท่านั้น เนื่องจากไม่ได้มีการเสนอขอขยายเขตที่ดินตามประกาศกำหนดเขตที่ดินโบราณเพิ่มเติมให้เป็นมรดกโลก

เหตุผลที่ได้รับคัดเลือกเป็นมรดกโลก[แก้]

อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาได้จดทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก ภายใต้ชื่อ "นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาและเมืองบริวาร" ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 15 เมื่อปี พ.ศ. 2534 ที่เมืองคาร์เทจ ประเทศตูนิเซีย ด้วยข้อกำหนดและหลักเกณฑ์พิจารณาให้เป็นมรดกโลก ดังนี้

- เป็นสิ่งที่ยืนยันถึงหลักฐานของวัฒนธรรมหรืออารยธรรมที่ปรากฏให้เห็นอยู่ในปัจจุบันหรือว่าที่สาบสูญไปแล้ว

อ้างอิง[แก้]

  1. Historic City of Ayutthaya
  2. ศิลปากร, กรม. หน้า 32.
  3. ประวัติที่มาและความสำคัญ อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา
  4. ตามราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม พุทธศักราช 2519
  5. "ประกาศกรมศิลปากร เรื่อง กำหนดเขตที่ดินโบราณสถาน" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 93 (102): 2149. 2015-08-07.
  6. รวมบันทึกประวัติศาสตร์อยุธยาของฟาน ฟลีต (วัน วลิต) หน้า 247 - E-Book Buffet : ห้องสมุดประชาชน อ.ท่าบ่อ | พลิก PDF ออนไลน์ | PubHTML5
  7. ตามราชกิจจานุเบกษาเล่มที่ 114 ตอนที่ 62 หน้าที่ 40 ลงวันที่ 21 มกราคม พุทธศักราช 2540
  8. "ประกาศกรมศิลปากร เรื่อง กำหนดเขตที่ดินโบราณสถานเพิ่มเติม" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 114 (6ง): 40. 2015-08-07.

บรรณานุกรม[แก้]

  • ศิลปากร, กรม. (2543). อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา. บริษัท ศรีเมืองการพิมพ์ จำกัด. ISBN 974-417-472-2. 212 หน้า.

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]