วัดสวนหลวงสบสวรรค์
เจดีย์พระศรีสุริโยทัย ซึ่งเป็นเจดีย์ประธานของวัดสวนหลวง | |
ที่ตั้ง | ตำบลท่าวาสุกรี อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา |
---|---|
ประเภท | วัด |
ส่วนหนึ่งของ | อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา |
ความเป็นมา | |
ผู้สร้าง | สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ |
สร้าง | รัชสมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ |
ละทิ้ง | พ.ศ. 2310 |
สมัย | อาณาจักรอยุธยา |
หมายเหตุเกี่ยวกับสถานที่ | |
ขุดค้น | พ.ศ. 2533 |
ผู้ขุดค้น | กรมศิลปากร |
สภาพ | ซากปรักหักพัง บูรณะส่วนเจดีย์พระศรีสุริโยทัย |
ผู้บริหารจัดการ | กรมศิลปากร |
การเปิดให้เข้าชม | ทุกวัน 08.00-18.30 น. |
สถาปัตยกรรม | |
รูปแบบสถาปัตยกรรม | อยุธยา |
วัดสวนหลวงสบสวรรค์ ตั้งอยู่ในเกาะเมืองด้านทิศตะวันตก อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (บริเวณกรมทหารเก่า) สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ โปรดให้จัดพระราชพิธี ทำพระเมรุถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระอัครมเหสี พระสุริโยทัย ที่ในสวนหลวง ภายในวัดสบสวรรค์ แล้วโปรดให้สร้างพระอารามขึ้นตรงพระเมรุ มีเจดีย์บรรจุพระอัฐิสมเด็จพระสุริโยทัย พระอารามที่โปรดให้สร้างขึ้นที่สวนหลวง กับวัดสบสวรรค์ จึงรวมเรียกว่า " วัดสวนหลวงสบสวรรค์ " ปัจจุบันยังมีพระสถูปเจดีย์องค์ใหญ่ของวัดสวนหลวงเป็นสำคัญ เรียกว่า พระเจดีย์ศรีสุริโยทัย ปัจจุบัน วัดสวนหลวงสบสวรรค์ เป็นวัดร้างมีสภาพเป็นพื้นดินว่างเปล่า
ประวัติ
[แก้]พ.ศ. 2081 พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ ทรงช้างชื่อ ช้างต้นพลายมงคลทวีป สูงถึงเจ็ดศอก ได้ยกทัพเข้ามารุกรานกรุงศรีอยุธยา พ.ศ. 2091 หลัง สมเด็จพระมหาจักรพรรดิขึ้นเสวยราชสมบัติ ขึ้นครองราชย์ได้เพียง 7 เดือน ช้างทรงของพระมหาจักรพรรดิคือ พลายแก้วจักรพรรดิ สูงหกศอกคืบห้านิ้ว พระสุริโยทัยทรงแต่งพระองค์เป็นชายอย่างพระมหาอุปราช ทรงเครื่องสำหรับราชณรงค์ เสด็จทรงช้างชื่อ พลายทรงสุริยกษัตริย์ สูงหกศอกเป็นพระคชาธาร ถูกพระเจ้าแปร ฟันด้วยพระแสงของ้าวที่พระอังสาขาดสะพายแล่ง สิ้นพระชนม์อยู่บนคอช้าง ช้างของพระเจ้าแปร (ตะโดธรรมราชาที่ 1) คือพลายเทวนาคพินาย สูงหกศอกคืบเจ็ดนิ้ว
สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีการสอบสวนตำแหน่งสถานที่ต่าง ๆ ที่กล่าวถึงในพงศาวดาร เพื่อเรียบเรียงเป็นหนังสือประชุมพงศาวดารขึ้น จึงเป็นเหตุให้ทราบถึงตำแหน่งของวัดสบสวรรค์และพบเจดีย์พระศรีสุริโยทัย
พระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา ได้บรรยายการต่อสู้ครั้งนั้นไว้โดยพิสดารว่า "สมเด็จพระมหาจักรพรรดิราชาธิราชเจ้าก็ขับพระคชาธารเข้าชนช้างกองหน้าพระเจ้าหงสาวดี พระคชาธารเสียทีให้หลังข้าศึกเอาไว้ไม่อยู่ พระเจ้าแปร (ช้างของพระเจ้าแปร คือ พลายเทวนาคพินาย สูงหกศอกคืบเจ็ดนิ้ว) ได้ท้ายข้าศึกเช่นนั้นก็ขับพระคชาธารตามไล่ช้างพระมหาจักรพรรดิ พระสุริโยไทเห็นพระราชสามีเสียทีไม่พ้นมือข้าศึก ทรงพระกตัญญูภาพ ก็ขับพระคชาธารพลายทรงสุริยกษัตริย์ สะอึกออกรับพระคชาธารพระเจ้าแปรได้ล่างแบกถนัด พระคชาธารพระสุริโยไทแหงนหงายเสียทีพระเจ้าแปรจ้วงฟันด้วยพระแสงของ้าวต้องพระอังสะพระสุริโยไทขาดกระทั่งถึงราวพระถันประเทศ พระราเมศวร (ช้างทรงพระราเมศวร ชื่อพลายมงคลจักรพาฬ สูงห้าศอกคืบสิบนิ้ว) กับพระมหินทราธิราช (ช้างทรงพระมหินทราธิราช ชื่อพลายพิมานจักรพรรดิ สูงห้าศอกคืบแปดนิ้ว) ก็ขับพระคชาธารถลันเข้าแก้พระราชมารดาได้ทันที พอพระชนนีสิ้นพระชนม์กับคอช้าง พระพี่น้องทั้งสองพระองค์ถอยรอรับข้าศึก กันพระศพสมเด็จพระราชมารดาเข้าพระนครได้ โยธาชาวพระนครแตกพ่ายข้าศึกรี้พลตายเป็นอันมาก สมเด็จพระมหาจักรพรรดิราชาธิราชเจ้าจึงให้เชิญพระศพพระสุริโยไท ผู้เป็นพระอัครมเหสีมาไว้สวนหลวง"[1]
อย่างไรก็ตาม พระราชพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์ ได้กล่าวว่าการศึกครั้งนั้น ได้มี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ พระราชบุตรี ออกร่วมรบด้วย และได้สิ้นพระชนต์พร้อมกับสมเด็จพระสุริโยทัย[2]
พระศพสมเด็จพระสุริโยทัยได้รับการเชิญไปประดิษฐานไว้ที่สวนหลวงตรงที่สร้างวังหลัง ต่อมาเมื่อเสร็จสงครามสมเด็จพระมหาจักรพรรดิจึงได้ทำพระเมรุพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระสุริโยทัยที่ในสวนหลวงตรงต่อเขตวัดสบสวรรค์ แล้วสร้างพระอารามขึ้นทรงพระเมรุ มีพระเจดีย์ใหญ่ เรียกว่า วัดสวนหลวงสบสวรรค์
ในแผนที่โบราณหลายฉบับได้เขียนตำแหน่งของวัดสวนหลวงกับวัดสบสวรรค์แยกกัน โดยมี คลองฉางมหาไชย กั้นแบ่ง (ปัจจุบันถูกถมไปแล้ว) วัดสวนหลวง อยู่ทางทิศใต้ของคลอง วัดสบสวรรค์ (วัดสพสวรรค์) อยู่ทางทิศเหนือของคลอง เจดีย์ทรงทรงย่อไม้มุมสิบสอง (เจดีย์พระศรีสุริโยทัย) คือเจดีย์ประธานของวัดสวนหลวง ส่วนเจดีย์ประธานของวัดสบสวรรค์เป็นเจดีย์ทรงลังกาสององค์ ซึ่งสันนิฐานว่าเป็นเจดีย์บรรจุพระอัฐิของพระสุริโยทัยและพระราชบุตรีที่ถูกทำลายไปแล้ว เมื่อ พ.ศ. 2449 เพื่อสร้างที่ทำการและค่ายทหารมณฑลกรุงเก่า ซึ่งเดิมเป็นพื้นที่ของวัดสบสวรรค์
พ.ศ. 2533 รัฐบาลได้มอบหมายให้กรมศิลปากรและกองบัญชาการทหารสูงสุดโดยกองอำนวยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ ดำเนินการบูรณะพระเจดีย์ศรีสุริโยทัย เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 60 พรรษา ได้มีการพบกรุบริเวณเสาหารของพระเจดีย์ บรรจุวัตถุโบราณ พระพุทธรูปแก้วผลึกสีขาวปางมารวิชัย พระเจดีย์หกเหลี่ยมแก้วผลึกจำลองพร้อมเครื่องราชูปโภคจำลอง พระกรัณฑ์ทองคำลงยาสีเขียวและสีแดงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พระสถูปทรงกลมแก้วผลึกจำลอง ลูกปัดรูปเม็ดมะยมสีขาว18ลูก แผ่นทองกลม1แผ่น อัญมณีสีแดงจำนวนหนึ่ง ปัจจุบันโบราณวัตถุทั้งหมดเก็บรักษาไว้ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา[3]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ พระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา
- ↑ พระราชพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์
- ↑ http://www.qrcode.finearts.go.th/index.php/th/historicalpark/phranakhonsriayutthaya/ayutthaya-02/ayutthaya02-002/item/315-ayutthaya02-037