เจ้าหญิงนิทรา (ภาพยนตร์ ค.ศ. 1959)

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก Sleeping Beauty (1959 film))
เจ้าหญิงนิทรา
ใบปิดประชาสัมพันธ์
กำกับ
  • ไคลด์ เจอโรนิมิ
  • วูล์ฟแกง เรเทอร์แมน
  • เอริก ลาร์สัน
  • เลส คลาร์ก
เนื้อเรื่อง
  • เอิร์ดแมน เพนเนอร์
  • โจ ไรนัลดิ
  • วินสตัน ฮิบเลอร์
  • บิล พีต
  • เท็ด เชียร์ส
  • ราล์ฟ ไรท์
  • มิลต์ แบนตา
สร้างจาก"เจ้าหญิงนิทรา"
โดย ชาร์ล แปโร
อำนวยการสร้างวอลต์ ดิสนีย์
นักแสดงนำ
ตัดต่อ
  • รอย เอ็ม. บรีเวอร์ จูเนียร์
  • ดอนัลด์ แฮลลิเดย์
ดนตรีประกอบจอร์จ บลันส์
บริษัทผู้สร้าง
ผู้จัดจำหน่ายบัวนาวิสตาดัสทริบูชัน
วันฉาย29 มกราคม ค.ศ. 1959 (1959-01-29)
ความยาว75 นาที
ประเทศสหรัฐ
ภาษาอังกฤษ
ทุนสร้าง6 ล้านดอลลาห์สหรัฐ[1]
ทำเงิน51.6 ล้านดอลลาห์สหรัฐ (เฉพาะในสหรัฐและแคนาดา)[2]

เจ้าหญิงนิทรา (อังกฤษ: Sleeping Beauty) เป็นภาพยนตร์แอนิเมชันเพลงอเมริกันแนวแฟนตาซี ที่ออกฉายในปี ค.ศ. 1959 อำนวยการสร้างโดยวอลต์ดิสนีย์โปรดักชันส์ และจัดจำหน่ายโดยบัวนาวิสตาดิสทริบูชัน สร้างจากเทพนิยายในชื่อเดียวกัน ในปี ค.ศ. 1697 ของชาร์ล แปโร กำกับโดยไคลด์ เจอโรนิมิ ร่วมกับ วูล์ฟแกง เรเทอร์แมน, เอริก ลาร์สัน และเลส คลาร์ก พากย์เสียงโดยแมรี คอสตา, บิล เชอร์ลีย์, เอเลนอร์ ออดลีย์, เวอร์นา เฟลตัน, บาร์บารา ลัดดี, บาร์บารา โจ แอลเลน, เทย์เลอร์ โฮล์มส และบิล ทอมป์สัน ภาพยนตร์เรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าหญิงออโรรา ผู้ต้องคำสาปของนางฟ้าใจร้ายที่ชื่อมาเลฟิเซนต์ ให้ทรงถูกเข็มปั่นฝ้ายตำพระดัชนีแล้วสิ้นพระชนม์ เธอได้รับการช่วยเหลือโดยนางฟ้าใจดีทั้งสามได้ช่วยบรรเทาคำสาปเป็นว่าเธอจะเพียงบรรทมไป และจะตื่นขึ้นได้ด้วยจุมพิตจากผู้เป็นรักแท้

เป็นหนังการ์ตูนเรื่องแรกของโลกที่ถ่ายทำด้วยระบบซูเปอร์เทคนิรามา 70 มม. สีเทคนิค

ในเมืองไทย ฉายครั้งแรกที่โรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมไทย พ.ศ. 2502

เนื้อเรื่อง[แก้]

ในประเทศฝรั่งเศส มีการประกอบพระราชพิธีศีลล้างบาปของเจ้าหญิงออโรรา พระราชธิดาของพระเจ้าสเตฟานและพระราชินีลีอาห์ มีการเชิญเทพธิดาสามตน ฟลอรา โฟนา และเมอร์รีเวทเทอร์ มาประทานพรแก่พระกุมารี กระนั้น ก่อนที่เมอร์รีเวทเทอร์จะให้พร มาเลฟิเซนต์ เทพธิดาใจร้าย ปรากฏกาย เพื่อแก้เผ็ดที่มิได้รับเชิญ นางก็สาปพระกุมารีให้ทรงถูกเข็มปั่นฝ้ายตำพระดัชนีแล้วสิ้นพระชนม์ ก่อนตะวันยอแสงในวันเฉลิมพระชนมพรรษาที่สิบหก กล่าวแล้วก็อันตรธานไป

เมอร์รีเวทเทอร์ที่ยังมิได้ประทานพรให้แก่พระกุมารีจึงบรรเทาคำสาปของมาเลฟิเซนต์เป็นว่า เจ้าหญิงออโรราจะเพียงบรรทมไป และจะเสด็จจากบรรทมก็ต่อเมื่อทรงได้รับการจุมพิตด้วยรักแท้ พระเจ้าสเตฟายทรงเกรงคำสาปจะสำฤทธิ์ผล จึงรับสั่งให้เผาเครื่องปั่นด้ายทั้งหมดในอาณาจักร นางฟ้าสามตน ช่วยกันซ่อนพระราชธิดาเอาไว้ในป่าจนกว่าจะพ้นวันเฉลิมพระชนม์สิบหกพรรษา และเปลี่ยนพระนามเป็น "ไบรเออร์ โรส"

เมื่อเจ้าหญิงออโรราเจริญพระชันษาที่สิบห้า ก็ยังประทับอยู่ที่กระท่อมกลางป่า โดยให้รู้สึกเสมือนว่า สามนางฟ้านั้นเป็นป้าอุปถัมภ์ของพระนาง เมื่อวันเฉลิมพระชนม์สิบหกพรรษาใกล้จะมาถึง ออโรราทรงพบกับเจ้าชายฟิลลิป ที่กำลังเสด็จไปวังพระเจ้าสเตฟาน ทั้งสองมีใจปฏิพัทธ์กันในบัดดล ฟิลลิปทรงให้คำมั่นว่าจะกลับมาหาออโรราให้จงได้ ออโรราทรงรู้สึกโสมนัสที่จะพบฟิลลิปอีกครั้ง ทว่า นางฟ้าทั้งสามรุดมาแถลงว่า ออโรราควรเสด็จกลับวังพระบิดา เพราะพระนางเป็นเจ้าหญิง ออโรราได้ฟังก็พระทัยสลาย เพราะทรงเกรงว่า จะไม่มีวันได้พบฟิลลิปอีก กระนั้น ดิเอโบล นกกาของมาเลฟิเซนต์ ก็ได้พบออโรราและกลับไปแจ้งแก่มาเลฟิเซนต์

ในวันเฉลิมพระชนมพรรษาทีีสิบหกนั้นเอง นางฟ้าทั้งสามพาเจ้าหญิงออโรราเสด็จกลับสู่วังพระเจ้าสเตฟาน มาเลฟิเซนต์จึงมาพบเจ้าหญิงออโรราในเย็นวันนั้น แล้วล่อลวงให้เจ้าหญิงเสด็จไปพบเครื่องปั่นฝ้ายที่นางเสกขึ้น และทรงถูกเข็มปั่นฝ้ายตำพระดัชนีสลบไปในหอคอยเปลี่ยว นางฟ้าทั้งสามมิอาจให้พระเจ้าสเตฟานและพระราชินีต้องทรงโศกเศร้ากับสิ่งนี้ได้ จึงร่ายมนตร์ให้ทั่วราชอาณาจักรหลับไหลไปจนกว่าเจ้าหญิงออโรราจะเสด็จขึ้นจากบรรทม

มาเลฟิเซนต์ลอบจับเจ้าชายฟิลลิป ไปขังไว้ในบรรพตต้องห้าม อันเป็นที่พำนักของนาง เพื่อที่มั่นใจว่า จะไม่มีผู้ใดมาปลุกออโรราได้ แต่นางฟ้าทั้งสามมาช่วยเจ้าชายออกจากที่คุมขังได้ ความทราบถึงมาเลฟิเซนต์ นางจึงพยายามขัดขวางมิให้เจ้าชายไปถึงปราสาทที่เจ้าหญิงบรรทมอยู่ โดยบันดาลให้เกิดอุปสรรคต่าง ๆ เช่น สายฟ้า และป่าหนาม แต่ก็ไม่เป็นผล นางจึงเหาะมาขวางหน้าเจ้าชายไว้ แล้วจำแลงกายเป็นมังกรมหึมาเข้าประจันหน้ากับเจ้าชาย ขณะที่เจ้าชายกำลังเพลี่ยงพล้ำและใกล้ถึงความตายนั้นเอง นางฟ้าทั้งสามรวมอำนาจแห่งความดีเสกเป่าดาบของเจ้าชายให้มีฤทธิ์ แล้วเจ้าชายโยนดาบนั้นไปปักที่หัวใจมังกร มังกรหมายจะกระโดดเข้ากัดกินเจ้าชายด้วยกำลังเฮือกสุดท้าย แต่ก็พลัดตกลงสู่หุบเหวเบื้องล่างถึงแก่ความตาย

ขณะต่อมา เจ้าชายฟิลลิปก็ทรงบรรทมจุมพิตเจ้าหญิงออโรรา ฉับพลัน ออโรราเสด็จขึ้นจากบรรทมพร้อมกับผู้คนทั่วอาณาจักร ครั้นแล้ว ออโรราทรงพบพระบิดาและพระมารดาอีกครั้ง และได้อภิเษกสมรสกับเจ้าชายฟิลลิป แล้วใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุขตราบนิรันดร์

ตัวละคร[แก้]

  • ฟลอรา, ฟอนา, และ เมอร์รีเวเธอร์, เสียงของ Verna Felton, Barbara Luddy และ Barbara Jo Allen ตามลำดับ
  • มาเลฟิเซนต์, นางฟ้าปีศาจ ผู้ร่ายคำสาปให้เจ้าหญิงออโรราถูกเข็มปั่นฝ้ายทิ่มนิ้วพระหัตถ์แล้วสิ้นพระชนม์ก่อนสนธยาวันเฉลิมพระชนมชันษาที่สิบหก พากย์เสียงโดย เอเลนอร์ ออดลีย์
  • เจ้าหญิงออโรร่า/Briar Rose, เสียงของ Mary Costa.
  • เจ้าชายฟิลลิป, เจ้าชายผู้เป็นรักแท้ของเจ้าหญิงออโรราและถูกหมั้นกันตั้งแต่เด็ก พากย์เสียงโดย บิล เชอร์รี
  • ราชาสเตฟาน, เสียงของ Taylor Holmes.
  • ราชาฮิวส์เบิด, เสียงของ Bill Thompson.
  • สมุนของเมลิฟิเซนท์, เสียงของ Candy Candido และ Pinto Colvig,
  • ผู้บรรยาย, เสียงของ Marvin Miller.

อ้างอิง[แก้]

  1. Thomas 1994, p. 295.
  2. "Sleeping Beauty". Box Office Mojo. IMDb. สืบค้นเมื่อ January 5, 2012.

ดูเพิ่ม[แก้]