มาเลฟิเซนต์: นางพญาปีศาจ
มาเลฟิเซนต์: นางพญาปีศาจ | |
---|---|
![]() ป้ายประชาสัมพันธ์ | |
กำกับ | โยอาคิม รอนนิง |
เขียนบท |
|
สร้างจาก |
ตัวละครจาก: |
อำนวยการสร้าง |
|
นักแสดงนำ |
|
กำกับภาพ | เฮนรี บราฮัม |
ตัดต่อ |
|
ดนตรีประกอบ | เจฟฟ์ ซาเนลลี |
บริษัทผู้สร้าง |
|
ผู้จัดจำหน่าย | วอลต์ดิสนีย์สตูดิโอส์โมชันพิกเชอส์ |
วันฉาย | 18 ตุลาคม ค.ศ. 2019 |
ความยาว | 119 นาที[2] |
ประเทศ | สหรัฐอเมริกา |
ภาษา | อังกฤษ |
ทุนสร้าง | 185 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[3] |
ทำเงิน | 491.7 ล้านดอลลาห์สหรัฐ[2] |
มาเลฟิเซนต์: นางพญาปีศาจ (อังกฤษ: Maleficent: Mistress of Evil) เป็นภาพยนตร์แนวมหากาพย์จินตนิมิตด้านมืดของอเมริกาในปี ค.ศ. 2019 อำนวยการผลิตโดยวอลต์ดิสนีย์พิกเชอส์ กำกับโดยโยอาคิม รอนนิง จากบทภาพยนตร์โดยลินดา วูลเวอร์ตัน, ไมกาห์ ฟิตเซอร์แมน-บลู และโนอาห์ ฮาร์พสเตอร์ เป็นภาคต่อของ มาเลฟิเซนต์ กำเนิดนางฟ้าปีศาจ (2014)[1] โดยแอนเจลีนา โจลี กลับมารับบทนำ พร้อมด้วยแอลล์ แฟนนิง, แซม ไรลีย์, อิเมลดา สตอนตัน, จูโน เทมเพิล และเลสลีย์ แมนวิลล์ กลับมารับบทเดิม ส่วนแฮร์ริส ดิกคินสัน รับบทเจ้าชายแทนที่เบรนตัน ทเวทส์ ในภาคแรก และชูวิเท็ล เอจีโอฟอร์, เอ็ด สไครน์ และมิเชลล์ ไฟฟ์เฟอร์ ร่วมแสดงเป็นตัวละครใหม่ เรื่องราวเกิดขึ้นห้าปีหลังจากภาคแรก โดยเล่าถึงตัวละครเดิมที่ต้องเผชิญกับการถูกรุกรานของอาณาจักรข้างเคียงที่มองว่าเป็นตัวร้าย และยังเล่าถึงเผ่าพันธุ์เทพยดาของมาเลฟิเซนต์ที่ทรงพลังแต่ใกล้สูญพันธุ์ เรียกว่า ดาร์กเฟย์ (Dark Fae)
หลังจากภาพยนตร์เรื่องแรกออกฉายในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2014 โจลีกล่าวถึงภาพยนตร์ภาคต่อว่ามีโอกาสเป็นไปได้ โครงงานนี้ได้รับการประกาศอย่างเป็นทางการในเดือนมิถุนายน โจลีเซ็นสัญญาเพื่อกลับมารับบทนำในเดือนเมษายน ค.ศ. 2016 โดยมีรอนนิง ผู้ร่วมกำกับจากภาพยนตร์สงครามแค้นโจรสลัดไร้ชีพ (2017) ซึ่งได้รับการว่าจ้างให้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2017 นักแสดงท่านอื่นได้รับการยืนยันให้ร่วมแสดงในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2018 ภาพยนตร์เริ่มถ่ายทำในเดือนนั้น ที่ไพน์วูดสตูดิโอส์ (Pinewood Studios) ประเทศอังกฤษ การถ่ายทำยาวนานถึงเดือนสิงหาคม
มาเลฟิเซนต์: นางพญาปีศาจ เข้าฉายในสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ค.ศ. 2019 ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำรายได้ทั่วโลก 491 ล้านดอลลาห์สหรัฐ แม้ว่าจะต้องสร้างรายได้ประมาณ 500 ล้านดอลลาห์สหรัฐเพื่อทำกำไรเมื่อพิจารณาจากงบประมาณทั้งหมด ต้นทุนการตลาด และการจัดจำหน่าย[4] โดยได้รับการตอบรับที่หลากหลายจากนักวิจารณ์ โดยคำวิจารณ์มุ่งเป้าไปที่ "เนื้อเรื่องยุ่งเหยิงและภาพเสมือนจริงมากเกินไป" แต่ได้รับคำชมในด้านการแสดงของโจลี แฟนนิง และไฟฟ์เฟอร์ ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขาการแต่งหน้าและทำผมยอดเยี่ยม จากงานประกาศผลรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 92 โดยภาคที่สามกำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนา
เนื้อเรื่อง[แก้]
ผ่านมาห้าปีนับจากการสวรรคตของพระเจ้าสเตฟาน ออโรรา ทรงครองราชย์เป็นราชินีแห่งเมืองมัวร์ส มาเลฟิเซนต์ แม่ทูนหัวของพระนาง เป็นผู้พิทักษ์ แต่ทว่าอาณาจักรอัลสเตด (Ulstead) ซึ่งตั้งอยู่ใกล้เคียง เป็นที่พำนักของเจ้าชายฟิลลิป กลับมองว่ามาเลฟิเซนต์นั้นชั่วร้ายและเป็นอันตราย วันหนึ่ง เดียวัล นกกาคนสนิท มาแจ้งแก่มาเลฟิเซนต์ผู้เป็นนายว่า เจ้าชายฟิลลิปทรงขออภิเษกสมรสกับออโรรา นางขัดขวางและเตือนออโรราในเรื่องของความขัดแย้งระหว่างสองอาณาจักร แต่ออโรรากลับตรัสแย้งว่านางคิดผิด
คืนหนึ่ง พระเจ้าจอห์นและพระราชินีอิงกริธ พระบิดาและพระมารดาของเจ้าชายฟิลลิป ทรงเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อหมั้นพระโอรสกับออโรรา มาเลฟิเซนต์ซึ่งมาร่วมงานด้วยพยายามสงบจิตใจของนาง จนกระทั่งพระราชินีอิงกริธตรัสเชิงดูถูกถึงเรื่องคำสาปนิทราที่มาเลฟิเซนต์เคยสาปออโรรา รวมถึงการสิ้นพระชนม์ของพระเจ้าสเตฟาน พระราชินียังตรัสอย่างประจานว่า มาเลฟิเซนต์สังหารมนุษย์สองนายผู้เป็นนักล่าเทพธิดาที่พบเห็นใกล้เมืองมัวร์สเมื่อไม่นาน เมื่อราชินีอิงกริธทรงเหน็บแนมและขวางความสัมพันธ์แบบแม่และลูกระหว่างมาเลฟิเซนต์กับออโรรา มาเลฟิเซนต์ก็ตอบโต้ด้วยความโกรธ และดูเหมือนว่าจะสาปพระเจ้าจอห์น ซึ่งจู่ ๆ พระองค์ก็บรรทมไป มาเลฟิเซนต์ประกาศว่า นางมิได้สาปพระองค์ แต่ออโรรากลับมิทรงเชื่อ ส่วนเจ้าชายฟิลลิปทรงยุให้พระมารดาทรงปลุกพระบิดาด้วยการจุมพิต แต่พระราชินีทรงขืนขัด เพราะพระนางมิได้รักพระสวามีแต่อย่างใด ขณะที่มาเลฟิเซนต์กำลังหลบหนีออกจากพระราชวังนั้นเอง เกอร์ดา คนรับใช้ของพระราชินีอิงกริธ ยิงมาเลฟิเซนต์ด้วยกระสุนเหล็กจนบาดเจ็บ
มาเลฟิเซนต์ได้รับบาดเจ็บพลัดตกลงในทะเล แต่ได้รับการช่วยเหลือจากสิ่งมีชีวิตลึกลับที่มีปีกเผ่าพันธุ์เดียวกับนาง มาเลฟิเซนต์ตื่นขึ้นมาในถ้ำแหน่งหนึ่ง ซึ่งมีเทพยดาเช่นนางซ่อนตัวอยู่ หนึ่งในนั้นคือโคนอลล์ หัวหน้าเผ่า ผู้ซึ่งช่วยชีวิตมาเลฟิเซนต์ไว้ และบอร์รา นายทัพทำสงครามกับมนุษย์ มาเลฟิเซนต์เป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตทิพย์นี้ เรียกว่า "ดาร์กเฟย์" (Dark Fey) เผ่าพันธุ์ทิพย์ที่ทรงพลัง แต่ต้องซ่อนตัวและเกือบสูญพันธุ์จากการรุกรานของมนุษย์ มาเลฟิเซนต์ยังเป็นทายาทตนสุดท้ายของฟีนิกซ์ บรรพบุรุษที่ทรงอิทธิฤทธิ์ของดาร์กเฟย์ โคนอลล์และบอร์รายังคิดว่า มาเลฟิเซนต์อาจเป็นกุญแจสำคัญในการยุติความขัดแย้งระหว่างชาวทิพย์กับมนุษย์ ทั้งด้วยสันติภาพและการยุติสงคราม
ขณะเดียวกัน ออโรราทรงเริ่มไม่แยแสกับการเป็นเจ้าหญิงแห่งอาณาจักรอัลสเตด แต่ก็ทรงปิติยินดีที่ชาวมัวร์สได้รับเชิญมาร่วมพิธีอภิเษกสมรสระหว่างพระนางกับฟิลลิป กระนั้น ออโรราทรงค้นพบว่า ราชินีอิงกริธทรงเกลียดชังสิ่งมีชีวิตวิเศษชาวมัวร์สทุกตน เนื่องจากไม่พอพระทัยในความเจริญรุ่งเรืองของเมืองมัวร์ส ในช่วงเวลาที่อาณาจักรของพระนางทุกข์ยากลำบากแสน พระราชินียังคับแค้นพระทัยที่ชาวมัวร์สเป็นเหตุให้พระอนุชาของพระนางสิ้นพระชนม์ ด้วยเหตุนี้ พระราชินีอิงกริธจึงทรงวางแผนลับในการกำจัดเทพยดาและสิ่งมีชีวิตทิพย์ชาวมัวร์สให้สิ้น ด้วยอาวุธเหล็กกล้าและผงสีแดง อันมีฤทธานุภาพสังหารสิ่งมีชีวิตทิพย์ ซึ่งผลิตขึ้นจากลิกสปิตเทิล พิกซีไร้ปีก ขณะนั้น ออโรราทรงรับรู้ว่า ราชินีอิงกริดเป็นเหตุให้พระเจ้าจอห์นบรรทม โดยนำพระดัชนีของพระองค์ทิ่มเข็มปั่นด้ายต้องคำสาปของมาเลฟิเซนต์ เมื่อชาวมัวร์สมาถึง พวกเขาถูกล่อลวงมาขังไว้ในโบสถ์ พระราชินีอิงกริธทรงมอบหมายให้เกอร์ดา ปล่อยผงสีแดงผ่านทางการเล่นออร์แกน พิกซีสามตนพยายามปกปักษ์ชาวทิพย์ทั้งปวงไว้ โดยฟลิตเทิลสละชีพตนเองอย่างเต็มใจเพื่ออุดตันออร์แกนนั้น ทำให้ไม่สามารถใช้งานได้ ในขณะที่น็อตกราสส์และธิสเซิลวิต ก็เข้ารุมเกอร์ดาจนพลัดตกลงสู่เบื้องล่างถึงแก่ชีวิต
ขณะต่อมา เหล่าดาร์กเฟย์ยกพวกบุกมาถึงและเปิดศึกเข้าโจมตีอัลสเตด แต่ก็พ่ายแก่กำลังพลของพระราชินีอิงกริธ ทหารข้าศึกพร้อมจะประหารหมู่พวกเขา มาเลฟิเซนต์มาถึงโดยฉับพลัน แล้วใช้พลังฟีนิกซ์เข้าต่อกรกับทัพศัตรูจนพ่ายแพ้แตกกระเจิงไป นางเกือบจะปลิดพระชนม์พระราชินีอิงกริธ แต่ออโรราทรงร้องขอให้มาเลฟิเซนต์ละเว้นพระชนม์พระราชินีด้วยเมตตา แล้วออโรราทรงเรียกขานมาเลฟิเซนต์ว่า "แม่" พระราชินีอิงกริธได้ยินดังนั้นจึงทรงยิงหน้าไม้เพื่อปลิดพระชนม์ออโรรา แต่ทว่า มาเลฟิเซนต์เข้ามาขวางเพื่อปกป้องออโรราไว้ ตัวนางถูกลูกศรปักจนสลายเป็นฝุ่นผง ออโรราพระทัยสลาย เมื่อน้ำพระเนตรของออโรราหยดกลงบนกองฝุ่นผงนั้น เกิดเป็นปาฏิหาริย์ มาเลฟิเซนต์ฟื้นคืนชีพ ในร่างของฟีนิกซ์ พระราชินีอิงกริธทรงเกรงจึงทรงผลักออโรราตกสู่เบื้องล่างแล้วรีบเสด็จหนีไป มาเลฟิเซนต์โฉบลงมาช่วยออโรราไว้ ส่วนพระราชินีอิงกริธทรงถูกรายล้อมด้วยหมู่ดาร์กเฟย์ นำโดยบอร์รา
ขณะเดียวกัน เจ้าชายฟิลลิปทรงสร้างสันติภาพระหว่างชาวทิพย์และมนุษย์ แต่พระราชินีอิงกริธพร้อมกองทัพอัลสเตดก็ยืนหยัดขัดขืน กระนั้น มาเลฟิเซนต์ก็กลับคืนร่างเป็นเทพธิดาดังเดิม นางอวยพรให้ออโรราและฟิลลิปอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขตราบนิรันดร์ เมื่อได้รับลิกสปลิตเทิลคืนมา มาเลฟิเซนต์ก็สลายเข็มปั่นด้ายต้องคำสาปนั้น เพื่อให้พระเจ้าจอห์นเสด็จขึ้นจากบรรทม ครั้นแล้ว มาเลฟิเซนต์ก็สาปให้พระราชินีอิงกริธกลายเป็นแพะไปตลอดกาล เป็นการลงพระทัณฑ์สำหรับความโหดร้ายของพระนางที่มีต่อชาวทิพย์และเมืองมัวร์ส ครั้นแล้ว มาเลฟิเซนต์ก็สร้างสันติภาพระหว่างชาวทิพย์กับมนุษย์ และนำพาความสงบสุขมาสู่สองอาณาจักรได้สำเร็จ
ในที่สุด เจ้าหญิงออโรราและเจ้าชายฟิลลิป ก็เข้าพิธีอภิเษกสมรสกัน โดยได้รับการสนับสนุนจากผู้คนจากอาณาจักรทั้งสอง มาเลฟิเซนต์มาเยี่ยมออโรราและฟิลลิป นางให้คำมั่นสัญญาว่า นางจะกลับมาอีกครั้งในพระราชพิธีฉลองการประสูติของราชบุตรในอนาคตของสองพระองค์ ภาพยนตร์จบลงที่มาเลฟิเซนต์บินจากไปพร้อมกับพวกพ้องดาร์กเฟย์
นักแสดง[แก้]
- แอนเจลีนา โจลี รับบทเป็น มาเลฟิเซนต์, ดาร์กเฟย์ และอดีตผู้ปกครองแห่งอาณาจักรมัวร์ส; แม่บุญธรรมของออโรรา
- แอลล์ แฟนนิง รับบทเป็น ออโรรา, ผู้ปกครองแห่งเดอะมัวร์สคนปัจจุบัน; ธิดาบุญธรรมของมาเลฟิเซนต์; มเหสีของเจ้าชายฟิลลิป
- มิเชลล์ ไฟฟ์เฟอร์ รับบทเป็น ราชินีอิงกริธ, ราชินีแห่งอาณาจักรอัลสเตด ผู้กระหายอำนาจ มเหสีของพระเจ้าจอห์นและพระมารดาของฟิลลิป ผู้เกลียดชังมาเลฟิเซนต์และออโรรา
- ชูวิเทล เอจีโอฟอร์ รับบทเป็น คอนเนล,[5] ดาร์กเฟย์ที่ช่วยชีวิตมาเลฟิเซนต์
- แซม ไรลีย์ รับบทเป็น เดียวัล, นกกาที่ได้รับร่างเป็นมนุษย์โดยมาเลฟิเซนต์
- เอ็ด สไครน์ รับบทเป็น โบร์รา,[6] ดาร์กเฟย์ที่เป็นผู้นำในการบุกโจมตีอัลสเตด
- แฮร์ริส ดิกคินสัน รับบทเป็น เจ้าชายฟิลลิป, เจ้าชายแห่งอัลสเตดและพระสวามีของออโรรา ซึ่งในภาคที่แล้วแสดงโดยเบรนตัน ทเวทส์
- อิเมลดา สตอนตัน รับบทเป็น พากย์เสียงและการจับภาพเคลื่อนไหวของน็อตกราส, พิกซีสีแดง
- จูโน เทมเพิล รับบทเป็น พากย์เสียงและการจับภาพเคลื่อนไหวของทิสเซิลวิต, พิกซีสีเขียว
- เลสลีย์ แมนวิลล์ รับบทเป็น พากย์เสียงและการจับภาพเคลื่อนไหวของฟลิตเติล, พิกซีสีฟ้า
- โรเบิร์ต ลินด์เซย์ รับบทเป็น พระเจ้าจอห์น,[7] กษัตริย์แห่งอัลสเตด ตัวละครนี้ได้รับการกล่าวถึงโดยเจ้าชายฟิลลิปในภาคแรก
- วอริค เดวิส รับบทเป็น ลิกสปิตเทิล,[8] พิกซีไร้ปีกที่ทำงานให้กับราชินีอิงกริธอย่างไม่เต็มใจ
- เจนน์ เมอร์เรย์ รับบทเป็น เกอร์ดา,[9] ผู้หญิงที่ภักดีต่อราชินีอิงกริธ
- เดวิด กยาซี รับบทเป็น เพอซิวาล, กัปตันองครักษ์ที่ทำงานให้กับราชวงศ์อัลสเตด
- จูดี เชโคนี รับบทเป็น ไชรค์, เฟแห่งป่า
- มิยาบิ รับบทเป็น อูโด, เฟย์แห่งทุนดรา
- เก้ อเล็กซานเดอร์ รับบทเป็น อินิ, เฟย์แห่งทะเลทราย
- อลิน โมวัต รับบทเป็น ผู้บรรยาย
- เอมมา แม็กเลนนอน รับบทเป็น พากย์เสียงและการจับภาพเคลื่อนไหวของปินโต, สิ่งมีชีวิตที่เหมือนเม่น
- แม็กเลนนอนยังให้เสียงและการจับภาพเคลื่อนไหวของบัตตอนอีกด้วย
- จอห์น คาริว รับบทเป็น นักรบเฟย์แห่งป่า[10]
- เฟรดดี ไวส์ รับบทเป็น ชาวนาหนุ่ม[11]
การเผยแพร่[แก้]
โรงภาพยนตร์[แก้]
มาเลฟิเซนต์: นางพญาปีศาจ เข้าฉายในโรงภาพยนตร์เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ค.ศ. 2019 โดยวอลต์ดิสนีย์สตูดิโอส์โมชันพิกเชอส์[12] โดยเปลี่ยนวันฉายจากวันที่ 29 พฤษภาคม ค.ศ. 2020 ที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ของภาพยนตร์เรื่องนี้[13]
สื่อต่าง ๆ[แก้]
มาเลฟิเซนต์: นางพญาปีศาจ วางจำหน่ายโดยวอลต์ดิสนีย์สตูดิโอส์โฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์ บนระบบดิจิตอล HD เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม ค.ศ. 2019 ตามด้วย 4K Ultra HD, บลูเรย์ และดีวีดี ในวันที่ 14 มกราคม ค.ศ. 2020[14] และเผยแพร่บนดิสนีย์+ เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม ค.ศ. 2020[15]
รางวัลและการเสนอชื่อ[แก้]
รางวัล | วันที่จัดพิธี | สาขา | ผู้รับ | ผล | อ้างอิง |
---|---|---|---|---|---|
รางวัลออสการ์ | 9 กุมภาพันธ์ 2020 | แต่งหน้าและทำผมยอดเยี่ยม | พอล กูช, อาร์เยน ทุยเทน และเดวิด ไวต์ | เสนอชื่อเข้าชิง | [16] |
รางวัลสมาคมผู้กำกับศิลป์ | 1 กุมภาพันธ์ 2020 | การออกแบบภาพยนตร์แฟนตาซียอดเยี่ยม | แพทริก ทาโทปูลอส | เสนอชื่อเข้าชิง | |
สมาคมนักออกแบบภาพยนตร์อังกฤษ | 1 มกราคม 2020 | การออกแบบภาพยนตร์แฟนตาซียอดเยี่ยม | แพทริก ทาโทปูลอส และโดมินิค คาปอน | เสนอชื่อเข้าชิง | |
สมาคมนักออกแบบเครื่องแต่งกาย | 28 มกราคม 2020 | การออกแบบเครื่องแต่งกายในภาพยนตร์แฟนตาซียอดเยี่ยม | เอลเลน มิโรจนิก | ชนะ | [17] |
สมาคมช่างแต่งหน้าและช่างทำผม | 11 มกราคม 2020 | ช่วงเวลา และ/หรือ การจัดแต่งทรงผมตามตัวละครยอดเยี่ยม | ออเดรย์ สเติร์น | เสนอชื่อเข้าชิง | |
รางวัลแซทเทิร์น | 26 ตุลาคม 2021 | ภาพยนตร์แฟนตาซียอดเยี่ยม | เสนอชื่อเข้าชิง | [18][19] | |
การออกแบบการผลิตยอดเยี่ยม | แพทริก ตาโตปูลอส | เสนอชื่อเข้าชิง | |||
การแต่งหน้ายอดเยี่ยม | อาร์เยน ทุยเทน และเดวิด ไวต์ | เสนอชื่อเข้าชิง |
อ้างอิง[แก้]
- ↑ 1.0 1.1 "Maleficent: Mistress of Evil Press Kit" (PDF). wdsmediafile.com. Walt Disney Studios. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ October 21, 2019. สืบค้นเมื่อ October 21, 2019.
- ↑ 2.0 2.1 "Maleficent: Mistress of Evil (2019)". Box Office Mojo.
{{cite web}}
:|access-date=
ต้องการ|url=
(help);|archive-url=
ต้องการ|url=
(help);|url=
ไม่มีหรือว่างเปล่า (help) - ↑ D'Alessandro, Anthony (October 19, 2019). "'Maleficent: Mistress Of Evil' No Magic With $37M+, 'Joker' Still Stealing 2nd Place From 'Zombieland 2' With $28M+". Deadline Hollywood. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 19, 2019. สืบค้นเมื่อ October 19, 2019.
- ↑ Rubin, Rebecca (October 21, 2019). "Box Office: Why 'Maleficent: Mistress of Evil' Fizzled". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 9, 2019. สืบค้นเมื่อ October 21, 2019.
- ↑ Eweniyi, Olanrewaju (July 9, 2019). "Watch: First Look At Chiwetel Ejiofor In The Trailer For The 'Maleficent' Sequel". Konbini. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 4, 2019. สืบค้นเมื่อ August 4, 2019.
- ↑ "30 Days why i am rewatching maleficent". laughingplace.com. 2019-09-04. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-09-05. สืบค้นเมื่อ September 5, 2019.
- ↑ Edwards, Chris (July 15, 2018). "My Family star Robert Lindsay teases his role in Disney's Maleficent 2". Digital Spy. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 29, 2018. สืบค้นเมื่อ July 28, 2018.
- ↑ "Warwick Davis to Host Star Wars Celebration Chicago 2019". StarWars.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 28, 2019. สืบค้นเมื่อ March 10, 2019.
- ↑ "Maleficent 2 star talks about Queen Ingrith's villainous plan". digitalspy.com. 2019-08-26. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-11-30. สืบค้นเมื่อ August 27, 2019.
- ↑ "John Carew". Panorama Agency. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 27, 2019. สืบค้นเมื่อ March 10, 2019.
- ↑ Punter, Jessica. "THE YOUNG BRITISH ACTORS TO WATCH IN 2019". Mr. Porter. สืบค้นเมื่อ May 24, 2019.
- ↑ D'Alessandro, Anthony (March 6, 2019). "Angelina Jolie Sequel 'Maleficent 2' Moves Up To Fall 2019". Deadline Hollywood. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 7, 2019. สืบค้นเมื่อ March 6, 2019.
- ↑ Perry, Spencer (June 10, 2018). "Disney Movie Release Dates: Poppins Moves Up, Jungle Cruise Delayed". ComingSoon.net. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 13, 2018. สืบค้นเมื่อ June 12, 2018.
- ↑ "'Maleficent: Mistress of Evil' Goes Digital in December". Slanted (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 2019-12-04. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-12-09. สืบค้นเมื่อ 2020-05-15.
- ↑ "Disney+'s New Releases Coming in May". The Hollywood Reporter (ภาษาอังกฤษ). 25 April 2020. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-05-01. สืบค้นเมื่อ 2020-05-15.
- ↑ "Oscar Nominations 2020 Announcement Date & Time". Oscars. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 12 January 2020. สืบค้นเมื่อ 13 January 2020.
- ↑ "2020 Costume Designers Guild Awards". lindsay Weinberg. 10 December 2019. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 11 December 2019. สืบค้นเมื่อ 16 January 2020.
- ↑ Hipes, Patrick (March 4, 2021). "Saturn Awards Nominations: 'Star Wars: Rise Of Skywalker', 'Tenet', 'Walking Dead', 'Outlander' Lead List". Deadline Hollywood. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 7, 2021. สืบค้นเมื่อ March 5, 2021.
- ↑ Liz Shannon Miller (2021-10-27). "The Saturn Awards Winners: 'Rise of Skywalker,' 'The Boys,' 'The Mandalorian' and More Receive Honors". Collider. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-10-28. สืบค้นเมื่อ 2022-06-28.
แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]
