เงือกน้อยผจญภัย

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เงือกน้อยผจญภัย
ใบปิดภาพยนตร์
กำกับ
เขียนบท
  • จอห์น มัสเกอร์
  • รอน เคลเมนต์ส
สร้างจาก"เงือกน้อย"
โดย ฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์เซน
อำนวยการสร้าง
นักแสดงนำ
ตัดต่อมาร์ก เฮสเตอร์
ดนตรีประกอบอลัน เมนเคน
บริษัทผู้สร้าง
ผู้จัดจำหน่ายบัวนาวิสตาพิกเชอส์ดิสทริบูชัน
วันฉาย17 พฤศจิกายน ค.ศ. 1989 (1989-11-17)
ความยาว83 นาที[1]
ประเทศสหรัฐ
ภาษาอังกฤษ
ทุนสร้าง40 ล้านดอลลาห์สหรัฐ[2]
ทำเงิน235 ล้านดอลลาห์สหรัฐ[3]

เงือกน้อยผจญภัย (อังกฤษ: The Little Mermaid) เป็นภาพยนตร์แอนิเมชันแนวดนตรี, คอมเมดี้, โรแมนติก, แฟนตาซี ที่ออกฉายในปี ค.ศ. 1989 ได้รับรางวัลออสการ์ 2 สาขา ได้แก่สาขาเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมและสาขาดนตรีประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในงานประกาศผลรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 62 ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ภาคแรกในภาพยนตร์ชุดเงือกน้อยผจญภัย ภาพยนตร์เรื่องนี้มีภาคต่อคือเงือกน้อยผจญภัย ภาค 2 ตอน วิมานรักใต้สมุทร และภาพยนตร์เรื่องนี้ยังได้รับการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์คนแสดงใน ค.ศ. 2023 โดยใช้ชื่อว่า "เงือกน้อยผจญภัย" เช่นเดิม และดัดแปลงโครงเรื่องจากภาพยนตร์นี้มาเสนอในรูปแบบใหม่

ใน ค.ศ. 2022 หอสมุดรัฐสภาเลือกภาพยนตร์นี้เข้าเก็บรักษาไว้ในหอทะเบียนภาพยนตร์แห่งชาติเนื่องด้วย "ความสำคัญทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ หรือสุนทรียภาพ"[4]

เนื้อเรื่อง[แก้]

อาณาจักรใต้ท้องมหาสมุทร แอตแลนติกา (Atlantica) เจ้าหญิงเงือกสาวนาม แอเรียล (Ariel) ธิดาองค์สุดท้องของราชาไทรทัน (King Triton) เจ้าสมุทร มีนิสัยรักและฝักใฝ่ในโลกมนุษย์ ซึ่งขัดต่อกฎว่า ห้ามมิให้เงือกทั้งมวลติดต่อกับมนุษย์ มีเพียง ฟลาวน์เดอร์ (Flounder) ปลาน้อย และสกัตเติล (Scuttle) นกนางนวล เท่านั้นที่คอยสนับสนุนเธอ

วันหนึ่ง หลังจากแอเรียลถูกราชาไทรทันต่อว่าเรื่องการสำรวจวัตถุมนุษย์ที่ซากเรืออัปปางจนลืมเข้าร่วมงานคอนเสิร์ตที่พระราชวัง แอเรียลก็เข้าไปร้องเพลง "อยู่ในโลกเธอ" (Part of your World) อยู่ภายในถ้ำที่เธอใช้สำหรับเก็บวัตถุมนุษย์จากซากเรืออัปปาง ทันใดนั้นแอเรียลก็สังเกตพบเรือลำหนึ่งกำลังแล่นผ่านมา เธอจึงว่ายน้ำขึ้นไปดูใกล้ๆ และสังเกตเห็นเจ้าชายรูปงามพระนามว่า เจ้าชายอีริค (Prince Eric) แต่จู่ ๆ ก็เกิดพายุสายฟ้าฟาดทำให้เกิดไฟไหม้บนเรือ และคลื่นลมในทะเลที่รุนแรงก็ทำให้เจ้าชายอีริคตกจากเรือและตกลงไปในทะเล แอเรียลไม่รอช้า รีบว่ายน้ำไปช่วยคว้าร่างของเจ้าชายอีริคที่หมดสติขึ้นฝั่งไปได้อย่างปลอดภัย หลังจากช่วยเจ้าชายอีริคสำเร็จแล้ว แอเรียลได้ร้องเพลง "อยู่ในโลกเธอ รีไพรส์" (Part of your World Reprise) ด้วยน้ำเสียงอันไพเราะของเธอ เพื่อฟื้นสติอีริค แต่เมื่อมีข้ารับใช้มาหาอีริค แอเรียลก็รีบกลับลงทะเลไป ด้วยความรักและโหยหาในอีริค แอเรียลจึงใฝ่ฝันว่า วันหนึ่ง เธอจะได้อยู่บนผืนดินเดียวกับอีริค

เมื่อแอเรียลกลับถึงพระราชวัง ราชาไทรทันทรงสังเกตเห็นว่า แอเรียลมีพฤติกรรมเพ้อฝันผิดไป จึงทรงสอบถาม เซบาสเตียน (Sebastian) ปูที่ปรึกษา ซึ่งทูลว่า แอเรียลช่วยชีวิตและตกหลุมรักเจ้าชายมนุษย์พระองค์หนึ่ง ราชาไทรทันเมื่อทรงได้ฟังก็ทรงกริ้วโกรธเป็นกำลัง เสด็จมาพบแอเรียลและทรงพยายามบีบให้แอเรียลสารภาพเรื่องทั้งหมดและให้สาบานว่า จะไม่ขึ้นสู่ผิวน้ำอีก แต่แอเรียลปฏิเสธ ราชาไทรทันจึงทรงใช้ตรีศูลทำลายวัตถุมนุษย์ทั้งหมดที่แอเรียลสะสมไว้ ก่อนจะเสด็จจากไป

ต่อมา มีปลาไหลมอเรยคู่หนึ่งเข้ามาหาแอเรียล และแนะนำว่า เออร์ซูลา (Ursula) แม่มดแห่งท้องทะเล คือผู้เดียวที่สามารถช่วยเธอให้ครองรักกับอีริคได้ ดังนั้น แอเรียลจึงไปถ้ำของเออร์ซูลา ซึ่งเออร์ซูลาเสนอว่า นางจะใช้เวทมนตร์ของนางเปลี่ยนแอเรียลให้กลายเป็นมนุษย์ 3 วันโดยแลกกับน้ำเสียงอันไพเราะของแอเรียล โดยมีเงื่อนไขว่า ถ้าหากแอเรียลสามารถทำให้เจ้าชายอีริคตกหลุมรักภายในสามวันได้ แอเรียลจะได้กลายเป็นมนุษย์ตลอดไป แต่ถ้าแอเรียลไม่สามารถทำให้เจ้าชายอีริคตกหลุมรักได้ภายในสามวัน แอเรียลจะต้องกลับไปเป็นเงือกและตกเป็นทาสรับใช้ของเออร์ซูลาไปตลอดกาล แอเรียลตอบตกลง เออร์ซูลาเริ่มร่ายเวทมนตร์ของนางเพื่อนำเสียงของแอเรียลไปจากตัวของเธอและเปลี่ยนให้แอเรียลมีขาเป็นมนุษย์ แอเรียลได้รับความช่วยเหลือจากฟลาวน์เดอร์และเซบาสเตียนในการขึ้นไปบนผิวน้ำ สักครู่หนึ่ง เจ้าชายอีริคก็มาพบกับแอเรียลและรู้สึกคุ้นเคยกับเธอมากเหลือเกิน แต่เมื่อเจ้าชายอีริคพบว่า แอเรียลพูดไม่ได้ เขาจึงคิดว่า เธอคงจะไม่ใช่ผู้หญิงที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้จากเหตุเรืออับปาง เขาจึงพาเธอไปที่ปราสาทของเขา แอเรียลได้แต่งตัวด้วยชุดราตรีแสนสวยและได้รับเชิญไปรับประทานอาหารเย็น เจ้าชายอีริคประหลาดใจมากเมื่อเห็นแอเรียลหยิบส้อมขึ้นมาหวีผม ตามที่สกัตเติลเคยสอนเธอไว้ ส่วนเซบาสเตียนซ่อนตัวอยู่ที่โต๊ะอาหารเพื่อจะได้คอยปกป้องดูแลแอเรียล

บ่ายวันถัดมา เจ้าชายอีริคพาแอเรียลออกไปเที่ยวชมอาณาจักรของเขา ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะสนุกสนานเพลิดเพลิน แต่เจ้าชายอีริคก็ยังไม่จุมพิตเธอเลย และเหลือเวลาอีกเพียงวันเดียวเท่านั้น เมื่อถึงตอนเย็น เจ้าชายอีริคพาแอเรียลพายเรือล่องไปตามทะเลสาบ เซบาสเตียนและเหล่าสัตว์นานาชนิดร่วมกันประสานเสียงร้องบทเพลง "มอบรอยจูบ" (Kiss the girl) เจ้าชายอีริคมองตาแอเรียล แต่ขณะที่ทั้งคู่กำลังจะจุมพิตกัน เรือก็คว่ำไม่เป็นท่าด้วยฝีมือของปลาไหลมอเรย์สองตัวที่นางแม่มดเออร์ซูลาส่งมา เออร์ซูลาใช้เวทมนตร์คอยจับตาดูเหตุการณ์อยู่ที่ถ้ำของนาง จากนั้น เออร์ซูลาใช้เวทมนตร์แปลงกายเป็นสาวน้อยแสนสวยชื่อ วาเนสซา (Vanessa) เธอสวมสร้อยคอเปลือกหอยที่บรรจุน้ำเสียงของแอเรียลไว้ ในวันรุ่งขึ้นเมื่อแอเรียลตื่นนอน เธอรีบลงไปที่ชั้นล่าง แต่เธอก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าเจ้าชายอีริคกำลังประกาศพิธีอภิเษกสมรสกับสาวสวยผมสีเข้มลึกลับคนหนึ่ง ซึ่งเขาคิดว่าเธอคือผู้ที่ช่วยชีวิตของเขาเอาไว้จากเหตุการณ์เรืออัปปาง แอเรียลใจสลาย เธอได้สูญเสียรักแท้ของเธอไปแล้ว และเธอไม่มีทางหนีรอดพ้นจากเงื้อมมือของนางแม่มดเออร์ซูลาได้อีกต่อไป และเจ้าชายอีริคยังบอกอีกว่า เรือที่จัดพิธีอภิเษกสมรสจะออกเดินทางก่อนตะวันลับฟ้า

แอเรียลเสียใจและสิ้นหวังมาก เธอนั่งร้องไห้ด้วยความเศร้าโศกเสียใจอยู่บริเวณท่าเรือริมทะเลโดยมีฟลาวน์เดอร์และเซบาสเตียนอยู่เคียงข้าง ในขณะที่สกัตเติล เพื่อนนกนางนวลของแอเรียลกำลังบินอยู่บริเวณใกล้ ๆนั้นเอง เขาได้แอบมองดูบนเรือจัดพิธีอภิเษกอยู่ไม่ห่าง จนกระทั่งสกัตเติลได้รู้ความจริงว่า วาเนสซาแท้จริงแล้วคือนางแม่มดเออร์ซูลาในร่างจำแลง เขาจึงรีบนำข่าวไปบอกกับแอเรียลและหาทางขัดขวางพิธีอภิเษกสมรสให้ทันก่อนตะวันลับฟ้าให้ได้ ว่าแล้วสกัตเติลก็ได้รวบรวมบรรดาสัตว์ต่างๆไปทำลายพิธีอภิเษกสมรส ทางด้านของแอเรียลนั้นได้รับความช่วยเหลือจากฟลาวน์เดอร์จนไปถึงยังเรือจัดพิธีอภิเษกสมรสได้สำเร็จเมื่อวาเนสซากำลังคิดว่าแผนการของนางดำเนินไปได้ด้วยดีอยู่นั้น เหล่าบรรดาสัตว์ที่สกัตเติลรวบรวมมาก็รุมนาง จนสุดท้าย สกัตเติลจึงสามารถกระชากสร้อยคอเปลือกหอยที่เก็บน้ำเสียงของแอเรียลไว้ออกจากคอของวาเนสซาได้สำเร็จ สร้อยคอเปลือกหอยที่อยู่บนคอของวาเนสซาหล่นลงกระแทกกับพื้นจนแตกกระจาย เสียงของแอเรียลคืนกลับสู่ตัวของเธอ และเจ้าชายอีริคก็หลุดพ้นจากมนต์สะกด ในขณะที่แอเรียลและเจ้าชายอีริคกำลังจะจุมพิตกัน ตะวันก็ดันลับขอบฟ้าไปเสียก่อน ทำให้แอเรียลกลับมาเป็นเงือกอีกครั้ง และเออร์ซูลาก็ลากเธอลงไปในทะเล ใต้ทะเลนั้นเอง ราชาไทรทันก็ปรากฏตัวขึ้นและบอกให้เออร์ซูลาปล่อยตัวแอเรียลเสีย แต่เออร์ซูลาบอกว่าแอเรียลตกเป็นของนางแล้ว และยื่นสัญญาให้ราชาไทรทันดู ด้วยความรักที่มีต้องลูกสาว ราชาไทรทันยอมสละตนเองเพื่อแอเรียล ทำให้เออร์ซูลากลายเป็นผู้ปกครองแห่งมหาสมุทรโดยสมบูรณ์ แล้วนางก็จะใช้ตรีศูลกำจัดเจ้าชายอีริคเสีย แต่ก็ถูกขัดขวางโดยแอเรียล ทำให้นางเผลอไปกำจัดปลาไหลลูกสมุนของนาง เออร์ซูลาเสียใจมาก และความเสียใจนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ นางจึงขยายร่างใหญ่ขึ้น เรียกพายุและคลื่นลมทะเลมาคุกคามแอเรียลและอีริค เจ้าชายอีริคสังเกตเห็นซากเรืออัปปางลำหนึ่งถูกกระแสน้ำพัดลอยขึ้นมา เขาจึงรีบปีนขึ้นไปบนเรือลำนั้นทันที เจ้าชายอีริคบังคับเรือให้หัวเรือที่แหลมคมพุ่งเข้าเสียบที่หัวใจของนางแม่มดทะเล เป็นผลทำให้เออร์ซูลาสิ้นใจลงไปในที่สุด ทั้งราชาไทรทันและบรรดาชาวเงือกที่ถูกเออร์ซูลาหลอกใช้มานั้นก็ถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระ

แต่แอเรียลยังคงเป็นเงือก ส่วนเจ้าชายอีริคยังคงเป็นมนุษย์ แอเรียลได้แต่นั่งมองเจ้าชายอีริคที่หมดสติอยู่บนฝั่งด้วยสายตาโหยหา ราชาไทรทันเห็นว่าแอเรียลรักเจ้าชายอีริคจริงๆ พระองค์จึงทรงใช้พลังของตรีศูลเปลี่ยนแอเรียลให้กลับเป็นมนุษย์อีกครั้ง ราชาไทรทันทรงยิ้มอย่างอ่อนโยนในขณะที่เฝ้าดูแอเรียลขึ้นไปอยู่บนบกกับรักแท้เพียงหนึ่งเดียวของเธอ ในเวลาต่อมา เจ้าชายอีริคและแอเรียลก็ได้อภิเษกสมรสและอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไป

รายชื่อนักพากย์[แก้]

รายชื่อเพลงประกอบ[แก้]

ภาคต่อและภาคก่อนหน้า[แก้]

ภาคต่อที่ฉายผ่านหนังแผ่นชื่อ เงือกน้อยผจญภัย ภาค 2 ตอน วิมานรักใต้สมุทร ได้รับการเผยแพร่ในวันที่ 19 กันยายน ค.ศ. 2000 โดยมีเนื้อหาเน้น เมโลดี ลูกสาวของแอเรียลที่อยากสำรวจโลกมหาสมุทร[7] จากนั้นหนังแผ่นภาคก่อนหน้าชื่อ เงือกน้อยผจญภัย ภาค 3 ตอน กำเนิดแอเรียลกับอาณาจักรอันเงียบงัน ได้รับการเผยแพร่ใน ค.ศ. 2008 โดยมีเนื้อหาเหตุการณ์ก่อนหน้าภาพยนตร์ต้นฉบับที่พระเจ้าไทรตันทรงห้ามเสียงดนตรีในแอตแลนติกา[8]

สื่ออื่น ๆ[แก้]

รายการโทรทัศน์[แก้]

รายการแอนิเมชันที่อิงจากภาพยนตร์ออกอากาศในช่วงปลาย ค.ศ. 1992 ผ่านเครือข่ายโทรทัศน์ซีบีเอส โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับการผจญภัยของแอเรียลก่อนหน้าเหตุการณ์ในภาพยนตร์[9]

เดอะลิตเติลเมอร์เมตไลฟ์![แก้]

การดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ฉบับนักแสดงจริง[แก้]

ดูเพิ่ม[แก้]

อ้างอิง[แก้]

  1. "The Little Mermaid (U)". British Board of Film Classification. December 28, 1989. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 16, 2016. สืบค้นเมื่อ April 2, 2016.
  2. Stewart, James B. (2005). DisneyWar. New York: Simon & Schuster. p. 104. ISBN 0-684-80993-1.
  3. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ DisneyWW
  4. Ulaby, Neda (December 14, 2022). "'Iron Man, ' 'Super Fly' and 'Carrie' are inducted into the National Film Registry". NPR. สืบค้นเมื่อ December 14, 2022.
  5. 5.0 5.1 5.2 5.3 5.4 5.5 5.6 5.7 5.8 "The-Little-Mermaid - Cast, Crew, Director and Awards". The New York Times. สืบค้นเมื่อ June 9, 2014.
  6. Grant, John (1998). Encyclopedia of Walt Disney's Animated Characters (Third Edition). Hyperion. pp. 344–345. ISBN 0-7868-6336-6.
  7. The Little Mermaid II - Return to the Sea: Tara Charendoff, Pat Carroll, Jodi Benson, Samuel E. Wright, Buddy Hackett, Kenneth Mars, Max Casella, Stephen Furst, Rob Paulsen, Clancy Brown, Cam Clarke, René Auberjonois, Brian Smith, Jim Kammerud, David Lovegren, Leslie Hough, Eddie Guzelian, Elise D'Haene, Elizabeth Anderson, Temple Mathews: Movies & TV. ASIN 6305940959.
  8. "The Little Mermaid Ariel's Beginning (2008)". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 26, 2021.
  9. Siede, Caroline (June 6, 2016). "The Little Mermaid TV show let Ariel live up to her potential". The A.V. Club. สืบค้นเมื่อ December 1, 2022.

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]