เจ้าหญิงนิทรา (ภาพยนตร์ ค.ศ. 1959)
เจ้าหญิงนิทรา | |
---|---|
![]() ภาพประชาสัมพันธ์ | |
กำกับ | ไคลด์ เจโรนิมิ (supervising) เลส คลาร์ก เอริค ลาร์สัน วูล็ฟแกง เรเทอร์แมน |
เขียนบท | Erdman Penner (adaptation) Joe Rinaldi Winston Hibler Bill Peet Ted Sears Ralph Wright Milt Banta Charles Perrault (original fairy tale) |
สร้างจาก | เจ้าหญิงนิทรา โดย ชาร์ล แปโร |
อำนวยการสร้าง | วอลต์ ดิสนีย์ |
นักแสดงนำ | แมรี คอสตา เอเลนอร์ ออดลีย์ Verna Felton Barbara Luddy Barbara Jo Allen Bill Shirley Taylor Holmes Bill Thompson |
บริษัทผู้สร้าง | |
ผู้จัดจำหน่าย | Buena Vista Distribution |
วันฉาย | 29 มกราคม ค.ศ. 1959 |
ความยาว | 75 นาที |
ประเทศ | สหรัฐอเมริกา |
ภาษา | อังกฤษ |
ทุนสร้าง | $6,000,000 USD (estimated) |
ข้อมูลจาก All Movie Guide | |
ข้อมูลจาก IMDb |
เจ้าหญิงนิทรา (อังกฤษ: Sleeping Beauty) เป็นภาพยนตร์แอนิเมชันของวอลต์ดิสนีย์โปรดักชันส์ ออกฉายวันที่ 29 มกราคม ค.ศ. 1959 กำกับโดย Clyde Geronimi ใช้เวลาศึกษาเตรียมงานและดำเนินการสร้างนานถึง 14 ปี [1]
เป็นหนังการ์ตูนเรื่องแรกของโลกที่ถ่ายทำด้วยระบบซูเปอร์เทคนิรามา 70 มม. สีเทคนิค
ในเมืองไทย ฉายครั้งแรกที่โรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมไทย พ.ศ. 2502
เนื้อเรื่อง[แก้]
ในคริสต์ศตวรรษที่ 14 พระเจ้าสเตฟานและพระราชินีลีอาห์ ผู้ปกครองอาณาจักรยุโรป ทรงประสูติพระราชธิดาพระองค์แรก มีพระนามว่า ออโรรา ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินได้รับเชิญให้เข้าร่วมพระราชพิธีศีลล้างบาปของพระธิดา ซึ่งออโรราพระกุมารี ทรงถูกหมั้นไว้กับเจ้าชายฟิลลิป พระราชโอรสของพระเจ้าฮิวเบิร์ต สหายของพระเจ้าสเตฟานผู้ปกครองอาณาจักรข้างเคียง ทั้งนี้ เพราะกษัตริย์ทั้งสองพระองค์ทรงต้องการรวมสองอาณาจักรเข้าเป็นหนึ่งผ่านการอภิเษกสมรสของราชบุตร
ในพระราชพิธีศีลล้างบาปของพระราชธิดา มีการประกาศประกาศการมาถึงของเทพธิดาแสนดีสามตน นามว่าฟลอรา (สีแดง) โฟนา (สีเขียว) และเมอร์รีเวทเทอร์ (สีน้ำเงิน) ซึ่งได้รับเชิญมาประทานพรเป็นของขวัญให้แก่พระกุมารี โดยฟลอราอำนวยพรแห่งความงาม ซึ่งบรรยายว่า "จงงดงามดั่งตะวัน เกศาดุจทอง" และ "ปากช่างแดงคล้ายกุหลาบงาม" โฟนาอำนวยพรแห่งการขับร้อง ให้มีเสียงร้องดังนกไนติงเกล
ทว่า ก่อนที่เมอร์รีเวทเทอร์จะอำนวยพรให้แก่พระกุมารีนั้นเอง มาเลฟิเซนต์เทพธิดาใจร้าย ผู้ซึ่งประกาศตนเป็น "ประมุขแห่งความชั่วร้ายทั้งปวง" ก็ปรากฏกายขึ้นในพระราชพิธีนั้น เพื่อแก้แค้นที่มิได้รับเชิญ นางก็สาปพระกุมารีให้ทรงถูกเข็มปั่นด้ายตำพระดัชนีแล้วสิ้นพระชนม์ ก่อนตะวันลับฟ้าในวันเฉลิมพระชนมชันษาที่สิบหก ราษฎรต่างเกรงกลัวในอนาคตอันน่าสลดขององค์หญิง ส่วนพระราชินีทรงกอดพระธิดาไว้แน่นด้วยความเกรง พระเจ้าสเตฟานทรงพระโทสะจึงทรงสั่งให้ราชองครักษ์จับกุมมาเลฟิเซนต์ แต่นางก็อันตรธานไปเสียก่อน
ครั้นต่อมา ฟลอราและโฟนาสนับสนุน เมอร์รีเวทเทอร์ ที่ยังมิได้ประทานพรให้แก่พระกุมารี มิอาจถอนคำสาปของมาเลฟิเซนต์ได้ จึงบรรเทาคำสาปนั้นเป็นว่า เจ้าหญิงออโรราจะเพียงบรรทมไป และจะเสด็จจากบรรทมก็ด้วยจุมพิตจากรักแท้ ทแล้ว พระเจ้าสเตฟานทรงเกรงคำสาปจะสัมฤทธิ์ผล จึงรับสั่งให้เผาเครื่องปั่นด้ายทั้งหมดในแว่นแคว้น สามนางฟ้าคิดว่า สิ่งนี้ยังไม่เพียงพอ เพราะมาเลฟิเซนต์นั้นอาจพยายามทำให้คำสาปบรรลุผล อย่างน้อยที่สุดก็คือ "กองไฟ" เหล่านางฟ้าตัดสินใจนำพระธิดาไปเลี้ยงไว้ในป่า เพื่อป้องปักษ์พระนางจากคำสาปจนกว่าจะมีพระชนมายุครบสิบหกพรรษา แล้วจะพาเสด็จกลับมาพบพระบิดาและพระมารดา สามนางฟ้าตั้งพระนามใหม่แก่พระธิดาว่า ไบรเออร์ โรส เพื่อปกปิดตัวตนพระนาง พระเจ้าสเตฟานและพระราชินีลีอาห์ทรงเห็นมติ แต่ก็พระทัยสลายที่พระธิดาต้องจากไปหลายปี โดยไม่มีผู้ใดทราบว่า เกิดอะไรขึ้นกับพระราชธิดา ทั้งสองพระองค์ปราบปลื้มปิติเมื่อวันเฉลิมพระชนม์ชันษาที่สิบหกใกล้มาถึง
ขณะเดียวกัน ณ บรรพตต้องห้าม (The Forbidden Mountains) มาเลฟิเซนต์ต่อว่าเหล่าก็อบลิน ซึ่งเป็นลูกสมุนของนาง หลังจากที่ส่งออกตามหาพระราชธิดามาเกือบสิบหกปี แต่ไร้ผล มาเลฟิเซนต์สิ้นหวัง จึงมอบหมายให้นกกาสัตว์เลี้ยงของนาง นามดิอาโบล ให้ออกล่าเจ้าหญิงออโรรา เป็นตัวเลือกสุดท้าย
เจ้าหญิงออโรราเจริญพระชนม์ขึ้นเป็นสตรีผู้มีสิริโฉมงดงาม พร้อมเสียงร้องเพลงอันไพเราะ ออโรราประทับอยู่ในกระท่อมกลางป่ากับสามนางฟ้า ป้าอุปถัมภ์ของพระนาง ในวันเฉลิมพระชนมชันษาที่สิบหก ขณะเสด็จไปเก็บผลไม้ ออโรราทรงร้องเพลงกับเพื่อนสัตว์ พระนางทรงนิมิตถึงเจ้าชายรูปงามมาโดยตลอด กระนั้น ออโรราทรงพบเจ้าชายฟิลลิป ที่ทรงควบม้าอยู่ในป่า ทั้งสองมีใจปฏิพัทธ์กันในบัดดล ออโรราเสด็จกลับบ้านโดยที่ไม่รู้ตัวตนของฟิลลิปเลย แต่ให้คำมั่นว่า จะพบกันอีกครั้ง ณ กระท่อม เมอร์รีเวทเทอร์และฟลอราถกเถียงกันเรื่องสีฉลองพระองค์ของออโรรา ว่าควรเป็นสีน้ำเงินหรือสีชมพู เป็นเหตุให้ดิเอโบลทราบถึงที่พำนักของพระธิดา เมื่อออโรราเสด็จกลับมาถึง สามนางฟ้าเผยเรื่องของวันเฉลิมพระชนม์ พร้อมบอกว่าพระนางเป็นเจ้าหญิง ทรงถูกหมั้นกับเจ้าชายฟิลลิปแล้ว และต้องเสด็จกลับสู่วังพระราชบิดาในคืนนี้ ออโรราตรัสถามถึงชายที่พระนางพบ นางฟ้าทั้งสามตอบว่า จะไม่มีวันใดที่จะได้พบเขาอีก ออโรราพระทัยสลาย และทรงพระกันแสง โดยที่พระนางและสามนางฟ้าต่างก็ไม่รู้ว่า ชายที่รักกับออโรรา คือเจ้าชายฟิลลิปผู้ทรงเป็นคู่หมั้น
ขณะเดียวกัน พระเจ้าสเตฟานพระเจ้าฮิบเบิร์ต ทรงปรึกษากันเรื่องอนาคตของราชบุตร ซึ่งพระเจ้าอิงเบิร์ตทรงแนะให้พระเจ้าสเตฟาน คิดถึงแผนการบางอย่างของพระองค์เองเมื่อราชบุตรทั้งสองอภิเษกสมรสกันแล้ว พระเจ้าสเตฟานทรงขืนขัดโดยทรงเตือนพระเจ้าฮิวเบิร์ตว่า พระองค์มิได้พบพระธิดามาสิบหกปีแล้ว พระเจ้าฮิวเบิร์ตทรงตรัสบอกให้พระองค์คิดใหม่ จากนั้น เจ้าชายฟิลลิปเสด็จมาวังเพื่อตรัสบอกพระเจ้าฮิวเบิร์ตเกี่ยวกับหญิงสาวชาวไร่ที่พระองค์พบและทรงปรารถนาจะสมรสด้วย พระเจ้าฮิวเบิร์ตทรงพยายามโน้มน้าวให้พระโอรสอภิเษกกับเจ้าหญิงออโรรา โดยที่มิทรงทราบว่า หญิงสาวชาวไร่ผู้นั้น คือออโรรา
สามนางฟ้าพาเสด็จออโรร่ากลับสู่วังและมอบมงกุฎให้แก่พระนาง มาเลฟิเซนต์จึงเวทมนตร์ล่อลวงให้ทรงเสด็จขึ้นไปบนห้องบนสุดของวัง แล้วเสกเข็มปั่นด้ายขึ้น สามนางฟ้าพยายามห้ามออโรรา แต่มาเลฟิเซนต์สะกดจิตให้ออโรราทรงถูกเข็มปั่นด้ายทิ่มพระดัชนีสลบไป เมื่อสามนางฟ้ามาถึง มาเลฟิเซนต์กล่าวเย้ยหยันความพยายามที่พังไม่เป็นท่าของพวกนาง โดยเผยร่างของออโรราที่บรรทมอยู่พร้อมหายตัวไป ขณะนี้ ทุกคนต่างรอคอยการเสด็จกลับมาของออโรรา ฮิวเบิร์ตพยายามบอกสเตฟานว่าฟิลลิปตกหลุมรักหญิงสาวชาวนา แต่การพูดคุยถูกขัดจังหวะด้วยการประโคมข่าวเพื่อต้อนรับออโรร่า การเฉลิมฉลองดำเนินต่อไปด้วยเสียงเชียร์และดอกไม้ไฟ ฝ่ายนางฟ้าทั้งสามเสียใจ และไม่อยากให้พระเจ้าสเตฟานและพระราชินีลีอาห์พระทัยสลายในชะตากรรมของพระธิดา จึงวางออโรราไว้บนเตียงโดยมีดอกกุหลาบสีแดงอยู่ในมือ แล้วร่ายมนตร์ให้ทุกคนในอาณาจักรหลับไป จนกว่าออโรราจะเสด็จจากบรรทม จากคำตรัสก่อนบรรทมของพระเจ้าฮิวเบิร์ต สามนางฟ้ารับรู้ว่า ฟิลลิปทรงเป็นรักแท้ของออโรรา เมื่อสามนางฟ้ากลับมาถึงกระท่อม ก็พบว่า มาเลฟิเซนต์ได้ลักพาตัวฟิลลิปไปขัง เพื่อป้องกันมิให้มาปลุกออโรรา สามนางฟ้าใจดีแอบลอบเข้าในที่พำนักของมาเลฟิเซนต์เพื่อช่วยเหลือเจ้าชายฟิลลิปออกจากที่คุมขัง และเสกดาบแห่งความจริงและโล่แห่งความยุติธรรม ความทราบถึงมาเลฟิเซนต์ นางจึงพยายามขัดขวางมิให้ฟิลลิปไปถึงพระราชวัง โดยใช้เวทมนตร์บันดาลให้เกิดอุปสรรคต่าง ๆ แต่ไม่เป็นผล นางจึงจำแลงกายเป็นมังกรมหึมาเข้าประจันหน้ากับฟิลลิป ในโมงยามที่ฟิลลิปกำลังถูกจนมุมบนขอบผานั้นเอง นางฟ้าทั้งสามรวมอำนาจแห่งความดีเสกเป่าดาบของฟิลลิปให้มีฤทธิ์ ฟิลลิปทรงโยนดาบไปปักที่หัวใจมังกรถึงแก่ความตาย ต่อมา ฟิลลิปทรงบรรจงจุมพิตออโรรา คำสาปถูกถอน ทั่วราชอาณาจักร รวมถึงพระเจ้าสเตฟาน พระราชินีลีอาห์ และพระเจ้าฮิวเบิร์ต ตื่นขึ้นจากการหลับไหล
การประโคมข่าวประกาศการมาถึงของออโรร่าและฟิลลิปในห้องบัลลังก์ ซึ่งเจ้าหญิงวัยรุ่นได้กลับมาพบพ่อแม่อีกครั้งอย่างมีความสุข จากนั้นเธอก็เต้นรำกับฟิลลิป แต่ละคนมีความสุขที่ได้รู้ว่าคู่หมั้นและคนรักของพวกเขาเป็นหนึ่งเดียวกัน ขณะที่ Merryweather และ Flora โต้เถียงเรื่องสีชุดอีกครั้ง คู่รักที่มีความสุขก็เต้นรำกันบนก้อนเมฆและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขตลอดไป
ตัวละคร[แก้]
- ฟลอรา, ฟอนา, และ เมอร์รีเวเธอร์, เสียงของ Verna Felton, Barbara Luddy และ Barbara Jo Allen ตามลำดับ
- มาเลฟิเซนต์, นางฟ้าปีศาจ ผู้ร่ายคำสาปให้เจ้าหญิงออโรราถูกเข็มปั่นฝ้ายทิ่มนิ้วพระหัตถ์แล้วสิ้นพระชนม์ก่อนสนธยาวันเฉลิมพระชนมชันษาที่สิบหก พากย์เสียงโดย เอเลนอร์ ออดลีย์
- เจ้าหญิงออโรร่า/Briar Rose, เสียงของ Mary Costa.
- เจ้าชายฟิลลิป, เจ้าชายผู้เป็นรักแท้ของเจ้าหญิงออโรราและถูกหมั้นกันตั้งแต่เด็ก พากย์เสียงโดย บิล เชอร์รี
- ราชาสเตฟาน, เสียงของ Taylor Holmes.
- ราชาฮิวส์เบิด, เสียงของ Bill Thompson.
- สมุนของเมลิฟิเซนท์, เสียงของ Candy Candido และ Pinto Colvig,
- ผู้บรรยาย, เสียงของ Marvin Miller.
อ้างอิง[แก้]
- ↑ สารคดีเบื้องหลังงานสร้าง แนะนำโดยวอลต์ ดิสนี่ย์
ดูเพิ่ม[แก้]
- เจ้าหญิงนิทรา ที่อินเทอร์เน็ตมูวีเดตาเบส
- Sleeping Beauty ที่เว็บไซต์ BCDb