มานูเอ็ล น็อยเออร์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก มานูเอล นอยเออร์)
มานูเอ็ล น็อยเออร์
น็อยเออร์กับเยอรมนีในปี ค.ศ. 2018
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อเต็ม มานูเอ็ล เพเทอร์ น็อยเออร์[1]
วันเกิด (1986-03-27) 27 มีนาคม ค.ศ. 1986 (37 ปี)
สถานที่เกิด เก็ลเซินเคียร์เชิน เยอรมนีตะวันตก
ส่วนสูง 1.93 m (6 ft 4 in)[2][3]
ตำแหน่ง ผู้รักษาประตู
ข้อมูลสโมสร
สโมสรปัจจุบัน
ไบเอิร์นมิวนิก
หมายเลข 1
สโมสรเยาวชน
1991–2005 ชัลเคอ 04
สโมสรอาชีพ*
ปี ทีม ลงเล่น (ประตู)
2004–2008 ชัลเคอ 04-2 26 (0)
2006–2011 ชัลเคอ 04 156 (0)
2011– ไบเอิร์นมิวนิก 319 (0)
ทีมชาติ
2004 เยอรมนี อายุไม่เกิน 18 ปี 1 (0)
2004–2005 เยอรมนี อายุไม่เกิน 19 ปี 11 (0)
2005–2006 เยอรมนี อายุไม่เกิน 20 ปี 4 (0)
2006–2009 เยอรมนี อายุไม่เกิน 21 ปี 20 (0)
2009– เยอรมนี 113 (0)
* นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้แก่สโมสรเฉพาะลีกในประเทศเท่านั้น ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 19:45, 28 สิงหาคม ค.ศ. 2021 (UTC)
‡ ข้อมูลการลงเล่นและประตูให้แก่ทีมชาติล่าสุด ณ วันที่ 3:00, 8 กันยายน ค.ศ. 2021 (UTC)

มานูเอ็ล เพเทอร์ น็อยเออร์ (เยอรมัน: Manuel Peter Neuer, ออกเสียง: [ˈmaːnu̯ɛl ˈnɔʏ.ɐ]) เป็นนักฟุตบอลชาวเยอรมัน ปัจจุบันลงเล่นในตำแหน่งผู้รักษาประตู ให้กับไบเอิร์นมิวนิก สโมสรในบุนเดิสลีกา และทีมชาติเยอรมนี

น็อยเออร์คว้าชัยชนะร่วมกับทีมชาติเยอรมนีในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 รวมถึงรางวัลถุงมือทองคำจากการที่เขาเป็นผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดในทัวร์นาเมนต์ และได้รับขนานนามว่าเป็นผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดในโลกนับตั้งแต่ เลฟ ยาชิน[4][5]

ในปี ค.ศ. 2014 น็อยเออร์ได้คะแนนโหวตในรางวัลฟีฟ่าบาลงดอร์ เป็นอันดับสาม รองจากเลียวเนล เมสซี และคริสเตียโน โรนัลโด ปีเดียวกัน น็อยเออร์ได้ถูกจัดอันดับเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดในโลกอันดับสาม โดยดิการ์เดียน[6]2020

สโมสรอาชีพ[แก้]

ชัลเคอ 04[แก้]

น็อยเออร์ในปี ค.ศ. 2005

น็อยเออร์เซ็นสัญญาเป็นผู้เล่นตัวจริงในปี ค.ศ. 2005 หลังจากผ่านการอบรมในทุกช่วงอายุของสโมสรบ้านเกิด เขาเปิดตัวในบุนเดิสลีกาเมื่อเขาลงแข่งแทนฟรังก์ รอสท์ในฤดูกาล 2006-2007 ดวัยเพียง 20 ปี เขาก็สามารถดำรงตำแหน่งนี้แทนรอสท์ที่ฟอร์มตกลงจากนัดที่พบกับไบเอิร์นมิวนิกด้วยวัยเพียงเท่านี้ เขาได้รับการคาดหวังว่าจะเป็นผู้มารับตำแหน่งต่อจาก เยนส์ เลห์มันน์ ให้กับทีมชาติเยอรมนี[7]

น็อยเออร์ในปี ค.ศ. 2007

วันที่ 5 มีนาคม ค.ศ.​ 2008 ในรอบแรกของการแข่งขันฟุตบอลยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกซึ่งพบกับสโมสรฟุตบอลโปร์ตู น็อยเออร์ได้ช่วยประคองทีมด้วยการเซฟ และทำให้เกมดำเนินไปจนถึงการยิงลูกโทษ อีกทั้งเขายังสามารถเซฟลูกโทษของ บรูนู อัลวึชและ ลีซังดรู โลปึช ทำให้ชัลเคอสามารถผ่านเข้าไปยังรอบก่อนชิงชนะเลิศ(ควอร์เตอร์ไฟนอล)ได้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้เป็นหนึ่งในตัวเต็งที่จะได้รับรางวัลผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมแห่งปีจากยูฟ่า เขาเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดและเป็นผู้เล่นคนเดียวจากบุนเดิสลีกาที่มีชื่อติดอยู่ในรายชื่อ[8] เขายังเป็นผู้เล่นเพียง1ใน3ที่ลงเล่นทุกนาทีในทุกนัดบุนเดิสลีกา ในฤดูกาล 2007-2008

ในฤดูกาล 2008-2009 ชัลเคอรั้งอันดับแปดในลีก และพลาดตำแหน่งในยูโรปาลีก อย่างไรก็ดี เขาได้โชว์ความสามารถในรายการ ยูโรเปียนแชมเปียนชิป รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี ทำให้เขาได้รับความสนใจจากไบเอิร์นมิวนิก ซึ่ง คาร์ล-ไฮนซ์ รุมเมอนิเกอ ประธานสโมสรได้ให้สัมภาษณ์ว่าเขาสนใจที่จะดึงน็อยเออร์มาร่วมทีมด้วย แต่อย่างไรก็ตาม เฟลิกซ์ มากัท ผู้จัดการทีมคนใหม่ของชัลเคอยังคงยืนยันว่า น็อยเออร์จะเล่นให้ชัลเคอในฤดูกาลหน้า[9] ในเดือนพฤศจิกายน น็อยเออร์เป็นผู้รักษาประตูชาวเยอรมันคนเดียวที่มีชื่อติดอยู่ใน1ใน5ผู้เข้าชิงตำแหน่งในทีมแห่งปีของยูฟ่า[10]

สำหรับฤดูกาล 2010-2011 น็อยเออร์ได้รับตำแหน่งเป็นกัปตันทีม เขาได้พาทีมเข้าสู่รอบรองชนะเลิศในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้เป็นครั้งแรก เขายังมีส่วนร่วมในชัยชนะของทีมในการแข่งเดเอ็ฟเบโพคาลในฤดูกาลสุดท้ายที่เขาลงเล่นกับสโมสร โดยชัลเคอสามารถเอาชนะเอ็มเอสเฟา ดุยส์บวร์กไปได้ด้วยคะแนน 5:0[11]

เมื่อวันที่ 20 เมษายน ค.ศ. 2011 น็อยเออร์ได้ประกาศว่าเขาจะไม่ต่อสัญญากับชัลเคอ ซึ่งจะหมดสัญญาลงในท้ายฤดูกาล 2011-2012[12] จนได้รับการวิจารณ์อย่างหนักจากกองเชียร์ชัลเคอ ซึ่งผิดหวังที่เขาจะทิ้งทีมไปอยู่กับฝั่งคู่ต่อสู้

ไบเอิร์นมิวนิก[แก้]

ฤดูกาล 2011–12[แก้]

น็อยเออร์เซฟลูกดวลจุดโทษของควน มาตาได้ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ 2012

เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ค.ศ. 2011 ชัลเคอและไบเอิร์นมิวนิกได้ยืนยันว่าน็อยเออร์จะย้ายทีมมาเล่นให้กับไบเอิร์นมิวนิกในเดือนกรกฎาคมปีดังกล่าว[13] น็อยเออร์ได้เซ็นสัญญา 5 ปีซึ่งจะหมดอายุลงในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2016 ไบเอิร์นมิวนิกซื้อตัวน็อยเออร์ในราคาสูงถึง 22ล้านยูโร ทำให้น็อยเออร์กลายเป็นผู้รักษาประตูที่มีค่าตัวแพงเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์ เป็นรองเพียงจันลุยจี บุฟฟอนหลังจากต้องเผชิญกระแสต่อต้านจากแฟนบอลบางส่วนผู้ไม่พอใจที่บาเยิร์นซื้อตัวผู้รักษาประตูชัลเคอ การประชุมระหว่างสโมสรและตัวแทนของกลุ่มผู้สนับสนุนจึงถูกจัดขึ้นในวันที่ 2 กรกฎาคม ปีเดียวกัน จากการประชุมได้ข้อสรุปว่าน็อยเออร์จะเป็น "สมาชิกของสโมสรอย่างเต็มตัว และควรได้รับการปฏิบัติต่ออย่างเคารพ รวมถึงกระแสต่อต้านจะต้องสิ้นสุดลง"[14] ช่วงสัปดาห์แรกในไบเอิร์นมิวนิก หลังจากทีมเสมอ 0-0 จากนัดกับฮอฟเฟนไฮม์ น็อยเออร์ทำลายสถิติการไม่เสียประตูต่อเนื่องยาวนานที่สุด[15]

เมื่อวันที่ 25 เมษายน ค.ศ. 2012 น็อยเออร์สามารถเซฟจุดโทษของ คริสเตียโน โรนัลโด และ กาก้า เขายังช่วยบาเยิร์นในรอบชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกกับเรอัลมาดริด หลังจากจบนัด น็อยเออร์ได้ออกมาเปิดเผยว่าเขาศึกษาวิธีที่โรนัลโดยิงลูกโทษ "ผมมักจะเตรียมความพร้อมต่อสถานการณ์ต่างๆเสมอ โทนี ทาพาโลวิช ผู้ฝึกสอนผู้รักษาประตูของทีม ได้เปิดวิธีที่โรนัลโดมักยิงจุดโทษให้ผมดูบนแลปทอปของเขา ผมได้เรียนรู้ว่าโรนัลโดมักจะยิงจุดโทษไปทางฝั่งซ้ายล่างของเขา ผมเดาว่าเขาคงเลือกยิงจากจุดประจำของเขา"[16]

น็อยเออร์ลงเล่นในรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2011–12 กับเชลซี และนัดนั้นก็จบลงด้วยการยิงจุดโทษ น็อยเออร์เป็นผู้ยิงจุดโทษคนที่สามทำให้ทีมได้คะแนน และเซฟจุดโทษแรกจากควน มาตา แต่ไม่สามารถเซฟลูกที่เหลือได้ ทำให้ไบเอิร์นมิวนิกเป็นฝ่ายแพ้ในอัลลิอันซ์อาเรนาด้วยคะแนน 4-3 และพลาดถ้วยรางวัลอย่างน่าเสียดาย

ฤดูกาล 2012–13[แก้]

ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2012–13 รอบแพ้คัดออก น็อยเออร์ทำสถิติไม่เสียประตู 4 นัดติดต่อกันจากนัดกับสโมสรฟุตบอลยูเวนตุสและบาร์เซโลนา ในรอบชิงชนะเลิศของยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2012–13 น็อยเออร์สามารถเซฟได้ถึง 8 ประตู ช่วยให้ไบเอิร์นมิวนิกสามารถคว้าแชมป์สมัยที่ 5 ไปได้

ฤดูกาล 2013–14[แก้]

ในฤดูกาล 2013–14 น็อยเออร์ทำให้ไบเอิร์นมิวนิกชนะเลิศยูฟ่าซูเปอร์คัพ ฤดูกาล 2013 หลังจากที่เซฟลูกจุดโทษสุดท้ายในนัดที่พบกับเชลซี ทำให้เมื่อวันที่ 7 มกราคม ค.ศ. 2014 น็อยเออร์ได้รับตำแหน่งเป็นผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดแห่งปี ค.ศ. 2013[17] วันที่ 9 กุมภาพันธ์ในนัดระหว่างไบเอิร์นมิวนิกและอาร์เซนอลในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2013–14 รอบแพ้คัดออก น็อยเออร์เซฟจุดโทษของเมซุท เออซิล ในเกมที่ชนะด้วยคะแนน 2–0 วันที่ 2 พฤษภาคม ค.ศ. 2014 น็อยเออร์ได้ขยายสัญญากับสโมสรต่อไปจนถึงปี ค.ศ. 2019[18]

ฤดูกาล 2014–15[แก้]

ในฤดูกาล 2014–15 น็อยเออร์ได้รับเลือกให้เป็นนักฟุตบอลแห่งปีของประเทศเยอรมนี[19] ได้รับโหวตให้อยู่ในทีมแห่งปีของยูฟ่า[20] และได้รับอันดับสามจากรางวัลฟีฟ่าบาลงดอร์ 2014[21]

เมื่อวันที่ 30 มกราคม ค.ศ. 2015 น็อยเออร์ลงเล่นให้กับทีม[22] ในเกมที่พ่ายให้กับว็อลฟส์บูร์กไปด้วยคะแนนถึง 4–1[23] ทำให้กลายเป็นเกมแรกตั้งแต่น็อยเออร์ร่วมทีมในปี ค.ศ. 2011 ที่น็อยเออร์เสียไปถึง 4 ประตู จากครั้งล่าสุดที่ไบเอิร์นมิวนิกเสีย 4 ประตูในนัดกับโวล์ฟสบวร์ก เมื่อ 4 เมษายน ค.ศ. 2009[23]

วันที่ 28 เมษายน ค.ศ. 2015 น็อยเออร์เป็นหนึ่งในผู้ที่พลาดจุดโทษในรอบรองชนะเลิศเดเอ็ฟเบโพคาล กับโบรุสซีอาดอร์ทมุนท์[24]

ฤดูกาล 2015–16[แก้]

น็อยเออร์เริ่มต้นฤดูกาลใหม่ด้วยการเสมอ 1–1 กับเฟาเอฟเอล ว็อลฟส์บูร์ก ในเดเอฟเอล-ซูเปอร์คัพ[25][26] โดยว็อลฟส์บูร์กเป็นผู้ชนะจากการดวลจุดโทษ[26] วันที่ 20 เมษายน ค.ศ. 2016 น็อยเออร์ขยายสัญญาใหม่กับบาเยิร์นไปจนถึงปี ค.ศ. 2021

ทีมชาติ[แก้]

เยาวชน[แก้]

หลังจากฝึกซ้อมในทีมเยาวชน น็อยเออร์ลงเล่นครั้งแรกในฟุตบอลทีมชาติเยอรมนี รุ่นอายุไม่เกิน 21ปี เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ. 2006 ในเกมที่พบกับเนเธอร์แลนด์ เขาชนะในยูโรเปียนแชมเปียนชิป รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี ร่วมกับทีมชาติเยอรมนีที่สวีเดน และทำสถิติไม่เสียประตูในเกมสุดท้ายที่ชนะทีมชาติอังกฤษ

ฟุตบอลโลก 2010[แก้]

น็อยเออร์ถูกเรียกตัวขึ้นสู่ทีมชาติเยอรมนีชุดใหญ่เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ค.ศ. 2009[27] เขาลงเล่นครั้งแรกในเกมที่พบกับสาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในวันที่ 2 มิถุนายน[28] เขายังลงเล่นในนัดกระชับมิตรระหว่างโกตดิวัวร์ในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งจบลงด้วยการเสมอ 2–2 ถีงแม้เขาจะแสดงความรับผิดชอบต่อการเสียประตูแรก แต่โยอาคิม เลิฟผู้จัดการทีมก็ไม่ได้กล่าวโทษแต่กลับชมเชยที่น็อยเออร์พยายามอย่างดีที่สุดแล้ว[29]

น็อยเออร์ขณะเล่นให้กับฟุตบอลทีมชาติเยอรมนีในปี ค.ศ. 2011

จากการเสียชีวิตของผู้รักษาประตูรอแบร์ต เอนเคอ ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.2009 ทำให้น็อยเออร์กลายเป็นตัวเลือกผู้รักษาประตูทีมชาติเยอรมนีตัวจริงอันดับสองรองจากเรเนอ แอดเลอร์ อย่างไรก็ตาม แอดเลอร์ได้รับบาดเจ็บหนักที่กระดูกซี่โครงทำให้เขาต้องถอนตัวออกจากฟุตบอลโลก น็อยเออร์จึงกลายเป็นตัวเลือกผู้รักษาประตูตัวเลือกที่หนึ่งของทีมชาติ[30]

น็อยเออร์ได้รับเลือกให้ลงเป็นผู้รักษาประตูตัวเลือกที่หนึ่งของเยอรมนีในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010ที่แอฟริกาใต้[31] ในรอบแบ่งกลุ่ม น็อยเออร์เสียประตูไปเพียงแค่ประตูเดียว จากประตูของมิลาน ยอวานอวิชในนัดที่ปะทะกับทีมชาติเซอร์เบีย เขาให้ความช่วยเหลือในการทำประตูของมีโรสลัฟ โคลเซอในนัดที่ชนะทีมชาติอังกฤษไปได้ด้วยคะแนน 4–1 เขาลงเล่นในทุกนัดจนกระทั่งนัดชิงอันดับที่สามกับทีมชาติอุรุกวัย ซึ่งได้ฮันส์-ยอร์ก บุทท์มาทำหน้าที่รักษาประตูแทน[32]

ยูโร 2012[แก้]

น็อยเออร์ขณะเล่นให้กับเยอรมนี ในรายการยูโร 2012 รอบแบ่งกลุ่ม พบกับเนเธอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน

น็อยเออร์ลงเล่นในทุกเกมและทุกนาทีในรอบคัดเลือก หลังจากทีมเยอรมนีเอาชนะตุรกีไปได้ด้วยคะแนน 3-1 เขาได้รับการชื่นชมจากไหวพริบในการเล่นของเขา เขาสามารถป้องกันประตูจากฮามิต อัลทึนโทป และส่งบอลกลับไปที่เท้าของโทมัส มึลเลอร์ ผู้ช่วยให้มารีโอ โกเมซ สามารถทำประตูแรกได้ อย่างพอดิบพอดี น็อยเออร์ยังมีส่วนช่วยในการได้ประตูที่สอง โดยเปิดบอลไปให้มารีโอ เกิทเซอ ส่งต่อไปยังมึลเลอร์ซึ่งสามารถยิงเข้าจากกรอบเขตโทษ[33] ซึ่งนอกจากนี้เขายังทำสถิติไม่เสียประตูในเกมที่พบกับโปรตุเกส และเสียเพียงแค่ประตูเดียวในเกมที่พบกับเนเธอร์แลนด์และเดนมาร์ก ทำให้เยอรมนีเป็นผู้ชนะในกลุ่มบี และเป็นทีมเดียวในการแข่งขันที่ไม่แพ้เลยในรอบคัดเลือกระหว่างกลุ่ม

ฟุตบอลโลก 2014[แก้]

น็อยเออร์ขณะฝึกซ้อมก่อนเกมที่พบกับบราซิล ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม
กอนซาโล อีกวาอิน ขณะดวลกับมัทส์ ฮุมเมิลส์ และน็อยเออร์ในรอบชิงชนะเลิศ ของรายการฟุตบอลโลก 2014

ด้วยแนวการเล่นแบบสวีปเปอร์-คีปเปอร์ของน็อยเออร์ ทำให้เขาแตกต่างจากผู้รักษาประตูคนอื่น ๆ ในฟุตบอลโลก 2014 ด้วยเหตุนี้ทำให้เพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆสามารถบุกเข้าไปเล่นในฝั่งของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างเต็มที่ รวมถึงการที่น็อยเออร์พร้อมที่จะออกมาเล่นและสกัดบอลของคู่ต่อสู้นอกกรอบเขตโทษ[34] น็อยเออร์กลายเป็น"ผู้เล่นคนที่11ของทีม"ซึ่งเขาได้รับการฝึกทักษะนี้จากเปป กวาร์ดีโอลา ผู้จัดการของทีม[35]

หลังจากที่ไม่เสียประตูในนัดที่พบกับโปรตุเกสและสหรัฐอเมริกา น็อยเออร์ทำสถิติไม่เสียประตูติดต่อกันเป็นนัดที่สามในฟุตบอลโลก 2014 จากนัดที่ชนะฝรั่งเศสไปด้วยคะแนน1-0ในรอบก่อนชิงชนะเลิศ ซึ่งเป็นการไม่เสียประตูนัดที่22ในทั้งหมด50นัดที่เขาลงเล่นในนามทีมชาติ[36] ในรอบรองชนะเลิศ น็อยเออร์เสียประตูจากนัดที่เอาชนะเจ้าบ้านอย่างบราซิลไปด้วยคะแนน7-1

เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม ในรอบชิงชนะเลิศซึ่งพบกับทีมชาติอาร์เจนตินา แม้น็อยเออร์จะไม่ได้ทำหน้าที่มากนักแต่เขาบริหารการเล่นของเขาในกรอบเขตโทษได้อย่างดี ทำให้กอนซาโล อีกวาอินและโรดรีโก ปาลาเซียวทำประตูพลาด[34][37] เยอรมนีเอาชนะอาร์เจนตินาไปได้ด้วยคะแนน1-0 จากประตูของมารีโอ เกิทเซอในช่วงต่อเวลาพิเศษ ส่วนทางด้านน็อยเออร์ก็ได้รับรางวัลถุงมือทองคำจากการที่เขาเป็นผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดของรายการการแข่งขัน[38]

เมื่อวันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 2016 น็อยเออร์ได้รับการแต่งตั้งเป็นกัปตันคนใหม่ของทีมชาติ หลังจากที่บัสเตียน ชไวน์ชไตเกอร์ ได้ประกาศเลิกเล่นให้กับทีมชาติ[39]

ชีวิตส่วนตัว[แก้]

น็อยเออร์เกิดที่เก็ลเซินเคียร์เชิน รัฐนอร์ทไรน์-เวสต์ฟาเลีย ประเทศเยอรมนี เขาเข้าศึกษาที่เกซัมท์ชูเล เบอร์เกอร์ เฟลด์ ในเมืองบ้านเกิด ตามวิถีนักฟุตบอลทั่วไป มาร์เซล พี่ชายของเขา เป็นกรรมการผู้ตัดสินในเวอร์บันด์สลีกา[40] เขาได้รับลูกฟุตบอลลูกแรกเมื่ออายุได้ 2 ขวบ ลงแข่งเป็นครั้งแรกในวันที่ 3 มีนาคม 1991 หรือ 24วันก่อนวันเกิดปีที่5ของเขา[41] ฮีโร่และไอดอลของน็อยเออร์คือ เยนส์ เลห์มันน์ ผู้รักษาประตูจากสโมสรชัลเคอ 04[42]

น็อยเออร์นับถือศาสนาคริสต์ นิกายคาธอลิก เขาสนับสนุนกลุ่มคาธอลิกในการช่วยเหลือเด็กๆที่ขาดแคลนอาหาร รวมถึงสโมสรเยาวชนในเก็ลเซินเคียร์เชิน ซึ่งจัดตั้งและดำเนินการโดยอมิโกเนียน[43]

น็อยเออร์เป็นผู้ริเริ่มจัดตั้งมูลนิธิเด็ก มานูเอ็ล น็อยเออร์[44] ในเดือนพฤศจิกายน 2011 เขาได้รับเงินบริจาคถึง 500,000ยูโร จากรายการฮูวอนส์ทูบีอะมิลเลียนแนร์?เวอร์ชันเยอรมนี[45]

น็อยเออร์เป็นผู้ให้เสียงแฟรงก์ แมคเคย์ ในภาพยนตร์ของดิสนีย์ มหา'ลัย มอนส์เตอร์ ฉบับภาษาเยอรมัน[46]

สถิติอาชีพ[แก้]

ณ วันที่ 21 กันยายน ค.ศ. 2016
สโมสร ฤดูกาล ลีก ถ้วย1 ทวีป2 อื่น ๆ3 รวม อ้างอิง
ลีก ลงเล่น ประตู ลงเล่น ประตู ลงเล่น ประตู ลงเล่น ประตู ลงเล่น ประตู
ชัลเคอ 04 II 2003–04 Regionalliga Nord 1 0 1 0 [47]
2004–05 Oberliga Westfalen 24 0 24 0
2006–07 3 0 3 0 [48]
2008–09 Regionalliga West 1 0 1 0 [48]
รวม 29 0 29 0
ชัลเคอ 04 2005–06 บุนเดิสลีกา 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 [49]
2006–07 27 0 0 0 0 0 0 0 27 0 [48]
2007–08 34 0 3 0 10 0 3 0 50 0 [50][51]
2008–09 27 0 2 0 5 0 34 0 [48]
2009–10 34 0 5 0 39 0 [52]
2010–11 34 0 6 0 12 0 1 0 53 0 [53][54]
รวม 156 0 16 0 27 0 4 0 203 0
ไบเอิร์นมิวนิก 2011–12 บุนเดิสลีกา 33 0 5 0 14 0 52 0 [55]
2012–13 31 0 5 0 13 0 1 0 50 0 [56][57]
2013–14 31 0 5 0 12 0 4 0 52 0 [58][59][60]
[61][62]
2014–15 32 0 5 0 12 0 1 0 50 0 [63]
2015–16 34 0 5 0 11 0 1 0 51 0 [26][64]
2016–17 4 0 1 0 1 0 1 0 7 0 [65]
รวม 165 0 26 0 63 0 8 0 262 0
รวมทั้งหมด 350 0 42 0 90 0 12 0 494 0

เกียรติประวัติ[แก้]

สโมสร[แก้]

ชัลเคอ 04[66]
ไบเอิร์นมิวนิก[66]

ทีมชาติ[แก้]

เยอรมนี[66][67]

อ้างอิง[แก้]

  1. "FIFA Club World Cup Morocco 2013: List of Players" (PDF). FIFA. 7 December 2013. p. 5. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2018-12-24. สืบค้นเมื่อ 7 December 2013.
  2. "Manuel Neuer" (ภาษาเยอรมัน). Manuel Neuer. สืบค้นเมื่อ 27 May 2014.
  3. "Manuel Neuer – FC Bayern München AG". FC Bayern Munich. สืบค้นเมื่อ 27 May 2014.
  4. Teng, Elaine (10 July 2014). "Tim Howard Is Great, But I'll Take Manuel Neuer Any Day". New Republic. สืบค้นเมื่อ 11 July 2012.
  5. Staunton, Peter (1 December 2014). "Ballon d'Or contender Neuer is the best goalkeeper since Yashin". goal.com. สืบค้นเมื่อ 17 May 2015.
  6. "The top 100 footballers 2014 – interactive". The Guardian. 21 December 2014. สืบค้นเมื่อ 18 October 2015.
  7. "Neuer good news for Germany". FIFA. 14 February 2007. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-11-11. สืบค้นเมื่อ 11 July 2014.
  8. "UEFA Club Goalkeeper of the Year". UEFA. 22 August 2008. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-09-22. สืบค้นเมื่อ 2015-12-03.
  9. "Rummenigge talks Neuer interest". FIFA. 4 June 2009. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-11-12. สืบค้นเมื่อ 11 July 2014.
  10. "Neuer nominated for UEFA Team of the Year". Schalke04.com. 7 December 2009. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-05-10. สืบค้นเมื่อ 2015-12-03.
  11. "Schalke triumphiert im Finale". 21 May 2011. สืบค้นเมื่อ 31 July 2014.
  12. "Neuer turns down Schalke deal". ESPN Soccernet. 20 April 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-10-25. สืบค้นเมื่อ 31 May 2011.
  13. "Schalke give green light to Neuer's Bayern move". FC Schalke 04. 2 June 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-06-13. สืบค้นเมื่อ 2 June 2011.
  14. "FCB and fans condemn anti-Neuer protest". FC Bayern Munich. 7 July 2011. สืบค้นเมื่อ 7 July 2011.
  15. Schäling, Ben (4 October 2011). "Kahn: Gegentor wie Erlösung" (ภาษาเยอรมัน). Augsburger Allgemeine. สืบค้นเมื่อ 21 October 2011.
  16. "Neuer: I knew how Cristiano Ronaldo would take his penalty". Goal.com. 28 April 2012. สืบค้นเมื่อ 4 May 2012.
  17. "Bayerns Manuel Neuer zum Welttorhüter gewählt". Die Welt (ภาษาเยอรมัน). 7 January 2014. สืบค้นเมื่อ 7 January 2014.
  18. "Neuer extends stay at FCB through 2019". FC Bayern Munich. 2 May 2014. สืบค้นเมื่อ 3 May 2014.
  19. "Manuel Neuer named German Footballer of the Year". Deutsche Welle. 10 August 2014. สืบค้นเมื่อ 12 January 2015.
  20. "Bayern dominate UEFA Team of the Year poll". Deutsche Welle. 9 January 2015. สืบค้นเมื่อ 12 January 2015.
  21. "Cristiano Ronaldo wins Ballon d'Or over Lionel Messi & Manuel Neuer". BBC Sport. 12 January 2015. สืบค้นเมื่อ 12 January 2015.
  22. "Dost und De Bruyne lassen an 2009 erinnern". kicker (ภาษาเยอรมัน). 30 January 2015. สืบค้นเมื่อ 31 January 2015.
  23. 23.0 23.1 "Die Bayern kassieren eine krachende Niederlage". Die Welt (ภาษาเยอรมัน). 30 January 2015. สืบค้นเมื่อ 31 January 2015.
  24. "Bayern Munich 1–1 Borussia Dortmund". BBC. 29 April 2015.
  25. Harding, Jonathan (26 June 2015). "Bayern Munich open 2015/16 Bundesliga season at home to Hamburg". Deutsche Welle. สืบค้นเมื่อ 1 January 2016.
  26. 26.0 26.1 26.2 "Joker Bendtner ist zweimal zur Stelle". kicker.de (ภาษาเยอรมัน). 1 August 2015. สืบค้นเมื่อ 1 August 2015.
  27. "Löw nominiert Neuer, Träsch, Gentner und Cacau". DFB.de. 19 May 2009. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-05-22. สืบค้นเมื่อ 19 May 2009.
  28. "Gomez ist wieder da – Neuer überzeugt voll und ganz". kicker.de. 2 June 2009. สืบค้นเมื่อ 2 June 2009.
  29. "Neuers schwerer Patzer bleibt ohne Folgen". Westdeutsche Allgemeine Zeitung (ภาษาเยอรมัน). 30 November 2009.[ลิงก์เสีย]
  30. "Lahm to Skipper Germany at World Cup; Neuer is Keeper". Sify News. 28 May 2010. สืบค้นเมื่อ 24 January 2014.
  31. "Manuel Neuer". BBC Sport. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-06-24. สืบค้นเมื่อ 24 June 2010.
  32. "Germany beat Uruguay to win bronze". Ghana Sports – Soccer News. GhanaWeb. 10 July 2010. สืบค้นเมื่อ 11 July 2010.
  33. "Manuel Neuer begeistert sogar seine Gegner". Die Welt. 8 October 2011. สืบค้นเมื่อ 8 November 2011.
  34. 34.0 34.1 "Why Manuel Neuer was the best player at the 2014 World Cup". The Score. 14 July 2014. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-07-28. สืบค้นเมื่อ 16 July 2014.
  35. Vipond, Paddy (16 July 2014). "How Manuel Neuer, Germany's 11th man, is revolutionising goalkeeping". The Guardian. สืบค้นเมื่อ 16 July 2014.
  36. "Milestone man Manuel excels against France". FC Bayern Munich. 5 July 2014. สืบค้นเมื่อ 12 July 2014.
  37. Kent, David (13 July 2014). "Manuel Neuer clatters into Gonzalo Higuain in World Cup final... provoking memories of Harald Schumacher on Patrick Battiston". Daily Mail. สืบค้นเมื่อ 16 July 2014.
  38. "World Cup 2014: Fifa announces Golden Ball shortlist". BBC. 11 July 2014. สืบค้นเมื่อ 12 July 2014.
  39. "Neuer ist Kapitän der Nationalmannschaft" (ภาษาเยอรมัน). DFB. 1 September 2016. สืบค้นเมื่อ 1 September 2016.
  40. "Der eine ist Schiedsrichter, der andere kickt bei Heßler 06" (ภาษาเยอรมัน). reviersport.de. 18 June 2007. สืบค้นเมื่อ 8 November 2009.
  41. "Steckbrief" (ภาษาเยอรมัน). manuel-neuer.com. สืบค้นเมื่อ 28 September 2010.
  42. "Neuer – so gut wie sein Idol Lehmann" (ภาษาเยอรมัน). RP-Online.de. 7 March 2008. สืบค้นเมื่อ 28 October 2008.[ลิงก์เสีย]
  43. "Hoffen auf göttlichen Beistand" (ภาษาเยอรมัน). Paulinus.de. 3 July 2014. สืบค้นเมื่อ 5 September 2014.
  44. "Manuel Neuer Kids Foundation" (ภาษาเยอรมัน). neuer-kids-foundation.de. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-06-27. สืบค้นเมื่อ 24 June 2013.
  45. Lewis, Darren (18 May 2012). "Screen test: Stopping Drogba's easier than being on Who Wants To Be A Millionaire says Bayern star". Daily Mirror. สืบค้นเมื่อ 18 May 2014.
  46. Kent, David (9 May 2014). "Manuel Neuer reveals all about his love for U2, winning and losing the Champions League final and quizzes". Daily Mail. สืบค้นเมื่อ 18 May 2014.
  47. "Manuel Neuer" (ภาษาเยอรมัน). Fussballdaten.de. สืบค้นเมื่อ 22 July 2014.
  48. 48.0 48.1 48.2 48.3 "Manuel Neuer » Club matches". World Football. สืบค้นเมื่อ 1 January 2016.
  49. "Neuer, Manuel". kicker.de (ภาษาเยอรมัน). kicker. สืบค้นเมื่อ 22 July 2014.
  50. "Neuer, Manuel". kicker.de (ภาษาเยอรมัน). kicker. สืบค้นเมื่อ 22 July 2014.
  51. "Manuel Neuer" (ภาษาเยอรมัน). Fussballdaten. สืบค้นเมื่อ 22 July 2014.
  52. "Neuer, Manuel". kicker.de (ภาษาเยอรมัน). kicker. สืบค้นเมื่อ 22 July 2014.
  53. "Neuer, Manuel". kicker.de (ภาษาเยอรมัน). kicker. สืบค้นเมื่อ 22 July 2014.
  54. "WM-Helden Müller und Klose treffen" (ภาษาเยอรมัน). kicker. 7 August 2010. สืบค้นเมื่อ 22 July 2014.
  55. "Neuer, Manuel". kicker.de (ภาษาเยอรมัน). kicker. สืบค้นเมื่อ 22 July 2014.
  56. "Neuer, Manuel". kicker.de (ภาษาเยอรมัน). kicker. สืบค้นเมื่อ 22 July 2014.
  57. "Die Bayern holen den ersten Titel der Saison" (ภาษาเยอรมัน). kicker. 12 August 2014. สืบค้นเมื่อ 22 July 2014.
  58. "Neuer, Manuel". kicker.de (ภาษาเยอรมัน). kicker. สืบค้นเมื่อ 22 July 2014.
  59. "Reus eröffnet und beendet den Torreigen" (ภาษาเยอรมัน). kicker. 27 July 2013. สืบค้นเมื่อ 22 July 2014.
  60. "Neuer hält den Supercup fest" (ภาษาเยอรมัน). 30 August 2013. สืบค้นเมื่อ 22 July 2014.
  61. "Bayern im Finale – Guangzhou kein Prüfstein" (ภาษาเยอรมัน). kicker. 17 December 2013. สืบค้นเมื่อ 22 July 2014.
  62. "FCB holt sich den fünften Titel" (ภาษาเยอรมัน). kicker. 21 December 2013. สืบค้นเมื่อ 22 July 2014.
  63. "Manuel Neuer" (ภาษาเยอรมัน). kicker.de. สืบค้นเมื่อ 23 May 2015.
  64. "Manuel Neuer". kicker.de (ภาษาเยอรมัน). สืบค้นเมื่อ 21 May 2016.
  65. "Manuel Neuer". kicker.de (ภาษาเยอรมัน). สืบค้นเมื่อ 21 September 2016.
  66. 66.0 66.1 66.2 "Manuel Neuer" (ภาษาเยอรมัน). fussballdaten.de. สืบค้นเมื่อ 14 July 2014.
  67. Gartenschläger, Lars (6 June 2013). "Khedira, Özil, Neuer – Aufstieg der Euro-Helden". Die Welt (ภาษาเยอรมัน). สืบค้นเมื่อ 17 July 2014.

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]