ข้ามไปเนื้อหา

ยูลีอาน นาเกิลส์มัน

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ยูลีอาน นาเกิลส์มัน
นาเกิลส์มันใน ค.ศ. 2020
ข้อมูลส่วนตัว
วันเกิด (1987-07-23) 23 กรกฎาคม ค.ศ. 1987 (37 ปี)
สถานที่เกิด ลันทซ์แบร์คอัมเล็ช เยอรมนีตะวันตก
ส่วนสูง 1.89 m (6 ft 2 12 in)[1]
ตำแหน่ง เซ็นเตอร์แบ็ก
สโมสรเยาวชน
0000–2002 เอ็ฟเซ เอาคส์บวร์ค
2002–2006 1860 มึนเชิน
สโมสรอาชีพ*
ปี ทีม ลงเล่น (ประตู)
2006–2007 1860 มึนเชิน 2 0 (0)
2007–2008 เอ็ฟเซ เอาคส์บวร์ค 2 0 (0)
จัดการทีม
2016–2019 1899 ฮ็อฟเฟินไฮม์
2019–2021 แอร์เบ ไลพ์ซิช
2021–2023 ไบเอิร์นมิวนิก
2023– เยอรมนี
*นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้แก่สโมสรเฉพาะลีกในประเทศเท่านั้น

ยูลีอาน นาเกิลส์มัน (เยอรมัน: Julian Nagelsmann; เกิด 23 กรกฎาคม ค.ศ. 1987) เป็นผู้จัดการทีมฟุตบอลชาวเยอรมัน ปัจจุบันเป็นผู้จัดการทีมชาติเยอรมนี ก่อนหน้านี้เคยเป็นผู้ฝึกสอนให้แก่หลายสโมสรในบุนเดิสลีกา ได้แก่ เทเอ็สเก 1899 ฮ็อฟเฟินไฮม์, แอร์เบ ไลพ์ซิช และไบเอิร์นมิวนิก นาเกิลส์มันเป็นผู้ฝึกสอนอายุน้อยที่ได้รับการจับตามองคนหนึ่งในปัจจุบัน เขาเป็นผู้ฝึกสอนที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์การแข่งขันยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกที่พาทีมคว้าชัยชนะในรอบแบ่งกลุ่ม, ชนะในรอบแพ้คัดออก, พาทีมเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศ และรอบรองชนะเลิศ รวมทั้งเป็นผู้ฝึกสอนทีมชาติที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป และผู้ฝึกสอนที่อายุน้อยที่สุดที่คุมสโมสรครบ 100 นัดในบุนเดิสลีกา

เขาเกิดในรัฐไบเอิร์น (บาวาเรีย) และเคยเป็นนักฟุตบอลอาชีพแต่ยุติการเล่นตั้งแต่อายุเพียง 20 ปีจากปัญหาอาการบาดเจ็บ จากนั้นเขาผันตัวไปทำหน้าที่ผู้ฝึกสอนให้แก่ทีมเยาวชนของฮ็อฟเฟินไฮม์ใน ค.ศ. 2010 และรับตำแหน่งคุมทีมชุดใหญ่ของสโมสรใน ค.ศ. 2015 โดยพาทีมจบอันดับสามในบุนเดิสลีกา และได้สิทธิ์แข่งขันยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก เขาอำลาสโมสรเพื่อไปคุมทีมไลพ์ซิชใน ค.ศ. 2019 และพาทีมเข้าสู่รอบรองชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ค.ศ. 2020 และยังมีผลงานโดดเด่นด้วยการพาทีมคว้ารองแชมป์สองรายการในบุนเดิสลีกา และเดเอ็ฟเบ-โพคาล 2021 นาเกิลส์มันย้ายไปคุมทีมไบเอิร์นมิวนิกใน ค.ศ. 2021 ด้วยมูลค่าสัญญา 25 ล้านยูโร (21.7 ล้านปอนด์) ซึ่งเป็นสถิติโลกสำหรับตำแหน่งผู้จัดการทีม พาทีมชนะเลิศบุนเดิสลีกา ฤดูกาล 2021–22 และเดเอ็ฟเอ็ล-ซูเพอร์คัพ 2021 และ 2022 ก่อนจะถูกยกเลิกสัญญาในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2023 และรับตำแหน่งผู้จัดการทีมชาติเยอรมนีในเดือนกันยายน

นาเกิลส์มันได้รับรางวัลผู้ฝึกสอนยอดเยี่ยมแห่งปีของเยอรมนี ค.ศ. 2017, รางวัลผู้ฝึกสอนยอดเยี่ยมโดยสหภาพนักฟุตบอลอาชีพเยอรมนี (VDV) ในปีเดียวกัน และคว้าอันดับสามในการประกาศรางวัลผู้ฝึกสอนยอดเยี่ยมแห่งปีประจำฤดูกาล 2019–20 โดยสหภาพสมาคมฟุตบอลยุโรป

การจัดการทีม

[แก้]

ช่วงแรก

[แก้]

นาเกิลส์มันร่วมงานกับสโมสรฮ็อฟเฟินไฮม์เป็นสโมสรแรก โดยมีบทบาทในการดูแลทีมเยาวชนต่อมาอีกหลายปี[2] และเคยเป็นผู้ช่วยผู้ฝึกสอนทีมชุดใหญ่ในฤดูกาล 2012–13 และได้รับบทบาทหลักในการดูแลทีมรุ่นอายุไม่เกิน 19 ปีให้แก่สโมสรจนถึง ค.ศ. 2016[3] และพาทีมชนะเลิศฟุตบอลลีกรุ่นเยาวชนในฤดูกาล 2013–14 ในช่วงเวลาที่เขารับหน้าที่ผู้ช่วยผู้ฝึกสอนให้ทีม เขาได้รับฉายาโดยทิม วีเซอ อดีตผู้รักษาประตูอาชีพว่า "Mini-Mourinho"[4]

เทเอ็สเก 1899 ฮ็อฟเฟินไฮม์

[แก้]

นาเกิลส์มันได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ฝึกสอนทีมชุดใหญ่เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ค.ศ. 2015 แต่มีกำหนดเริ่มงานในฤดูกาล 2016–17 ด้วยระยะเวลาการจ้างสามปี โดยเขามีอายุเพียง 28 ปีในวันที่ได้รับการแต่งตั้ง ถือเป็นผู้ฝึกสอนที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์บุนเดิสลีกา[5] เขาเข้ารับตำแหน่งต่อจากฮืบ สเตเฟนส์ ซึ่งประกาศลาออกจากปัญหาสุขภาพ

ในวันที่นาเกิลส์มันรับตำแหน่งในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2016 นั้น สโมสรอยู่ในอันดับ 17 ของตารางและต้องหนีตกชั้น มีคะแนนห่างจากพื้นที่ปลอดภัยในอันดับ 15 ถึง 7 คะแนน[6] เขาพาทีมรอดพ้นการตกชั้นจากการชนะ 7 จาก 14 นัดสุดท้ายในลีก และมีคะแนนมากกว่าพื้นที่เพลย์ออฟเพื่อหนีตกชั้นเพียงคะแนนเดียว และพาทีมทำผลงานยอดเยี่ยมต่อเนื่องด้วยการจบสูงถึงอันดับ 4 ในบุนเดิสลีกา ฤดูกาล 2016–17 ได้ลงแข่งขันรอบคัดเลือกรายการยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร[7] ส่งผลให้เขาได้รับการขยายสัญญาไปจนสิ้นสุดฤดูกาล 2021 อย่างไรก็ตาม สโมสรแพ้ลิเวอร์พูลในรอบคัดเลือกดังกล่าวด้วยผลประตูรวมสองนัด 3–6 และจบอันดับสุดท้ายในยูโรปาลีกจากการชนะเพียงนัดเดียวต่อสโมสรอิสตันบูลบาชักเชฮีร์ แต่พวกเขายังคงทำผลงานในฟุตบอลลีกได้ยอดเยี่ยมโดยจบอันดับสาม ได้สิทธิแข่งขันยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกโดยอัตโนมัติ

ในฤดูกาลต่อมา นาเกิลส์มันกลายเป็นผู้จัดการทีมที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกในวัย 31 ปี และ 58 วัน โดยทำสถิติดังกล่าวในการพาทีมลงสนามนัดแรกพบกับชัคตาร์ดอแนตสก์[8] แต่ทีมของเขาต้องตกรอบจากผลงานเสมอ 3 และแพ้ 3 นัด จบอันดับสุดท้ายของกลุ่ม ต่อมาในวันที่ 21 มิถุนายน ค.ศ. 2018 สโมสรประกาศว่านาเกิลส์มันจะอำลาทีมเมื่อสิ้นสุดฤดูกาล 2018–19[9] เขาคุมสโมสรครบ 100 นัดในวันที่ 19 มกราคม ค.ศ. 2019 ในนัดที่แพ้ไบเอิร์นมิวนิก 1–3 และถือเป็นผู้จัดการทีมที่อายุน้อยที่สุดของลีกสูงสุดฟุตบอลเยอรมนีที่คุมสโมสรครบ 100 นัดในลีก[10]

แอร์เบ ไลพ์ซิช

[แก้]
นาเกิลส์มันในฐานะผู้ฝึกสอนแอร์เบ ไลพ์ซิช ปี 2019

นาเกิลส์มันเข้ารับตำแหน่งผู้ฝึกสอนให้สโมสรแอร์แบ ไลพ์ซิชในวันที่ 21 มิถุนายน ค.ศ. 2018 มีกำหนดเริ่มงานในฤดูกาล 2019–20 ด้วยสัญญาสามปีจนถึงปี 2023[11] เขาคุมทีมนัดแรกด้วยการเอาชนะแอร์สเทอร์ เอ็ฟเซ อูนีโอนแบร์ลีน 4–0 และเสมอไบเอิร์นมิวนิก 1–1[12] และด้วยวัย 32 ปี และ 56 วัน เขากลายเป็นผู้ฝึกสอนที่อายุน้อยที่สุดที่พาทีมคว้าชัยชยะในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกในวันที่ 17 กันยายน เมื่อไลพ์ซิชบุกไปชนะสปอร์ลิชบัวอีไบฟีกา 2–1 ในรอบแบ่งกลุ่ม ต่อมา ในการแข่งขันนัดที่ 10 ของบุนเดิสลีกา เขาพาทีมเอาชนะแอร์สเทอร์ เอ็ฟเอ็สเฟา ไมนทซ์ 05 ขาดลอย 8–0 รวมทั้งพาไลพ์ซิชเอาชนะสโมสรเก่าอย่างฮ็อฟเฟินไฮม์ 3–1 ในนัดที่ 14[13] ไลพ์ซิชยังผ่านเข้ารอบแพ้คัดออกในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้เป็นครั้งแรกในฐานะแชมป์รอบแบ่งกลุ่ม และในวันที่ 10 มีนาคม ค.ศ. 2020 หลังจากพาทีมเอาชนะทอตนัมฮอตสเปอร์ที่คุมทีมโดยโชเซ มูรีนโย 4–0 นาเกิลมันส์ทำสถิติเป็นผู้ฝึกสอนอายุน้อยที่สุดที่พาสโมสรชนะในรอบแพ้คัดออกในรายการนี้[14] ไลพ์ซิชยังเอาชนะอัตเลติโกเดมาดริดในรอบก่อนรองชนะเลิศ ส่งผลให้เขากลายเป็นผู้ฝึกสอนที่อายุน้อยที่สุดที่ได้พาสโมสรเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ[15] แต่ทีมของเขาต้องยุติเส้นทางที่รอบดังกล่าวจากการแพ้ปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง 0–3[16] และสโมสรยังเข้ารอบแพ้คัดออกได้อีกครั้งในฤดูกาล 2020–21 แต่แพ้ลิเวอร์พูล และไลพ์ซิชจบอันดับสองในลีก รวมถึงแพ้โบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ในเดเอ็ฟเบ-โพคาล 2021 รอบชิงชนะเลิศ

ไบเอิร์นมิวนิก

[แก้]

นาเกิลส์มันรับตำแหน่งผู้ฝึกสอนไบเอิร์นมิวนิกเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน ค.ศ. 2021 ด้วยระยะเวลาว่าจ้างห้าปี มีผลตั้งแต่ 1 กรกฎาคมปีเดียวกัน แทนที่ฮันส์-ดีเทอร์ ฟลิค และด้วยมูลค่าสัญญากว่า 25 ล้านยูโร เขาจึงกลายเป็นผู้ฝึกสอนที่มีมูลค่าฉีกสัญญาสูงที่สุดในโลก[17]

การคุมทีมนัดแรกของนาเกิลส์มันคือการพาทีมเสมอโบรุสซีอาเมินเชินกลัทบัค ด้วยผลประตู 1–1[18] ชัยชนะนัดแรกกับสโมสรใหม่ของเขาเกิดขึ้นในการชนะโบรุสซีอาดอร์ทมุนด์ ในเดเอ็ฟเอ็ล-ซูเพอร์คัพ 2021 ด้วยผลประตู 3–1 และยังเป็นการคว้าถ้วยรางวัลใบแรกกับสโมสร[19] ต่อมา เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ค.ศ. 2021 ไบเอิร์นมิวนิกเอาชนะเบรเมอร์ เอ็สเฟาในเดเอ็ฟเบ-โพคาล ฤดูกาล 2021–22 ด้วยผลประตู 12–0 ซึ่งเป็นการชนะที่ขาดลอยที่สุดในรอบ 24 ปีของสโมสรนับตั้งแต่เอาชนะเดเจคา วาลด์เบิร์ก 16–1 ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1997[20] ไบเอิร์นมิวนิกตกรอบก่อนรองชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกในวันที่ 12 เมษายน ค.ศ. 2022 จากการแพ้บิยาร์เรอัลด้วยผลประตูรวม 1–2[21] แต่สโมสรยังจบฤดูกาลด้วยตำแหน่งแชมป์บุนเดิสลีกา ฤดูกาล 2021–22 โดยคว้าแชมป์ทั้งที่ยังเหลือการแข่งขันอีกสามนัด เขาชนะถ้วยรางวัลใบที่สามด้วยการเอาชนะทีมเก่าอย่างแอร์เบ ไลพ์ซิชในเดเอ็ฟเอ็ล-ซูเพอร์คัพ 2022 และยังพาทีมชนะทุกนัดในรอบแบ่งกลุ่มยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกเป็นฤดูกาลที่สองติดต่อกัน โดยอยู่ร่วมกลุ่มกับทีมใหญ่อย่างอินเตอร์มิลาน และบาร์เซโลนา และเป็นการคุมทีมชนะในรอบแบ่งกลุ่มรายการนี้ 14 นัดติดต่อกันนับรวมสมัยคุมไลพ์ซิชอีกสองนัด ทาบสถิติของลูวี ฟัน คาล แต่ก็ต้องยุติเส้นทางที่รอบต่อมาจากการแพ้ปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง ด้วยผลประตูรวมสองนัด 0–3

ต่อมาในวันที่ 24 มีนาคม ค.ศ. 2023 หลังจบการแข่งขันที่ไบเอิร์นมิวนิกแพ้ไบเออร์ 04 เลเวอร์คูเซิน 1–2 นาเกิลส์มันได้รับแจ้งจากสโมสรว่าเขาถูกปลดจากตำแหน่ง ในขณะที่เขาพักผ่อนอยู่ที่ประเทศออสเตรีย ในขณะนั้นสโมสรมีคะแนนตามหลังดอร์ทมุนด์หนึ่งคะแนนในบุนเดิสลีกา เขาถูกแทนที่โดยโทมัส ทุคเคิล[22] การตัดสินใจดังกล่าวมาจากผู้บริหารอย่างอ็อลลีเวอร์ คาห์น และผู้อำนวยการกีฬาอย่างฮาซาน ซาลิฮามิดชิช และประธานกรรมการสโมสรอย่างเฮอร์เบิร์ต ไฮเนอร์ โดยผู้บริหารระบุว่าสาเหตุหลักมาจากผลงานของทีมที่ไม่แน่นอนหลังจบการแข่งขันฟุตบอลโลก และทีมต้องการยกระดับผลงานหลังจากนี้รวมถึงวางการวางแผนในฤดูกาลถัดไป การปลดนาเกิลส์มันมีขึ้นไม่กี่วันก่อนหน้าการแข่งขันแดร์คลัสซิคเคอร์ และรอบก่อนรองชนะเลิศเดเอ็ฟเบ-โพคาล ฤดูกาล 2022–23 ที่จะพบกับเอ็สเซ ไฟรบวร์ค รวมถึงรอบก่อนรองชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกกับแมนเชสเตอร์ซิตี[23]

นาเกิลส์มันอำลาทีมไปด้วยเปอร์เซนต์การคว้าชัยชนะสูงถึง 71.4 โดยมีเพียงแป็ป กวาร์ดิออลา, การ์โล อันเชลอตตี และฮันส์-ดีเทอร์ ฟลิค ที่พาทีมเก็บคะแนนโดยเฉลี่ยในลีกได้มากกว่าเขา

ทีมชาติเยอรมนี

[แก้]
นาเกิลส์มันในการแถลงข่าวหลังการแข่งขันกระชับมิตรระหว่างเยอรมนีและเม็กซิโก ภาพถ่ายเมื่อเดือนตุลาคม 2023

ในวันที่ 22 กันยายน ค.ศ. 2023 นาเกิลส์มันรับตำแหน่งผู้จัดการทีมชาติเยอรมนี เพื่อลงแข่งฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2024 ซึ่งเยอรมนีเป็นเจ้าภาพโดยเป็นครั้งที่สองในอาชีพที่เขารับตำแหน่งแทนที่ฮันส์-ดีเทอร์ ฟลิค และเซ็นสัญญาไปถึง 31 กรกฎาคม ค.ศ. 2024 ด้วยวัย 36 ปี เขาถือเป็นผู้ฝึกสอนที่อายุน้อยที่สุดเป็นลำดับสองของทีมชาติเยอรมนี ตามหลังอ็อทโต แนทซ์ (34 ปี ค.ศ. 1926)[24] ต่อมาในเดือนเมษายน ค.ศ. 2024 เขาได้รับการขยายสัญญาไปจนจบฟุตบอลโลก 2026[25] ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป เยอรมนีอยู่ร่วมกลุ่มกับสวิตเซอร์แลนด์, ฮังการี, สกอตแลนด์ มีผลงานชนะ 2 และแพ้ 1 นัด ตามด้วยการชนะเดนมาร์กในรอบ 16 ทีมสุดท้าย 2–0 และยุติเส้นทางในรอบต่อมาด้วยการแพ้สเปนในช่วงต่อเวลา 1–2 โดยเยอรมนีเสียประตูในนาทีที่ 119 อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ค.ศ. 2024 เขากลายเป็นผู้ฝึกสอนทีมชาติที่อายุน้อยที่สุดในรายการ ด้วยวัย 36 ปี และ 327 วัน[26]

สถิติการคุมทีม

[แก้]
ณ วันที่ 23 มีนาคม ค.ศ. 2023
ทีม ตั้งแต่ ถึง สถิติ อ้างอิง
เกม ชนะ เสมอ แพ้ %
1899 ฮ็อฟเฟินไฮม์ 11 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2016[27][28] 30 มิถุนายน ค.ศ. 2019[29] 136 55 43 38 040.4 [30]
แอร์เบ ไลพ์ซิช 1 กรกฎาคม ค.ศ. 2019 30 มิถุนายน ค.ศ. 2021 95 54 22 19 056.8
ไบเอิร์นมิวนิก 1 กรกฎาคม ค.ศ. 2021 23 มีนาคม ค.ศ. 2023 84 60 14 10 071.4
รวมทั้งหมด 315 169 79 67 053.7

ชีวิตส่วนตัว

[แก้]

เมื่ออายุ 20 ปี นาเกิลส์มันส์สูญเสียบิดาจากการฆ่าตัวตาย นาเกิลส์มันเป็นมังสวิรัติ มีงานอดิเรกคือการปีนเขา, สกี, ฮอกกี้ และจักรยานเสือภูเขา[31] เขาสมรสกับอดีตภรรยา และมีบุตรสองคนในปี 2018 และแยกทางเมื่อปี 2023[32]

เกียรติประวัติ

[แก้]

ผู้จัดการทีม

[แก้]

ไบเอิร์นมิวนิก

[แก้]

ส่วนบุคคล

[แก้]
  • ผู้ฝึกสอนยอดเยี่ยมแห่งปีของเยอรมนี (2017)[35]
  • ผู้ฝึกสอนยอดเยี่ยมแห่งปีของยูฟ่า (อันดับสาม - 2019–20)[36]

อ้างอิง

[แก้]
  1. "1899: Julian macht Nägel mit Köpfen". Rhein-Neckar-Zeitung (ภาษาเยอรมัน). สืบค้นเมื่อ 18 October 2020.
  2. "Who is Nagelsmann? – DW – 10/27/2015". dw.com (ภาษาอังกฤษ).
  3. sport, Guardian (2016-02-11). "Hoffenheim appoint 28-year-old Julian Nagelsmann as head coach". The Guardian (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). ISSN 0261-3077. สืบค้นเมื่อ 2024-11-17.
  4. Krämer, Christian (2015-10-27). "TSG 1899 Hoffenheim: Wer ist dieser Julian Nagelsmann?". Der Spiegel (ภาษาเยอรมัน). ISSN 2195-1349. สืบค้นเมื่อ 2024-11-17.
  5. "Hoffenheim appoint 28-year-old manager Julian Nagelsmann". BBC Sport (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 2015-10-27. สืบค้นเมื่อ 2024-11-17.
  6. "Julian Nagelsmann: Hoffenheim boss taking Bundesliga by storm". BBC Sport (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 2016-11-14. สืบค้นเมื่อ 2024-11-17.
  7. "Bundesliga heute | Spielplan & Ergebnisse | 10. Spieltag | 2024/25". kicker (ภาษาเยอรมัน).
  8. "Champions League Extra Time: Julian Nagelsmann becomes comp's youngest ever manager". Fox Sports (ภาษาอังกฤษ). 2018-09-20.
  9. "Julian Nagelsmann: Hoffenheim coach to join RB Leipzig after 2018-19 season". BBC Sport (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 2018-06-21. สืบค้นเมื่อ 2024-11-17.
  10. "Leon Goretzka double helps Bayern Munich down Hoffenheim". www.bundesliga.com (ภาษาอังกฤษ).
  11. "Bestätigt: Nagelsmann ab 2019 Trainer bei RB Leipzig". kicker (ภาษาเยอรมัน).
  12. "Bundesliga | Matchday 4 | Season 2019-2020". www.bundesliga.com (ภาษาอังกฤษ).
  13. "Bundesliga | Matchday 10 | Season 2019-2020". www.bundesliga.com (ภาษาอังกฤษ).
  14. "Nagelsmann praises RB Leipzig for sticking to style in Tottenham win | FOX Sports Asia". web.archive.org. 2020-03-11. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-03-11. สืบค้นเมื่อ 2024-11-17.
  15. "Julian Nagelsmann: 10 things on Germany's ex-Bayern Munich and RB Leipzig coach". www.bundesliga.com (ภาษาอังกฤษ).
  16. "RB Leipzig 0-3 Paris St-Germain: PSG reach first Champions League final". BBC Sport (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 2020-08-17. สืบค้นเมื่อ 2024-11-17.
  17. "Introducing Julian Nagelsmann: The most expensive coach in football history". MARCA (ภาษาอังกฤษ). 2021-04-27.
  18. "Bayern München Spielplan 2021/22 | Alle Wettbewerbe". kicker (ภาษาเยอรมัน).
  19. "Robert Lewandowski double as Bayern Munich overcome Borussia Dortmund to win the Supercup". www.bundesliga.com (ภาษาอังกฤษ).
  20. "Bremer SV 0-12 Bayern Munich: Eric Maxim Choupo-Moting scores four". BBC Sport (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 2021-08-25. สืบค้นเมื่อ 2024-11-17.
  21. "Villarreal Knock Bayern Munich Out To Set Up Meeting With Either Liverpool Or Benfica". SI (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 2024-10-25.
  22. "FC Bayern feuert Julian Nagelsmann! Thomas Tuchel wird Bayern-Trainer!". bild.de (ภาษาเยอรมัน).
  23. www.eurosport.de https://www.eurosport.de/geoblocking.shtml. {{cite web}}: |title= ไม่มีหรือว่างเปล่า (help)
  24. "Julian Nagelsmann ist neuer Fußball-Bundestrainer – DW – 22.09.2023". dw.com (ภาษาเยอรมัน).
  25. "Bundestrainer Nagelsmann verlängert Vertrag bis zur WM 2026". www.dfb.de (ภาษาเยอรมัน).
  26. UEFA.com. "The official website for European football". UEFA.com (ภาษาอังกฤษ).
  27. "Hoffenheim appoint 28-year-old Julian Nagelsmann as head coach". The Guardian. 11 February 2016. สืบค้นเมื่อ 11 February 2016.
  28. Dunbar, Ross (12 February 2016). "Hoffenheim unveil Julian Nagelsmann, youngest coach in Bundesliga history". Deutsche Welle. สืบค้นเมื่อ 12 February 2016.
  29. "Julian Nagelsmann: Hoffenheim coach to join RB Leipzig after 2018–19 season". BBC Sport. 21 June 2018. สืบค้นเมื่อ 9 July 2018.
  30. "TSG Hoffenheim". Kicker (ภาษาเยอรมัน). สืบค้นเมื่อ 21 September 2016.
  31. "FC Bayern: Ernährung - deshalb ist Julian Nagelsmann nun Vegetarier - WELT". DIE WELT (ภาษาเยอรมัน).
  32. "Julian Nagelsmann Wife - Verena Nagelsmann". ohmyfootball.com (ภาษาอังกฤษ).
  33. "Robert Lewandowski double as Bayern Munich overcome Borussia Dortmund to win the Supercup". www.bundesliga.com (ภาษาอังกฤษ).
  34. "Sadio Mane debut goal helps Bayern Munich to Supercup win over RB Leipzig". www.bundesliga.com (ภาษาอังกฤษ).
  35. "Philipp Lahm ist Fußballer des Jahres 2016/2017". kicker (ภาษาเยอรมัน).
  36. UEFA.com. "The official website for European football". UEFA.com (ภาษาอังกฤษ).