ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ทำเนียบท่าช้าง"

พิกัด: 13°45′42″N 100°29′33″E / 13.7616034°N 100.4924423°E / 13.7616034; 100.4924423
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
2T (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
'''วังถนนพระอาทิตย์''' ตั้งอยู่บน[[ถนนพระอาทิตย์]] เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร เดิมเป็นบ้านของ[[เจ้าพระยามหาโยธา (ทอเรีย)]] ต้นสกุลคชเสนี เชื้อสาย[[มอญ]] และเป็นปู่ของ[[เจ้าจอมมารดากลิ่น คชเสนี|เจ้าจอมมารดากลิ่น]]ใน[[พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว]] และเป็น[[มรดก]]ตกทอดมาถึง [[พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศรวรฤทธิ์]] (พระองค์เจ้ากฤดาภินิหาร) ต่อมาในรัชสมัย[[พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว]]ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างตำหนัก 2 ชั้น เป็นที่ประทับของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศวรฤทิธิ์และเจ้าจอมมารดา ต่อมาเรียกอาคารหลักนี้ว่า ตำหนักเดิม
{{รอการตรวจสอบ}}
'''วังถนนพระอาทิตย์''' ตั้งอยู่ บริเวณที่เดิมเป็นบ้านของ[[เจ้าพระยามหาโยธา (ทอเรีย)]] ผู้เป็นต้นสกุลคชเสนี เชื้อสาย[[มอญ]] และเป็นปู่ของ[[เจ้าจอมมารดากลิ่น คชเสนี|เจ้าจอมมารดากลิ่น]]ใน[[พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว]] ที่ดินผืนนี้ ได้เป็น[[มรดก]]ตกทอดมาถึง [[พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศรวรฤทธิ์]] (พระองค์เจ้ากฤดาภินิหาร) ในรัชสมัย[[พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว]]ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างตำหนัก 2 ชั้น เป็นที่ประทับของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศวรฤทิธิ์และเจ้าจอมมารดา ต่อมาเรียกอาคารหลักนี้ว่า ตำหนักเดิม


ในปี [[พ.ศ. 2460]] [[พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว]] พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์สร้างตำหนักใหม่ พระราชทานแด่พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศวรฤทธิ์ ในโอกาสที่ทรงเจริญพระชันษาครบ 5 รอบ เป็นอาคารทรง[[ยุโรป]]ก่ออิฐถือปูน 2 ชั้น เรียกว่า [[วังมะลิวัลย์]] จากนั้น พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศวรฤทธิ์ทรงย้ายไปประทับอยู่ ณ วังมะลิวัลย์จนสิ้นพระชนม์ในปี [[พ.ศ. 2468]] ส่วนตำหนักเดิมนั้น สันนิษฐานว่าเป็นที่พำนักของเจ้าจอมมารดากลิ่น ต่อมาจนท่านถึงแก่อนิจกรรมในปี พ.ศ. 2468 ก่อนหน้าพระโอรสเล็กน้อย
[[พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว]] พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์สร้างตำหนักใหม่ ในปี [[พ.ศ. 2460]] เป็นอาคารทรง[[ยุโรป]]ก่ออิฐถือปูน 2 ชั้น เรียกว่า [[วังมะลิวัลย์]] จากนั้น พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศวรฤทธิ์ทรงย้ายไปประทับอยู่ ณ วังมะลิวัลย์จนสิ้นพระชนม์ในปี [[พ.ศ. 2468]] ส่วนตำหนักเดิมนั้น สันนิษฐานว่าเป็นที่พำนักของเจ้าจอมมารดากลิ่น หลังจากที่พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศวรฤทธิ์สิ้นพระชนม์ พระโอรสองค์ใหญ่ซึ่งทรงเป็นผู้จัดการมรดก ได้ทูลเกล้าฯ ถวายขายตำหนักและที่ดินแก่พระคลังข้างที่ใน [[พ.ศ. 2468]] หรือ [[สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์]] ในปัจจุบัน


ในรัชสมัยรัชกาลที่ 7 พระองค์ทรงพระราชทานตำหนักเดิม วังถนนพระอาทิตย์ ให้เป็นที่ประทับของ[[สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ กรมพระสวัสดิวัดนวิศิษฎ์]] ต้น[[ราชสกุล]]สวัสดิวัฒน์ เมื่อพักได้ระยะหนึ่งจนตำหนักใหม่สูง 3 ชั้นสร้างเสร็จ ตำหนักเดิมจึงถูกไม่มีใครอาศัย จนประมาณปี พ.ศ. 2479-2481 [[คุณหญิงลิ้นจี่ สุริยานุวัตร]] เข้ามาพำนักที่ตำหนักเดิม ต่อมา[[รัฐบาล]]ได้จัดให้วังถนนพระอาทิตย์ เป็นที่พักของนาย[[ปรีดี พนมยงค์]] ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ในระหว่างปี พ.ศ. 2485-2490 ซึ่งใช้เป็นที่ทำการการผู้สำเร็จราชการ จนเป็นที่รู้จักในชื่อ ทำเนียบท่าช้าง
หลังจากพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศวรฤทธิ์สิ้นพระชนม์ พระโอรสองค์ใหญ่ซึ่งทรงเป็นผู้จัดการมรดก ได้ทูลเกล้าฯ ถวายขายตำหนักและที่ดินแก่พระคลังข้างที่ใน [[พ.ศ. 2468]] ทรัพย์สินดังกล่าว จึงได้อยู่ในความดูแลของพระคลังข้างที่หรือ [[สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์]] ในปัจจุบัน


เมื่อครั้ง [[สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี]]ในรัชกาลที่ 7 เสด็จนิวัติ[[ประเทศไทย]] ในปี พ.ศ. 2492 รัฐบาลได้เตรียมจัดวังถนนพระอาทิตย์ถวายเป็นที่ประทับแต่ด้วย[[สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี]] ทรงเชิญเสด็จไปประทับ ณ [[วังสระปทุม]] จึงมิได้มาประทับ ณ วังนี้
[[พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว]] ได้พระราชทานตำหนักเดิม วังถนนพระอาทิตย์ ให้เป็นที่ประทับของ[[สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ กรมพระสวัสดิวัดนวิศิษฎ์]] ต้น[[ราชสกุล]]สวัสดิวัฒน์ พระองค์ท่านได้ประทับที่ตำหนักเดิมอยู่ระยะหนึ่ง จนตำหนักใหม่ที่ก่อสร้างเสร็จในบริเวณใกล้เคียงกัน เป็นอาคาร 3 ชั้น สร้างเสร็จจึงได้ย้ายไปประทับ ตำหนักเดิมถูกทิ้งร้างไประยะหนึ่ง จากนั้นประมาณปี พ.ศ. 2479-2481 ตำหนักเดิมได้เป็นที่พำนักของ[[คุณหญิงลิ้นจี่ สุริยานุวัตร]] และระหว่างปี พ.ศ. 2485-2490 [[รัฐบาล]]ได้จัดให้วังถนนพระอาทิตย์ เป็นที่พักของนาย[[ปรีดี พนมยงค์]] ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และตำหนัก 3 ชั้น ได้ใช้เป็นที่ทำการผู้สำเร็จราชการและเป็นที่รู้จักกันในชื่อ ทำเนียบท่าช้าง


ต่อมาระหว่างปี พ.ศ. 2515-2524 [[สำนักงานการวางแผนการสื่อสาร เพื่อการพัฒนาแห่งองค์การสหประชาชาติ]] (UNDP/DTCP) และ[[คณะกรรมการส่งเสริมการพาณิชย์นาวี]] (Office of Maritime Commission) ได้เช่าตำหนักเดิมและทำเนียบท่าช้าง จากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และต่อมาในปี [[พ.ศ. 2521]] สำนักงานกองทุนสงเคราะห์เด็กแห่งสหประชาชาติ หรือ [[ยูนิเซฟ]] (UNICEF) ได้เช่าร่วมกันในตำหนักเดิม จนเมื่อคณะกรรมการส่งเสริมการพาณิชย์นาวีได้ย้ายออกไป และสำนักงานการวางแผนการสื่อสาร เพื่อการพัฒนาแห่งองค์การสหประชาชาติ ได้ปิดทำการใน พ.ศ. 2530 ยูนิเซฟจึงได้เป็นผู้เช่าอาคารแต่ผู้เดียว และต่อมายูนิเซฟได้ย้ายสำนักงานเขต (Area Office) และฝ่ายบัตรอวยพร (Greeting Cards Operation) มาที่ตำหนักเดิมในปลายปี พ.ศ. 2535
ในปี พ.ศ. 2492 [[สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี]]ในรัชกาลที่ 7 เสด็จนิวัติ[[ประเทศไทย]] รัฐบาลได้เตรียมจัดวังถนนพระอาทิตย์ถวายเป็นที่ประทับแต่ด้วย[[สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี]] ทรงเชิญเสด็จไปประทับ ณ [[วังสระปทุม]] จึงมิได้มาประทับ ณ วังนี้

[[สำนักงานการวางแผนการสื่อสาร เพื่อการพัฒนาแห่งองค์การสหประชาชาติ]] (UNDP/DTCP) และ[[คณะกรรมการส่งเสริมการพาณิชย์นาวี]] (Office of Maritime Commission) ได้เช่าตำหนักเดิมและทำเนียบท่าช้าง จากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ระหว่างปี พ.ศ. 2515-2524 ต่อมาเมื่อสำนักงานกองทุนสงเคราะห์เด็กแห่งสหประชาชาติ หรือ [[ยูนิเซฟ]] (UNICEF) ได้เปิดสำนักงานในปี [[พ.ศ. 2521]] ยูนิเซฟจึงได้เช่าตำหนักเดิม 2 ชั้นโดยเป็นผู้เช่าร่วม ต่อมาคณะกรรมการส่งเสริมการพาณิชย์นาวีได้ย้ายออกไป และสำนักงานการวางแผนการสื่อสาร เพื่อการพัฒนาแห่งองค์การสหประชาชาติ ได้ปิดทำการใน พ.ศ. 2530 ยูนิเซฟจึงได้เป็นผู้เช่าอาคารแต่ผู้เดียว และในปลายปี พ.ศ. 2535 ยูนิเซฟได้ย้ายสำนักงานเขต (Area Office) และฝ่ายบัตรอวยพร (Greeting Cards Operation) มาที่ตำหนักเดิม


== สถาปัตยกรรม ==
== สถาปัตยกรรม ==
ตำหนักเดิม เป็นอาคาร 2 ชั้น ก่ออิฐถือปูน [[หลังคา]][[ปั้นหยา]]มุงกระเบื้องว่าว มีจั่วเปิดคู่ด้าน[[แม่น้ำเจ้าพระยา]] และจั่วเปิดหนึ่งจั่วด้านถนนพระอาทิตย์ หน้าจั่วประดับปูนปั้นลายพรรณพฤกษา เชิงชายประดับไม้ฉลุ ด้านแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งแต่เดิมเป็นด้านหน้าอาคาร มีระเบียงทั้งชั้นบนและชั้นล่าง ตามลักษณะ[[สถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียล]] ราวระเบียงชั้นล่างเป็นลูกกรงปูนปั้น ส่วนชั้นบนเป็นลูกกรงเหล็กหล่อทำให้ดูโปร่งเบา ด้านถนนพระอาทิตย์มีเสาสูงรับหนาจั่ว กลางอาคารอิทธิพล[[คลาสิครีไววัล]] ด้านทิศเหนือมีมุขครึ่งแปดเหลี่ยม ผนังอาคารตกแต่งด้วยลวดบัวปูนปั้น และเซาะร่องตามแนวนอน หน้าต่างโค้ง ช่วงบนเป็นช่องระบายอากาศไม้ฉลุลายโปร่งแบบเรือน[[ขนมปังขิง]] ซึ่งเป็นที่นิยมในสมัยรัชกาลที่ 5
ตำหนักเดิม เป็นอาคาร 2 ชั้น ก่ออิฐถือปูน [[หลังคา]][[ปั้นหยา]]มุงกระเบื้องว่าว มีจั่วเปิดคู่ด้าน[[แม่น้ำเจ้าพระยา]] และจั่วเปิดหนึ่งจั่วด้านถนนพระอาทิตย์ หน้าจั่วประดับปูนปั้นลายพรรณพฤกษา เชิงชายประดับไม้ฉลุ แต่เดิมหน้าอาคารจะอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีระเบียงทั้งชั้นบนและชั้นล่าง ตามลักษณะ[[สถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียล]] ราวระเบียงชั้นล่างเป็นลูกกรงปูนปั้น ส่วนชั้นบนเป็นลูกกรงเหล็กหล่อทำให้ดูโปร่งเบา ด้านถนนพระอาทิตย์มีเสาสูงรับหนาจั่ว กลางอาคารอิทธิพล[[คลาสิครีไววัล]] ด้านทิศเหนือมีมุขครึ่งแปดเหลี่ยม ผนังอาคารตกแต่งด้วยลวดบัวปูนปั้น และเซาะร่องตามแนวนอน หน้าต่างโค้ง ช่วงบนเป็นช่องระบายอากาศไม้ฉลุลายโปร่งแบบเรือน[[ขนมปังขิง]] ซึ่งเป็นที่นิยมในสมัยรัชกาลที่ 5

ปัจจุบัน อาคารหลังนี้ได้ปรับใช้เป็นสำนักงานของยูนิเซฟ ซึ่งได้ดูแลรักษาอาคารเป็นอย่างดี


== อ้างอิง ==
== อ้างอิง ==

รุ่นแก้ไขเมื่อ 00:21, 11 พฤศจิกายน 2551

วังถนนพระอาทิตย์ ตั้งอยู่บนถนนพระอาทิตย์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร เดิมเป็นบ้านของเจ้าพระยามหาโยธา (ทอเรีย) ต้นสกุลคชเสนี เชื้อสายมอญ และเป็นปู่ของเจ้าจอมมารดากลิ่นในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเป็นมรดกตกทอดมาถึง พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศรวรฤทธิ์ (พระองค์เจ้ากฤดาภินิหาร) ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างตำหนัก 2 ชั้น เป็นที่ประทับของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศวรฤทิธิ์และเจ้าจอมมารดา ต่อมาเรียกอาคารหลักนี้ว่า ตำหนักเดิม

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์สร้างตำหนักใหม่ ในปี พ.ศ. 2460 เป็นอาคารทรงยุโรปก่ออิฐถือปูน 2 ชั้น เรียกว่า วังมะลิวัลย์ จากนั้น พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศวรฤทธิ์ทรงย้ายไปประทับอยู่ ณ วังมะลิวัลย์จนสิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. 2468 ส่วนตำหนักเดิมนั้น สันนิษฐานว่าเป็นที่พำนักของเจ้าจอมมารดากลิ่น หลังจากที่พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศวรฤทธิ์สิ้นพระชนม์ พระโอรสองค์ใหญ่ซึ่งทรงเป็นผู้จัดการมรดก ได้ทูลเกล้าฯ ถวายขายตำหนักและที่ดินแก่พระคลังข้างที่ใน พ.ศ. 2468 หรือ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ในปัจจุบัน

ในรัชสมัยรัชกาลที่ 7 พระองค์ทรงพระราชทานตำหนักเดิม วังถนนพระอาทิตย์ ให้เป็นที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ กรมพระสวัสดิวัดนวิศิษฎ์ ต้นราชสกุลสวัสดิวัฒน์ เมื่อพักได้ระยะหนึ่งจนตำหนักใหม่สูง 3 ชั้นสร้างเสร็จ ตำหนักเดิมจึงถูกไม่มีใครอาศัย จนประมาณปี พ.ศ. 2479-2481 คุณหญิงลิ้นจี่ สุริยานุวัตร เข้ามาพำนักที่ตำหนักเดิม ต่อมารัฐบาลได้จัดให้วังถนนพระอาทิตย์ เป็นที่พักของนายปรีดี พนมยงค์ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ในระหว่างปี พ.ศ. 2485-2490 ซึ่งใช้เป็นที่ทำการการผู้สำเร็จราชการ จนเป็นที่รู้จักในชื่อ ทำเนียบท่าช้าง

เมื่อครั้ง สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7 เสด็จนิวัติประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2492 รัฐบาลได้เตรียมจัดวังถนนพระอาทิตย์ถวายเป็นที่ประทับแต่ด้วยสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงเชิญเสด็จไปประทับ ณ วังสระปทุม จึงมิได้มาประทับ ณ วังนี้

ต่อมาระหว่างปี พ.ศ. 2515-2524 สำนักงานการวางแผนการสื่อสาร เพื่อการพัฒนาแห่งองค์การสหประชาชาติ (UNDP/DTCP) และคณะกรรมการส่งเสริมการพาณิชย์นาวี (Office of Maritime Commission) ได้เช่าตำหนักเดิมและทำเนียบท่าช้าง จากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และต่อมาในปี พ.ศ. 2521 สำนักงานกองทุนสงเคราะห์เด็กแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูนิเซฟ (UNICEF) ได้เช่าร่วมกันในตำหนักเดิม จนเมื่อคณะกรรมการส่งเสริมการพาณิชย์นาวีได้ย้ายออกไป และสำนักงานการวางแผนการสื่อสาร เพื่อการพัฒนาแห่งองค์การสหประชาชาติ ได้ปิดทำการใน พ.ศ. 2530 ยูนิเซฟจึงได้เป็นผู้เช่าอาคารแต่ผู้เดียว และต่อมายูนิเซฟได้ย้ายสำนักงานเขต (Area Office) และฝ่ายบัตรอวยพร (Greeting Cards Operation) มาที่ตำหนักเดิมในปลายปี พ.ศ. 2535

สถาปัตยกรรม

ตำหนักเดิม เป็นอาคาร 2 ชั้น ก่ออิฐถือปูน หลังคาปั้นหยามุงกระเบื้องว่าว มีจั่วเปิดคู่ด้านแม่น้ำเจ้าพระยา และจั่วเปิดหนึ่งจั่วด้านถนนพระอาทิตย์ หน้าจั่วประดับปูนปั้นลายพรรณพฤกษา เชิงชายประดับไม้ฉลุ แต่เดิมหน้าอาคารจะอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีระเบียงทั้งชั้นบนและชั้นล่าง ตามลักษณะสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียล ราวระเบียงชั้นล่างเป็นลูกกรงปูนปั้น ส่วนชั้นบนเป็นลูกกรงเหล็กหล่อทำให้ดูโปร่งเบา ด้านถนนพระอาทิตย์มีเสาสูงรับหนาจั่ว กลางอาคารอิทธิพลคลาสิครีไววัล ด้านทิศเหนือมีมุขครึ่งแปดเหลี่ยม ผนังอาคารตกแต่งด้วยลวดบัวปูนปั้น และเซาะร่องตามแนวนอน หน้าต่างโค้ง ช่วงบนเป็นช่องระบายอากาศไม้ฉลุลายโปร่งแบบเรือนขนมปังขิง ซึ่งเป็นที่นิยมในสมัยรัชกาลที่ 5

อ้างอิง

  • วารสารอาษา ฉบับเดือน สิงหาคม-กันยายน 2550 ISSN 0857-3050

แหล่งข้อมูลอื่น

13°45′42″N 100°29′33″E / 13.7616034°N 100.4924423°E / 13.7616034; 100.4924423