จักรวาลขยายดีซี

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
จักรวาลขยายดีซี
DC Comics logo.svg
โลโก้อย่างเป็นทางการของ
สื่อดีซีคอมิกส์ทั้งหมด
สร้างโดยดีซี สตูดิโอส์
งานต้นฉบับบุรุษเหล็ก ซูเปอร์แมน (2013)
เจ้าของวอร์เนอร์บราเธอส์ดิสคัฟเวอรี
ปีค.ศ. 2013–ปัจจุบัน
เบ็ดเตล็ด
สร้างจากตัวละคร
โดย ดีซีคอมิกส์

จักรวาลขยายดีซี (อังกฤษ: DC Extended Universe (DCEU)) เป็นสื่อแฟรนไชส์อเมริกันและจักรวาลร่วมที่มีศูนย์กลางอยู่ที่ชุดของภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโรและละครที่สร้างโดย ดีซีสตูดิโอส์ และจัดจำหน่ายโดย วอร์เนอร์บราเธอร์สพิกเจอร์ส สร้างจากตัวละครที่ปรากฏอยู่ในหนังสือการ์ตูนของสำนักพิมพ์ดีซีคอมิกส์ นอกจากนี้ แฟรนไชส์ยังประกอบด้วย หนังสือการ์ตูน, ภาพยนตร์สั้น, นวนิยายและวิดีโอเกม ดีซีอียูนั้นคล้ายกับจักรวาลดีซีดั้งเดิมในหนังสือการ์ตูน ที่เริ่มต้นด้วยการข้ามฝั่งระหว่างองค์ประกอบเนื้อเรื่องทั่วไป, สถานที่ดำเนินเรื่อง, นักแสดงและตัวละคร

วอร์เนอร์บราเธอร์ส มีแผนที่จะนำซูเปอร์ฮีโรของดีซีคอมิกส์หลายคนมารวมตัวกันในภาพยนตร์ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2002 เมื่อ ว็อล์ฟกัง เพเทอร์เซิน ได้รับเลือกให้กำกับภาพยนตร์ที่มีการข้ามฝั่งระหว่าง แบทแมน กับ ซูเปอร์แมน หลังภาพยนตร์ จัสติซลีก ที่ได้วางแผนไว้ถูกระงับการสร้างชั่วคราวในปี ค.ศ. 2008 และภาพยนตร์ กรีน แลนเทิร์น ที่ฉายในปี ค.ศ. 2011 ประสบความล้มเหลวในแง่ของคำวิจารณ์และรายได้ ทำให้แผนการสร้างจักรวาลแรกถูกยกเลิก วอร์เนอร์บราเธอร์ส ก่อตั้งจักรวาลร่วมนี้ในปี ค.ศ. 2013

จักรวาลขยายดีซีเริ่มต้นด้วยภาพยนตร์ บุรุษเหล็ก ซูเปอร์แมน (2013) โดยเป็นการรีบูตภาพยนตร์ชุดซูเปอร์แมน ตามมาด้วย แบทแมน ปะทะ ซูเปอร์แมน แสงอรุณแห่งยุติธรรม (2016) ซึ่งเป็นการรีบูตภาพยนตร์ชุดแบทแมน จากนั้นก็ตามด้วยภาพยนตร์อีกหลายเรื่อง และขยายไปยังละครชุดที่ออกอากาศผ่านทาง เอชบีโอแม็กซ์ ในปี ค.ศ. 2022 เริ่มต้นด้วย พีซเมกเกอร์ หลังการปรับโครงสร้างของดีซีสตูดิโอส์และการแต่งตั้ง เจมส์ กันน์และปีเตอร์ ซาฟราน ใน ค.ศ. 2022 แฟรนไชส์จะถูกรีบูตด้วยการฉายภาพยนตร์ เดอะ แฟลช เพื่อนำไปสู่ จักรวาลดีซี ซึ่งมีภาพยนตร์และละครชุดที่วางแผนโดยกันน์และซาฟราน

จักรวาลขยายดีซีเป็น ภาพยนตร์ชุดที่ทำเงินสูงสุดลำดับที่เก้า โดยทำเงินมากกว่า 6.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากบ็อกซ์ออฟฟิศทั่วโลก ภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดคือ อควาแมน เจ้าสมุทร ทำเงิน 1.15 พันล้านดอลลาร์สหรัฐทั่วโลก และเป็นภาพยนตร์ดีซีที่ทำเงินสูงสุดจนถึงปัจจุบัน ภาพยนตร์ในจักรวาลขยายดีซีได้รับการตอบรับจากนักวิจารณ์ที่หลากหลาย

ศัพทมูลวิทยา[แก้]

เมื่อตอนที่ประกาศภาพยนตร์ชุดนี้ แฟนและสื่อตั้งชื่อให้จักรวาลนี้ว่า "จักรวาลภาพยนตร์ดีซี (DC Cinematic Universe)" เพื่อให้คล้ายกับ จักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล (Marvel Cinematic Universe หรือ MCU) ซึ่งเกิดขึ้นก่อน[1][2][3] คีธ สแตกคิวิกซ์ นักเขียนของ เอ็นเทอร์เทนเมนต์วีกลี บัญญัติศัพท์คำว่า "DC Extended Universe™" เพื่อเป็นเรื่องตลกในบทความเกี่ยวกับ แบทแมน ปะทะ ซูเปอร์แมน แสงอรุณแห่งยุติธรรม ของเขา เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 2015[4][5] คำนี้และคำย่อ DCEU ได้ถูกใช้อย่างแพร่หลายในหมู่สื่อมวลชนและแฟนอย่างรวดเร็ว โดยคิดว่ามันเป็นชื่ออย่างเป็นทางการของแฟรนไชส์เป็นเวลาหลายปี[6][7] อับราฮัม ริสแมน นักเขียนของ วัลเชอร์ กล่าวว่า ดีซียืนยันกับเขาเมื่อเดือนกันยายน ค.ศ. 2017 ชื่อนั้นไม่ได้ถูกใช้ภายในองค์กร และพวกเขาไม่คิดว่ามันเป็นชื่อทางการ[5]

เมื่อปี ค.ศ. 2016 ทั้งเจฟฟ์ จอห์นและเควิน สมิธเรียกแฟรนไชส์นี้ว่า "จักรวาลจัสติซ ลีก (Justice League Universe)" ในรายการโทรทัศน์พิเศษ ดีซีฟิล์ม เสนอ: แสงอรุณแห่งจัสติซ ลีก (DC Films Presents: Dawn of the Justice League)[8] ในระหว่างการจัดพาแนลของ ดีซีฟิล์มส ที่งาน ซานดิเอโกคอมิก-คอน 2018 มีวิดีโอที่แสดงข้อความ "ยินดีต้อนรับสู่โลกของดีซี (Welcome to the Worlds of DC)" หลังการนำเสนอภาพยนตร์บางเรื่องที่จะฉายในอนาคต เป็นผลให้สื่อบางส่วนตีความคำว่า "โลกของดีซี (Worlds of DC)" คือชื่ออย่างเป็นทางการของภาพยนตร์ที่ใช้จักรวาลร่วมกัน[9][10] อย่างไรก็ตาม เมื่อเดือนมีนาคม ค.ศ. 2020 จิม ลี เรียกแฟรนไชส์นี้ว่าจักรวาลขยายดีซีที่งานชิคาโกคอมิกแอนด์เอนเทอร์เทนเมนต์เอกซ์โป[11] แฟรนไชส์ถูกตั้งชื่ออย่างเป็นทางการคือ จักรวาลขยายดีซี โดยชื่อนี้ปรากฏอยู่ใน เอชบีโอแม็กซ์ บริการสตรีมมิงของวอร์เนอร์มีเดีย ซึ่งเปิดให้บริการเมื่อเดือนพฤษภาคม[12]

หลังการแต่งตั้ง ปีเตอร์ ซาฟรานและเจมส์ กันน์ ให้เป็นหัวหน้าของ ดีซี สตูดิโอส์ วอร์เนอร์บราเธอส์ดิสคัฟเวอรี (เกิดจากการรวมตัวระหว่าง วอร์เนอร์มีเดียและดิสคัฟเวอรี) เรียกภาพยนตร์และละครชุดทางโทรทัศน์ของดีซีว่าเป็นส่วนหนึ่งของ "จักรวาลดีซี" (DC Universe, DCU) ซึ่งสื่อบางสำนักตีความว่าเป็นการเปลี่ยนโฉมจักรวาลขยายดีซี[13]

การพัฒนา[แก้]

การพัฒนาช่วงแรก (2006–2015)[แก้]

เมื่อปี ค.ศ. 2002 ว็อล์ฟกัง เพเทอร์เซิน ถูกเลือกให้กำกับภาพยนตร์เรื่อง แบทแมน ปะทะ ซูเปอร์แมน (Batman vs. Superman) จากบทของ อากิวา โกลด์สแมน[14] แต่ วอร์เนอร์บราเธอร์ส ยกเลิกภาพยนตร์ดังกล่าวเพื่อมุ่งเน้นโครงการพัฒนาภาพยนตร์เดี่ยวของซูเปอร์แมนและแบทแมนแทน หลัง เจ.เจ. แอบรัมส์ ส่งแบบร่างอีกอันหนึ่งของ ซูเปอร์แมน: ฟลายบาย (Superman: Flyby)[15][16] เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2007 วอร์เนอร์บราเธอร์ส จ้างคู่สามีภรรยา มิเชลและเคียรัน มูลโรนีย์ เพื่อเขียนบทภาพยนตร์ จัสติซลีก[17] คริสเตียน เบล, ผู้แสดงเป็นแบทแมนใน แบทแมน บีกินส์ (2005), จะไม่กลับมารับบทเดิม,[18] เช่นเดียวกับ แบรนดอน เราธ์, ผู้แสดงเป็นซูเปอร์แมนใน ซูเปอร์แมน รีเทิร์น (2006)[19] จอร์จ มิลเลอร์ ได้รับการว่าจ้างให้กำกับภาพยนตร์[20] ซึ่งตามรายงานว่าชื่อ จัสติซลีกมอร์ทัล (Justice League Mortal),[21] โดย อาร์มี แฮมเมอร์ แสดงเป็น แบทแมน, ดี. เจ. คอโทรนา เป็น ซูเปอร์แมน, อดัม โบรดี เป็น แฟลช, ซานติอาโก กาเบรรา เป็น อควาแมน, คอมมอน เป็น กรีนแลนเทิร์น, เมเกน เกล เป็น วันเดอร์ วูแมน, ฮิวจ์ คีย์ส-เบิร์น เป็น มาร์เชียน แมนฮันเตอร์ และ เจย์ บารูเชล เป็น แมกซ์เวลล์ ลอร์ด[22] โครงการดังกล่าวถูกระงับไปอย่างไม่มีกำหนดเมื่อเดือนมกราคม ค.ศ. 2008 หลังไม่สามารถทำการลดหย่อนภาษีสำหรับในการถ่ายทำในออสเตรเลียได้ พร้อมกับมีการประท้วงของสมาคมนักเขียนแห่งอเมริกาเมื่อปี ค.ศ. 2007–2008 ทำให้บทของภาพยนตร์ไม่คืบหน้า[23]

เมื่อปี ค.ศ. 2013 ภาพยนตร์ บุรุษเหล็ก ซูเปอร์แมน ซึ่งเป็นการรีบูตของแฟรนไชส์ ซูเปอร์แมน เป็นการวางรากฐานให้กับภาพยนตร์ดีซีในอนาคต[24] โดยภาพยนตร์มีการอ้างอิงถึงตัวละครอื่นในจักรวาลดีซี ซึ่งถ้าภาพยนตร์ประสบความสำเร็จ อาจจะเปิดตัวจักรวาลร่วมได้[25][26] เมื่อเดือนกรกฎาคม ที่งาน ซานดิเอโก คอมมิค-คอน หลัง บุรุษเหล็ก ซูเปอร์แมน ฉายแล้วหนึ่งเดือน วอร์เนอร์บราเธอร์สประกาศว่าซูเปอร์แมนและแบทแมนจะพกกันครั้งแรกในรูปแบบของภาพยนตร์ในภาคต่อของ บุรุษเหล็ก ซูเปอร์แมน และเป็นก่อตั้งจักรวาลร่วม[27][28] เมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ. 2014, วอร์เนอร์บราเธอร์ส ประกาศสเลตของภาพยนตร์ดีซีทั้งหมดสิบเรื่อง โดยเป็นแผนเริ่มต้นของภาพยนตร์ที่ขับเคลื่อนด้วยจักรวาลดังกล่าวและขยายไปถึงปี ค.ศ. 2020[29] เกร็ก ซิลเวอร์แมน ประธานฝ่ายพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ของวอร์เนอร์บราเธอร์ส อธิบายแนวทางของดีซีต่อจักรวาลภาพยนตร์ของพวกเขาในปี ค.ศ. 2015 ว่า "เรา ... นำตัวละครที่รักเหล่านี้มาฝากไว้ในมือของผู้สร้างภาพยนตร์ที่เก่งกาจและทำให้มั่นใจว่าพวกเขาทุกคนประสานงานกัน"[30]

การสถาปนาของจักรวาลขยายดีซี (2016–2021)[แก้]

เมื่อเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2016 หลัง แบทแมน ปะทะ ซูเปอร์แมน แสงอรุณแห่งยุติธรรม ได้รับการวิจารณ์อย่างหนัก วอร์เนอร์บราเธอร์ส ได้ก่อตั้งแผนก ดีซีฟิล์ม ขึ้น โดยมี เจฟฟ์ จอห์น หัวหน้าฝ่ายสร้างสรรค์ของดีซี และ จอน เบิร์ก รองประธานกรรมการบริหารของ วอร์เนอร์บราเธอร์ส เป็นประธานร่วม ซึ่งดูแลการผลิตเพื่อสร้างทิศทางความคิดสร้างสรรค์ให้แฟรนไชส์ไปในทิศทางเดียวกัน[31][32] ดีซีฟิล์มจะไม่อิสระเต็มตัว, ตามรายงานของจอห์นต่อประธานดีซี ไดแอน เนลสัน และ เบิร์ก รายงานต่อ ซิลเวอร์แมน[31] ชาร์ล โรแวน ก็ถูกย้ายจากบทบาทผู้อำนวยการสร้างแบบวันต่อวันของเขาในภาพยนตร์ดีซีในอนาคต ซึ่งเขาได้รับหน้าที่ตั้งแต่ แบทแมน บีกินส์ ปี ค.ศ. 2005 มาเป็นบทบาทผู้อำนวยการสร้างบริหาร[33] เมื่อเดือนธันวาคม, ซิลเวอร์แมน ถูกตัดขาดจากบทบาทของเขาในวอร์เนอร์บราเธอร์ส, และ โทบี เอ็มเมอริช ถูกเลื่อนตำแหน่งมาเป็นประธานและหัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายเนื้อหา, แทนที่ตำแหน่งของเขา[34] เมื่อเดือนมกราคม ค.ศ. 2017 จอห์นและเบิร์กรายงานต่อเอ็มเมอริช[35] หลังประสบความสำเร็จของภาพยนตร์ วันเดอร์ วูแมน ทั้งด้านรายได้และคำวิจารณ์เมื่อเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2017 จอห์นระบุว่าก้าวต่อไปของภาพยนตร์จะเน้นไปที่หัวใจ, อารมณ์ขัน, ความหวัง, ความกล้าหาญ, และการมองโลกในแง่ดีของตัวละคร[36] หลัง จัสติซ ลีก ทำผลงานได้ไม่ดีในบ๊อกซ์ออฟฟิศ เบิร์กลาออกจากตำแหน่งของเขาเมื่อเดือนมกราคม ค.ศ. 2018 และกลายเป็นหุ้นส่วนการผลิตกับ รอย ลี[37][38] ดีซียังพยายามที่จะลดความสำคัญลักษณะร่วมกันของภาพยนตร์ของพวกเขา โดย ไดแอน เนลสัน ได้กล่าวไว้ว่า, "ความตั้งใจของเรา, อย่างแน่นอน, การก้าวไปข้างหน้าคือการใช้ความต่อเนื่องเพื่อช่วยให้แน่ใจว่าไม่มีสิ่งใดที่เบี่ยงเบนไปในทางที่ไม่สมเหตุสมผล, แต่ไม่มีการยืนหยัดต่อเรื่องราวโดยรวมหรือการเชื่อมต่อระหว่างกันในจักรวาลนั้น... ก้าวต่อไป, คุณจะเห็นว่าจักรวาลภาพยนตร์ดีซีเป็นจักรวาล, แต่เป็นสิ่งหนึ่งที่มาจากใจของผู้สร้างที่สร้างมันขึ้นมา"[39]

เมื่อเดือนมกราคม ค.ศ. 2018 วอลเทอร์ ฮามาดะ ได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานของดีซีฟิล์มและผู้ดูแลร่วมของดีซีอียู แทนที่เบิร์ก[38] เดือนต่อมา จันทัล นอง ถูกเสนอชื่อเป็นรองประธานของดีซีฟิล์ม[40] ทั้งคู่ถูกจ้างเพื่อมาดูแลแฟรนไชส์ร่วมกับจอห์น, ในฐานะผู้จัดการทีมผลิตที่สำคัญ[38] อย่างไรก็ตาม, จอห์นลงจากตำแหน่งผู้บริหารของเขาเมื่อเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2018 เขาสร้างบริษัทผลิตชื่อ แมดโกสต์โปรดักชัน เพื่อที่จะมีบทบาทในการทำงานมากขึ้นในสื่อดีซีต่าง ๆ ในฐานะนักเขียนและผู้ผลิต[41] หลัง อควาแมน เจ้าสมุทร ประสบความสำเร็จทางด้านรายได้ ผู้บริหารสูงสุดของวอร์เนอร์บราเธอร์ส เควิน สึจิฮาระ กล่าวว่าภาพยนตร์ดีซีเรื่องต่อไปจะมุ่งเน้นไปที่เรื่องราวของตัวละครแต่ละตัวแทนการเชื่อมต่อระหว่างกัน[42] ในปี ค.ศ. 2021 วอร์เนอร์มีเดีย เปลี่ยนการตัดสินใจดังกล่าวและประกาศว่าภาพยนตร์ในอนาคตนั้นจะมีเรื่องราวที่เชื่อมต่อระหว่างกันอีกครั้ง[43][44]

เมื่อเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2020 วอร์เนอร์มีเดีย เปิดตัวบริการสตรีมมิงชื่อว่า เอชบีโอแม็กซ์ เมื่อเดือนกันยายน เอชบีโอแม็กซ์ สั่งสร้างละครชุดจำนวนแปดตอน ชื่อว่า พีซเมกเกอร์ มี เจมส์ กันน์และปีเตอร์ ซาฟราน ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหารและ จอห์น ซีนา กลับมารับบทเดิมเป็น ตัวละครชื่อเดียวกับชื่อเรื่อง จากภาพยนตร์ เดอะ ซุยไซด์ สควอด[45] หลังการประกาศนี้ วอลเทอร์ ฮามาดะ กล่าวว่า ดีซีฟิล์มส์นั้นสนใจสร้างละครชุดแยกสำหรับภาพยนตร์ทุกเรื่องในจักรวาลขยายดีซี สำหรับออกอากาศในเอชบีโอแม็กซ์[46] เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ เอชบีโอแม็กซ์และ เจ.เจ. แอบรัมส์ ผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหาร เริ่มพัฒนาละครชุดหลายเรื่องที่สร้างจากสมาชิกแต่ละคนในทีม จัสติซลิกดาร์ก ก่อนที่จะมารวมกันเป็นทีมในมินิซีรีส์[47]

การควบรวมกิจการของวอร์เนอร์บราเธอส์กับดิสคัฟเวอรี (2022–ปัจจุบัน)[แก้]

หลังการควบรวมกิจการของดิสคัฟเวอรีกับวอร์เนอร์มีเดีย ในเดือนเมษายน ค.ศ. 2022 วอร์เนอร์บราเธอส์ดิสคัฟเวอรี ประกาศว่ายกเครื่องการทำงานของ ดีซีเอนเทอร์เทนเมนต์ และ ดีซีฟิล์มส์ เดวิด ซาสลาฟ ประธานและซีอีโอของบริษัทที่เพิ่งควบรวมกิจการและผู้บริหารเชื่อว่าดีซี "ขาดความคิดสร้างสรรค์และกลยุทธ์แบรนด์ที่สอดคล้องกัน" และกำลังมองหาการจ้างผู้ที่มีความคิดสร้างสรรค์และกลยุทธ์เทียบเท่ากับ เควิน ไฟกี ของ มาร์เวลสตูดิโอส์ ดิสคัฟเวอรีตั้งใจที่จะฟื้นฟูตัวละครดีซีระดับสูงบางตัวที่พวกเขาเชื่อว่าถูกละเลยในปีก่อนหน้า เช่น ซูเปอร์แมน และเชื่อว่า วอลเทอร์ ฮามาดะ จะรวมอยู่ในแผนธุรกิจของซาสลาฟ โดยอยู่ระหว่างการเจรจาใหม่เมื่อสิ้นสุดภาระผูกพันตามสัญญากับดีซีฟิล์มส์ในปี ค.ศ. 2023[48] ในเดือนต่อมา อนาคตของดีซีฟิล์มส์ได้รับการเปิดเผยเพื่อจัดลำดับความสำคัญของภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์มากกว่าการเผยแพร่แบบสตรีมมิง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการที่ดูแลโดยซาสลาฟ[49] ในเดือนมิถุนายน การปรับโครงสร้างผู้บริหารของสตูดิโอเริ่มต้นด้วย ไมเคิล เดอ ลูกา และ แพม แอบดี ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นประธานร่วมของ วอร์เนอร์บราเธอส์โมชันพิกเชอร์กรุป โดยรับช่วงต่อจาก โทบี เอ็มเมอริช ซึ่งจะก้าวลงจากตำแหน่ง ทั้งคู่ยังได้รับการประกาศให้ดูแลดีซีฟิล์มส์และ วอร์เนอร์แอนิเมชันกรุป ชั่วคราวจนกว่าเขาจะออก โดยฮามาดะจะรายงานโดยตรงต่อพวกเขา[50] ในเดือนสิงหาคม ในการนำเสนอผลประกอบการไตรมาสที่สอง ซาสลาฟได้ยืนยันแผน 10 ปีโดยรวมของสตูดิโอที่จะมุ่งเน้นไปที่ภาพยนตร์ฉายในโรงภาพยนตร์: "เราจะไม่เปิดตัวภาพยนตร์จนกว่าจะพร้อม ... เราจะไม่เปิดตัวภาพยนตร์ที่ทำเงินได้แค่หนึ่งไตรมาส และเราจะไม่นำภาพยนตร์ออกฉายจนกว่าเราจะเชื่อในสิ่งนั้น" เขายังยืนยันแผนการที่จะให้ ซูเปอร์แมน, แบทแมนและวันเดอร์วูแมน เป็นจุดสนใจหลักของแฟรนไชส์[51]

ในเดือนตุลาคม ดเวย์น จอห์นสัน กล่าวว่าเขาจะทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้กับแฟรนไชส์นี้ รวมถึงช่วยวอร์เนอร์บราเธอร์สค้นหาผู้นำคนใหม่ที่พวกเขาต้องการเพื่อให้ดีซีฟิล์มส์เติบโต ในขณะเดียวกันก็แสดงความมั่นใจในอนาคตภายใต้การดูแลของ ซาสลาฟ, เดอ ลูกาและแอบดี[52][53] จอห์นสัน กล่าวว่า แบล็ก อดัม เป็นก้าวแรกของภาพยนตร์เรื่องใหม่ที่จะขยายจักรวาลขยายดีซีต่อไป[54] ในเดือนพฤศจิกายน ดีซีฟิล์มส์ กลายเป็น ดีซีสตูดิโอส์ โดยมี ปีเตอร์ ซาฟรานและเจมส์ กันน์ เป็นซีอีโอร่วม/ประธานร่วม โดยทั้งสองคนจะดูแลโครงการดีซีในอนาคตทั้งหมด รวมถึงภาพยนตร์, โทรทัศน์และแอนิเมชัน[55] กันน์และซาฟรานกล่าวร่วมกันว่า: "ความมุ่งมั่นของเราที่มีต่อซูเปอร์แมน, แบทแมน, วันเดอร์วูแมน, อควาแมน, ฮาร์ลีย์ ควินน์และตัวละครอื่น ๆ ใน ดีซี นั้นเทียบเท่ากับความมุ่งมั่นของเราที่มีต่อความมหัศจรรย์ของมนุษย์ที่ตัวละครเหล่านี้เป็นตัวแทนของเรา ตื่นเต้นที่จะได้...บอกเล่าเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่ งดงามที่สุด และยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา"[56]

ในการพบกันครั้งแรกระหว่างวอร์เนอร์บราเธอส์ดิสคัฟเวอรีและดีซีสตูดิโอส์ ที่จัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน กันน์และซาฟรานได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับโครงสร้างของแฟรนไชส์ในอนาคต โดยระบุว่าจะมีทั้งภาพยนตร์, โทรทัศน์, แอนิเมชัน, เกม และสื่ออื่น ๆ[57] ในขณะที่กันน์กำลังทำงานในแผน 10 ปีของสตูดิโอ เขารับทราบคำกล่าวก่อนหน้านี้ของจอห์นสันที่ว่าความคิดสร้างสรรค์ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องนั้นคือตั้งใจฟังเสียงของแฟน ๆ[58] หลังซีอีโอได้ถามแฟน ๆ ผ่านทางหน้าสื่อสังคมของเขาว่าตัวละครดีซีตัวไหนที่พวกเขาอยากเห็นเป็นส่วนหนึ่งของแฟรนไชส์ในอนาคต[59] กันน์และซาฟรานมีกำหนดจะนำเสนอแผนของพวกเขาสำหรับแฟรนไชส์ต่อซาสลาฟในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2022[60]

ภาพยนตร์[แก้]

ภาพยนตร์ วันฉายในสหรัฐ ผู้กำกับ ผู้เขียนบท เนื้อเรื่องโดย ผู้อำนวยการสร้าง
บุรุษเหล็ก ซูเปอร์แมน 14 มิถุนายน ค.ศ. 2013 (2013-06-14) แซ็ก สไนเดอร์ เดวิด เอส. โกเยอร์ เดวิด เอส. โกเยอร์กับคริสโตเฟอร์ โนแลน ชาร์ลส์ โรเวน, คริสโตเฟอร์ โนแลน, เอ็มมา ทอมัสและเดโบราห์ สไนเดอร์
แบทแมน ปะทะ ซูเปอร์แมน
แสงอรุณแห่งยุติธรรม
25 มีนาคม ค.ศ. 2016 (2016-03-25) คริส เทอร์ริโอและเดวิด เอส. โกเยอร์ ชาลส์ โรเวนและเดโบราห์ สไนเดอร์
ทีมพลีชีพ มหาวายร้าย 5 สิงหาคม ค.ศ. 2016 (2016-08-05) เดวิด เอเยอร์ ชาลส์ โรเวนและริชาร์ด ซักเคิล
วันเดอร์ วูแมน 2 มิถุนายน ค.ศ. 2017 (2017-06-02) แพตตี เจนคินส์ อัลเลน เฮนเบิร์ก แซ็ก สไนเดอร์กับอัลเลน เฮนเบิร์กและเจสัน ฟุชส์ ชาลส์ โรเวน, เดโบราห์ สไนเดอร์, แซ็ก สไนเดอร์และริชาร์ด ซักเคิล
จัสติซ ลีก 17 พฤศจิกายน ค.ศ. 2017 (2017-11-17) แซ็ก สไนเดอร์[a] คริส เทอร์ริโอและจอสส์ วีดอน คริส เทอร์ริโอกับแซ็ก สไนเดอร์ ชาลส์ โรเวน, เดโบราห์ สไนเดอร์, จอน เบิร์กและเจฟฟ์ จอห์นส์
อควาแมน เจ้าสมุทร 21 ธันวาคม ค.ศ. 2018 (2018-12-21) เจมส์ วาน เดวิด ลีสลี จอห์นสัน-แม็คโกล์ดริกและวิลล์ บีลล์ เจฟฟ์ จอห์นส์กับเจมส์ วานและวิลล์ บีลล์ ปีเตอร์ ซาฟรานและร็อบ โคแวน
ชาแซม! 5 เมษายน ค.ศ. 2019 (2019-04-05) เดวิด เอฟ. แซนด์เบิร์ก เฮนรี เกย์เด็น เฮนรี เกย์เด็นและดาร์เรน เลมกี ปีเตอร์ ซาฟราน
ทีมนกผู้ล่า กับฮาร์ลีย์ ควินน์ ผู้เริดเชิด 7 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2020 (2020-02-07) เคที ยาน คริสตินา ฮอดสัน มาร์โก ร็อบบี, ไบรอัน อันเคลเลสและซู ครอล
วันเดอร์ วูแมน 1984[b] 25 ธันวาคม ค.ศ. 2020 (2020-12-25) แพตตี เจนคินส์ แพตตี เจนคินส์กับเจฟฟ์ จอห์นส์และเดวิด คาลลาแฮม แพตตี เจนคินส์กับเจฟฟ์ จอห์นส์ ชาร์ลส์ โรเวน, เดโบราห์ สไนเดอร์, แซ็ก สไนเดอร์, แพตตี เจนคินส์, กัล กาด็อตและสตีเฟน โจนส์
จัสติซ ลีก ของ แซ็ก สไนเดอร์ [c][d] 18 มีนาคม ค.ศ. 2021 (2021-03-18) แซ็ก สไนเดอร์ คริส เทอร์ริโอ คริส เทอร์ริโอกับแซ็ก สไนเดอร์และวิลล์ บีลล์ ชาลส์ โรเวนและเดโบราห์ สไนเดอร์
เดอะ ซุยไซด์ สควอด[b] 5 สิงหาคม ค.ศ. 2021 (2021-08-05) เจมส์ กันน์ ชาร์ลส์ โรเวนและปีเตอร์ ซาฟราน
แบล็ก อดัม 21 ตุลาคม ค.ศ. 2022 (2022-10-21) เจาเม กูเล็ต-เซระ แอดัม สตีคีลและ
รอรี เฮนส์กับโซห์ริบ โนเชอร์วานี
โบ ฟลินน์, ไฮแรม การ์เซีย, ดเวย์น จอห์นสันและแดนี การ์เซีย
ชาแซม! จุดเดือดเทพเจ้า 17 มีนาคม ค.ศ. 2023 (2023-03-17)[64] เดวิด เอฟ. แซนด์เบิร์ก[65] เฮนรี เกย์เด็นและคริส มอร์แกน[66] ปีเตอร์ ซาฟราน[67]

บุรุษเหล็ก ซูเปอร์แมน (2013)[แก้]

ดูบทความหลักที่: บุรุษเหล็ก ซูเปอร์แมน
แซ็ก สไนเดอร์ ผู้กำกับ บุรุษเหล็ก ซูเปอร์แมน, แบทแมน ปะทะ ซูเปอร์แมน แสงอรุณแห่งยุติธรรม, และร่วมกำกับและเขียนบท จัสติซ ลีก

คาร์ล เอล / คลาร์ก เคนต์ เดินทางจากดาวคริปตอนมายังโลกเมื่อยังเป็นเด็กทารก ถูกเลี้ยงโดยพ่อแม่บุญธรรม โจนาธานและมาร์ธา เคนต์ โดย คลาร์ก เคนต์ กำลังต่อสู้กับตัวเองว่าทำไมเขาถึงถูกส่งมายังโลก เขาจึงใช้ชื่อ "ซูเปอร์แมน", เพื่อเรียนรู้ว่าความสามารถของเขานั้นมีไว้เพื่อรักษาความสงบสุขหรือเพื่อครองโลก[68]

ในระหว่างการอภิปรายเนื้อเรื่องของ แบทแมน อัศวินรัตติกาลผงาด, เดวิด เอส. โกเยอร์ บอก คริสโตเฟอร์ โนแลน ถึงวิธีการนำเสนอซูเปอร์แมนในบริบทสมัยใหม่ของเขา[69] โนแลนรู้สึกประทับใจแนวคิดของโกเยอร์ เขาจึงนำไปเสนอความคิดนี้ให้กับสตูดิโอ,[70] โนแลนถูกจ้างให้อำนวยการสร้างและโกเยอร์ถูกจ้างให้เขียนบท โดยหลังทั้งคู่ประสบความสำเร็จจาก แบทแมน อัศวินรัตติกาล[71][72] แซ็ก สไนเดอร์ ถูกจ้างให้กำกับภาพยนตร์เมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ. 2010[73] เมื่อเดือนมกราคม ค.ศ. 2011, เฮนรี แควิลล์ ได้รับคัดเลือกให้แสดงเป็น คลาร์ก เคนต์ / ซูเปอร์แมน[74] นักแสดงคนอื่น ๆ ประกอบด้วย เอมี แอดัมส์ เป็น โลอิส เลน,[75] ไมเคิล แชนนอน เป็น นายพลซ็อด,[76] ไดแอน เลน เป็น มาร์ธา เคนต์,[77] เควิน คอสต์เนอร์ เป็น โจนาธาน เคนต์,[78] รัสเซล โครว์ เป็น จอร์-เอล,[79] และ ลอเรนซ์ ฟิชเบิร์น เป็น เพอร์รี ไวต์[80] การถ่ายทำเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ค.ศ. 2011[81] บุรุษเหล็ก ซูเปอร์แมน (Man of Steel) ออกฉายที่อเมริกาเหนือเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ค.ศ. 2013[82]

แบทแมน ปะทะ ซูเปอร์แมน แสงอรุณแห่งยุติธรรม (2016)[แก้]

แบทแมน, ศาลเตี้ยประจำการเมืองกอแธมเดินทางมา เมโทรโปลิส เพื่อมาต่อสู้กับ ซูเปอร์แมน, เพราะเกรงกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากว่าซูเปอร์แมนไม่ถูกควบคุม ในขณะที่ภัยคุกคามอื่น ๆ ที่เป็นอันตรายต่อมนุษยชาติกำลังมา[83]

เมื่อเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2013 มีรายงานว่าสไนเดอร์และโกเยอร์จะกลับมาทำหน้าที่เดิมในภาคต่อของ บุรุษเหล็ก ซูเปอร์แมน ซึ่งถูกเร่งรัดโดย วอร์เนอร์บราเธอส์[84] โนแลนมีส่วนเกี่ยวข้องในฐานะที่ปรึกษาเป็นหัวหน้าผู้อำนวยการสร้าง[85] เมื่อเดือนกรกฎาคม ที่งานซานดิเอโก คอมมิค-คอน วอร์เนอร์บราเธอส์ ประกาศว่าซูเปอร์แมนและแบทแมนจะเจอกันในรูปแบบภาพยนตร์เป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นภาคต่อจาก บุรุษเหล็ก ซูเปอร์แมน และเป็นการรีบูต ภาพยนตร์ชุด แบทแมน[27][28] สไนเดอร์บอกว่าภาพยนตร์ได้รับแรงบัลดาลใจจากหนังสือการ์ตูน The Dark Knight Returns[86] เฮนรี แควิลล์, เอมี แอดัมส์, ไดแอน เลน และ ลอเรนซ์ ฟิชเบิร์น กลับมารับบทเดิม[87] เมื่อเดือนสิงหาคม เบน แอฟเฟล็ก ได้รับคัดเลือกให้แสดงเป็น บรูซ เวย์น / แบทแมน[88] เมื่อเดือนธันวาคม กัล กาด็อต ได้รับคัดเลือกให้แสดงเป็น ไดแอน่า พรินซ์ / วันเดอร์วูแมน, เป็นการปรากฏตัวครั้งแรกของตัวละครวันเดอร์วูแมนในรูปแบบภาพยนตร์คนแสดง[89] เดือนต่อมา คริส เทอร์ริโอ ถูกจ้างให้เขียนบทของโกเยอร์ใหม่[90] เมื่อเดือนมกราคม ค.ศ. 2014 ภาพยนตร์ถูกเลื่อนฉายจากเดิม 17 กรกฎาคม ค.ศ. 2015 เป็น 6 พฤษภาคม ค.ศ. 2016 เพื่อให้ผู้สร้าง "มีเวลาที่จะตระหนักถึงวิสัยทัศน์ของพวกเขาอย่างเต็มที่, เนื่องจากความซับซ้อนของเนื้อเรื่อง"[91] เดือนต่อมา, เจสซี ไอเซนเบิร์ก และ เจเรมี ไอเอินส์ เข้ามารับบทเป็น เล็กซ์ ลูเธอร์ และ อัลเฟรด เพนนีเวิร์ท ตามลำดับ[92] เมื่อเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2014 ชื่อของภาพยนตร์นั้นถูกเปิดเผย นั่นก็คือ แบทแมน ปะทะ ซูเปอร์แมน แสงอรุณแห่งยุติธรรม (Batman v Superman: Dawn of Justice)[93] การถ่ายทำช่วงแรกเริ่มต้นเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม ค.ศ. 2013 ที่วิทยาลัยลอสแอนเจลิสตะวันออก,[94] การถ่ายทำเต็มรูปแบบเริ่มเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม ค.ศ. 2014, ที่ดีทรอยต์[95] มีการถ่ายทำที่รัฐอิลลินอย, รัฐนิวเม็กซิโก, ทวีปแอฟริกาและแปซิฟิกใต้[95][96] ภาพยนตร์มีการเปลี่ยนวันฉายอีกครั้ง โดยฉายในอเมริกาเหนือวันที่ 25 มีนาคม ค.ศ. 2016[97]

ภาพยนตร์ดำเนินเรื่อง 18 เดือน หลังเหตุการณ์ใน บุรุษเหล็ก ซูเปอร์แมน[98] แบทแมน ปะทะ ซูเปอร์แมน แสงอรุณแห่งยุติธรรม แนะนำ เอซรา มิลเลอร์ เป็น แบร์รี อัลเลน / เดอะ แฟลช,[99] เจสัน โมโมอา เป็น อาร์เธอร์ เคอร์รี / อควาแมน,[87] เรย์ ฟิชเชอร์ เป็น วิคเตอร์ สโตน / ไซบอร์ก,[100] และ โจ มอร์ตัน เป็น ดร. ไซลาส สโตน[101] ภาพยนตร์ยังแนะนำ สตีฟเฟนวูล์ฟ ซึ่งจะเป็นตัวร้ายหลักใน จัสติซ ลีก, ผ่านฉากสั้น ๆ แต่ฉากนั้นไม่ได้อยู่ในภาพยนตร์ที่ฉายในโรงภาพยนตร์, แต่ถูกเปิดเผยบนออนไลน์โดยวอร์เนอร์บราเธอส์เมื่อวันที่ 28 มีนาคม,[102] ก่อนจะรวมอยู่ในการวางจำหน่ายโฮมวิดีโอในรูปแบบ Ultimate Edition[103]

ทีมพลีชีพ มหาวายร้าย (2016)[แก้]

ดูบทความหลักที่: ทีมพลีชีพ มหาวายร้าย
เดวิด เอเยอร์ ผู้เขียนบทและกำกับของ ทีมพลีชีพ มหาวายร้าย

หลังการเสียชีวิตของซูเปอร์แมน หน่วยงานลับของรัฐบาลได้ทำการเกณฑ์ตัวร้ายที่มีพลังพิเศษที่ถูกคุมขัง เพื่อทำภารกิจลับที่อันตรายและช่วยเหลือโลกจากภัยคุกคามอันทรงพลังเพื่อแลกกับอิสรภาพ[104]

เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2009 ก่อนการพัฒนาของจักรวาลขยายดีซี วอร์เนอร์บราเธอส์เคยพัฒนาภาพยนตร์ ซุยไซด์สควอด โดยมี แดน ลิน เป็นผู้อำนวยการสร้างและจัสติน มาร์กส์ เป็นผู้เขียนบท[105] วอร์เนอร์บราเธอส์ประกาศภาพยนตร์ ทีมพลีชีพ มหาวายร้าย (Suicide Squad) เมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ. 2014 โดยยืนยันว่า เดวิด เอเยอร์ เป็นผู้กำกับ[29] เมื่อเดือนธันวาคม มีการเปิดเผยว่าเอเยอร์ทำหน้าที่เขียนบทภาพยนตร์ด้วย[106] นักแสดงหลักประกอบด้วย วิลล์ สมิธ เป็น เดดช็อต, มาร์โก ร็อบบี เป็น ฮาร์ลีย์ ควินน์, จาเรด เลโท เป็น โจ๊กเกอร์, ไจ คอร์ตนีย์ เป็น กัปตันบูมเมอแรง, เจย์ เฮอร์นันเดส เป็น เอลไดอะโบล, แอดิวาเล แอคินูเย-อากบาเจ เป็น คิลเลอร์คร็อค, แคเรน ฟูกูฮาระ เป็น คาตานะ, คาร่า เดอเลวีญ เป็น เอนแชนเทรส, วิโอลา เดวิส เป็น อแมนดา วอลเลอร์, และ โจเอล คินนาแมน เป็น ริก แฟรก[107] แต่เดิม ทอม ฮาร์ดี ได้รับคัดเลือกให้แสดงเป็น ริก แฟรก แต่ก็ถอนตัวเนื่องจากปัญหาตารางงานของเขากับภาพยนตร์ เดอะ เรเวแนนท์ ต้องรอด[108] การถ่ายทำเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 13 เมษายน ค.ศ. 2015[109] บริเวณในและโดยรอบเมืองโทรอนโต[110] การถ่ายทำเสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม ค.ศ. 2015[111] ภาพยนตร์มีการถ่ายซ่อมอยู่หลายครั้ง เพื่อให้มีองค์ประกอบที่สนุกสนานและตลกขบขันคล้ายกับในตัวอย่างภาพยนตร์ โดยเฉพาะหลังจากความล้มเหลวในด้านคำวิจารณ์ของ แบทแมน ปะทะ ซูเปอร์แมน แสงอรุณแห่งยุติธรรม ที่ภาพยนตร์ดังกล่าวมีเนื้อหาที่จริงจังเกินไป ทีมพลีชีพ มหาวายร้าย ฉายในอเมริกาเหนือเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม ค.ศ. 2016[112]

ภาพยนตร์ดำเนินเรื่องหลังเหตุการณ์ใน แบทแมน ปะทะ ซูเปอร์แมน แสงอรุณแห่งยุติธรรม[113] เบน แอฟเฟล็ก แสดงเป็น บรูซ เวย์น / แบทแมน และ เอซรา มิลเลอร์ แสดงเป็น แบร์รี อัลเลน / เดอะ แฟลช ปรากฏตัวในภาพยนตร์เรื่องนี้[113]และในฉากกลางเครดิต, วอลเลอร์พบกับเวย์นในร้านอาหารแล้วยื่นแฟ้มเอกสารซึ่งมีข้อมูลเกี่ยวกับสมาชิกจัสติซ ลีกในอนาคต[114]

วันเดอร์ วูแมน (2017)[แก้]

แพตตี เจนคินส์ ผู้กำกับ วันเดอร์ วูแมน และผู้เขียนบทร่วมและกำกับ วันเดอร์ วูแมน 1984

ไดแอน่าแห่งเทอมิสกีร่า, นักรบชาวแอมะซอนและเป็นเทวธิดาของเทพเจ้าซุส, ใช้พรสวรรค์และความสามารถของเธอเพื่อช่วยเหลือมนุษยชาติในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง

นักแสดงและนางแบบชาวอิสราเอล กัล กาด็อต ได้รับคัดเลือกให้แสดงเป็น ไดแอน่า พรินซ์ / วันเดอร์วูแมน เมื่อเดือนธันวาคม ค.ศ. 2013 เซ็นสัญญาตกลงแสดงภาพยนตร์สามเรื่องรวมทั้งภาพยนตร์เดี่ยว[89][115] วอร์เนอร์บราเธอส์ประกาศภาพยนตร์ วันเดอร์ วูแมน เมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ. 2014[29] เมื่อเดือนพฤศจิกายน, มิเชล แมคลาเรน ได้รับการยืนยันว่าจะกำกับภาพยนตร์จากบทภาพยนตร์โดย เจสัน ฟุชส์[116][117] เมื่อเดือนเมษายน ค.ศ. 2015, แมคลาเรนถอนตัวจากโครงการเนื่องจากความคิดสร้างสรรค์แตกต่างกัน[118] เดือนต่อมา, มีการประกาศว่า แพตตี เจนคินส์ จะเป็นผู้กำกับภาพยนตร์[119] เดือนกรกฎาคม, คริส ไพน์ ได้รับคัดเลือกให้แสดงเป็น สตีฟ เทรเวอร์[120] นักแสดงคนอื่นประกอบด้วย คอนนี เนลเซน เป็น ราชินี ฮิปโปลิตา, โรบิน ไรท์ เป็น นายพลหญิง แอนไทโอพี, แดนนี ฮัสตัน เป็น เอริช ลูเดนดอร์ฟ, เอเลนา อนายา เป็น ดอกเตอร์พอยซัน, และ เดวิด ธีวลิส เป็น แอรีส[121][122] การถ่ายทำเริ่มต้นขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2015 โดยถ่ายทำที่ สหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศสและอิตาลี[123] วันเดอร์ วูแมน ฉายในอเมริกาเหนือเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน ค.ศ. 2017[112]

จัสติซ ลีก (2017)[แก้]

ดูบทความหลักที่: จัสติซ ลีก (ภาพยนตร์)

หลังจากการเสียชีวิตของซูเปอร์แมนด้วยน้ำมือของ ดูมส์เดย์ แบทแมนและวันเดอร์ วูแมนจำเป็นต้องตามหาคนที่มีพลังพิเศษมารวมทีมเพื่อเผชิญหน้ากับภัยคุกคามครั้งใหม่[124]

เมื่อเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2013 มีรายงานว่าโกเยอร์จะเขียนบทภาพยนตร์ จัสติซ ลีก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาที่เขาเซ็นกับภาพยนตร์ บุรุษเหล็ก ซูเปอร์แมน[84] เมื่อเดือนเมษายน ค.ศ. 2014 มีประกาศว่าสไนเดอร์จะกลับมาเป็นผู้กำกับภาพยนตร์[125] โดยชื่อของภาพยนตร์ประกาศเมื่อเดือนตุลาคมคือ จัสติซ ลีก พาร์ท 1 (Justice League Part One)[29] เมื่อเดือนมีนาคม ค.ศ. 2016 มีการยืนยันว่า คริส เทอร์ริโอ จะทำหน้าที่เขียนบทภาพยนตร์ ซึ่งเขากล่าวว่าภาพยนตร์จะไม่มืดมนเท่า แบทแมน ปะทะ ซูเปอร์แมน แสงอรุณแห่งยุติธรรม[126] ในเดือนมิถุนายน, เจฟฟ์ จอห์นส์ ประกาศเปลี่ยนชื่อภาพยนตร์เหลือแค่ จัสติซ ลีก (Justice League)[127] แอฟเฟล็ก, แควิลล์, กาด็อท, โมโมอา, มิลเลอร์, ฟิชเชอร์, ไอเอินส์, เลน, แอดัมส์, ไอเซนเบิร์ก, นีลเซน, ไรท์และมอร์ตัน กลับมารับบทเดิมจากภาพยนตร์ก่อนหน้านี้[128][129][130] เคียรัน ไฮส์ ให้เสียงและแสดงแบบจับการเคลื่อนไหวเป็นตัวร้าย สตีฟเฟนวูล์ฟ[131] การถ่ายทำเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 11 เมษายน ค.ศ. 2016 ที่ วอร์เนอร์บราเธอร์สสตูดิโอ, ลิฟส์เดน ในประเทศอังกฤษ, บริเวณรอบเมืองลอนดอนและไอซ์แลนด์[132] การถ่ายทำเสร็จสิ้นเดือนตุลาคม ค.ศ. 2016[133] ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2017, สไนเดอร์ถอนตัวจากตำแหน่งเนื่องจากลูกสาวของเขาเสียชีวิต ทำให้ จอสส์ วีดอน เข้ามาทำหน้าที่แทนในช่วงหลังการถ่ายทำ มีการเพิ่มฉากใหม่จากการเขียนและกำกับโดยเขา[134] ถึงแม้ว่าวีดอนจะไม่มีชื่อในฐานะเป็นผู้กำกับหลังการถ่ายทำอย่างเป็นทางการ แต่ว่าเขาทำงานสำเร็จมากพอที่จะมีชื่อในฐานะผู้เขียนบทของภาพยนตร์[135] จัสติซ ลีก ฉายทั่วโลกเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ค.ศ. 2017[132]

จัสติซ ลีก แนะนำตัวละครใหม่หลายคน ประกอบด้วย เจ. เค. ซิมมอนส์ เป็น เจมส์ กอร์ดอน,[136] แอมเบอร์ เฮิร์ด เป็น มีรา,[137] และบิลลี ครูดัพ เป็น เฮนรี อัลเลน[138] นอกจากนี้ ยังแนะนำ โจ แมงแกเนียลโล เป็น สแลด วิลสัน / เดธสโตรก ในฉากหลังเครดิตที่เขากับเล็กซ์ ลูเธอร์ พูดคุยถึงการสร้างพันธมิตรร่วมกันและเป็นไปได้ว่านั้นคือ ลีเจียนออฟดูม[139] ฉากที่มี เคียร์ซี เคลมอนส์ เป็น ไอริส เวสต์ และ วิลเลม เดโฟ เป็น นูยดิส วัลโก แสดงนั้นถูกตัดออกจากภาพยนตร์[140][141]

จัสติซ ลีก ของ แซ็ก สไนเดอร์ (2021)[แก้]

การตอบรับที่แตกออกเป็นสองฝั่งของภาพยนตร์ฉบับสุดท้ายของ จัสติซ ลีก มาจากการที่แซ็ก สไนเดอร์ลาออกจากตำแหน่งผู้กำกับ ทำให้ภาพยนตร์ตกอยู่ในมือของ จอสส์ วีดอน ทำให้เกิดการรณรงค์ให้มีการปล่อยภาพยนตร์ฉบับ "สไนเดอร์คัต" โดยแฟน ๆ มีการถกเถียงกันว่าวิสัยทัศน์ของสไนเดอร์จะเหมือนกับภาพยนตร์ก่อนหน้ามากกว่าภาพยนตร์ จัสติซ ลีก ที่ฉายในโรงภาพยนตร์[142] เมื่อเดือนมีนาคม ค.ศ. 2019 สไนเดอร์ยืนยันว่าภาพยนตร์ฉบับของเขามีอยู่จริง และกล่าวว่าขึ้นอยู่กับวอร์เนอร์บราเธอส์ว่าจะปล่อยมันหรือไม่[143] เมื่อเดือนพฤศจิกายน วอร์เนอร์บราเธอส์ ยังคงเงียบเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถึงแม้ว่า วาไรตี จะรายงานว่า วอร์เนอร์บราเธอส์ ไม่น่าจะปล่อย จัสติซ ลีก ของแซ็ก สไนเดอร์ โดยมีคนวงในสตูดิโอบอกว่าเป็น "ความฝันลม ๆ แล้ง ๆ"[144]

เมื่อเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2020 สไนเดอร์ประกาศอย่างเป็นทางการว่าภาพยนตร์ จัสติซ ลีกของเขาจะปล่อยในเอชบีโอแม็กซ์ในวันที่ 18 มีนาคม ค.ศ. 2021[145] ก่อนหน้านี้ภาพยนตร์จะแบ่งเป็นแบบมินิซีรีส์จำนวนสี่ตอน แต่ในที่สุดก็ฉายเป็นภาพยนตร์ความยาวสี่ชั่วโมง[146] ยาวเป็นสองเท่าของภาพยนตร์ฉบับฉายในโรงภาพยนตร์[147] สไนเดอร์ระบุว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ตั้งใจไม่ให้ส่งผลกระทบต่ออนาคตของความต่อเนื่องในดีซีอียู เหมือนกับว่าภาพยนตร์นั้นดำเนินเรื่องในจักรวาลอื่นเล็กน้อย[148] ภาพยนตร์ใช้ทุนสร้างประมาณ 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อทำเทคนิคพิเศษและการถ่ายทำเพิ่มเติม[149] แอฟเฟล็ก, มิลเลอร์, ฟิชเชอร์, เฮิร์ดและแมงกาเนียลโล กลับมารับบทเดิมและถ่ายทำเพิ่มเติม[150][151] ขณะที่ จาเรด เลโท เป็น เดอะโจ๊กเกอร์ และ แฮร์รี เลนนิกซ์ เป็น คาลวิน สวานวิก / มาเชียนแมนฮันเตอร์ ถูกเพิ่มเข้ามาในภาพยนตร์ฉบับนี้[152][153] ภาพยนตร์เสร็จสมบูรณ์ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2021[154] ตัวละครในภาพยนตร์ฉบับเดิมที่ถูกตัดออก ได้แก่ ดาร์กไซด์ (แสดงโดย เรย์ พอร์เตอร์),[155] ดีซาด (แสดงโดย ปีเตอร์ กินเนสส์),[156] นูยดิส วัลโก (แสดงโดย วิลเลม เดโฟ)[157] ไอริส เวสต์ (แสดงโดย เคียร์ซี เคลมอนส์),[158] ไรอัน ชอย (แสดงโดย จาง ไค),[159] กรีนเลนเทิร์นส หลายคนและแกรนนีกูดเนสส์[160]

อควาแมน เจ้าสมุทร (2018)[แก้]

ดูบทความหลักที่: อควาแมน เจ้าสมุทร
เจมส์ วาน ผู้เขียนเนื้อเรื่องร่วมและผู้กำกับ อควาแมน เจ้าสมุทร และผู้เขียนบทร่วมและผู้กำกับ อควาแมนแอนด์เดอะลอสต์คิงดอม

อาร์เธอร์ เคอร์รี ผู้ช่วยดูแลประภาคารลูกครึ่งชาวแอตแลนติส ออกเดินทางไปยังอาณาจักรใต้น้ำ แอตแลนติส เพื่อทวงคืนบัลลังค์จาก กษัตริย์ออร์ม พี่น้องต่างบิดาของเขา ผู้ที่พยายามรวมอาณาจักรใต้น้ำทั้งเจ็ดเข้าด้วยกันเพื่อต่อสู้กับโลกเบื้องบน

เมื่อเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2014 เจสัน โมโมอา ได้รับคัดเลือกแสดงเป็น อาร์เธอร์ เคอร์รี / อะควาแมน[87] ในเดือนสิงหาคม วิลล์ บีลล์และเคิร์ต จอห์นสแตด แข่งขันกันเขียนบทภาพยนตร์เดี่ยวของตัวละคร[161] ภาพยนตร์ อควาแมน เจ้าสมุทร (Aquaman) ประกาศเมื่อเดือนตุลาคม[29] ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2015 เจมส์ วาน ได้รับการว่าจ้างให้เป็นผู้กำกับ รวมถึงดูแลบทภาพยนตร์ของจอห์นสแตด[162] ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2015 เดวิด ลีสลี จอห์นสัน ได้รับการว่าจ้างให้เขียนบทภาพยนตร์ใหม่[163] ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2016 บีลล์กลับเขียนบทภาพยนตร์โดยอิงจากบทร่างของวานและเจฟฟ์ จอห์นส์[164] จอห์นสันทำการเขียนบทใหม่จากบทของบีลล์ ร่วมกับวานและผู้อำนวยการสร้าง ปีเตอร์ ซาฟราน[165] ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2016 แพทริก วิลสัน ได้รับคัดเลือกแสดงเป็น ออร์ม / โอเชียนมาสเตอร์ พี่น้องต่างบิดาของอะควาแมนและตัวร้ายหลักของเรื่อง[166][167] ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2017 ยาห์ยา อับดุล-มาทีน ที่ 2 ได้รับคัดเลือกแสดงเป็น แบล็คแมนตา[168] แอมเบอร์ เฮิร์ดกลับมารับเดิมเป็นมีราจาก จัสติซ ลีก [169] นักแสดงคนอื่น ๆ ประกอบด้วย วิลเลม เดโฟ เป็น นูยดิส วัลโก,[170] ทีมูเอรา มอร์ริสัน เป็น ทอม เคอร์รี พ่อของอะควาแมน,[169] นิโคล คิดแมน เป็น ราชินีแอตแลนนา แม่ของอะควาแมน,[171] และ ดอล์ฟ ลันด์แกรน เป็น กษัตริย์เนเรอุส[172] การถ่ายทำเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ค.ศ. 2017 ที่ รัฐควีนส์แลนด์, ประเทศออสเตรเลีย[169] และเสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม ค.ศ. 2017[173] อควาแมน เจ้าสมุทร ฉายในอเมริกาเหนือเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 2018[174]

ภาพยนตร์ดำเนินเรื่องหลังเหตุการณ์ใน จัสติซ ลีก ถึงแม้ว่านักวิจารณ์จะสังเกตเห็นถึงความไม่สอดคล้องกันมากมายระหว่างภาพยนตร์ที่เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ทั้งสองเรื่อง[175] นอกจากนี้ โมโมอาอ้างว่าภาพยนตร์ดำเนินเรื่องหลัง คัตของแซ็ก ด้วยตอนจบของภาพยนตร์นั้นเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ใน อควาแมน เจ้าสมุทร โดยตรง[176]

ชาแซม! (2019)[แก้]

ดูบทความหลักที่: ชาแซม! (ภาพยนตร์)
เดวิด เอฟ. แซนด์เบิร์ก ผู้กำกับ ชาแซม! และ ชาแซม! ฟิวรีออฟเดอะก็อดส์

บิลลี แบทสัน เด็กอุปถัมภ์อายุ 14 ปี สามารถแปลงกายเป็นซูเปอร์ฮีโรร่างผู้ใหญ่ได้ด้วยการพูดว่า ชาแซม! หลังจากเขาได้รับพลังพิเศษมาจากพ่อมดโบราณ เขาพยายามควบคุมพลังของเขาและกำจัดกองกำลังชั่วร้ายที่ควบคุมโดย ดร. แธดเดียส ซิวานา[177]

เมื่อเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2014 ดเวย์น จอห์นสัน ประกาศว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการซูเปอร์ฮีโร ชาแซม, หรือในอดีตเรียกว่ากัปตันมาร์เวล[178] ในเดือนกันยายน จอห์นสันเปิดเผยว่าเขาจะแสดงเป็นแอนตีฮีโร แบล็ก อดัม ศัตรูคู่ปรับของชาแซมในภาพยนตร์ โดยมีดาร์เรน เลมกีเขียนบทภาพยนตร์[179] ภาพยนตร์ ชาแซม ประกาศเมื่อเดือนตุลาคม[29] ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2017, เฮนรี เกย์เด็นกำลังทำงานเขียนบทภาพยนตร์[180] ในเดือนกรกฎาคม, มีการยืนยันว่า เดวิด เอฟ. แซนด์เบิร์ก จะกำกับภาพยนตร์ ชาแซม!,[181] และจอห์นสันจะไม่ปรากฏตัวในภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่จะไปปรากฏตัวในภาพยนตร์เดี่ยว แบล็ก อดัม แทน[182] งานก่อนเริ่มถ่ายทำนั้นเริ่มต้นเมื่อเดือนสิงหาคม[183] ในเดือนตุลาคม, แซคารี ลีวาย ได้รับคัดเลือกแสดงเป็น ชาแซม,[184] และในเดือนพฤศจิกายน, แอชเชอร์ แอนเจิล ได้รับคัดเลือกแสดงเป็น บิลลี แบทสัน, ร่างเด็กของชาแซม[185] ตัวร้ายของเรื่องคือ ดอกเตอร์ซิวานา แสดงโดย มาร์ก สตรอง[186][187] นักแสดงคนอื่น ๆ ประกอบด้วย แจ็ค ดีแลน เกรเซอร์, เกรซ ฟัลตัน, โยเวน อาร์มานด์, เอียน เชน, และ เฟธ เฮอร์เมน เป็นพี่น้องอุปถัมภ์ของแบทสัน,[188][189][190][191] คูเปอร์ แอนดรูวส์ และ มาร์ตา มิลานส์ เป็น พ่อแม่อุปถัมภ์ของแบทสัน,[192][193] และ ไจมอน ฮอนซู เป็นพ่อมด ชาแซม, ผู้ให้พลังของเขาแก่แบทสัน[194] การถ่ายทำเริ่มต้นเมื่อวันที่ 29 มกราคม ค.ศ. 2018 ที่ โทรอนโต และเสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม ค.ศ. 2018,[195][196][197] ส่วนใหญ่ถ่ายทำที่ไพน์วูดโทรอนโตสตูดิโอส์และสถานที่ต่าง ๆ รอบเมือง[198] ชาแซม! (Shazam!) ฉายในอเมริกาเหนือเมื่อวันที่ 5 เมษายน ค.ศ. 2019 [199]

ภาพยนตร์ดำเนินเรื่องหลังเหตุการณ์ใน จัสติซ ลีก[200] มีการแนะนำตัวร้าย มิสเตอร์มายด์ ในฉากกลางเครดิต[201]

ทีมนกผู้ล่า กับฮาร์ลีย์ ควินน์ ผู้เริดเชิด (2020)[แก้]

เคที ยาน ผู้กำกับ ทีมนกผู้ล่า กับฮาร์ลีย์ ควินน์ ผู้เริดเชิด

หลังเหตุการณ์ใน ทีมพลีชีพ มหาวายร้าย ฮาร์ลีย์ ควินน์เลิกกับโจ๊กเกอร์ ต่อมามีเด็กสาวคนหนึ่งชื่อแคสซานดรา เคนแอบขโมยเพชรจากเจ้าพ่ออาชญากรรม แบล็ก แมสก์ ฮาร์ลีย์จึงต้องร่วมมือกับ แบล็ก แคนารี, ฮันเทรสและเรเน มอนโทยา เพื่อปกป้องเธอ[202][203]

เมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2016 ภาพยนตร์ ทีมนกผู้ล่า (Birds of Prey) ซึ่งนำเค้าโครงมาจากทีมซูเปอร์ฮีโรหญิงในชื่อเดียวกัน กำลังพัฒนาโดยมีคริสตินา ฮอดสันเซ็นสัญญาเป็นผู้เขียนบท[204] ในเดือนเมษายน ค.ศ. 2018 วอร์เนอร์บราเธอส์เลือกเคธี่ ยานมากำกับภาพยนตร์พร้อมกันกับมาร์โก ร็อบบี, ซู ครอลและไบรอัน อันเคลเลส ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้าง ร็อบบีนั้นกลับมารับบทเดิมของเธอก็คือฮาร์ลีย์ ควินน์จาก ทีมพลีชีพ มหาวายร้าย[205] ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่ได้รับเรต R ในแฟรนไชส์และมีทุนสร้างน้อยกว่าภาพยนตร์อื่น[206] นอกจากร็อบบีในบทแสดงนำแล้ว ในทีมประกอบด้วย แมรี เอลิซาเบธ วินสตีด, เจอร์นี สมอลเล็ตต์-เบลล์, โรซี เปเรซและเอลลา เจย์ บาสโค เป็น ฮันเทรส, แบล็ก แคนารี, เรเน มอนโทยาและแคสซานดรา เคน ตามลำดับ[207][208][209] แบล็ก แมสก์ เป็นตัวร้ายหลักของเรื่องแสดงโดย ยวน แม็คเกรเกอร์ และ คริส เมสซินา เป็น วิคเตอร์ แซซ[210][211][212] งานก่อนการถ่ายทำเริ่มต้นขึ้นเมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2018[213] การถ่ายทำเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 15 มกราคม ถึงวันที่ 15 เมษายน ค.ศ. 2019 ที่ลอสแอนเจลิส[214][215][216] เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2018 ร็อบบีเผยชื่อเต็มของภาพยนตร์ก็คือ ทีมนกผู้ล่า กับฮาร์ลีย์ ควินน์ ผู้เริดเชิด (Birds of Prey (and the Fantabulous Emancipation of One Harley Quinn))[217] ทีมนกผู้ล่า ฉายรอบปฐมทัศน์ที่ลอนดอนเมื่อวันที่ 29 มกราคม ค.ศ. 2020 และฉายรอบทั่วไปเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2020[218] หนึ่งสัปดาห์หลังเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ ชื่อของภาพยนตร์ได้เปลี่ยนเป็น ฮาร์ลีย์ ควินน์: ทีมนกผู้ล่า (Harley Quinn: Birds of Prey) เพื่อให้ "คนที่ไปดูภาพยนตร์นั้นเข้าใจว่า ทีมนกผู้ล่า นั้นเกี่ยวกับอะไรได้ดียิ่งขึ้น"[219]

ภาพยนตร์ดำเนินเรื่องหลังจากเหตุการณ์ใน ทีมพลีชีพ มหาวายร้าย[220]

วันเดอร์ วูแมน 1984 (2020)[แก้]

ดูบทความหลักที่: วันเดอร์ วูแมน 1984

ในปี ค.ศ. 1984 ช่วงสงครามเย็น ไดอาน่า พรินซ์และสตีฟ เทรเวอร์ อดีตคนรักของเธอ เผชิญหน้ากับชีตาห์และแม็กซ์ ลอร์ด[221]

เมื่อเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2017 เจฟฟ์ จอห์นส์ และ แพตตี เจนคินส์ เริ่มร่างบทภาคต่อของ วันเดอร์ วูแมน[222] ในเดือนกรกฎาคม จอห์นสก็ได้เริ่มเขียนบท[223] ในเดือนเดียวกัน, ภาคต่อได้ถูกประกาศอย่างเป็นทางการที่งานซานดิเอโก คอมมิค-คอน[224] กาด็อทกลับมารับบทเดิมเป็นวันเดอร์ วูแมน[224] ในเดือนกันยายน, เจนกินส์ตกลงเซ็นสัญญากลับมาเป็นผู้กำกับ,[225] และนำ เดวิด คาลลาแฮม มาเขียนบทร่วมกับเธอและจอห์นส[226] ภาพยนตร์ดำเนินเรื่องอยู่ในยุค 1980 ช่วงระหว่างสงครามเย็น[227][228][229] เจนกินส์พูดถึงภาพยนตร์เรื่องนี้ว่าจะเป็นเรื่องราวความรักที่ยิ่งใหญ่อีกเรื่อง[230] ช่วงก่อนการถ่ายทำเริ่มขึ้นเมื่อต้นเดือนธันวาคม ค.ศ. 2017[231][232] เมื่อเดือนมีนาคม ค.ศ. 2018, คริสเตน วิก ได้รับคัดเลือกมาแสดงเป็น บาร์บารา แอน มิเนอร์วา / ชีตาห์, ตัวร้ายหลักของภาพยนตร์,[233][234] และ เปโดร พาสคาล ได้รับคัดเลือกมาแสดงเป็น แม็กซ์เวลล์ ลอร์ด[235][236] การถ่ายทำเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน ค.ศ. 2018 ที่ใกล้ ๆ วอชิงตัน ดี.ซี.และ เวอร์จิเนียเหนือ[237] สถานที่ถ่ายทำอื่น ๆ ได้แก่วอร์เนอร์บราเธอร์สสตูดิโอ, ลิฟส์เดนในสหราชอาณาจักร, เกาะเตเนริเฟและเกาะฟูเอร์เตเบนตูรา ใน สเปน[238][239][240] วันเดอร์ วูแมน 1984 (Wonder Woman 1984) กำหนดฉายวันที่ 25 ธันวาคม ค.ศ. 2020 เลื่อนจากวันฉายเดิมคือวันที่ 5 มิถุนายน ค.ศ. 2020 เนื่องจากการระบาดทั่วของไวรัสโคโรนา[241] โดยฉายในเอชบีโอแม็กซ์และในโรงภาพยนตร์พร้อมกัน

ดรีมสโตน—อัญมณีซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับตัวละคร ดอกเตอร์เดสตินี และ ดรีม จากกลุ่ม เอนด์เลส ในการ์ตูน—มีบทบาทสำคัญในภาพยนตร์[242][243]

เดอะ ซุยไซด์ สควอด (2021)[แก้]

ดูบทความหลักที่: เดอะ ซุยไซด์ สควอด
เจมส์ กันน์ ผู้เขียนบทและผู้กำกับของ เดอะ ซุยไซด์ สควอด

วอลเลอร์ส่งทีมทาสก์ฟอร์ซเอ็กซ์ ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกเก่าและใหม่ ไปทำภารกิจทำลายห้องปฏิบัติการสมัยนาซีที่มียังมีการทดลองอยู่

ภาคต่อของ ทีมพลีชีพ มหาวายร้าย ประกาศเมื่อเดือนมีนาคม ค.ศ. 2016 โดยมีเอเยอร์กลับมาทำหน้าที่เป็นผู้กำกับ[244] แอดัม โคแซด ถูกจ้างให้เขียนบทภาพยนตร์เมื่อเดือนมีนาคม ค.ศ. 2017[245] ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2017 แซค เพนน์ เขียนร่างเนื้อเรื่องใหม่[246] ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2017, แกวิน โอ'คอนเนอร์ ถูกจ้างให้เป็นผู้กำกับแทนเอเยอร์ซึ่งถอนตัวไป โอ'คอนเนอร์ยังดึงตัว เดวิด บาร์ แคตซ์ และ ทอดด์ สแตชวิค มาเป็นผู้เขียนบทร่วมด้วย[247][248][249] บทร่างสุดท้ายเสร็จสมบูรณ์เมื่อเดือนกันยายน ค.ศ. 2018[250] เดือนต่อมา, โอ'คอนเนอร์ ถอนตัวออกจากโครงการเพราะวอร์เนอร์บราเธอร์สเชื่อว่าบทภาพยนตร์นั้นคล้ายคลึงกับ ทีมนกผู้ล่า มากเกินไป[251] เมื่อเดือนมกราคม ค.ศ. 2019 ภาพยนตร์ถูกเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น เดอะ ซุยไซด์ สควอด (The Suicide Squad) โดยมี เจมส์ กันน์ เป็นผู้กำกับจากบทภาพยนตร์ใหม่ที่เขาเขียน[252] กันน์เลือกโครงการนี้ก่อนโครงการภาพยนตร์อื่น ๆ ที่กำลังพัฒนาของวอร์เนอร์บราเธอร์ส รวมถึงภาพยนตร์ซูเปอร์แมน[253] เมื่อเดือนมีนาคม อิดริส เอลบา เข้ามาร่วมแสดงด้วย โดยในตอนแรกเขาจะมาแทนที่ วิลล์ สมิธ ในบทบาท เดดช็อต ซึ่งสมิธถอนตัวไปเนื่องจากปัญหาตารางเวลา แต่ต่อมาตัดสินใจว่าเอลบาจะแสดงเป็นตัวละครใหม่ ทำให้สมิธสามารถกลับมารับบทเดิมได้ในอนาคต[254][255]

มาร์โก ร็อบบี, โจเอล คินนาแมน, ไจ คอร์ตนีย์, และ วิโอลา เดวิส จะกลับมารับบทเดิมจากภาคแรก, ขณะที่ เดวิด เดสมัลเชียน, สตีฟ อะกี, ไมเคิล รุกเกอร์, ปีเตอร์ คาพัลดิ, ไทกา ไวทีที, อลิซ บรากา, ฌอน กันน์, ฮวน ดิเอโก บอตโด, สตอร์ม รีด, พีต เดวิดสัน, เนตัน ฟิลเลียน, ฟลูลา บอร์ก, จอห์น ซีนา และ วาคีน โคซิโอ เข้าร่วมแสดงด้วย[256][257] การถ่ายทำเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 20 กันยายน ค.ศ. 2019 ที่ ไพน์วูดแอตแลนตาสตูดิโอที่แอตแลนตา, พร้อมกับถ่ายทำเพิ่มเติมที่ ปานามา[258][259][260] เดอะ ซุยไซด์ สควอด ฉายในสหราชอาณาจักรเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม ค.ศ. 2021 และฉายในสหรัฐวันที่ 5 สิงหาคม ค.ศ. 2021 โดยฉายทั้งในโรงภาพยนตร์และบนเอชบีโอแม็กซ์[261]

แบล็ก อดัม (2022)[แก้]

ดูบทความหลักที่: แบล็ก อดัม (ภาพยนตร์)
เจาเม กูเล็ต-เซระ ผู้กำกับ แบล็ก อดัม

เกือบ 5,000 ปีหลังจากที่เขาได้รับมอบอำนาจของเทพเจ้าอียิปต์และถูกคุมขัง แบล็ก อดัม ก็เป็นอิสระจากหลุมฝังศพของเขา พร้อมที่จะปลดปล่อยรูปแบบความยุติธรรมที่ไม่เหมือนใครในโลกสมัยใหม่[262]

เมื่อเดือนกันยายน ค.ศ. 2014 ดเวย์น จอห์นสัน ได้รับคัดเลือกแสดงเป็น แบล็ก อดัม หลังได้รับพิจารณาว่าจะแสดงเป็นชาแซมและโลโบก่อนหน้านี้[179][263] ตัวละครนี้ตั้งใจว่าจะปรากฏตัวใน ชาแซม!, แต่เมื่อเดือนมกราคม ค.ศ. 2017 ทางสตูดิโอผู้สร้างได้เลือกที่จะแบ่งไปอีกภาพยนตร์หนึ่ง เพื่อมุ่งเน้นการเล่าเรื่องต้นกำเนิดของแบล็ก อดัม[180] จอห์นสันซึ่งเป็นผู้อำนวยการสร้างของเรื่องนี้กล่าวว่าทั้งสองตัวละครจะพบกันในภาพยนตร์ในอนาคต[264] เมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ. 2017 แอดัม สตีคีล ได้รับการว่าจ้างให้เขียนบทภาพยนตร์[265] เมื่อเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2019 มีประกาศว่า เจาเม กูเล็ต-เซระ เป็นผู้กำกับภาพยนตร์ พร้อมกับ โบ ฟลินน์, จอห์นสัน, ฮิราม การ์เซียและแดนี การ์เซีย เป็นผู้อำนวยการสร้าง[266][267] เมื่อเดือนกันยายน ค.ศ. 2020 รอรี เฮนส์และโซห์ริบ โนเชอร์วานี เขียนบทร่างภาพยนตร์ใหม่[268] จัสติซโซไซตีออฟอเมริกา จะปรากฏตัวในภาพยนตร์ โดยมี อัลดิส ฮอดจ์ แสดงเป็น ฮอว์กแมน,[269] โนอาห์ เซนติเนโอ แสดงเป็น อะตอมสแมชเชอร์,[270] ควินเทสซา สวินเดลล์ แสดงเป็น ไซโคลน,[271] และเพียร์ซ บรอสแนน แสดงเป็น ดอกเตอร์เฟต[272] นักแสดงคนอื่น ๆ ประกอบด้วย ซาราห์ ชาฮี แสดงเป็น เอเดรียนา โทแมซ[273] และ มาร์วัน เคนซารี ได้รับเลือกเป็นนักแสดงในบทบาทที่ยังไม่เปิดเผย[274] การถ่ายทำเริ่มต้นเมื่อวันที่ 10 เมษายน ค.ศ. 2021[275] และสิ้นสุดเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม ค.ศ. 2021[276] กำหนดฉายวันที่ 21 ตุลาคม ค.ศ. 2022[277]

นักแสดงที่กลับมารับบทเดิมของพวกเขาในจักรวาลขยายดีซี ได้แก่ เฮนรี แควิลล์ เป็น คาล-เอล / คลาร์ก เคนต์ / ซูเปอร์แมน,[278][279] ไวโอลา เดวิส เป็น อะแมนดา วอลเลอร์, จีมง อูนซู เป็น พ่อมดชาแซม และ เจนนิเฟอร์ ฮอลแลนด์ เป็น เอมีเลีย ฮาร์คอร์ต[280][281]

ชาแซม! จุดเดือดเทพเจ้า (2023)[แก้]

ดูบทความหลักที่: ชาแซม! จุดเดือดเทพเจ้า

ภาคต่อของ ชาแซม! เข้าสู่การพัฒนาเมื่อเดือนเมษายน ค.ศ. 2019 โดยมี เฮนรี เกย์เด็น กลับมาเขียนบทภาพยนตร์ ส่วนผู้กำกับ เดวิด เอฟ. แซนด์เบิร์ก และผู้อำนวยการสร้าง ปีเตอร์ ซาฟราน คาดว่าจะกลับมาเช่นกัน[65] แซคารี ลีวาย จะกลับมารับบทเดิมเป็นชาแซม[282] ในงานดีซีแฟนโดม มีการประกาศชื่อภาพยนตร์ภาคต่อว่า ชาแซม! จุดเดือดเทพเจ้า (Shazam! Fury of the Gods)[283] ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2021 เรเชล แซกเลอร์ เข้าร่วมเป็นนักแสดงในบทบาทสำคัญที่ยังไม่เปิดเผย[67] ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2021 เฮเลน เมียร์เรน เข้าร่วมเป็นนักแสดงในบทบาทตัวร้ายของเรื่องชื่อว่า เฮสเปรา[284] ในเดือนเมษายน ค.ศ. 2021 ลูซี ลู เข้าร่วมเป็นนักแสดงในบทบาทของตัวละครชื่อว่า คาลิปโซ[285] ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2021 รอส บัตเลอร์ ยืนยันว่าเขาจะกลับมารับบทเดิมเป็น ยูจีน ชอย ในร่างชาแซม[286] การถ่ายทำเริ่มต้นเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม ค.ศ. 2021[287]และสิ้นสุดเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ค.ศ. 2021[288] กำหนดฉายในวันที่ 17 มีนาคม ค.ศ. 2023[289]

ภาพยนตร์ในอนาคต[แก้]

ภาพยนตร์ วันฉายในสหรัฐ ผู้กำกับ ผู้เขียนบท เนื้อเรื่องโดย ผู้อำนวยการสร้าง สถานะ
เดอะ แฟลช 23 มิถุนายน ค.ศ. 2023 (2023-06-23)[290] แอนดี มัสเคียตตี[291] คริสตินา ฮอดสัน[291] จอห์น ฟรานซิส เดลีย์กับโจนาธาน โกลด์สตีน
และโจบี แฮโรลด์[292]
บาร์บารา มัสเคียตตีและไมเคิล ดิสโก[293] หลังการถ่ายทำ
บลูบีเทิล 18 สิงหาคม ค.ศ. 2023 (2023-08-18)[294] แองเจิล มานูเอล โซโต[295] แกเรธ ดันเน็ต-อัลโคเซอร์[296] จอห์น ริกการ์ด[297]
อควาแมนแอนด์เดอะลอสต์คิงดอม 25 ธันวาคม ค.ศ. 2023 (2023-12-25)[64] เจมส์ วาน[298] เดวิด ลีสลี จอห์นสัน-แม็คโกล์ดริก[299] เจมส์ วานกับเดวิด ลีสลี จอห์นสัน-แม็คโกล์ดริก
และเจสัน โมโมอากับทอมัส พา ซิบเบตต์[300]
เจมส์ วานและปีเตอร์ ซาฟราน[299]

เดอะ แฟลช (2023)[แก้]

ดูบทความหลักที่: เดอะ แฟลช (ภาพยนตร์)
แอนดี มัสเคียตตี ผู้กำกับ เดอะ แฟลช

แบร์รี อัลเลน พยายามย้อนเวลากลับไปเพื่อป้องกันการฆาตกรรมของแม่ ซึ่งนำผลที่ตามมาโดยไม่ตั้งใจมาสู่เส้นเวลาของเขา[301]

เมื่อเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2013, เกร็ก เบอร์ลันติ กำลังพัฒนาภาพยนตร์ซึ่งมีตัวละคร แบร์รี อัลเลน / เดอะ แฟลช เป็นศูนย์กลาง[302] ภาพยนตร์ เดอะ แฟลช ประกาศเมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ. 2014 โดยกำหนดฉายในปี ค.ศ. 2018[29][99] บทร่างแรกนั้นเขียนโดยเบอร์ลันติ, เจฟฟ์ จอห์นส, คริส บรานคาโต, ไมเคิล กรีนและมาร์ก กุกเกนไฮม์[303] ในเดือนเมษายน ค.ศ. 2015 บทร่างนั้นเขียนโดย ฟิล ลอร์ดและคริสโตเฟอร์ มิลเลอร์[304] อีกสองปีต่อมา, เซธ เกรแฮม-สมิธและริค ฟามุยิวะ ต่างถอนตัวออกจากตำแหน่งผู้กำกับเพราะมีความคิดสร้างสรรค์แตกต่างกันกับสตูดิโอ[305][306] ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2017, โจบี แฮโรลด์ ถูกจ้างให้เขียนบทใหม่ทั้งหมด ซึ่งก่อนหน้านี้มีร่างที่เขียนโดยเกรแฮม-สมิธและฟามุยิวะ[307] ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2017, ชื่อภาพยนตร์ถูกเปลี่ยนเป็น แฟลชพอยต์ (Flashpoint),[224] โดยอิงจากเรื่องราวในหนังสือการ์ตูนชื่อเดียวกัน[308] แดน เมโซว์ ถูกนำตัวมาเป็นผู้เขียนบทร่วม[309] ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2018, จอห์น ฟรานซิส เดลีย์และโจนาธาน โกลด์สตีน ถูกจ้างให้มาเป็นผู้กำกับร่วม[310][311] โทนของภาพยนตร์เรื่องนี้คาดว่าจะคล้ายกับเรื่อง เจาะเวลาหาอดีต[312] มิลเลอร์เปิดเผยเนื้อเรื่องย่อว่าจะเกี่ยวข้องกับผู้ใช้ความเร็วในพหุภพ (Speedster Multiverse)[313] ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2019 มิลเลอร์ถูกจ้างให้เขียนบทร่างใหม่ร่วมกับแกรนต์ มอร์ริสัน หลังผู้กำกับร่วมมีความคิดสร้างสรรค์แตกต่างกันในการทำงานกับบทภาพยนตร์[314] ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2019, เดลีย์และโกลด์สตีน ถอนตัวออกจากโครงการ ขณะที่แอนดี มัสเคียตตีและคริสตินา ฮอดสันถูกจ้างเข้ามาแทนที่ในตำแหน่งผู้กำกับและผู้เขียนบทตามลำดับ บาร์บารา มัสเคียตตีและไมเคิล ดิสโก จะทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้าง[291] ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2020, มัสเคียตตีกล่าวว่าภาพยนตร์จะมีองค์ประกอบจากเรื่องราวในหนังสือการ์ตูน แฟลชพอยต์[315] ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2020 มีรายงานว่า ไมเคิล คีตัน อยู่ในช่วงการเจรจาขั้นต้นในการรับบทเป็น บรูซ เวย์น / แบทแมน ในอีกจักรวาลหนึ่ง คีตันเคยแสดงตัวละครดังกล่าวในภาพยนตร์เรื่อง แบทแมน (1989) และ แบทแมน รีเทิร์นส ตอน ศึกมนุษย์เพนกวินกับนางแมวป่า (1992)[316] ในเดือนสิงหาคม คีตันได้เซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการ และ เบน แอฟเฟล็ก ประกาศว่าเขาจะกลับมารับบทเดิมเป็น บรูซ เวย์น / แบทแมน ในจักรวาลขยายดีซี[317] ในเดือนต่อมา ผู้อำนวยการสร้าง บาร์บารา มัสเคียตตี เปิดเผยว่า ภาพยนตร์จะประกอบด้วยซูเปอร์ฮีโรหลายคนและเป็นการ "รีเซ็ต" จักรวาลขยายดีซี ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2020 บิลลี ครูดัพ เข้าสู่การเจรจาอย่างเป็นทางการเพื่อเข้าร่วมโครงการอีกครั้ง โดยกลับมารับบทเดิมเป็น เฮนรี อัลเลน ซึ่งเขาออกจากโครงการไปก่อนหน้านี้ เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงผู้เขียนบทและผู้กำกับอยู่หลายครั้ง[301] ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2021 ซาซา กาเย ได้รับคัดเลือกให้แสดงเป็น ซูเปอร์เกิร์ล[318] ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2021 เคียร์ซี เคลมอนส์ ยืนยันว่าเธอจะกลับมารับบทเดิมเป็น ไอริส เวสต์ ในภาพยนตร์[319] ต่อมาในเดือนเดียวกัน มาริเบล เบดูและรอน ลิฟวิงสตัน ได้รับคัดเลือกให้แสดงเป็น นอรา อัลเลนและเฮนรี อัลเลน ตามลำดับ โดยลิฟวิงสตันได้รับบทนี้หลังครูดัพถอนตัวออกไปเนื่องจากปัญหาตารางงาน[320][321] เรย์ ฟิชเชอร์ มีกำหนดถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเวลา 2 สัปดาห์ ก่อนที่เขาจะถูกถอดออกจากโครงการ[322] และบอกว่ามัน "น่าผิดหวัง" ถ้าตัวละครของเขาไม่ปรากฏตัวในภาพยนตร์ การถ่ายทำเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 19 เมษายน ค.ศ. 2021[323] ที่ วอร์เนอร์บราเธอร์สสตูดิโอ, ลิฟส์เดน ใน ฮาร์ตฟอร์ดเชอร์, อังกฤษ[324] และสิ้นสุดการถ่ายทำเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม ค.ศ. 2021[325] มีการการถ่ายทำเพิ่มเติมที่ลอนดอน[301] กำหนดฉายวันที่ 23 มิถุนายน ค.ศ. 2023[289]

บลูบีเทิล (2023)[แก้]

เมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2018 ภาพยนตร์เกี่ยวกับไฮเม เรเยสหรือบลูบีเทิล กำลังอยู่ในการพัฒนา โดยมี แกเรธ ดันเน็ต-อัลโคเซอร์ ทำหน้าที่เป็นผู้เขียนบท และ เซฟ ฟอร์เมน ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าผู้อำนวยการสร้าง[296] ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2021 แองเจิล มานูเอล โซโต เซ็นสัญญาเป็นผู้กำกับ[295] และ โซโล มาริดูเอญา ได้รับคัดเลือกให้แสดงเป็นบลูบีเทิล ในเดือนสิงหาคม[297] การถ่ายทำคาดว่าจะเริ่มต้นในช่วงต้นปี ค.ศ. 2022[297] แต่เดิม ภาพยนตร์ได้รับการพัฒนาให้เป็นภาพยนตร์ที่ลงเฉพาะในเอชบีโอแม็กซ์[326] แต่ต่อมาถูกเปลี่ยนให้ฉายในโรงภาพยนตร์ กำหนดฉายวันที่ 18 สิงหาคม ค.ศ. 2023[294][327]

อควาแมนแอนด์เดอะลอสต์คิงดอม (2023)[แก้]

เมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ. 2018 เจมส์ วานได้กล่าวว่า อควาแมน เจ้าสมุทร ตั้งใจเปิดช่องทางให้มีภาคต่อ[328] ในเดือนธันวาคม ด้วยยอดจองตั๋วล่วงหน้าที่สูงและการตอบรับที่ดีของ อควาแมน เจ้าสมุทร สร้างความเชื่อมั่นให้กับวอร์เนอร์บราเธอส์ที่จะเริ่มต้นพัฒนาภาคต่อ[329] ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2019 วอร์เนอร์บราเธอส์ ยืนยันการพัฒนาภาพยนตร์ อควาแมน 2 โดยตั้งใจให้วานกลับมาทำหน้าที่เป็นผู้กำกับเหมือนเดิม[330] เจสัน โมโมอาจะมีบทบาทในการสร้างสรรค์ในภาคต่อมากขึ้น หลังเขียนเรื่องราวในขณะที่อยู่ในกองถ่ายทำของภาพยนตร์เรื่องแรก และนำเสนอโครงการให้กับวอร์เนอร์บราเธอส์ และร่วมเขียนบทร่างแรกของบทภาพยนตร์กับคู่เขียนบทของเขา[331][328][332] ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2019 เดวิด ลีสลี จอห์นสัน-แม็คโกล์ดริก เซ็นสัญญาทำหน้าที่เป็นผู้เขียนบท[299] จอห์นสัน-แม็คโกล์ดริกร่วมเขียนบทกับเจมส์ วาน จนเสร็จสมบูรณ์[331] ในเดือนมีนาคม ซาฟรานกล่าวว่าภาพยนตร์จะสำรวจเจ็ดอาณาจักรอื่น ๆ ในแอตแลนติส[333] แพทริต วิลสันและยาห์ย่า อับดุล-มาทีน ที่ 2 จะกลับมารับบทเดิมเป็น ออร์ม มาริอุส / โอเชียนมาสเตอร์และเดวิด เคน / แบล็คแมนตา ตามลำดับ[334][335] ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2021 ชื่ออย่างเป็นทางการของภาพยนตร์คือ อควาแมนแอนด์เดอะลอสต์คิงดอม (Aquaman and the Lost Kingdom)[336] การถ่ายทำเริ่มต้นเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ค.ศ. 2021[337] แล้วสิ้นสุดเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ค.ศ. 2021[338] กำหนดฉายในวันที่ 25 ธันวาคม ค.ศ. 2023[289]

ภาพยนตร์เรื่องอื่นที่อยู่ระหว่างการพัฒนา[แก้]

วอร์เนอร์บราเธอส์และดีซีฟิล์มมีภาพยนตร์ดีซีหลายเรื่องที่กำลังพัฒนาอยู่ในหลากหลายสถานะ

  • ดิแอมาซอนส์ : เมื่อเดือนธันวาคม ค.ศ. 2019 แพตตี เจนคินส์ ประกาศภาพยนตร์แยกของ วันเดอร์ วูแมน โดยเนื้อเรื่องจะเน้นไปที่ชาวแอมาซอนจากเกาะเทอมิสกีรา เจนกินส์ จะทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหาร[339] ด้วยเนื้อเรื่องของโครงการที่ได้วางแผนไว้แล้ว แต่เธอก็ไม่แน่ใจว่าจะเริ่มการถ่ายทำได้เมื่อไหร่[340][341] ต่อมา เจนคินส์กล่าวว่าเธอกับเจฟฟ์ จอห์นสได้เขียนเนื้อเรื่อง ซึ่งมีเรื่องราวต่อจากภาพยนตร์ วันเดอร์ วูแมน สองเรื่องแรก และจะตามมาด้วยภาพยนตร์ภาคที่สาม เธอยังกล่าวว่าเธอจะไม่กำกับภาพยนตร์ แต่เธอจะทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้าง[342]
  • แบล็กคานารี : ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2021 มีการประกาศว่าภาพยนตร์เกี่ยวกับ ไดนาห์ แลนซ์ / แบล็กคานารี กำลังอยู่ในการพัฒนา โดย เจอร์นี สมอลเล็ตต์ จะกลับมารับบทเดิมของเธอจากภาพยนตร์ ทีมนกผู้ล่า มิชา กรีน จะเป็นผู้เขียนบทและซู โครลล์ จะเป็นผู้อำนวยการสร้าง ภาพยนตร์เป็นการสร้างร่วมกันระหว่าง วอร์เนอร์บราเธอส์พิกเจอร์สและโครลล์แอนด์โค. เอ็นเทอร์เทนเมนต์ โครงการนี้คาดว่าจะได้รับการพัฒนาให้เป็นภาพยนตร์ที่ลงเฉพาะในเอชบีโอแม็กซ์[343]
  • แบล็กฮอว์ก : ในเดือนเมษายน ค.ศ. 2018 มีการประกาศว่า สตีเวน สปีลเบิร์ก จะเป็นผู้กำกับและผู้อำนวยการสร้างของภาพยนตร์ที่ดัดแปลงจากหนังสือการ์ตูนชุด แบล็กฮอว์ก จากบทภาพยนตร์ที่เขียนโดย เดวิด โคปป์ คริสตี มาคอสโก ครีเกอร์และซู โครลล์ จะเป็นผู้อำนวยการสร้างด้วยเช่นกัน[344] โครงการนี้เป็นการสร้างร่วมกันระหว่าง วอร์เนอร์บราเธอส์พิกเจอร์ส, แอมบลินเอนเทอร์เทนเมนต์และโครลล์แอนด์โค. เอนเทอร์เทนเมนต์[345] งานสร้างคาดว่าจะเริ่มต้นหลังสปีลเบิร์กเสร็จจากภาพยนตร์เรื่อง เวสต์ ไซด์ สตอรี่[345] ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2020 โคปป์กำลังเขียนบทภาพยนตร์ใหม่และยืนยันว่าภาพยนตร์จะดำเนินเรื่องในช่วงระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง[346] ในเดือนธันวาคม โคปป์เปิดเผยชื่อของภาพยนตร์คือ แบล็กฮอว์ก และประกาศว่าเขากำลังเขียนบทภาพยนตร์ใหม่เพิ่มเติม ต่อมาเขายืนยันว่าสปีลเบิร์กยังคงมีส่วนร่วมกับโครงการ[347]
  • บูสเตอร์โกลด์ : ภาพยนตร์เกี่ยวกับบูสเตอร์โกลด์และบลูบีทเทิล ประกาศเมื่อเดือนกันยายน ค.ศ. 2015 ว่ากำลังอยู่ในการพัฒนาโดยผู้อำนวยการสร้าง เกร็ก เบอร์ลันติ โดยแนวของภาพยนตร์จะเป็นแนวคู่หูตำรวจและเชื่อมโยงกับ จัสติซ ลีก (2017)[348] ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2016 แซค สเตนซ์ ถูกจ้างให้เขียนบทภาพยนตร์ บูสเตอร์โกลด์ และเบอร์ลันติแสดงความสนใจที่จะกำกับภาพยนตร์[349] ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2016 เบอร์ลันติกล่าวว่าภาพยนตร์ บูสเตอร์โกลด์ จะ "ไม่มีการเชื่อมโยง" กับภาพยนตร์อื่น[350] บทภาพยนตร์เสร็จสมบูรณ์เมื่อเดือนมีนาคม ค.ศ. 2018 เบอร์ลันติกล่าวว่า การถ่ายทำจะเริ่มต้นก็ต่อเมื่อวอร์เนอร์บราเธอส์ตัดสินใจว่าจะวางภาพยนตร์ไว้ตรงไหนในสายการผลิตภาพยนตร์[351] ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2019 สเตนซ์ยืนยันว่าภาพยนตร์ยังคงรอการอนุมัติจากวอร์เนอร์บราเธอส์[352]
  • เดดช็อต : เมื่อเดือนธันวาคม ค.ศ. 2016 เดอะฮอลลีวูดรีพอร์เตอร์ รายงานว่าภาพยนตร์เกี่ยวกับตัวละคร ฟลอยด์ ลอว์ตัน / เดดช็อต กำลังอยู่ในการพัฒนา[353] ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2018 วิลล์ สมิธ ยืนยันว่าเขาอาจจะกลับมารับบทเดิมจากภาพยนตร์ ทีมพลีชีพ มหาวายร้าย และหากภาพยนตร์เดดช็อตอยู่ในการพัฒนา[354] ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2019 สมิธถอนตัวจากบทดังกล่าวเนื่องจากปัญหาตารางเวลา,[355] และในเดือนมีนาคม อิดริส เอลบา ได้รับคัดเลือกให้แทนบทบาทของสมิธในภาพยนตร์ เดอะซุยไซด์สควอด[254] ในเดือนเมษายน ค.ศ. 2019 ตัวละครเดดช็อตถูกตัดออกจากภาพยนตร์ดังกล่าว ทำให้สมิธสามารถกลับมารับเดิมได้[255]
  • กอแธมซิตีไซเรนส์ : ภาพยนตร์เกี่ยวกับทีม กอแธมซิตีไซเรนส์ ซึ่งประกอบด้วย ฮาร์ลีย์ ควินน์, แคตวูแมนและพอยซันไอวี ประกาศว่าจะพัฒนาเมื่อเดือนธันวาคม ค.ศ. 2016 เดวิด เอเยอร์ เซ็นสัญญาทำหน้าที่เป็นผู้กำกับและผู้อำนวยการสร้างร่วมจากบทภาพยนตร์โดยเจนีวา รอเบิร์ต-ดวอเรต มาร์โก ร็อบบี กลับมารับบทของเธอจากใน ทีมพลีชีพ มหาวายร้าย และทำหน้าที่เป็นหัวหน้าผู้อำนวยการสร้าง ขณะที่เจฟฟ์ จอห์นสและจอน เบิร์ก ทำหน้าที่อำนวยการสร้าง[353] การพัฒนาของภาพยนตร์ถูกเลื่อนออกไปเนื่องจากต้องสร้างภาพยนตร์ ทีมนกผู้ล่า ก่อน[356] เมื่อเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2017 จาเรด เลโท ยืนยันว่าเขาจะกลับมารับบทเดิมเป็นโจ๊กเกอร์[357] ถึงแม้จะมีตารางงานยุ่งกับโครงการอื่น,[358] เอเยอร์ยังคงทำงานกับภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่ โดยเขาได้ประชุมกับ พอล ดีนี ผู้สร้างกอแธมซิตีไซเรนส์เมื่อเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2018[359][360] เมื่อเดือนมกราคม ค.ศ. 2020 เอเยอร์ยืนยันว่าโครงการถูกระงับไว้ชั่วคราว[361] ในเดือนเดียวกัน มาร์โก ร็อบบี กล่าวว่าเธอมีทางเลือกที่จะถ่ายทำภาพยนตร์ ฮาร์ลีย์ ควินน์ หลายเรื่องรวมถึง กอแธมซิตีไซเรนส์ เธอเลือก ทีมนกผู้ล่า ก่อนเพื่อแนะนำผู้ชมให้รู้จักกับตัวละครที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก เธอกล่าวอีกว่าเธอยังคง 'ผลักดัน' ภาพยนตร์ กอแธมซิตีไซเรนส์ โดยเฉพาะการสร้างความสัมพันธ์ของควินน์กับพอยซันไอวีและแคตวูแมน[362][363]
  • กรีนแลนเทิร์นคอร์ปส : ภาพยนตร์เกี่ยวกับ กรีนแลนเทิร์นคอร์ปส ประกาศว่าจะพัฒนาเมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ. 2014[29][364] เมื่อเดือนมกราคม ค.ศ. 2017 เดวิด เอส. โกเยอร์และจัสติน โรดส์ ถูกจ้างให้เขียนบทร่วมกันจากเนื้อเรื่องโดยโกเยอร์และเจฟฟ์ จอห์นส โกเยอร์ยังทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้างด้วย วอร์เนอร์บราเธอส์อธิบายว่าเป็นภาพยนตร์ "ริกก์ส คนมหากาฬ ในอวกาศ"[365][366] เมื่อเดือนมกราคม ค.ศ. 2018 โกเยอร์ยืนยันว่าแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงผู้นำแฟรนไชส์ ภาพยนตร์ยังคงพัฒนาอยู่[367] เมื่อเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2018 เจฟฟ์ จอห์นสถูกจ้างให้เขียนบทใหม่ ทำหน้าที่เพิ่มเติมจากตำแหน่งผู้อำนวยการสร้างของเขา จอห์นสกล่าวว่าเขาได้รับแรงบันดาลใจจากงานของเขาในหนังสือการ์ตูนกรีนแลนเทิร์น นิว 52[41] กรีนแลนเทิร์นคอร์ปส (Green Lantern Corps) กำหนดฉายวันที่ 24 กรกฎาคม ค.ศ. 2020,[368] แต่ว่าถูกเลื่อนออกไปก่อน[369] เมื่อเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2019 คริสโตเฟอร์ แม็คควอรี่ กล่าวว่าเขาได้ยื่นข้อเสนอเป็นลายลักษณ์อักษรให้กับวอร์เนอร์บราเธอส์เมื่อปีก่อน ซึ่งเชื่อมโยงกับภาคต่อของ บุรุษเหล็ก ซูเปอร์แมน แต่เขาย้ายไปทำโครงการอื่นแทนเนื่องจากเขาเห็นว่าไม่มีความคืบหน้าในการพัฒนาภาพยนตร์[370] เมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2019 จอห์นคาดว่าจะส่งบทภาพยนตร์ของเขาให้กับวอร์เนอร์บราเธอส์ภายในสิ้นปี[298] ระหว่างการพัฒนา จัสติซ ลีก ของ แซ็ก สไนเดอร์ ตัวละครกรีนแลนเทิร์น จอห์น สจ๊วต ถูกตัวออกจากภาพยนตร์ เนื่องจากสตูดิโอมีแผนอื่นสำหรับเขาอยู่แล้ว[371] วอร์เนอร์บราเธอร์สกำหนดฉายภาพยนตร์เรื่องนี้ในปี ค.ศ. 2022–2023[44]
  • เอาเออร์แมน : ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2021 ภาพยนตร์เกี่ยวกับ เอาเออร์แมน ประกาศว่ากำลังอยู่ในการพัฒนาด้วยบทภาพยนตร์เขียนโดย กาวิน เจมส์และนีล ไวด์เนอร์[372]
  • โลโบ : วอร์เนอร์บราเธอส์ประกาศว่าภาพยนตร์เกี่ยวกับตัวละคร โลโบ กำลังอยู่ในการพัฒนาเมื่อเดือนกันยายน ค.ศ. 2009 กาย ริตชี และ แบรด เพย์ตัน ต่างเข้ามาเป็นผู้กำกับในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน[373][374] ขณะที่ ดเวย์น จอห์นสัน แต่เดิมนั้นตั้งใจจะแสดงเป็นโลโบ[263][375] หลังจากมีการทบทวนอยู่หลายครั้ง ในปี ค.ศ. 2016 เจสัน ฟุชส์ ถูกจ้างให้เป็นผู้เขียนบท[376] ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2018 วอร์เนอร์บราเธอส์พูดคุยกับ ไมเคิล เบย์ เพื่อให้มาเป็นผู้กำกับ ฟุชส์เริ่มเขียนบทใหม่ตามคำขอของเบย์ เพื่อทำให้ทุนที่ใช้ในการสร้างนั้นลดลง[377]
  • เดอะเมทัลแมน : เมื่อเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2012 แบร์รี ซอนเนนเฟลด์ เข้าเจรจากับวอร์เนอร์บราเธอส์ เพื่อกำกับภาพยนตร์ที่ดัดแปลงหนังสือการ์ตูนเรื่องหนึ่ง[378] เดือนต่อมา มีการเปิดเผยว่าภาพยนตร์จะเกี่ยวกับกลุ่มเมทัลแมน[379] เมื่อเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2013 ไดแอน เนลสัน ประธานดีซีเอนเทอร์เทนเมนต์ ย้ำความตั้งใจของบริษัทในการสร้างภาพยนตร์[380] เมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ. 2021 ซอนเนนเฟลด์ เปิดเผยว่าเนื้อเรื่องของภาพยนตร์กำลังเขียนอยู่[381]
  • ไนท์วิง : เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2017 ภาพยนตร์เกี่ยวกับ ดิก เกรย์สัน / ไนท์วิง กำลังอยู่ในการพัฒนา โดยมี คริส แม็กเคย์และบิล เดอบุก เซ็นสัญญาเป็นผู้กำกับและผู้เขียนบท ตามลำดับ[382] ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2018 แม็กเคย์กล่าวว่าบทร่างสุดท้ายของภาพยนตร์ใกล้จะเสร็จแล้ว[383] ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2021 แม็กเคย์กล่าวว่าโครงการถูกเลื่อนออกไปเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับภาพยนตร์เรื่องอื่น และยืนยันว่าภาพยนตร์ยังคงอยู่ในระหว่างการพัฒนา[384]
  • พลาสติกแมน : เมื่อเดือนธันวาคม ค.ศ. 2018 ภาพยนตร์เกี่ยวกับ พลาสติกแมน กำลังอยู่ในการพัฒนา โดยมี อะแมนดา ไอโอโก ได้รับการว่าจ้างให้เขียนบทภาพยนตร์ โครงเรื่องของภาพยนตร์ถูกอธิบายว่าเป็นแนวตลก-โลดโผน ผจญภัย[385] ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2020 แคต วาสโก ได้รับการว่าจ้างให้เขียนบทภาพยนตร์ของไอโอโกใหม่ โดยเปลี่ยนโครงการใหม่ให้เป็นภาพยนตร์ที่มีผู้หญิงเป็นศูนย์กลาง[386]
  • สแตติกชอกค์ : ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2020 มีการประกาศในงาน ดีซีแฟนโดม ว่า ภาพยนตร์คนแสดงเกี่ยวกับ สแตติก กำลังอยู่ในการพัฒนา[387] ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2020 ไมเคิล บี. จอร์แดน เข้าร่วมทีมสร้างภาพยนตร์เป็นผู้อำนวยการสร้างร่วมกับ เรจินัลด์ ฮัดลิน[388] ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2020 วอลเทอร์ ฮามาดะ อธิบายว่าโครงการนี้สามารถพัฒนาเป็นภาพยนตร์สำหรับลงเฉพาะในเอชบีโอแม็กซ์[46] ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2021 แรนดี แมกคินนอน ได้รับการว่าจ้างเป็นผู้เขียนบทภาพยนตร์ โครงการนี้เป็นการสร้างร่วมกันระหว่าง วอร์เนอร์บราเธอส์พิกเชอร์ส, เอาต์ไลเออร์โซไซตี, ไมล์สโตนมีเดียและดีซีฟิล์มส์[389] วอร์เนอร์บราเธอร์สกำหนดฉายภาพยนตร์เรื่องนี้ในปี ค.ศ. 2022–2023[44]
  • ซูเปอร์เกิร์ล : เมื่อเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2018 ภาพยนตร์เกี่ยวกับ คารา ซอร์-เอล / ซูเปอร์เกิร์ล ประกาศว่ากำลังจะพัฒนาร่วมกับออเรน อุเซล ซึ่งทำหน้าที่เขียนบท[390][391] วอร์เนอร์บราเธอส์กำลังตามหาผู้กำกับหญิงมากำกับภาพยนตร์[392] ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2021 ซาชา กาเย ได้รับคัดเลือกให้แสดงเป็นซูเปอร์เกิร์ล โดยจะปรากฏตัวครั้งแรกในภาพยนตร์ เดอะ แฟลช วอร์เนอร์บราเธอร์สกำหนดฉายภาพยนตร์เรื่องนี้ในปี ค.ศ. 2022–2023[44]
  • วันเดอร์ วูแมน 3 : เมื่อเดือนมกราคม ค.ศ. 2019 หลังถ่ายทำ วันเดอร์ วูแมน 1984 เสร็จแล้ว แพตตี เจนคินส์ ผู้กำกับและผู้เขียนบทร่วม กล่าวว่าเนื้อเรื่องของภาพยนตร์เรื่องที่สามของ วันเดอร์ วูแมน ได้เขียนไว้แล้ว เธอเปิดเผยว่าเรื่องราวของวันเดอร์ วูแมนนั้นได้วางแผนไว้มากกว่าภาพยนตร์สามเรื่อง ซึ่งในภาคสามนั้นจะดำเนินเรื่องในช่วงเวลาปัจจุบัน[393][394] เจนกินส์และกาด็อตวางแผนที่จะทำงานในโครงการอื่นก่อนที่จะเริ่มต้นทำงานในภาคต่อ[340][341] ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2020 เจนคินส์ ประกาศว่า เธอได้เขียนเรื่องราวสำหรับภาพยนตร์ วันเดอร์ วูแมน อีกสองเรื่องเสร็จแล้ว[395] หลัง วันเดอร์ วูแมน 1984 ฉายแล้วสองวัน ภาพยนตร์ วันเดอร์ วูแมน เรื่องที่สามได้รับการอนุมัติจากวอร์เนอร์บราเธอส์ เจนคินส์กลับมาทำหน้าที่เดิมเป็นผู้กำกับด้วยบทที่เธอเขียน ขณะที่กาด็อตก็จะกลับมารับบทเดิมเป็น วันเดอร์ วูแมน เช่นกัน[396] เมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ. 2021 กาด็อตกล่าวว่า ลินดา คาร์เตอร์ จะกลับมารับบทเดิมเป็น แอสทีเรีย จากภาพยนตร์ก่อนหน้านี้[397][398]
  • ซาแทนนา : เมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2018 วอร์เนอร์บราเธอส์กำลังพิจารณาพัฒนาภาพยนตร์จากตัวละคร ซาแทนนา[399] ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2021 ในการนำเสนอนักลงทุนของเอทีแอนด์ที เปิดเผยว่าโครงการ ซาแทนนา กำลังอยู่ในการพัฒนา[400] และ เอเมอรอลด์ เฟนนอล ได้รับการว่างจ้างให้เป็นผู้เขียนบทภาพยนตร์ในเดือนนั้น ภาพยนตร์จะอำนวยการสร้างโดย เจ.เจ. แอบรัมส์ ผ่าน แบดโรบอตโปรดักชันส์[401]

ละครโทรทัศน์[แก้]

บริการสตรีมมิงใหม่ชื่อว่า เอชบีโอแม็กซ์ เปิดตัวด้วยความร่วมมือระหว่าง วอร์เนอร์มีเดีย, ดีซีฟิล์มส์และเดอะซีดับเบิลยู เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ค.ศ. 2020 ในเดือนธันวาคม ประธานดีซีฟิล์มส์ วอลเทอร์ ฮามาดะ กล่าวว่า ดีซีฟิล์มส์สนใจสร้างละครชุดแยกสำหรับภาพยนตร์ทุกเรื่องที่อยู่จักรวาลขยายดีซีลงเอชบีโอแม็กซ์[46]

ชื่อปีจำนวนตอนวันที่เผยแพร่โชว์รันเนอร์สถานะ
วันแรกวันสุดท้าย
พีซเมกเกอร์1813 มกราคม ค.ศ. 2022 (2022-01-13)17 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2022 (2022-02-17)เจมส์ กันน์[402]ออกอากาศแล้ว
2TBATBATBAกำลังพัฒนา[402]

พีซเมกเกอร์[แก้]

ดูบทความหลักที่: พีซเมกเกอร์ (ละครชุด)

คริสโตเฟอร์ สมิท / พีซเมกเกอร์ สมาชิก ทาสก์ฟอร์ซเอกซ์ ถูกส่งตัวไปปฏิบัติภารกิจลับ เพื่อตามหา "ผีเสื้อ" สิ่งมีชีวิตคล้ายแมลงกาฝากที่บุกรุกและครอบงำเผ่าพันธุ์มนุษย์[403]

เมื่อเดือนกันยายน ค.ศ. 2020 ละครชุดแยกจากภาพยนตร์ เดอะ ซุยไซด์ สควอด (2021) ที่เกี่ยวกับตัวละคร พีซเมกเกอร์ กำลังพัฒนาสำหรับออกอากาศใน เอชบีโอแม็กซ์ จำนวนแปดตอน เจมส์ กันน์ ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหารร่วมกับ ปีเตอร์ ซาฟราน นอกจากนี้ กันน์ยังเขียนบทและกำกับละครชุดอยู่หลายตอน[45] ละครชุดแสดงนำโดย จอห์น ซีนา, สตีฟ เอจีและเจนนิเฟอร์ ฮอลแลนด์ ซึ่งกลับมารับบทเดิมจากในภาพยนตร์ ได้แก่ พีซเมกเกอร์, จอห์น อีโคโนมอสและเอมิเลีย ฮาร์คอร์ต ตามลำดับ[45][404][405] ร่วมกับ แดเนียล บรูกส์ เป็น ลีโอตา อะเดบาโย[406] รอเบิร์ต แพทริก เป็น ออกกี สมิธ[405] และ เฟรดดี สตรอมา เป็น เอเดรียน เชส / เดอะวิจิแลนตี[407] การถ่ายเริ่มต้นในเดือนมกราคม ค.ศ. 2021 ที่ แวนคูเวอร์, แคนาดา[408] และสิ้นสุดในเดือนกรกฎาคมปีเดียวกัน[409] พีซเมกเกอร์ สามตอนแรกออกอากาศเมื่อวันที่ 13 มกราคม ค.ศ. 2022 และออกอากาศตอนที่เหลือเป็นรายสัปดาห์จนถึงวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2022[410] เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2022 ละครชุดได้รับการต่ออายุเป็นปีที่สองโดยกันน์จะเขียนบทและกำกับทุกตอน[402]

ละครชุดอื่นที่กำลังพัฒนา[แก้]

  • จอห์น คอนสแตนติน: ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2021 ละครชุดเกี่ยวกับ จอห์น คอนสแตนติน เข้าสู่ช่วงต้นการพัฒนาที่เอชบีโอแม็กซ์ ละครชุดจะเน้นไปที่คอนสแตนตินในวัยหนุ่มและจะเป็นแนวสยองขวัญ (คล้ายกับในการ์ตูน) และเชื่อมโยงกับ จัสติซลีกดาร์ก กาย โบลตัน จะเป็นผู้เขียนบทละครชุด ขณะที่แอบรัมส์ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหารผ่านบริษัทแบดโรบอต[47] เดอะฮอลลิวูดรีพอร์เตอร์ รายงานว่า แบดโรบอตกับเอชบีโอแม็กซ์กำลังมองหานักแสดงผิวไม่ขาวมาแสดงเป็นคอนสแตนติน[411]
  • จัสติซลีกดาร์ก: เมื่อเดือนมกราคม ค.ศ. 2013 กิเยร์โม เดล โตโร ยืนยันว่าเขากำลังพัฒนาภาพยนตร์เกี่ยวกับ จัสติซลีกดาร์ก และได้ส่งบทภาพยนตร์ไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2014[412][413] แต่ว่าในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2015 เขาก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการนี้[414] ดั๊ก ไลแมน ได้รับการว่าจ้างให้กำกับภาพยนตร์เมื่อเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2016 โดยมีชื่อเรื่องว่า ดาร์กยูนิเวิร์ส สกอตต์ รูดิน เข้ามาเป็นผู้อำนวยการสร้าง ขณะที่ ไมเคิล จิลิโอ ได้รับการว่าจ้างให้มาเขียนบทภาพยนตร์ใหม่[415] ไลแมนถอนตัวออกจากโครงการเมื่อเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2017 เนื่องจากปัญหาตารางงาน[416] ภาพยนตร์เปลี่ยนชื่อเป็น จัสติซลีกดาร์ก (Justice League Dark) เมื่อกลางเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2017 โดยมี เจอราร์ด จอห์นสโตน มาช่วยขัดเกลาบทภาพยนตร์[224][417] ในเดือนเมษายน ค.ศ. 2020 เอชบีโอแม็กซ์และแบดโรบอตโปรดักชันส์ของเจ.เจ. แอบรัมส์ ประกาศว่า โครงการนี้จะพัฒนาใหม่เป็นละครชุดสำหรับเอชบีโอแม็กซ์ โดยมีแอบรัมส์ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหาร[418] วาไรตี รายงานว่า จัสติซลีกดาร์ก มีแนวโน้มจะออกอากาศหลังสมาชิกในทีมแนะนำตัวเองผ่านละครชุดของตัวเอง เหมือนกับ ละครชุดทางโทรทัศน์ในเน็ตฟลิกซ์ของมาร์เวล ที่มีละครชุดของตัวเองก่อนจะมารวมทีมกันใน เดอะ ดีเฟนเดอร์ส (2017)[47]
  • มาดามเอ็กซ์: ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2021 ละครชุดเกี่ยวกับ มาดามซานาดู เข้าสู่ช่วงต้นการพัฒนาที่เอชบีโอแม็กซ์ แองเจลา โรบินสัน จะเป็นผู้เขียนบทละครชุด ขณะที่แอบรัมส์ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหารผ่านบริษัทแบดโรบอต[419]
  • วาล-ซอด: ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2021 มีรายงานว่าละครชุดเกี่ยวกับ วาล-ซอด กำลังจะพัฒนาสำหรับเอชบีโอแม็กซ์ ไมเคิล บี. จอร์แดนและบริษัทผู้สร้างของเขา เอาต์ไลเออร์โซไซตี กำหนดให้เป็นผู้สร้างละครชุด โดยจอร์แดนอาจจะแสดงนำด้วย[420] ก่อนหน้านี้จอร์แดนเคยเสนอแนวคิดภาพยนตร์เกี่ยวกับ ซูเปอร์แมนสัญชาติแอฟริกัน-อเมริกัน แต่โครงการถูกระงับชั่วคราวเนื่องจากปัญหาตารางงานของเขา[298]

โครงการที่ถูกยกเลิกและทำใหม่[แก้]

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หลายโครงการที่ถึงจุดหนึ่งซึ่งควรจะเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลขยายดีซีได้ถูกย้ายไปสู่ความต่อเนื่องที่แตกต่างกันหรือถูกยกเลิกโดยสิ้นเชิง:

  • แบทเกิร์ล: เมื่อเดือนมีนาคม ค.ศ. 2017 จอสส์ วีดอน ได้รับการว่าจ้างให้เขียนบท, กำกับและอำนวยการสร้างภาพยนตร์เกี่ยวกับตัวละคร บาร์บารา กอร์ดอน / แบทเกิร์ล[421] วีดอน กำลังจะเริ่มงานถ่ายทำภาพยนตร์ในปี ค.ศ. 2018,[422] แต่ได้ถอนตัวในเดือนกุมภาพันธ์[423] ในเดือนเมษายน คริสตินา ฮอดสัน ได้รับการว่าจ้างให้เขียนบทภาพยนตร์ แบทเกิร์ล หลังวอร์เนอร์บราเธอส์ประทับใจงานของเธอใน ทีมนกผู้ล่า[424] ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2019 ฮอดสัน คาดว่าจะเริ่มต้นเขียนบท แบทเกิร์ล หลังจากเธอทำงานเขียนบท เดอะ แฟลช เสร็จแล้ว[298] มีการประกาศในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2021 ว่า อาดิล เอล อาร์บีและบิลัล ฟอลลาห์ จะเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ร่วมกัน โดยมี คริสติน เบอร์ เป็นผู้อำนวยการสร้าง[425] ในเดือนกรกฎาคม เลสลี เกรซ ได้รับเลือกให้แสดงเป็นแบทเกิร์ล[426] เธอได้รับเลือกจากรายชื่อนักแสดงที่เข้ามาชิงบทบาทแบทเกิร์ล ได้แก่ อิซาเบลา เมอร์เซด, โซอี โดยช์และเฮลีย์ ลู ริชาร์ดสัน[427] ในเดือนตุลาคม ยาคอบ สชิปิโอ เข้าร่วมเป็นนักแสดงในบทบาทที่ยังไม่เปิดเผย[428] และ เบรนแดน เฟรเซอร์ ได้รับเลือกให้แสดงเป็น ไฟเออร์ฟลาย[429] ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2022 ไอโวรี อาควิโน ได้รับเลือกให้แสดงเป็น อลิเซีย โหย่ว ซึ่งเป็นตัวละครหลักตัวแรกที่เป็นคนข้ามเพศในภาพยนตร์ดีซี[430] ภาพยนตร์เริ่มถ่ายทำเมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2021 ที่กลาสโกว์[431] และสิ้นสุดการถ่ายทำเมื่อปลายเดือนมีนาคม ค.ศ. 2022[431][432] และกำหนดฉายในปี ค.ศ. 2022 บนเอชบีโอแม็กซ์[433] แม้จะมีรายงานว่าได้รับการพิจารณาให้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์อีกครั้งโดย วอร์เนอร์บราเธอส์ดิสคัฟเวอรี ในเดือนเมษายน ค.ศ. 2022[434] อย่างไรก็ตาม ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2022 มีรายงานว่าวอร์เนอร์บราเธอส์ดิสคัฟเวอรีไม่มีแผนที่จะฉายภาพยนตร์เรื่องนี้ในเอชบีโอแม็กซ์หรือในโรงภาพยนตร์หลังจากผลตอบรับที่ไม่ดีจากรอบทดลองฉาย อย่างไรก็ตาม สตูดิโอยังคงหวังว่าจะได้ร่วมงานกับ อาร์บี, ฟอลลาห์และเกรซในโครงการดีซีอื่น ๆ[435]
  • เดอะ แบทแมน : เมื่อเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2015 เบน แอฟเฟล็ก อยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อกำกับและร่วมเขียนบทกับเจฟฟ์ จอห์นส ในภาพยนตร์เดี่ยวของแบทแมน[436] ในงานซานดิเอโกคอมิก-คอน 2016 แอฟเฟล็กได้รับการยืนยันว่าเป็นผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้[437] อย่างไรก็ตาม ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2017 แอฟเฟล็กกล่าวว่าเขาไม่แน่ใจว่าเขาจะกำกับภาพยนตร์เรื่องนี้หรือไม่[438] และเขาตัดสินใจถอนตัวออกจากตำแหน่งผู้กำกับในสิ้นเดือน[439] ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2017 แมตต์ รีฟส์ ได้รับการว่าจ้างให้เป็นผู้กำกับและผู้อำนวยการสร้างร่วมของภาพยนตร์[440] ภาพยนตร์แบทแมนภายใต้การกำกับของรีฟส์ถูกตัดขาดออกจากจักรวาลขยายดีซี บทแบทแมนของแอฟเฟล็กถูกแทนที่โดย โรเบิร์ต แพตตินสัน[441] ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2020 โจ แมงแกเนียลโล ผู้ที่จะกลับมารับบทเดิมเป็นเดธสโตรก ก่อนที่รีฟส์จะเข้ามาเป็นผู้กำกับแทน อธิบายว่าเนื้อเรื่องของภาพยนตร์นั้นเชื่อมโยงกับ จัสติซ ลีก และมีเรื่องราวของเดธสโตรกที่พยายามทำลายชีวิตของแบทแมน เพื่อแก้แค้นการตายของลูกชายของเขา[442] แบทเกิร์ลและเดอะริดเลอร์ จะปรากฏตัวในภาพยนตร์ด้วยเช่นกัน[443] อย่างไรก็ตาม หลังการฉาย จัสติซ ลีก ของ แซ็ค สไนเดอร์ ไม่นานนัก มีการเริ่มต้นแคมเปญในสื่อสังคม เพื่อต้องการฟื้นฟูโครงการภาพยนตร์เรื่องนี้[444]
  • ไซบอร์ก : เมื่อเดือนเมษายน ค.ศ. 2014, เรย์ ฟิชเชอร์ ได้รับคัดเลือกให้แสดงเป็น วิคเตอร์ สโตน / ไซบอร์ก,[100] และในเดือนตุลาคมวอร์เนอร์บราเธอส์ประกาศว่าภาพยนตร์เดี่ยวของไซบอร์กกำลังอยู่ในการพัฒนา[29] โจ มอร์ตัน จะกลับมารับบทเดิมเป็น ดร. ไซลาส สโตน[445] ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2017, ฟิชเชอร์กล่าวว่าภาพยนตร์จะเน้นแต่ตัวละครไซบอร์ก[446] นักแสดงและทีมงานจะมีความหลากหลาย[447] ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2018 มอร์ตันกล่าวว่าฉากเกี่ยวกับไซบอร์กที่ถูกตัดออกใน จัสติซ ลีก จะนำมาใส่ในภาพยนตร์ ไซบอร์ก ถึงแม้ว่าเขาไม่ทราบว่าการถ่ายทำจะเริ่มต้นขึ้นเมื่อไหร่ ฟิชเชอร์แสดงความปรารถนาต้องการให้สไนเดอร์มากำกับภาพยนตร์[448] และนำเสนอองค์ประกอบเนื้อเรื่องที่มีกลุ่ม แฟนทอมลิมบ์ เป็นตัวร้ายหลักของภาพยนตร์[449] ไซบอร์ก (Cyborg) กำหนดฉายวันที่ 3 เมษายน ค.ศ. 2020,[368] แต่ว่าถูกเลื่อนออกไปก่อน[369] เมื่อเดือนเมษายน ค.ศ. 2020 ฟิชเชอร์ยืนยันว่ายังคงมีการพัฒนาในโครงการนี้ โดยระบุว่าตัวละครจะพัฒนาให้มีความสบายใจในบทบาทใหม่ของเขาในฐานะซูเปอร์ฮีโรและขัดแย้งกับผู้ที่มีความสนใจในเทคโนโลยีของเขา[450] ในปี ค.ศ. 2021 ท่ามกลางข้อพิพาทระหว่างนักแสดงกับวอร์เนอร์บราเธอส์เกี่ยวกับการสอบสวนในกระบวนการถ่ายทำใหม่ของ "จัสติซ ลีก" ฟิชเชอร์กล่าวว่าเขาจะไม่กลับมารับบทเดิมในภาพยนตร์เรื่องใด ๆ ที่ วอลเทอร์ ฮามาดะ มีส่วนเกี่ยวข้อง[451][452] ดีซีฟิล์มส์ ตอบกลับว่าพวกเขาจะไม่หานักแสดงใหม่เพื่อมารับบทไซบอร์ก[453] ต่อมา ฟิชเชอร์แสดงความคิดเห็นว่าเขาจะกลับมารับบทเดิม ถ้าภาพยนตร์ภาคต่อ "จัสติซ ลีก" ของแซ็ก สไนเดอร์ ได้รับการฟื้นฟู[454] ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2021 ฟิชเชอร์กล่าวว่า เขาไม่ได้ต่อต้านการกลับมารับบทเดิมในภาพยนตร์ในจักรวาลขยายดีซีในอนาคต โดยเขาเลือก ไซบอร์ก ที่กำกับโดยสไนเดอร์หรือริก ฟามูยิวา[455]
  • เดธสโตรก : เมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ. 2017 มีรายงานว่าภาพยนตร์เกี่ยวกับ สเลด วิลสัน / เดธสโตรก กำลังพัฒนาโดยมี แกเรท เอเวนส์ เป็นผู้กำกับและผู้เขียนบทจากเนื้อเรื่องโดย โจ แมงแกเนียลโล[456] ซึ่งจะกลับมารับบทเดิมจากในภาพยนตร์ จัสติซ ลีก[457] โครงการได้รับการอนุมัติภาพยนตร์หลังผู้บริหารประทับใจในเนื้อเรื่องที่เอเวนส์นำเสนอ[457] เมื่อเดือนเมษายน ค.ศ. 2020 เอเวนส์ไม่ได้มีส่วนร่วมกับการพัฒนาอีกต่อไป เอเวนส์กล่าวว่าเขายังไม่ได้เข้าร่วมโครงการตามสัญญา เขาอธิบายว่าเป็นภาพยนตร์ที่ทั้งมืดมนและไร้ความปราณี คล้ายกับภาพยนตร์นัวร์ของเกาหลี[458][459][460] ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2020 แมงแกเนียลโล กล่าวว่าเขาและสไนเนอร์กำลังทำงานในโครงการที่มีเดธสโตรก หลังเขากลับมารับบทเดิมใน จัสติซ ลีก ของ แซ็ค สไนเดอร์[461] ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2021 แมงแกเนียลโล ยืนยันว่าโครงการ เดธสโตรก ถูกยกเลิกเพราะวอร์เนอร์บราเธอส์ไม่ได้ถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ หลังจากล่าช้าหลายครั้ง[456] แมงแกเนียลโล กล่าวว่าเขาเขียนเรื่องราวการแก้แค้นที่ "เป็นมนุษย์และมีเหตุผล" สำหรับตัวละครนี้ ในขณะที่เตรียมตัวสำหรับบทบาทใน "จัสติซ ลีก" และ "เดอะ แบทแมน" ของ เบน แอฟเฟล็ก[462] เขาใช้เวลาหกเดือนในการเขียนโครงร่างบทสำหรับภาพยนตร์ที่ส่งไปที่สตูดิโอ โดยมีรายละเอียด ได้แก่ ตัวละครขณะที่ในกองทัพสหรัฐ, การเชื่อมต่อของเขากับลีกออฟชาโดว์ส,[462] ตัวละคร ทาเลีย อัล กูล, วิลเลียม วินเทอร์กรีน, ภรรยาของเขา อะเดไลน์ เคนและลูก ๆ ของพวกเขา[463] เนื้อเรื่องยังไปรวมถึงเหตุการณ์ที่จะนำไปสู่บทบาทของตัวละครในภาพยนตร์ของแอฟเฟล็ค ซึ่งเขาต้องการแก้แค้นแบทแมนและนักการเมืองของ วอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งเขาโทษว่าเป็นเหตุที่ทำให้ลูกชายของเขาเสียชีวิต[461] แมงแกเนียลโล กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่โครงการจะได้รับการฟื้นฟู[456] หลังการฉายของ จัสติซ ลีก ของ แซ็ค สไนเดอร์ มีการเริ่มต้นแคมเปญในสื่อสังคม เพื่อต้องการฟื้นฟูโครงการภาพยนตร์เรื่องนี้[464] ในเดือนเมษายนปี ค.ศ. 2021 ในระหว่างงานจัสติซคอน แมงแกเนียลโล กล่าวว่าโครงการแรกที่มีตัวละครที่เขาหวังว่าจะได้รับการอนุมัติเป็นเรื่องราวต้นกำเนิด ซึ่งทำใหม่เป็นซีรีส์และเผยแพร่ผ่านเอชบีโอแม็กซ์เท่านั้น[465]
  • กรีน แลนเทิร์น : แต่เดิม ภาพยนตร์ กรีน แลนเทิร์น ที่ฉายในปี ค.ศ. 2011 ตั้งใจให้เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกในจักรวาลภาพยนตร์ดีซี อย่างไรก็ตาม ภาพยนตร์ภาคต่อที่วางแผนไว้ถูกยกเลิกในเดือน ค.ศ. 2011[466] และภาพยนตร์ก็ขาดความต่อเนื่องในที่สุด เนื่องจากความผิดหวังในเรื่องของรายได้และคำวิจารณ์[467] ถึงแม้ว่า ตัวละคร ซิเนสโตร ที่แสดงโดย มาร์ก สตรอง กล่าวถึงภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างไม่ถูกต้องว่า "เป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลขยายดีซี" ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2019[468] นอกจากนี้ แซ็ก สไนเดอร์ ยังพิจารณาให้ ไรอัน เรย์โนลส์ กลับมาแสดงเป็น "แลนเทิร์นอีกคนหนึ่ง" ใน จัสติซ ลีก ของ แซ็ค สไนเดอร์[469][470] ภาพยนตร์ได้รับการกำหนดย้อนหลังว่าดำเนินเรื่องอยู่ใน เอิร์ธ-12 ในการข้ามฝั่งของแอร์โรว์เวิร์สในตอน วิกฤตพหุภพ[471]
  • ฮาร์ลีย์ ควินน์ ปะทะ เดอะ โจ๊กเกอร์ : ภาพยนตร์เกี่ยวกับฮาร์ลีย์ ควินน์และโจ๊กเกอร์ถูกประกาศว่าจะพัฒนาเมื่อเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2017 โดยใช้ชื่อชั่วคราว ฮาร์ลีย์ ควินน์ ปะทะ เดอะโจ๊กเกอร์ (Harley Quinn vs. the Joker) กำหนดการถ่ายทำจะเริ่มหลังภาพยนตร์ เดอะ ซุยไซด์ สควอด ฉายแล้ว[472][473] เกลนน์ ฟิคาร์ราและจอห์น เรควา จะเขียนบทร่วม, กำกับและอำนวยการสร้าง[474] ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2018 ฟิคาร์ราและเรควาประกาศว่าได้เขียนบทภาพยนตร์เสร็จสมบูรณ์และส่งให้วอร์เนอร์บราเธอส์แล้ว โดยการถ่ายทำจะเริ่มต้นขึ้นหลัง ทีมนกผู้ล่า เนื้อเรื่องของภาพยนตร์จะสำรวจความสัมพันธ์ของตัวละคร ผสมกับแนวภาพยนตร์ที่เป็นผลงานของฟิคาร์ราและเรควาก่อนหน้านี้อย่าง แบดซานต้า ซานตาคลอสจิตป่วน (Bad Santa) และ ด้วยหัวใจและผูกพัน (This Is Us)[475] ภาพยนตร์ถูกยกเลิกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2019[476]
  • ภาพยนตร์โจ๊กเกอร์ที่ไม่มีชื่อเรื่อง: ภาพยนตร์เกี่ยวกับโจ๊กเกอร์เข้าสู่ช่วงเริ่มต้นการพัฒนาเมื่อเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2018 จาเรด เลโทจะทำหน้าที่เป็นหัวหน้าผู้อำนวยการสร้าง เพิ่มเติมจากบทของเขาที่แสดงเป็นโจ๊กเกอร์ วอร์เนอร์บราเธอส์ตั้งใจให้เป็นภาพยนตร์ที่ "ปูทาง" ให้โครงการอื่นที่เกี่ยวข้องกับ ทีมพลีชีพ มหาวายร้าย ทั้งหมด เลโทยังมีส่วนร่วมในการว่าจ้างทีมงานสร้างภาพยนตร์[477] ภาพยนตร์ถูกยกเลิกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2019 และภาพยนตร์โจ๊กเกอร์ซึ่งไม่ได้ดำเนินเรื่องในจักรวาลขยายดีซี ได้ฉายในปีดังกล่าว[476]
  • ภาคต่อ จัสติซ ลีก: ภาพยนตร์ จัสติซ ลีก พาร์ท 2 (Justice League Part Two) ประกาศเมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ. 2014 โดยมีแซ็ก สไนเดอร์กลับมาเป็นผู้กำกับ[29] ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2016 เดโบราห์ สไนเดอร์ เปิดเผยว่า จัสติซ ลีก จะไม่เป็นหนึ่งภาพยนตร์ที่แบ่งออกเป็นสองภาค[478] ภาพยนตร์กำหนดฉายวันที่ 14 มิถุนายน ค.ศ. 2019[112] แต่การถ่ายทำถูกเลื่อนออกไปเพื่อให้ เดอะ แบทแมน ถ่ายทำได้สะดวก[479] จอสส์ วีดอน ผู้กำกับ จัสติซ ลีก ที่ถ่ายทำใหม่ ทำการปรับฉากหลังเครดิตของภาพยนตร์ ให้เป็นการแนะนำ อินจัสติซ ลีก ซึ่งเป็นวายร้ายในภาคต่อที่เป็นไปได้[480] ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2017 เจ. เค. ซิมมอนส์ กล่าวว่างานบทภาพยนตร์กำลังดำเนินการอยู่[481] วาไรตี รายงานเมื่อเดือนธันวาคมว่า "ยังไม่มีแผนในทันที" ที่จะให้สไนเดอร์มากำกับ[37] ก่อนที่เขาจะออกจากดีซีฟิล์มส์ สไนเดอร์ตั้งใจจะให้ภาคต่อเน้นไปที่การต่อสู้ระหว่างลีกกับอินจัสติซลีก ซึ่งประกอบด้วย เล็กซ์ ลูเธอร์, ด็อกเตอร์พอยซัน, กัปตันโคลด์, เดอะริดเลอร์, โอเชียนมาสเตอร์และแบล็กแมนตา ความขัดแย้งดังกล่าวจะทำให้วันเดอร์วูแมนและอควาแมนเสียชีวิต ภาพยนตร์จะจบด้วยการบุกรุกโลกของดาร์กไซด์และสังหารโลอิส เลนที่กำลังตั้งครรภ์ ทำให้ซูเปอร์แมนถูกครอบงำโดยสมการต่อต้านชีวิต[482] ในปี ค.ศ. 2019 วอร์เนอร์บราเธอส์ให้ความสำคัญกับภาพยนตร์เดี่ยวมากกว่าโครงการนี้ ถึงแม้ว่าแพตตี เจนคินส์ กล่าวว่าเธอเปิดกว้างพร้อมที่จะกำกับภาพยนตร์ภาคต่อ จัสติซ ลีก[42][333][393] จัสติซ ลีก ของ แซ็ก สไนเดอร์ ถือเป็น "การเล่าเรื่องแบบทางตัน" โดยไม่มีการวางแผนภาคต่อ[46] สไนเดอร์กล่าวว่าเขาไม่ได้ "คาดหวังว่าจะมีภาพยนตร์มากกว่านี้ ถ้ามันเกิดขึ้น คงจะน่าทึ่ง — แต่สะพานนั้นอยู่ไกลเกินไป"[483] หลังจากนั้นเขาจะเสริมว่า วอร์เนอร์บราเธอร์ส "ไม่มีความอยากหรือความสนใจ" ให้เขากำกับภาพยนตร์เพิ่มเติม[484] ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2021 เรย์ ฟิชเชอร์ กล่าวว่าเขาเต็มใจที่จะกลับมารับบทเดิมของเขาเป็นไซบอร์กในภาพยนตร์ดีซีในอนาคต ถ้าภาพยนตร์ภาคต่อของ จัสติซ ลีก สร้างโดยสไนเดอร์[454] ในเดือนต่อมา สไนเดอร์กล่าวว่าเขาจะกลับไปกำกับภาคต่อหากเขาได้รับโอกาส[485] ในเดือนมีนาคม สตอรีบอร์ดที่สร้างขึ้นสำหรับภาคต่อจัสติซ ลีกของสไนเดอร์ถูกจัดแสดงที่นิทรรศการ "ดรีมสเคปส์ออฟจัสติซ ลีก ของ แซ็ก สไนเดอร์" ใน ดัลลาส[482] สตอรีบอร์ดยืนยันการมีอยู่ของภาคต่อ ซึ่งใช้ชื่อชั่วคราวว่า จัสติซ ลีก 2เอ ซึ่งมีแผนจะเข้าฉายในปี ค.ศ. 2020 โดย 2เอ จะเกิดขึ้นหลังภาพยนตร์เรื่องที่แล้วห้าปี และจะได้เห็นลีกใช้การเดินทางข้ามเวลาเพื่อย้อนกลับการบุกรุกของดาร์กไซด์[482] แบทแมนจะต้องเสียสละชีวิตของเขาในขณะที่ปกป้องโลอิส เลนจากดาร์กไซด์ในอดีต ในที่สุดก็สร้างเส้นเวลาใหม่ที่การบุกรุกของดาร์กไซด์ไม่เคยเกิดขึ้น ยี่สิบปีต่อมา ลูกชายของคลาร์กและโลอิสจะกลายเป็นแบทแมนคนที่สองต่อจากบรูซ[486] ในเดือนสิงหาคม ชาร์ลส์ โรเวน ผู้อำนวยการสร้าง ยืนยันว่าสตูดิโอยังสนใจในภาคต่อของ จัสติซ ลีก อย่างไรก็ตาม เขากล่าวว่ายัง "อีกหลายปี"[487]
  • ภาคต่อ บุรุษเหล็ก ซูเปอร์แมน: ภาพยนตร์ดังกล่าวถูกประกาศว่าอยู่ในการพัฒนาเมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ. 2014[29] ในเดือนพฤศจิกยน ค.ศ. 2016 เอมี แอดัมส์ กล่าวว่ากำลังอยู่ขั้นตอนการเขียนบทภาพยนตร์[488] ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2016 แมทธิว วอห์น ประกาศว่าเขากำลังเจรจากับสตูดิโอเพื่อทำหน้าที่กำกับภาพยนตร์[489] ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2018 เฮนรี แควิลล์ เปิดเผยว่าเขากำลังเตรียมตัวเพื่อที่รับบทเดิม[490] ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2019 วอห์น กล่าวว่าการเจรจากับวอร์เนอร์บราเธอส์นั้นจบลงแล้วและเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพัฒนาภาพยนตร์อีกต่อไป ในการเจรจาเกี่ยวกับงานของเขาในโครงการ เขาเปิดเผยว่าได้รับอิทธิพลจากไตรภาคก่อนหน้านี้ที่เขาเคยเสนอเมื่อปี ค.ศ. 2008 โดยร่วมเขียนกับ มาร์ก มิลลาร์ และยังอธิบายโครงการนี้ว่า "ยิ่งใหญ่, ยกระดับ, เต็มไปด้วยความหวัง"[491] ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2019 คริสโตเฟอร์ แม็คควอรี่ กล่าวว่าเขากับแควิลล์ เคยได้เสนอแนวคิดภาคต่อให้กับวอร์เนอร์บราเธอส์หลายปีก่อน โดยมีเนื้อเรื่องเชื่อมโยงกับ กรีนแลนเทิร์นคอร์ปส แต่เขาก็ย้ายไปทำโครงการอื่นแทนเนื่องจากเขาเห็นว่าไม่มีความคืบหน้าในการพัฒนาภาพยนตร์[370] ต่อมา ไมเคิล บี. จอร์แดน ได้เสนอแนวคิดตัวละครของเขา แต่ยังไม่พร้อมที่จะทำเนื่องจากตารางงานที่ยุ่งอยู่แล้ว[298] ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2019 มีรายงานว่าวอร์เนอร์บราเธอส์กำลังเข้าสู่การเจรจาขั้นต้นกับ เจ.เจ. แอบรัมส์ เพื่อให้มาควบคุมโครงการ[298] ในเดือนธันวาคม แควิลล์ กล่าวว่าซูเปอร์แมนในอนาคตนั้นจะเหมือนกับซูเปอร์แมนในหนังสือการ์ตูน[492] แควิลล์ยืนยันหลังการแสดงใน เดอะ วิทเชอร์ นักล่าจอมอสูร ว่าได้แทรกแซงความพร้อมของเขาสำหรับบทซูเปอร์แมน เขายังกล่าวอีกว่าจะไม่เป็นเช่นนั้นในปีที่สองของซีรีส์[493] เมื่อเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2020 แควิลล์เข้าสู่การเจรจาเพื่อกลับมารับบทเดิม ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ในภาพยนตร์ภาคต่อของ บุรุษเหล็ก ซูเปอร์แมน[494][495][496]
  • นิวก็อดส์ : เมื่อเดือนมีนาคม ค.ศ. 2018 เอวา ดูเวอร์เนย์ เซ็นสัญญาเป็นผู้กำกับภาพยนตร์เกี่ยวกับนิวก็อดส์ หลังเสนอแนวคิดให้กับวอร์เนอร์บราเธอส์[497] คาริโอ ซาเล็ม ถูกจ้างให้เป็นผู้เขียนบทภาพยนตร์[498] ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2019 ดูเวอร์เนย์ประกาศว่าเธอจะเขียนบทร่วมกับ ทอม คิง[499] วาไรตี รายงานว่าภาพยนตร์จะอยู่ในจักรวาลขยายดีซี,[500] ถึงแม้ว่าทาง เดดไลน์ฮอลลีวูด จะรายงานว่าจะ "ไม่มีการเชื่อมโยง" กับภาพยนตร์ก่อนหน้านี้[498] ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2019 คิงกล่าวว่า ทีมของผู้เชี่ยวชาญวัตถุดิบของแจ็ค เคอร์บี ได้รวมตัวกันเพื่อทำงานในโครงการนี้ เขาเรียกประสบการณ์นี้ว่า "หนึ่งในประสบการณ์การเล่าเรื่องที่ดีที่สุดที่ [เขา] เคยมีมา"[501] ดาร์กไซด์และฟีเมลฟิวรีส์ จะปรากฏตัวในภาพยนตร์[502] เดอะนิวก็อดส์ ก่อนหน้านี้ปรากฏตัวใน จัสติซ ลีก โดยมี เรย์ พอร์เตอร์ แสดงเป็น ดาร์กไซด์ แต่ก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในระหว่างหลังการถ่ายทำ[503]
  • ภาพยนตร์ แบล็กแมนตา ที่ไม่มีชื่อ: เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2019 วอร์เนอร์บราเธอส์ ประกาศภาพยนตร์แนวสยองขวัญ ซึ่งเป็นภาพยนตร์แยกของ อควาแมน โดยเน้นไปที่อาณาจักรเทรนช์ที่ชั่วร้าย ปีเตอร์ ซาฟรานและเจมส์ วาน ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้าง โนอาห์ การ์ดเนอร์และไอดาน ฟิตเจอรัลด์ ทำหน้าที่เป็นผู้เขียนบท ภาพยนตร์จะมีทุนสร้างที่ต่ำกว่าภาพยนตร์ดีซีเรื่องอื่น[504] ในเดือนต่อมา ซาฟรานกล่าวว่าเขาหวังว่าภาพยนตร์จะฉายก่อน อควาแมนแอนด์เดอะลอสต์คิงดอม[333] ในเดือนเมษายน ค.ศ. 2021 โครงการดังกล่าวถูกยกเลิก วอร์เนอร์บราเธอส์ ระบุว่าโครงการอาจจะได้รับการฟื้นฟูในอนาคต[44] ในเดือนตุลาคม วานเปิดเผยว่าในตอนแรกที่ประกาศชื่อภาพยนตร์ "เดอะเทรนช์" นั้นเป็นชื่อชั่วคราว เพื่อหลอกผู้ชมว่าภาพยนตร์เรื่องนี้แท้จริงแล้วเป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับ แบล็กแมนตา[505]
  • เดอะวันเดอร์ทวินส์: เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2022 ภาพยนตร์เกี่ยวกับ แซนและเจย์นา / เดอะวันเดอร์ทวินส์ เข้าสู่การพัฒนาสำหรับฉายในเอชบีโอแม็กซ์ ภาพยนตร์จะกำกับและเขียนบทโดย แอดัม สตีคีล ขณะที่ มาร์ตี โบเวนและวิก ก็อดฟรีย์ จะทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้าง[506] ในเดือนเมษายนปีเดียวกัน เคเจ อาปาและอิซาเบล เมย์ ได้รับคัดเลือกให้แสดงเป็น แซนและเจย์นา ตามลำดับ[507] กำหนดการถ่ายทำเดิมเริ่มต้นในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2022 ที่แอตแลนตา, จอร์เจีย[507][49] แต่โครงการถูกยกเลิกในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2022 หลังการควบรวมกิจการของวอร์เนอร์มีเดียกับดิสคัฟเวอรี และการก่อตั้งของวอร์เนอร์บราเธอส์ดิสคัฟเวอรี เดวิด ซาสลาฟ ซีอีโอของกลุ่มบริษัทที่เพิ่งก่อตั้งใหม่ รู้สึกว่าทุนสร้างประมาณ 75 ล้านดอลลาร์สหรัฐของภาพยนตร์เรื่องนี้จะไม่หนุนผลตอบแทนที่เพียงพอต่อการฉายทางสตรีมโดยตรง นอกจากนี้ ซาสลาฟยังมีคำสั่งว่า ดีซีฟิล์มส์ จะเน้นการฉายภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์ก่อน โดยคำวิจารณ์ภายในยังระบุด้วยว่าโครงการนี้มีรูปแบบที่ถือว่า "เฉพาะเกินไป"[508][49]

นักแสดงและตัวละคร[แก้]

รายการตัวบ่งชี้

ส่วนนี้แสดงถึงตัวละครที่จะปรากฏตัวหรือปรากฏตัวแล้วในภาพยนตร์สามเรื่องหรือมากกว่าในภาพยนตร์ชุด

  • ส่วนที่ว่างเป็นสีเทาเข้ม หมายถึง ตัวละครไม่ได้อยู่ในภาพยนตร์หรือการปรากฏของตัวละครไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ
  •  A หมายถึง ปรากฏตัวในผ่านภาพที่ได้ถ่ายทำเอาไว้ก่อนแล้ว
  •  C หมายถึง นักแสดงรับเชิญ
  •  E หมายถึง ไม่ได้ปรากฏตัวในฉบับฉายโรงภาพยนตร์
  •  P หมายถึง ปรากฏตัวเป็นภาพถ่ายในภาพยนตร์
  •  S หมายถึง ปรากฏตัวผ่านการใช้เทคนิคพิเศษ
  •  U หมายถึง ปรากฏตัวแต่ไม่มีชื่อในเครดิต
ตัวละคร ภาพยนตร์ โทรทัศน์
บุรุษเหล็ก ซูเปอร์แมน แบทแมน ปะทะ ซูเปอร์แมน
แสงอรุณแห่งยุติธรรม
ภาพยนตร์ชุด
ซุยไซด์สควอด
ภาพยนตร์ชุด
วันเดอร์วูแมน
ภาพยนตร์ชุด
จัสติซ ลีก
ภาพยนตร์ชุด
อควาแมน
ภาพยนตร์ชุด
ชาแซม
ทีมนกผู้ล่า กับฮาร์ลีย์ ควินน์ ผู้เริดเชิด แบล็ก อดัม เดอะ แฟลช พีซเมกเกอร์
แบร์รี อัลเลน
เดอะแฟลช
เอซรา มิลเลอร์C[99][113] เอซรา มิลเลอร์[128] เอซรา มิลเลอร์[291][e] เอซรา มิลเลอร์UG[510]
อาร์เธอร์ เคอร์รี
อะควาแมน
เจสัน โมโมอาC[87] เจสัน โมโมอาP[511] เจสัน โมโมอา[128] เจสัน โมโมอา[29][f] เจสัน โมโมอาUG[510]
คาล-เอล / คลาร์ก เคนต์
ซูเปอร์แมน
เฮนรี แควิลล์[74][g] เฮนรี แควิลล์[87] เฮนรี แควิลล์[128] ไรอัน ฮาดลีย์C[517] แบรด อับราเมนโก
(นักแสดงแทน)C[518]
เดอะโจ๊กเกอร์ จาเรด เลโท[107] จาเรด เลโทE[153] จาเรด เลโทA[519]
จอห์นนี ก็อธ
(นักแสดงแทน)C[520]
โจนาธาน เคนต์ เควิน คอสต์เนอร์[78] เควิน คอสต์เนอร์C[521] เควิน คอสต์เนอร์P[522]
มาร์ธา เคนต์ ไดแอน เลน[77][87] ไดแอน เลน[128]
โลอิส เลน เอมี แอดัมส์[75][87] เอมี แอดัมส์[128]
ไดอานา พรินซ์
วันเดอร์วูแมน
กัล กาด็อต[89] กัล กาด็อต[115][h] กัล กาด็อต[128] คิมเบอร์ลีย์ วอน อิลเบิร์ก
(นักแสดงแทน)C[525]
ฮาร์ลีน ควินเซล
ฮาร์ลีย์ ควินน์
มาร์โก ร็อบบี[107] มาร์โก ร็อบบี[526] มาร์โก ร็อบบีA
นายพล คาลวิน สวานวิก
มาเชียนแมนฮันเตอร์
แฮร์รี เลนนิกซ์[527][528] แฮร์รี เลนนิกซ์E[152]
อะแมนดา วอลเลอร์ วิโอลา เดวิส[107] วิโอลา เดวิส[280] วิโอลา เดวิส[529]
บรูซ เวย์น
แบทแมน
เบน แอฟเฟล็ก[88][i] เบน แอฟเฟล็กU[113] เบน แอฟเฟล็ก[128] เบน แอฟเฟล็ก[317]
ไมเคิล คีตัน[j]
นายพลซอด ไมเคิล แชนนอน[76] ไมเคิล แชนนอนS[531] ไมเคิล แชนนอน[293]

ทีมงานและรายละเอียดเพิ่มเติม[แก้]

ภาพยนตร์ ทีมงานและรายละเอียด
ดนตรีประกอบ กำกับภาพ ตัดต่อ บริษัทผู้สร้าง ความยาว เรตติงภาพยนตร์
บุรุษเหล็ก ซูเปอร์แมน ฮันส์ ซิมเมอร์ อาเมียร์ โมครี เดวิด เบรนเนอร์ ซินโคฟีอิงค์.,
ดีซีเอ็นเทอร์เทนเมนต์,
เลเจนดารีพิกเจอส์
143 นาที PG-13
แบทแมน ปะทะ ซูเปอร์แมน
แสงอรุณแห่งยุติธรรม
จังกีเอกซ์แอลและ
ฮันส์ ซิมเมอร์
แลร์รี ฟอง ดีซีเอ็นเทอร์เทนเมนต์,
แอตลาสเอ็นเทอร์เทนเมนต์,
เรตเพกเอ็นเทอร์เทนเมนต์,
ครูลแอนด์อันยูสชวลฟิล์มส
152 นาที
อัลติเมตเอดิชัน:
182 นาที
PG-13
อัลติเมตเอดิชัน:
R
ทีมพลีชีพ มหาวายร้าย สตีเวน ไพรซ์ โรมัน วาซิยานอฟ จอห์น กิลรอย ดีซีฟิล์มส์,
แอตลาสเอ็นเทอร์เทนเมนต์,
เรตเพกเอ็นเทอร์เทนเมนต์
123 นาที
เอกซ์เทนด์คัต:
134 นาที
PG-13
วันเดอร์ วูแมน รูเพิร์ต เกร็กสัน-วิลเลียมส์ แมทธิว เจนเซ่น มาร์ติน วอลช์ ดีซีฟิล์มส์,
แวนดาพิกเจอส์,
เทนเซ็นต์พิกเจอส์,
แอตลาสเอ็นเทอร์เทนเมนต์,
เรตเพกเอ็นเทอร์เทนเมนต์,
ครูลแอนด์อันยูสชวลฟิล์มส
141 นาที
จัสติซ ลีก แดนนี เอลฟ์แมน ฌอง-ฟีลิปป์ กอสซาต์,
ไซมอน เฟริชต์และ
ฟาเบียน วากเนอร์[532][533]
มาร์ติน วอลช์,
เดวิด เบรนเนอร์และ
ริชาร์ด เพียร์สัน
ดีซีฟิล์มส์,
เรตเพก-ดูนเอ็นเทอร์เทนเมนต์,
ครูลแอนด์อันยูสชวลฟิล์มส,
แอกเซสเอ็นเทอร์เทนเมนต์,[k]
แอตลาสเอ็นเทอร์เทนเมนต์
120 นาที
อควาแมน เจ้าสมุทร รูเพิร์ต เกร็กสัน-วิลเลียมส์ ดอน เบอร์เจสส์ เคิร์ก เอ็ม. โมร์ริ ดีซีฟิล์มส์,
วอร์เนอร์บราเธอร์สพิกเจอร์ส,
ครูลแอนด์อันยูสชวลฟิล์มส,
เดอะซาฟรานคอมพานี
แมดโกสโปรดักชันส์
143 นาที
ชาแซม! เบนจามิน วอลฟิช แมกซิม อเล็กซานเดอร์ มิเชล อัลเลอร์ ดีซีฟิล์มส์,
เซเวนบักส์โปรดักชันส์,
นิวไลน์ซินีมา,
เดอะซาฟรานคอมพานี,
แมดโกสโปรดักชันส์
132 นาที
ทีมนกผู้ล่า แดเนียล เพมเบอร์ตัน แมทธิว ไลเบดิก เจย์ คาสสิดีและอีวาน ชิฟฟ์[535] ดีซีฟิล์มส์,
ลัคกีแชปโปรดักชันส์,
โครลล์แอนด์โค. เอ็นเทอร์เทนเมนต์,
คลับเฮาส์พิกเจอส์
109 นาที R
วันเดอร์ วูแมน 1984 ฮันส์ ซิมเมอร์[536] แมทธิว เจนเซ่น ริชาร์ด เพียร์สัน ดีซีฟิล์มส์,
เดอะสโตนควอร์รี,[537]
แอตลาสเอ็นเทอร์เทนเมนต์
151 นาที PG-13
จัสติซ ลีก ของ
แซ็ก สไนเดอร์
ทอม โฮลเคนบอร์ก ฟาเบียน วากเนอร์ เดวิด เบรนเนอร์,
โดดี ดอร์นและ
การ์โล เอ็ม. กาสติโยน[538]
ดีซีฟิล์มส์,
เดอะสโตนควอร์รี,
เรตเพก-ดูนเอ็นเทอร์เทนเมนต์,
แอกเซสเอ็นเทอร์เทนเมนต์[l]
แอตลาสเอ็นเทอร์เทนเมนต์
วอร์เนอร์แมกซ์
242 นาที R
เดอะ ซุยไซด์ สควอด จอห์น เมอร์ฟี[539] เฮนรี แบรม เฟรด ราสกินและคริสเตียน แวกเนอร์ ดีซีฟิล์มส์,
แอตลาสเอ็นเทอร์เทนเมนต์,
เดอะซาฟรานคอมพานี
132 นาที
แบล็ก อดัม ลอร์น เบลฟ์ ลอว์เรนซ์ แชร์[540] จอห์น ลี ดีซีฟิล์มส์,
นิวไลน์ซินีมา,
เซเวนบักส์โปรดักชันส์,
ฟลินน์พิกเจอร์สโค.
124 นาที PG-13
เดอะ แฟลช เบนจามิน วัลฟิช[541] เฮนรี แบรม[542] พอล แมชลิส ดีซีฟิล์มส์,
เดอะดิสโกแฟกทะรี,
ดับเบิลดรีม
รอประกาศ รอประกาศ
อควาแมนแอนด์เดอะลอสต์คิงดอม รอประกาศ รอประกาศ รอประกาศ ดีซีฟิล์มส์,
เดอะซาฟรานคอมพานี,
อะตอมิกมอนสเตอร์โปรดักชันส์
ชาแซม! ฟิวรีออฟเดอะก็อดส์ รอประกาศ ยูลา ปาดอส รอประกาศ ดีซีฟิล์มส์,
นิวไลน์ซินีมา,
เดอะซาฟรานคอมพานี,
แมดโกสโปรดักชันส์

การตอบรับ[แก้]

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตอบรับของภาพยนตร์แต่ละเรื่อง ให้ดูที่หัวข้อ "การตอบรับ" ในบทความของภาพยนตร์แต่ละเรื่อง

บ็อกซ์ออฟฟิศ[แก้]

ภาพยนตร์ วันฉายในสหรัฐ รายได้บ็อกซ์ออฟฟิศ อันดับสูงสุด ทุนสร้าง อ้างอิง
สหรัฐและแคนาดา ภูมิภาคอื่น ทั่วโลก สหรัฐและแคนาดา ทั่วโลก
บุรุษเหล็ก ซูเปอร์แมน 14 มิถุนายน ค.ศ. 2013 $291,045,518 $377,000,000 $668,045,518 99 134 $225 ล้าน [543]
แบทแมน ปะทะ ซูเปอร์แมน แสงอรุณแห่งยุติธรรม 25 มีนาคม ค.ศ. 2016 $330,360,194 $543,274,725 $873,634,919 67 71 $250 ล้าน [544]
ทีมพลีชีพ มหาวายร้าย 5 สิงหาคม ค.ศ. 2016 $325,100,054 $421,746,840 $746,846,894 70 109 $175 ล้าน [545]
วันเดอร์ วูแมน 2 มิถุนายน ค.ศ. 2017 $412,563,408 $409,283,604 $821,847,012 31 83 $149 ล้าน [546]
จัสติซ ลีก 17 พฤศจิกายน ค.ศ. 2017 $229,024,295 $428,900,000 $657,924,295 155 137 $300 ล้าน [547]
อควาแมน เจ้าสมุทร 21 ธันวาคม ค.ศ. 2018 $335,061,807 $813,424,079 $1,148,485,886 63 23 $160 ล้าน [548]
ชาแซม! 5 เมษายน ค.ศ. 2019 $140,371,656 $225,600,000 $365,971,656 425 366 $100 ล้าน [549]
ทีมนกผู้ล่า กับฮาร์ลีย์ ควินน์ ผู้เริดเชิด 7 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2020 $84,158,461 $117,700,000 $201,858,461 925 832 $84.5 ล้าน [550]
วันเดอร์ วูแมน 1984 25 ธันวาคม ค.ศ. 2020 $46,534,027 $120,000,000 $166,534,027 1,894 1,031 $200 ล้าน [551]
เดอะ ซุยไซด์ สควอด 5 สิงหาคม ค.ศ. 2021 $55,570,323 $110,900,000 $166,531,034 1,793 1,233 $185 ล้าน [552]
ทั้งหมด $2,249,850,454 $3,567,829,248 $5,817,679,702 11 10 $1.94 พันล้าน [553][554]

การตอบรับของนักวิจารณ์และสาธารณชน[แก้]

ภาพยนตร์ นักวิจารณ์ สาธารณชน
รอตเทนโทเมโทส์ เมทาคริติก ซีนะมาสกอร์
บุรุษเหล็ก ซูเปอร์แมน 56% (338 บทวิจารณ์)[555] 55 (47 บทวิจารณ์)[556] A−[557]
แบทแมน ปะทะ ซูเปอร์แมน แสงอรุณแห่งยุติธรรม 28% (432 บทวิจารณ์)[558] 44 (51 บทวิจารณ์)[559] B[557]
ทีมพลีชีพ มหาวายร้าย 26% (386 บทวิจารณ์)[560] 40 (53 บทวิจารณ์)[561] B+[557]
วันเดอร์ วูแมน 93% (467 บทวิจารณ์)[562] 76 (50 บทวิจารณ์)[563] A[557]
จัสติซ ลีก 40% (403 บทวิจารณ์)[564] 45 (52 บทวิจารณ์)[565] B+[557]
อควาแมน เจ้าสมุทร 65% (406 บทวิจารณ์)[566] 55 (50 บทวิจารณ์)[567] A–[557]
ชาแซม! 90% (409 บทวิจารณ์)[568] 71 (53 บทวิจารณ์)[569] A[557]
ทีมนกผู้ล่า กับฮาร์ลีย์ ควินน์ ผู้เริดเชิด 79% (430 บทวิจารณ์)[570] 60 (59 บทวิจารณ์)[571] B+[557]
วันเดอร์ วูแมน 1984 59% (433 บทวิจารณ์)[572] 60 (57 บทวิจารณ์)[573] B+[557]
จัสติซ ลีก ของ แซ็ก สไนเดอร์ 71% (301 บทวิจารณ์)[574] 54 (45 บทวิจารณ์)[575]
เดอะ ซุยไซด์ สควอด 90% (350 บทวิจารณ์)[576] 72 (53 บทวิจารณ์)[577] B+[557]

ดูเพิ่ม[แก้]

หมายเหตุ[แก้]

  1. ขณะที่สไนเดอร์เป็นผู้กำกับระหว่างการถ่ายทำหลัก เขาถูกแทนที่โดย จอสส์ วีดอน ช่วงระหว่างหลังการถ่ายทำเนื่องจากการเสียชีวิตของลูกสาวของสไนเดอร์ ขณะที่สไนเดอร์ยังมีชื่อเป็นผู้กำกับเพราะเขาถ่ายทำภาพยนตร์จนเสร็จ แต่มีรายงานว่าวีดอนได้มีการถ่ายทำใหม่หลายส่วนซึ่งเป็นส่วนสำคัญของภาพยนตร์ ด้วยเหตุนี้ ทำให้สไนเดอร์จะปล่อยภาพยนตร์รูปแบบไดเรกเตอร์สคัตของเขาในปี ค.ศ. 2021[61]
  2. 2.0 2.1 ฉายพร้อมกันทั้งในโรงภาพยนตร์และบนเอชบีโอแม็กซ์[62][63]
  3. ภาพยนตร์ฉบับตัดต่อโดยผู้กำกับของ จัสติซ ลีก (2017)
  4. ภาพยนตร์ฉายเฉพาะในเอชบีโอแม็กซ์
  5. แบร์รี อัลเลนในวัยเด็กแสดงโดย เอียน โล[509]
  6. มีนักแสดงที่แสดงเป็น อาร์เธอร์ เคอร์รี ที่อายุน้อยกว่าในช่วงเวลาต่าง ๆ ได้แก่ เคคัว เคคูมาโน,[512] โอทิส ดฮานจิ,[513] และคาน กัลดูวร์[514]
  7. มีนักแสดงที่แสดงเป็น คาล-เอล / คลาร์ก เค้นต์ ที่อายุน้อยกว่าในช่วงเวลาต่าง ๆ ได้แก่ ดิลัน สเปรย์เบร์รีและคูเปอร์ ทิมเบอร์ไลน์[515][516]
  8. มีนักแสดงที่แสดงเป็น ไดอานา พรินซ์ ที่อายุน้อยกว่าในช่วงเวลาต่าง ๆ ได้แก่ เอมิลี แครีย์และลิลลี แอสเปล[523][524]
  9. บรูซ เวย์นในวัยเด็กแสดงโดยแบรนดอน สปิงค์[530]
  10. คีตันแสดงเป็น บรูซ เวย์น อีกคนหนึ่ง โดยเขากลับมารับบทเดิมจากในภาพยนตร์ แบทแมน (1989) และ แบทแมน รีเทิร์นส ตอน ศึกมนุษย์เพนกวินกับนางแมวป่า (1992) ของ ทิม เบอร์ตัน แทนที่ บรูซ เวย์น ของแอฟเฟล็ก ที่เป็นตัวละครหลักในจักรวาลขยายดีซี นอกจากนี้ คีตันยังแสดงเป็น บรูซ เวย์น ในภาพยนตร์ แบทเกิร์ล (2022)
  11. ในการวางจำหน่ายโฮมวิดีโอนั้น เรตเพก-ดูนเอ็นเทอร์เทนเมนต์ถูกแทนที่ด้วยแอกเซสเอ็นเทอร์เทนเมนต์ (เจ้าของเรตเพกในปัจจุบัน) หลัง เบร็ต แรตเนอร์ ผู้บริหารสูงสุดของเรตเพก-ดูน ถูกข้อกล่าวหาในคดีข่มขืนและล่วงละเมิดทางเพศ[534]
  12. ในการวางจำหน่ายโฮมวิดีโอนั้น เรตเพก-ดูนเอ็นเทอร์เทนเมนต์ถูกแทนที่ด้วยแอกเซสเอ็นเทอร์เทนเมนต์ (เจ้าของเรตเพกในปัจจุบัน) หลัง เบร็ต แรตเนอร์ ผู้บริหารสูงสุดของเรตเพก-ดูน ถูกข้อกล่าวหาในคดีข่มขืนและล่วงละเมิดทางเพศ[534]

อ้างอิง[แก้]

  1. Barr, Merrill (April 9, 2014). "Will Warner Brothers & DC Ever Catch Up To Marvel Television After Last Night's 'Agents of S.H.I.E.L.D.'?". Forbes. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 11, 2014. สืบค้นเมื่อ March 29, 2018.
  2. "DC Cinematic Universe Launched From Small Screen? – It's A Wrap!". Yahoo!. August 12, 2013. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 12, 2018. สืบค้นเมื่อ May 25, 2014.
  3. Franich, Darren (August 14, 2014). "Entertainment Geekly: Your thoughts on the DC Cinematic Universe". Entertainment Weekly. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 19, 2015. สืบค้นเมื่อ May 8, 2017.
  4. Staskiewicz, Keith (July 1, 2015). "First look at "Batman v Superman: Dawn of Justice" on EW's cover". Entertainment Weekly. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 17, 2017. สืบค้นเมื่อ December 17, 2017.
  5. 5.0 5.1 Auger, Andrew (September 29, 2017). "DC Extended Universe Isn't the Official Name of DC's Movie Universe". Screen Rant. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 29, 2017. สืบค้นเมื่อ December 16, 2017.
  6. Nathan, Ian. "They Are Legend". Empire. Bauer Media Group (September 2015): 77–89 (80 for cited material).
  7. Owens, Jeremy (July 26, 2015). "'Batman V Superman' Empire Cover Revealed; Zack Snyder On The DCEU". Screen Rant. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 29, 2015. สืบค้นเมื่อ July 31, 2015.
  8. Leadbeater, Alex (September 30, 2017). "What Should The DCEU Be Called Now?". Screen Rant. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 2, 2017. สืบค้นเมื่อ December 17, 2017.
  9. Shaw-Williams, Hannah (July 21, 2018). "The DC Extended Universe Labelled "Worlds of DC" At Comic-Con [Updated]". Screen Rant. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 21, 2018. สืบค้นเมื่อ October 4, 2018.
  10. Hughes, Mark (July 22, 2018). "'Aquaman' Trailer Shows Great Chance For Revival Of DC Movies". Forbes. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 22, 2018. สืบค้นเมื่อ October 4, 2018.
  11. Lovett, Jamie (March 1, 2020). "DC's Jim Lee Praises Upcoming DCEU Movies: Amazing Batman Movie, Killer The Suicide Squad". ComicBook.com. สืบค้นเมื่อ May 27, 2020.
  12. Dumaraog, Ana (May 27, 2020). "DC Extended Universe Name Finally Official". Screen Rant. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 29, 2020. สืบค้นเมื่อ May 29, 2020.
  13. Ahmed, Tufayel (March 27, 2016). "The story of how 'Batman vs. Superman' almost happened 15 years ago". Newsweek. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 10, 2019. สืบค้นเมื่อ May 10, 2017.
  14. Hughes, David (2003). Tales From Development Hell. Titan Books. pp. 205–8. ISBN 978-1-84023-691-0.
  15. Jacks, Brian (March 15, 2010). "Exclusive: Christian Bale Met For Superman Role In Wolfgang Petersen's 'Batman Vs. Superman'". MTV News. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 21, 2016. สืบค้นเมื่อ March 24, 2011.
  16. McClintock, Pamela; Fritz, Ben (February 22, 2007). "'Justice' prevails for Warner Bros". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 9, 2016. สืบค้นเมื่อ May 10, 2017.
  17. Howard, Rachel (August 21, 2007). "Interview: Is Christian Bale In or Out of WB's 'Justice League'?". IESB. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 15, 2007. สืบค้นเมื่อ November 1, 2008.
  18. Weintraub, Steve (April 23, 2008). "Brandon Routh Exclusive Video Interview – Lie To Me". Collider. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 4, 2016. สืบค้นเมื่อ November 1, 2008.
  19. Garrett, Diane (September 20, 2007). "George Miller to lead "Justice League"". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 15, 2018. สืบค้นเมื่อ September 20, 2007.
  20. Boland, Michaela (April 9, 2008). "Rebates' requirements rattle industry". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 31, 2017. สืบค้นเมื่อ May 9, 2017.
  21. Robinson, Will (November 20, 2015). "Justice League: Megan Gale as Wonder Woman pics surface". Entertainment Weekly. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 6, 2018. สืบค้นเมื่อ May 10, 2017.
  22. Fleming, Michael; Garrett, Diane (January 16, 2008). "Warner pulls plug on "Justice League"". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 18, 2019. สืบค้นเมื่อ May 10, 2017.
  23. Breznican, Anthony (April 11, 2013). "'Man of Steel' will open door for more DC Comics superhero movies". Entertainment Weekly. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 24, 2015. สืบค้นเมื่อ May 24, 2017.
  24. Connelly, Brendon (June 13, 2013). "David Goyer Tells Me How Man Of Steel Will "Cause" The Justice League Movie". Bleeding Cool. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 16, 2013. สืบค้นเมื่อ May 9, 2017.
  25. Dyce, Andrew (April 11, 2013). "Man of Steel Will Launch DC Shared Universe". Screen Rant. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 12, 2013. สืบค้นเมื่อ August 20, 2016.
  26. 27.0 27.1 Sperling, Nicole (July 20, 2013). "Comic-Con 2013: 'Superman & Batman' movie will follow "Man of Steel"". Los Angeles Times. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 8, 2014. สืบค้นเมื่อ July 21, 2013.
  27. 28.0 28.1 Funich, Darren (July 20, 2013). "Warner Bros. reveals plans for a Batman/Superman film". Entertainment Weekly. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 15, 2018. สืบค้นเมื่อ May 25, 2017.
  28. 29.00 29.01 29.02 29.03 29.04 29.05 29.06 29.07 29.08 29.09 29.10 29.11 Franich, Darren (October 15, 2014). "Warner Bros. announces 10 DC movies, including "Wonder Woman"". Entertainment Weekly. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 30, 2017. สืบค้นเมื่อ May 7, 2017.
  29. McClintock, Pamela (June 3, 2015). "Warner Bros. Film Chief on "Wonder Woman," J.K. Rowling's "Fantastic Beasts" Script and How DC Will Compete With Marvel". The Hollywood Reporter. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 4, 2015. สืบค้นเมื่อ March 1, 2022.
  30. 31.0 31.1 Kit, Borys (May 17, 2016). "'Batman v. Superman' Fallout: Warner Bros. Shakes Up Executive Roles (Exclusive)". The Hollywood Reporter. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 19, 2016. สืบค้นเมื่อ March 1, 2022.
  31. Lincoln, Ross (May 17, 2016). "Warner Bros Responding To Fans & Critics With DC Films Shakeup". Deadline Hollywood. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 19, 2016. สืบค้นเมื่อ May 27, 2016.
  32. Kit, Borys (May 24, 2016). "'Batman v. Superman' Fallout: Producer Charles Roven to Shift Role on DC Movies (Exclusive)". The Hollywood Reporter. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 26, 2016. สืบค้นเมื่อ March 1, 2022.
  33. Lang, Brent (December 14, 2016). "Toby Emmerich Named Warner Bros. Chief Content Officer, Greg Silverman Ousted". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 14, 2016. สืบค้นเมื่อ May 9, 2017.
  34. Kroll, Justin (January 12, 2017). "DC's "Green Lantern Corps" Finds Writers in David Goyer, Justin Rhodes". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 13, 2017. สืบค้นเมื่อ May 9, 2017.
  35. Gonzalez, Umberto (June 13, 2017). "'Wonder Woman' and the 5 Words That Saved DC Movies From Darkness (Exclusive)". TheWrap. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 13, 2017. สืบค้นเมื่อ June 13, 2017.
  36. 37.0 37.1 Lang, Brent (December 7, 2017). "DC Shake-Up After Justice League Stumbles (Exclusive)". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 7, 2017. สืบค้นเมื่อ November 22, 2019.
  37. 38.0 38.1 38.2 Lang, Brent (January 4, 2018). "Warner Bros. Taps Walter Hamada to Oversee DC Films Production (Exclusive)". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 4, 2018. สืบค้นเมื่อ March 29, 2018.
  38. Riesman, Abraham (September 29, 2017). "DC Rethinks Its Universe". Vulture. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 29, 2017. สืบค้นเมื่อ October 4, 2018.
  39. Kit, Borys (February 20, 2018). "DC Films Taps Chantal Nong for Key Production Role (Exclusive)". The Hollywood Reporter. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 20, 2018. สืบค้นเมื่อ March 1, 2022.
  40. 41.0 41.1 Lang, Brent (June 11, 2018). "Geoff Johns Exiting as DC Entertainment President and Chief Creative Officer". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 11, 2018. สืบค้นเมื่อ June 13, 2018.
  41. 42.0 42.1 Faughnder, Ryan (February 27, 2019). "Warner Bros.' Kevin Tsujihara talks AT&T, self-driving Batman cars and the DC universe". Los Angeles Times. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 1, 2019. สืบค้นเมื่อ February 28, 2019.
  42. Chand, Neeraj (March 23, 2021). "DC Movies and TV Shows Will Be More Interconnected Moving Into the Future". MovieWeb. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 23, 2021. สืบค้นเมื่อ March 27, 2021.
  43. 44.0 44.1 44.2 44.3 44.4 Couch, Aaron; Kit, Borys (April 1, 2021). "Ava DuVernay's "New Gods," James Wan's "The Trench" DC Movies Not Moving Forward at Warner Bros. (Exclusive)". The Hollywood Reporter. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 9, 2021. สืบค้นเมื่อ August 5, 2021.
  44. 45.0 45.1 45.2 White, Peter (September 23, 2020). "'The Suicide Squad' TV Spinoff 'Peacemaker' Starring John Cena From James Gunn Ordered By HBO Max". Deadline Hollywood. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 23, 2020. สืบค้นเมื่อ September 23, 2020.
  45. 46.0 46.1 46.2 46.3 Barnes, Brooks (December 27, 2020). "Managing Movie Superheroes Is About to Get a Lot More Complicated". The New York Times. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 1, 2021. สืบค้นเมื่อ December 29, 2020.
  46. 47.0 47.1 47.2 Otterson, Joe (February 21, 2021). "'Constantine' Series in the Works at HBO Max". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 24, 2021. สืบค้นเมื่อ May 8, 2021.
  47. Lang, Brent; Donnelly, Matt (April 14, 2022). "Warner Bros. Discovery Exploring Overhaul of DC Entertainment (Exclusive)". Variety. สืบค้นเมื่อ April 15, 2022.
  48. 49.0 49.1 49.2 Kit, Borys (May 18, 2022). "DC Movie 'Wonder Twins' Shut Down by Warner Bros". The Hollywood Reporter. สืบค้นเมื่อ May 18, 2022.
  49. D'Alessandro, Anthony; Fleming, Mike (June 2022). "Toby Emmerich Out As Warner Bros Motion Picture Group Chairman; Michael De Luca & Pam Abdy To Lead Studio". Deadline. สืบค้นเมื่อ June 1, 2022.
  50. Vary, Adam B. (August 4, 2022). "Warner Bros. Discovery CEO Defends Axing 'Batgirl': 'We're Not Going to Put a Movie Out Unless We Believe in It'". Variety. สืบค้นเมื่อ August 16, 2022.
  51. Brail, Nathaniel (October 12, 2022). "Dwayne Johnson Speaks Out on Becoming DC Films Boss After Black Adam". ComicBook.com. สืบค้นเมื่อ October 12, 2022.
  52. Anderson, Jenna (October 12, 2022). "Black Adam's Dwayne Johnson Speaks Out on Possible Superman Showdown in Future DC Film (Exclusive)". ComicBook.com. สืบค้นเมื่อ October 12, 2022.
  53. "Black Adam vs. Superman Not Just a "One Fight Situation"". October 20, 2022.
  54. Otterson, James (October 25, 2022). "James Gunn, Peter Safran to Lead DC Studios for Warner Bros. Discovery". Variety. สืบค้นเมื่อ October 26, 2022.
  55. Kit, Borys & Aaron Couch (October 25, 2022). "DC Shocker: James Gunn, Peter Safran to Lead Film, TV and Animation Division (Exclusive)". The Hollywood Reporter. สืบค้นเมื่อ November 12, 2022.
  56. D'Alessandro, Anthony (November 10, 2022). "Warner Bros Discovery Boss David Zaslav Holds Town Hall With New DC Heads James Gunn & Peter Safran About New Cohesive Universe". Deadline. สืบค้นเมื่อ November 12, 2022.
  57. Haring, Bruce (November 6, 2022). "James Gunn Tells DC Fans Clamoring For "Legends Of Tomorrow" And "Suicide Squad" David Ayer Cut: "We Are Listening And Open To Everything"". Deadline. สืบค้นเมื่อ November 12, 2022.
  58. Hood, Cooper (November 11, 2022). "James Gunn Asks Fans What New DC Characters They Want To See On Screen". Screen Rant. สืบค้นเมื่อ November 12, 2022.
  59. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ WW3_THR
  60. Kit, Borys (May 20, 2020). "'It Will Be an Entirely New Thing': Zack Snyder's $20M-Plus "Justice League" Cut Plans Revealed". The Hollywood Reporter. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 1, 2020. สืบค้นเมื่อ March 1, 2022.
  61. Rubin, Rebecca B. (November 18, 2020). "Wonder Woman 1984 to Debut Both on HBO Max and in Theaters". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 18, 2020. สืบค้นเมื่อ November 18, 2020.
  62. Rubin, Rebecca; Donnelly, Matt (December 3, 2020). "Warner Bros. to Debut Entire 2021 Film Slate, Including 'Dune' and 'Matrix 4,' Both on HBO Max and In Theaters". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 4, 2020. สืบค้นเมื่อ December 4, 2020.
  63. 64.0 64.1 D'Alessandro, Anthony (August 24, 2022). "'Aquaman 2' Heads To Christmas 2023, "Shazam: Fury Of The Gods" Goes To March; HBO Max Pics "House Party" & "Evil Dead Rise" Going Theatrical – Warner Bros. Release Date Changes". Deadline Hollywood.
  64. 65.0 65.1 Gonzalez, Umberto (April 8, 2019). "'Shazam!' Writer Henry Gayden Will Return to Write Sequel (Exclusive)". The Wrap. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 8, 2019. สืบค้นเมื่อ April 8, 2019.
  65. "Shazam! Fury of the Gods". Writers Guild of America West. สืบค้นเมื่อ May 7, 2022.
  66. 67.0 67.1 Gonzalez, Umberto (February 25, 2021). "'West Wide Story' Star Rachel Zegler Joins 'Shazam: Fury of the Gods' (Exclusive)". TheWrap. สืบค้นเมื่อ February 25, 2021.
  67. Goldberg, Matt (August 17, 2011). "Plot Synopsis for Man of Steel". Collider. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 29, 2015. สืบค้นเมื่อ July 31, 2015.
  68. Oldham, Stuart (June 4, 2010). "Nolan: No Joker in next 'Batman'". Variety. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 9, 2017. สืบค้นเมื่อ June 2, 2017.
  69. Boucher, Geoff (March 10, 2010). "Christopher Nolan takes flight with Superman: 'We have a fantastic story'". Los Angeles Times. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 21, 2014. สืบค้นเมื่อ June 2, 2017.
  70. Finke, Nikki; Fleming, Mike (February 9, 2010). "It's A Bird! It's A Plane! It's Chris Nolan! He'll Mentor Superman 3.0 And Prep 3rd Batman". Deadline Hollywood. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 27, 2014. สืบค้นเมื่อ December 3, 2010.
  71. Schuker, Lauren A. E. (August 22, 2008). "Warner Bets on Fewer, Bigger Movies". The Wall Street Journal. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 3, 2015. สืบค้นเมื่อ October 22, 2008.
  72. Fleming, Michael (October 4, 2010). "SCOOP: Zack Snyder Directing Superman". Deadline Hollywood. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 5, 2010. สืบค้นเมื่อ October 4, 2010.
  73. 74.0 74.1 Bierly, Mandi (January 30, 2011). "Superman found: 'Tudors' star Henry Cavill cast". Entertainment Weekly. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 30, 2017. สืบค้นเมื่อ May 6, 2017.
  74. 75.0 75.1 Yuan, Annie (March 27, 2011). "Amy Adams Cast as Lois Lane in Zack Snyder's 'Superman'". The Hollywood Reporter. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 18, 2017. สืบค้นเมื่อ May 7, 2017.
  75. 76.0 76.1 Fleming Jr., Mike (April 10, 2011). "Toldja! Michael Shannon Gets Villain Role In Superman Movie". Deadline Hollywood. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 30, 2017. สืบค้นเมื่อ May 7, 2017.
  76. 77.0 77.1 Kit, Borys (March 2, 2011). "Diane Lane to Play 'Superman's' Mom Martha Kent". The Hollywood Reporter. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 23, 2017. สืบค้นเมื่อ May 7, 2017.
  77. 78.0 78.1 Jensen, Jeff (March 17, 2011). "Kevin Costner officially cast in Zack Snyder's 'Superman' reboot". Entertainment Weekly. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 30, 2017. สืบค้นเมื่อ May 7, 2017.
  78. Franich, Darren (June 15, 2011). "Russell Crowe: Superman's Jor-El?". Entertainment Weekly. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 30, 2017. สืบค้นเมื่อ May 7, 2017.
  79. "Laurence Fishburne To Play Perry White In 'Man Of Steel'". Deadline Hollywood. August 2, 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 13, 2014. สืบค้นเมื่อ May 7, 2017.
  80. Merrion, Paul (July 28, 2011). "Superman flying into Chicago in August for filming". Crain's Chicago Business. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 18, 2011. สืบค้นเมื่อ July 29, 2011.
  81. Kilday, Gregg (July 21, 2011). "Zack Snyder's Superman Movie 'Man of Steel' Moved to June 14, 2013". The Hollywood Reporter. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 24, 2011. สืบค้นเมื่อ May 7, 2017.
  82. Chitwood, Adam (June 9, 2015). "Batman vs. Superman Synopsis Revealed". Collider. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 25, 2015. สืบค้นเมื่อ July 28, 2015.
  83. 84.0 84.1 Finke, Nikki (June 10, 2013). "'Man Of Steel' Sequel Underway With Zack Snyder And David S. Goyer". Deadline Hollywood. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 6, 2017. สืบค้นเมื่อ September 8, 2014.
  84. Franich, Darren (January 27, 2016). "Batman v Superman: Zack Snyder asked Christopher Nolan for permission". Entertainment Weekly. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 9, 2017. สืบค้นเมื่อ May 25, 2017.
  85. Anders, Charlie Jane (July 20, 2013). "They're doing a Superman/Batman movie... but that's not the big news". io9. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 22, 2013. สืบค้นเมื่อ July 22, 2013.
  86. 87.0 87.1 87.2 87.3 87.4 87.5 87.6 Ford, Jessica; Kit, Borys (June 16, 2014). "Jason Momoa to Play Aquaman in 'Batman v. Superman: Dawn of Justice'". The Hollywood Reporter. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 23, 2014. สืบค้นเมื่อ May 6, 2017.
  87. 88.0 88.1 Schillaci, Sophie (August 22, 2013). "Ben Affleck Is Batman for 'Man of Steel' Sequel". The Hollywood Reporter. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 23, 2013. สืบค้นเมื่อ August 23, 2013.
  88. 89.0 89.1 89.2 Kroll, Justin (December 4, 2013). "Gal Gadot to Play Wonder Woman in 'Batman vs. Superman'". Variety. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 5, 2013. สืบค้นเมื่อ December 4, 2013.
  89. Siegel, Tatiana (December 18, 2013). "Batman-Superman Film Enlists 'Argo' Writer (Exclusive)". The Hollywood Reporter. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 4, 2014. สืบค้นเมื่อ December 18, 2013.
  90. Duke, Alan (January 18, 2014). "Batman-meets-Superman movie delayed a year; Peter Pan flies into its slot". CNN. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 27, 2017. สืบค้นเมื่อ May 6, 2017.
  91. "Jesse Eisenberg and Jeremy Irons Join the Cast of Warner Bros. Pictures' Untitled Superman/Batman Film from Director Zack Snyder". Business Wire. January 31, 2014. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 3, 2014. สืบค้นเมื่อ May 9, 2017.
  92. Siegel, Tatiana; Kit, Borys (May 21, 2014). "Warner Bros. Unveils Title of New Batman-Superman Film". The Hollywood Reporter. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 23, 2014. สืบค้นเมื่อ May 22, 2014.
  93. Acuna, Kirsten (October 15, 2013). "The 'Batman Vs. Superman' Movie Is Filming This Weekend At A College Campus In LA". Business Insider. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 9, 2017. สืบค้นเมื่อ June 2, 2017.
  94. 95.0 95.1 Gettell, Oliver (May 21, 2014). "'Batman v Superman: Dawn of Justice' starts shooting in Detroit". Los Angeles Times. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 3, 2017. สืบค้นเมื่อ May 7, 2017.
  95. Gomez, Adrian (December 10, 2014). "Batman v Superman: It's a wrap in New Mexico". Albuquerque Journal. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 8, 2016. สืบค้นเมื่อ May 27, 2017.
  96. "'Batman V. Superman' Moves Release Date Again As Warner Bros Sets DC Game Plan". Deadline Hollywood. August 6, 2014. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 22, 2017. สืบค้นเมื่อ May 6, 2017.
  97. Turan, Kenneth (March 23, 2016). "'Batman v Superman,' with Ben Affleck and Henry Cavill, is a gritty superhero showdown". Los Angeles Times. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 23, 2017. สืบค้นเมื่อ May 7, 2017.
  98. 99.0 99.1 99.2 Kroll, Justin (October 15, 2014). "'The Flash' Movie to Star Ezra Miller in 2018". Variety. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 29, 2017. สืบค้นเมื่อ May 6, 2017.
  99. 100.0 100.1 Kroll, Justin (April 24, 2014). "Ray Fisher to Play Cyborg In 'Batman-Superman' (Exclusive)". Variety. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 11, 2014. สืบค้นเมื่อ April 24, 2014.
  100. Breznican, Anthony (March 28, 2016). "Batman v Superman Cyborg scene explained — spoilers". Entertainment Weekly. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 31, 2016. สืบค้นเมื่อ April 4, 2018.
  101. Breznican, Anthony (March 28, 2016). "Batman v Superman deleted scene features new villain — spoiler alert". Entertainment Weekly. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 9, 2017. สืบค้นเมื่อ May 7, 2017.
  102. Valentine, Evan (July 3, 2016). "'Batman v Superman': Theatrical Cut v Extended Cut – New Scenes Revealed in Detail". Collider. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 1, 2017. สืบค้นเมื่อ May 7, 2017.
  103. "New 'Suicide Squad' Plot Synopsis Reveals New Details About the Supervillain Movie". ScreenCrush. December 15, 2015. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 17, 2015. สืบค้นเมื่อ March 29, 2018.
  104. McNary, Dave (February 26, 2009). "Warner Bros. sets up 'Suicide Squad'". Variety. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 11, 2017. สืบค้นเมื่อ May 6, 2017.
  105. Kit, Borys (December 2, 2014). "It's Official: 'Suicide Squad' to Star Will Smith, Jared Leto, Margot Robbie and More". The Hollywood Reporter. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 23, 2017. สืบค้นเมื่อ June 6, 2017.
  106. 107.0 107.1 107.2 107.3 Stedman, Alex (May 3, 2015). "'Suicide Squad': David Ayer Tweets First Photo of Cast in Costume". Variety. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 6, 2017. สืบค้นเมื่อ May 6, 2017.
  107. Kit, Borys (January 15, 2015). "Tom Hardy Drops Out of 'Suicide Squad' (Exclusive)". The Hollywood Reporter. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 15, 2015. สืบค้นเมื่อ May 6, 2017.
  108. Foutch, Haleigh (April 13, 2015). "Suicide Squad Begins Filming". Collider. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 15, 2015. สืบค้นเมื่อ July 20, 2019.
  109. Vlessing, Etan (December 1, 2014). "David Ayer's 'Suicide Squad' to Shoot in Toronto For Warner Bros". The Hollywood Reporter. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 2, 2014. สืบค้นเมื่อ December 2, 2014.
  110. Kroll, Justin (August 28, 2015). "'Suicide Squad': David Ayer Tweets Cast and Crew Photo on Final Day of Production". Variety. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 30, 2017. สืบค้นเมื่อ May 6, 2017.
  111. 112.0 112.1 112.2 Ford, Rebecca (April 6, 2016). "Warner Bros. Pushes 'Jungle Book' to 2018, 'Wonder Woman' Gets New Date". The Hollywood Reporter. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 8, 2016. สืบค้นเมื่อ May 6, 2017.
  112. 113.0 113.1 113.2 113.3 McMillan, Graeme (August 9, 2016). "It's All Too Much: 'Suicide Squad' and the Way DC Movies Connect Together". The Hollywood Reporter. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 1, 2017. สืบค้นเมื่อ May 30, 2017.
  113. McMillan, Graeme (August 8, 2016). "The Comic Book Background Behind 'Suicide Squad's' Mid-Credits Scene". The Hollywood Reporter. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 15, 2017. สืบค้นเมื่อ May 7, 2017.
  114. 115.0 115.1 Kroll, Justin (January 23, 2014). "'Wonder Woman' Gal Gadot Signs Three-Picture Deal with Warner Bros". Variety. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 23, 2014. สืบค้นเมื่อ January 23, 2014.
  115. Kit, Borys (November 24, 2014). "Michelle MacLaren Signs to Develop and Direct 'Wonder Woman' Movie (Exclusive)". The Hollywood Reporter. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 25, 2014. สืบค้นเมื่อ May 6, 2017.
  116. Kit, Borys (December 4, 2014). "'Wonder Woman' Movie Lassoes 'Pan' Writer (Exclusive)". The Hollywood Reporter. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 7, 2014. สืบค้นเมื่อ May 6, 2017.
  117. Kit, Borys (April 13, 2015). "'Wonder Woman' Movie Loses Director Michelle MacLaren (Exclusive)". The Hollywood Reporter. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 31, 2017. สืบค้นเมื่อ May 6, 2017.
  118. Kit, Borys (April 15, 2015). "'Wonder Woman' Finds A Director (Exclusive)". The Hollywood Reporter. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 24, 2019. สืบค้นเมื่อ May 6, 2017.
  119. Sneider, Jeff (July 28, 2015). "Chris Pine Closes Deal to Star Opposite Gal Gadot in 'Wonder Woman' (Exclusive)". TheWrap. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 5, 2017. สืบค้นเมื่อ June 2, 2017.
  120. Romano, Nick (May 30, 2017). "Wonder Woman reviews hail Gal Gadot's 'revelatory,' 'refreshing' performance". Entertainment Weekly. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 3, 2017. สืบค้นเมื่อ June 6, 2017.
  121. McMillan, Graeme (June 3, 2017). "A Closer Look at That 'Wonder Woman' Twist". The Hollywood Reporter. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 6, 2017. สืบค้นเมื่อ June 6, 2017.
  122. Derschowitz, Jessica (November 21, 2015). "Wonder Woman movie: First photo of Gal Gadot, cast details revealed". Entertainment Weekly. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 21, 2017. สืบค้นเมื่อ May 6, 2017.
  123. McNary, Dave (June 21, 2016). "'Justice League': New Details Emerge About DC's Superhero Movie". Variety. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 22, 2016. สืบค้นเมื่อ May 9, 2017.
  124. Stedman, Alex (April 27, 2014). "Zack Snyder to Direct 'Justice League' Movie". Variety. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 14, 2014. สืบค้นเมื่อ September 8, 2014.
  125. Fritz, Ben (March 11, 2016). "Inside Chris Terrio's Vision for Batman, Superman and 'Justice League'". The Wall Street Journal. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 11, 2016. สืบค้นเมื่อ June 5, 2017.
  126. McMillan, Graeme (June 6, 2016). "'Justice League' Movie Gets Title Clarified". The Hollywood Reporter. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 31, 2017. สืบค้นเมื่อ June 6, 2017.
  127. 128.0 128.1 128.2 128.3 128.4 128.5 128.6 128.7 Romano, Nick (March 23, 2017). "Justice League teaser poster calls to 'unite' the DC heroes". Entertainment Weekly. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 26, 2017. สืบค้นเมื่อ May 7, 2017.
  128. Woerner, Meredith (June 2, 2017). "What it's like to be a real-life Amazon on the set of 'Wonder Woman'". Los Angeles Times. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 7, 2017. สืบค้นเมื่อ June 7, 2017. Nielsen: And [Wright and I] got to do more in "Justice League" as well.
  129. Rougeau, Michael; Elfring, Mat (August 24, 2017). "How Justice League Will Make You Care About Cyborg". GameSpot. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 5, 2018. สืบค้นเมื่อ April 4, 2018.
  130. Mottram, James (March 29, 2017). "Ciaran Hinds on Bleed for This, playing a supervillain in Justice League and asking old friend Liam Neeson for motion-capture performance tips". The Independent. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 7, 2017. สืบค้นเมื่อ June 3, 2017.
  131. 132.0 132.1 Breznican, Anthony (February 21, 2016). "Justice League begins shooting April 11". Entertainment Weekly. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 2, 2017. สืบค้นเมื่อ May 6, 2017.
  132. Romano, Nick (October 15, 2016). "Justice League: Ben Affleck, Jason Momoa celebrate at wrap party". Entertainment Weekly. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 26, 2017. สืบค้นเมื่อ June 27, 2017.
  133. Kit, Borys (May 22, 2017). "Zack Snyder Steps Down From 'Justice League' to Deal With Family Tragedy". The Hollywood Reporter. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 22, 2017. สืบค้นเมื่อ May 22, 2017.
  134. Stowe, Dusty (August 29, 2017). "Justice League: Joss Whedon Officially Getting Co-Writing Credit". Screen Rant. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 30, 2017. สืบค้นเมื่อ September 11, 2017.
  135. Ford, Rebecca (March 7, 2016). "Justice League' Adds J.K. Simmons as Commissioner Gordon (Exclusive)". The Hollywood Reporter. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 8, 2016. สืบค้นเมื่อ March 7, 2016.
  136. Kile, Meredith B. (March 17, 2016). "Exclusive: Amber Heard Confirms Her 'Aquaman' Role in 'Justice League', Dishes on 'Interesting' Mera Costume". Entertainment Tonight. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 10, 2017. สืบค้นเมื่อ May 6, 2017.
  137. Couch, Aaron (March 25, 2017). "'Justice League' Trailer: The Moments That Deserve a Closer Look". The Hollywood Reporter. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 10, 2017. สืบค้นเมื่อ June 6, 2017.
  138. Staley, Brandon (November 18, 2017). "Do Justice League's Post-Credits Tease a Sequel — Or Something Else?". Comic Book Resources. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 1, 2017. สืบค้นเมื่อ December 16, 2017.
  139. Davidson, Matt (September 23, 2017). "Justice League: Iris West scenes reportedly cut". IGN. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 30, 2018. สืบค้นเมื่อ March 29, 2018.
  140. Rougeau, Michael (November 17, 2017). "Stars Dish On Justice League Movie's Deleted Scenes". GameSpot. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 6, 2018. สืบค้นเมื่อ April 7, 2018.
  141. Colbert, Stephen M. (July 8, 2018). "Justice League: The Snyder Cut Movement Explained". Screen Rant. p. 1. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 7, 2018. สืบค้นเมื่อ November 6, 2018.
  142. Colbert, Stephen M. (March 28, 2019). "Zack Snyder Confirms A Snyder Cut Of Justice League Exists". Screen Rant. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 15, 2020. สืบค้นเมื่อ April 14, 2019.
  143. Lang, Brent; Kroll, Justin (November 26, 2019). "DC Films Plots Future With Superman, Green Lantern and R-Rated Movies (Exclusive)". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 21, 2020. สืบค้นเมื่อ November 29, 2019.
  144. Donnelly, Matt (May 20, 2020). "Zack Snyder Will Release the "Snyder Cut" of "Justice League" on HBO Max". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 19, 2020. สืบค้นเมื่อ May 20, 2020.
  145. Ilyas, Xavier (January 17, 2021). "Zack Snyder's Justice League Will Release As A Movie, Not A TV Show". Screen Rant. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 22, 2021. สืบค้นเมื่อ January 17, 2021.
  146. Curran, Brad (January 26, 2021). "Justice League: How Zack Snyder's Cut is So Much Longer Than Whedon's". Screen Rant. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 28, 2021. สืบค้นเมื่อ January 4, 2022.
  147. Burwick, Kevin (July 20, 2020). "Zack Snyder's Justice League Is Separate from the DC Cinematic Universe Continuity". MovieWeb. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 2, 2020. สืบค้นเมื่อ August 23, 2020.
  148. Brooks, Nicholas (March 17, 2021). "How Much Did Zack Snyder's Justice League Cost to Complete?". Comic Book Resources. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 18, 2021. สืบค้นเมื่อ January 4, 2022.
  149. Sneider, Jeff (October 23, 2020). "Exclusive: 'Zack Snyder's Justice League' Reshoots Add Joe Manganiello's Deathstroke". Collider. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 3, 2021. สืบค้นเมื่อ August 9, 2021.
  150. Labonte, Rachel (March 30, 2021). "Zack Snyder Directed Justice League's Martian Manhunter Scene Over Zoom". Screen Rant. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 30, 2021. สืบค้นเมื่อ January 18, 2022.
  151. 152.0 152.1 Acuna, Kirsten (March 18, 2021). "'Zack Snyder's Justice League' has a cameo fans have been waiting years to see. Here's how it came together". Insider. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 1, 2021. สืบค้นเมื่อ April 1, 2021.
  152. 153.0 153.1 Kit, Borys (October 21, 2020). "Jared Leto to Play Joker in Zack Snyder's "Justice League" (Exclusive)". The Hollywood Reporter. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 2, 2021. สืบค้นเมื่อ March 1, 2022.
  153. Lovett, Jamie (January 30, 2021). "Zack Snyder's Justice League Is Officially Complete". ComicBook.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 9, 2021. สืบค้นเมื่อ August 9, 2021.
  154. Wojnar, Zak (May 23, 2020). "Justice League Snyder Cut's Darkseid Actor Confirmed". Screen Rant. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 13, 2020. สืบค้นเมื่อ April 9, 2021.
  155. Wong, Justin (August 23, 2020). "Justice League: The Snyder Cut Trailer's NEW Villain, Explained". Comic Book Resources. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 31, 2020. สืบค้นเมื่อ April 9, 2021.
  156. Caruso, Nick (August 22, 2020). "Zack Snyder's Justice League Trailer: First Look at Director's Cut Features New Villains, Iris West — Watch". Yahoo!. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 20, 2020. สืบค้นเมื่อ April 9, 2021.
  157. Harrington, Delia (August 23, 2020). "Justice League The Snyder Cut Restores Kiersey Clemons' Iris West". Den of Geek. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 12, 2021. สืบค้นเมื่อ April 9, 2021.
  158. Melendez, Marcos (March 19, 2021). "Zack Snyder Reveals "Justice League" Atom Spinoff Movie Idea He Pitched WB". Collider. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 21, 2021. สืบค้นเมื่อ April 9, 2021.
  159. Grebey, James (March 18, 2021). "Every Single Easter Egg in Zack Snyder's Justice League". Vulture. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 18, 2021. สืบค้นเมื่อ August 9, 2021.
  160. Kit, Borys (August 12, 2014). "'Aquaman' Movie Hooks Two Writers (Exclusive)". The Hollywood Reporter. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 14, 2014. สืบค้นเมื่อ May 6, 2017.
  161. Fleming Jr., Mike (June 3, 2015). "James Wan Sets 'Aquaman' Deal To Direct Jason Momoa In DC Warners Pic". Deadline Hollywood. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 3, 2015. สืบค้นเมื่อ June 3, 2015.
  162. Kit, Borys (November 12, 2015). "Aquaman Hooks New Writer (Exclusive)". The Hollywood Reporter. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 13, 2015. สืบค้นเมื่อ December 21, 2017.
  163. Kit, Borys (July 22, 2016). "'Aquaman' Movie Hooks 'Gangster Squad' Writer". The Hollywood Reporter. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 11, 2016. สืบค้นเมื่อ May 6, 2016.
  164. Busch, Anita (June 26, 2017). "The Conjuring 3 Summoned By New Line Cinema, David Leslie Johnson Hired To Script". Deadline Hollywood. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 29, 2017. สืบค้นเมื่อ October 31, 2017.
  165. Fleming Jr., Mike (December 12, 2016). "Patrick Wilson To Play 'Aquaman's Evil Half-Brother ORM". Deadline Hollywood. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 13, 2016. สืบค้นเมื่อ May 6, 2017.
  166. Hibberd, James (December 14, 2017). "Aquaman director James Wan sinks 'ridiculous' villains rumor". Entertainment Weekly. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 1, 2018. สืบค้นเมื่อ December 14, 2017.
  167. Kit, Borys (January 31, 2017). "'Aquaman' Finds Its Black Manta Villain With 'Get Down' Actor (Exclusive)". The Hollywood Reporter. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 1, 2017. สืบค้นเมื่อ May 6, 2017.
  168. 169.0 169.1 169.2 "Production is Underway on Warner Bros. Pictures' Super Hero Action Adventure "Aquaman"". Business Wire. May 3, 2017. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 23, 2017. สืบค้นเมื่อ May 3, 2017.
  169. Vejvoda, Jim (August 25, 2017). "Aquaman: Willem Dafoe on Vulko's costume and his character's "good look"". IGN. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 7, 2018. สืบค้นเมื่อ April 7, 2018.
  170. Sperling, Nicole (April 2, 2017). "Nicole Kidman explains why she's diving in for Aquaman". Entertainment Weekly. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 1, 2017. สืบค้นเมื่อ April 4, 2017.
  171. Kit, Borys (April 12, 2017). "Dolph Lundgren Joins Jason Momoa in 'Aquaman' (Exclusive)". The Hollywood Reporter. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 17, 2017. สืบค้นเมื่อ April 13, 2017.
  172. Romano, Nick (October 21, 2017). "Aquaman stars Jason Momoa, Amber Heard celebrate the end of filming". Entertainment Weekly. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 22, 2017. สืบค้นเมื่อ July 20, 2019.
  173. Hipes, Patrick (March 16, 2017). "'Aquaman' Swims To Christmas 2018 Date Where 'Avatar 2' Was". Deadline Hollywood. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 16, 2017. สืบค้นเมื่อ March 16, 2017.
  174. Gonzalez, Umberto; Owen, Phil (December 31, 2018). "Does 'Aquaman' Connect to 'Justice League' or Just Ignore It?". TheWrap. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 1, 2019. สืบค้นเมื่อ August 19, 2019.
  175. Curran, Brad (August 1, 2020). "Justice League: Every Aquaman Connection Cut From The Theatrical Release". Screen Rant. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 23, 2020. สืบค้นเมื่อ August 23, 2020.
  176. Auty, Dan (February 7, 2018). "DC's Shazam: Plot Revealed In New Synopsis". GameSpot. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 28, 2018. สืบค้นเมื่อ March 28, 2018.
  177. McNary, Dave (August 19, 2014). "Dwayne Johnson Says He'll Play Role in 'Shazam'". Variety. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 9, 2015. สืบค้นเมื่อ December 4, 2014.
  178. 179.0 179.1 Kroll, Justin (September 3, 2014). "Dwayne Johnson to Play Black Adam in New Line's 'Shazam,' Darren Lemke To Script (Exclusive)". Variety. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 5, 2014. สืบค้นเมื่อ May 5, 2017.
  179. 180.0 180.1 Kit, Borys (January 19, 2017). "Dwayne Johnson's DC Villain Black Adam Getting His Own Movie". The Hollywood Reporter. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 1, 2017. สืบค้นเมื่อ March 18, 2017.
  180. Kit, Borys (July 20, 2017). "'Shazam!' Is Next DC Movie to Shoot (Exclusive)". The Hollywood Reporter. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 22, 2017. สืบค้นเมื่อ July 20, 2017.
  181. Errico, Marcus (July 21, 2017). "Dwayne Johnson Won't Be in DC's 'Shazam!' Movie". Yahoo!. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 22, 2017. สืบค้นเมื่อ July 21, 2017.
  182. Auger, Andrew (August 29, 2017). "Shazam! Officially Begins Pre-Production". Screen Rant. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 2, 2017. สืบค้นเมื่อ December 3, 2018.
  183. Kit, Borys (October 27, 2017). "DC's 'Shazam!' to Star Zachary Levi (Exclusive)". The Hollywood Reporter. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 28, 2017. สืบค้นเมื่อ August 19, 2019.
  184. Kit, Borys (November 6, 2017). "'Shazam!' Finds Its Billy Batson with 'Andi Mack' Actor". The Hollywood Reporter. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 7, 2017. สืบค้นเมื่อ April 4, 2018.
  185. Gonzalez, Umberto (November 2, 2017). "'Shazam': Mark Strong in Talks to Play Villain Doctor Sivana (Exclusive)". TheWrap. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 3, 2017. สืบค้นเมื่อ November 2, 2017.
  186. "Mark Strong spills on Shazam! secrecy". Contactmusic.com. January 14, 2018. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 15, 2018. สืบค้นเมื่อ January 15, 2018.
  187. N'Duka, Amanda (December 6, 2017). "'It' Star Jack Dylan Grazer Joins DC Superhero Film 'Shazam!'". Deadline Hollywood. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 7, 2017. สืบค้นเมื่อ December 6, 2017.
  188. Kroll, Justin (November 2, 2017). "'Annabelle: Creation' Actress Grace Fulton Joins 'Shazam!' (Exclusive)". Variety. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 3, 2017. สืบค้นเมื่อ November 2, 2017.
  189. N'Duka, Amanda (December 12, 2017). "Ian Chen & Jovan Armand Join 'Shazam!', Brian 'Astro' Bradley Jr. Cast In 'Luce'". Deadline Hollywood. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 13, 2017. สืบค้นเมื่อ December 12, 2017.
  190. Outlaw, Kofi (December 21, 2017). "DC's 'Shazam' Adds 'This Is Us' Actress Faithe Herman to Cast". Comicbook.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 22, 2017. สืบค้นเมื่อ December 21, 2017.
  191. N'Duka, Amanda (December 19, 2017). "The Walking Dead's Cooper Andrews Joins Shazam". Deadline Hollywood. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 21, 2017. สืบค้นเมื่อ December 19, 2017.
  192. Ramos, Dino-Ray (January 22, 2018). "'Shazam!': Marta Milans Joins Zachary Levi In New Line Superhero Pic". Deadline Hollywood. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 23, 2018. สืบค้นเมื่อ January 22, 2018.
  193. Hibberd, James (July 10, 2018). "DC's Shazam! casts Guardians actor Djimon Hounsou as the Wizard". Entertainment Weekly. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 10, 2018. สืบค้นเมื่อ July 10, 2018.
  194. Drum, Nicole (September 18, 2017). "'Shazam!' to Start Filming Next Spring". Comicbook.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 30, 2018. สืบค้นเมื่อ March 29, 2018.
  195. Erao, Matthew (January 29, 2018). "DC's Shazam! Movie Officially Starts Filming". Screen Rant. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 29, 2018. สืบค้นเมื่อ July 20, 2019.
  196. Staley, Brandon (May 11, 2018). "DC's Shazam! Wraps Filming". Comic Book Resources. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 20, 2019. สืบค้นเมื่อ July 20, 2019.
  197. Vlessing, Etan (December 12, 2017). "Pinewood Toronto to Double Production Space as Hollywood Takes City to Full Capacity". The Hollywood Reporter. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 13, 2017. สืบค้นเมื่อ December 16, 2017.
  198. Couto, Anthony (October 21, 2017). "Shazam! Director Confirms April 2019 Release Date". Comic Book Resources. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 22, 2017. สืบค้นเมื่อ October 21, 2017.
  199. McCluskey, Megan (April 5, 2019). "How Shazam! Fits Into the DC Extended Universe Timeline". Time. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 5, 2019. สืบค้นเมื่อ August 25, 2019.
  200. Owen, Phil; Lincoln, Ross A. (April 13, 2019). "'Shazam' Mid-Credits Scene Explained". TheWrap. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 14, 2019. สืบค้นเมื่อ August 25, 2019.
  201. Drum, Nicole (August 6, 2018). "'Birds of Prey' Synopsis Reportedly Revealed". ComicBook.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 6, 2018. สืบค้นเมื่อ December 6, 2018.
  202. D'Alessandro, Anthony (September 26, 2018). "'Birds Of Prey' Cast: Mary Elizabeth Winstead Wins Role Of Huntress; Jurnee Smollett-Bell Is Black Canary". Deadline Hollywood. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 27, 2018. สืบค้นเมื่อ September 26, 2018.
  203. Gonzalez, Umberto (November 11, 2016). "Harley Quinn-Birds of Prey Movie's Screenwriter Revealed (Exclusive)". TheWrap. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 20, 2017. สืบค้นเมื่อ December 16, 2017.
  204. Fleming, Mike Jr. (April 17, 2018). "Cathy Yan Is Warner Bros' Choice To Direct Margot Robbie In Next Harley Quinn Film". Deadline Hollywood. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 17, 2018. สืบค้นเมื่อ April 17, 2018.
  205. Cooper, Freda (July 6, 2018). "Exclusive: Margot Robbie confirms January production start for Birds of Prey, will have "much smaller budget" than other DC movies". FlickeringMyth. สืบค้นเมื่อ August 9, 2018.
  206. Gonzalez, Umberto (October 3, 2018). "'Birds of Prey': Rosie Perez Cast as Renee Montoya in Superheroine Movie (Exclusive)". TheWrap. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 4, 2018. สืบค้นเมื่อ October 4, 2018.
  207. D'Alessandro, Anthony (September 26, 2018). "'Birds Of Prey' Cast: Mary Elizabeth Winstead Wins Role Of Huntress; Jurnee Smollett-Bell Is Black Canary". Deadline Hollywood. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 27, 2018. สืบค้นเมื่อ October 4, 2018.
  208. Gonzalez, Umberto (July 16, 2018). "'Birds of Prey' Revealed: Margot Robbie Film Will Feature Black Canary, Huntress, Cassandra Cain, Renee Montoya (Exclusive)". TheWrap. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 16, 2018. สืบค้นเมื่อ August 9, 2018.
  209. Gonzalez, Umberto (August 6, 2018). "'Birds of Prey' Villain Revealed as Black Mask, One of Batman's Deadliest Foes (Exclusive)". TheWrap. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 7, 2018. สืบค้นเมื่อ August 9, 2018.
  210. D'Alessandro, Anthony (November 1, 2018). "Ewan McGregor Joins 'Birds Of Prey' As Villain Black Mask". Deadline Hollywood. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 2, 2018. สืบค้นเมื่อ November 1, 2018.
  211. D'Alessandro, Anthony (December 11, 2018). "Chris Messina Joins Warner Bros./DC's 'Birds Of Prey' As Bad Guy Victor Zsasz". Deadline Hollywood. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 2, 2018. สืบค้นเมื่อ December 11, 2018.
  212. Patten, Dominic (July 23, 2017). "Gary Oldman's 'Flying Horse,' Margot Robbie's 'Birds Of Prey' & Ben Affleck's 'Has-Been' Among 19 Films Snaring California Tax Incentives". The Hollywood Reporter. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 10, 2018. สืบค้นเมื่อ August 9, 2018.
  213. Dumaraog, Ana (January 15, 2019). "Birds of Prey's Cassandra Cain Actress Says Filming Has Begun". Screen Rant. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 15, 2019. สืบค้นเมื่อ January 15, 2019.
  214. Boucher, Geoff (January 28, 2019). "Harley Quinn's Makeover: See Margot Robbie's New 'Birds of Prey' Look In Trailer & Set Photo". Deadline Hollywood. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 28, 2019. สืบค้นเมื่อ June 1, 2019.
  215. Dela Paz, Maggie (April 15, 2019). "Birds of Prey Wraps Production". ComingSoon.net. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 16, 2019. สืบค้นเมื่อ April 15, 2019.
  216. Couch, Aaron; McMillan, Graeme (November 20, 2018). "Margot Robbie Reveals Full 'Birds of Prey' Title: 'The Fantabulous Emancipation of One Harley Quinn'". The Hollywood Reporter. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 20, 2018. สืบค้นเมื่อ November 22, 2019.
  217. Couch, Aaron (September 24, 2018). "Margot Robbie's 'Birds of Prey' Gets 2020 Release Date". The Hollywood Reporter. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 25, 2018. สืบค้นเมื่อ September 24, 2018.
  218. Alexander, Julia (February 11, 2020). "Harley Quinn has better SEO, so Birds of Prey is getting a new name". The Verge. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 18, 2020. สืบค้นเมื่อ August 23, 2020.
  219. Mancuso, Vinnie (August 15, 2020). "How 'Birds of Prey' Fits Into the Increasingly-Complicated DCEU Timeline & Why It Works So Well". Collider. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 29, 2020. สืบค้นเมื่อ August 23, 2020.
  220. Watercutter, Angela (December 9, 2019). "The First Wonder Woman 1984 Trailer Is Here". Wired. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 10, 2019.
  221. Nyren, Erin (June 20, 2017). "Patty Jenkins Developing 'Wonder Woman' Sequel (Exclusive)". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 20, 2017. สืบค้นเมื่อ June 20, 2017.
  222. Errico, Marcus (July 21, 2017). "'Wonder Woman 2' Script Being 'Worked On Right Now'". Yahoo!. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 22, 2017. สืบค้นเมื่อ July 22, 2017.
  223. 224.0 224.1 224.2 224.3 Truitt, Brian (July 22, 2017). "Comic-Con: Ben Affleck confirms he's staying on as Batman in DC films". USA Today. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 23, 2017. สืบค้นเมื่อ July 22, 2017.
  224. Kroll, Justin (September 11, 2017). "Patty Jenkins Closes Deal to Direct 'Wonder Woman' Sequel (Exclusive)". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 11, 2017. สืบค้นเมื่อ September 11, 2017.
  225. Kit, Borys (September 13