ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ประเทศบาห์เรน"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 66: | บรรทัด 66: | ||
'''บาห์เรน''' ({{lang-en|Bahrain}}; {{lang-ar|البحرين}}) หรือชื่อทางการ '''ราชอาณาจักรบาห์เรน''' ({{lang-en|Kingdom of Bahrain}}; {{lang-ar|مملكة البحرين}}) เป็น[[ประเทศ]][[เกาะ]]ใน[[อ่าวเปอร์เซีย]] โดยมีสะพานเชื่อมต่อกับ[[ประเทศซาอุดีอาระเบีย|ซาอุดีอาระเบีย]]ที่อยู่ห่างจากเกาะประมาณ 28 กิโลเมตร คือ [[สะพานคิงฟะฮัด]] ซึ่งเปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน ค.ศ. 1986 ส่วน[[สะพานมิตรภาพกาตาร์-บาห์เรน]] ที่กำลังอยู่ในระหว่างวางแผนงานนั้น จะเชื่อมต่อบาห์เรนเข้ากับ[[ประเทศกาตาร์|กาตาร์]] ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ และจะเป็นสะพานขึงที่ยาวที่สุดในโลก |
'''บาห์เรน''' ({{lang-en|Bahrain}}; {{lang-ar|البحرين}}) หรือชื่อทางการ '''ราชอาณาจักรบาห์เรน''' ({{lang-en|Kingdom of Bahrain}}; {{lang-ar|مملكة البحرين}}) เป็น[[ประเทศ]][[เกาะ]]ใน[[อ่าวเปอร์เซีย]] โดยมีสะพานเชื่อมต่อกับ[[ประเทศซาอุดีอาระเบีย|ซาอุดีอาระเบีย]]ที่อยู่ห่างจากเกาะประมาณ 28 กิโลเมตร คือ [[สะพานคิงฟะฮัด]] ซึ่งเปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน ค.ศ. 1986 ส่วน[[สะพานมิตรภาพกาตาร์-บาห์เรน]] ที่กำลังอยู่ในระหว่างวางแผนงานนั้น จะเชื่อมต่อบาห์เรนเข้ากับ[[ประเทศกาตาร์|กาตาร์]] ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ และจะเป็นสะพานขึงที่ยาวที่สุดในโลก |
||
บาห์เรนเป็นที่ตั้งของอารยธรรมดิลมุนโบราณ<ref>{{Cite web|title=Saudi Aramco World : Oman: The Lost Land|url=https://archive.aramcoworld.com/issue/198303/oman-the.lost.land.htm|website=archive.aramcoworld.com}}</ref> และมีชื่อเสียงด้านการประมงโดยเฉพาะอย่างยิ่ง [[การล่าไข่มุก]] ซึ่งบริเวณแห่งนี้ถือว่าได้รับความนิยมที่สุดในโลกในศตวรรษที่ 19<ref>Baynes, T. S., ed. (1878), Bahrein, '''3''' (9th ed.), New York: Charles Scribner's Sons, p. 240</ref> บาห์เรนเป็นหนึ่งในพื้นที่แรกสุดที่ได้รับอิทธิพลจาก[[ศาสนาอิสลาม]] ในช่วงชีวิตของ[[มุฮัมมัด|มูฮัมมัด]] หลังการปกครองของอาหรับ บาห์เรนถูกปกครองโดย[[จักรวรรดิโปรตุเกส]]ตั้งแต่ ค.ศ. 1521 ถึง ค.ศ. 1602 หลังจากการพิชิตโดย[[ชาห์อับบาสที่ 1 แห่งราชวงศ์ซาฟาวิด]] ใน ค.ศ. 1783 กลุ่ม ''Bani Utbah'' ได้ยึดครองบาห์เรนจาก ''Nasr Al-Madhkur'' ผู้ว่าการชาวอาหรับในสมัยศตวรรษที่ 18 และนับตั้งแต่นั้นมาก็ถูกปกครองโดย[[ราชวงศ์คาลิฟา]] โดยมี [[เชคอะห์เหม็ด อิบน์ มุฮัมหมัด อิบน์ อัลเคาะลีฟะฮ์]] เป็นกษัตริย์พระองค์แรกของบาห์เรน |
|||
ในช่วงปลายทศวรรษ 1800 บาห์เรนกลายเป็นเป็น[[อาณานิคม]]ของ[[สหราชอาณาจักร]] จากการทำ[[สนธิสัญญา]]กับ[[ประเทศอังกฤษ|อังกฤษ]] ก่อนจะได้รับเอกราชใน ค.ศ. 1971<ref>{{Cite web|title=The history of British involvement in Bahrain's internal security|url=https://www.opendemocracy.net/en/opensecurity/history-of-british-involvement-in-bahrains-internal-security/|website=openDemocracy|language=en}}</ref> แต่เดิมนั้นบาห์เรนเคยเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน[[รัฐดูไบ|เอมิเรตส์]] บาห์เรนได้รับการประกาศให้เป็นประเทศที่ปกครองด้วยระบอบ[[ราชาธิปไตย]]ตาม[[รัฐธรรมนูญ]]ของ[[ศาสนาอิสลาม|อิสลาม]]ใน ค.ศ. 2002 ต่อมา ใน ค.ศ. 2011 บาห์เรนเจอปัญหาการประท้วงภายในประเทศซึ่งได้รับอิทธิพลจาก[[อาหรับสปริง]]ในภูมิภาค[[ตะวันออกกลาง]] โดยราชวงศ์คาลิฟา ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าได้ละเมิด[[สิทธิมนุษยชน]]ของกลุ่มต่างๆ ซึ่งมีผู้ไม่เห็นด้วยมากมาย รวมถึงนักการเมืองฝ่ายค้าน และประชากรมุสลิม[[ชีอะฮ์]]ส่วนใหญ่<ref>{{Cite web|last=Staff|first=By the CNN Wire|title=Bahrain says ban on protests is response to rising violence|url=https://www.cnn.com/2012/10/31/world/meast/bahrain-amnesty-protests/index.html|website=CNN}}</ref><ref>{{Cite web|date=2017-07-17|title=How Bahrain uses sport to whitewash a legacy of torture and human rights abuses {{!}} David Conn|url=http://www.theguardian.com/sport/2017/jul/17/bahrain-accused-sport-whitewash-history-torture-human-rights-abuses|website=the Guardian|language=en}}</ref> |
|||
เช่นเดียวกับประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลาง บาห์เรนได้พัฒนาเศรษฐกิจของตนเองจากการค้า[[น้ำมัน]]มาหลายทศวรรษและเป็นหนึ่งในประเทศแรกๆที่ทำการส่งออกน้ำมันใน[[อ่าวเปอร์เซีย]]<ref>http://www.jepeterson.net/sitebuildercontent/sitebuilderfiles/Peterson_Bahrain_Reforms.pdf</ref> ซึ่งเป็นผลมาจากการลงทุนในภาคการ[[ธนาคาร]]และ[[การท่องเที่ยว]]เป็นเวลาหลายทศวรรษ<ref>{{Cite web|date=2010-12-28|title=Bahrain Financial Services.|url=https://web.archive.org/web/20101228154653/http://www.bahrainedb.com/EDBInBahrain.aspx?id=2134|website=web.archive.org}}</ref> สถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลกหลายแห่งตั้งอยู่ในกรุง[[มานามา]]เมืองหลวงของประเทศ จึงมี[[ดัชนีการพัฒนามนุษย์]]สูงและได้รับการยอมรับจาก[[ธนาคารโลก]]ว่าบาห์เรนมีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ลำดับต้นๆในตะวันออกกลางและเป็นประเทศที่มีรายได้สูง<ref>{{Cite web|title=Bahrain|url=https://www.imuna.org/resources/country-profiles/bahrain/|website=IMUNA {{!}} NHSMUN {{!}} Model UN|language=en-US}}</ref> บาห์เรนเป็นสมาชิกของ[[สหประชาชาติ]] [[ขบวนการไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด]] [[สันนิบาตอาหรับ]] [[องค์การความร่วมมืออิสลาม]] และ [[คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ]] (Gulf Cooperation Council) |
|||
== ภูมิศาสตร์ == |
== ภูมิศาสตร์ == |
||
บรรทัด 95: | บรรทัด 103: | ||
== การเมืองการปกครอง == |
== การเมืองการปกครอง == |
||
[[File:Hamad-Bin-Isa-Al-Khalifa.jpg|thumb|right|'''สมเด็จพระราชาธิบดีฮะมัด บิน อีซา อาล เคาะลีฟะฮ์''' พระมหากษัตริย์ของประเทศบาห์เรน]] |
|||
ราชาธิปไตยกึ่งรัฐสภา มีพระมหากษัตริย์เป็นพระประมุขภายใต้รัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นไปตามผลการลงประชามติของชาวบาห์เรนเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2545 ปัจจุบัน คือ สมเด็จพระราชาธิบดีฮะมัด บิน อีซา อาล เคาะลีฟะฮ์ (His Majesty King Hamad Bin Isa Al Khalifa) เสด็จขึ้นครองราชย์ (ในฐานะเจ้าผู้ครองรัฐ) เมื่อวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2542 |
ราชาธิปไตยกึ่งรัฐสภา มีพระมหากษัตริย์เป็นพระประมุขภายใต้รัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นไปตามผลการลงประชามติของชาวบาห์เรนเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2545 ปัจจุบัน คือ สมเด็จพระราชาธิบดีฮะมัด บิน อีซา อาล เคาะลีฟะฮ์ (His Majesty King Hamad Bin Isa Al Khalifa) เสด็จขึ้นครองราชย์ (ในฐานะเจ้าผู้ครองรัฐ) เมื่อวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2542 |
||
บรรทัด 138: | บรรทัด 147: | ||
=== การต่างประเทศ === |
=== การต่างประเทศ === |
||
{{โครงส่วน}} |
|||
[[File:Donald Trump meets with King Hamed bin Issa of Bahrain, May 2017.jpg|thumb|[[ดอนัลด์ ทรัมป์]] (ขวามือ) ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาเยือนประเทศบาห์เรนในปี 2017]] |
|||
บาห์เรนได้สร้างความสัมพันธ์[[ทวิภาค|ทวิภาคี]]กับ 190 ประเทศทั่วโลก<ref>{{Cite web|title=Bilateral Relations|url=https://www.mofa.gov.bh/Default.aspx?tabid=73&language=en-US|website=www.mofa.gov.bh|language=en-US}}</ref> ในปี 2012 บาห์เรนมีเครือข่ายสถานทูต 25 แห่ง สถานกงสุล 3 แห่ง และคณะผู้แทนถาวร 4 แห่งของ[[สันนิบาตอาหรับ]] สหประชาชาติ และ[[สหภาพยุโรป]]ตามลำดับ บาห์เรนยังมี[[สถานทูต]] 36 แห่งทั่วโลก<ref>{{Cite web|title=Ministry of Foreign Affairs|url=https://www.mofa.gov.bh/Default.aspx?tabid=40&language=en-US|website=www.mofa.gov.bh|language=en-US}}</ref> บาห์เรนมียึดมั่นในมุมมองของสันนิบาตอาหรับเกี่ยวกับสันติภาพในตะวันออกกลางและสิทธิของ[[ปาเลสไตน์ (ภูมิภาค)|ชาวปาเลสไตน์]]โดยสนับสนุนการแก้ปัญหาของทั้งสองรัฐ<ref>{{Cite web|title=login|url=https://www.mofa.gov.bh/Default.aspx?tabid=7973&returnurl=/Default.aspx?tabid=112&language=en-US&language=en-US|website=www.mofa.gov.bh|language=en-US}}</ref> บาห์เรนยังเป็นหนึ่งในสมาชิกผู้ก่อตั้งของคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ<ref>{{Cite web|date=2012-07-16|title=The Cooperation Council For The Arab States of The Gulf - Secretariat General|url=https://web.archive.org/web/20120716060014/http://www.gcc-sg.org/eng/indexc64c.html?action=GCC|website=web.archive.org}}</ref> ความสัมพันธ์กับ[[ประเทศอิหร่าน|อิหร่าน]]มีแนวโน้มที่จะตึงเครียดอันเป็นผลมาจากการรัฐประหารที่ล้มเหลวในปี 1981 ซึ่งบาห์เรนตำหนิอิหร่านและมีการเรียกร้องอธิปไตยของอิหร่านเหนือบาห์เรนเป็นครั้งคราวโดยประชาชนชาวอิหร่าน ส่งผลให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองชาติตึงเครียดถึงปัจจุบัน<ref>{{Cite web|last=Local|first=N. Y. U.|date=2016-11-16|title=A Bahraini Hunger Strike And An Inhumane Argument|url=https://nyulocal.com/a-bahraini-hunger-strike-and-an-inhumane-argument-42ea1637b419|website=Medium|language=en}}</ref> |
|||
บาห์เรนได้ต้อนรับสมาชิกคณะรัฐมนตรีของ[[ประเทศอิสราเอล|อิสราเอล]] ''Yossi Sarid'' ณ กรุงมานามาเป็นครั้งแรกในปี 1994 ในเดือนกันยายน 2020 หลังจากที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ประกาศความสัมพันธ์เชิงสันติกับอิสราเอล บาห์เรนประกาศว่าจะอนุญาตให้เที่ยวบินเชิงพาณิชย์ทั้งหมดที่มาจากอิสราเอลบินผ่านน่านฟ้าของตน เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2020 ประธานาธิบดีสหรัฐฯ [[ดอนัลด์ ทรัมป์]] ประกาศว่าจะขอเป็นตัวแทนในการเจรจาสันติภาพระหว่างบาห์เรนและอิสราเอล เพื่อทำให้ความสัมพันธ์เป็นปกติภายใต้[[ข้อตกลงสันติภาพบาห์เรน–อิสราเอล]] |
|||
==== ความสัมพันธ์กับประเทศไทย ==== |
==== ความสัมพันธ์กับประเทศไทย ==== |
||
บรรทัด 145: | บรรทัด 158: | ||
=== กองทัพ === |
=== กองทัพ === |
||
{{บทความหลัก|กองทัพบาห์เรน}} |
{{บทความหลัก|กองทัพบาห์เรน}} |
||
[[File:RBNS Sabha (FFG 90) Bahrain.jpg|thumb|right|เรือ RBNS Sabha ของกองกำลังป้องกันตนเองบาห์เรน]] |
|||
ประเทศบาห์เรนไม่มีกองทัพอย่างเป็นทางการ แต่มีกองกำลังป้องกันตัวเอง ที่เรียกว่ากองกำลังป้องกันประเทศบาห์เรน (Bahren Defence Force หรือ BDF) ซึ่งมีอุปกรณ์และอาวุธสงครามครบครันซึ่งมีกำลังพลประมาณ 13,000 นาย<ref>{{Cite web|title=Bahrain|url=https://2009-2017.state.gov/r/pa/ei/bgn/26414.htm|website=U.S. Department of State}}</ref> ผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพบาห์เรนคือ ''King Hamad bin Isa Al Khalifa'' และรองผู้บัญชาการสูงสุดคือมกุฎราชกุมา''ร Salman bin Hamad bin Isa Al Khalifa''<ref>{{Cite web|title=عن بنا {{!}} وكالة أنباء البحرين|url=https://www.bna.bh/AboutBNA.aspx?cms=iQRpheuphYtJ6pyXUGiNqladb1RZ0e3I|website=www.bna.bh}}</ref><ref>{{Cite web|title=H.R.H. the Crown Prince and Prime Minister|url=https://www.mofa.gov.bh/AboutBahrain/Goverment/HHtheCrownPrince/tabid/139/language/en-US/Default.aspx|website=www.mofa.gov.bh|language=en-US}}</ref> |
|||
กองกำลังของบาห์เรนนั้นสั่งซื้ออาวุธสงครามจาก[[สหรัฐ|สหรัฐอเมริกา]]เป็นหลัก<ref>{{Cite web|title=Frigate Photo Index FFG-24 USS JACK WILLIAMS|url=http://www.navsource.org/archives/07/0724.htm|website=www.navsource.org}}</ref> เช่น เครื่องบินรบ [[เอฟ-16 ไฟทิงฟอลคอน|F-16]] Fighting Falcon, F-5 Freedom Fighter, UH-60 Blackhawk, รถถัง M60A3 และเรือรบฟริเกตคลาส Oliver Hazard Perry ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น RBNS Sabha<ref>{{Cite web|title=Bahrain News Agency|url=https://www.bna.bh/en/index.aspx|website=www.bna.bh}}</ref><ref>{{Cite web|last=Allison|first=George|date=2020-08-07|title=HMS Clyde sold to Bahrain|url=https://ukdefencejournal.org.uk/hms-clyde-sold-to-bahrain/|language=en-GB}}</ref> |
|||
รัฐบาลบาห์เรนมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสหรัฐอเมริกา โดยได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือกับกองทัพสหรัฐฯ และได้จัดหาฐานทัพให้แก่กองทัพสหรัฐในจัฟแฟร์ตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1990 โดยที่นี่คือบ้านของกองบัญชาการกองบัญชาการกองบัญชาการกลาง[[กองทัพเรือสหรัฐ]]ฯ (COMUSNAVCENT) / กองเรือที่ห้าของสหรัฐอเมริกา (COMFIFTHFLT) [170] และบุคลากรทางทหารประมาณ 6,000 นายของสหรัฐฯ ประจำการอยู่ที่นี่จนถึงปัจจุบัน<ref>{{Cite web|last=Bandow|first=Doug|title=U.S. Hypocrisy on Parade: Washington Arms Bahrain, Denounces Russia For Arming Syria|url=https://www.forbes.com/sites/dougbandow/2012/06/18/u-s-hypocrisy-on-parade-washington-arms-bahrain-denounces-russia-for-arming-syria/|website=Forbes|language=en}}</ref> |
|||
บาห์เรนเข้าร่วมการแทรกแซงใน[[ประเทศเยเมน]]ที่นำโดย[[ประเทศซาอุดีอาระเบีย|ซาอุดีอาระเบีย]] ในการต่อต้านชีอะห์ฮูซีและกองกำลังที่ภักดีต่ออดีตประธานาธิบดี[[อาลี อับดุลลาห์ ซาเลห์]]<ref>{{Cite web|title=Bloomberg - Are you a robot?|url=https://www.bloomberg.com/tosv2.html?vid=&uuid=a962043a-009c-11ec-bc38-726771636572&url=L25ld3MvYXJ0aWNsZXMvMjAxNS0wMy0yNi95ZW1lbmktYm9tYmluZy1sZWQtYnktc2F1ZGlzLWlzLWJhY2tlZC1ieS11LXMtbG9naXN0aWNzLXNweWluZw==|website=www.bloomberg.com}}</ref> |
|||
== เศรษฐกิจ == |
== เศรษฐกิจ == |
||
=== โครงสร้าง === |
=== โครงสร้าง === |
||
{{โครงส่วน}} |
|||
[[File:Manama, Bahrain Decembre 2014.jpg|thumb|กรุงมานามา เมืองหลวงของประเทศ]] |
|||
⚫ | |||
ตามรายงานของคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติสำหรับเอเชียตะวันตกในเดือนมกราคม 2006 บาห์เรนมีเศรษฐกิจที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกอาหรับ<ref>{{Cite web|title=Index of Economic Freedom: Promoting Economic Opportunity and Prosperity by Country|url=https://www.heritage.org/index/|website=www.heritage.org|language=en}}</ref> บาห์เรนยังมีเศรษฐกิจที่เสรีที่สุดในตะวันออกกลางและรวมกันเป็นอันดับที่สิบสองของโลกโดยอิงจากดัชนีเสรีภาพทางเศรษฐกิจประจำปี 2011 ที่ตีพิมพ์โดยมูลนิธิเฮอริเทจ/เดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัล<ref>https://www.arabianbusiness.com/index.php?option=com_content&view=article&id=7116</ref> |
|||
ในปี 2008 บาห์เรนได้รับเลือกให้เป็นศูนย์กลางทางการเงินที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกโดยดัชนี ''Global Financial Centres'' ของนครลอนดอน ภาคการธนาคารและบริการทางการเงินของบาห์เรน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการธนาคารอิสลาม ได้รับประโยชน์จากความเฟื่องฟูของภูมิภาคซึ่งได้แรงหนุนจากความต้องการน้ำมัน การผลิตและการแปรรูปปิโตรเลียมเป็นผลิตภัณฑ์ที่ส่งออกมากที่สุดของบาห์เรน โดยคิดเป็น 60% ของรายรับจากการส่งออก 70% ของรายได้ของรัฐบาล และ 11% ของ[[ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ]] (จีดีพี) การผลิตอะลูมิเนียมเป็นสินค้าส่งออกมากเป็นอันดับสอง รองลงมาคือกิจกรรมทางการเงินและวัสดุก่อสร้าง |
|||
บาห์เรนเป็นที่ตั้งของบริษัทข้ามชาติหลายแห่งและดำเนินการก่อสร้างในโครงการอุตสาหกรรมที่สำคัญหลายโครงการ การส่งออกส่วนใหญ่ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์[[ปิโตรเลียม]]ที่ทำจากน้ำมันดิบนำเข้า ซึ่งคิดเป็น 51% ของการนำเข้าของประเทศในปี 2007<ref>{{Cite web|title=Open Data Platform|url=https://data.footprintnetwork.org/#/countryTrends?cn=13&type=BCpc,EFCpc|website=data.footprintnetwork.org}}</ref> บาห์เรนพึ่งพาการนำเข้าอาหารจากชาติอื่นเพื่อเลี้ยงประชากร<ref>{{Cite web|date=2013-01-17|title=DailyTribune - Business News|url=https://web.archive.org/web/20130117000029/http://www.dt.bh/newsdetails.php?newsid=081111221401&key=301110213629|website=web.archive.org}}</ref> โดยอาศัยการนำเข้าเนื้อสัตว์จาก[[ประเทศออสเตรเลีย|ออสเตรเลีย]]และกว่า 75% ของปริมาณผลไม้ต้องนำเข้าจาก[[ทวีปยุโรป|ยุโรป]]และออสเตรเลีย เนื่องจากบาห์เรนมีเนื้อที่เพาะปลูกและการทำ[[เกษตรกรรม|เกษตร]]เพียง 2.9% ของประเทศ ในปี พ.ศ. 2004 บาห์เรนได้ลงนามในข้อตกลงเขตการค้าเสรีบาห์เรน–สหรัฐฯ ซึ่งจะช่วยลดอุปสรรคทางการค้าระหว่างสองประเทศ จากการสำรวจในปี 2011 เนื่องจากการรวมกันของวิกฤตการเงินโลกและความไม่สงบในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้อัตราการเติบโตของจีดีพีลดลงเหลือ 1.3% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 1994<ref>{{Cite news|date=2018-11-12|title=Bahrain profile - Timeline|language=en-GB|work=BBC News|url=https://www.bbc.com/news/world-middle-east-14541322|access-date=2021-08-19}}</ref> |
|||
⚫ | |||
* '''อัตราความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ''' ร้อยละ 6.1 (ไทย 2.6%) |
* '''อัตราความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ''' ร้อยละ 6.1 (ไทย 2.6%) |
||
* '''ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ''' 18.97 พันล้าน USD (ไทย 273.4 พันล้าน USD) |
* '''ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ''' 18.97 พันล้าน USD (ไทย 273.4 พันล้าน USD) |
||
บรรทัด 157: | บรรทัด 185: | ||
=== การท่องเที่ยว === |
=== การท่องเที่ยว === |
||
{{บทความหลัก|การท่องเที่ยวในบาห์เรน}}บาห์เรนมีจำนวน[[การท่องเที่ยว|นักท่องเที่ยว]]กว่า 8 ล้านคนในปี 2008<ref>{{Cite web|date=2011-08-12|title=Wayback Machine|url=https://web.archive.org/web/20110812082521/http://www.bahrainedb.com/uploadedFiles/Bahraincom/BahrainForBusiness/11.%20AER%20-%20Articles%20-%20Tourism%20Sector%20Performance.pdf|website=web.archive.org}}</ref> โดยส่วนมากเป็นชาวมุสลิมจากประเทศเพื่อนบ้าน<ref>{{Cite web|date=2012-09-23|title=Bahrainguide · Popular Attractions|url=https://web.archive.org/web/20120923132143/http://www.bahrainguide.org/BG2/popularattractions.html|website=web.archive.org}}</ref> ประเทศบาห์เรนมีสถานที่ดึงดูดคือตึกสูงใหญ่ที่สามารถชมทัศนียภาพอันสวยงามทั่วเมือง และสนามแข่ง[[ฟอร์มูลาวัน]] ที่มีชื่อเสียง |
|||
{{บทความหลัก|การท่องเที่ยวในบาห์เรน}}มีที่ท่องเที่ยวคือท้องสนามหลวง |
|||
<br />{{โครงส่วน}} |
|||
สถานที่ท่องเที่ยวของบาห์เรนเป็นการผสมผสานวัฒนธรรมอาหรับสมัยใหม่เข้ากับมรดกทาง[[โบราณคดี]]ของอารยธรรมโบราณซึ่งมีอายุกว่าห้าพันปี<ref>{{Cite web|title=Tourism|url=https://www.mofa.gov.bh/Default.aspx?tabid=134|website=www.mofa.gov.bh|language=en-US}}</ref> เกาะแห่งนี้เป็นที่ตั้งของป้อมปราการต่างๆ รวมถึง Qalat Al Bahrain ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนโดย[[ยูเนสโก]]ให้เป็น[[แหล่งมรดกโลก|มรดกโลก]] [[พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบาห์เรน]]มีสิ่งประดิษฐ์จากประวัติศาสตร์ของประเทศย้อนหลังไปถึงมนุษย์คนแรกของเกาะเมื่อ 9000 ปีที่แล้วและ Beit Al Quran (อาหรับ: بيت القرآن ความหมาย: บ้านของ Qur'an) เป็น[[พิพิธภัณฑสถาน|พิพิธภัณฑ์]]ที่เก็บสิ่งประดิษฐ์ของศาสนาอิสลาม [[อัลกุรอาน|คัมภีร์กุรอ่าน]] สถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่ได้รับความนิยมบางแห่งในราชอาณาจักร ได้แก่ [[มัสยิด]] Al Khamis ซึ่งเป็นหนึ่งในมัสยิดที่เก่าแก่ที่สุดในภูมิภาค ป้อม Arad ใน Muharraq วัด Barbar ซึ่งเป็นวัดโบราณจากสมัย Dilmunite ของบาห์เรนเช่นกัน |
|||
กิจกรรมอื่นๆที่ได้รับความนิยมสูง ได้แก่ [[การดูนก]] การชมธรรมชาติ [[การดำน้ำ]]ลึก และการขี่ม้า นอกจากนี้[[ห้างสรรพสินค้า]]ในกรุงมานามายังถือเป็นห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่และครบวงจรที่สุดแห่งหนึ่งในตะวันออกกลาง โดยลูกค้าส่วนมากมาจาก[[ประเทศซาอุดีอาระเบีย|ซาอุดิอาระเบีย]] |
|||
ในเดือนมกราคม 2019 สำนักข่าวบาห์เรนที่ดำเนินการโดยรัฐได้ประกาศเปิด[[สวนสนุก]]ใต้น้ำในช่วงฤดูร้อนปี 2019 ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 100,000 ตารางเมตรโดยมีเครื่องบิน[[โบอิง 747]] ที่จมอยู่ใจ้น้ำเป็นจุดศูนย์กลางของสถานที่<ref>{{Cite web|title=The World’s Largest Underwater Theme Park Is Coming to Bahrain|url=https://www.travelandleisure.com/travel-news/worlds-largest-underwater-theme-park-coming|website=Travel + Leisure|language=en}}</ref> โครงการนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง Supreme Council for Environment, Bahrain Tourism and Exhibitions Authority (BTEA) และนักลงทุนเอกชน บาห์เรนหวังว่านักดำน้ำจากทั่วโลกจะมาเยือนอุทยานใต้น้ำ ซึ่งจะรวมถึงแนวปะการังเทียม บ้านพ่อค้าไข่มุกบาห์เรน และงานประติมากรรมต่างๆ สวนสนุกแห่งนี้ตั้งใจสร้างขึ้นเพื่อให้เป็นสวนสนุกใต้น้ำที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่ใหญ่ที่สุดในโลก |
|||
ตั้งแต่ปี 2005 บาห์เรนเป็นเจ้าภาพจัดงานเทศกาลประจำปีในเดือนมีนาคมในชื่อ Spring of Culture<ref>{{Cite web|title=Bahrain's 'Spring of Culture Festival' opens|url=http://www.tradearabia.com/news/ttn_213478.html|website=www.tradearabia.com}}</ref> ซึ่งมีนักดนตรีและศิลปินที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติมาแสดงคอนเสิร์ต มานามาได้รับเลือกให้เป็นเมืองหลวงแห่งวัฒนธรรมอาหรับประจำปี 2012 และเมืองหลวงแห่งการท่องเที่ยวอาหรับประจำปี 2013 โดยสันนิบาตอาหรับและการท่องเที่ยวแห่งเอเชียประจำปี 2014 โดยได้รับเลือกให้เป็นเมืองหลวงแห่งการท่องเที่ยวแห่งอ่าวปี 2016 โดยคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ |
|||
== โครงสร้างพื้นฐาน == |
|||
=== คมนาคม และ โทรคมนาคม === |
=== คมนาคม และ โทรคมนาคม === |
||
==== คมนาคม ==== |
==== คมนาคม ==== |
||
{{โครงส่วน}} |
|||
[[File:Gulf Air Airbus A320-200 Bahrain Air Show livery KvW.jpg|thumb|เครื่องบินแอร์บัส เอ 320-200 ของสายการบินกัล์ฟแอร์]] |
|||
สายการบินแห่งชาติ คือ สายการบิน [[กัลฟ์แอร์|กัล์ฟแอร์]] ให้บริการในเส้นทางต่างประเทศทั้งหมด 40 เมืองทั่วโลก ใน [[แอฟริกา]] [[เอเชีย]] [[ยุโรป]] [[ตะวันออกกลาง]] {{โครงส่วน}} |
|||
==== โทรคมนาคม ==== |
==== โทรคมนาคม ==== |
||
บรรทัด 176: | บรรทัด 212: | ||
=== สาธารณสุข === |
=== สาธารณสุข === |
||
[[File:IHB Ambulance.jpg|thumb|รถพยาบาล IHB]] |
|||
บาห์เรนมีระบบการดูแลสุขภาพที่เป็นมาตรฐานสากล<ref>{{Cite web|date=2013-01-17|title=Wayback Machine|url=https://web.archive.org/web/20130117000008/http://gis.emro.who.int/HealthSystemObservatory/PDF/Bahrain/Health%20care%20financing%20and%20expenditure.pdf|website=web.archive.org}}</ref> ย้อนหลังไปถึงปี 1960 การดูแลสุขภาพที่รัฐบาลจัดให้นั้นฟรีสำหรับพลเมืองบาห์เรนและให้เงินอุดหนุนจำนวนมากสำหรับผู้ที่ไม่ใช่ชาวบาห์เรน ค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลคิดเป็น 4.5% ของจีดีพี<ref>{{Cite web|date=2012-02-27|title=Wayback Machine|url=https://web.archive.org/web/20120227003619/http://www.gepa2.de/files/Bahrain-Health-Care1.pdf|website=web.archive.org}}</ref> ตามข้อมูลขององค์การอนามัยโลก แพทย์และพยาบาลของบาห์เรนเป็นแรงงานส่วนใหญ่ของประเทศในภาคส่วนด้านสุขภาพ ซึ่งแตกต่างจากรัฐในอ่าวที่อยู่ใกล้เคียง โรงพยาบาลแห่งแรกในบาห์เรนคือ[[โรงพยาบาลอเมริกัน มิชชั่น]] ซึ่งเปิดในปี 1893 |
|||
อายุเฉลี่ยของประชากรในบาห์เรนคือ 73 ปี สำหรับผู้ชาย และ 76 ปีสำหรับผู้หญิง เมื่อเทียบกับหลายประเทศในภูมิภาค ความชุกในการเกิดของโรคเอดส์ มาลาเรีย และวัณโรคค่อนข้างต่ำ กระทรวงสาธารณสุขสนับสนุนการรณรงค์ฉีดวัคซีนป้องกันวัณโรคและโรคอื่นๆ เป็นประจำ เช่น ไวรัสตับอักเสบบี<ref>{{Cite web|date=2013-01-17|title=Wayback Machine|url=https://web.archive.org/web/20130117000029/http://www.undp.org.bh/Files/MDG03/Goal6.pdf|website=web.archive.org}}</ref> |
|||
=== สวัสดิการสังคม === |
=== สวัสดิการสังคม === |
||
บรรทัด 204: | บรรทัด 245: | ||
{{บทความหลัก|บาห์เรนในโอลิมปิก|บาห์เรนในพาราลิมปิก|บาห์เรนในเอเชียนเกมส์}} |
{{บทความหลัก|บาห์เรนในโอลิมปิก|บาห์เรนในพาราลิมปิก|บาห์เรนในเอเชียนเกมส์}} |
||
==== ฟุตบอล ==== |
==== ฟุตบอล ==== |
||
[[File:SocceroosvsBahrain.jpg|thumb|left|200px|[[ฟุตบอลทีมชาติบาห์เรน]] (ชุดสีแดง) ในการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนเอเชีย พบกับทีมชาติออสเตรเลีย]] |
|||
{{บทความหลัก|สมาคมฟุตบอลบาห์เรน|ฟุตบอลทีมชาติบาห์เรน|ฟุตซอลทีมชาติบาห์เรน}} |
{{บทความหลัก|สมาคมฟุตบอลบาห์เรน|ฟุตบอลทีมชาติบาห์เรน|ฟุตซอลทีมชาติบาห์เรน}} |
||
{{โครงส่วน}} |
{{โครงส่วน}} |
||
ฟุตบอลเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในบาห์เรน [[ฟุตบอลทีมชาติบาห์เรน]]ได้เข้าแข่งขันหลายครั้งใน [[เอเชียนคัพ]], Arab Nations Cup และเล่นในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลกทุกครั้งแม้ว่าจะไม่ยังเคยผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก |
|||
== วัฒนธรรม == |
== วัฒนธรรม == |
||
บรรทัด 212: | บรรทัด 255: | ||
=== การแต่งกาย === |
=== การแต่งกาย === |
||
[[ไฟล์:Dishdasha.jpg|thumb|right|การแต่งกายของผู้ชายตามวัฒนธรรมอาหรับ]] |
[[ไฟล์:Dishdasha.jpg|thumb|right|การแต่งกายของผู้ชายตามวัฒนธรรมอาหรับ]] |
||
เนื่องจากประเทศในแถบคาบสมุทรอาหรับเป็นประเทศที่มีสภาพอากาศร้อนและแห้งแล้ง อีกทั้งประชาชนยังนับถือ[[ศาสนาอิสลาม]]ซึ่งมีข้อกำหนดเกี่ยวกับการแต่งตัวไว้อย่างเคร่งครัด ทำให้ชาวอาหรับแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่หลวมเพื่อให้อากาศถ่ายเทได้อย่างสะดวก แต่ปกปิดร่างกายอย่างมิดชิดทั้งผู้ชายและผู้หญิงเพื่อช่วยป้องกันไม่ให้ร่างกายเสียความชุ่มชื้น ผู้ชายจะใส่ชุดสีขาว เรียกว่า "[[โต๊ป]]" (Thobe) ส่วนผู้หญิงต้องสวมใส่เสื้อคลุมสีดำที่เรียกว่า "[[อาบายะห์]]" (Abaya) |
เนื่องจากประเทศในแถบ[[คาบสมุทรอาหรับ]]เป็นประเทศที่มีสภาพอากาศร้อนและแห้งแล้ง อีกทั้งประชาชนยังนับถือ[[ศาสนาอิสลาม]]ซึ่งมีข้อกำหนดเกี่ยวกับการแต่งตัวไว้อย่างเคร่งครัด ทำให้ชาวอาหรับแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่หลวมเพื่อให้อากาศถ่ายเทได้อย่างสะดวก แต่ปกปิดร่างกายอย่างมิดชิดทั้งผู้ชายและผู้หญิงเพื่อช่วยป้องกันไม่ให้ร่างกายเสียความชุ่มชื้น ผู้ชายจะใส่ชุดสีขาว เรียกว่า "[[โต๊ป]]" (Thobe) ส่วนผู้หญิงต้องสวมใส่เสื้อคลุมสีดำที่เรียกว่า "[[อาบายะห์]]" (Abaya) |
||
=== ความเชื่อ === |
=== ความเชื่อ === |
||
{{โครงส่วน}} |
{{โครงส่วน}} |
||
=== ศิลปะ === |
|||
[[File:Manama Sri Krishna Temple Courtyard 01.jpg|thumb|วัดฮินดูในกรุงมานามา]] |
|||
ศิลปะสมัยใหม่ในประเทศเกิดขึ้นอย่างเป็นทางการในทศวรรษ 1950 ส่งผลให้มีการก่อตั้งสังคมศิลปะ Expressionism และ surrealism เช่นเดียวกับศิลปะการประดิษฐ์ตัวอักษรเป็นรูปแบบศิลปะที่ได้รับความนิยมในประเทศ การแสดงออกทางนามธรรมได้รับความนิยมในทศวรรษที่ผ่านมา การผลิตเครื่องปั้นดินเผาและการทอผ้ายังเป็นผลิตภัณฑ์ยอดนิยมที่ผลิตขึ้นอย่างแพร่หลายในหมู่บ้านบาห์เรน การประดิษฐ์ตัวอักษรภาษาอาหรับได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเมื่อรัฐบาลบาห์เรนเป็นผู้อุปถัมภ์ศิลปะอิสลามซึ่งมีจุดสิ้นสุดในการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์อิสลาม Beit Al Quran |
|||
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบาห์เรนจัดแสดงนิทรรศการศิลปะร่วมสมัยถาวร เทศกาล Spring of Culture ประจำปี ที่จัดขึ้นโดย Bahrain Authority for Culture and Antiquities ได้กลายเป็นงานยอดนิยมที่ส่งเสริมศิลปะการแสดงในราชอาณาจักร สถาปัตยกรรมของประเทศบาห์เรนคล้ายกับประเทศเพื่อนบ้านในอ่าวเปอร์เซีย หอลมซึ่งสร้างการระบายอากาศตามธรรมชาติในบ้าน เป็นภาพที่เห็นได้ทั่วไปในอาคารเก่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตเมืองเก่าของมานามาและมูฮาร์รัก<ref>{{Cite book|last=Bloom|first=Jonathan|url=https://books.google.co.th/books?id=un4WcfEASZwC&pg=PA253&redir_esc=y#v=onepage&q&f=false|title=Grove Encyclopedia of Islamic Art & Architecture: Three-Volume Set|last2=Blair|first2=Sheila S.|last3=Blair|first3=Sheila|date=2009-05-14|publisher=OUP USA|isbn=978-0-19-530991-1|language=en}}</ref><ref>{{Cite web|date=2016-08-10|title=Bahrain’s Art and Culture Scenes. Nafas Art Magazine|url=https://web.archive.org/web/20160810000109/http://universes-in-universe.org/eng/nafas/articles/2009/bahrain_art_scene|website=web.archive.org}}</ref><ref>{{Cite web|title=Bahrain Authority for Culture and Antiquities - Kingdom of Bahrain {{!}} Home|url=https://culture.gov.bh/en/|website=culture.gov.bh}}</ref> |
|||
=== วรรณกรรม === |
|||
วรรณคดียังคงเป็นปัจจุยสะท้อนวัฒนธรรมที่เข้มแข็งในประเทศ นักเขียนและกวีดั้งเดิมส่วนใหญ่เขียนในสไตล์อาหรับคลาสสิก ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ จำนวนกวีรุ่นเยาว์ที่ได้รับอิทธิพลจากวรรณกรรมตะวันตกเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่เขียนเป็นกลอนอิสระและมักรวมถึงเนื้อหาทางการเมืองหรือเรื่องส่วนตัว |
|||
=== สื่อมวลชน === |
=== สื่อมวลชน === |
||
บรรทัด 222: | บรรทัด 275: | ||
=== วันหยุด === |
=== วันหยุด === |
||
{{บทความหลัก|รายชื่อวันสำคัญของบาห์เรน}} |
{{บทความหลัก|รายชื่อวันสำคัญของบาห์เรน}} |
||
{| class="wikitable sortable" |
|||
|- |
|||
== เชิงอรรถ == |
|||
! วันที่ !! ภาษาอังกฤษ !! ภาษาอาหรับ !! ความหมาย |
|||
|- |
|||
| 1 มกราคม || [[New Year's Day]] || رأس السنة الميلادية || วันปีใหม่สากล |
|||
|- |
|||
| 1 พฤษภาคม || [[Labour Day]] || يوم العمال || วันแรงงาน |
|||
|- |
|||
| 16 ธันวาคม || [[National Day]] || اليوم الوطني || วันชาติ<ref>{{cite book |last=Joyce |first=M. |date=2012 |title=Bahrain from the Twentieth Century to the Arab Spring |url=https://books.google.com/books?id=cdjFAAAAQBAJ&q=%22Bahrain+National+Day%22&pg=PA52 |publisher=Springer |page=52 |isbn=9781137031792}}</ref> |
|||
|- |
|||
| 17 ธันวาคม || [[Accession Day]] || يوم الجلوس || |
|||
|- |
|||
| 1 [[มุฮัรร็อม]]|| [[Islamic New Year]] || رأس السنة الهجرية || วันขึ้นปีใหม่ของชาวมุสลิม เดือนแรกของ[[ปฏิทินฮิจเราะห์]]หรือปฏิทิน[[อิสลาม]] เป็นเดือนที่[[มุสลิม]]ชีอะฮ์ไว้อาลัยต่อ[[ฮุซัยน์ อิบน์ อะลี|อิหม่ามฮุซัยน์]] หลานตาศาสนทูต[[มุฮัมมัด]] |
|||
|- |
|||
| 9, 10 [[มุฮัรร็อม]]|| [[Day of Ashura|Day of ''Ashura'']] || عاشوراء || วันระลึกถึงการพลีชีพของอิหม่ามฮุสเซน |
|||
|- |
|||
| 12 [[เราะบีอุลเอาวัล]]|| [[Mawlid|Prophet Muhammad's birthday]] || المولد النبوي || เป็นการระลึกถึงวันเกิดของท่านศาสดา[[มุฮัมมัด|มูฮัมหมัด]] ซึ่งเฉลิมฉลองกันส่วนใหญ่ในโลกมุสลิม |
|||
|- |
|||
| 1, 2, และ 3 [[เชาวาล]]|| [[Eid ul-Fitr|Little Feast]] || عيد الفطر || ระลึกถึงการสิ้นสุดของเดือน[[เราะมะฎอน|รอมฎอน]] |
|||
|- |
|||
| 9 ษุลฮิจญ์ญะฮ์ || [[Day of Arafat|Arafat Day]] || يوم عرفة || การรำลึกถึงการเทศนาครั้งสุดท้ายของมูฮัมหมัดและการสิ้นสุดข้อความของศาสนาอิสลาม |
|||
|- |
|||
| 10, 11, 12, และ 13 [[ษุลฮิจญ์ญะฮ์]]|| [[Eid ul-Adha|Feast of the Sacrifice]] || عيد الأضحى || รำลึกถึงความเต็มใจของอิบราฮิมที่จะเสียสละลูกชายของเขา เรียกอีกอย่างว่างานฉลองใหญ่ (ฉลองตั้งแต่วันที่ 10 ถึง 13) |
|||
|} |
|||
⚫ | |||
{{รายการอ้างอิง|group=lower-alpha}} |
{{รายการอ้างอิง|group=lower-alpha}} |
||
{{รายการอ้างอิง|30em}} |
{{รายการอ้างอิง|30em}} |
||
== บรรณานุกรม == |
|||
⚫ | |||
{{เริ่มอ้างอิง}} |
{{เริ่มอ้างอิง}} |
||
* {{cite EB9 |mode=cs2 |wstitle=Bahrein |volume=3 |ref={{harvid|''EB''|1878}} |page=240 }} |
* {{cite EB9 |mode=cs2 |wstitle=Bahrein |volume=3 |ref={{harvid|''EB''|1878}} |page=240 }} |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 11:48, 19 สิงหาคม 2564
ราชอาณาจักรบาห์เรน مملكة البحرين (อาหรับ) | |
---|---|
คำขวัญ: ไม่มี | |
เมืองหลวง และเมืองใหญ่สุด | มานามา |
ภาษาราชการ | ภาษาอาหรับ |
การปกครอง | รัฐเดี่ยว ระบบรัฐสภา ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ |
สมเด็จพระราชาธิบดีฮะมัด บิน อีซา อัลเคาะลีฟะฮ์ | |
เจ้าชายซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งบาห์เรน | |
ได้รับเอกราช | |
• จากสหราชอาณาจักร | 15 สิงหาคม พ.ศ. 2514 |
พื้นที่ | |
• รวม | 750 ตารางกิโลเมตร (290 ตารางไมล์) (178) |
น้อยมาก | |
ประชากร | |
• กรกฎาคม 2548 ประมาณ | 688,345 (157) |
987 ต่อตารางกิโลเมตร (2,556.3 ต่อตารางไมล์) (?) | |
จีดีพี (อำนาจซื้อ) | 2560 (ประมาณ) |
• รวม | $ 69.773 พันล้าน |
• ต่อหัว | $ 51,845 |
จีดีพี (ราคาตลาด) | 2560 (ประมาณ) |
• รวม | $ 33.873 พันล้าน |
• ต่อหัว | $ 25,169 |
เอชดีไอ (2019) | 0.852[1] สูงมาก · 42 |
สกุลเงิน | ดีนาร์บาห์เรน (BHD) |
เขตเวลา | UTC+3 |
รหัสโทรศัพท์ | 973 |
โดเมนบนสุด | .bh |
บาห์เรน (อังกฤษ: Bahrain; อาหรับ: البحرين) หรือชื่อทางการ ราชอาณาจักรบาห์เรน (อังกฤษ: Kingdom of Bahrain; อาหรับ: مملكة البحرين) เป็นประเทศเกาะในอ่าวเปอร์เซีย โดยมีสะพานเชื่อมต่อกับซาอุดีอาระเบียที่อยู่ห่างจากเกาะประมาณ 28 กิโลเมตร คือ สะพานคิงฟะฮัด ซึ่งเปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน ค.ศ. 1986 ส่วนสะพานมิตรภาพกาตาร์-บาห์เรน ที่กำลังอยู่ในระหว่างวางแผนงานนั้น จะเชื่อมต่อบาห์เรนเข้ากับกาตาร์ ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ และจะเป็นสะพานขึงที่ยาวที่สุดในโลก
บาห์เรนเป็นที่ตั้งของอารยธรรมดิลมุนโบราณ[2] และมีชื่อเสียงด้านการประมงโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การล่าไข่มุก ซึ่งบริเวณแห่งนี้ถือว่าได้รับความนิยมที่สุดในโลกในศตวรรษที่ 19[3] บาห์เรนเป็นหนึ่งในพื้นที่แรกสุดที่ได้รับอิทธิพลจากศาสนาอิสลาม ในช่วงชีวิตของมูฮัมมัด หลังการปกครองของอาหรับ บาห์เรนถูกปกครองโดยจักรวรรดิโปรตุเกสตั้งแต่ ค.ศ. 1521 ถึง ค.ศ. 1602 หลังจากการพิชิตโดยชาห์อับบาสที่ 1 แห่งราชวงศ์ซาฟาวิด ใน ค.ศ. 1783 กลุ่ม Bani Utbah ได้ยึดครองบาห์เรนจาก Nasr Al-Madhkur ผู้ว่าการชาวอาหรับในสมัยศตวรรษที่ 18 และนับตั้งแต่นั้นมาก็ถูกปกครองโดยราชวงศ์คาลิฟา โดยมี เชคอะห์เหม็ด อิบน์ มุฮัมหมัด อิบน์ อัลเคาะลีฟะฮ์ เป็นกษัตริย์พระองค์แรกของบาห์เรน
ในช่วงปลายทศวรรษ 1800 บาห์เรนกลายเป็นเป็นอาณานิคมของสหราชอาณาจักร จากการทำสนธิสัญญากับอังกฤษ ก่อนจะได้รับเอกราชใน ค.ศ. 1971[4] แต่เดิมนั้นบาห์เรนเคยเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนเอมิเรตส์ บาห์เรนได้รับการประกาศให้เป็นประเทศที่ปกครองด้วยระบอบราชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญของอิสลามใน ค.ศ. 2002 ต่อมา ใน ค.ศ. 2011 บาห์เรนเจอปัญหาการประท้วงภายในประเทศซึ่งได้รับอิทธิพลจากอาหรับสปริงในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยราชวงศ์คาลิฟา ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าได้ละเมิดสิทธิมนุษยชนของกลุ่มต่างๆ ซึ่งมีผู้ไม่เห็นด้วยมากมาย รวมถึงนักการเมืองฝ่ายค้าน และประชากรมุสลิมชีอะฮ์ส่วนใหญ่[5][6]
เช่นเดียวกับประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลาง บาห์เรนได้พัฒนาเศรษฐกิจของตนเองจากการค้าน้ำมันมาหลายทศวรรษและเป็นหนึ่งในประเทศแรกๆที่ทำการส่งออกน้ำมันในอ่าวเปอร์เซีย[7] ซึ่งเป็นผลมาจากการลงทุนในภาคการธนาคารและการท่องเที่ยวเป็นเวลาหลายทศวรรษ[8] สถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลกหลายแห่งตั้งอยู่ในกรุงมานามาเมืองหลวงของประเทศ จึงมีดัชนีการพัฒนามนุษย์สูงและได้รับการยอมรับจากธนาคารโลกว่าบาห์เรนมีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ลำดับต้นๆในตะวันออกกลางและเป็นประเทศที่มีรายได้สูง[9] บาห์เรนเป็นสมาชิกของสหประชาชาติ ขบวนการไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด สันนิบาตอาหรับ องค์การความร่วมมืออิสลาม และ คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (Gulf Cooperation Council)
ภูมิศาสตร์
ที่ตั้ง
ทั้งเกาะบาห์เรนล้อมรอบด้วยอ่าวเปอร์เซีย
ลักษณะภูมิอากาศ
ช่วงฤดูหนาว (ธันวาคม–มีนาคม) อุณหภูมิจะอยู่ระหว่าง 19 - 29 องศาเซลเซียส ช่วงฤดูร้อน (เดือนเมษายน-ตุลาคม) อากาศร้อนชื้น อุณหภูมิอาจสูงถึง 49 องศาเซลเซียส
ลักษณะภูมิประเทศ
ภูมิประเทศเกือบทั้งหมดเป็นที่ราบต่ำในทะเลทราย ค่อย ๆ ชันขึ้น ทางตอนกลาง
ประวัติศาสตร์
ยุคโบราณ
ยุคอิสลาม
ยุคสมัยใหม่
ยุคศตวรรษที่ 19
ประกาศเอกราช
บาห์เรนเคยอยู่ใต้อารักขาของอังกฤษตั้งแต่ ค.ศ.1820 โดยอำนาจการปกครองถูกแบ่งออกระหว่างเจ้าครองนครกับข้าหลวงอังกฤษ อิหร่านเคยอ้างสิทธิเหนือบาห์เรนมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 แต่เมื่อ ค.ศ.1980 อิหร่านยอมรับรายงานของ UN ที่แสดงข้อเท็จจริงว่าชาวบาห์เรนต้องการเป็นอิสระมากกว่าที่จะถูกรวมไว้กับอิหร่าน บาห์เรนได้รับเอกราชเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2514 ตามสนธิสัญญามิตรภาพฉบับใหม่ที่ทำกับอังกฤษ หลังจากที่ความพยายามในการรวมประเทศกับกาตาร์และกลุ่มรัฐสงบศึก (ปัจจุบันคือสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) เป็นสหพันธรัฐไม่ประสบความสำเร็จ
บาห์เรนเป็นประเทศแรกในอ่าวอาหรับที่ขุดพบน้ำมันดิบ ใน พ.ศ. 2475 และมีการสร้างโรงกลั่นน้ำมันขึ้น อย่างไรก็ดี ปริมาณน้ำมันดิบที่ขุดพบในบาห์เรนนับว่ามีจำนวนไม่มากนักเมื่อเทียบกับคูเวตและซาอุดีอาระเบีย
การเมืองการปกครอง
ราชาธิปไตยกึ่งรัฐสภา มีพระมหากษัตริย์เป็นพระประมุขภายใต้รัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นไปตามผลการลงประชามติของชาวบาห์เรนเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2545 ปัจจุบัน คือ สมเด็จพระราชาธิบดีฮะมัด บิน อีซา อาล เคาะลีฟะฮ์ (His Majesty King Hamad Bin Isa Al Khalifa) เสด็จขึ้นครองราชย์ (ในฐานะเจ้าผู้ครองรัฐ) เมื่อวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2542
บริหาร
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
นิติบัญญัติ
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ตุลาการ
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
สิทธิมนุษยชน
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
การแบ่งเขตการปกครอง
ก่อนหน้า 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2545 ประเทศบาห์เรนแบ่งเขตการปกครองเป็นเทศบาลที่ปกครองจากเมืองหลวง (กรุงมานามา) 12 แห่ง ได้แก่
- อัลฮิดด์ (Al Hidd)
- อัลมะนามะห์ (Al Manamah)
- อัลมินตะเกาะห์อัลกะร์บียะห์ (Al Mintaqah al Gharbiyah)
- อัลมินตะเกาะห์อัลวุสตะ (Al Mintaqah al Wusta)
- อัลมินตะเกาะห์อัลชะมาลียะห์ (Al Mintaqah al Shamaliyah)
- อัลมุฮาร์รัก (Al Muharraq)
- อาร์ริฟาวาอัลมินตะเกาะห์อัลจะนูบียะห์ (Ar Rifa' wa al Mintaqah al Janubiyah)
- จิดด์ฮัฟส์ (Jidd Haffs)
- มะดีนัตฮามัด (Madinat Hamad ไม่แสดงบนแผนที่ แบ่งจากเทศบาลอาร์ริฟาฯ เมื่อ พ.ศ. 2534)
- มะดีนัตอิซา (Madinat 'Isa)
- จุซูร์ฮะวาร์ (Juzur Hawar)
- ซิตระห์ (Sitrah)
หลังจากวันดังกล่าวบาห์เรนได้กำหนดเขตการปกครองใหม่ซึ่งแบ่งเป็น 5 เขตผู้ว่าราชการ (governorates) ได้แก่ 1 เขตผู้ว่าราชการเหนือ (Northern) 2 เขตผู้ว่าราชการเมืองหลวง (Capital) 3 เขตผู้ว่าราชการมุฮัรร็อก (Muharraq) 4 เขตผู้ว่าราชการกลาง (Central) และ 5 เขตผู้ว่าราชการใต้ (Southern)[10] ต่อมาเขตผู้ว่าราชการกลางถูกยกเลิกไปรวมกับเขตผู้ว่าราชการเหนือ เขตผู้ว่าราชการใต้ และเขตผู้ว่าราชการเมืองหลวง เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2557[11] ทำให้ปัจจุบันบาห์เรนมีเขตปกครองทั้งสิ้น 4 แห่งดังนี้
การต่างประเทศ
บาห์เรนได้สร้างความสัมพันธ์ทวิภาคีกับ 190 ประเทศทั่วโลก[12] ในปี 2012 บาห์เรนมีเครือข่ายสถานทูต 25 แห่ง สถานกงสุล 3 แห่ง และคณะผู้แทนถาวร 4 แห่งของสันนิบาตอาหรับ สหประชาชาติ และสหภาพยุโรปตามลำดับ บาห์เรนยังมีสถานทูต 36 แห่งทั่วโลก[13] บาห์เรนมียึดมั่นในมุมมองของสันนิบาตอาหรับเกี่ยวกับสันติภาพในตะวันออกกลางและสิทธิของชาวปาเลสไตน์โดยสนับสนุนการแก้ปัญหาของทั้งสองรัฐ[14] บาห์เรนยังเป็นหนึ่งในสมาชิกผู้ก่อตั้งของคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ[15] ความสัมพันธ์กับอิหร่านมีแนวโน้มที่จะตึงเครียดอันเป็นผลมาจากการรัฐประหารที่ล้มเหลวในปี 1981 ซึ่งบาห์เรนตำหนิอิหร่านและมีการเรียกร้องอธิปไตยของอิหร่านเหนือบาห์เรนเป็นครั้งคราวโดยประชาชนชาวอิหร่าน ส่งผลให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองชาติตึงเครียดถึงปัจจุบัน[16]
บาห์เรนได้ต้อนรับสมาชิกคณะรัฐมนตรีของอิสราเอล Yossi Sarid ณ กรุงมานามาเป็นครั้งแรกในปี 1994 ในเดือนกันยายน 2020 หลังจากที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ประกาศความสัมพันธ์เชิงสันติกับอิสราเอล บาห์เรนประกาศว่าจะอนุญาตให้เที่ยวบินเชิงพาณิชย์ทั้งหมดที่มาจากอิสราเอลบินผ่านน่านฟ้าของตน เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2020 ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ดอนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่าจะขอเป็นตัวแทนในการเจรจาสันติภาพระหว่างบาห์เรนและอิสราเอล เพื่อทำให้ความสัมพันธ์เป็นปกติภายใต้ข้อตกลงสันติภาพบาห์เรน–อิสราเอล
ความสัมพันธ์กับประเทศไทย
ไทยและบาห์เรนได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อวันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2520 ทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์อันใกล้ชิด บาห์เรนถือเป็นพันธมิตรที่สำคัญที่สุดในภูมิภาคตะวันออกกลางและมีบทบาทเป็นสะพานเชื่อมไทยสู่ประเทศในตะวันออกกลางในหลายมิติ
กองทัพ
ประเทศบาห์เรนไม่มีกองทัพอย่างเป็นทางการ แต่มีกองกำลังป้องกันตัวเอง ที่เรียกว่ากองกำลังป้องกันประเทศบาห์เรน (Bahren Defence Force หรือ BDF) ซึ่งมีอุปกรณ์และอาวุธสงครามครบครันซึ่งมีกำลังพลประมาณ 13,000 นาย[17] ผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพบาห์เรนคือ King Hamad bin Isa Al Khalifa และรองผู้บัญชาการสูงสุดคือมกุฎราชกุมาร Salman bin Hamad bin Isa Al Khalifa[18][19]
กองกำลังของบาห์เรนนั้นสั่งซื้ออาวุธสงครามจากสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก[20] เช่น เครื่องบินรบ F-16 Fighting Falcon, F-5 Freedom Fighter, UH-60 Blackhawk, รถถัง M60A3 และเรือรบฟริเกตคลาส Oliver Hazard Perry ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น RBNS Sabha[21][22]
รัฐบาลบาห์เรนมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสหรัฐอเมริกา โดยได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือกับกองทัพสหรัฐฯ และได้จัดหาฐานทัพให้แก่กองทัพสหรัฐในจัฟแฟร์ตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1990 โดยที่นี่คือบ้านของกองบัญชาการกองบัญชาการกองบัญชาการกลางกองทัพเรือสหรัฐฯ (COMUSNAVCENT) / กองเรือที่ห้าของสหรัฐอเมริกา (COMFIFTHFLT) [170] และบุคลากรทางทหารประมาณ 6,000 นายของสหรัฐฯ ประจำการอยู่ที่นี่จนถึงปัจจุบัน[23]
บาห์เรนเข้าร่วมการแทรกแซงในประเทศเยเมนที่นำโดยซาอุดีอาระเบีย ในการต่อต้านชีอะห์ฮูซีและกองกำลังที่ภักดีต่ออดีตประธานาธิบดีอาลี อับดุลลาห์ ซาเลห์[24]
เศรษฐกิจ
โครงสร้าง
ตามรายงานของคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติสำหรับเอเชียตะวันตกในเดือนมกราคม 2006 บาห์เรนมีเศรษฐกิจที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกอาหรับ[25] บาห์เรนยังมีเศรษฐกิจที่เสรีที่สุดในตะวันออกกลางและรวมกันเป็นอันดับที่สิบสองของโลกโดยอิงจากดัชนีเสรีภาพทางเศรษฐกิจประจำปี 2011 ที่ตีพิมพ์โดยมูลนิธิเฮอริเทจ/เดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัล[26]
ในปี 2008 บาห์เรนได้รับเลือกให้เป็นศูนย์กลางทางการเงินที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกโดยดัชนี Global Financial Centres ของนครลอนดอน ภาคการธนาคารและบริการทางการเงินของบาห์เรน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการธนาคารอิสลาม ได้รับประโยชน์จากความเฟื่องฟูของภูมิภาคซึ่งได้แรงหนุนจากความต้องการน้ำมัน การผลิตและการแปรรูปปิโตรเลียมเป็นผลิตภัณฑ์ที่ส่งออกมากที่สุดของบาห์เรน โดยคิดเป็น 60% ของรายรับจากการส่งออก 70% ของรายได้ของรัฐบาล และ 11% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) การผลิตอะลูมิเนียมเป็นสินค้าส่งออกมากเป็นอันดับสอง รองลงมาคือกิจกรรมทางการเงินและวัสดุก่อสร้าง
บาห์เรนเป็นที่ตั้งของบริษัทข้ามชาติหลายแห่งและดำเนินการก่อสร้างในโครงการอุตสาหกรรมที่สำคัญหลายโครงการ การส่งออกส่วนใหญ่ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมที่ทำจากน้ำมันดิบนำเข้า ซึ่งคิดเป็น 51% ของการนำเข้าของประเทศในปี 2007[27] บาห์เรนพึ่งพาการนำเข้าอาหารจากชาติอื่นเพื่อเลี้ยงประชากร[28] โดยอาศัยการนำเข้าเนื้อสัตว์จากออสเตรเลียและกว่า 75% ของปริมาณผลไม้ต้องนำเข้าจากยุโรปและออสเตรเลีย เนื่องจากบาห์เรนมีเนื้อที่เพาะปลูกและการทำเกษตรเพียง 2.9% ของประเทศ ในปี พ.ศ. 2004 บาห์เรนได้ลงนามในข้อตกลงเขตการค้าเสรีบาห์เรน–สหรัฐฯ ซึ่งจะช่วยลดอุปสรรคทางการค้าระหว่างสองประเทศ จากการสำรวจในปี 2011 เนื่องจากการรวมกันของวิกฤตการเงินโลกและความไม่สงบในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้อัตราการเติบโตของจีดีพีลดลงเหลือ 1.3% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 1994[29]
สถานการณ์ปัจจุบัน
- อัตราความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ร้อยละ 6.1 (ไทย 2.6%)
- ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ 18.97 พันล้าน USD (ไทย 273.4 พันล้าน USD)
- รายได้ประชาชาติต่อหัว 18,979 USD (ไทย 4,081 USD)
- ปริมาณน้ำมันสำรอง 125 ล้านบาร์เรล
การท่องเที่ยว
บาห์เรนมีจำนวนนักท่องเที่ยวกว่า 8 ล้านคนในปี 2008[30] โดยส่วนมากเป็นชาวมุสลิมจากประเทศเพื่อนบ้าน[31] ประเทศบาห์เรนมีสถานที่ดึงดูดคือตึกสูงใหญ่ที่สามารถชมทัศนียภาพอันสวยงามทั่วเมือง และสนามแข่งฟอร์มูลาวัน ที่มีชื่อเสียง
สถานที่ท่องเที่ยวของบาห์เรนเป็นการผสมผสานวัฒนธรรมอาหรับสมัยใหม่เข้ากับมรดกทางโบราณคดีของอารยธรรมโบราณซึ่งมีอายุกว่าห้าพันปี[32] เกาะแห่งนี้เป็นที่ตั้งของป้อมปราการต่างๆ รวมถึง Qalat Al Bahrain ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนโดยยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบาห์เรนมีสิ่งประดิษฐ์จากประวัติศาสตร์ของประเทศย้อนหลังไปถึงมนุษย์คนแรกของเกาะเมื่อ 9000 ปีที่แล้วและ Beit Al Quran (อาหรับ: بيت القرآن ความหมาย: บ้านของ Qur'an) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก็บสิ่งประดิษฐ์ของศาสนาอิสลาม คัมภีร์กุรอ่าน สถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่ได้รับความนิยมบางแห่งในราชอาณาจักร ได้แก่ มัสยิด Al Khamis ซึ่งเป็นหนึ่งในมัสยิดที่เก่าแก่ที่สุดในภูมิภาค ป้อม Arad ใน Muharraq วัด Barbar ซึ่งเป็นวัดโบราณจากสมัย Dilmunite ของบาห์เรนเช่นกัน
กิจกรรมอื่นๆที่ได้รับความนิยมสูง ได้แก่ การดูนก การชมธรรมชาติ การดำน้ำลึก และการขี่ม้า นอกจากนี้ห้างสรรพสินค้าในกรุงมานามายังถือเป็นห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่และครบวงจรที่สุดแห่งหนึ่งในตะวันออกกลาง โดยลูกค้าส่วนมากมาจากซาอุดิอาระเบีย
ในเดือนมกราคม 2019 สำนักข่าวบาห์เรนที่ดำเนินการโดยรัฐได้ประกาศเปิดสวนสนุกใต้น้ำในช่วงฤดูร้อนปี 2019 ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 100,000 ตารางเมตรโดยมีเครื่องบินโบอิง 747 ที่จมอยู่ใจ้น้ำเป็นจุดศูนย์กลางของสถานที่[33] โครงการนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง Supreme Council for Environment, Bahrain Tourism and Exhibitions Authority (BTEA) และนักลงทุนเอกชน บาห์เรนหวังว่านักดำน้ำจากทั่วโลกจะมาเยือนอุทยานใต้น้ำ ซึ่งจะรวมถึงแนวปะการังเทียม บ้านพ่อค้าไข่มุกบาห์เรน และงานประติมากรรมต่างๆ สวนสนุกแห่งนี้ตั้งใจสร้างขึ้นเพื่อให้เป็นสวนสนุกใต้น้ำที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ตั้งแต่ปี 2005 บาห์เรนเป็นเจ้าภาพจัดงานเทศกาลประจำปีในเดือนมีนาคมในชื่อ Spring of Culture[34] ซึ่งมีนักดนตรีและศิลปินที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติมาแสดงคอนเสิร์ต มานามาได้รับเลือกให้เป็นเมืองหลวงแห่งวัฒนธรรมอาหรับประจำปี 2012 และเมืองหลวงแห่งการท่องเที่ยวอาหรับประจำปี 2013 โดยสันนิบาตอาหรับและการท่องเที่ยวแห่งเอเชียประจำปี 2014 โดยได้รับเลือกให้เป็นเมืองหลวงแห่งการท่องเที่ยวแห่งอ่าวปี 2016 โดยคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ
คมนาคม และ โทรคมนาคม
คมนาคม
สายการบินแห่งชาติ คือ สายการบิน กัล์ฟแอร์ ให้บริการในเส้นทางต่างประเทศทั้งหมด 40 เมืองทั่วโลก ใน แอฟริกา เอเชีย ยุโรป ตะวันออกกลาง
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
โทรคมนาคม
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
วิทยาศาสตร์ และ เทคโนโลยี
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
การศึกษา
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
สาธารณสุข
บาห์เรนมีระบบการดูแลสุขภาพที่เป็นมาตรฐานสากล[35] ย้อนหลังไปถึงปี 1960 การดูแลสุขภาพที่รัฐบาลจัดให้นั้นฟรีสำหรับพลเมืองบาห์เรนและให้เงินอุดหนุนจำนวนมากสำหรับผู้ที่ไม่ใช่ชาวบาห์เรน ค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลคิดเป็น 4.5% ของจีดีพี[36] ตามข้อมูลขององค์การอนามัยโลก แพทย์และพยาบาลของบาห์เรนเป็นแรงงานส่วนใหญ่ของประเทศในภาคส่วนด้านสุขภาพ ซึ่งแตกต่างจากรัฐในอ่าวที่อยู่ใกล้เคียง โรงพยาบาลแห่งแรกในบาห์เรนคือโรงพยาบาลอเมริกัน มิชชั่น ซึ่งเปิดในปี 1893
อายุเฉลี่ยของประชากรในบาห์เรนคือ 73 ปี สำหรับผู้ชาย และ 76 ปีสำหรับผู้หญิง เมื่อเทียบกับหลายประเทศในภูมิภาค ความชุกในการเกิดของโรคเอดส์ มาลาเรีย และวัณโรคค่อนข้างต่ำ กระทรวงสาธารณสุขสนับสนุนการรณรงค์ฉีดวัคซีนป้องกันวัณโรคและโรคอื่นๆ เป็นประจำ เช่น ไวรัสตับอักเสบบี[37]
สวัสดิการสังคม
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ประชากรศาสตร์
เชื้อชาติ
ศาสนา
ประชากรส่วนมากของประเทศนับถือ และยึดศาสนาอิสลามเป็นแบบแผน ในการดำเนินชีวิต ซึ่งจะเห็นได้ว่าสิ่งก่อสร้าง โบราณวัตถุ โบราณสถาน วัฒนธรรมต่างๆ เป็นสิ่งสะท้อนอิทธิพลของศาสนาอิสลามให้เห็นเด่นชัดในประเทศบาห์เรน และประชากรส่วนมากพูดภาษาอาหรับซึ่งใช้กันในแถบภูมิภาคนี้
ภาษา
มี ภาษาอาหรับ เป็นภาษาราชการ
กีฬา
ฟุตบอล
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ฟุตบอลเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในบาห์เรน ฟุตบอลทีมชาติบาห์เรนได้เข้าแข่งขันหลายครั้งใน เอเชียนคัพ, Arab Nations Cup และเล่นในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลกทุกครั้งแม้ว่าจะไม่ยังเคยผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก
วัฒนธรรม
การแต่งกาย
เนื่องจากประเทศในแถบคาบสมุทรอาหรับเป็นประเทศที่มีสภาพอากาศร้อนและแห้งแล้ง อีกทั้งประชาชนยังนับถือศาสนาอิสลามซึ่งมีข้อกำหนดเกี่ยวกับการแต่งตัวไว้อย่างเคร่งครัด ทำให้ชาวอาหรับแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่หลวมเพื่อให้อากาศถ่ายเทได้อย่างสะดวก แต่ปกปิดร่างกายอย่างมิดชิดทั้งผู้ชายและผู้หญิงเพื่อช่วยป้องกันไม่ให้ร่างกายเสียความชุ่มชื้น ผู้ชายจะใส่ชุดสีขาว เรียกว่า "โต๊ป" (Thobe) ส่วนผู้หญิงต้องสวมใส่เสื้อคลุมสีดำที่เรียกว่า "อาบายะห์" (Abaya)
ความเชื่อ
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ศิลปะ
ศิลปะสมัยใหม่ในประเทศเกิดขึ้นอย่างเป็นทางการในทศวรรษ 1950 ส่งผลให้มีการก่อตั้งสังคมศิลปะ Expressionism และ surrealism เช่นเดียวกับศิลปะการประดิษฐ์ตัวอักษรเป็นรูปแบบศิลปะที่ได้รับความนิยมในประเทศ การแสดงออกทางนามธรรมได้รับความนิยมในทศวรรษที่ผ่านมา การผลิตเครื่องปั้นดินเผาและการทอผ้ายังเป็นผลิตภัณฑ์ยอดนิยมที่ผลิตขึ้นอย่างแพร่หลายในหมู่บ้านบาห์เรน การประดิษฐ์ตัวอักษรภาษาอาหรับได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเมื่อรัฐบาลบาห์เรนเป็นผู้อุปถัมภ์ศิลปะอิสลามซึ่งมีจุดสิ้นสุดในการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์อิสลาม Beit Al Quran
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบาห์เรนจัดแสดงนิทรรศการศิลปะร่วมสมัยถาวร เทศกาล Spring of Culture ประจำปี ที่จัดขึ้นโดย Bahrain Authority for Culture and Antiquities ได้กลายเป็นงานยอดนิยมที่ส่งเสริมศิลปะการแสดงในราชอาณาจักร สถาปัตยกรรมของประเทศบาห์เรนคล้ายกับประเทศเพื่อนบ้านในอ่าวเปอร์เซีย หอลมซึ่งสร้างการระบายอากาศตามธรรมชาติในบ้าน เป็นภาพที่เห็นได้ทั่วไปในอาคารเก่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตเมืองเก่าของมานามาและมูฮาร์รัก[38][39][40]
วรรณกรรม
วรรณคดียังคงเป็นปัจจุยสะท้อนวัฒนธรรมที่เข้มแข็งในประเทศ นักเขียนและกวีดั้งเดิมส่วนใหญ่เขียนในสไตล์อาหรับคลาสสิก ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ จำนวนกวีรุ่นเยาว์ที่ได้รับอิทธิพลจากวรรณกรรมตะวันตกเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่เขียนเป็นกลอนอิสระและมักรวมถึงเนื้อหาทางการเมืองหรือเรื่องส่วนตัว
สื่อมวลชน
วันหยุด
วันที่ | ภาษาอังกฤษ | ภาษาอาหรับ | ความหมาย |
---|---|---|---|
1 มกราคม | New Year's Day | رأس السنة الميلادية | วันปีใหม่สากล |
1 พฤษภาคม | Labour Day | يوم العمال | วันแรงงาน |
16 ธันวาคม | National Day | اليوم الوطني | วันชาติ[41] |
17 ธันวาคม | Accession Day | يوم الجلوس | |
1 มุฮัรร็อม | Islamic New Year | رأس السنة الهجرية | วันขึ้นปีใหม่ของชาวมุสลิม เดือนแรกของปฏิทินฮิจเราะห์หรือปฏิทินอิสลาม เป็นเดือนที่มุสลิมชีอะฮ์ไว้อาลัยต่ออิหม่ามฮุซัยน์ หลานตาศาสนทูตมุฮัมมัด |
9, 10 มุฮัรร็อม | Day of Ashura | عاشوراء | วันระลึกถึงการพลีชีพของอิหม่ามฮุสเซน |
12 เราะบีอุลเอาวัล | Prophet Muhammad's birthday | المولد النبوي | เป็นการระลึกถึงวันเกิดของท่านศาสดามูฮัมหมัด ซึ่งเฉลิมฉลองกันส่วนใหญ่ในโลกมุสลิม |
1, 2, และ 3 เชาวาล | Little Feast | عيد الفطر | ระลึกถึงการสิ้นสุดของเดือนรอมฎอน |
9 ษุลฮิจญ์ญะฮ์ | Arafat Day | يوم عرفة | การรำลึกถึงการเทศนาครั้งสุดท้ายของมูฮัมหมัดและการสิ้นสุดข้อความของศาสนาอิสลาม |
10, 11, 12, และ 13 ษุลฮิจญ์ญะฮ์ | Feast of the Sacrifice | عيد الأضحى | รำลึกถึงความเต็มใจของอิบราฮิมที่จะเสียสละลูกชายของเขา เรียกอีกอย่างว่างานฉลองใหญ่ (ฉลองตั้งแต่วันที่ 10 ถึง 13) |
อ้างอิง
- ↑ Human Development Report 2020 The Next Frontier: Human Development and the Anthropocene (PDF). United Nations Development Programme. 15 December 2020. pp. 343–346. ISBN 978-92-1-126442-5. สืบค้นเมื่อ 16 December 2020.
- ↑ "Saudi Aramco World : Oman: The Lost Land". archive.aramcoworld.com.
- ↑ Baynes, T. S., ed. (1878), Bahrein, 3 (9th ed.), New York: Charles Scribner's Sons, p. 240
- ↑ "The history of British involvement in Bahrain's internal security". openDemocracy (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ Staff, By the CNN Wire. "Bahrain says ban on protests is response to rising violence". CNN.
- ↑ "How Bahrain uses sport to whitewash a legacy of torture and human rights abuses | David Conn". the Guardian (ภาษาอังกฤษ). 2017-07-17.
- ↑ http://www.jepeterson.net/sitebuildercontent/sitebuilderfiles/Peterson_Bahrain_Reforms.pdf
- ↑ "Bahrain Financial Services". web.archive.org. 2010-12-28.
- ↑ "Bahrain". IMUNA | NHSMUN | Model UN (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน).
- ↑ กฤษฎีกาจัดตั้งเขตผู้ว่าราชการ
- ↑ The Gulf Daily News
- ↑ "Bilateral Relations". www.mofa.gov.bh (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน).
- ↑ "Ministry of Foreign Affairs". www.mofa.gov.bh (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน).
- ↑ "login". www.mofa.gov.bh (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน).
- ↑ "The Cooperation Council For The Arab States of The Gulf - Secretariat General". web.archive.org. 2012-07-16.
- ↑ Local, N. Y. U. (2016-11-16). "A Bahraini Hunger Strike And An Inhumane Argument". Medium (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "Bahrain". U.S. Department of State.
- ↑ "عن بنا | وكالة أنباء البحرين". www.bna.bh.
- ↑ "H.R.H. the Crown Prince and Prime Minister". www.mofa.gov.bh (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน).
- ↑ "Frigate Photo Index FFG-24 USS JACK WILLIAMS". www.navsource.org.
- ↑ "Bahrain News Agency". www.bna.bh.
- ↑ Allison, George (2020-08-07). "HMS Clyde sold to Bahrain" (ภาษาอังกฤษแบบบริติช).
- ↑ Bandow, Doug. "U.S. Hypocrisy on Parade: Washington Arms Bahrain, Denounces Russia For Arming Syria". Forbes (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "Bloomberg - Are you a robot?". www.bloomberg.com.
{{cite web}}
: Cite ใช้ชื่อทั่วไป (help) - ↑ "Index of Economic Freedom: Promoting Economic Opportunity and Prosperity by Country". www.heritage.org (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ https://www.arabianbusiness.com/index.php?option=com_content&view=article&id=7116
- ↑ "Open Data Platform". data.footprintnetwork.org.
- ↑ "DailyTribune - Business News". web.archive.org. 2013-01-17.
- ↑ "Bahrain profile - Timeline". BBC News (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 2018-11-12. สืบค้นเมื่อ 2021-08-19.
- ↑ "Wayback Machine" (PDF). web.archive.org. 2011-08-12.
- ↑ "Bahrainguide · Popular Attractions". web.archive.org. 2012-09-23.
- ↑ "Tourism". www.mofa.gov.bh (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน).
- ↑ "The World’s Largest Underwater Theme Park Is Coming to Bahrain". Travel + Leisure (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "Bahrain's 'Spring of Culture Festival' opens". www.tradearabia.com.
- ↑ "Wayback Machine" (PDF). web.archive.org. 2013-01-17.
- ↑ "Wayback Machine" (PDF). web.archive.org. 2012-02-27.
- ↑ "Wayback Machine" (PDF). web.archive.org. 2013-01-17.
- ↑ Bloom, Jonathan; Blair, Sheila S.; Blair, Sheila (2009-05-14). Grove Encyclopedia of Islamic Art & Architecture: Three-Volume Set (ภาษาอังกฤษ). OUP USA. ISBN 978-0-19-530991-1.
- ↑ "Bahrain's Art and Culture Scenes. Nafas Art Magazine". web.archive.org. 2016-08-10.
- ↑ "Bahrain Authority for Culture and Antiquities - Kingdom of Bahrain | Home". culture.gov.bh.
- ↑ Joyce, M. (2012). Bahrain from the Twentieth Century to the Arab Spring. Springer. p. 52. ISBN 9781137031792.
บรรณานุกรม
- Baynes, T. S., บ.ก. (1878), Encyclopædia Britannica, vol. 3 (9th ed.), New York: Charles Scribner's Sons, p. 240 ,
- Cole, Juan R. I. (1987). "Rival Empires of Trade and Imami Shiism in Eastern Arabia, 1300–1800". International Journal of Middle East Studies. 19 (2): 177–203. JSTOR 163353.
- Holdich, Thomas Hungerford (1911). . ใน Chisholm, Hugh (บ.ก.). สารานุกรมบริตานิกา ค.ศ. 1911. Vol. 3 (11 ed.). สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์. p. 212.
- Mojtahed-Zadeh, Pirouz (1999). Security and Territoriality in the Persian Gulf: A Maritime Political Geography. Routledge. ISBN 978-0-7007-1098-0.
{{cite book}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง (help)
แหล่งข้อมูลอื่น
- Official government portal
- Kingdom of Bahrain, Ministry of Foreign Affairs website
- Bahrain entry at The World Factbook
- ประเทศบาห์เรน แหล่งข้อมูลบนเครือข่ายเว็บจัดทำโดย GovPubs ที่หอสมุดมหาวิทยาลัยโคโลราโด โบลเดอร์
- ประเทศบาห์เรน ที่เว็บไซต์ Curlie
- Bahrain profile from the BBC News
- Wikimedia Atlas of Bahrain
- คู่มือการท่องเที่ยว ประเทศบาห์เรน จากวิกิท่องเที่ยว (ในภาษาอังกฤษ)
- Key Development Forecasts for Bahrain from International Futures