ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เหรียญราชรุจิ"
บรรทัด 61: | บรรทัด 61: | ||
== การพระราชทาน == |
== การพระราชทาน == |
||
เหรียญราชรุจินี้พระราชทานเป็นเครื่องหมายแห่งพระมหากรุณาธิคุณตามพระราชอัธยาศัยและพระราชทานเป็นสิทธิ แม้ผู้ได้รับพระราชทานล่วงลับไปแล้วก็ให้ตกทอดแก่ทายาทเพื่อรักษาไว้เป็นที่ระลึกในวงศ์ตระกูลสืบไป แต่ไม่มีสิทธิที่จะประดับเหรียญนี้ ถ้าผู้ได้รับพระราชทานก็ดี ทายาทก็ดี กระทำความผิดร้ายแรงหรือประพฤติตนไม่สมเกียรติ อาจทรงเรียกคืนได้ |
เหรียญราชรุจินี้พระราชทานเป็นเครื่องหมายแห่งพระมหากรุณาธิคุณตามพระราชอัธยาศัย และพระราชทานเป็นสิทธิ แม้ผู้ได้รับพระราชทานล่วงลับไปแล้วก็ให้ตกทอดแก่ทายาทเพื่อรักษาไว้เป็นที่ระลึกในวงศ์ตระกูลสืบไป แต่ไม่มีสิทธิที่จะประดับเหรียญนี้ ถ้าผู้ได้รับพระราชทานก็ดี ทายาทก็ดี กระทำความผิดร้ายแรงหรือประพฤติตนไม่สมเกียรติ อาจทรงเรียกคืนได้ |
||
== อ้างอิง == |
== อ้างอิง == |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 00:22, 20 กันยายน 2563
เหรียญราชรุจิ | |
---|---|
ประเภท | เหรียญราชอิสริยาภรณ์อันเป็นบำเน็จในพระองค์พระมหากษัตริย์ |
วันสถาปนา | พ.ศ. 2440 |
ประเทศ | ประเทศไทย |
จำนวนสำรับ | ไม่จำกัดจำนวน |
ผู้สถาปนา | พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว |
ประธาน | พระมหากษัตริย์แห่งประเทศไทย |
เหรียญราชรุจิ เป็นเหรียญสำหรับพระราชทานเป็นบำเหน็จในพระองค์พระมหากษัตริย์ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสถาปนาขึ้นสำหรับพระราชทานแก่ข้าราชการในราชสำนัก นายทหารรักษาพระองค์ และผู้มีบำเหน็จความชอบในราชสำนัก รวมถึงข้าราชการในราชสำนักแห่งพระมหากษัตริย์ต่างประเทศ เป็นต้น
ต่อมาในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงสถาปนาเหรียญราชรุจิ ประจำรัชกาลของพระองค์ ขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2454 ,พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงสถาปนาในปี พ.ศ. 2470 ,พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงสถาปนาสำหรับรัชกาลของพระองค์ในปี พ.ศ. 2502 พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสถาปนาในปี พ.ศ. 2562 ส่วนพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร (รัชกาลที่ 8) ไม่ได้พระราชทานไว้
ลักษณะของเหรียญ
เหรียญราชรุจิ มี 2 ชนิด คือ เงินกาไหล่ทอง และเงิน ใช้ประดับที่อกเสื้อเบื้องซ้าย มีลักษณะเป็นเหรียญกลม ลักษณะโดยรวมของเหรียญราชรุจิแต่ละรัชกาลนั้นคล้ายคลึงกัน กล่าวคือ ด้านหน้าของเหรียญราชรุจิเป็นพระบรมฉายาลักษณ์ของพระมหากษัตริย์ผู้ทรงสร้างเหรียญแต่ละรัชกาล ที่ขอบเหรียญจารึกพระปรมาภิไธยเป็นภาษาบาลี อักษรไทย ดังนี้
- รัชกาลที่ 5 จารึกว่า "จุฬาลังกรโณ ปรมราชาธิราชา"
- รัชกาลที่ 6 จารึกว่า "วชิราวุโธ ปรมราชาธิราชา"
- รัชกาลที่ 7 จารึกว่า "ปชาธิปโก ปรมราชาธิราชา"
- รัชกาลที่ 9 จารึกว่า "ภูมิพโล ปรมราชาธิราชา"
ด้านหลังทำเป็นรูปจักร ทิศทางของปลายคมจักรเวียนตามเข็มนาฬิกา รายละเอียดของลวดลายวงจักรแตกต่างกันไปในแต่ละรัชกาล ภายในวงจักรมีข้อความภาษาบาลี อักษรไทย จารึกว่า "ราชรุจิยา ทิน์นมิทํ" (ราชรุจิยา ทินฺนมิทํ) หมายความว่า เหรียญนี้ทรงพอพระราชหฤทัยพระราชทาน ยกเว้นเหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 7 ข้อความดังกล่าวไม่ได้จารึกไว้ที่กลางวงจักร แต่จารึกไว้ที่แผ่นป้ายติดห่วงเหรียญสำหรับห้อยแพรแถบ
สำหรับเหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 ซึ่งเป็นเหรียญราชรุจิที่มีการพระราชทานในปัจจุบัน มีลักษณะเป็นเหรียญกลมแบน ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 32 มิลลิเมตร ด้านหน้ามีพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวครึ่งพระองค์ ทรงหันพระพักตร์ทางเบื้องขวา มีอักษรจารึกริมขอบว่า "วชิราลงกรโณ ปรมราชาธิราชา" ด้านหลังมีรูปจักร กลางวงจักรจารึกอักษรว่า "ราชรุจิยา ทิน์นมิทํ" มีห่วงห้อยกับแพรแถบกว้าง 32 มิลลิเมตร สีเหลืองริมสีขาว สำหรับบุรุษประดับที่อกเสื้อด้านซ้าย สำหรับสตรีใช้ห้อยกับแพรแถบผูกเป็นรูปแมลงปอ ประดับเสื้อที่หน้าบ่าซ้าย
-
ประติมากรรมปูนปลาสเตอร์ต้นแบบของเหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 ด้านหน้า
-
ประติมากรรมปูนปลาสเตอร์ต้นแบบของเหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 ด้านหลัง
สีของแพรแถบ
สำหรับสีแพรแถบของเหรียญราชรุจิ จะกำหนดแตกต่างกันไปในแต่ละรัชกาล ดังนี้
- เหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 5 แพรแถบพื้นสีแดง
- เหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 6 แพรแถบกว้าง 31 มิลลิเมตร พื้นสีขาบเข้ม
- เหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 7 แพรแถบกว้าง 33 มิลลิเมตร พื้นสีเขียว
- เหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 9 แพรแถบกว้าง 34 มิลลิเมตร พื้นสีเหลือง ริมสีขาว
- เหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 แพรแถบกว้าง 32 มิลลิเมตร พื้นสีเหลือง ริมสีขาว
อักษรย่อ
ผู้ที่ได้รับพระราชทานเหรียญราชรุจิ หากเป็นเหรียญราชรุจิทอง ใช้อักษรย่อว่า "ร.จ.ท." หากเป็นเหรียญราชรุจิเงิน ใช้ว่า "ร.จ.ง." แล้วต่อท้ายด้วยหมายเลขรัชกาลของพระมหากษัตริย์ผู้พระราชทานเหรียญ เช่น "ร.จ.ท.10" เป็นต้น
การพระราชทาน
เหรียญราชรุจินี้พระราชทานเป็นเครื่องหมายแห่งพระมหากรุณาธิคุณตามพระราชอัธยาศัย และพระราชทานเป็นสิทธิ แม้ผู้ได้รับพระราชทานล่วงลับไปแล้วก็ให้ตกทอดแก่ทายาทเพื่อรักษาไว้เป็นที่ระลึกในวงศ์ตระกูลสืบไป แต่ไม่มีสิทธิที่จะประดับเหรียญนี้ ถ้าผู้ได้รับพระราชทานก็ดี ทายาทก็ดี กระทำความผิดร้ายแรงหรือประพฤติตนไม่สมเกียรติ อาจทรงเรียกคืนได้
อ้างอิง
- พระราชบัญญัติเหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 9 พ.ศ. 2502 ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 76 ตอนที่ 30 วันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2502
- พระราชบัญญัติเหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ ๑๐ พ.ศ. ๒๕๖๒ ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 136 ตอนที่ 94 ก หน้า 4 วันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2562