ผจญภัยแดนคำสาปราชินีหิมะ
บทความนี้ได้รับแจ้งให้ปรับปรุงหลายข้อ กรุณาช่วยปรับปรุงบทความ หรืออภิปรายปัญหาที่หน้าอภิปราย
|
ผจญภัยแดนคำสาปราชินีหิมะ | |
---|---|
ใบปิดภาพยนตร์ | |
กำกับ | |
บทภาพยนตร์ | เจนนิเฟอร์ ลี |
เนื้อเรื่อง |
|
สร้างจาก | ราชินีหิมะ โดย ฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์เซน |
อำนวยการสร้าง | ปีเตอร์ เดล เวโค |
นักแสดงนำ | |
ตัดต่อ | เจฟ ดราไฮม์ |
ดนตรีประกอบ | คริสโตฟ เบค |
บริษัทผู้สร้าง | |
ผู้จัดจำหน่าย | วอลต์ดิสนีย์สตูดิโอส์โมชันพิคเจอร์ส |
วันฉาย |
|
ความยาว | 102 นาที[1] |
ประเทศ | สหรัฐอเมริกา |
ภาษา | อังกฤษ |
ทุนสร้าง | $150 ล้าน[2][3] |
ทำเงิน | $1.2 พันล้าน[3] |
ข้อมูลจากสยามโซน |
ผจญภัยแดนคำสาปราชินีหิมะ หรือ โฟรเซน (อังกฤษ: Frozen) เป็นภาพยนตร์อเมริกันแนวคอมพิวเตอร์แอนิเมชันสามมิติ มิวสิคัล แฟนตาซี คอเมดี ที่ออกฉายในปี ค.ศ. 2013 กำกับโดย คริส บัก และเจนนิเฟอร์ ลี ของ วอลต์ดิสนีย์แอนิเมชันสตูดิโอส์และจัดจำหน่ายโดยวอลท์ ดิสนีย์ พิคเจอร์ส.[4] ภาพยนตร์เรื่องนี้ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากเรื่องเล่าเรื่องราชินีหิมะของฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์เซน นับเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันลำดับที่ห้าสิบสามของภาพยนตร์ในชุดแอนิเมชันคลาสสิกของวอลท์ดิสนีย์ โดยเล่าเรื่องเจ้าหญิงผู้กล้าที่ผจญภัยไปกับคนขายน้ำแข็ง(คริสตอฟฟ์) กวางเรนเดียร์ และมนุษย์หิมะ (โอลาฟ) ผู้ที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยตอนที่เอลซ่าและอันนายังเป็นเด็ก เพื่อค้นหาพี่สาวที่ห่างเหินซึ่งมีพลังน้ำแข็งที่ทำให้อาณาจักรตกอยู่ภายใต้ฤดูหนาวชั่วนิรันดร์โดยไม่ได้ตั้งใจและไม่รู้ตัวว่าได้ทำอะไรลงไป
ภาพยนตร์เรื่องนี้ผ่านช่วงการเรียบเรียงร่างบทภาพยนตร์มาหลายปีก่อนที่จะได้รับการอนุมัติให้เดินหน้าต่อใน พ.ศ. 2554 โดยมีเจนนิเฟอร์ ลี เป็นผู้เขียนบท และลีกับคริส บัก เป็นผู้กำกับ นอกจากนี้ยังได้ คริสเตน เบลล์, ไอดินา แมนเซล, โจนาธาน กรอฟฟ์, จอร์ช แกด และซานติโน่ ฟอนทาน่า มาเป็นผู้พากย์เสียงตัวละคร คริสโตฟ เบค ผู้ร่วมงานกับดิสนีย์ในภาพยนตร์สั้น Paperman เป็นผู้เรียบเรียงทำนองออร์เคสตรา และโรเบิร์ต โลเปซ กับคริสเตน แอนเดอร์สัน-โลเปซ คู่สามีภรรยานักแต่งเพลงเป็นผู้แต่งเพลงประกอบเรื่อง
โฟรเซนเปิดรอบปฐมทัศน์ที่โรงภาพยนตร์เอลแคปิตันเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2556[5] และออกฉายเป็นการทั่วไปในวันที่ 27 พฤศจิกายน โดยได้รับเสียงวิจารณ์ในแง่บวกอย่างล้นหลามทั้งจากนักวิจารณ์และผู้ชม นักวิจารณ์บางคนเห็นว่าโฟรเซนเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันและภาพยนตร์เพลงที่ดีที่สุดตั้งแต่ยุคฟื้นฟูของดิสนีย์[6][7] ภาพยนตร์ยังทำรายได้อย่างล้นหลาม ได้รับรายได้กว่า $1.2 พันล้านทั่วโลก โดยเป็นรายได้จากสหรัฐอเมริกาและแคนาดา $400 ล้าน และอีก $247 ล้านในญี่ปุ่น ได้รับการขนานนามว่าเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันที่ทำเงินสูงสุดตลอดกาล, ภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดตลอดกาลลำดับห้า, ภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดในปี 2556 และภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดตลอดกาลลำดับสามในญี่ปุ่น โฟรเซนได้รับรางวัลออสการ์ ในสาขาภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม และในสาขาเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (เพลงเล็ทอิทโก)[8], รางวัลลูกโลกทองคำสาขาภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม[9] รางวัลบาฟต้าสาขาภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม[10]รางวัลแอนนีห้ารางวัล (รวมทั้งภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม) และรางวัลนักวิจารณ์คัดสรรในสาขาภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม และเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (เพลงเล็ทอิทโก)[11]
ปี 2562 ได้มีภาคต่อออกมาชื่อ "Frozen 2" ชื่อไทย คือ "ผจญภัยปริศนาราชินีหิมะ" ซึ่งจะออกฉายทุกโรงภาพยนตร์ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 ตามเวลาประเทศไทย และปี 2566 ภาพยนตร์ลำดับที่สาม "Frozen 3" ชื่อไทย "ผจญภัยอาณาจักรราชินีหิมะ" กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนา และทำให้แฟรนไชน์ดังกล่าวมีภาพยนตร์ไตรภาค รวมถึงเป็นไตรภาคที่สร้างโดยวอลต์ดิสนีย์แอนิเมชั่นสตูดิโอส์ ภาพยนตร์ลำดับที่สี่ "Frozen 4" ชื่อไทย "ผจญภัยโลการาชินีหิมะ" กำลังเริ่มพัฒนา เปิดเผยโดย บ็อบ ไอเกอร์ และกลายเป็นแฟรนไชน์ขนาดใหญ่ที่มีฉบับภาพยนตร์คนแสดงกำลังอยู่ในขั้นตอนของการพัฒนา
เนื้อเรื่อง
[แก้]ในอาณาจักรแห่งเอเรนเดลล์ พระราชาและพระราชินีมีพระธิดาสองคน เจ้าหญิงเอลซ่า พระธิดาองค์โต และเจ้าหญิงอันนา พระธิดาองค์เล็ก จากเจ้าหญิงทั้งสองคน เอลซ่าเกิดมาพร้อมเค้าฮูกตัวอ้วนในการเสกน้ำแข็งออกมาได้ดังใจสั่ง คืนหนึ่ง อันนาปลุกเอลซ่าให้มาเล่นด้วยกัน ขณะที่เอลซ่าและอันนากำลังเล่นกำลังเล่นสนุกสนานกับพลังวิเศษนี้ พลังหิมะของเอลซ่าถูกเสกเข้าที่หน้าของอันนาด้วยความไม่ตั้งใจ อันนาหมดสติ และเส้นผมส่วนหนึ่งของเธอเปลี่ยนเป็นสีขาว พระราชาและพระราชินีรีบพาเจ้าหญิงทั้งสองไปยังหุบเขาอันเป็นที่อยู่ของเผ่าโทรลล์ผู้วิเศษเพื่อขอความช่วยเหลือ ในขณะที่อันนายังหมดสติอยู่นั้น ปู่แพ็บบี้ โทรลล์เฒ่าผู้นำเผ่า กล่าวว่าโชคดีที่เธอถูกพลังแค่ที่หน้า แต่หากเป็นหัวใจแล้วจะต้องแย่แน่ๆ แพบบี้ได้ลบความทรงจำของอันนาเกี่ยวกับพลังของเอลซ่าออก เหลือทิ้งไว้แต่ความสนุกสนานของทั้งสองพี่น้อง และเตือนเอลซ่าว่าพลังของเธอจะเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ เธอต้องหัดที่จะควบคุมพลังนี้ให้ได้
เมื่อกลับสู่พระราชวัง เพื่อซ่อนเรื่องนี้เป็นความลับ พระราชาทรงสั่งให้มีการปิดประตูวัง ไม่ให้บุคคลทั้งภายนอกและภายในเข้าออก สองพี่น้องต้องถูกเลี้ยงดูแยกจากกัน การควบคุมพลังของเอลซ่านับวันมีแต่จะแย่ลงเรื่อยๆ พระราชาต้องมอบถุงมือพิเศษให้เอลซ่า เพื่อให้เธอควบคุมพลังของเธอได้ง่ายขึ้น ในขณะที่อันนาแม้จะได้ใช้ชีวิตอย่างปกติธรรมดา แต่ก็ต้องอยู่กับโดดเดี่ยวตลอดหลายปี จากการที่เอลซ่าไม่ยอมพูดคุยกับเธอ แม้เธอจะยังจดจำความสนุกสนานที่เคยมีด้วยกันตอนเด็กๆได้ จนกระทั่งจุดพลิกผันมาถึงชีวิตของทั้งสองเมื่อพระราชาและพระราชินีทรงสิ้นพระชนม์อย่างกระทันหันขณะเดินทางออกทะเล
สามปีหลังจากกการสิ้นพระชนม์ของพระราชาและพระราชินี เอลซ่าก็มีมีอายุครบกำหนดที่จะเข้าพิธีราชาภิเษก ในวันพิธีนั้น ประตูวังจึงได้เปิดออกหลังจากปิดมานานหลายปี อันนาซึ่งใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวมานานจึงออกจากวังเพื่อไปสำรวจบ้านเมือง ก่อนจะได้เจอกับเจ้าชายฮานส์ บุตรชายคนที่สิบสามของพระราชาแห่งหมู่เกาะทะเลใต้ และด้วยใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา ทำให้อันนาตกหลุมรักฮานส์อย่างรวดเร็ว ส่วนเอลซ่าเธอเกรงว่าเธอจะปล่อยพลังของเธอออกมาในงานราชาภิเษก และเธอพยายามควบคุมมันไว้จนได้
ที่งานเลี้ยงหลังพิธี อันนาและเอลซ่าได้พูดคุยต่อหน้ากันเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ทุกอย่างดูเหมือนจะดีขึ้น ทว่าเพียงครู่ต่อมาเมื่ออันนาได้พาฮานส์มาพบเอลซ่า เพื่อขออนุญาตจากเอลซ่าให้ทั้งสองแต่งงานกัน เอลซ่าไม่อนุญาต และให้เหตุผลว่าอันนาจะแต่งงานกับชายหนุ่มที่เพิ่งเจอกันแค่วันเดียวไม่ได้ และสองพี่น้องเริ่มทะเลาะกัน อันนาเผลอไปถอดถุงมือของเอลซ่าออก ด้วยความกดดัน เอลซ่าไม่สามารถควบคุมพลังวิเศษของเธอได้ และเสกน้ำแข็งออกมาต่อหน้าผู้คนทั้งอาณาจักร ดยุคแห่งวีเซิลตัน ซึ่งเป็นหนึ่งในแขกต่างเมืองที่มาร่วมงาน ตะโกนใส่เอลซ่าว่าเธอคือปีศาจ เธอจึงหวาดกลัวและวิ่งหนีออกไปจากเมือง และซ่อนตัวบนภูเขาอันห่างไกลจากอาณาจักร ณ ที่นั้น เธอรู้สึกปลดปล่อยจากความกดดันที่เธอพบมาเนิ่นนาน และได้ใช้พลังของเธอสร้างพระราชวังน้ำแข็งอันสวยงามขึ้นมา โดยที่ตลอดเวลานี้เธอไม่รู้เลยว่าพลังความกลัวของเธอทำให้ทั้งอาณาจักรตกอยู่ในสภาพฤดูหนาวชั่วนิรันดร์ที่โหดร้าย
ทางด้านของอันนา ซึ่งรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุทำให้พี่ของตนหนีไป จึงรีบออกตามหาเอลซ่าด้วยตนเอง และมอบหมายให้เจ้าชายฮานส์เป็นผู้ดูแลอาณาจักรชั่วคราวแทน ในระหว่างทาง อันนาได้พบกับคริสตอฟฟ์ และสเวน กวางเรนเดียร์คู่ใจของเขา เพื่อให้เขาช่วยนำทางในการตามหาเอลซ่า ทว่าเพียงไม่นานหลังจากทั้งกลุ่มออกเดินทางด้วยกัน ก็ถูกฝูงหมาป่าออกมาไล่ล่า ระหว่างที่ทุกคนหนีเอาตัวรอด คริสตอฟฟ์ต้องเสียเลื่อนหิมะราคาแพงของเขา ด้วยความรู้สึกผิด อันนาจึงขอออกเดินทางต่อด้วยตัวเอง และจะชดใช้ค่าเสียหายให้เขาเมื่อเธอตามหาเอลซ่าพบ คริสตอฟฟ์ แม้จะไม่อยากจะช่วยอันนาในการเดินทางต่อ แต่สเวนก็โน้มน้าวให้คริสตอฟฟ์เปลี่ยนใจและช่วยอันนาตามหาพี่สาวของเธอต่อ ทั้งกลุ่มเดินทางมาพบกับโอลาฟ ตุ๊กตาหิมะที่เอลซ่าสร้างขึ้นระหว่างที่เธอกำลังหัดใช้พลังของเธอในการสร้างพระราชวังน้ำแข็ง โดยที่เอลซ่าเองไม่รู้ว่าโอลาฟนั้นได้มีชีวิตขึ้นมา โอลาฟอาสานำกลุ่มไปพบกับเอลซ่า
เมื่อทั้งพวกเขามาเจอกับเอลซ่าที่พระราชวังน้ำแข็ง อันนาพยายามเกลี้ยกล่อมให้เอลซ่ากลับไปช่วยอาณาจักรให้คืนสู่ฤดูร้อน แต่เอลซ่ากลับยิ่งกลัวที่พลังของเธอรุนแรงขนาดนี้ ทั้งยังเผลอระเบิดพลังความหวาดกลัวของเธอเข้าใส่เข้าหัวใจของอันนา และปฏิเสธที่จะกลับไปยังเอเรนเดลล์ เอลซ่าเสกมนุษย์หิมะขนาดยักษ์ขึ้นมาเพื่อนำพวกเขาออกไปจากวัง ผมของอันนาเริ่มกลายเป็นสีขาว ทำให้อันนาเริ่มกังวล คริสตอฟฟ์อาสาพาอันนาไปหาพวกโทรลล์ ที่ซึ่งเขานับถือเป็นครอบครัว และเพราะเขาเองก็เคยเห็นพ่อแม่ของอันนามาขอความช่วยเหลือจึงรีบออกเดินทางกลับไปยังเอเรนเดลล์ เพื่อให้อันนาได้พบกับฮานส์ที่คิดว่าคือรักแท้ของอันนา
ขณะเดียวกัน ด้วยความกังวล ฮานส์ได้ออกไปตามหาอันนา โดยมีทหารสองนายของดยุคแห่งวีเซิลตันซึ่งไดรับการกำชับให้สังหารเอลซ่า อาสาร่วมเดินทางไปกับฮานส์ด้วย เมื่อไปถึงพระราชวังน้ำแข็ง ขณะที่ฮานส์ต่อสู้กับมนุษย์หิมะยักษ์ที่เอลซ่าสร้าง ทหารของดยุคได้มุ่งหน้าเข้าภายไปในวังเพื่อเตรียมสังหารเอลซ่า เอลซ่าพยายามใช้พลังของเธอต่อสู้กลับพวกเขาและเกือบฆ่าทหารทั้งสอง แต่ฮานส์เข้ามาถึงในเหตุการณ์และขอร้องเอลซ่าให้หยุด ขณะที่ เอลซ่าตั้งสติได้ ทหารของดยุคได้ยกหน้าไม้ขึ้นเตรียมฆ่าเธอ ฮานส์เข้าไปปัดหน้าไม้ขึ้นยิงใส่โคมแชนเดอร์เลียร์น้ำแข็งเหนือเอลซ่า เอลซ่าพยายามวิ่งหลบแต่ล้มและหมดสติไป เมื่อเอลซ่าฟื้นขึ้นมาเธอพบว่าเธอถูกคุมขังอยู่ในคุกใต้ดิน ของปราสาทและถูกล่ามโซ่ตรวนที่มีลักษณะคล้ายกับถุงมือเพื่อป้องกันพลังของเธอ หลังจากนั้นไม่นานนะ ฮานส์ก็เข้ามาในห้องขังของเอลซ่าและเขาก็ขอร้องให้เอลซ่าหยุดฤดูหนาวนิรันดร์นี้ แต่เธอบอกว่าเธอไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร เพียงไม่นาน คริสตอฟฟ์พาอันนากลับมาถึงเอเรนเดลล์ อันนาเล่าเรื่องการกระทำแห่งรักแท้ให้ฮานส์ แต่ก่อนที่ฮานส์จะจุมพิตอันนา ฮานส์ก็ได้เปิดเผยตัวตนออกมาว่าเรื่องที่เขารักอันนาเป็นเรื่องที่เขาสร้างขึ้น การที่เขามีพี่ชายถึงสิบสองคน ทำให้เขาไม่มีทางจะมีอำนาจได้เลย เขาจึงคิดจะแต่งงานกับอันนา ก็เพื่อเตรียมจะยึดตำแหน่งราชาแห่งเอเรนเดลล์ได้หากเขาวางแผนฆ่าเอลซ่าอย่างลับๆได้สำเร็จ
ฮานส์ขังอันนาทิ้งไว้ในห้องให้เธอทนกับความหนาวเย็นจนกว่าจะตาย และหลอกให้เหล่าขุนนางเชื่อว่าเขาได้ให้ปฏิญาณแต่งงานกับอันนาก่อนเธอตาย ทำให้เขาเป็นผู้มีอำนาจอย่างสมบูรณ์ และประกาศให้เอลซ่าเป็นกบฏและสั่งประหารชีวิต แต่ทว่าเอลซ่านั้นใช้พลังของเธอแช่แข็งโซ่ตรวนและคุกใต้ดินจนพังและหลบหนีออกมาได้สำเร็จ ทว่าความหวาดกลัวของเธอทำให้เกิดพายุหิมะอย่างรุนแรงรอบเอเรนเดลล์ คริสตอฟฟ์และสเวนมุ่งหน้าฝ่าพายุหิมะเพื่อพยายามกลับเข้าไปในวัง ในขณะที่โอลาฟเข้ามาช่วยอันนาเอาไว้ได้และพาเธอหนีออกจากวังเพื่อไปหาคริสตอฟฟ์ ฮานส์ตามหาเอลซ่าในพายุหิมะจนเจอ และหลอกเธอว่าอันนาตายแล้ว เธอล้มลง ด้วยความเสียใจพายุหิมะหยุดนิ่ง อันนาซึ่งกำลังเดินไปหาคริสตอฟฟ์ เห็นฮานส์ที่กำลังคว้าดาบขึ้นมาเพื่อเตรียมสังหารเอลซ่าอยู่ใกล้ๆ จึงได้วิ่งเอาตัวของเธอเข้าไปขวาง ก่อนที่ร่างของเธอจะกลายเป็นน้ำแข็งในเสี้ยววินาทีสุดท้าย ดาบของฮานส์ระเบิดออกและกระแทกเขาจนหมดสติ เอลซ่าหันมาเห็นร่างของอันนาและกอดเธอไว้อย่างเสียใจ ทว่าการกระทำของเอลซ่านั้นเป็นการกระทำแห่งรักแท้ ร่างน้ำแข็งของเธอค่อยๆละลายและกลับมามีชีวิตอีกครั้ง เอลซ่าจึงเข้าใจแล้วว่า ความรักนี่เองที่ทำให้เธอควบคุมพลังของเธอได้ ก่อนที่เธอจะใช้พลังของเธอค่อยๆละลายหิมะที่ปกคลุมไปทั่วทั้งอาณาจักร
ฮานส์ถูกส่งตัวกลับไปยังอาณาจักรของเขาเพื่อรับโทษ เอลซ่าประกาศตัดขาดทางการค้ากับเมืองวีเซิลตันท่ามกลางคำคัดค้านที่ไร้ผลของดยุค อันนาซื้อรถเลื่อนคันใหม่ให้คริสตอฟฟ์ชดใช้คันที่เสียไป ก่อนที่คริสตอฟฟ์จะจูบเธอด้วยความดีใจ เอลซ่าใช้พลังของเธอเปลี่ยนพื้นที่ในวังเป็นให้เป็นลานน้ำแข็งให้ชาวเมืองได้เพลิดเพลินกันอย่างมีความสุข และบอกอันนาว่าพวกเธอจะไม่มีวันปิดประตูวังอีกต่อไป
ตัวละคร
[แก้]- เอลซ่า (Elsa) ราชินีผู้มีพลังน้ำแข็งมาตั้งแต่กำเนิด ยิ่งเอลซ่าโตขึ้นพลังวิเศษของเธอก็ยิ่งรุนแรงขึ้นทุกวัน จนทำให้เธอต้องเก็บตัวอยู่แต่ในห้องไม่ยอมออกมาพบปะกับผู้คน จนกระทั่งเธอได้ขึ้นครองราชย์ต่อจากพ่อของเธอ ทำให้เอลซ่าต้องออกมาเผชิญกับผู้คนภายนอก แล้วเธอก็เริ่มหวาดกลัวกับพลังวิเศษที่ไม่สามารถควบคุมได้ เธอจึงต้องหนีออกจากอาณาจักร และพลังของเธอทำให้ทั้งอาณาจักรตกอยู่ในฤดูหนาวตลอดกาลโดยไม่ได้ตั้งใจ
- แอนนา (Anna) เจ้าหญิงน้อยผู้เป็นน้องสาวของเอลซ่า เธอเป็นเด็กที่ร่าเริง ช่างเพ้อฝันว่าสักวันจะได้พบกับรักแท้ เมื่อเอลซ่าหนีออกจากอาณาจักร เธอก็ต้องออกเดินทางไปตามหาเอลซ่าเพื่อกล่อมให้กลับอาณาจักร แต่เธอกลับโดนคำสาปน้ำแข็งของเอลซ่าโดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้อันนาต้องคำสาป และต้องหาทางแก้
- คริสตอฟฟ์ (Kristoff) หนุ่มภูเขาทำงานรับส่งก้อนน้ำแข็ง มีสเวน กวางเรนเดียร์คู่ใจที่เลี้ยงมาตั้งแต่เล็ก และร่วมผจญภัยไปกับอันนาเพื่อลบล้างคำสาปของเอลซ่า
- โอลาฟ (Olaf) ตุ๊กตาหิมะที่เอลซ่ากับอันนาเคยปั้นด้วยกันตั้งแต่ยังเด็ก หลังจากที่เอลซ่าได้สาปให้ทั้งเมืองตกอยู่ในฤดูหิมะแล้วหนีออกจากอาณาจักร พลังวิเศษของเธอก็ทำให้โอลาฟมีชีวิตขึ้นมา โอลาฟก็ได้พบกับอันนา คริสตอฟฟ์ และสเวนระหว่างทางจึงร่วมเดินทางผจญภัยด้วย
- เจ้าชายฮานส์ (Hans) เชื้อพระวงศ์รูปงามจากอาณาจักรข้างเคียงที่เดินทางมายังเอเรนเดลล์เพื่อพิธีขึ้นครองราชย์ของเอลซ่า ด้วยความที่ฮานส์มีพี่ชายมากถึง 12 คน ทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกมองข้าม ซึ่งเป็นสิ่งที่อันนารู้สึกเช่นเดียวกัน ฮานส์เป็นคนฉลาด ช่างสังเกต และให้เกียรติผู้หญิง ฮานส์สัญญาว่าจะไม่ทิ้งอันนาไป ซึ่งเขาอาจจะเป็นเพียงคนเดียวที่เธอรอคอยมาตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่เหมือนเอลซ่า แต่สุดท้ายก็หักหลังอันนาโดยทิ้งไว้ในห้องให้เธอทรมานจนกว่าจะตาย และคิดจะกำจัดเอลซ่าเพื่อที่จะได้ครอบครองอาณาจักรเอเรนเดลล์มาเป็นของตน
- สเวน (Sven) กวางเรนเดียร์ที่มาพร้อมกับหัวใจแบบสุนัข เป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์ของคริสตอฟฟ์ ผู้คอยทำหน้าที่ลากเลื่อนและเตือนสติคริสตอฟฟ์ สเวนจะคอยดูแลเสมอว่าเจ้านายชาวภูเขาของเขาจะเป็นชายหนุ่มที่ยืนหยัดต่อสถานการณ์ได้อย่างที่เขารู้จักและรัก โดยไม่ต้องคอยพูดออกมาแม้แต่คำเดียว แต่เสียงพ่นลมของสเวนก็มักจะสื่อความหมายที่ต้องการบอกได้อย่างดี
นักพากย์
[แก้]ชื่อ | พากย์ | |
---|---|---|
อังกฤษ | ไทย | |
แอนนา (Anna) | คริสเตน เบลล์ (Kristen Bell) | หนึ่งธิดา โสภณ (Nuengthida Sophon)[12] |
เอลซ่า (Elsa) | อิดินา แมนเซล (Idina Menzel) | วิชญาณี เปียกลิ่น (Wichayanee pearklin)[12] |
คริสตอฟฟ์ (Kristoff) | โจนาธาน กรอฟฟ์ (Jonathan Groff) | อภินันท์ ธีระนันทกุล (Apinan teranantakul)พากย์ พิชญากร แช่มช้อย (pichayakorn Chamcoy) ร้อง [13] |
โอลาฟ (Olaf) | จอร์ช แกด (Josh Gad) | คมสันชัย สุขพิพัฒน์มงคล (Komsanchai Sukpipatmokkon)พากย์ กรกันต์ สุทธิโกเศศ (อาร์ม) (Kornkan sutigosead , Arm) ร้อง [13] |
เจ้าชายฮานส์ (Hans) | ซานติโน่ ฟอนทาน่า (Santino Fontana) | สุวีระ บุญรอด (Suwira Boon road)[12] |
ดยุคแห่งวีเซิลตัน (Duke of Weselton) | Alan Tudyk | ศุภสรณ์ มุมแดง (Suputsorn Mumdan)[13] |
ผู้เฒ่าแพ็บบี้ (Grand Pabbie the Troll King) | Ciarán Hinds | กฤษณะ ศฤงคารนนท์ (Karesana sarekaranun)[13] |
โอคเค่น (Oaken) | Chris Williams | รัตนชัย เหลืองวงศ์งาม[13] |
พระราชา (The King of Arendelle) | Maurice LaMarche | กริน อักษรดี (Kari Asorndee)[13] |
เพลงประกอบภาพยนตร์
[แก้]ลำดับ | ชื่อเพลง | ร้อง/บรรเลง | ยาว |
---|---|---|---|
1. | "Frozen Heart" | อังกฤษ: Cast of Frozen ไทย: ธานี พูนสุวรรณ, วินัย ทาอาสา, วิกร เทศน์สาลี, กิตตินันท์ ชินสำราญ, มานิต ธุวะเศรษฐกุล | 1:45 |
2. | "Do You Want to Build a Snowman? (ปั้นมนุษย์หิมะด้วยกันมั้ย?)" | อังกฤษ: คริสเตน เบลล์, Agatha Lee Monn และ Katie Lopez ไทย: หนึ่งธิดา โสภณ | 3:27 |
3. | "For the First Time in Forever (เป็นครั้งแรกที่รอมาเนิ่นนาน)" | อังกฤษ: เบลล์, ไอดินา แมนเซล ไทย: หนึ่งธิดา โสภณ, วิชญาณี เปียกลิ่น | 3:45 |
4. | "Love is an Open Door (เปิดประตูสู่รักใหม่)" | อังกฤษ: คริสเตน เบลล์, ซานติโน่ ฟอนทาน่า ไทย: หนึ่งธิดา โสภณ, สุวีระ บุญรอด | 2:07 |
5. | "Let It Go (ปล่อยมันไป)" | อังกฤษ: แมนเซล ไทย: วิชญาณี เปียกลิ่น | 3:44 |
6. | "Reindeer(s) are Better Than People (กวางช่างแสนดีกว่าผู้คน)" | อังกฤษ: โจนาธาน กรอฟฟ์ ไทย: พิชญากร แช่มช้อย | 0:50 |
7. | "In Summer (ในหน้าร้อน)" | อังกฤษ: จอร์ช แกด ไทย: กรกันต์ สุทธิโกเศศ | 1:54 |
8. | "For the First Time in Forever (Reprise) (เป็นครั้งแรกที่รอมาเนิ่นนาน รีไพรส์)" | อังกฤษ: เบลล์, แมนเซล ไทย: หนึ่งธิดา โสภณ, วิชญาณี เปียกลิ่น | 2:30 |
9. | "Fixer Upper (ต้องเอาไปซ่อมต่อ)" (featuring Maia Wilson) | Cast of Frozen | 3:02 |
10. | "Let It Go" | เดมี โลวาโต | 3:47 |
11. | "Vuelie" (featuring Cantus) | คริสโตฟ เบค | 1:36 |
12. | "Elsa and Anna" | คริสโตฟ เบค | 2:43 |
13. | "The Trolls" | คริสโตฟ เบค | 1:48 |
14. | "Coronation Day" | คริสโตฟ เบค | 1:14 |
15. | "Heimr Arnadlr" | คริสโตฟ เบค | 1:25 |
16. | "Winter's Waltz" | คริสโตฟ เบค | 1:00 |
17. | "Sorcery" | คริสโตฟ เบค | 3:17 |
18. | "Royal Pursuit" | คริสโตฟ เบค | 1:02 |
19. | "Onward and Upward" | คริสโตฟ เบค | 1:54 |
20. | "Wolves" | คริสโตฟ เบค | 1:44 |
21. | "The North Mountain" | คริสโตฟ เบค | 1:34 |
22. | "We Were So Close" | คริสโตฟ เบค | 1:53 |
23. | "Marshmallow Attack!" | คริสโตฟ เบค | 1:43 |
24. | "Conceal, Don't Feel" | คริสโตฟ เบค | 1:07 |
25. | "Only an Act of True Love" | คริสโตฟ เบค | 1:07 |
26. | "Summit Siege" | คริสโตฟ เบค | 2:32 |
27. | "Return to Arendelle" | คริสโตฟ เบค | 1:38 |
28. | "Treason" | คริสโตฟ เบค | 1:36 |
29. | "Some People Are Worth Melting For" | คริสโตฟ เบค | 2:06 |
30. | "Whiteout" | คริสโตฟ เบค | 4:17 |
31. | "The Great Thaw (Vuelie Reprise) " (featuring Frode Fjellheim) | คริสโตฟ เบค | 2:29 |
32. | "Epilogue" | คริสโตฟ เบค | 3:04 |
การผลิต
[แก้]ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
การฉาย
[แก้]ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
- สำหรับในประเทศไทย เข้าฉายในโรงภาพยนตร์เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2556
- ในโรงภาพยนตร์เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ นำกลับมาฉายซ้ำ[14]ในเดือนมกราคม 2557 ในบางสาขาพร้อมกับเรื่อง Gravity
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "Frozen". Ontario Film Review Board. November 12, 2013. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-01-16. สืบค้นเมื่อ January 15, 2014.
- ↑ Smith, Grady (November 27, 2013). "Box office preview: "Frozen" ready to storm the chart, but it won't beat "Catching Fire"". Entertainment Weekly. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-11-28. สืบค้นเมื่อ November 29, 2013.
- ↑ 3.0 3.1 "Frozen (2013)". Box Office Mojo. สืบค้นเมื่อ August 10, 2014.
- ↑ "Disneyland Resort Debuts "World of Color – Winter Dreams," a Merry New Spectacular for 2013 Holiday Season". PR Newswire. July 27, 2013. สืบค้นเมื่อ July 27, 2013.
from the upcoming Walt Disney Pictures animated feature "Frozen"
- ↑ Liu, Meng (November 19, 2013). "Disney's "Frozen" Premiere Turns L.A. Into a Winter Wonderland". The Hollywood Reporter. สืบค้นเมื่อ November 20, 2013.
- ↑ Barnes, Brooks (December 1, 2013). "Boys Don't Run Away From These Princesses". The New York Times. สืบค้นเมื่อ December 2, 2013.
- ↑ Zuckerman, Esther (November 4, 2013). "Is "Frozen" a New, Bona Fide Disney Classic?". The Atlantic Wire. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-11-05. สืบค้นเมื่อ November 4, 2013.
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อoscar86
- ↑ "Golden Globes 2014: And the winners are..." USA Today. January 12, 2014. สืบค้นเมื่อ January 16, 2014.
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อbafta
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อbfca
- ↑ 12.0 12.1 12.2 "แก้ม พากย์เสียงไทยใน Frozen ผจญภัยแดนคำสาปราชินีหิมะ". Siam Zone. 2013-12-05. สืบค้นเมื่อ 2014-03-30.
- ↑ 13.0 13.1 13.2 13.3 13.4 13.5 "iTunes - Movies - Frozen". 2014-02-26. สืบค้นเมื่อ 2014-04-20.
- ↑ https://twitter.com/MajorGroup/status/424039317070036993 . @MajorGroup . สืบค้นเมื่อ 2014-02-01
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- ภาพยนตร์ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2556
- ภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม รางวัลออสการ์
- ดิสนีย์กับกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ
- ภาพยนตร์จินตนิมิตเพลงอเมริกัน
- ภาพยนตร์แอนิเมชัน 3 มิติ
- ภาพยนตร์เกี่ยวกับคำสาป
- ภาพยนตร์แอนิเมชันอเมริกันในคริสต์ทศวรรษ 2010
- ภาพยนตร์โดยวอลต์ดิสนีย์พิกเชอส์
- ภาพยนตร์โดยวอลต์ดิสนีย์แอนิเมชันสตูดิโอส์
- ภาพยนตร์แอนิเมชันแนวจินตนิมิตอเมริกัน
- โฟรเซน (แฟรนไชส์)