สมคิด พุ่มพวง
สมคิด พุ่มพวง | |
---|---|
ภาพถ่ายหน้าตรงของสมคิด | |
เกิด | 7 มกราคม พ.ศ. 2507[1] ตำบลกะปาง อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช ประเทศไทย[2] |
ชื่ออื่น | แดง[3] บัง[4] คิดเดอะริปเปอร์ แจ็กเดอะริปเปอร์เมืองไทย |
มีชื่อเสียงจาก | ฆาตกรต่อเนื่อง |
สถานะทางคดี | ถูกคุมขัง |
บุตร | 1 คน[5] |
ข้อหา | ให้การเท็จ (พ.ศ. 2544) ฆาตกรรมโดยเจตนา (คดีฆาตกรรมในปีพ.ศ. 2548) ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนโดยทรมานหรือทารุณโหดร้าย (คดีฆาตกรรมในปีพ.ศ.2562) |
บทลงโทษ | จำคุก 6 เดือน(ให้การเท็จในปี พ.ศ. 2544) ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตภายหลังได้รับลดโทษเหลือ 10 ปี(ติดจริง 14 ปี)(คดีฆาตกรรมในปี พ.ศ. 2548) ประหารชีวิตลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิตภายหลังได้รับลดโทษเหลือ 10 ปี(ติดจริง 14 ปี) (คดีฆาตกรรมผ่องพรรณ) ประหารชีวิต (คดีฆาตกรรมในปี พ.ศ. 2562) |
รายละเอียด | |
วันที่ | พ.ศ. 2519 (กล่าวอ้าง)[note 1] 30 มกราคม พ.ศ. 2548 ถึง 21 มิถุนายน พ.ศ. 2548 และ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2562[6] |
ตำแหน่ง | ประเทศไทย |
ตาย | 6 ราย 9 ราย (กล่าวอ้าง)[note 1] |
วันที่ถูกจับ | 27 มิถุนายน พ.ศ. 2548 18 ธันวาคม พ.ศ. 2562 (ถูกจับครั้งที่ 2) |
สมคิด พุ่มพวง หรือฉายา คิดเดอะริปเปอร์ (อังกฤษ: Kid the Ripper) เป็นฆาตกรต่อเนื่องที่ก่อคดีฆาตกรรมในช่วง พ.ศ. 2548 และ พ.ศ. 2562 เขามีรูปแบบการฆาตกรรมด้วยการบีบคอ กดน้ำ และรัดคอเหยื่อ เขาถูกจับกุมที่จังหวัดชัยภูมิในคดีฆาตกรรมหมอนวดที่จังหวัดบุรีรัมย์ ศาลอุทธรณ์และฎีกาตัดสินจำคุกตลอดชีวิตทั้ง 5 คดี สมคิด พุ่มพวงได้รับการลดโทษลงมาเรื่อย ๆ ตามหลักเกณฑ์เนื่องจากประพฤติตัวดี เขาจึงถูกย้ายออกจากเรือนจำกลางบางขวาง กลับภูมิลำเนามาอยู่ที่เรือนจำหนองคาย ก่อนจะได้รับการปล่อยตัวในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2562 แต่ก็ได้ก่อคดีฆาตกรรมซ้ำอีกครั้งในวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2562[7]
ประวัติ
[แก้]วัยเด็ก
[แก้]สมคิด เกิดเมื่อวันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2507 ที่ตำบลกะปาง อำเภอทุ่งสง[8]โดยพ่อของเขาเป็นคนใจร้อน ซึ่งจะทำร้ายร่างกายภรรยาและเขาเมื่อเมาสุรา เมื่อเขาอายุ 8 ปี เขาถูกพ่อนำมาฝากไว้กับลุงที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ต่อมาเขาได้เริ่มขโมยของภายในบ้าน วันหนึ่งเขาได้ไปขโมยรถจักรยานของครูทำให้เขาถูกไล่ออกจากโรงเรียน ในช่วงวัยรุ่นเพื่อนบ้านซึ่งเป็นญาติห่างๆของเขาได้นำวัวมากินผักในสวนของลุงของเขา หลังจากที่เขาตักเตือนเพื่อนบ้านคนนั้นแต่เพื่อนบ้านไม่สนใจ เขาจึงนำเชือกวัวรัดคอวัวแล้วไล่ให้วัววิ่งจนคอวัวขาด[9] เมื่อเขาอายุ 14 – 15 ปี ลุงได้พาเขามาทำงานที่โรงเลื่อยโดยมีหน้าที่ขับรถนำไม้ยางไปส่งที่โรงงานในอำเภอทุ่งสง ซึ่งในระหว่างนั้นเขาฉ้อโกงเงินชาวบ้านจำนวนหลายคน[10] วันหนึ่งเขาถูกลุงจับได้ว่าขโมยเงินของเจ้าของโรงเลื่อย เขาจึงถูกลุงไล่ออกจากบ้าน เขาจึงกลับไปหาพ่อที่จังหวัดตรัง หลังจากได้กลับไปอยู่กับพ่อเขาชอบขโมยและทะเลาะวิวาทอยู่เป็นประจำ ต่อมาเขาถูกกลุ่มวัยรุ่นทำร้ายทำให้เขาหนีออกจากหมู่บ้าน[11]
การเป็นพยานเท็จ
[แก้]หลังจากคดีฆาตกรรมปรีณะ ลีพัฒนะพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร สมคิดซึ่งใช้ชื่อปลอมว่าสุวัฒน์ ชาญณรงค์ ได้พบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยอ้างว่าตนเองเป็นพยานผู้เหตุการณ์ โดยอ้างว่าคนร้ายเป็นกลุ่มอื่นที่ไม่ใช่กลุ่มของเฉลิมชัย มัจฉากล่ำ หลังจากการสอบสวนโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้เขาสารภาพว่ามีคนจ้างวานให้การเท็จ ส่งผลให้ศาลตัดสินจำคุก 6 เดือน[12] ในระหว่างที่เขาถูกคุมขัง เขาได้เขียนจดหมายข่มขู่ครอบครัวของสุวัฒน์ วงศ์ปิยะสถิตย์ซึ่งเป็นแกนนำต่อต้านบ่อกำจัดขยะที่ตำบลราชาเทวะ[13][14]
การก่อคดีในปีพ.ศ. 2548
[แก้]สมคิดใช้วิธีการฆาตกรรมด้วยการบีบคอ ใช้สายไฟรัดคอและกดน้ำ เขาถูกจับกุมที่จังหวัดชัยภูมิ ที่บ้านของภรรยา หลังจากตำรวจพบข้อมูลการใช้โทรศัพท์มือถือของเหยื่อรายหนึ่ง ที่ถูกขโมยไปหลังถูกฆาตกรรมซึ่งถูกโทรออกจากจังหวัดชัยภูมิและเขาได้สารภาพทั้ง 4 คดี
การฆาตกรรมครั้งแรก
[แก้]การฆาตกรรมครั้งแรกของเขาเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2548 ในวันที่ 29 มกราคม สมคิดได้ใช้ชื่อของตนเองจองห้องพักหมายเลข 609 โรงแรมพลอยพาเลซ อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร เมื่อเขาเดินทางมาถึง เขาได้ลงใบพักของโรงแรมด้วยชื่อของเขาเองและบอกพนักงานโรงแรมว่า เขาเป็นเจ้าของค่ายเพลง โดยจะมาหานักร้องไปออกแผ่นเสียงหรือทำเทปเพลง ถัดจากนั้นเขาได้พักผ่อนในห้องพักตามปกติ ในช่วงหัวค่ำ เขาได้เดินไปหาพนักงานโรงแรมโดยบอกว่าจะไปดูนักร้องคาเฟ่และอยากให้พาไป โดยพนักงานคนดังกล่าวได้ขับรถจักรยานยนต์พาเขาไปยังแสงตะวันคาเฟ่ เมื่อถึงแสงตะวันคาเฟ่ เขาได้เรียกนักร้องมานั่งและพูดคุย โดยได้อ้างว่าเขาเป็นเจ้าของค่ายเทปเพลงและมาหานักร้องมาอยู่ในค่ายเพลง[15] วันถัดมาเมื่อเวลา 01.00 น. วารุณี พิมพะบุตร อายุ 25 ปี นักร้องคาเฟ่ ได้ขับรถจักรยานยนต์สีชมพูซึ่งยังไม่ติดทะเบียนออกจากที่ทำงาน โดยเธอได้บอกกับเพื่อนร่วมงานว่าจะไปกินเหล้ากับแขกที่โรงแรม ต่อมาในเวลา 10.30 น. ได้มีคนพบศพของวารุณีในสภาพเปลือยท่อนบนโดยถูกมัดมือไพล่หลังด้วยผ้าเช็ดหน้านอนคว่ำในอ่างอาบน้ำ โดยจากการสันนิษฐานเบื้องต้นคาดว่าเธอเสียชีวิตมาแล้ว 6 ชั่วโมงและมาจากการถูกฆาตกรรมด้วยการจับกดน้ำ ส่วนสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท, โทรศัพท์มือถือ,เงินสดและรถจักรยานยนต์สีชมพูของเธอได้หายไป[16][17][18]
การฆาตกรรมครั้งที่ 2
[แก้]เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2548 สมคิดได้โทรศัพท์ไปยังโรงแรมเวียงนคร ที่ตำบลสวนดอก อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง โดยใช้ชื่อว่า นายสุชาติและนายประสิทธิ์ ขอจองห้องพักโรงแรมจำนวน 4 ห้องเป็นเวลา 3 วัน ต่อมาสมคิดได้เดินทางไปหา ผ่องพรรณ์ หรือ เปิ้ล ทรัพย์ชัย อายุ 34 ปี หมอนวดแผนโบราณให้ไปนวดที่โรงแรมเวียงนคร เมื่อเวลา 19.00 น. จันทร์ จิตคำ แฟนหนุ่มของผ่องพรรณ์ซึ่งเป็นช่างทำเฟอร์นิเจอร์ได้พาเธอไปส่งที่โรงแรมเวียงนคร โดยเธอได้บอกกับจันทร์ว่ามีแขกเหมาชั่วโมงรวม 3 วัน แต่จันทร์ไม่ได้คิดอะไร[19] เมื่อเวลา 19.30 น. ได้มีคนเห็นผ่องพรรณ์เดินมาขอกุญแจห้องหมายเลข 406 ต่อมาในวันที่ 4 มิถุนายน เวลา 11.20 น. แม่บ้านของโรงแรมได้พบศพของเธอบนเตียงนอนในห้องพักหมายเลข 406 โดยสภาพศพของเธอท่อนล่างเปลือยเปล่าโดยถูกผ้าขนหนูคลุมเอาไว้ ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่พบร่องรอยการต่อสู้หรือบาดแผลใด ๆ โดยพบรอยเขียวช้ำรอบคอ และพบถุงยางอนามัยที่ข้างเตียงซึ่งถูกถอดทิ้งไว้แต่ไม่พบน้ำอสุจิภายในถุงยาง ส่วนแหวนทองคำน้ำหนัก2 สลึง,โทรศัพท์มือถือ และเงินสดจำนวน 3,000 บาทได้หายไป โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิฐานว่าผู้เสียชีวิตน่าจะร่วมหลับนอนกับแขกแบบสอดใส่ด้านหลัง แต่อาจเกิดการพลั้งมือทำรุนแรงหรือนำศรีษะกดเข้ากับหมอนจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายแล้วแขกคนดังกล่าวได้ขโมยทรัพย์สินไป[20][21][22]
จังหวัดตรัง และจังหวัดอุดธานี
[แก้]ในวันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2548 สมคิดได้พบกับนางสาวพัชรีย์ อมตนิรันดร์ นักร้องคาเฟ่ อายุ 38 ปี เขาได้ตกลงกับพัชรีย์ให้ร่วมหลับนอนกับเขาที่ห้องพักหมายเลข 505 โรงแรมซีซาร์โฮเต็ล ในตำบลทับเที่ยง อำเภอเมืองตรัง เป็นเวลา 2 คืน เป็นจำนวนเงิน 4,000 บาท ในช่วงกลางคืนเขาได้ใช้สายไฟจากโคมไฟในห้องพักรัดคอพัชรัย์จนเสียชีวิต แล้วขโมยโทรศัพท์มือถือและเงินสดจำนวน 2,000 บาท[23][24] 6 วันต่อมา เขาใช้ชื่อชูชาติ ชาญชัยจองห้องพักหมายเลข 1126 ของโรงแรมเจริญศรีแกรนด์ รอยัล ที่จังหวัดอุดรธานี เมื่อเวลา 17.00 น. เขาได้สั่งอาหารมารับประทานที่ห้องพัก ในเวลา 19.00 น. พนักงานโรงแรมได้นำอาหารมาส่งที่ห้อง สมคิดได้เปิดประตูห้องโดยพนักงานได้พบพรตะวัน ปังคะบุตร หมอนวดแผนโบราณในห้องพัก 4 ชั่วโมงต่อมา สมคิดกับพรตะวันได้ไปใช้ห้องคาราโอเกะเป็นเวลา 2 ชั่วโมง หลังจากนั้นเขาได้ฆาตกรรมพรตะวันในห้องพัก[25][26]
การฆาตกรรมครั้งสุดท้ายและการจับกุม
[แก้]วันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2548 ในช่วงหัวค่ำ เขาได้ลวงสมปอง พิมพรภิรมย์ หมอนวดแผนโบราณจากร้านนิวหัตถเวช นวดแผนโบราณในอำเภอเมืองนครราชสีมา ให้เดินทางไปกับเขาด้วยรถไฟไปยังจังหวัดบุรีรัมย์ หลังจากนั้นเขาได้เข้าพักกับสมปองที่ห้องหมายเลข 221 ปิยะแมนชั่น ต่อมาทั้งสองได้สั่งเบียร์ขึ้นมาดื่มในห้องพัก สมคิดจึงใส่ยานอนหลับในเบียร์ทำให้เธอจนหมดสติแล้วบีบคอเธอจนเสียชีวิต ก่อนจะชิงทรัพย์ของเธอหลบหนีไป[27]
ในวันที่ 21 มิถุนายน เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ได้เดินทางไปยังปิยะแมนชั่น หลังจากมีการรับแจ้งว่าพบศพในห้องพักหมายเลข 221 โดยพบเบอร์โทรศัพท์ถูกเขียนไว้บนเตียงนอน โดยเบอร์โทรศัพท์ดังกล่าวเป็นเบอร์โทรศัพท์พี่สาวของสมปอง จากการสืบสวนพบว่าสมปองเป็นหมอนวดบริการที่จังหวัดนครราชสีมา หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ร้านนิวหัตถเวช โดยพบผู้ชายคนหนึ่งรับสมปองออกจากร้าน หลังจากการตรวจสอบในคดีอื่นพบว่าคนร้ายร้ายมีพฤติกรรมในการก่อคดีที่คล้ายกัน จึงส่งหลักฐานให้ตำรวจกองปราบปราม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ภาพของผู้ต้องสงสัยจากกล้องวงจรปิดของโรงแรมเจริญศรีแกรนด์ รอยัล โดยจากการตรวจสอบชื่อผู้เข้าพักพบชื่อชูชาติ ชาญชัยเป็นผู้ต้องสงสัย แต่จากการตรวจสอบไม่พบว่าชูชาติ ชาญชัยมีตัวตนอยู่จริง จากการตรวจสอบชื่อผู้ต้องสงสัยที่เข้าพักในสถานที่เกิดเหตุฆาตกรรมใกล้เคียงกับเวลาเกิดเหตุโดยพบชื่อชูชาติ กิ่งแก้ว, ณรงค์ นิลเนตร, สมคิด พุ่มพวงและวชัย พรหมพันธ์ุ โดยลายมือของผู้ต้องสงสัย 5 ชื่อใกล้เคียงกัน หลังจากการนำภาพกล้องวงจรปิดมาตรวจสอบพบว่าผู้ต้องสงสัยมีลักษณะใกล้เคียงกัน จากการตรวจสอบชื่อผู้ต้องสงสัยพบว่าสมคิด พุ่มพวง เป็นบุคคลเดียวที่มีตัวตนอยู่จริง[28] ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่าเบอร์โทรศัพท์ของสมปองถูกโทรศัพท์ออกจากจังหวัดชัยภูมิ โดยโทรศัพท์มือถือของสมปองถูกขโมยไป โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่าสมคิดมีภรรยาเป็นแม่ม่าย และอาศัยอยู่ที่อำเภอเมืองชัยภูมิ
ในวันที่ 27 มิถุนายน เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังซุ่มอยู่รอบบ้าน ปรากฏพบสมคิดกับภรรยากำลังดูรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ในช่วงที่สรยุทธ สุทัศนะจินดา กำลังรายงานข่าวเกี่ยวกับการก่อคดีของเขาพอดี เมื่อภาพของสมคิดปรากฏในรายการ ภรรยาจึงถามเขา ส่งผลให้สมคิดตวาดภรรยา ตำรวจจึงนำกำลังเข้าไปในบ้านและจับกุมสมคิด โดยสมคิดไม่ได้ขัดขืน[29][30] จากการตรวจค้นบ้านพบทรัพย์สินของสมปองที่ถูกขโมยไป และพบซิมโทรศัพท์มือถือ 6 อัน, ถุงยางอนามัย 2 ห่อ, คีย์การ์ดของโรงแรม,กระเป๋าสตางค์สตรี, ตั๋วรถไฟจากนครราชสีมาไปไปจังหวัดบุรีรัมย์ 2 ใบ และตั๋วรถไฟจากบุรีรัมย์ไปจักราช 1 ใบ[31] โดยข้อมูลในบางแหล่งข่าวระบุว่าสมคิดถูกจับกุมที่โรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดชัยภูมิช่วงกลางคืน ขณะพาหมอนวดเข้าโรงแรมที่จังหวัดชัยภูมิ โดยเขาไม่ได้ขัดขืนเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดย พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ได้เปิดเผยว่าสมคิดมีสีหน้าที่เรียบเฉย ไม่ได้ตกใจ ส่วนหมอนวดตกใจ น่าจะคิดว่าฝ่ายชายไปทำอะไรผิด[32][33][34]
เหยื่อ
[แก้]การสืบสวนสอบสวนจนทราบว่าเหยื่อทั้ง 5 รายนั้นเป็นฝีมือของฆาตกรคนเดียวกัน เขาได้สารภาพ 4 คดี ยกเว้นคดีฆ่านางสาวพัชรีย์
เหยื่อรายที่ | ชื่อ | วัน | สถานที่ | ประเภทของสถานที่ก่อเหตุ | อาชีพ | ลักษณะการก่อเหตุ |
---|---|---|---|---|---|---|
1 | นางสาววารุณี พิมพะบุตร | 30 มกราคม 2548 | ตำบลมุกดาหาร อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร | โรงแรม | นักร้องคาเฟ่ | ถูกจับมัดแล้วกดน้ำ |
2 | นางสาวผ่องพรรณ ทรัพย์ชัย | 4 มิถุนายน 2548 | ตำบลสวนดอก อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง | โรงแรม | หมอนวดแผนโบราณ | ถูกบีบคอ |
3 | นางสาวพัชรีย์ อมตนิรันดร์ | 11 มิถุนายน 2548 | ตำบลทับเที่ยง อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง | โรงแรม | นักร้องคาเฟ่ | รัดคอด้วยสายไฟ |
4 | นางสาวพรตะวัน ปังคะบุตร | 18 มิถุนายน 2548 | ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี | โรงแรม | หมอนวดแผนโบราณ | กดน้ำ(จากคำพิพากษาระบุว่าบีบคอ) |
5 | นางสาวสมปอง พิมพรภิรมย์ | 21 มิถุนายน 2548 | ตำบลชุมเห็ด อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ | แมนชั่น | หมอนวด | บีบคอ |
การสอบสวน
[แก้]หลังจากการจับกุมสมคิดถูกนำตัวไปฝากขังที่กองปราบปราบ โดยหาญ รักษาจิตร์ เณรแอ เป็นเพื่อนร่วมห้องขังของเขา[35] พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ได้เล่าถึงสอบสวนสมคิด โดยอัศวินได้ถามสมคิดว่า ฆ่าเขาทำไม สมคิดได้ตอบ โดยมีสีหน้าเรียบเฉยว่า "โมโหที่หมอนวดคิดราคาค่าบริการไม่เป็นไปตามที่คุยไว้ สมมติว่าก่อนร่วมกิจกรรมตกลงราคาที่ 500 บาท แต่เสร็จกิจกรรมมาคิดเงิน 800 บาท จึงโมโหและลงมือฆ่า ส่วนทรัพย์สินที่ขโมยไปคือของแถม" โดยเขาได้เล่าประวัติของชีวิตตนเองให้อัศวินฟังว่า เขาเป็นเด็กกำพร้า และไม่เคยเรียนหนังสือตั้งแต่เด็ก โดยไม่มีอาชีพ ซึ่งเขาได้ก่อเหตุลักเล็กขโมยต่อเนื่องมา[36] โดยสมคิดได้ใช้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนในคดีฆาตกรรมทั้ง 4 คดี แต่ปฎิเสธในคดีฆาตกรรมนางสาวพัชรีย์ อมตนิรันดร์ ที่จังหวัดตรัง[37] แต่พ.ต.ต.ภีมพศ น้อมชอบ บังคับบัญชาสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองตรังได้ให้เหตุผลว่า เนื่องจากสมคิดเป็นคนตรัง และเคยไปอาศัยอยู่ในพื้นที่ตำบลกะปาง ซึ่งมีพื้นที่ติดต่อกับจังหวัดตรัง ถ้าหากสารภาพว่ามาลงมือฆ่าคนในบ้านเกิดตัวเองก็คงจะรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่น่าเกลียด จึงได้ให้การปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้อง โดยเขาได้กล่าวเพิ่มเติมว่ามีข้อมูลที่ยืนยันว่าสมคิดฆ่าพัชรีย์อย่างแน่นอน โดยเฉพาะหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุ จากพฤติการณ์ในการก่อเหตุสามารถเชื่อมโยงกับคดีฆาตกรรมในคดีอื่น[38]
การพิจารณาคดี
[แก้]การพิจารณาคดีของสมคิดถูกแยกเป็น 5 คดี โดยมีอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 3 เป็นผู้ยื่นฟ้อง[39]
คดีฆาตกรรมวารุณี พิมพะบุตร
[แก้]ศาลอาญา ได้นัดอ่านคำพิพากษาสมคิด พุ่มพวงในวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 ในคดีฆาตกรรมวารุณี พิมพะบุตร แต่สมคิดไม่สามารถเดินทางมายังศาลได้เนื่องจากถูกเบิกตัวไปสืบสวนในประเด็นอื่น ทำให้วันนัดอ่านคำพิพากษาถูกเลื่อนไปในวันที่ 21 สิงหาคม[40] ต่อมาในวันที่ 21 สิงหาคม ศาลอาญาได้อ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้นในคดีฆาตกรรมวารุณีว่าสมคิดมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยมีคำพิพากษาประหารชีวิตและชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 50,000 บาท แต่คำรับสารภาพในชั้นสอบสวนและเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงตามที่กล่าวอ้างเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดีอยู่บ้าง จึงลดโทษ 1 ใน 3 เหลือจำคุกตลอดชีวิต[41] โดยร้อยตรีจุมพฏ หมวดชนะ ทนายความของสมคิดได้กล่าวว่าหลังจากถูกจับกุมสมคิดได้ศึกษาข้อกฎหมายจากคดีของเขาและคดีอื่น โดยสมคิดจะไปร่วมฟังการสืบพยานที่ศาลจังหวัดเชียงรายในวันที่ 7 กันยายน[42] ต่อมาเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ 2555 ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายืนจำคุกตลอดชีวิตในคดีฆาตกรรมวารุณี[43][44]
คดีฆาตกรรมสมปอง พิมพรภิรมย์
[แก้]ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 เวลา 09.00 น. ศาลอาญาได้อ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้นในคดีฆาตกรรมสมปอง พิมพรภิรมย์ที่จังหวัดบุรีรัมย์ โดยได้พิพากษาประหารชีวิตและชดใช้ค่าเสียหายให้กับญาติของสมปองจำนวน 10,000 บาท[45] แต่คำให้การเป็นประโยชน์อยู่บ้างจึงลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต[46][47][48] และศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายืนจำคุกตลอดชีวิตเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2555[49][50]
คดีฆาตกรรมผ่องพรรณ ทรัพย์ชัย
[แก้]ในวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ 2552 เวลา 10.00 น. ศาลอาญาได้อ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้นในคดีฆาตกรรมผ่องพรรณ ทรัพย์ชัยที่จังหวัดลำปาง โดยได้พิพากษาประหารชีวิตเนื่องจากคำรับสารภาพไม่เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี ประกอบกับพฤติการณ์จำเลยกระทำการประทุษร้ายอย่างต่อเนื่องใน 5 เดือน เมื่อถูกจับกุมก็ไม่สำนึก กลับไปก่อเหตุส่งผลร้ายต่อสังคม จึงไม่มีเหตุลดโทษ และให้คืนทรัพย์แก่ญาติผู้ตาย หลังจากฟังคำพิพากษาสมคิดได้ตะโกนตำหนิคำพิพากษา ศาลจึงบอกสมคิดว่าหากติดใจคำพิพากษาให้ทนายความอุทธรณ์คดีได้ภายในเวลา 1 เดือน สมคิดจึงทำตาเหลือกและหายใจหอบ หลังจากนั้นทนายความได้เข้าไปพูดกับเขาเพื่อให้สงบสติอารมณ์ แต่สมคิดได้ตำหนิว่าทำงานไม่ดี ถ้าไม่เต็มใจก็ไม่ต้องมาเป็นทนายความให้ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจศาลจะนำตัวเขาออกจากห้องพิจารณาคดี[51][52] ในวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2554 ศาลอุทธรณ์ได้แก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นในคดีฆาตกรรมผ่องพรรณ ทรัพย์ชัยที่จังหวัดลำปาง โดยลดโทษจากประหารชีวิตเป็นจำคุกตลอดชีวิตเนื่องจากสมคิดรับสารภาพในชั้นจับกุมว่าสมคิดใช้สายรัดที่นอนรัดคอผ่องพรรณจนเสียชีวิต เนื่องจากไม่พอใจที่ผ่องพรรณทวงถามค่าบริการทางเพศ และสมคิดชี้ที่เกิดเหตุโดยละเอียด โดยเห็นว่าการรับสารภาพในชั้นจับกุมเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดีอยู่บ้างจึงลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต[53]
คดีฆาตกรรมพัชรีย์ อมตนิรันดร์
[แก้]ในวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ 2554 ศาลอาญาได้อ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้นในคดีฆาตกรรมพัชรีย์ อมตนิรันดร์ที่จังหวัดตรังว่าสมคิดมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา เนื่องจากศาลเห็นว่าพฤติการณ์ที่ผู้ตายขาดอากาศหายใจจากการถูกสายไฟที่ได้มาจากโคมไฟในห้องพักรัดคอจนเสียชีวิต ฟังไม่ได้ว่าเป็นการฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนโดยทรมานหรือกระทำการทารุณโหดร้าย จึงมีคำพิพากษาจำคุกตลอดชีวิตและชดใช้ค่าทรัพย์สินแก่ญาติผู้เสียชีวิตเป็นเงินจำนวน 700 บาท[54][55] ต่อมาสมคิดได้ยื่นอุทธรณ์เพื่อขอลดโทษ ในวันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 ศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษายืนจำคุกตลอดชีวิต โดยเห็นว่าสมคิดไม่มีความเกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมืองและในการพิจารณาคดีสมคิดไม่มีความสำนึกต่อความผิดโดยให้การปฎิเสธและต่อสู้คดีมาโดยตลอด อุทธรณ์ของสมคิดจึงฟังไม่ขึ้น[56][57]
คดีฆาตกรรมพรตะวัน ปังคะบุตร
[แก้]ในวันที่ 28 เมษายน พ.ศ 2554 ศาลอาญาได้อ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้นในคดีฆาตกรรมพรตะวัน ปังคะบุตรที่จังหวัดอุดรธานี โดยมีคำพิพากษาประหารชีวิต แต่ลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิตเนื่องจากการรับสารภาพชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี[58] ต่อมาในวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ 2555 ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายืนจำคุกตลอดชีวิต[59]
การคุมขัง การสัมภาษณ์และการลดโทษ
[แก้]วิดีโอหลายคลิปจากแหล่งข้อมูลภายนอก | |
---|---|
รายงาน คุกบางขวางเปิดอบรมทำอาหารครั้งแรก, วิดีโอยูทูบ |
หลังจากการจับกุม สมคิดถูกคุมขังที่เรือนจำกลางบางขวางตั้งแต่วันที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548 โดยสมคิดถูกจิตแพทย์ประเมินอาการจิตเวช แต่ก็ไม่พบว่าเขาเป็นโรคจิตเวช[60] ในระหว่างที่ถูกคุมขังสมคิดศึกษากฏหมายตามหลักสูตรสัมฤทธิบัตรของมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช[61] และเขาได้เป็นนักโทษที่มีความประพฤติดีจนได้เลื่อนขั้นเป็นนักโทษชั้นเยี่ยม ตั้งแต่ปี พ.ศ 2552[62] เมื่อเขาไม่พอใจเจ้าหน้าที่เรือนจำคนไหน เขาจะเขียนหนังสือร้องเรียนและเคยร้องเรียนมาแล้ว ต่อมาในวันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เป็นครั้งแรกที่เรือนจำกลางบางขวางเปิดให้ผู้ต้องขังฝึกอาชีพในการทำอาหาร ซึ่งมติชนทีวีได้ไปสัมภาษณ์ผู้ต้องขังและเผยแพร่วีดีโอข่าว โดยสมคิดได้ปรากฏตัวในวีดีโอ ซึ่งเขาได้สาธิตการทำปอเปี๊ยะทอด[63][64]
ในเดือนกรกฎาคมพ พ.ศ. 2558 สันติวิธี พรหมบุตร ผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวไทย ช่างภาพ และโปรดิวเซอร์รายการข่าวดังข้ามเวลา ได้เดินทางเข้าไปยังเรือนจำกลางบางขวางเพื่อขอพูดคุยกับพันตรีเฉลิมชัย มัจฉากล่ำ เพื่อนำข้อมูลมายืนยันในรายการข่าวดังข้ามเวลา ตอน พลิกแผนฆ่า ล่าปมสังหาร ระหว่างรอพันตรีเฉลิมชัย พวกเขาได้เห็นชายคนหนึ่งแอบมองพวกเขา ผู้คุมจึงเรียกชายคนดังกล่าวมาหาและบอกว่าชายคนดังกล่าวคือสมคิด พุ่มพวง ให้คุยรอพันตรีเฉลิมชัยไปก่อน สันติวิธีได้พูดคุยกับสมคิดเป็นเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง เมื่อสันติวิธีถามว่าทำไมถึงต้องฆ่าผู้หญิงทั้ง 5 คน สมคิดตอบว่า เหยื่อบางคนโดยเฉพาะเหยื่อรายแรก เขารู้จักแต่ถูกหักหลังในบางเรื่อง และเหยื่อบางคนเป็นสายตำรวจ เขาจึงต้องฆ่าคนเหล่านั้น เมื่อสันติวิธีถามว่าสมคิดเรียนรู้วิธีการฆ่ามาจากไหน สมคิดจึงตอบว่า "เขาถนัดการหักคอเหยื่อ เพราะเรียนรู้วิธีฆ่ามาจากทหารเวียดกง ในสมัยที่เขาไปทำงานในบ่อนกาสิโนที่เวียดนาม"[65][66]
ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2559 สันติวิธีได้ขอพบสมคิดในเรือนจำกลางบางขวาง เนื่องจากรายการข่าวดังข้ามเวลาจะทำเรื่องเกี่ยวกับสมคิด พุ่มพวง สันติวิธีได้พาโปรดิวเซอร์ 2 คน และช่างภาพ 1 คนเข้าในเรือนจำ เมื่อพบกับสมคิด โดยสมคิดถือหนังสือกฏหมายและสมุดบันทึก สมคิดจำสันติวิธีได้ จึงทักทายสันติวิธี โดยสันติวิธีได้ขอนำสิ่งที่พูดคุยกับสมคิดไปใช้ในสารคดีข่าว ซึ่งสมคิดได้อนุญาต โดยในการสัมภาษณ์ใช้เวลา 2 ชั่วโมง โดยเน้นรายละเอียดเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมต่อเนื่องของเขา ในปี พ.ศ. 2548 สมคิดให้เหตุผลในการฆาตกรรมผู้หญิง 5 คนว่า เหยื่อรายแรกนางสาววารุณี พิมพะบุตร เขาอ้างว่าเป็นภรรยาเก็บเสี่ย หลอกเงินเสี่ยไปมาก จึงถูกสั่งเก็บและเขาได้รับค่าจ้างเป็นเงิน 170,000 บาท เหยื่อรายที่ 2 นางสาวผ่องพรรณ์ ทรัพย์ชัย เขาอ้างว่าเธอยักยอกของผิดกฎหมาย เขาถูกว่าจ้างให้มาทวงของ และผ่องพรรณถูกคนว่าจ้างซ้อมจนเสียชีวิต และได้ค่าจ้างจำนวน 100,000 บาท เหยื่อรายที่ 3 นางสาวพัชรีย์ อมตนิรันดร์ เขาอ้างว่าเธอโกงค่าแชร์ เขาตามเจอตัวที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน แล้วนำตัวไปฆ่าที่จังหวัดตรัง และเขาได้รับค่าจ้างจำนวน 80,000 บาท เหยื่อรายที่ 4 นางสาวพรตะวัน ปังคะบุตร เขาอ้างว่าเป็นภรยาเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่ง สามีของเขาเป็นหนี้บ่อน เขาถูกว่าจ้างด้วยเงินจำนวน 90,000 บาท ให้มาทวงหนี้กับภรรยา เมื่อได้ได้เขาก็ฆ่าเธอ เหยื่อรายที่ 5 สมปอง พิมพรภิรมย์ เขาอ้างว่าเธอติดหนี้นายทุน เขารับจ้างทวง เอาตัวจากนครราชสีมาไปเข้าโรงแรมที่บุรีรัมย์ แต่เธอโวยวายเขาจึงหักคอเธอจึงเสียชีวิต และปฎิเสธว่าไม่ได้ข่มขืนเธอ[67]
วิดีโอหลายคลิปจากแหล่งข้อมูลภายนอก | |
---|---|
บทสัมภาษณ์สมคิด พุ่มพวงในปี พ.ศ. 2559 โดยสันติวิธี พรหมบุตร | |
ย้อนคำสัมภาษณ์ “สมคิด พุ่มพวง” ปี 58-59, วิดีโอยูทูบ |
เมื่อสันติวิธีได้ขอให้สมคิดเล่าประวัติชีวิตในวัยให้ฟัง สมคิดได้เล่าว่าเขาเกิดที่อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยเขามีชื่อเล่นว่า "แดง" โดยแม่ของเขาเสียชีวิตตั้งแต่เขายังเด็ก เขาจึงต้องอาศัยอยู่กับพ่อและป้า ต่อมาพ่อของเขามีภรรยาใหม่ที่อำเภอห้วยยอด ตอนสมคิดเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 สมคิดเล่นดีดลูกแก้วที่โรงเรียนส่งผลให้เขาถูกครูทำโทษโดยการตี เขาโกรธแค้นครูจึงใช้หนังสติ๊กยิงครู ในปีพ.ศ. 2516 ขณะที่เขาอายุ 9 ขวบ เขาถูกพ่อไล่ออกจากบ้าน เขาจึงหลบหนีเข้าป่าเขาบรรทัด เป็นเวลา 4 ปี แต่การสัมภาษณ์เขาเป็นครั้งแรกเขาเล่าว่า "เมื่ออายุ 8 ขวบ เขาถูกพ่อนำมาฝากไว้กับลุงที่จังหวัดนครศรีธรรมราช"[68] เมื่อสมคิดอายุ 13 ปี เขาได้รับงานเป็นมือปืนรับจ้างและยิงคนคนหนึ่ง หลังจากนั้นได้หลบหนีไปยังอำเภอห้วยยอดและจังหวัดภูเก็ต แล้วไปอยู่กับพ่อเลี้ยงหรือผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งที่อำเภอเชียงแสน และทำงานผิดกฎหมายให้กับพ่อเลี้ยงขณะอายุ 16 ปี ในปีพ.ศ. 2528 ขณะเขาอายุ 17 ปี เขาเดินทางกลับไปหาพ่อของเขาที่บ้านและก่อเหตุปล้นปืนของนายอำเภอส่งผลให้เขาติดคุกเป็นเวลา 3 ปี แต่คดีดังกล่าวก็ถูกยกฟ้องเนื่องจากขาดหลักฐาน ในปีพ.ศ. 2532 เขาอ้างว่าเขาไปรับจ้างยิงคน และในปีต่อมาเขาถูกจับกุมจากคดีฆ่าหั่นศพในอำเภอไทรน้อย แต่ไม่ถูกสั่งฟ้อง หลังจากนั้นเขาเป็นสายตำรวจ และกลับไปยังบ้านยายของเขาที่ภาคใต้ ต่อมาเขาได้ถูกจับกุมในความผิดฐานค้าอาวุธที่ชายแดนของภาคเหนือ หลังจากเขาออกจากเรือนจำในปีพ.ศ. 2536 เขาได้เปิดร้านซ่อมอุปกรณ์ไฟฟ้า แต่เขามีเรื่องกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่งผลให้ถูกจับกุมที่จังหวัดสกลนคร ก่อนจะพ้นโทษในปี พ.ศ. 2542 หลังจากนั้นเขาได้ย้ายไปยังจังหวัดร้อยเอ็ดแล้วถูกจับในคดีข่มขู่ ในอีก2 ปีต่อมา เขาใช้ชื่อปลอมว่าสุวัฒน์ ชาญณรงค์ ได้พบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยอ้างว่าตนเองเป็นพยานผู้เหตุการณ์ โดยอ้างว่าคนร้ายเป็นกลุ่มอื่นที่ไม่ใช่กลุ่มของเฉลิมชัย มัจฉากล่ำ จึงถูกจับกุมในข้อหาให้การเท็จและศาลตัดสินจำคุก 6 เดือน หลังจากเขาพ้นโทษในปีพ.ศ. 2546 เขาไปอยู่กับคนมีชื่อเสียงและทำงานเป็นคนคุมบ่อนกาสิโนที่จุดผ่านแดนถาวรช่องจอม ก่อนที่เขาจะก่อเหตุฆาตกรรมต่อเนื่องในอีก 2 ปีต่อมา[69][70] เมื่อสันติวิธีถามว่าสมคิดเรียนรู้วิธีการฆ่ามาจากไหน เขาตอบว่า เขาไปเรียนรู้วีธีหักคอมาจากอดีตทหารเวียดกง ตอนที่ไปทำงานในบ่อนกาสิโนในเวียดนาม โดยการตอบคำถามของเขาเกี่ยวกับการฆาตกรรมเหมือนกับเขามองเป็นเรื่องปกติและไม่สะทกสะท้านต่อความผิดและบอกว่าคนเหล่านั้นสมควรตาย
แล้วหนูแปรงฟัน อาบน้ำ รู้สึกอะไรไหม
— สมคิด พุ่มพวง, สมคิดหลังจากถูกทีมงานของรายการข่าวดังข้ามเวลาถามเกี่ยวกับความรู้สึกในการฆาตกรรมผู้หญิง 5 ราย, กรกฏาคม พ.ศ. 2559[71]
ซึ่งผู้คุมเรือนจำกลางบางขวางได้บอกกับสันติวิธีว่าสมคิดมักอยู่เงียบๆเพียงคนเดียว โดยเขาได้ให้เหตุผลกับสันติวิธีว่า "เพื่อการได้เป็นนักโทษชั้นเยี่ยม ซึ่งตอนนั้นมีผลต่อการได้คืนสู่อิสรภาพเร็วขึ้น และหากได้ออกจากเรือนจำ เขามีหนี้แค้นที่ต้องชำระ ซึ่งเป็นคนที่ทำให้เขาต้องติดคุก"[72][73][74]
ต่อมาเขาได้ขอย้ายกลับไปยังภูมิลำเนาโดยอ้างว่าเพื่อความสะดวกต่อการเยี่ยมญาติ[75] และถูกลดโทษลงเรื่อยๆตามหลักเกณฑ์การลดโทษจนเหลือโทษจำคุกไม่เกิน 25 ปี ส่งผลให้เขาถูกย้ายกลับภูมิลำเนายังเรือนจำจังหวัดหนองคาย ตลอดเวลาที่เขาถูกคุมขังที่เรือนจำจังหวัดหนองคายเขาไม่เคยมีญาติมาเยี่ยมเลย โดยเขาได้รับพระราชทานอภัยโทษลดโทษในปี พ.ศ. 2562 ส่งผลให้เหลือโทษจำคุก 10 ปี แต่เขาติดคุกมาแล้ว 14 ปี ทำให้เขาถูกปล่อยตัวออกจากเรือนจำหนองคายเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2562[76][77]
การก่อคดีในปี พ.ศ. 2562
[แก้]เหตุการณ์
[แก้]หลังจากได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำหนองคายเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 ในอีก 10 วันต่อมา สมคิดได้เดินทางมายังศาลากลางจังหวัดร้อยเอ็ด พร้อมกับหลักฐานการเพิ่งพ้นโทษมายื่นขอเงินค่าเดินทางกลับภูมิลำเนาที่ตำบลเขาปูน อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง โดยสมคิดอ้างว่าเขาเดินทางมายังจังหวัดร้อยเอ็ดเพื่อหาญาติ แต่เขาไม่พบ และไม่มีเงินเดินทางกลับภูมิลำเนา สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดร้อยเอ็ด จึงจ่ายเงินค่าเดินทางแก่สมคิดจำนวน 851 บาท แบ่งเป็นค่ารถทัวร์กลับกรุงเทพ จำนวน 391 บาท ค่ารถไฟสายกรุงเทพ-ตรัง ค่ารถเมลล์จำนวน 25 บาท และค่าอาหาร 2 มื้อ เป็นจำนวนเงิน 160 บาท[78] จากนั้นได้พาสมคิดขึ้นรถไปส่งยังบขส.ร้อยเอ็ดเพื่อขึ้นรถเดินทางกลับ[79][80][81] ต่อมาในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2562 สมคิดได้เจอกับสุมาลีที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดนครราชสีมา จากการแนะนำของนาวสาวแตง(นามสมมติ) ซึ่งเขาเคยทำทีตีสนิทเธอ แต่นาวสาวแตงมีสามีอยู่แล้ว ทำให้เขาไปคบหากับสุมาลีแทน[82] ซึ่งสุมาลีเป็นเพื่อนของนางสาวแตง จากนั้นสมคิดกับสุมาลีได้ย้ายไปอยู่ด้วยกันและเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวในจังหวัดระยอง โดยเธอไม่ทราบว่าเขาคือฆาตกรต่อเนื่องที่พ้นโทษออกมา เนื่องจากสมคิดหลอกเขาว่าเขาเป็นทนายความ[83] ต่อมาในวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2562 เขาได้หลอกสุมาลีว่าจะไปทำงานด้านกฎหมายในพื้นที่ภาคอีสานแล้วขี่รถจักรยานยนต์ของเธอออกจากบ้านพักในจังหวัดระยอง[84] เพื่อไปหารัศมีที่จังหวัดขอนแก่นและอยู่อาศัยกับเธอ ในวันที่ 5 ธันวาคม เขาบอกว่าจะออกรถเก๋งให้รัศมีเพื่อเป็นของขวัญแต่งงาน เขาได้อ้างว่าติดแบล็คลิสจึงให้รัศมีจองรถด้วยชื่อของเธอเอง ในระหว่างนั้นรัศมีได้ปรึกษาพี่สาวของเธอในเรื่องขอให้เป็นผู้ค้ำประกันออกรถให้ ทำให้สมคิดได้ตีตัวออกห่างรัศมีและกลับไปหาสุมาลี[85] ต่อมาประมาณวันที่ 10 ธันวาคม รัศมีได้พาสมคิดมาหานางบุญเรือง อาจศักดิ์ พี่สาวต่างมารดาของเธอเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการแต่งงาน บุญเรืองได้ถามชื่ออะไร ทำงานอะไรและฟังภาษาอีสานรู้เรื่องไหม สมคิดได้ตอบบุญเรืองว่า เขาชื่อแขก เป็นชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช ทำงานเป็นทนายความอาสา เขาอยากพารัศมีไปอยู่ด้วยเพราะเห็นว่าทำงานลำบาก โดยเขาจะออกรถกระบะให้ 1 คัน เงินผูกข้อไม้ข้อมือ 30,000 บาท และจะพาเธอไปอยู่ภาคใต้ด้วยกัน โดยบุญเรืองสังเกตว่าเวลาที่เขาพูดเขาจะหลบหน้าหลบตา จากการแต่งตัวของเขาทำให้เธอคิดว่าสมคิดไม่น่าจะใช่ทนายความอย่างแน่นอนเนื่องจากเขาใส่กางเกงขาสั้นและขับรถจักรยานยนต์มา เธอจึงไม่เชื่อว่าทนายความความที่ไหนจะมาแบบนี้และไม่ยินยอมให้รัศมีแต่งงานกับเขา ต่อจากนั้นเขาได้ออกอาการคล้ายคนโมโหและเดินทางกลับไปก่อน[86] โดยเขาบอกว่าในวันที่ 14 ธันวาคม จะให้ผู้ใหญ่และญาติ ๆ มาสู่ขอ ในวันที่ 12 ธันวาคม สมคิดได้นำรถจักรยานยนต์ของรัศมีไปจอดที่โรงพยาบาลขอนแก่น โดยเขาอ้างกับเธอว่า เขานำรถของเธอไปซ่อมที่อู่ในจังหวัดขอนแก่น[87]
ในวันที่ 15 ธันวาคม เพื่อนบ้านได้ยินเสียงทั้งคู่ทะเลาะวิวาทกันจนถึงช่วงเที่ยง ระหว่างนั้นรัศมีได้ร้องว่า "ยายดวนช่วยด้วย" เพื่อนบ้านจึงพยายามเข้าไปที่บ้านเพื่อช่วยเหลือ แต่สมคิดเปิดม่านตะโกนออกมาว่า มีอะไรและฝ้ายต้องการพักผ่อน เพื่อนบ้านจึงโทรศัพท์ไปแจ้งตำรวจและญาติ เมื่อญาติและเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบบ้าน แต่ไม่พบสมคิดและรัศมี ตำรวจและญาติจึงเดินทางกลับ[88] ในช่วงเย็นเพื่อนบ้านยังไม่เห็นเธอออกไปทำงาน เพื่อนบ้านจึงไปเรียกหาเธอแต่ไม่มีเสียงขานรับ เพื่อนบ้านและญาติของรัศมีจึงเปิดประตูเข้าไปในบ้านแล้วตรวจค้นบ้านก่อนจะพบศพเธออยู่ใต้ที่นอนขนาด 8 ฟุต โดยสภาพศพของเธอท่อนบนสวมเสื้อยืดและท่อนล่างเปลือย โดยถูกห่อด้วยผ้าห่มบริเวณลำคอถูกพันด้วยเทปใส ที่ข้อเท้าถูกมัดด้วยสายชาร์จโทรศัพท์และไม่พบสมคิด[89] แพทย์ชันสูตรศพพบว่า สาเหตุการเสียชีวิตของรัศมีมาจากการขาดอากาศหายใจ โดยคนร้ายใช้สายไฟรัดคอแล้วใช้เทปใสพันคอซ้ำ[90] ตำรวจชุดสืบสวนลงพื้นที่หาเบาะแสคนร้าย ตรวจสอบจากหลักฐานต่าง ๆ ที่ได้ในที่เกิดเหตุรวมทั้งสอบสวนพยานและนำภาพถ่ายผู้ต้องสงสัย โดยพยานยืนยันตรงกันว่าคือสมคิด[91][92]
การล่าตัวและการจับกุม
[แก้]ในวันที่ 16 ธันวาคม พลตำรวจตรีจิรภพ ภูริเดช ผู้บังคับบัญชากองปราบปราม กล่าวว่าได้สั่งการให้พันตำรวจเอกบุญลือ ผดุงถิ่น และพันตำรวจโทวิวัฒน์ จิตโสภากุล จัดกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการลงพื้นที่จังหวัดขอนแก่นเพื่อสนับสนุนกำลังตำรวจท้องที่สืบหาเบาะแสคนร้ายอย่างเร่งด่วน[93] ในเวลา 16.37 น. เพจเฟซบุ๊กของสถานีตำรวจภูธรกุมภวาปีได้โพสต์ว่ามีคนแจ้งเบาะแสของสมคิดว่าปลอมเป็นพระในเขตเมืองเก่ากุมภวาปี อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี[94] ในช่วงกลางคืนของวันเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบวัดต่าง ๆ ในอำเภอกุมวาปี แต่ก็ไม่พบตัวของสมคิด[95][96][97]
ในช่วงเช้าของวันถัดมา พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับสมคิด[98] จากนั้นศาลจังหวัดขอนแก่นได้อนุมัติหมายจับสมคิดในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนโดยทรมานหรือทารุณโหดร้าย[99] เมื่อเวลา 10.00 น. ผู้สื่อข่าวได้พบกับจักกฤษ์ เชือกพรม ลูกชายของรัศมีที่วัดศรีสว่าง ตำบลหนองโก อำเภอกระนวน ขณะนำเสื้อผ้าของรัศมีมาวางไว้ที่ข้างโลงศพเพื่อเตรียมนำไปเผาในช่วงบ่ายของวันเดียวกันโดยเขาเรียกร้องให้มีการแก้ไขกฎหมายการพิจารณาการลดโทษและขอให้แม่ของเขาเป็นเหยื่อรายสุดท้าย[100] โดยเขาให้ความเห็นว่า "ผมว่าไม่น่าจะปล่อยให้รอดออกมาก่อเหตุได้อีก เพราะเป็นบุคคลอันตราย ควรได้รับโทษประหารชีวิตเท่านั้น"[101]
ในเวลา 12.00 น. พลตำรวจตรีนันทชาติ ศุภมงคล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี ได้เปิดเผยถึงความคืบหน้าการล่าตัวสมคิดโดยเขาได้เปิดเผยว่าหลังจากมีการแชร์ข่าวลงในเพจสถานีตำรวจภูธรกุมภวาปีว่าสมคิดปลอมเป็นพระและหลบหนีมาอยู่ในพื้นที่วัดบ้านผือ หรือมีผู้แจ้งว่าเห็นสมคิดไปนั่งกินเบียร์กระป๋องดูนักเรียนซ้อมเชียร์ที่สวนสาธารณะหนองประจักษ์[102] ซึ่งจากรายงานล่าสุดยังไม่พบตัวของสมคิด ซึ่งคาดว่าเป็นเพียงข่าวลือ แต่ก็ไม่ประมาท โดยได้สั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกสถานีในพื้นที่ออกสืบสวนหาข่าวในพื้นที่ และหากพบผู้ต้องสงสัยให้เข้าตรวจสอบสามารถจับกุมได้ในทันที[103] ในเวลา 15.00 น.กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 4 และสถานีตำรวจภูธรกระนวนได้ตั้งรางวัลนำจับจำนวน 50,000 บาท ซึ่งจะมอบให้พลเมืองดีที่แจ้งเบาะแสของคนร้ายจนนำไปสู่การจับสมคิด[104] ในช่วงเวลาเดียวกันญาติของรัศมีได้ทำพิธีฌาปนกิจศพเสร็จสิ้นโดยทุกคนได้ขอให้ดวงวิญญาณของรัศมีดลบันดาลให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ นำพาเจ้าหน้าที่ตำรวจตามจับฆาตกรรายนี้โดยเร็ว และขอให้ได้รับโทษประหารเพียงสถานเดียว[105]
วันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2562 เจ้าหน้าที่ตำรวจพบเบาะแสว่าสมคิดพยายามหลบหนีการจับกุมโดยใช้รถไฟเป็นยานพาหนะ โดยพบว่ามีการซื้อตั๋วรถไฟขบวน 234 สุรินทร์-กรุงเทพ ที่สถานีรถไฟบุรีรัมย์เพื่อเดินทางไปยังสถานีรถไฟอยุธยา ต่อมาในเวลาประมาณ 09.00 น. นักศึกษาคนหนึ่งได้เดินทางพร้อมกับแฟนสาวจากจังหวัดนครราชสีมาไปยังกรุงเทพ โดยทั้งสองได้นั่งตรงข้ามชายคนหนึ่ง แฟนสาวของเขาได้เหลือบมองใบหน้าของชายที่นั่งตรงข้ามและพบว่ามีลักษณะคล้ายสมคิด โดยเฉพาะรอยแผลเป็นที่คิ้วซ้ายเหมือนกับในประกาศจับของตำรวจ ทำให้ทั้งสองย้ายไปนั่งที่ตู้อื่น แล้วนักศึกษาได้โทรแจ้งตำรวจ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้โทรหานักศึกษาเรื่อย ๆ และนักศึกษาได้ประสานงานกับตำรวจผ่านไลน์ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ถามว่าตอนนี้สมคิดยังอยู่ไหมและขบวนรถไฟอยู่บริเวณไหน นักศึกษาคนดังกล่าวจึงทำเป็นเดินผ่าน ๆ สมคิดพร้อมกับถ่ายรูปและวิดีโอส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ[106] ในเวลา 10.35 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรปากช่อง ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจรถไฟว่ามีพลเมืองดีพบสมคิด พุ่มพวงบนขบวนรถธรรมดาที่ 234 สุรินทร์-กรุงเทพ หลังรับแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสายสืบจึงเข้าล้อมบริเวณชานชาลาสถานีรถไฟปากช่องไว้ก่อนที่ขบวนรถไฟจะเข้าจอดเทียบชานชาลา เมื่อรถไฟจอดสนิท เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจู่โจมขึ้นบนตู้ที่ 2 พบสมคิดใส่เสื้อสีเทา ใส่หมวก แต่งกายปิดหน้ากากอนามัยที่จมูกและปากเพื่ออำพรางตัว นั่งปะปนอยู่กับผู้โดยสาร[107] เจ้าหน้าที่ได้เข้าจับตัวเขาในทันที[108] ซึ่งสมคิดไม่ได้ขัดขืนและมีสีหน้าที่เรียบเฉย[109] จากการตรวจค้นพบมีดจำนวน 1 เล่ม[110] และตั๋วรถไฟขบวนที่ 234 สุรินทร์-กรุงเทพฯ จากตั๋วรถไฟพบว่าเขาจะเดินทางไปลงที่สถานีรถไฟอยุธยา[111][112]
บันทึกคำให้การ
[แก้]สมคิด พุ่มพวงได้ให้การว่าวันที่ 14 ธันวาคม ได้ขับรถจักรยานยนต์ของรัศมีไปจอดไว้ที่โรงพยาบาลขอนแก่น และขับรถจักรยานยนต์ของตัวเองกลับไปหานางรัศมีที่ อำเภอกระนวน ทำให้รัศมีไม่พอใจและทะเลาะกัน จนถึงเช้าวันที่ 15 ธันวาคม สมคิดทะเลาะกับรัศมี เขาได้ใช้มือบีบคอเธอจนสลบจากนั้นได้เอาสายไฟ รัดคอซ้ำจนเธอเสียชีวิต จากนั้นนำเทปกาวใสมาพันรอบคอซ้ำ แล้วใช้สายชาร์จโทรศัพท์มัดเท้าแล้วเก็บศพไว้ใต้ที่นอนแล้วจึงหลบหนี[113]
การพิจารณาคดี
[แก้]เมื่อวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2564 ศาลจังหวัดขอนแก่นมีคำพิพากษาให้ประหารชีวิต สมคิด พุ่มพวง เพียงสถานเดียว ในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและโดยการทรมานหรือกระทำทารุณโหดร้าย ลักทรัพย์ และซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพ แต่เนื่องจากความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและโดยการทรมานหรือกระทำทารุณโหดร้ายที่สมคิดได้กระทำนั้น เป็นความผิดที่มีอัตราโทษสูงสุดคือประหารชีวิต จึงไม่สามารถนับโทษในคดีที่เหลือต่อได้[114] ต่อมาในวันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2564 ศาลอุทธรณ์ภาค 4 ได้อ่านคำพิพากษาของคดีสมคิด และเขาได้ยื่นฎีกาในวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2565 ซึ่งยังไม่พบข้อมูลของคำตัดสิน[115]
ดูเพิ่ม
[แก้]เชิงอรรถ
[แก้]แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- ระบบติดตามสำนวนคดี เก็บถาวร 2021-05-26 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน คดีฆาตกรรมแม่บ้านโรงแรมคือคดีหมายเลขดำที่ อ87/2563 คดีหมายเลขแดงที่ อ174/2564 (หากพบข้อมูลคำตัดสินศาลอุทธรณ์โปรดแก้ไขส่วนคำตัดสินของคดีฆาตกรรมครั้งใหม่ด้วย)
อ้างอิง
[แก้]- ↑ พลเมืองดีชี้เป้า “สมคิด พุ่มพวง” ฆาตกรต่อเนื่องผู้โด่งดัง พบเคยปลอมเป็นพระ
- ↑ Exclusive: รู้จักตัวตน “สมคิด พุ่มพวง” ฆาตกรต่อเนื่อง “คิด เดอะริปเปอร์” ผ่านบทสัมภาษณ์ขณะอยู่ในเรือนจำ
- ↑ ไขปมวัยเด็ก “สมคิด พุ่มพวง” ถูกทิ้ง เคยอาสาทำดี ส่งจดหมายขู่ เอี่ยวคดีดัง มีลูก
- ↑ “สมคิด พุ่มพวง” รับสารภาพฆ่าเพราะบันดาลโทสะ รู้จักผู้ตายผ่านเฟซบุ๊ก ตร.ภาค 4 เตรียมทำแผน 19 ธ.ค.นี้ (ชมคลิป)
- ↑ เปิดใจ ลูกชาย ‘สมคิด พุ่มพวง’ เมื่อ’พ่อ’ต้องคำพิพากษาประหารชีวิตอีกครั้ง ‘รอขอทำศพ’
- ↑ ""สมคิด พุ่มพวง" แจ็ค เดอะริปเปอร์เมืองไทย". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-01-11. สืบค้นเมื่อ 2022-01-11.
- ↑ เผย “หลักทัณฑวิทยา” ลดโทษ “สมคิด พุ่มพวง” คุกตลอดชีวิตเหลือ 14 ปี ก่อนก่อเหตุซ้ำ
- ↑ "ย้อนประวัติ "สมคิด พุ่มพวง"ฆาตกรต่อเนื่อง" [Revisiting the history of Somkid Pumpuang, a serial killer.]. PPTV HD. December 17, 2019. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-01-11. สืบค้นเมื่อ 2022-01-11.
- ↑ Exclusive: รู้จักตัวตน “สมคิด พุ่มพวง” ฆาตกรต่อเนื่อง “คิด เดอะริปเปอร์” ผ่านบทสัมภาษณ์ขณะอยู่ในเรือนจำ
- ↑ พลิกปูมหลังวัยเด็ก “สมคิด พุ่มพวง” ฆาตกรต่อเนื่อง ทำไมถึงโหดเหี้ยมผิดมนุษย์!!!
- ↑ ย้อนประวัติ “สมคิด พุ่มพวง”ฆาตกรต่อเนื่อง
- ↑ ย้อนคดีเขย่าขวัญ “สมคิด พุ่มพวง” ฆาตกรต่อเนื่อง ฉายา “คิด เดอะริปเปอร์”
- ↑ ไขปมวัยเด็ก “สมคิด พุ่มพวง” ถูกทิ้ง เคยอาสาทำดี ส่งจดหมายขู่ เอี่ยวคดีดัง มีลูก
- ↑ Exclusive: รู้จักตัวตน “สมคิด พุ่มพวง” ฆาตกรต่อเนื่อง “คิด เดอะริปเปอร์” ผ่านบทสัมภาษณ์ขณะอยู่ในเรือนจำ
- ↑ แฉ"สมคิด พุ่มพวง" ฆาตรกร 6ศพ พูดเก่ง สุภาพ มักอ้างเป็นเจ้าของค่ายเพลง
- ↑ เปิดฉากฆาตกรรมเหยื่อ “คิด เดอะริปเปอร์” รายที่ 1
- ↑ เลื่อนอ่านพิพากษา “สมคิด” ฆาตกรต่อเนื่องไป 21 ส.ค.
- ↑ ย้อนคดี "สมคิด พุ่มพวง" แจ็ค เดอะริปเปอร์เมืองไทย
- ↑ ตามดูห้องพักน้องเปิ้ล-สาวเชียงใหม่ เหยื่อ “คิด เดอะริปเปอร์” ลวงฆ่าคาโรงแรมดังลำปาง
- ↑ เปิดฉากฆาตกรรมเหยื่อ “คิด เดอะริปเปอร์” รายที่ 2
- ↑ เคยเจอฆาตกรต่อเนื่อง!! เปิดใจช่างตัดผมเล่าความหลัง…เหยื่อลำปางถูกลวงไปฆ่า
- ↑ เลื่อนอ่านพิพากษา “สมคิด” ฆาตกรต่อเนื่องไป 21 ส.ค.
- ↑ คุกตลอดชีวิต! “สมคิด” ฆาตกรฆ่าต่อเนื่องหมอนวด-นักร้องคาเฟ่
- ↑ พิพากษาประหารสมคิด พุ่มพวงฆาตกรต่อเนื่อง
- ↑ ย้อนคดีเขย่าขวัญ “สมคิด พุ่มพวง” ฆาตกรต่อเนื่อง ฉายา “คิด เดอะริปเปอร์”
- ↑ เปิดใจพ่อเหยื่อรายที่ 5 เล่านาที ‘สมคิด เดอะริปเปอร์’ ฆ่าลูก
- ↑ เจ้าของแมนชั่น ที่เกิดเหตุ “คิด เดอะริปเปอร์” ฆ่าหมอนวด เปิดใจธุรกิจเกือบเจ๊ง
- ↑ พิพากษาประหารสมคิด พุ่มพวงฆาตกรต่อเนื่อง
- ↑ เปิดฉากฆาตกรรมเหยื่อ “คิด เดอะริปเปอร์” รายที่ 3-4-5
- ↑ ตำรวจบุรีรัมย์ มั่นใจ "คิด เดอะริปเปอร์" แค่ฆาตกรพเนจร ไม่ย้อนมาอีก
- ↑ เปิดฉากฆาตกรรมเหยื่อ “คิด เดอะริปเปอร์” รายที่ 3-4-5
- ↑ ผู้ว่าฯ อัศวิน เล่าถึงวันจับกุม "สมคิด" เมื่อปี 48 เชื่อลงมือเพราะเก็บกด
- ↑ รวบฆาตกรต่อเนื่อง ขณะลวงหมอนวดเหยื่อรายที่ 6 เข้าโรงแรม
- ↑ จับฆาตกรต่อเนื่องฆ่าหญิงสาว 5 คน
- ↑ ย้อนรอยคดี 'เณรแอ' จอมขมังเวทผู้พ่ายนารีพิฆาต
- ↑ ผู้ว่าฯ อัศวิน เล่าถึงวันจับกุม "สมคิด" เมื่อปี 48 เชื่อลงมือเพราะเก็บกด
- ↑ ย้อนประวัติ “สมคิด พุ่มพวง”ฆาตกรต่อเนื่อง
- ↑ ตร.ตรังพบหลักฐานมัด “สมคิด” ฆาตกรฆ่าหมอนวดตัวจริง
- ↑ คุกตลอดชีวิต'สมคิด'ฆาตกรต่อเนื่อง5ศพ
- ↑ เลื่อนอ่านพิพากษา “สมคิด” ฆาตกรต่อเนื่องไป 21 ส.ค.
- ↑ คุกชั่วชีวิต ปิดตำนานฆาตกรต่อเนื่อง “คิด เดอะริปเปอร์”
- ↑ พิพากษาประหารสมคิดฆาตกรต่อเนื่อง
- ↑ ศาลอุทธรณ์ยืนคุก"สมคิด พุ่มพวง"ตลอดชีวิต
- ↑ คุกตลอดชีวิต'สมคิด'ฆาตกรต่อเนื่อง5ศพ
- ↑ จำคุกตลอดชีวิต"สมคิด พุ่มพวง"ฆาตกรต่อเนื่อง 5 ศพ
- ↑ ประหาร'สมคิด พุ่มพวง' ก่อนจำคุกตลอดชีวิต ดับซ่าฆาตกรต่อเนื่อง
- ↑ ประหาร! “สมคิด พุ่มพวง” ปิดตำนานฆาตกรต่อเนื่อง
- ↑ ""สมคิด พุ่มพวง" แจ็ค เดอะริปเปอร์เมืองไทย". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-01-11. สืบค้นเมื่อ 2022-01-11.
- ↑ อุทธรณ์ยืนประหารชีวิต “สมคิด พุ่มพวง” ฆาตกรซาดิสต์หมอนวด
- ↑ อุทธรณ์จำคุก 'สมคิด พุ่มพวง' ตลอดทั้งชีวิต
- ↑ ประหาร! “สมคิด พุ่มพวง” ฆ่าหมอนวดลำปาง-เจ้าตัวตาเหลือกโวยไม่รับคำตัดสิน!
- ↑ สั่งประหารซ้ำ"สมคิด"ฆ่าต่อเนื่องไม่สำนึก
- ↑ อุทธรณ์แก้โทษประหาร “สมคิด” เหลือคุกตลอดชีวิตคดีฆ่าหมอนวดสาวลำปาง
- ↑ คุกตลอดชีวิต! “สมคิด” ฆาตกรฆ่าต่อเนื่องหมอนวด-นักร้องคาเฟ่
- ↑ จำคุกตลอดชีวิต 'สมคิด5ศพ' ฆาตกรต่อเนื่อง
- ↑ ขังลืม"คิด เดอะริปเปอร์" ฆาตกรต่อเนื่อง5ศพ
- ↑ คุกตลอดชีวิต!'สมคิด พุ่มพวง'ฆาตกร5ศพ
- ↑ จำคุกตลอดชีวิต สมคิด พุ่มพวง แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์เมืองไทย
- ↑ ยืนคุกตลอดชีวิตสมคิดฆาตรกรต่อเนื่องฆ่าหมอนวด
- ↑ เผย “หลักทัณฑวิทยา” ลดโทษ “สมคิด พุ่มพวง” คุกตลอดชีวิตเหลือ 14 ปี ก่อนก่อเหตุซ้ำ
- ↑ สมคิด พุ่มพวง ประวัติไม่ธรรมดา เรียนกฎหมายในคุก ตีเนียนขอเงินหน่วยงานรัฐ
- ↑ แฉ "สมคิด พุ่มพวง" โรคจิตของจริง เตือน เป็นบุคคลอันตรายอย่างยิ่ง
- ↑ เปิดคลิป "เชฟสมคิด พุ่มพวง" นักโทษชั้นดี สุภาพ-อ่อนโยน โชว์เมนู "ปอเปี๊ยะ"
- ↑ โซเชียลแห่แชร์คลิป “เชฟสมคิด พุ่มพวง” นักโทษชั้นดีสมัยอยู่คุกบางขวาง โชว์เมนู “ปอเปี๊ยะ”
- ↑ “สมคิด” ฆ่า 5 ศพปี 48 บอกเหมือนแปรงฟันอาบน้ำ-ถนัดหักคอเหยื่อ : ข่าวดังข้ามเวลา
- ↑ Exclusive: รู้จักตัวตน “สมคิด พุ่มพวง” ฆาตกรต่อเนื่อง “คิด เดอะริปเปอร์” ผ่านบทสัมภาษณ์ขณะอยู่ในเรือนจำ
- ↑ ย้อนคำสัมภาษณ์ “สมคิด พุ่มพวง” ปี 58-59
- ↑ พลิกปูมหลังวัยเด็ก “สมคิด พุ่มพวง” ฆาตกรต่อเนื่อง ทำไมถึงโหดเหี้ยมผิดมนุษย์!!!
- ↑ “สมคิด” ฆ่า 5 ศพปี 48 บอกเหมือนแปรงฟันอาบน้ำ-ถนัดหักคอเหยื่อ : ข่าวดังข้ามเวลา
- ↑ ฟังจากปาก “สมคิด พุ่มพวง” เล่าชีวิตในวัยเด็ก-มุมมืดที่กลายเป็นฆาตรกรต่อเนื่อง
- ↑ ย้อนคำสัมภาษณ์ “สมคิด พุ่มพวง” ปี 58-59
- ↑ “สมคิด” ฆ่า 5 ศพปี 48 บอกเหมือนแปรงฟันอาบน้ำ-ถนัดหักคอเหยื่อ : ข่าวดังข้ามเวลา
- ↑ ฟังจากปาก “สมคิด พุ่มพวง” เล่าชีวิตในวัยเด็ก-มุมมืดที่กลายเป็นฆาตรกรต่อเนื่อง
- ↑ นักข่าวเคยสัมภาษณ์สมคิดเล่า แต่งเรื่องเก่ง ฆ่าคนไม่สะทกสะท้าน
- ↑ ด่านหนองคายตรวจเข้มคนเข้าออก ป้องกัน “สมคิด เดอะริปเปอร์” หนีเข้าลาว
- ↑ 'สมคิด พุ่มพวง' ถูกสั่งประหารชีวิตสถานเดียว สรุปคดีฆาตกรต่อเนื่อง 6 ศพ
- ↑ ชูวิทย์ วิเคราะห์เหตุผล สมคิด พ้นคุก สมศักดิ์ จ่อให้นักโทษอุจฉกรรจ์ใส่กำไล EM ตลอดชีวิต
- ↑ แชร์ว่อน ไอ้คิด ตระเวนขอเงินหน่วยงานรัฐกลับบ้าน ชาวเน็ตแซะทำไมให้ง่ายจัง
- ↑ เปิดเอกสาร-ลายมือ ‘สมคิด’ ขอเงินพมจ.กลับบ้าน เผยอาการผิดปกติ
- ↑ เปิดหลักฐาน "สมคิด" ขอใช้เงิน พม.ยังชีพ
- ↑ ขุดภาพ ‘สมคิด’ ตระเวนขอเงินหน่วยงานรัฐ ‘ค่ารถ’ กลับบ้าน ชาวเน็ตงง! มีเงื่อนไขใด ทำไมให้ง่าย
- ↑ เปิดใจสาวหวิดเป็นศพที่ 7 สมคิด พุ่มพวง ไม่รู้เป็นฆาตกรต่อเนื่อง ถูกหลอกคบซ้อน
- ↑ ตร.ไม่เชื่อคำให้การ "สมคิด พุ่มพวง" น่าจะมีวางแผนฆ่า พบแอบคบหญิงซ้อนด้วย
- ↑ ตร.แฉแผนแสบ"สมคิด"หลอกเหยื่อดาวน์รถให้ ไม่สำเร็จจึงตีตัวออกห่าง ฝ่ายหญิงไม่ยอมจึงโดนฆ่า
- ↑ ตร.ไม่เชื่อคำให้การ "สมคิด พุ่มพวง" น่าจะมีวางแผนฆ่า พบแอบคบหญิงซ้อนด้วย
- ↑ คิด เดอะริปเปอร์ ฆ่าเหยื่อรายที่ 6 ในวันที่จะเข้าพิธีสู่ขอ
- ↑ 7 เดือนสมคิด พ้นโทษมาหลอกสาว 2 คน สร้างเรื่องเป็นทนาย ก่อนสังหารเหยื่อรายที่ 6
- ↑ เหมือนโดนบังตา หลานสาวเผยไม่เจอศพน้าถูกฆ่าเปลือย ต้องจุดธูปขอถึงได้เห็น
- ↑ พบศพหญิงวัย 51 ถูกฆ่าในบ้าน จ.ขอนแก่น เร่งหาตัวหนุ่มคนสนิทหายตัวไป
- ↑ สยอง!พบศพหญิงถูกฆ่าเปลือยคาบ้านพัก ตร.คาดฝีมือแฟนหนุ่ม
- ↑ "สมคิด พุ่มพวง" ฆ่าสาวศพที่6 กรมคุกเต้นเพิ่งได้อภัยโทษ (คลิป)
- ↑ ตร.ขอนแก่น ยันพยานชี้ตัว "สมคิด พุ่มพวง" คนร้ายฆ่าสาวใหญ่ เร่งขอหมายจับ (คลิป)
- ↑ จัดกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ
- ↑ ล่า "สมคิด พุ่มพวง" ฆาตกรต่อเนื่อง ตร.สืบเบาะแสปลอมเป็นพระยังไม่พบ
- ↑ ไม่พบตัว "สมคิด พุ่มพวง" ปลอมเป็นพระกบดาน กุมภวาปี อุดรฯ ตามเบาะแส
- ↑ ตร.ตรวจสอบพลเมืองแจ้ง 'นายสมคิด' ปลอมเป็นพระ สรุปเป็นคนละคน
- ↑ ตร.ขอนแก่น คาดใน 1-2 วันจะขอหมายจับ ผู้ต้องสงสัยเอี่ยวฆ่าเปลือยสาวใหญ่
- ↑ ออกหมายจับ "คิด เดอะริปเปอร์" ฆ่าโดยเจตนา มีคนเห็น "ปลอมเป็นพระ"
- ↑ ออกหมายจับ! "สมคิด" พลเมืองดีแจ้งเบาะแสโผล่เมืองอุดรธานี
- ↑ "ขอให้แม่ผมเป็นรายสุดท้าย" ลูกชายเหยื่อ หวั่น"สมคิด"จะไปฆ่าคนอีก
- ↑ เตรียมเผาศพเหยื่อสมคิด ลูกชายวอนแก้กฎหมาย “ขอให้แม่ผมเป็นเหยื่อรายสุดท้าย”
- ↑ ผวาทั้งจังหวัด! “คิด เดอะริปเปอร์” โผล่นั่งข้างๆ ดูเด็กผู้หญิงนุ่งสั้น ซ้อมเชียร์ลีดเดอร์
- ↑ ลือสนั่น “สมคิด พุ่มพวง” โผล่หนองประจักษ์ ผู้การอุดรฯ สั่งล่าตัว
- ↑ ตั้งค่าหัว 5 หมื่น "คิด เดอะริปเปอร์" เผาศพเหยื่อ ญาติขอวิญญาณพาไปจับ
- ↑ เผาศพแม่
- ↑ เปิดใจ นักศึกษาหนุ่ม ผงะเจอสมคิดบนรถไฟ นั่งตรงข้าม ทำทีแอบถ่าย แจ้งตำรวจ
- ↑ คนอยู่ในเหตุการณ์เล่านาทีรวบ "สมคิด พุ่มพวง" ฆาตกรต่อเนื่องบนรถไฟ (คลิป)
- ↑ ด่วน จับได้แล้ว "สมคิด พุ่มพวง" จนมุมบนรถไฟ
- ↑ "สมคิด พุ่มพวง" ตีตั๋วขึ้นรถไฟ ก่อนถูกรวบจนมุมที่ปากช่อง
- ↑ เจ้าหน้าที่ตำรวจพบอาวุธที่นายสมคิดพกติดตัวตลอดเวลา
- ↑ เผย รถไฟมาช้า 32 นาที "สมคิด" จนมุมที่ปากช่อง ยอมให้จับโดยละม่อม
- ↑ ไปไม่ถึงอยุธยา "สมคิด พุ่มพวง" โดนจับที่โคราช พลเมืองดีแจ้งเบาะแส
- ↑ เปิดคำรับสารภาพ "สมคิด พุ่มพวง" ฆาตกรโรคจิต เหตุฆ่าศพที่ 6 สาวกระนวน
- ↑ ศาลประหารชีวิต "สมคิด พุ่มพวง" ฆาตกร 6 ศพ ชี้ไม่สำนึก-ขาดความเมตตา
- ↑ "ระบบติดตามสำนวนคดี". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-05-26. สืบค้นเมื่อ 2024-06-26.