ข้ามไปเนื้อหา

มาสค์ไรเดอร์ริวคิ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
มาสค์ไรเดอร์ริวคิ

ข้อมูล
บทประพันธ์ โชทาโร่ อิชิโนะโมะริ
ผู้ผลิต ญี่ปุ่น โตเอ
เขียนบท Yasuko Kobayashi
Toshiki Inoue
กำกับ Ryuta Tasaki
Hidenori Ishida
Takao Nagaishi
Kenko Sato
Nobuhiro Suzumura
แสดงนำ Takamasa Suga
Satoshi Matsuda
Ayano Sugiyama
บรรยาย Eiichiro Suzuki
เพลงเปิด "Alive A life" by Rica Matsumoto
เพลงปิด "Hatenaki Inochi" by Hiroshi Kitadani
"Hateshinai Honō no Naka e" by RIDER CHIPS featuring Keiko Terada
"Revolution" by Hiroshi Kitadani
กำกับเสียง Kazunori Maruyama
Cher Watanabe
จำนวนตอน 50
การผลิต
โปรดิวเซอร์ Kazuo Tsuburai
Chiharu Nakasone (TV Asahi)
Shinichirō Shirakura
Naomi Takebe (Toei)
ความยาว 23-25 minutes per episode
การออกอากาศ
ฉายครั้งแรก 3 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2002 (2002-02-03) - 19 มกราคม ค.ศ. 2003 (2003-01-19)
เว็บไซต์ทางการ
Official Site
ลำดับซีรีส์
อากิโตะ ไฟซ์

มาสค์ไรเดอร์ริวคิ (ญี่ปุ่น: 仮面ライダー龍騎โรมาจิKamen Raidā Ryūkiทับศัพท์: Kamen Rider Ryuki) เป็นละครโทรทัศน์โทคุซัทสึชุดมาสค์ไรเดอร์ ออกอากาศครั้งแรกเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2002 ถึง 19 มกราคม ค.ศ. 2003 มีจำนวนตอนทั้งหมด 50 ตอน

ภาพรวม

[แก้]

ผลงานมาสค์ไรเดอร์ซีรีส์ โดยเป็นผลงานแรกของบรรดามาสค์ไรเดอร์ยุคเฮย์เซย์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการแข่งขันและโลกมิติโดยมีประโยคว่า มาสค์ไรเดอร์ทั้ง 13 ต้องสู้กันเองจนเหลือรอดเพียงคนเดียวเพื่อปรารถหนา และมีเนื้อหาเกี่ยวกับความปรารถนาของมนุษย์

นอกจากนี้ยังมีองค์ประกอบเพื่มเติมนั่นก็คือการ์ดเกมเพิ่มเข้ามาในส่วนของไรเดอร์ และเพิ่มเข้ามาในส่วนของการต่อสู้ หลังจากการเริ่มออกอากาศ เรื่องราวของไรเดอร์ที่สู้กันเองด้วยความปรารถนาของตนเอง และมีการเรียกตัวเองว่า "มาสค์ไรเดอร์" อย่างเป็นทางการ แม้ว่าจะเป็นตัวร้ายก็ตามทำให้เกิดข้อพิพาทว่ามันไม่เหมาะสมกับรายการโทรทัศน์สำหรับเด็ก ตามข่าวหนังสือพิมพ์ในยุคที่ออกอากาศในขณะนั้น

การสร้าง

[แก้]

เดิมทีนั้นต้องการที่จะให้ซีรีส์ มาสค์ไรเดอร์คูกะ และ มาสค์ไรเดอร์อากิโตะ จบลงแต่ได้ถูกเป็นซีรีส์มาสค์ไรเดอร์ยุคเฮย์เซย์ลำดับที่ 3 [1][2] ในช่วงที่วางแผนการผลิตงานนั้นจะทำซีรีส์นักรบที่มีคอนเซปต์คล้าย ครอสไฟเยอร์ ซึ่งเป็นต้นแบบของ มาสค์ไรเดอร์ และเป็นผลงานเริ่มต้นที่ทำ[1] แต่ด้วยกระแสของมาสค์ไรเดอร์ที่กลับมานิยม ทำให้กลับมาสร้างซีรีส์มาสค์ไรเดอร์ต่ออีกครั้ง[1]

ภายหลังจากเหตุการณ์วินาศกรรม 11 กันยายน เมื่อวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2544 ทางสถานีโทรทัศน์ยังยึดชู คูกะ และ อากิโตะ เป็นฮีโร่ที่ไม่ซับซ้อนแยกแยะความแตกต่างระหว่างความดีและความชั่วได้อย่างชัดเจน และให้ความยุติธรรมแก่เด็ก ๆ[1][3] แต่ว่า ชินทาโร่ ชิราคุระ โปรดิวเซอร์กลับตอบสนองบิดเบือนเจตนาโดยคำนึงถึงความตั้งใจของสถานี[4] โดยกล่าวว่า ฉันต้องการสอนเด็กให้รู้จักความยุติธรรมที่แท้จริง เป็นเพราะความยุติธรรมที่พวกเขาเชื่อนั้นเป็นสิ่งจอมปลอม และผู้ผลิตอ้างว่ารู้ของจริง[5]

ชิราคุระพยายามสร้างแนวคิด ความยุติธรรมของแต่ละทาง หลังจากที่ทำอากิโตะจากผลงานก่อนหน้านี้ ก็ไม่ได้ทำลายขนบทำเนียมที่กล่าวว่า "คาเมนไรเดอร์คือความเที่ยงธรรม" ที่คนดูได้สรุปไว้ตั้งแต่ต้น จึงทำให้ได้ปรับพลิกโฉมแนวคิดขนบธรรมเนียนของมาสค์ไรเดอร์ไว้มากเกินไปจนผู้ชมไม่สามารถยอมรับได้ [6]

นอกจากนี้บันไดผู้สนับสนุนหลักยังขอให้มีความแตกต่างจากคูกะและอากิโตะอย่างสิ้นเชิง และทำแนวคิดใหม่ๆ มากมายที่แตกต่างจากซีรีส์มาสค์ไรเดอร์เรื่องที่ผ่านมา ทั้งองค์ประกอบและรูปแบบแนวคิดต่างๆ[1]

และด้วยเหตุนี้จึงสร้างซีรีส์ใหม่ขึ้นมาโดยใช้ชื่อว่าริวคิโดยชื่อริวคิที่ปรากฏนั้นได้ใช้ตัวอักษรคันจิเป็นครั้งแรก[1][7]

เรื่องย่อ

[แก้]

คิโดะ ชินจิ ชายหนุ่มช่างภาพผู้ใสซื่อ เขาทำงานให้กับสำนักข่าว ORE Journal โดยในแต่ละวันเขามักจะทำงานล้มเหลวเนื่องด้วยอุปสรรคนานาประการจนกระทั่งวันหนึ่งเขาได้บังเอิญเก็บกล่องปริศนาขึ้นมาจากคดีบุคคลหายสาบสูญคดีหนึ่ง ทำให้ชีวิตของชินจิต้องเปลี่ยนไป และเขาได้พบกับ อาคิยามะ เรน ชายหนุ่มผู้จริงจังกับชีวิต กำลังต่อสู้กับสัตว์ประหลาด ในมิเรอร์ เวิลด์ โลกกระจกที่ทุกอย่างเหมือนกับโลกที่เขาอาศัยหากแต่เพียงตัวอักษรจะตรงกับข้ามและไม่มีมนุษย์คนใดอาศัยอยู่ โดยที่มีหญิงสาวนาม คันซากิ ยุย ผู้ที่สามารถมองเห็นการต่อสู้ในมิเรอร์ เวิลด์ คอยดูการต่อสู้ของพวกเขา ทำให้ทั้ง3ต้องเผชิญกับการต่อสู้ที่สุดแสนจะคาดเดา

ชินจิที่ได้ก้าวเข้าสู่วิถีแห่งมาสค์ไรเดอร์ ไม่อาจสามารถหันหลังกลับไปได้และเมื่อรู้ว่าการต่อสู้ในมิเรอร์ เวิลด์นั้นเป็นการต่อสู้แบบ Battle Royal โดยผู้ที่มีชีวิตรอดเพียงหนึ่งเดียวจะสามารถขอพรในสิ่งที่ตนเองหวังเอาไว้ ยิ่งทำให้ชินจิต้องเอาชนะจากการต่อสู้ครั้งนี้พร้อมกับคำขอของเขาที่ต้องการให้โลกมีแต่สันติสุข ความสงบสุข

ตัวละคร

[แก้]

มาสค์ไรเดอร์ทั้ง 13

[แก้]

ในส่วนของมาสค์ไรเดอร์ฟามและมาสค์ไรเดอร์ริวกะไปที่ มาสค์ไรเดอร์ริวคิ : EPISODE FINAL

คิโดะ ชินจิ (城戸 真司) / มาสค์ไรเดอร์ริวคิ (仮面ライダー龍騎)
ตัวเอกของเรื่อง อายุ 23 ปี[8] เป็นนักข่าวของสำนักข่าวทางสื่ออินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือ ORE เจอร์นัล[8] เป็นมาสค์ไรเดอร์โดยบังเอิญ เนื่องจากเขาเก็บกล่องเวนท์เด็คได้ด้วยความบังเอิญทำให้ชีวิตของเขาต้องเปลี่ยนไป คอยรายงานและหาข่าวแปลกๆ มานำเสนอแด่ผู้อ่านบ่อยครั้งที่มักจะเจอเหตุการณ์จากโลกกระจกมิเรอร์เวิลด์ ทำให้เขาไม่สามารถหาข่าวไปนำเสนอและถูกตักเตือนและหักเงินอยู่บ่อยครั้ง มีนิสัยที่ซื่อตรงและใจดีเกินเหตุ ทำให้เขาต้องตกเป็นเบี้ยล่างของเพื่อนร่วมงานและกลายเป็นคนที่เสียเปรียบไม่ทันคนหลายครั้ง แต่ด้วยนิสัยที่ใจดี ซื่อตรง ทำให้ไม่มีใครโกรธเขาลงเลยสักครั้ง ช่วงแรกโดนไล่ออกจากที่พักมาหลับนอนในออฟฟิศ แต่เพราะไปอยู่ทำให้ค่าใช้จ่ายสิ้นเปลือง จึงย้ายมาพักร้านกาแฟชื่อว่า โอโตริ พร้อมทั้งช่วยทำงานพิเศษไปในตัวด้วยเพื่อแลกกับค่าเช่าอีกที โดยพักห้องเดียวกับเรน แม้ชินจิล้างจานและบริการแย่ แต่กลับสามารถทำอาหารได้เก่งจนโกโร่มาขอให้สอนทำเกี๊ยวซ่าให้ หลังจากที่ได้เป็นมาสค์ไรเดอร์ทำให้ชินจิคิดแค่ช่วยชีวิตคนกับหาความหมายของชีวิตพร้อมทั้งคอยห้ามไม่ให้ไรเดอร์สู้กันเองตามแผนของคันซากิ ชิโร่ แต่ล้มเหลวจนมีไรเดอร์ตายไปมาก แม้ได้รับการ์ดเซอร์ไวฟ์แห่งเปลวเพลิงจากชิโร่เป็นและต้องการให้ยุติเกมเร็ว แต่ชินจิยังต่อสู้เพื่อกำจัดมอนสเตอร์และหยุดการต่อสู้ของไรเดอร์เช่นเดิม
ในตอนท้ายชินจิได้สละชีพตนเอง เพราะการปกป้องเด็กจากฝูงมอนสเตอร์จนถูกทำร้ายสาหัส ตอนที่ไม่ได้แปลงร่างกับฝืนสู้จนเสียชีวิตในที่สุด
ในตอนพิเศษทางทีวี ชินจิได้เป็นมาสค์ไรเดอร์ ขณะกำลังไปหาข่าวและถูกดึงเข้าไปในโลกกระจก และกำลังจะถูกมอนสเตอร์เล่นงาน แต่ได้ชายที่ชื่อ "ซากากิบาระ" เข้ามาช่วยชีวิตไว้ และก่อนที่จะซากากิบาระจะสลายร่างไป ก็ได้มอบเวนท์เด็คของตนให้ชินจิพร้อมเตือนไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการต่อสู้ของไรเดอร์ และมอบรายชื่อของผู้ที่เป็นมาสค์ไรเดอร์ให้ พอชินจิออกมา ก็ได้ไปตระเวนหาผู้ที่เป็นไรเดอร์ เพื่อเกลี้ยกล่อมให้ยุติการต่อสู้ แต่ไม่มีใครฟัง ในตอนท้าย ชินจิได้รับเวนท์เด็คของไนท์มาจากเรน จึงใช้มันต่อสู้กับเหล่าไรเดอร์คนอื่น แทนที่เวนท์เด็คริวคิของตน ที่ถูกโอดินทำลายไป
แต่หลังจากถูกรีเซ็ตในโลกใหม่ ชินจิยังทำหน้าที่เป็นนักข่าวอยู่เหมือนเดิม
อาคิยามะ เรน (秋山 蓮) / มาสค์ไรเดอร์ไนท์ (仮面ライダーナイト)
อายุ 24 ปี [8] ชายหนุ่มผู้ชื่นชอบการต่อสู้ของไรเดอร์ เพราะต้องการที่จะช่วยเอริในช่วงวันเกิดเหตุในห้อง 401 ถูกคันซากิ ชิโร่ชวนเป็นไรเดอร์ มีนิสัยสุขุมเงียบขรึมในช่วงแรกมักหัวเสียกับชินจิอยู่บ่อยครั้ง แต่ด้วยความช่วยเหลือของชินจิทำให้ทัศนคติของเรนเปลี่ยนไปจากสู้เพื่อตัวเองมาเป็นสู้เพื่อความสงบสุขและพร้อมจะร่วมมือกับชินจิจนสนิทกัน จึงขอให้คันซากิ ชิโร่เรียกโอดีนออกมาท้าสู้กัน เรนชนะกับคิดไปสู้กับไรเดอร์คนที่เหลือต่อเพื่อจบเกม แต่พอยุยมาบอกว่าเอริฟื้นจึงเลิกสู้ชั่วคราวกับรีบไปหาเอริกับใช้เวลาด้วยกัน ในตอนท้ายเรนและชินจิช่วยกันกำจัดฝูงมอนสเตอร์สำเร็จ จนชินจิตาย เรนเสียใจมากจึงคิดไปท้าสู้ตัดสินกับโอดีนครั้งสุดท้าย เพราะคิตาโอกะโรคร้ายกำเริบใกล้ตาย กับอาซาคุระถูกตำรวจล้อมจนมุมไปไหนไม่ได้ ตนมีสิทธิคือไรเดอร์คนสุดท้ายที่เหลือรอดหลังจากต่อสู้กับโอดีนและได้รับชัยชนะเค้าก็กลายเป็นไรเดอร์คนสุดท้าย และได้ช่วยชีวิตเอริได้สำเร็จ แต่เรนเองก็ได้เสียชีวิตลงจากบาดเจ็บในการต่อสู้ โดยก่อนตายได้รีบไปอยู่เคียงข้างเตียงคนไข้ของเอรินั้นเอง
ในตอนพิเศษทางทีวี เรนได้เป็นมาสค์ไรเดอร์ที่ตั้งใจที่ต่อสู้เพื่อตนเองเพียงอย่างเดียว แต่หลังจากได้เจอกับชินจิก็เริ่มเปลี่ยนไป ตอนท้าย เรนได้สละชีวิตตัวเองเข้าปกป้องชินจิจากไฟนอลเวนท์ของเวอร์เด้ ก่อนจะใช้ไฟนอลเวนท์ของตัวเอง โจมตีสวนกลับจนเวอร์เด้ถึงแก่ความตาย และก่อนตายก็ได้มอบเวนท์เด็คของตนให้กับชินจิ เพื่อให้ชินจิต่อสู้แทนตนเองต่อไป
มาซาชิ ชูโด (須藤 雅史) / มาสค์ไรเดอร์ซิสเซอร์ส (仮面ライダーシザース)
ปรากฏตัวในตอนที่ 4 - 6 อายุ 28 ปี[9] เป็นนายตำรวจสถานีโคตาเกะ[10] ที่มีนิสัยคดโกงและโหดร้าย รับสินบนจากประชาชน ต่อมาเกิดความขัดแย้งกับผู้ร่วมขบวนการจึงสังหารและอำพรางศพโดยการโบกปูนที่ร้านขายของเก่า ทำให้ได้รับเวนท์เด็คจากชิโร่ จึงสนใจการต่อสู้เพราะอยากหลบหนีความผิดและส่งมอนสเตอร์ไปสังหารผู้ที่ล่วงรู้การฆาตกรรมและสืบสาวถึงตัวแต่มีพลังต่อสู้ต่ำแต่เมื่อร่วมสู้กับโวลแคนเชอร์มีพลังต่อสู้ได้มากที่สุด เสียชีวิตจากการถูกมอนสเตอร์ของตัวเองกินเป็นอาหารหลังจากเวนท์เด็ดของตนถูกเรนทำลาย
ในตอนพิเศษทางทีวี ปรากฏตัวเข้ามาตีสนิทกับชินจินเข้าร่วมการหยุดการต่อสู้ แต่ได้ลอบทำร้ายและหวังจะกำจัดไรเดอร์ทั้งหมด จนสุดท้ายถูกมาสค์ไรเดอร์โอจาฆ่าด้วยท่าไฟนอลเวนท์
คิตะโอกะ ชูอิจิ (北岡 秀一) / มาสค์ไรเดอร์โซลด้า (仮面ライダーゾルダ)
อายุ 30 ปี[11] นักกฎหมายทนายความชื่อดัง มีนิสัยความเห็นแก่ตัวและชอบซื้ออะไรที่ฟุ่มเฟือยแม้กระทั่งเงินที่ได้มาจากสินบน แต่ป่วยเป็นโรคร้ายไม่มีทางรักษาจึงถูกคันซากิ ชิโร่ชวนเป็นไรเดอร์แลกกับชีวิตอมตะ ช่วงแรกคิดจะต่อสู้เพียงอย่างเดียวแต่สุดท้ายก็ร่วมมือกับพวกชินจิเพื่อปกป้องไม่ให้คนอื่นถูกมอนสเตอร์สังหาร แต่ก็ยังมีเป้าหมายเดิม ตอนปกติสนิทกับพวกชินจิ และมักชอบจีบเรย์โกะโดยการชวนไปเดท แต่พอเป็นไรเดอร์จะไม่แบ่งแยกกลุ่มและมักจะฉวยโอกาสตัดสินสู้ โดยใช้ไฟนอลเวนท์ปิดฉากทั้งมิตรกับศัตรูไปพร้อมกัน แต่ทุกคนหนีทันเสมอ จึงถูกลูกหลงจนสาหัส มักถูกโกโร่ย้ำให้ไปหาหมอเพื่อรักษาโรคร้าย แต่คิตะโอกะไม่ยอมจนรักษาไม่ได้แล้ว จนกระทั่งในตอนที่ 49 คิดไปตัดสินกับอาซาคุระ แต่โรคร้ายกำเริบจนเสียชีวิตไป ทำให้โกโร่จึงไปต่อสู้แทน
ในตอนพิเศษทางทีวี คิตาโอกะยังคงเป็นทนายความและว่าความอาซาคุระถูกจำคุก และภายหลังก็เข้าร่วมกับทาคามิซาวะ เพื่อจัดการกับชินจิและเรน
หลังจากถูกรีเซ็ตในโลกใหม่ คิตะโอกะยังทำหน้าที่เป็นทนายความเหมือนเดิม
เทะสึกะ มิยูกิ (手塚 海之) / มาสค์ไรเดอร์ไรอา (仮面ライダーライア)
อายุ 24 ปี[10] เป็นนักทำนายดวงผ่านเหรียญที่มีพลังในการทำนายแม่นยำสูง เป็นมาสค์ไรเดอร์แทนไซโตะ ยูอิจิเพื่อนสนิทที่ถูกมอนสเตอร์สังหารต่อหน้า แต่การเป็นไรเดอร์นั้นเทะสึกะอยากยุติเกม จึงทำให้กลายเป็นแนวร่วมของพวกชินจิแม้แตกคอกับเรนบ้าง และได้ช่วยเหลือยุยสืบหาความจริงเกี่ยวกับบ้านเก่าของพี่น้องคันซากิ แต่เพราะรู้มากเกินไปทำให้คันซากิ ชิโร่จำเป็นต้องนำเซอร์ไวฟ์การ์ด มอบให้เทะสึกะเพื่อเพิ่มพลังกับตนเองให้จบเกมให้เร็วขึ้น แต่เจ้าตัวกลับมอบเซอร์ไวฟ์การ์ดให้กับเรน ก่อนที่จะต่อสู้กับอาซาคุระในวันถัดไป จนสุดท้ายเทะสึกะเสียชีวิตจากการถูกโจมตีของโอจาโดยผลักริวคิเอาตัวเองมารับแทน โดยที่ก่อนที่จะเสียชีวิตนั้นได้บอกชินจิให้ต่อสู้ตามเจตนาเดิมที่ต้องการ
ในตอนพิเศษทางทีวี เทะสึกะเป็นเพื่อนของเรน และเป็นคนรักเก่าของเอริ มีจุดประสงค์ที่จะยุติการต่อสู้เช่นเดียวกับเรน แต่เสียชีวิตจากการโจมตีของมาสค์ไรเดอร์เวอร์เด้
หลังจากถูกรีเซ็ตในโลกใหม่ เทะสึกะคือหมอดูข้างถนน
ชิบะอุระ จุน (芝浦 淳) / มาสค์ไรเดอร์ไก (仮面ライダーガイ)
อายุ 21 ปี[10] นักศึกษาปี 3 มหาวิทยาลัยเมอิริน คณะเศรษฐศาสตร์ เข้ามาเป็นมาสค์ไรเดอร์เพราะสนใจเพียงแค่เกม[10] เป็นลูกชายของประธานบริษัทแห่งหนึ่ง และเป็นประธานชมรมเกมมีเบื้องหลังการสร้างเกมต่อสู้ควบคุมจิตใจที่มีชื่อว่า แมททริกซ์ โดยนำคนในชมรมมาสู้กัน เพื่อสร้างเกมให้คนทำร้ายกันเอง[10] และเคยเป็นบรรณาธิการคนใหม่ชั่วคราวของ ORE เจอร์นัล โดยการเข้ามาครั้งนั้นได้พยายามเจาะระบบหวังให้คนทั้งเมืองทำร้ายกันเองเหมือนในเกมที่สร้าง แต่กลับถูกเจาะระบบคืนจากชิมาดะ รวมทั้งเคยชิงการ์ดแดร็กเรดเดอร์จากริวคิ แต่ไนท์กับไรอาชิงคืนมาได้ หลังจากนั้นชิบะอุระถูกตำรวจจับในคดีที่ก่อแต่คิตะโอกะมาช่วยว่าความจนพ้นผิด แต่ด้วยการเป็นไรเดอร์เพราะคิดว่าทุกอย่างคือเกมและชอบท้าสู้ตามอารมณ์สนุกเท่านั้น และไม่ยอมให้คนนอกมาเกี่ยวกับการสู้ ในตอนสู้พอมอนสเตอร์ป่วนจะกำจัดก่อน แล้วค่อยสู้กับไรเดอร์ต่ออีกที และพยายามที่จะเกลี้ยกล่อมให้อาซาคุระเข้ามาเป็นพวก โดยล่อให้ไรเดอร์ 5 คนมาสู้ตัดสินกับตนในที่เดียวกันมี โอจา, โซลด้า, ไรอา, ไนท์ และ ริวคิ อย่างไรก็ตามในการต่อสู้ครั้งนั้นชิบะอุระถูกไฟนอลเวนท์ของโซลด้าโดยโอจาใช้มาเป็นโล่ห์บังแทนจนสาหัสและถูกไฟนอลเวนท์ของโอจาซ้ำจนระเบิดเสียชีวิตไป
ในตอนพิเศษทางทีวี ชิบะอุระเป็นนักเล่นเกมตู้อาเขตชื่อดัง พยายามที่จะต่อสู้ให้ชนะแต่ถูกกลุ่มมอนสเตอร์สไปเดอร์จู่โจมและถูกกินไปในที่สุด
อาซาคุระ ทาเคชิ (浅倉 威) / มาสค์ไรเดอร์โอจา (仮面ライダー王蛇)
อายุ 25 ปี[11] วันเกิดวันที่ 10 เมษายน ค.ศ. 1977[12][11] เป็นฆาตกรต่อเนื่องก่อหลายคดีที่ถูกจับกุมเป็นนักโทษที่แหกคุกมาเนื่องจากได้ถูกชักชวนเป็นไรเดอร์เพื่อที่จะเร่งให้จบเกมเร็วขึ้น มีนิสัยที่โหดร้ายและชั่วช้าเป็นอย่างมาก มีเป้าหมายหลักคือกำจัดคิตะโอกะเนื่องจากเคยเป็นทนายความของตนแต่ไม่ให้พ้นผิดจึงคิดจะต่อสู้ตัดสินกับคิตาโอกะให้ได้ ในบางทีชวนไรเดอร์คนอื่นให้มาสู้กับตนเพื่อพิสูจน์ว่าตนนั้นเก่งกาจ แม้ถูกจับแต่ก็แหกคุกหนีได้ทุกครั้งหรือถูกคันซากิ ชิโร่แนะนำให้รีบกำจัดไรเดอร์ที่เป็นตัวปัญหา ให้จบเกม แม้ว่าชอบสู้แบบยุติธรรมก็ตาม นอกจากนี้ยังเป็นไรเดอร์ที่ได้ทำสัญญามอนสเตอร์ประจำตัวของไรเดอร์ที่ถูกฆ่ามาแล้วมาเป็นพวก ทำให้มีพลังที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ในอดีตมีครอบครัวอยู่อย่างมีความสุข ตอนอายุ 13 ปี บ้านเกิดเหตุไฟไหม้ อาซาคุระรอดตายคนเดียว เร่ร่อนก่อคดีไปทั่วนับแต่นั้น แต่พอได้ยินจากเรย์โกะว่าอากิระน้องชายของเขา รอดตายถูกญาติรับเลี้ยงเปลี่ยนชื่อจึงอยากพบเจอ พอพบน้องชาย จึงเผยว่าในวันเกิดเหตุ ตนจงใจฆ่าทั้งบ้านเองกับมือ เพราะอิจฉาที่พ่อแม่รักแต่น้องชาย และใช้เวโนสเนเกอร์กินน้องชายไป โดยไม่รู้สึกผิด
ชีวิตนอกคุกคอยล่าสัตว์ข้างถนนหรือปล้นของร้านสะดวกซื้อประทังชีวิต บางครั้งก็บุกเข้าบ้านคิตาโอกะเพื่อไปขโมยอาหารกิน กับซ่อนตัวในรังเก่าแถวบ้านเกิด หรือที่รกร้าง เช่นโกดังร้าง ในตอนสุดท้าย ตนถูกตำรวจล้อมไว้นอกโกดัง จึงติดต่อท้าสู้ตัดสินกับคิตะโอกะ หลังจากที่เขารู้ว่าสู้กับโซลด้าจนชนะ แต่เป็นโกโร่ที่มาสู้แแทน เพราะคิตาโอกะเสียชีวิตก่อนที่จะท้าสู้ จึงโกรธที่ไม่ได้ตัดสินและวิ่งไปให้ตำรวจวิสามัญจนเสียชีวิต
แต่หลังจากถูกรีเซ็ตในโลกใหม่ อาซาคุระเป็นนักเลงทั่วไป
ในตอนพิเศษทางทีวี อาซาคุระเป็นมาสค์ไรเดอร์โอจาตั้งแต่แรก แต่หลังจากที่พ่ายแพ้จึงถูกติดคุกในเรือนจำและถูกควบคุมเป็นพิเศษแต่กลับใช้วิธีตุกติกทำให้รอดและแหกคุกออกมาได้ เป็นผู้ที่กำจัดซิสเซอร์สและเป็นผู้ท้าสู้กับริวคิ, ไนท์ และโซลด้า
โทโจ ซาโตรุ (東條 悟) / มาสค์ไรเดอร์ไทกะ (仮面ライダータイガ)
อายุ 25 ปี [10] ต้องการที่จะเป็นไรเดอร์เพราะอยากเป็นวีรบุรุษ[10] เพื่อให้ทุกคนยอมรับ เป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเซเมอิน และเป็น 1 ในกลุ่มผู้ต้องการปิดมิเรอร์เวิลด์พร้อมกับ ฮาจิเมะและฮิเดยูกิ ได้รับเวนท์เด็คจากคันซากิ ชิโร่ ในช่วงแรกได้เข้ามาทำงานร้านอาโทริเพื่อที่จะพยายามสังหารยุยผู้ที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดตามคำสั่งของฮาจิเมะ ด้วยนิสัยเก็บกดลุ่มหลงมากเกินไป จึงได้ฆ่าผู้มีพระคุณอย่างฮิเดยูกิ, ฮาจิเมะและซาโนะ เพราะเชื่อว่าทุกคนอ่อนแอและมีทางเดียวที่ทำให้แกร่งขึ้นได้ จนเหลือตัวคนเดียว ไล่ท้าสู้ไรเดอร์ที่เหลือนั่นก็คือโซลด้าและโอจาแต่พ่ายแพ้ จึงล่อ 3 ไรเดอร์มาสู้ตัดสินกับตน ซึ่งมีไนท์, โซลด้า, โอจา โดยโทโจราดน้ำมันใส่รถที่อาซาคุระขโมยมาและตั้งกับดักไว้ทำให้ รถจะระเบิดฆ่าคนที่เหลือ และรอจังหวะให้ทุกคนสู้กันจนสาหัส แล้วค่อยเผด็จศึกในตอนท้าย แต่เพราะฝูงมอนสเตอร์ป่ามาป่วนจนแผนพัง โทโจเสียท่าโอจากับโซลด้าจึงหนีไปตั้งหลัก แต่อาซาคุระถูกลูกหลงจนรถระเบิดแต่หนีไปได้ โทโจที่คิดว่าแผนสำเร็จ จึงเดินเซพเนจรไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเมื่อเห็นรถบรรทุกกำลังขับชนพ่อลูกที่กำลังข้ามถนน โทโจนึกถึงฮิเดยูกิกับยูตะและไม่อยากให้ใครต้องเสียใจจากการสูญเสียคนสำคัญไป เหมือนตอนที่โทโจฆ่าฮิเดยูกิเพราะการอยากเป็นวีรบุรุษเพื่อตัวเอง จนยูตะต้องเศร้าที่ต้องสูญเสียพ่อไป จึงวิ่งไปช่วยพ่อลูกคู่นั้นบนทางม้าลายไว้จนถูกรถชนเสียชีวิต หลังจากถูกรถบรรทุกชนโทโจได้รู้ความหมายของวีรบุรุษที่แท้จริงจนเสียชีวิตไป หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นได้ถูกลงข่าวหนังสือพิมพ์ว่าเป็นวีรบุรุษแม้ว่าข่าวนั้นจะอยู่ในหัวข่าวเล็กก็ตาม
หลังจากถูกรีเซ็ตในโลกใหม่ โทโจเป็นนักศึกษาจบใหม่ที่ออกหางาน ที่ซุ่มซ่ามไปเจอชินจิโดยบังเอิญ
ซาโนะ มิทสึรุ (佐野 満) / มาสค์ไรเดอร์อิมเพอเลอร์ (仮面ライダーインペラー)
อายุ 21 ปี[13] ทำงานเป็นอาชีพรูปแบบฟรีเตอร์ ทำงานเลี้ยงชีพด้วยยามที่จอดรถใต้ดิน พ่อของเขาเป็นประธานบริษัท แต่ถูกทอดทิ้งไปเมื่อ 2 ปีก่อน เข้ามาเป็นมาสค์ไรเดอร์เพื่อมีเป้าหมายเงินเท่านั้นโดยใช้วิธีรับเงื่อนไขที่ได้ประโยชน์ต่อตนเอง มีนิสัยประจบสอพลอในช่วงแรกมักจะเรียกชินจิว่ารุ่นพี่และติดตามไรเดอร์คนอื่นๆ เพื่อหวังผลประโยชน์ของตัวเอง แต่ว่าพอไปขอร่วมทีมกับใครมักจะถูกปฏิเสธทุกครั้ง จึงทำให้ไปร่วมทีมของโทโจและฮาจิเมะโดยรับคำสั่งให้ปิดมิเรอร์เวิลด์และสังหารยุย แต่พอฮาจิเมะถูกโทโจฆ่าตายแล้วบาดเจ็บและเร่ร่อน ซาโนะช่วยชีวิตโทโจจนเป็นเพื่อนกัน แต่ว่าพ่อของเขาเสียชีวิตและซาโนะได้รับมรดกจากพ่อทำให้เป็นประธานบริษัทคนใหม่ กับมีคู่หมั้นในงานดูตัวจะแต่งงานในอีกไม่นาน จึงคิดถอนตัวจากการเป็นไรเดอร์เพราะได้จุดประสงค์เป้าหมายที่ต้องการแล้ว แต่คันซากิ ชิโร่ไม่ยอม ทำให้ซาโนะจำใจที่จะเลือกเป็นไรเดอร์ และร่วมมือกับโทโจกำจัดไรเดอร์ที่เหลือเพื่อจบเกม จนในการต่อสู้ไรเดอร์ครั้งนั้นซาโนะกลับถูกไฟนอลเวนท์ของไทกะที่ทรยศและถูกไฟนอลเวนท์ของโอจาโจมตีซ้ำในช่วงที่กำลังหลบหนีกลับตั้งหลัก จนทำให้เวนท์เด็คถูกทำลายไม่สามารถออกจากมิเรอร์เวิลด์ได้จนทำให้ร่างกายสูญสลายไปในที่สุด
ทาคามิซาวะ อิตสึโร่ (高見沢 逸郎) / มาสค์ไรเดอร์เวอร์เด้ (仮面ライダーベルデ)
ปรากฏตัวในตอนพิเศษทางโทรทัศน์ อายุ 38 ปี[13] เป็นประธานกรรมการบริษัททาคามิซาวะกรุ๊ปที่มีชื่อเสียงในประเทศ เข้าร่วมในการต่อสู้ เพียงเพื่อต้องการอำนาจและเงินตราโดยไม่สนใจว่าจะได้มาอย่างไร แต่ท้ายที่สุดถูกมาสค์ไรเดอร์ไนท์เซอร์ไวฟ์ที่ชินจิแปลงร่างอยู่โจมตีไฟนอลเวนท์ใส่
มาสค์ไรเดอร์โอดีน (仮面ライダーオーディン)
มาสค์ไรเดอร์ปริศนาที่เป็นตัวแทนของคันซากิ ชิโร่ และไม่เผยตัวตนที่แท้จริง มีพลังสูงที่สุดและเป็นมาสค์ไรเดอร์คนที่ 13 ไม่เผยตัวตนจริง แต่ใช้บุคคลอื่นๆ ที่ถูกใช้เป็นหุ่นเชิดในรอบสุดท้าย แม้ใครตายคันซากิ ชิโร่จะหาใหม่อีก คนที่มีสิทธิ์สู้กับโอดีนได้คือ ต้องเป็น 1 ใน 12 ไรเดอร์ที่เหลือรอด หรือไรเดอร์คนไหนขอคันซากิ ชิโร่ท้าสู้กับโอดีน[14]

ไรเดอร์เทียม

[แก้]
นาคามุระ ฮาจิเมะ (仲村 創) / อัลเทอนาทีฟ (オルタナティブ)
อายุ 27 ปี เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเซเมอิน ในช่วงแรกปรากฏตัวเขาเป็นหนึ่งในนักศึกษาที่ทำงานวิจัยของศาสตราจารย์เอจิมะในห้องวิจัยที่ 401 แต่ด้วยเหตุการณ์การทดลองของคันซากิ ชิโร่ เริ่มทดลองทำให้เขาโกรธแค้นอย่างมากที่ทำให้เพื่อนร่วมห้องวิจัยที่ถูกมอนสเตอร์สังหารโดยที่วันเกิดเหตุนั้นฮาจิเมะไม่อยู่ที่นั่น จึงทำให้มีความแค้นต่อชิโร่รวมไปถึงยุยผู้เป็นน้องสาว ในตอนที่ 35 ฮาจิเมะได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ที่ปิดมิเรอร์เวิลด์ร่วมกันกับโทโจและอาจารย์คากาวะ และได้เวนท์เด็ดอัลเทอร์เนทีฟ มีนิสัยใจร้อนและโมโหง่าย คิดฆ่ายุยเพื่อยุติเรื่องทั้งหมด เพื่อแก้เแค้นให้กับคนในห้องทดลองในวันเกิดเหตุซึ่งผิดกับหลักการณ์เสียสละเพื่อส่วนรวมของคากาวะ สุดท้ายถูกมาสค์ไรเดอร์ไทกะสังหารด้วยท่าไม้ตายคริสตัลเบรก
คากาวะ ฮิเดยูกิ (香川 英行) / อัลเทอนาทีฟ ซีโร่ (オルタナティブ・ゼロ)
อายุ 37 ปี เป็นอาจารย์ของมหาวิทยาลัยเซเมอิน เป็นผู้ที่ได้ล่วงรู้ข้อมูลแฟ้มวิจัยของคันซากิ ชีโร่ที่มีข้อมูลการสร้างของมาสค์ไรเดอร์ ด้วยความจำที่ดีมากที่เห็นข้อมูลวิจัยโดยบังเอิญแค่ครั้งเดียว จึงได้นำไปต่อยอดไปสร้างไรเดอร์รูปแบบใหม่ขึ้นมาและสร้างแอดเวนท์การ์ดเฉพาะตัวขึ้นมาเพื่อปิดมิเรอร์เวิลด์โดยมีแนวคิดที่ว่าต้องการจะเป็นวีรบุรุษเพื่อเสียสละบางอย่างเพื่อส่วนรวม พร้อมสร้างทีมขึ้นมามีนาคามุระกับโทโจเป็นลูกทีม ที่ตั้งหลักคือห้องวิจัย 401 ของมหาวิทยาลัยเซเมอิน ไม่คิดฆ่าโดยที่ไม่จำเป็นแม้ว่ามิตรกับพวกพ้องจะอ่อนแอหรือไม่ มักคอยสอนให้โทโจเกี่ยวกับแนวคิดวีรบุรุษและชีวิตแบบปกติไปพร้อมกัน ในตอนที่ 40 คันซากิ ชิโร่ ใช้ยูตะและโนบุโกะ ลูกชายและภรรยาของฮิเดยูกิเป็นตัวประกันเพื่อให้คากาวะเลิกล้มแผนการปิดมิเรอร์เวิลด์ แต่คาวากะไม่ยอมและยังต้องการที่จะมีจุดประสงค์นี้เหมือนเดิม แต่ชินจิได้ช่วยชีวิตไว้ทั้งสองคน คากาวะจึงรู้สึกขอบคุณ แต่ว่าในตอนที่ 42 คากาวะถูกไทกะใช้ไฟนอลเวนท์สังหาร โดยที่โทโจได้อุ้มศพคากาวะจนสูญสลายไป

ผู้เกี่ยวข้องกับมาสค์ไรเดอร์

[แก้]
คันซากิ ยุย (神崎 優衣)
น้องสาวของชิโร่ เกิดวันที่ 19 มกราคม ค.ศ. 1983 อายุ 19 ปี ผู้เป็นชนวนเหตุของเรื่อง มีความสามารถพิเศษในการมองเห็นศัตรูจากมิเรอร์เวิลด์และควบคุมศัตรูได้ โดยไม่มีการ์ดเด็ค แต่แท้จริงแล้วศัตรูที่มาจากมิเรอร์เวิลด์มาจากการวาดเล่นของเธอเมื่อครั้งวัยเยาว์ แต่ก็จำอดีตในสมัยเด็กเรื่องพ่อแม่ไม่ได้ จได้แค่เรื่องเกี่ยวกับชิโร่ที่เป็นพี่ชายเทานั้น และซานาโกะก็ไม่เคยบอก ในช่วงใกล้วันเกิดอายุครบ 20 ปี ซานาโกะได้เล่าความจริงว่าพ่อแม่นั้นทารุณลูก ส่วนชิโร่คอยปกป้องยุยเสมอมา จนได้รู้ว่าไรเดอร์สู้กันเพราะเป็นเกมของพี่ชาย จนชินจิเกือบฆ่าเรน ยุยกลับมาจำได้ว่ายุยตัวจริงนั้นเสียชีวิตไปตั้งแต่เด็กแล้ว แต่ที่มีชีวิตอยู่ได้ เพราะยุยที่เป็นเงาในกระจกทำสัญญากับคันซากิ ชิโร่ ทำให้ฟื้นคืนชีพให้กลับมาชีวิต แต่ยืดอายุไปถึง 20 ปีเท่านั้น ยุยรู้สึกเสียใจกับทุกสิ่งจึงขอให้ทุกคนหยุดสู้กันแตjไร้ผล ยุยเลือกที่จะสลายหายไปก่อนเวลากำหนด โดยหวังให้ทุกคนหยุดสู้กันเพื่อชีวิตของยุย
คันซากิ ชิโร่ (神崎 士郎)
ชายหนุ่มวัย 25 ปี เกิดวันที่ 29 กันยายน ค.ศ. 1977 เป็นผู้ชักชวนให้มนุษย์ทุกอาชีพเข้ามาเป็นมาสค์ไรเดอร์และเป็นผู้สร้างมิลเรอร์เวิลด์
ในช่วงสมัยเด็กหลังจากที่พ่อแม่ได้เสียชีวิตไปได้อยู่อาศัยกับยุย แต่ยุยก็ป่วยจนเสียชีวิต ทว่ายุยอีกคนที่อยู่ในโลกกระจกเข้ามาทำสัญญาคืนชีพให้ยุยตัวจริง แต่ยืดอายุไปถึง 20 ปีเท่านั้น จากนั้นก็ใช้ให้ยุยวาดพวกมอนสเตอร์ขึ้นมา อย่างไรก็ตามก็ได้ไปเรียนต่ออยู่ในประเทศอเมริกา โดยได้เปลี่ยนนามสกุล ทาคามิ (高見) และพอได้ร่วมทำการวิจัยในมหาวิทยาลัย เอริถูกลูกหลงจนโคม่าเพราะการวิจัยและใช้ภาพวาดของยุยสร้างมอนสเตอร์ ส่งไปมิลเลอร์เวิลด์ แม้คันซากิ ชิโร่ ตัวจริงเสียชีวิตไปแล้วในสมัยที่อยู่ประเทศอเมริกา แต่ก่อนตายเขาได้ทำการโอนความคิดตัวเองสร้างร่างคัดลอกในมิลเรอร์เวิลด์ ร่างไร้ตัวตนสั่งการบังคับฝูงมอนสเตอร์ได้และสร้างเวนท์เด็ค จนถึงตอนที่ทำการทดลองจนเอริโคม่า ผลการทดลองทำให้ร่างไร้ตัวมีเวลาอยู่บนโลกปกติน้อยเวลาเดิม ให้ไรเดอร์มาสู้กันเพื่อหาผู้เหลือรอดเพียงคนเดียว จะได้ใช้โอดีนไปสู้ในศึกรอบสุดท้ายโดยกำจัดเอาพลังชีวิตของคนนั้นมาเป็นชีวิตใหม่ให้ยุยมีชีวิตต่อ โดยไม่สนใจถึงความเสี่ยงใดๆ พอยุยมีภัยหรือหายไป จะให้ไรเดอร์หยุดสู้กันชั่วคราวจนกว่าจะหาเจอ ถ้าไรเดอร์คนไหนถอนตัว หรือใครที่ถูกชวนไม่ยอมเป็นไรเดอร์ หรือใครที่ไม่ใช่ไรเดอร์ที่เช้ามารู้เรื่องพวกนี้จะส่งมอนสเตอร์ไปสังหารพื่อฆ่าปิดปาก
โดยร่างที่ปรากฏของคันซากิ ชิโร่ คือร่างถูกคัดลอกก่อนตายของตัวจริง เป็นเงาสะท้อนในมิลเรอร์เวิลด์ และมักจะโผล่มาในโลกจริงได้ชั่วคราวแล้วหายไป เคลื่อนที่ไปมาผ่านเงากระจกหรือสิ่งที่สะท้อนแสง เช่นวัตถุเรืองแสงที่สะท้อนแสงหรือน้ำจากแม่น้ำเท่านั้น โดยซ่อนตัวอยู่ในบ้านเก่าของพี่น้องคันซากิ โดยในบ้านนั้นได้ขังฝูงมอนสเตอร์ไว้ในเงาในกระทุกบานภายในบ้าน
ในตอนสุดท้าย ไรเดอร์เหลือ 4 คน ยุยทำใจเลือกสลายหายไปเอง ชิโร่ยอมรับไม่ได้จึงส่งฝูงมอนสเตอร์ทั้งหมดไปอาละวาดทั่วเมือง ชินจิกับเรนยับยั้งทัน แต่ชินจิตาย, คิตาโอกะโรคกำเริบตาย, อาซาคุระถูกตำรวจยิงวิสามัญ เรนคือคนเดียวที่มีสิทธิท้าสู้ตัดสินกับโอดีน พอตนเริ่มยอมรับและทำใจได้จึงยอมรีเซ็ตโลกใหม่ โดยที่สร้างโลกที่ไม่มีการต่อสู้ของไรเดอร์ ซึ่งนั่นก็คือพี่น้องคันซากิ ชิโร่และยุย เสียชีวิตในสมัยเด็ก ทุกคนที่เคยเป็นไรเดอร์ได้กลับมาชีวิตของตัวเองในโลกใหม่อย่างมีความสุข
โอคุโบะ ไดสุเกะ (大久保 大介)
บรรณาธิการของ ORE Journal อายุ 36 ปี เป็นรุ่นพี่ของชินจิในช่วงสมัยเรียนอยู่มหาวิทยาลัย เดิมเคยเป็นนักข่าวจากสำนักข่าวรายใหญ่แห่งหนึ่งแต่ได้ลาออกแล้วตั้งสำนักข่าวของตัวเองขึ้นมา โดยยึดมั่นหลักความจริงในการเสนอข่าว มีความกระตือรือร้นมุ่งมั่นในการสร้างสื่อมวลชนเป็นอย่างมาก แม้ว่าชินจิจะมีปัญหาเข้ามาแต่เขายังเข้าใจและไว้วางใจอยู่จึงทำให้ชินจินับถือเป็นพี่ชาย
อย่างไรก็ตามในช่วงที่ชินจิได้เข้าร่วมไรเดอร์แบทเทิล เขาเริ่มสงสัยในพฤติกรรมของชินจิที่มักจะโดดงานและทิ้งงาน และเนื่องจากความไว้วางใจที่ให้กับชินจิทำให้ไม่ไล่ออก แต่หักเงินเดือนแทน ต่อมาเมื่อรู้เกี่ยวข้องกับมิเรอร์เวิลด์และไรเดอร์แบทเทิลเช่นเดียวกับเรโกะ จากภาพถ่ายติดมอนสเตอร์ในโลกกระจกที่ออกสื่อ ทำให้บริษัทปิดตัวชั่วคราว จึงไปพักอาศัยที่ร้านโอโตริที่ชินจิทำงานเสริม แต่คอยช่วยงานเฝ้าร้านกับทำงานข่าวไปพร้อมกัน จนกลับมาเปิดบริษัทได้อีกครั้ง และเมื่อรู้ว่าชินจิคือมาสค์ไรเดอร์เขาได้ให้คำแนะนำจากรุ่นพี่อย่างโอคุโบะ
โมโมอิ เรโกะ (桃井 令子)
นักข่าวหญิงของสำนักข่าว ORE Journal อายุ 24 ปี ทำหน้าที่ทำข่าวเกี่ยวข้องกับบุคคลที่หายสาบสูญไปอย่างลึกลับและได้ตามสืบเรื่องคันซากิ ชิโร่ มักถูกคิตะโอกะจีบกับชวนเดทเสมอ แม้ไม่ได้คบกันแต่ก็หึงคิตะโอกะบ่อย พอพบคดีคนหายสาปสูญในสถาที่มีเงากระจกบ่อยขึ้น มีเงาคันซากิ ชิโร่ในคดีอาซาคุระ ทาเคชิแหกคุก แต่คันซากิ ชิโร่ก็ใช้มอนสเตอร์ฆ่าปิดปากผู้เกี่ยวข้องก่อนเรโกะทำข่าว เรโกะจึงไปสืบต่อที่อเมริกาพบหลักฐานการเสียชีวิตจริงของคันซากิ ชิโร่
ชิมาดะ นานาโกะ (島田 奈々子)
ซิสเต็มเอนจิเนียร์ของสำนักข่าว ORE Journal อายุ 25 ปีชอบเลี้ยงสัตว์ประเภทกิ้งก่าอิกัวน่าชื่อว่ามาริริน ทำหน้าที่ทำเว็บไซต์ให้กับทางสำนักข่าวและมีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์ได้เป็นอย่างดี ในช่วงที่ชิบะอุระยึดสำนักข่าวได้ทำการสร้างไวรัสที่ทำลายโปรแกรมที่ไม่สามารถเจาะระบบได้ในเวลาอันสั้น แม้ว่าทักษะของเธอในฐานะโปรแกรมเมอร์จะอยู่ในระดับสูงสุด แต่ว่าเธอมีบุคลิกที่สามารถพูดในสิ่งที่เขาต้องการพูดได้ทันที
อาซาโนะ เมกุมิ (浅野 めぐみ)
อดีตเลขาและบอดี้การ์ดเก่าของทนายคิตะโอกะมีนิสัยซุ่มซ่าม อายุ 25 ปี โดนจ้างมา 3 ปี เพราะมีทักษะต่อสู้เก่ง แต่คิตะโอกะทนนิสัยความซุ่มซ่ามของเธอไม่ไหวจึงถูกไล่ออก จึงมาเปิดร้านราเมนแถวชายหาด พอผ่านไป 1 ปี จึงมาแก้แค้นหลอกว่าเคยหมั้นและได้มาป่วนคิตะโอกะ จนพวกชินจิหลงเชื่อ ไปรุมคิตะโอกะ แต่โกโร่ถามผลตรวจจากหมอจากรู้ว่าเมกุมิป่วยเพราะความดันต่ำกับเตรียดมากไป จึงเลิกป่วนคิตะโอกะ ต่อมาได้มาทำงานเป็นเจ้าหน้าที่สำนักข่าว ORE Journal โดยมักจะชอบทะเลาะกับชิมาดะเป็นประจำ
คันซากิ ซานาโกะ (神崎 沙奈子)
ป้าของชิโร่ และ ยุย อายุ 45 ปี มีกิจการร้านชาและกาแฟชื่อว่า โอโตริ (花鶏) มีงานอดิเรกส่วนตัวคือการเดินทางไปสถานที่ต่างๆ ที่ไม่ได้ไป และเมื่อมีรายได้จากการทำกิจการของตัวเองมากพอ ก็มักจะไปเดินทางในต่างประเทศด้วย ชื่นชอบเดินทางที่เทือกเขาหิมาลัยและเป็นสมาชิกกลุ่มแอมะซอนคลับที่ทำหน้าที่ในการจัดทัวร์ป่าแอมะซอน เป็นผู้ให้ชินจิและเรนไปทำงานเสริมให้ร้านในช่วงเวลาที่ว่าง
อย่างไรก็ตามซานาโกะเป็นอีกคนหนึ่งที่รู้ว่าชิโร่เสียชีวิตที่อเมริกา และเชื่อว่า ยุยจะหายไปตอนอายุ 20 ปี
โองาวะ เอริ (小川 恵里)
คนรักของเรนอายุ 24 ปี และเป็นผู้ร่วมวิจัยมิเลอร์เวิลด์แต่เกิดอุบัติเหตุทำให้โคม่าจากเหตุการณ์ระเบิดห้องทดลอง โดยที่ดาร์ควิงก์หมายจะเอาชีวิตไปด้วย และเคยเป็นคนรักเก่าของเทะสึกะ
ยูระ โกโร่ (由良 吾郎)
บอดี้การ์ดของทนายคิตาโอกะ อายุ 25 ปี มีความสามารถในด้านการต่อสู้ การทำอาหาร และงานบ้านในระดับสูงกว่าเมกุมิ โดยคิตะโอกะจะเรียกว่า โกโร่จัง และนับถือคิตาโอกะว่าเป็นอาจารย์ สาเหตุที่มาทำงานให้คิตาโอกะ เพราะหลังจากคิตาโอกะไล่เมกุมิออกไปไม่นาน ก็ได้พบโกโร่ที่กำลังมีเรื่องทะเลาะกับนักเลงแต่คิตะโอกะมาช่วยไว้ทัน จึงนับถือเป็นผู้มีพระคุณมาทำงานกับคิตะโอกะ รู้เรื่องไรเดอร์แต่ไม่ได้เป็นกับถูกใจการต่อสู้ของคิตะโอกะจึงคอยปฐมพยาบาลรักษาคิตะโอกะหลักสู้เสร็จ ในตอนสุดท้าย คิตะโอกะมีนัดสู้ตัดสินกับอาซาคุระ ซึ่งตรงกับวันที่นัดเดทเรย์โกะ แต่คิตะโอะเสียชีวิตก่อน โกโร่จึงเป็นผู้แปลงร่างมาสค์ไรเดอร์โซลด้าต่อจากคิตะโอกะและได้สู้แทนแต่แพ้และเสียชีวิตไป
ไซโตะ ยูอิจิ (斉藤 雄一)
เพื่อนสนิทของเทะสึกะ เป็นนักเปียโนที่ถูกอาซาคุระทำร้ายร่างกายที่มือจนไม่สามารถเล่นเปียโนได้อีก ถูกคันซากิชวนเป็นไรเดอร์แต่ปฏิเสธ ทำให้ถูกกิลด์ธันเดอร์จับตัวเป็นอาหารต่อหน้าเทะสึกะ ทำให้เทะสึกะจำใจเป็นไรเดอร์แทน
ซากาคิบาระ โคอิจิ (榊原 耕一) / มาสค์ไรเดอร์ริวคิ (仮面ライダー龍騎)
อายุ 28 ปี ในทีวีซีรีส์ตอนที่ 1 เป็นบุคคลที่หายสาบสูญไปเนื่องจากถูกแดร็กเรดเดอร์กินไป พร้อมกล่องเวนท์เด็คไว้ในห้อง โดยที่ชินจิได้เข้าไปในห้องและเก็บมาได้
ในตอนพิเศษทางทีวี เขาคือผู้ที่แปลงร่างเป็นมาสค์ไรเดอร์ริวคิ โดยมีเป้าหมายคือต้องการยุติการต่อสู้ในมิเรอร์เวิลด์ แต่ถูกฝูงมอนสเตอร์โจมตีอย่างหนักจากการปกป้องชินจิที่ถูกฝูงมอนสเตอร์สไปเดอร์จับและดึงตัวไปและได้มอบเวนท์เด็คให้ชินจิเพื่อสืบสานเจตนารมย์เดิม จนทำให้ร่างกายสูญสลายไป

มาสค์ไรเดอร์

[แก้]

ข้อมูลอื่นๆ

[แก้]

เพลงประกอบ

[แก้]
เพลงเปิดเรื่อง
เพลงประจำฉากต่อสู้

รายชื่อตอน

[แก้]

ในสื่ออื่น

[แก้]

ทีวีซีรีส์อื่น

[แก้]

ภาพยนตร์

[แก้]
มาสค์ไรเดอร์ริวคิ : EPISODE FINAL
มาสค์ไรเดอร์กีทส์ x มาสค์ไรเดอร์รีไวซ์ MOVIE แบทเทิลรอยัล (仮面ライダーギーツ×リバイス MOVIEバトルロワイヤル)

ออริจินอลวิดีโอ

[แก้]

เกม

[แก้]

มังงะ

[แก้]

การออกอากาศ

[แก้]

มาสค์ไรเดอร์ริวคิ ออกอากาศทุกวันอาทิตย์เวลา 8:00 น. - 8:30 น. ทางสถานีโทรทัศน์ทีวีอาซาฮิในประเทศญี่ปุ่น ออกอากาศครั้งแรกเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2002 ถึง 19 มกราคม ค.ศ. 2003

ในประเทศไทยเคยออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ทีวีในช่วงแรกออกอากาศทุกวันจันทร์เวลา 17.30 - 18.00 น. ต่อมาได้ย้ายวันและเวลามาเป็นทุกวันพุธเวลา 16.30 - 17.00 น. จนจบเรื่องและได้ออกอากาศอีกครั้งทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ทุกวันเสาร์เวลา 7.30 - 8.00น.ในชื่อ มาสค์ไรเดอร์ริวคิ Limited Edition และผู้ที่ได้รับลิขสิทธิ์คือบริษัท ดรีมเอกซ์เพรส จำกัด ซึ่งได้รับลิขสิทธิ์ทั้งทีวีซีรีส์และตอนพิเศษจากโทรทัศน์ ส่วนลิขสิทธิ์ฉบับภาพยนตร์ ผู้ได้รับลิขสิทธิ์คือ โรสวิดีโอแต่ในภายหลัง บริษัท ดรีมเอกซ์เพรส จำกัด ได้รับสิทธิ์ในการจัดจำหน่ายแทน

อ้างอิง

[แก้]

อ้างอิง

[แก้]
  1. 1.0 1.1 1.2 1.3 1.4 1.5 テレビマガジン特別編集 2004, pp. 76–77, 龍騎成立への道
  2. ユリイカ 2012, p. 13, 國分功一郎白倉伸一郎「存在論的なヒーローのために」.
  3. ユリイカ 2012, pp. 11–12.
  4. ユリイカ 2012, p. 11.
  5. FC 2003, p. 51, 白倉伸一郎「二元論の崩壊」.
  6. 超全集 上巻 2002, p. 86
  7. FC 2003, p. 83, デザイナーズ・バトルロワイヤル
  8. 8.0 8.1 8.2 HF 2003, p. 58.
  9. 超全集 上巻 2002, p. 20.
  10. 10.0 10.1 10.2 10.3 10.4 10.5 10.6 HF 2003, p. 60.
  11. 11.0 11.1 11.2 HF 2003, p. 59.
  12. 超全集 上巻 2002, p. 36.
  13. 13.0 13.1 HF 2003, p. 61.
  14. テレビマガジン特別編集 2004, p. 41.

อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "宇宙船100田崎" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "Newtype" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "fc72" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "fc82" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "chozenshu-ge78" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "chozenshu-ge79" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "NAKED HERO" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "NAKED HERO2" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "NAKED HERO3" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "eureka615p75" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "仮面俳優5" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "仮面俳優47" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "仮面俳優101" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "超解析34" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "超解析72" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "21st4" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "完全超悪140" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "JAE0203" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "JAE0204" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "JAE0205" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "JAE0206" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "JAE0207" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "JAE0208" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "JAE0209" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "JAE0210" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "JAE0211" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "JAE0212" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "JAE0301" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "Yabe" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "cinema_233776" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "zukan1653" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "zukan1661" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "zukan1674" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "zukan1679" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "zukan1695" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "fc79" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "オーディン" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "bodycheck" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "ODF27" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "ODF68" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "ODF創刊" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "ODF20" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "ODF56" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "ODF113" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "ODF96" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "ODF12" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "ODF117" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "ODF41" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "ODF13" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "ODF62" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "ODF28" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "ODF51" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "ODF3" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "ODF38" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "ODF89" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "ODF39" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "ODF85" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "ODF34" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "ODF7" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "ODF46" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "ODF22" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "ODF55" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "ODF63" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "ODF25" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "ODF103" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "ODF44" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "ODF71" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "ODF107" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "ODF22a" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "ODF45" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "ODF24" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "ODF5" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "ODF37" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "ODF54" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "ODF40" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "ODF49" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "ODF98" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "ODF67" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "ODF83" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "ODF56a" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "ODF79" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "ODF118" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "ODF108" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "ODF15" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "ODF47" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "ODF55a" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "ODF114" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "ODF29" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "ODF78" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "ODF35" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "ODF86" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "ODF92" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "ODF13a" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "ODF23" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า

อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ชื่อ "raiasv" ซึ่งนิยามใน <references> ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า

หมายเหตุ

[แก้]

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]